แนะนำพระดี พระเครื่องเด่น เน้นพัฒนา หลวงพ่อมา วัดตึก นนทบุรี

ขอเรียนเชิญพี่ๆๆ น้องๆ
ร่วมแชร์ประการณ์ ธรรมะ คำสอน พระเครื่อง วัตถุมงคล
ของพระอาจารย์มานิต วัดตึก นนทบุรี

ขอใช้พื้นที่ตรงนี้บอกเล่าถึงครูบาอาจารย์สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่น่าเคารพนับถือท่านหนึ่ง

ผู้เป็นที่พึ่งสาธุชน ไม่เลือกชั้นวรรณะ พระผู้มีแต่ให้ ขวัญใจคนจน

 

ประวัติวัดตึก
(โดยสังเขป)
วัดตึก เป็นวัดเก่า สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยใดไม่ปรากฎชัด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ.๒๓๐๐ โดยสังเกตได้จากสิ่งก่อสร้าง ลักษณะของพระพุทธรูปในอุโบสถ คือส่วนต่างๆของอุโบสถมีสภาพเก่าคร่ำคร่า และทรุดโทรมมาก สำหรับพระพุทธรูปในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลาแลง ลงรักปิดทองทั้งองค์ หน้าตักกว้างประมาณ 2 เมตร สูงประมาณ 2 เมตร 40 เซนติเมตร ไม่ทราบชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ทราบเพียงว่ามีพระอาจารย์นิลปกครองอยู่สมัยหนึ่ง แต่จะปกครองอยู่เป็นเวลามากน้อยเท่าใด ไม่ปรากฎหลักฐาน คงตกเป็นวัดร้างอยู่เป็นเวลานานปี จนถึง พ.ศ.๒๔๒๐ พระอาจารย์เปี่ยมเข้ามาจำพรรษา มีความสามารถในการปกครอง จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ปกครองดูแลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วัดนี้มีอุโบสถและศาลาสำหรับชาวบ้านทำบุญอยู่แล้ว แต่มีสภาพทรุดโทรม ใช้ประกอบกิจกรรมต่างๆไม่ได้
เมื่อพระอาจารย์เปี่ยมเข้ามาจำพรรษาและได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสแล้ว ได้ปรับปรุงที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ตลอดจนถึงปกครองพระสงฆ์ให้ดีขึ้น ราว พ.ศ.๒๔๓๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ราว พ.ศ.๒๔๓๕ ทำพิธีผูกพัทธสีมาอุโบสถ จึงใช้ประกอบพิธีสงฆ์ได้อย่างสมบูรณ์ ต่อมาพระอาจารย์ช้อย ติสโส ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ร่วมกับชาวบ้านปรับปรุงให้มีความเจริญก้าวหน้ามาโดยลำดับ ปรากฏหลักฐานดังนี้ คือ
๑. บูรณะอุโบสถครั้งใหญ่ โดยทำการรื้อถอนของเก่าและขยายส่วนต่างๆ ออก บูรณะเสร็จราว พ.ศ.๒๔๕๙
๒. บูรณะฝาผนังอุโบสถที่มีรอยแตกร้าว อันเนื่องจากรากฐานไม่มั่นคง และถูกความกดดันจากส่วนบน บูรณะราว พ.ศ.๒๔๖๙
๓. สร้างเจดีย์ใหญ่องค์หนึ่งที่หน้าบริเวณอุโบสถ คู่กับเจดีย์องค์เก่าที่มีอยู่ก่อน แต่จะสูงใหญ่เท่าใดไม่ได้คำนวณไว้
๔. สร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กตลอดบริเวณหน้าวัด ทิศเหนือจรดหน้าบริเวณกุฏีสงฆ์ ทิศใต้จรดหน้าบริเวณอุโบสถเพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะตลิ่ง
ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหาย ปัจจุบัยเขื่อนดังกล่าวบางส่วนผุพังไปมากแล้ว
ต่อมามีพระสงฆ์จำนวนมากขึ้น เสนาสงฆ์จำกัดไม่พอแก่จำนวนพระสงฆ์อยู่อาศัย จึงบอกบุญไปยังชาวบ้านเพื่อร่วมกันสร้างกุฏีสงฆ์ ครั้นพระอาจารย์ช้อยมรณะภาพ พระอาจารย์เจียม ธมมฉนโท(พระครูนนทสิทธิคุณ)ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแทน ร่วมมือกับชาวบ้านบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนสงฆ์ และสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ขึ้นหลายอย่าง ดังปรากฏหลักฐานดังนี้คือ
๑. พ.ศ.๒๔๘๒ นายจำลอง นางสิน แก้วจินดา คหบดีแขวงบางอ้อ ธนบุรี สร้างอาคารเรียนถวาย ๑ หลัง เป็นเรือนไม้ ๒ ชั้น มีมุขยื่นออกกลาง
และได้รับมอบให้ทางราชการ อำเภอเมืองนนทบุรี เพื่อใช้เป็นอาคารเรียนต่อไป
๒. พ.ศ.๒๔๙๙ บูรณะอุโบสถด้านหลัง ซึ่งถูกมหาวาตภัยคุกคามพังทลาย บูรณะจนสำเร็จ และใช้ประกอบพิธีสงฆ์ได้ถึงทุกวันนี้
๓. พ.ศ.๒๕๐๔ ร่วมมือกับคณะกรรมการและชาวบ้านสร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ชั้นเดียว กว้าง ๑๙ เมตร ยาว ๔๐ เมตร
และต่อเติมศาลาเล็ก ซึ่งอยู่ติดต่อกันด้วย
๔. พ.ศ.๒๕๑๖ อนุญาตให้ทางราชการ ใช้ที่ดินของวัดสร้างอาคารเรียน ๑ หลัง แบบ ๐๑๗ และบ้านพักครู ๓ หลัง
๕. ร่วมมือกับชาวบ้านช่วยกันต่อเศียรพระพุทธรูป ๕ องค์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลาแลง ลงรักปิดทองทั้งองค์ ซึ่งถูกผู้ร้ายลักตัดเศียรไป
๖. พ.ศ.๒๕๒๒ ร่วมมือกับชาวบ้านสร้างกุฏิสงฆ์ ๑ หลัง แบบทรงไทย ๒ ชั้น กว้าง ๖ เมตร ๑๐ เซ็นติเมตร ยาว ๑๕ เมตร
๗. พ.ศ.๒๕๒๕ ร่วมมือกับคณะกรรมการและชาวบ้านสร้างหอสวดมนต์ ๑ หลัง เป็นตึก ๒ ชั้น กว้าง ๙ เมตร ยาว ๑๘ เมตร และได้ร่วมบริจาคสมทบทุน
๑ แสนบาท แต่ไม่ทันแล้วเสร็จ ท่านก็ได้มรณะภาพเสียก่อน
พระครูนนทสิทธิคุณ (หลวงปู่เจียม ธมมฉนโท) มรณะภาพแล้ว พระคำหมุน ธมมวีโร รองเจ้าอาวาสในขณะนั้น เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการปกครอง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแทน ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๙ เป็นต้นมา ได้พัฒนาวัดวาอารามตามที่ปรากฎดังนี้คือ
- อบรมพระภิกษุสามเณรให้อยู่ในระเบียบวินัยสงฆ์
- ส่งเสริมพระภิกษุสามเณรให้เล่าเรียนศึกษานักธรรมละบาลี
- เป็นครูสอนนักธรรมแก่พระภิกษุสามเณร
- อบรมศีลแก่ชาวบ้าน โดยอบรมด้วยตนเองบ้าง จัดพระสงฆ์แสดงธรรมเทศนาบ้าง โดยเฉพาะวันธรรมสวนะหรือวันพระ จะจัดพระสงฆ์แสดงธรรมทุกวัน
- ร่วมกับคณะกรรมการและชาวบ้าน ก่อสร้างหอสวดมนต์ที่สร้างค้างอยู่
- ถมดินบริเวณที่ลุ่มให้สูงพ้นระดับน้ำท่วมถึง
- ร่วมกับครู-อาจารย์โรงเรียน ทำการย้ายอาคารเรียนหลังเก่าซึ่งสร้างมาเป็นเวลานาน ไปใว้ใกล้กับโรงเรียนหลังใหม่

