“ พระให้หวย ” เป็นพฤติกรรมที่สมควรแล้วหรือ?

ป้านี่เข้าข่ายฮาจริงๆ สร้างรอยยิ้มให้ผมได้ จุ๊บๆๆ เอาเถอะ อย่างไรแล้วเมื่อรักใครชอบใครก็ตามแต่นับถือ มันเป็นแค่ความคิดครับ อย่างไรแล้วสิ่งใดเป็นประโยชน์ทางโลกและทางธรรมก็ส่งเสริม อันไหนโลกเจริญแต่ศีลธรรมเสื่อมเสียก็งดๆลงกันไปทีละนิดๆนะจ๊ะ จะได้สุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า

 

ปล่าวจ้า ผมไม่ได้โกรธ ผมกำลังนั่งหัวเราะ ผมจะเป็นศิษย์?ใคร ถ้าตรวจสอบกลับพระไตรปิฎกแล้วไม่ตรงกัน ผมเลือกเอาพระไตรปิฎกจ้า ผมก็งี้ละครับ บางทีปากดีไปนิดนึง แต่ไม่มีใจโกรธเขาหลอก แต่ถ้าเป็นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมไม่ยอมใครยิ่งกว่านี้อีก
มันแค่เล่นเนท ค่าเวลาเฝ้าจอ เดี๋ยว 4โมงครึ่ง ผมก็สลายตัวแล้ว ตลาดวายก็ปิดแล้วละจ้า

 

สวัสดีครับพี่ยาม แวะมาแล้วก็เห็น เลย สวัสดีครับพี่ยาม สุดหล่อ นะครับ

 

อย่านอกเรื่อง..เหล่คนโน้นคนนี้ สำรวมๆ กาย วาจา ใจหน่อยเด้..พี่ยามท่านเป็นคนเดินสายกลาง ไม่ยุ่งกะคุณหรอกค่ะ...ผมเห็นพี่แกเลยหวัดดีไป ตามคนเห็นๆ เพื่อพี่ยามมีอะไรดีๆมาฝากนะครับพี่คิง คุณค้าขายอันที่จริงซื้อมาเท่าไหร่ก็ขายเท่านั้นก็คงจะได้บุญน่ะค่ะ ขาดทุนคือกำไร...ดิฉันจะได้ไปอุดหนุน ความคิดของคุณ คืออยากเปลี่ยนเเปลงโลก ด้วยมือคุณคนเดียวไม่มีทางเป็นไปได้............
อันนี้ถ้าเจ้ทำผมจะไปอุดหนุดด้วยเช่นกันนะครับ เเค่คุณคิดว่า ฆ่าให้ตายก็เป็นบาปเเล้ว จิตมี21ดวง คุณคิดไปถึงดวงไหนเเล้ว..........
เจ้ไปเอาที่ไหนมาเขียนจ๊ะ รู้ได้ไงมีแค่ 21ดวง อิอิ ไม่เอาดีกว่าไม่หัวเราะ เดี๋ยวเจ้เอามีดมาจึ๊กๆ ยังไม่ต้องมาพูดเรื่องเจตะสิกทำไม่ถึงไม่พูดถึงเจตสิกละครับ มันมีน้อยกว่าจิตตั้งเยอะ จิตมี เกือบร้อย แต่ถ้าเอาแบบพิศดารเข้าไปตั้งร้อย เจตสิกมีไม่กี่ดวงเองอะพี่สาว ผิวเข้ม...ศิษย์สำนักเดียวกันอย่าฆ่ากันเองเลย ถ้าคุณยอมลบกระทู้นี้ ฉันจะจะขอโทษคุณ...ตกลงไหม ที่รักAmatayan โตงเตงๆๆๆผมว่าพระพุทธเจ้านั่นองค์เดียวกัน แต่ผมว่า ผมไม่เอาด้วยครับ สำนักเจ้ดูแปลกๆ เอาเป็นว่า ในข้อความไม่ถุกใจคนที่โหวตไม่เห็นด้วย แต่ยังมีจุดน่ารักๆอยู่บ้างนะ อิอิ ผมก็ขออภัยพี่ๆด้วย พี่ๆไม่ต้องมาขอโทษผมหลอก ไม่มีอะไรผิด แต่มันเห็นไม่เหมือนกัน อิอิ