วัดตึกนี้มีเจ้าอาวาส หรือ ผู้ปกครองวัด ตั้งแต่ต้นถึงปัจจุบัน ๕ รูป คือ
๑. พระอาจารย์นิล (ไม่ปรากฎประวัติและภาพถ่ายที่แน่ชัด)
๒. พระอาจารย์เปี่ยม (ไม่ปรากฎประวัติและภาพถ่ายที่แน่ชัด)
๓. พระอธิการช้อย ติสโส (ไม่ปรากฎประวัติและภาพถ่ายที่แน่ชัด)
๔. พระอธิการเจียม ธมมฉนโท (พระครูนนทสิทธิคุณ)
๕. พระอธิการคำหมุน ธมมวีโร

อนึ่งวัดตึกนี้มีสิ่งที่น่าปลื้มมากก็คือ ในอุโบสถมีพระพุทธรูปสำคัญอยู่ ๕ องค์ เป็นพระพุทธรูปสำคัญที่ประชาชนชาวบ้านนับถือกราบไหว้บูชาเป็นประจำ และหน้าบันอุโบสถประดับด้วยถ้วยชามลายคราม สววยงาม น่าชม ปัจจุบันวัดตึกนี้ระหว่างเข้าพรรษาทุกปี วันธรรมสวนะหรือวันพระ เวลาเช้าจะมีประชาชนร่วมทำบุญตักบาตรกันมากมาย โดยเฉพาะวันมาฆบูชา และวันวิสาขบูชาเป็นต้น ซึ่งเป็นวัดบูชาใหญ่ นอกจากเวลาเช้า จะมีประชาชนมาร่วมทำบุญตักบาตร สมาทานศีล และฟังธรรมเทศนาแล้ว ตอนเย็นหรือค่ำจะมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากนำดอกไม้ธูปเทียนเครื่องสักการะไปเวียนอุโบสถครบสามรอบ แล้วนำไปร่วมบูชาที่หน้าพระประธานในอุโบสถ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง นอกจากที่กล่าวแล้ว วัดนี้ยังเป็นศูนย์กลางในการประกอบกิจกรรมต่างๆของทางราชการซึ่งเกิดขึ้นภายหลังอีกด้วย

 

ประวัติโดยย่อ พระอธิการเจียม ธมฺมฉนโท (พระครูนนทสิทธิคุณ)
อดีตเจ้าอาวาส(มรณะภาพ)

ประวัติสังเขป
พระครูนนทสิทธิคุณ ชื่อเดิม เจียม ชื่อสกุล ชมฉ่ำ บิดาชื่อ เลี่ยม มารดาชื่อ จันทร เกิดเมื่อ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๔๓๕ ตรงกับวันพุธ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง ณ.ที่บ้าน หมู่ที่ ๔ ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี มีน้องร่วมบิดามารดา ๗ คน
เมื่อวัยเยาว์ อายุได้ประมาณ ๑๒ ปี บิดาได้นำไปฝากไว้กับท่านเจ้าคุณ(จำชื่อไม่ได้) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร เรียนหนังสือจบชั้นประถมบริบูรณ์ อายุประมาณ ๑๗ ปี ได้ย้ายมาอยู่กับท่านอาจารย์เปี่ยม อดีตเจ้าอาวาสวัดตึก ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองนนทบุรี เมื่ออายุ ๑๘ ปี เข้ารับราชการทหารเพื่อรับใช้ชาติบ้านเมือง เมื่อออกจากราชการทหารแล้วเข้าบรรพชาอุปสมบท ณ.วัดตึก ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี โดยมีพระธรรมถาวร เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร เป็นพระอุปัชฌายาจารย์ พระอธิการช้อย เจ้าอาวาสวัดตึก ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เจ้าอธิการเขียว เจ้าอาวาสวัดบางอ้อยช้าง ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ตั้งแต่บรรพชาอุปสมบทไม่เคยย้ายไปอยู่วัดอื่น ไม่เคยละเพศเป็นฆราวาสวิสัย ดำรงมั่นในสมณคุณธรรมตลอดมาจนถึงวันมรณภาพ ระหว่างบรรพชาอุปสมบทศึกษาพระปริยัติธรรมได้นักธรรมชั้นโท
พระครูนนทสิทธิคุณ มีจริยวัตรสงบเสงี่ยม นุ่มนวลและละเอียดอ่อน เหมาะสมกับสมณวิสัยอย่างแท้จริง มีความเมตตากรุณา ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ใครทำดีก็ว่าดี ใครทำไม่ดีก็ว่าไม่ดี ตรงไปตรงมา เยินยอหรือประจบประแจงใครไม่เป็น เช่นผู้ใดประสงค์จะสร้างถาวรวัตถุหรือปูชนียสถานขึ้นในวัดสักอย่างหนึ่ง จะต้องมีศรัทธาและตั้งใจทำบุญจริง ไม่ชอบทำบุญเห็นแก่หน้าหรือมีเงื่อนไขต่างๆ ถ้าไม่ตรงกับประสงค์ของวัดจะไม่ยอมให้ทำ ปกติเกรงใจชาวบ้าน เช่นชาวบ้านจะก่อสร้างถาวรวัตถุหรือเสนาสนสงฆ์ขึ้นในวัดสักอย่างหนึ่ง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่ชักชวนหรือบอกบุญผู้ใด ถือคติที่ว่า ผู้ใดทำผู้นั้นได้ ด้วยเหตุนี้ พระภิกษุสามเณรตลอดถึงชาวบ้าน จึงมีความเกรงใจในความตรงไปตรงมาของท่านมาก
การพัฒนา การก่อสร้างและการบูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ และปูชนียสถานที่เกิดขึ้นในสมัยที่หลวงปู่เจียมยังปกครองอยู่ คือครั้งดำรงตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าอาวาสและตำแหน่งเจ้าอาวาส ซึ่งปรากฏหลักฐานมีรายการสำคัญดังนี้ คือ
- พ.ศ.๒๔๘๒ เป็นผู้ริเริ่มจะตั้งโรงเรียนขึ้นในวัดเป็นครั้งแรก ต่อมานายจำลอง นางสิน แก้วจินดา คหบดีแขวงบางอ้อ ธนบุรี ได้ทราบถึงความประสงค์ของหลวงปู่ จึงมีความเลื่อมใสศรัทธาจัดสร้างอาคารเรียนถวาย ๑ หลัง เป็นเรือนไม้ ๒ ชั้น มีมุขยื่นออกกลาง และได้รับมอบให้ทางราชการ อำเภอเมืองนนทบุรี เพื่อใช้เป็นอาคารเรียนโดยเริ่มเปิดสอนตั้งแต่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๔๘๒ เรียกชื่อโรงเรียนนี้ว่า โรงเรียนประชาบาลวัดตึก (จำลองศิลป์วิทยา) ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันโรงเรียนแห่งนี้ สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนนทบุรี
- พ.ศ. ๒๔๙๙ บูรณะหน้าบันอุโบสถด้านหลัง ซึ่งถูกมหาวาตภัยคุกคามหนักถึงกับพังทลายลงมา
- พ.ศ.๒๕๐๔ ร่วมกับคณะ กรรมการวัดและชาวบ้านสร้างศาลาการเปรียญขึ้นหลังหนึ่ง ครึ่งตึกครึ่งไม้ และได้ใช้ประโยชน์จนถึงทุกวันนี้
- พ.ศ.๒๕๑๙ ร่วมกับชาวบ้านบริจาคทรัพย์ทำพิธี ต่อเศียรพระพุทธรูปในอุโบสถ ๕ องค์ ที่ถูกขโมยลักตัดเศียรไป เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลาแลง ลงรักปิดทอง
- พ.ศ. ๒๕๒๒ ร่วมกับชาวบ้านสร้างกุฏิสงฆ์ขึ้นหลังหนึ่ง ๒ ชั้น แบบทรงไทย ๕ ห้อง เพื่อประโยชน์แก่พระภิกษุ สามเณรได้อยู่อาศัย
- พ.ศ. ๒๕๒๖ ร่วมกับคณะกรรมการวัดและชาวบ้านสร้างหอสวดมนต์ขึ้นหลังหนึ่ง ๒ ชั้น โดยบริจาคทรัพย์ส่วนตัว จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ร่วมสบทบทุนสร้างด้วย
สมณศักดิ์
- ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูธรรมการศึกษา ประจำตำบลบางไผ่ ในนามเดิมว่า “พระครูเจียม” พระครูชั้นประทวน
- ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นที่ “พระครูนนทสิทธิคุณ” พระครูชั้นสัญญาบัตร เมื่อ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๒
พระครูนนทสิทธิคุณ หรือหลวงปู่เจียม ก่อนมรณะภาพ ๑ วันเวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. หลวงปู่เริ่มมีไข้และท้องเสีย ร่างกายร้อนจัด ขากรรไกรแข็ง อาหารและยาฉันไม่ได้ กลืนไม่ลง บางเวลาพอฉันได้บ้าง แต่ก็มีอาการคล้ายกับมีลมภายในช่วยผลักดัน ให้อาหารและยากลับออกมา คุณหมอประเสริฐ บ้านอยู่ใกล้วัดทราบว่าหลวงปู่เจ็บป่วยมีอาการหนัก จึงรีบมาช่วยเหลือพยาบาลอย่างเต็มความสามารถ จนกระทั่งอาการเจ็บป่วยดีขึ้นมาก ร่างกายมือเท้าเคลื่อนไหวไปมาได้พอสมควร จึงเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
ครั้งวันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ ๐๐.๒๒ น. ของวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๒๘ ผู้ที่นอนเฝ้าประจำแจ้งว่า หลวงปู่มรณะภาพเสียแล้ว มรณภาพอย่างสงบ บรรดาศิษยานุศิษย์ ญาติพี่น้องตลอดถึงท่านที่เคารพนับถือในพระคุณท่านทราบ ต่างก็โศกเศร้าเสียใจอาลัยอาวรณ์กันมาก
รวมอายุได้ ๙๓ ปี ( นับโดยปี ) ๗๑ พรรษา