 

คุณปู่ค่ะAmatayan ขอเรียกบ้าง ไม่ทราบว่าศึกษาพระธรรมที่วัดที่บ้านหรือที่ป่าช้าค่ะ ถึงได้รู้แจ้งเห็นจริงขนาดเนี้ย คุณห้ามคนทำบาปหรือสิ่งที่คุณคิดว่าไม่ดีได้ไหม คุณบอกว่าสิ่งที่ทำไม่ดี ถ้าจำเป็นก็ต้องทำ เหมือนสัตว์เป็นอาหาร เราจำเป็นต้องกิน ตอนนี้คุณกินเนื้อสัตว์ หรือกินแต่ผักค่ะ...ถ้าคุณกินผักเป็นอาหารตลอดชีวิต ขอนับถือค่ะ ---->แต่ไม่ค่อยอยากคุยด้วยหรอกค่ะ<<<ใช่ เวปนี้แสดงความคิดเห็นเรื่องพุทธศาสนา แต่หากศานาจะคงอยู่มีคนศรัทธาก็อยู่ที่คนนำเสนอค่ะ....@^_^@

 

คุณปู่ค่ะAmatayan ขอเรียกบ้างไม่เป็นไรครับพี่จุ๋มเรียกผมว่าปู่ ผมไม่อยากอายุยืนถึงขนาดนั้นนนนนนนน ไม่ทราบว่าศึกษาพระธรรมที่วัดที่บ้านหรือที่ป่าช้าค่ะเรียนซะก่อนตอนยังมีชีวิตครับ ดีกว่าเสียดายที่ไม่ได้เรียน ถ้าไปเรียนในป่าช้า ต้องอีกสักระยะ อาจเข้าป่า เข้าป่าช้า ไปหาความสงบสันโดษ ถึงได้รู้แจ้งเห็นจริงขนาดเนี้ย คุณห้ามคนทำบาปหรือสิ่งที่คุณคิดว่าไม่ดีได้ไหม คุณบอกว่าสิ่งที่ทำไม่ดีใช่ครับ สิ่งที่ไม่ดีคือไม่ดี ไฟคือไฟ ไฟที่เกิดจากไม้ขีดเพียงก้านเดียว ยังเผาเมืองให้วอดวายทั้งเมืองมาแล้ว กะศีลเล็กนึกว่าไม่มีผลหรือ แค่นิดเดียวมันก็พาไปนรกได้นะครับ
ถ้าจำเป็นก็ต้องทำ เหมือนสัตว์เป็นอาหาร เราจำเป็นต้องกิน ตอนนี้คุณกินเนื้อสัตว์ หรือกินแต่ผักค่ะการบริโภค จะกินเนื้อสัตว์หรือกินผักกินหญ้า ก็เรียกว่ากลิ่นดิบ เคยฟังไหมพี่ เดียวเอามาเปิดให้ฟัง เรื่องอามคันถสูตร ถ้ามีโลภะ โทสะ หรือมีความหลง ความติดใจ มีความต้องการก็ชื่อว่ากลิ่นดิบ น้องAm.. เป็นฆราวาสครองเรือน มีศีลแค่ ๕ ข้อเองนะจ๊ะ ใช่วิเศษอะไร และความรู้เรื่องของพระพุทธศาสนาก็ศึกษาตามกำลัง ตามฐานะแห่งภูมิปัญญาไป ละครับพี่จุ๋ม ...ถ้าคุณกินผักเป็นอาหารตลอดชีวิต ขอนับถือค่ะ ---->แต่ไม่ค่อยอยากคุยด้วยหรอกค่ะ<<<ใช่ เวปนี้แสดงความคิดเห็นเรื่องพุทธศาสนา แต่หากศานาจะคงอยู่มีคนศรัทธาก็อยู่ที่คนนำเสนอค่ะ....@^_^@ ใช่ครับผมคนเดียวจะไปเปลี่ยนโลกได้ที่ไหนกัน เรื่องพุทธศาสนาเป็นเรื่องของกฎแห่งการกระทำ ใครทำใครได้ เพียงเเต่ว่า ถ้ารู้ว่าดี และคิดว่าสามารถช่วยกันหลายคนหลายฝ่าย อย่าปล่อยให้เป็นเพียงแต่หน้าที่ของพระ เณร เท่านั้น เป็นเรื่องที่เราต้องศึกษา ไม่ว่าจะเป็นวินัยสงฆ์ก็ตาม ก็ควรรู้ไว้บ้าง ไม่ใช่ไปจับผิดท่าน แต่เราจะได้ไม่ไปทำผิดๆกับท่านๆจะไม่รำบากครับ