 

หลวงปู่น้อย ภทฺโท
อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส (มรณะภาพ)

 

พระอธิการคำหมุน ธมฺมวีโร หรือ พระครูวรกิจธำรง
เจ้าอาวาสวัดตึก จ.นนทบุรี

 

พระอาจารย์มานิด วัดตึก นนทบุรี
ปัจจุบันท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดตึก นนทบุรี

ท่านเป็นพระนักพัฒนาผู้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาวัดตึก
โดยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการหาปัจจัย มาบูรณะเสนะสถานต่างๆ ที่ทรุดโทรมให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง
เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบางไผ่ นนทบุรี

ท่านสืบสานตำนานพุทธาคมสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากหลวงปู่น้อย อดีตผู้ช่วยเข้าอาวาส วัดตึก
ท่านได้ร่ำเรียนวิชาทำตะกรุดโสรฬ มาจากหลวงตาเปรื่อง ศิษย์สายวัดสะพานสูง
ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาการปลุกเสก โดยตรงจากหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ครั้งเมื่อท่านมาปลุกเสกพระที่วัดตึก นนทบุรี
ท่านเป็นสหธรรมมิกกับพระอาจารย์ตี๋ วัดบางคณฑี สมุทรสงคราม มักได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกร่วมกันเสมอๆ

ปัจจุบันท่านมักได้รับกิจนิมนต์จากวัดต่างๆ ในจังหวัดนนทบุรี ให้ไปปลุกเสกพระตามวัดต่างๆ
อาทิเช่น

-พิธีพุทธาภิเษก พระยอดขุนพลแร่บางไผ่ อันลือลั่น
-พิธีพุทธาภิเษก พระฉลองพุทธชยันตี วัดแดงประชาราษฎร์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
-พิธีพุทธาภิเษก วัดบางกร่าง นนทบุรี
-พิธีพุทธาภิเษก วัดบัวขวัญ นนทบุรี

ฯลฯ

ธรรมมะและคำสอนของพระอาจารย์มานิด

พระอาจารย์มานิต ท่านเป็นพระที่สมณะเรียบง่าย เป็นกันเองกับทุกคน
ลูกศิษย์ทุกท่านสามารถเข้าหาได้โดยง่าย ไม่มีใครคอยกีดกันใดใด
สิ่งที่ลูกศิษย์จะได้รับฟังเสมอๆ คือ

"คิดดี ทำดี พูดดี คบเพื่อนดีดี ไปสถานที่ดีดี"
อันเป็นหลักธรรมที่เข้าใจง่ายๆ นำไปปฏิบัติง่ายๆ ได้ผลดี

หรือใครที่เข้ามาเยี่ยมที่กุฏิจะพบสิ่งของคู่หนึ่งบนตราชั่ง
เขา - มัน บนตรงชั่ง = ช่างเขา และ ช่างมัน
เป็นคติธรรมอย่างหนึ่งที่ท่านใช้สอนลูกศิษย์ โดยเฉพาะลูกศิษย์ที่เข้าไปกราบท่านเป็นครั้งแรก
เพื่อเป็นการสอนให้ลูกศิษย์ของท่านทุกคน ใจเย็น อย่าใจร้อน ให้มีเมตตา รู้จักปล่อยวาง

"กตัญญู รู้คุณบิดามารดา รับรองชาตินี้ไม่มีอับจน"
ท่านมักสอนลูกศิษย์เสมอว่า ก่อนจะทำอะไร พระอรหันต์ในบ้านอุปการะท่านหรือยัง
ท่านให้ความสำคัญกับบุพการี โดยท่านให้เป็นเสมอเหมือนพระอรหันต์ของลูก ใครเลี้ยงดูอุปการะบิดามารดา
เท่ากับได้ทำบุญกับพระอรหันต์ ไม่มีทางอับจน

 

มาต่อกันครับ

 

นำภาพงานไหว้ครูวัดตึก มาให้ชมกันครับ

 

ตามลิงค์นะครับ

วัดตึก นนทบุรี

 

มาต่อเรื่องราวปฏิปทา ประสบการณ์วันหลังนะครับ

 

ขอบคุณมากนะครับ อ่านจบแล้ว รู้สึกว่า คงต้องเสาะหาเวลาไปกราบท่านบางแล้วละครับ เดี๋ยวขอดูเส้นทางก่อน แล้วถ้าไปจะมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

 

ช่วงนี้ยุ่งมากๆครับ
ยังไม่มีเวลาสัมภาษณ์พระอาจารย์แบบเจาะลึก
นำมาเสนอให้ทุกท่านได้ติดตาม
แต่รับรองได้ว่า ได้เข้าไปกราบท่านสักครั้ง
ได้ลองพูดคุยกับท่าน แทบจะไม่อยากกลับครับ

ถ้าผมไม่มีธุระอะไร นั่งคุยกับท่านได้ทั้งวัน
มองนาฬิกาอีกที โอ้ว เย็นแล้ว

ท่านเป็นกันเองมากๆ ไม่มีการถือตัว มาแล้วอยากให้มาอีกเสียด้วยซ้ำ

ก็ว่างๆๆ เข้าไปกราบท่านได้ครับ

ถ้าอยู่ที่กทม ก็ง่ายสุดนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา มาลงที่ท่าวัดตึกได้เลย
หรือนั่งไปลงวัดเขมาแล้ว นั่งเรือข้ามฟากมาก้อได้ครับสะดวกดี

คุยไปคุยมา รับรองได้ของดีติดตัวกลับบ้านฟรีอีกแน่ะ ^^ ชอบตรงนี้

 

เล่าประสบการณ์เรื่องที่ 1
นิมนต์ทำบุญบ้าน

ผู้เขียนย้ายบ้านมาใหม่ใกล้วัดตึกนี่แหละ และก็พยายามสำรวจแถวหมู่บ้านว่ามีวัดไหนน่าไปทำบุญใกล้บ้านบ้าง ก็มาเจอวัดตึกนี่แหละใกล้ที่สุด ก็ขับรถเข้าไปกับแฟนเพื่อไปถวายสังฆทาน ก็เข้าไปจนเจอกุฏิหลวงปู่น้อยก็ขับเข้าไป ไปจอดที่จอดรถแล้วเดินเข้าไปพบภิกษุรูปหนึ่งกำลังคุยกับโยมวัด เราก็เข้าไปถวายสังฆทานและนั่งสนทนากับท่านสักครู่หนึ่ง พบว่าท่านอัธยาศัยดีคุยสนุก ท่านไม่ถือตัวเลย บรรยากาศภายในกุฏิท่านจะสบายๆ สังเกตจะเห็นรูปครูบาอาจารย์ต่างหลายท่าน โดยเฉพาะหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า เพราะท่านสืบสานพุฒาคมมาจากสายนี้ผ่านทางหลวงปู่น้อยอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสแห่งนี้
ภายในกุฏิมีตู้วัตถุมงคลต่างๆของวัด ซึ่งก็มีวัตถุมงคลต่างๆ มากมายหลายรุ่น ทั้งพระสมเด็จ เศียรพ่อแก่ เบี่ยแก้ ตะกรุด พระบูชา ฯลฯ ก็พอจะทราบได้ว่าท่านก็ได้ร่ำเรียนสรรพวิชาต่างๆมามากเหมือนกัน