 

มันต้องยังงี้สิครับ แล้วที่เจ้ว่ามาอะ เจ้สามารถทำได้กี่ดวง แต่ผมทำได้แค่ ๑๒ หรือ ๘เป็นบางครั้งบางคราว

 

จิต ๘๙ ดวง จำแนกเป็นกุศลจิต ๒๑ ดวง
อกุศลจิต ๑๒ ดวง

กามาวจรกุศลจิต ๘ ดวง

รูปาวจรกุศลจิต ๕ ดวง

อรูปาวจรกุศลจิต ๔ ดวง

โลกุตตรกุศลจิต

อกุศลจิต ๑๒

 

ถามว่า ปฏิบัติได้กี่ดวง....ตอบ
ปัจจัตตังก็รู้เฉพาะตน ปัจจัตตัง ก็ ปติ อัตต นั่นเอง เอาอิ เป็น ยะ เอา ตจย
เป็น ปัจจ + อัตต เป็น ปัจจตัง เฉพาะตน เวทิตัพโพ ก็รู้ วิญญูหิ อันวิญญูชน หมายถึง

ผู้รู้ พึงรู้ได้เฉพาะตน อันนี้ข้อความก็จำกัดแล้ว ผู้ปฏิบัติพึงรู้ คนอื่นรู้ไม่ได้

 

16/12/55​

สรุปน่าติดตามคือ 357 11 38 89 24

 

ผมยังเรียนไม่สูงครับพี่สาว เดี๋ยวปีหน้าจึงขึ้นชั้นเรียนใหม่ เรียนยากแต่มีความท้าทายดี ยังไงถ้าคุณพี่คิงมาสอนหนังสือข้าพเจ้าบ้างนะครับ


<embed src="http://www.youtube.com/v/2fAiFiWHiNY?autoplay feature_detailpage" frameborder="0"<iframe width="640" height="360" allowfullscreen></iframe>
</embed>

 

16/12/55

สรุปน่าติดตามคือ 357 11 38 89 24

 

ขอบคุณนะจ๊ะ นึกว่าจะได้เห็นพี่คิงแสดงภูมิ ให้สมแก่ฐานะซักหน่อย เจ้ชอบหวยหรือ?? ผมเรียนโหราศาสตร์มาคนนึงเช่นกัน 55555 มีวิธีคำนวนด้วยนะ แต่ว่าไม่เอามาใช้ครับ เคยคำนวน ตามระบบราศีดวงดาว ระบบกาลเวลา ขอบอกว่าผมสามารถครับ 55555 ถ้าผมให้หวยนะพี่คิง ....ถูก....เต็มๆเลยจะบอกให้

 