ได้เวลาสักครู่จึงลาท่านกลับ

- คืนหนึ่งผมและแฟนนอนชั้นล่างของบ้าน แฟนผมฝันไปว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางน่ากลัวมานั่งกอดเข่าหน้าบ้าน เข้าบ้านไม่ได้จึงร้องขอจะเข้าบ้าน แฟนผมก็ไม่ให้เข้า เค้าก็มาขู่จะเอาชีวิต แฟนผมตกใจกลัวตื่นขึนมาเล่าให้ฟัง เราจึงคิดจะทำบุญบ้านเพื่อให้เกิดความสบายใจ จึงไปปรึกษาท่านพระอาจารย์ แล้วเล่าเรื่องให้ท่านฟัง ท่านบอกไม่มีไรหรอก แค่เค้ามาขอส่วนบุญน่ะ ก็ทำบุญให้เขาไปเขาแค่มาหวังพึ่งบุญจากเรา
ก็ได้ทำบุญไปส่วนหนึ่งและก็นิมนต์ท่านไปสวดทำบุญที่บ้าน ซึ่งท่านก็ได้ตระเหตรียมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไว้ให้ พวกเคร่องขามต่างๆ ถาด บาตรน้ำมนต์ (ใจดีจัง ^^)

ท่านก็ได้ให้เตรียมของบางอย่างเท่านั้น เช่นเทียนหนัก 1 บาตร ไว้ทำน้ำมนต์ สายสิญจุ์ ฯลฯ และก็ได้ให้ทางผมเตรียมบทสวดอารธนาต่างๆไว้ ท่านบอกเราเป็นเจ้าบ้านอารธนาเองดีกว่า มันภูมิใจกว่า พอถึงวันกำหนดการต่างๆ เสร็จสิ้นไปโดยดีงานเราแขกมาำม่เยอะ ทำกันแบบเงียบๆ มีเลี้ยงโต๊ะ 2-3 โต๊ะ เท่านั้น แบบเรียบง่าย
ก็นิมนต์ท่านเจิมบ้านเป็นศิริมงคลตามจุดต่างๆ ทั้งประตูห้องนอน ประตูบ้านพร้อมพรมน้ำมนต์ทั่วบ้านให้ร่มเย็นเป็นสุข ก่อนหลับญาติโยมก็ได้มารับพระสมเด็จที่ท่านเตรียมมาแจกกันทั่วหน้า

หลังจากทำบุญบ้านเสร็จแฟนผมก็นอนฝันดีทุกคืนด้วยความสบายใจ ไม่มีเหตุการณ์น่ากลัวใดใด จนมาคืนหนึ่งผมได้นอนฝันไป ฝันว่ามายืนที่หน้าประตูห้องนอน ทันใดนั้น !!! ปรากฏร่างชายชราเป็นลักษณะหมอกขาวๆ จางๆ เดินไปเดินมาที่หน้าห้องนอนที่หลวงพี่ท่านมาเจิมยันต์ให้นั่นเอง เราก็ตกใจตื่น ก็เอาความไปเล่าให้ท่านฟัง
ท่านบอกดีแล้วท่านมาคุ้มครองแล้ว เราก็ถามท่านเป็นใครหรือครับ หลวงพี่ท่านบอกน่าจะเป็นท่านชีปะขาว เพราะเคยมีคนบอกเหมือนกันว่าในตัวหลวงพี่มีองค์คุ้มครองอยู่ แต่หลวงพี่ไม่เห็นนะ คนเค้าบอกมา เรางี้ขนลุกเกรียวเชียว

เป็นอันจบเรื่องที่ 1

 

หากมีโอกาศไปนนทบุรี ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

 

วัดตึกให้วิ่งทางสะพานนนทบุรี(แม่น้ำ) แต่เราไม่ข้ามสะพาน ให้กลับรถใต้สะพาน แล้ววิ่งสัก 100 เมตร วัดตึกจะอยู่ฝั่งซ้ายครับ ผิดพลาดขออภัย ตอนนั้นนั่นรถผ่านครับ

 

เข้สไปทางร้านอาหาร นนนทีรีสอร์ท ครับ
วัดจะถึงก่อนระมาณ 500 เมตร ซ้ายมือครับ
เข้าที่ตรงกุฏิหลวงปู่น้อยครับ

 

ประกาศขอรับบริจาค

แผ่นกระดานหินชนวนเพื่อนำไปถวายพระอาจารย์มา วัดตึก ครับ
วัตถุประสงค์ : เพื่อนำมาใช้เขียน - ลบผงวิเศษ เพื่อใช้จัดทำวัตถุมงคลต่อไป

สามารถบริจาคได้ที่กุฏิหลวงปู่น้อย วัดตึก นนทบุรี

ขอบพระคุณครับ

 

ปลุกเสกพระร่วมกับตำนานเกจิแห่งยุค '"หลวงปู่ทิม วัดพระขาว "

ผู้เขียนมักจะไปกราบหลวงพี่ที่วัดเป็นประจำเสมอเวลาที่ว่าง เพื่อนั่งสนทนากับท่าน
ภายในกุฏิท่านจะมีรูปหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าเรียงรายบนผนังมากมาย
หลากหลายรูปแบบ ที่สังเกตเห็นคณาจารย์ท่านๆอื่นๆก็จะมีหลวงปู่เก๋วัดปากน้ำ หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่ทิม วัดพระขาวด้วย ทำให้ข้าพเจ้าอดสงสัยไม่ได้ว่ามีที่มาอย่างไร

หลวงพี่ท่านจึงเมตตาเล่าให้ฟัง
คราวที่หลวงปู่ทิมท่านได้รับนิมนต์มาปลุกเสกพระที่วัดตึกนั้น หลวงพี่ก็ได้นั่งปรกในวงด้วย
หากเราๆ ชาวฆราวาสที่ไม่ได้ฝึกจิตมาจนดีแล้ว สามารถรับรู้ฌาณอะไรก็คงคิดว่าเหตุการณ์ปกติตามที่เราเห็นพิธีนั่งปรกพุทธาภิเษกวัตถุมงคลต่างๆ ซึ่งในวงนี้ก็มีหลายท่านได้รับนิมนต์มาด้วย

หลวงปู่ทิมท่านมาถึงท่านก็นั่งตามทิศที่ท่านได้รับนิมนต์มา ท่านก็หลับตาจับสายสิญจน์ปลุกเสกไป พระอาจารย์มาท่านก็มานั่งปลุกเสกในวง ซึ่งทุกอย่างเหมือนจะปรกติดีแต่ ....

คราวเมื่อท่านจับสายสิญจน์เท่านั้นแหละ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า
เวลาปลุกเสกพระนะ สายสิญจน์เนี่ยสื่อพลังดี เราจะรับรู้ได้เลยว่าองค์ไหนท่านสุดๆ
ก็ตอนนั่งปรกร่วมกันนี่แหละ ท่านบอกจิตหลวงปู่ทิมสุดยอดมากๆ ตั้งแต่นั่งปลุกเสกมา
ก็มาเจอหลวงปู่ทิมนี่แหละแรงที่สุดเลย พลังจิตท่านวิ่งแรงเหมือนไฟฟ้าช็อต หลวงปู่ทิมท่านเมตตาปลุกเสกให้อย่างเต็มที่จริงๆ เมื่อได้เวลา (เสร็จพิธี) ท่านก็วางสายสิญจน์ลง เป็นอันรู้กัน จึงไม่ต้องลังเลสงสัยเลยว่าคราวที่องค์พ่อจตุคามดังๆ หลวงปู่ทิม จึงมีผู้นิมนต์ท่านไปปลุกเสกแทบจะเรียกว่าว่าเดินสายเป็นกระบี่มือ 1 เลยทีเดียว

 

สวัสดีเช้าวันเสาร์ครับทุกท่าน

 

คำสอนหลวงพี่ทำให้ชีวิตผมดีขึ้น

หลางครั้งหลายคราเรามักจะได้ยินเสมอว่าพ่อแม่ บุพการีเป็นดั่งพรหมของลูก คือผู้ปกปักรักษาให้ความรู้ คุณงามความดีต่างๆ อบรมบ่มนิสัย

ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านมักจะให้ความเคารพบิดามารดาเสมอๆ ไม่เหมือนเด็กสมัยนี้ ทุกวัน เถียงพ่อเถียงแม่ หนักกว่านั้นต่อว่า ดุด่า ทำร้ายทุบตีบ้างก็มี

หลายๆคนมักจะบ่น มักจะพร่ำกับหลวงพ่อ หลวงปู่องค์ใดใดเสมอว่า ทำไมชีวิตทำอะไรมักจะมีอะไรติดๆขัดเสมอ เงินทองขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ซวยซ้ำซวยซ้อน ทำอะไรไม่เจริญ มักโชคร้ายอยู่เสมอ

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกเป็นอาการดั่งข้างต้นก็ได้มาปรึกษาหลวงพี่ว่าควรทำอย่างไรดี ท่านก็บอก

เวลาเราไปทำบุญทำอะไรที่วัดต่างๆ ไปบนอะไรไว้ล่ะ ลืมแก้รึเปล่า ทำอะไรมันถึงติดๆขัดน่ะๆ ไม่ต้องถึงกับบนหรอก แค่นึกเฉยๆนี่ก็ติดเขาแล้วนะ เวลาไปทำบุญอะไรที่ไหนอย่าซี้ซั้วขอมั่วไปหมด ถ้า .... ผมจะทำ ... ไปให้ แค่นี้น่ะติดแล้วนะ ติดสินบนแล้วไม่ไปแก้