จิตเป็นปรมัตถธรรม ที่เกิดขึ้นรู้สี รู้เสียง รู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัส รู้สิ่งต่าง ๆ ตามประเภท
ของจิตนั้น เช่น จิตที่เกิดขึ้นเห็นสีทางตา เป็นจิตประเภทหนึ่ง จิตที่เกิดขึ้นรู้เย็น รู้ร้อน
รู้อ่อน รู้แข็ง รู้ตึง รู้ไหวทางกาย เป็นจิตประเภทหนึ่ง จิตที่นึกคิดที่เกิดขึ้นรู้เรื่องต่างๆ
ทางใจ เป็นจิตประเภทหนึ่ง ดังนี้เป็นต้น ทั้งนี้ตามประเภทของจิต และตามปัจจัยที่ทำ
ให้เกิดจิตประเภทนั้น ๆ
ในขณะที่จิตกำลังเห็นสิ่งใดอยู่นั้น ขณะนั้นมิได้มีแต่เฉพาะจิตที่เห็นเท่านั้น หรือมิได้มี
แต่เฉพาะสิ่งที่จิตเห็นเท่านั้น แต่ต้องมีทั้งจิตเห็น และสิ่งที่จิตเห็น เมื่อมีสิ่งที่ถูกเห็นขณะใด ก็แสดงว่าขณะนั้นต้องมีสภาพเห็น คือ จิตเห็นด้วย แต่ถ้ามุ่งสนใจเฉพาะวัตถุ
หรือ สิ่งที่ถูกเห็นเท่านั้น ก็จะทำให้ไม่รู้ความจริงว่า สิ่งที่ถูกเห็นนั้นจะปรากฏได้ ก็เพราะจิตที่เกิดขึ้นทำกิจเห็นสิ่งนั้น ในขณะนึกคิดก็เช่นเดียวกัน เมื่อจิตนึกคิดเรื่องใด เรื่อง
ราวนั้นเป็นคำที่จิตกำลังคิดนึกอยู่ขณะนั้น เมื่อจิตเกิดขึ้นรู้สิ่งใด สิ่งที่จิตรู้นั้น ภาษา
บาลีเรียกว่า อารมณ์....

 

<embed src="http://www.youtube.com/v/uirWrAdSxM0?&autoplay=1"feature=player_detailpage" frameborder="0" iframe width="640" height="360"allowfullscreen></iframe></embed>

ยืม...หน่อยนะครับพี่เสข

 

กินเนื้อหรือจะกินผักดี?...

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/xzxpoNMWdR0?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

เป็น...โลกวัชชะ..ครับ

เพราะ จขกท....มา ติเตียนแล้ว......ว่าพระให้หวย น่ารังเกียจ....
คุนเก๋งนะ.....ลอง วิจารณ์ หลวงตา บัวหน่อยสิ....ว่าท่าน ทำถุก มั้ย....

 

โลกกว้างใหญ่ ไพศาล.............

ความรู้ในโลกทมีมากมาย....เปรียบได้ แม้น ดัง ใยไม้ ในป่าใหญ่....ดังเช่นพระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้..เพียงแค่ ใบไม้ 4 ใบ ใน กำมือท่าน..ก็เพียงพอ ต่อการบรลุธรรมแล้ว...แต่ ทว่า..ความรู้ มากมายในโลก นี้ เปรียบได้ดัง ใบไม้ ในป่าทั้งหมด.......

หนทางการบรรลุธรรม..คือ เอกายนมรรค..หรื อสติปัฎฐาน 4...เท่านั้น...
แต่ ระหว่างทาง ที่จะดำเนินไป...นั้น มี สมมติ บัญญัติ เข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยเสมอ..มันตัดออก ไมไ่ได้...แม้เป็น สมมติ แต่ มันมีอยู่.........

เปิดใจให้กว้าง นิดดนึง.......พระ..ใน อุดมคติ..ของคุณ ผม เข้าใจ ดี...

แต่ อย่างไร พระยังต้อง อาศํย ชาวบ้านอยู่ดี..เพราะ ว่า..พระ ยัง มีสมมติ...
พระ ยังมี ขันธ์ 5 ครบ ยังต้องพึ่งชาวบ้าน..และ ชาวบ้าน ต้องพึ่งพระเช่นกัน
สิ่งประโลมใจ ชาวบ้านหาก มันไม่ ถุึงกับตาย.ไม่เบียดเบียน ถึงตาย..
มันมีข้อยกเว่น เพราะ มัน มี สมมติบัญญัติ ที่ ปรากฏ อยู่จริง..ครอบคลุมอยู่

 

หน้าที่ของเรามีแค่ไหน?? กระทู้นี้แค่แสดงเรื่องของความคิดเห็นถึงความสมควรเรื่องพระให้หวย ส่วนเรื่องที่คุณvitcho อยากจะเขียนต้องลองตั้งกระทู้เองดูนะครับ แล้วข้าพเจ้าแวะไปอ่านที่กระทู้ที่คุณตั้งนะครับ

 

คิดเอาแต่แง่ดีที่ทุกคนนำเสนอ ครับ ไม่มีใครถูกผิด ถ้าคิดดี พูดดี ทำดี เพื่อพระศาสนาผมโมทนาสาธุกาลด้วยครับทุกๆ ท่าน