ก็ลองนึกดูว่าติดอะไรไว้บ้าง จำได้ก็แก้ไป จำไม่ได้ก็เอานี่ไป

ท่านก็ให้แผ่นกระดาษมา 1 แผ่น เป็นวิธีการต่างๆ ที่ให้เราขอขมา พระก็ดี เทพก็ดี เทวดาก็ดี ที่เราได้เคยขอให้ช่วยเหลือต่างๆ ต้องทำอย่างไรบ้าง

แต่ท่านบอกก่อนอื่นใด "ไปขอขมาพ่อแม่ก่อนนะ"

ก่อนจะทำพิธีตามที่บอกไปน่ะ ไปทำกับพ่อกับแม่ คือไปขอขมาเค้าก่อนอันดับแรก

เพราะอะไร เพราะพ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก หลวงพี่ให้ท่านเป็นพระอรหันต์เลยนะ เพราะเป็นความบริสุทธิ์ ลูกคนใดกราบไหว้บูชาดูแลให้ท่านมีความสุขชาตินี้ทำอะไรก็เจริญ

แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่อย่างนั้น พูดคำเถียงคำ แค่นี้ก็ยากแล้ว บางทีแค่คิดในใจก็ถือว่าล่วงเกินท่านแล้วนะ การล่วงเกินนี่มีตั้งหลายอย่างทั้ง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม คือ กาย วาจา ใจ โดนหมด แล้วคิดดูตั้งแต่เกิดมายันป่านนี้ทำไปกี่ครั้งแล้ว ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ

"กลับบ้านซื้อพวงมาลัยดอกไม้ไปกราบขอขมา กราบเท้าเอากาละมังมาล้างเท้าให้พ่อให้แม่ เอาน้ำมาลูบหน้าลูบตาลูบหัว ขอพร และอย่าลืม ขอตัง"

"ขอตัง" ผู้เขียนงงแอบยิ้ม

ขอแค่ 1-2-3 บาท 9 บาทก็ได้ ขอท่านเอามาเป็นเงินขวัญถุงบูชาไว้ เงินทองจะได้งอกเงย ชีวิตจะได้เจริญรุ่งเรือง

ลองไปทำอันนี้ดูเถิดรับรอง ... เห็นผลไว

ผู้เขียนก็เคยได้ยินได้ฟังมาก็หลายครั้ง ทั้งตอนบวชพระอุปัชฌาท่านก็สอนเสมอ ว่าห้ามเด็ดขาดเรื่องเถียงพ่อเถียงแม่ห้ามเด็ดขาดนะ

ชีวิตก็อย่างที่บอกทำอะไรติดๆขัดๆเสมอ
ทีนี้ล่ะเอาละลองดูไม่เสียหาย เป็นเรื่องดี ทำไว้ไม่เสียหาย และเลิกความคิดว่าอาย โตแล้วแสดงความรักต่อพ่อแม่ไม่ได้แล้ว แบบนั้นไม่ใช่ความคิดที่ถูก

วันนั้นเราก็ตั้งใจซื้อพวงมาลัยดาวเรืองไป 2 พวง ไปกราบท่าน ขอขมาว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยไหว้ท่านอย่างจริงจัง ก็ไหว้ท่านอย่างตั้งใจ น้ำตาก็ซึม ทำให้เรารู้ว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิดไว้เลย ท่านทั้งสองก็ดีใจน้ำตาจะไหลเช่นกัน เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยไหว้ท่านอย่างจริงจังเหมือนคราวนี้เลย ซ้ำยังอวยพรขอให้เราเจริญๆๆๆๆ อย่าประมาท

สิ่งแรกที่รับรู้ได้เลยว่าความปลื้มปิติแบบที่ไม่เคยมีมาในชีวิตมันเป็นยังไง ปลาบปลื้มบอกไม่ถูกจริงๆ นาทีที่ได้ยินเสียงอวยพรและคำสอนตอนนั้นมันเหมือนได้เปลี่ยนชีวิตที่มืดมนให้สว่างทันตา

หลังจากนั้นชีวิตผมค่อยๆดีขึ้น การเงินคล่องตัวดีมาก ทำอะไรก็ไม่ติดขัดอีกเลย สุดๆทั้งที่ก่อนหน้านี้คนละอย่าง้ลยทีเดียว

เลยอยากเอาประสบการณ์มาบอกกล่าวครับ

พิธีขอขมาน้ำล้างเท้าบิดามารดานี่แหละ สุดยอดจริงๆ พลิกชีวิตทันตาครับ
ต้องกราบขอบพระคุณหลวงพี่ตี๋ (พระอาจารย์มานิต) ที่ท่านช่วยชี้แนะให้เราลองทำดู
ซึ่งมันได้ผลจริงๆ ไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์ ไม่ต้องพึ่งของขลังใดใด พรของพ่อแม่นี่แหละคือที่สุดแล้วดังคำว่า

"บิดามารดาคือพระอรหันต์ของลูก"

สวัสดีครับ