ถึงเวลาที่สยบข่าวภัยพิบัติ  ทางสายเอก

ภัยพิบัติ ที่ปั่นป่วน ทั้งมวลนี้
ข่าวมากมี หลายคน โหนกระแส
ประโคมข่าว เป็นผู้รู้ ห่วงดูแล
แม้แต่พระ ไม่ละเว้น เต้นตามกัน

อ้างทฤษดี โน่นื่ ที่ศึกษา
งัดตำรา หมอดูว่า ครูสอน
สร้างกระแส ภัยพิบัติ กรรมตัดรอน
จะเดือดร้อน สร้างภัย ให้ตัวเอง

กาลามสูตร สิบธรรม ไม่นำหน้า
ลืมพระองค์ สัมมาฯ ที่พาสอน
เลี่ยงบาลี หนีฝุ่น หมุนดินดอน
อุธาหรณ์ ชาวพุทธ จงหยุดฟัง

คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาของศาสนาพุทธ

จงยังประโยชน์ตน และท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
__________________
กาลามสูตร ๑๐


สิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการ

พระพุทธเจ้าแทนที่จะตรัสเหมือนกับสมณพราหมณ์เหล่าอื่นที่เคยพูดมาแล้ว พระองค์ไม่ได้ทรงสรรเสริญคำสอนของพระองค์ และก็ไม่ทรงติเตียนคำสอนศาสนาของผู้อื่นแต่พระองค์กลับตรัสอีกแบบหนึ่ง การพูดแบบนี้เป็นลักษณะของวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน คือพระองค์ได้กล่าวถึงสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการโดยตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงฟัง

มา อนุสฺสวเนน อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา
มา ปรมฺปราย อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
มา อิติกิราย อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
มา ปิฏกสมฺปทาเนน อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา
มา ตกฺกเหตุ อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง
มา นยเหตุ อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาดคะเนอนุมานเอา
มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ
มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตน
มา ภพฺพรูปตา อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้
มา สมโณ โน ครูติ อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา

สรุปแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าเพิ่งเชื่อ เพราะเหตุ 10 ประการนี้

 

ทำความรู้จักกับผู้เขียน        สวัสดีครับผู้ใฝ่ในธรรมทุกฯท่าน
เรามีใช่ผู้ที่ยิ่งใหญ่หรือที่เก่งกาจอะไรมากมาย   เราเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามแนวทาง
สายเอก ในพระพุทธศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า เป็นเวลา มากว่ายี่สิบปี
และเราผู้เขียนเป็นคนแรกที่ได้แสดงอภิญญา ขึ้นบนเว็บพลังจิตเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้ท่านได้เห็นมาแล้ว  ทั้งสามครั้ง เพื่อการเจริญศรัทธา ในพระพุทธศาสนา และเป็นการยืนยันว่าผลของการปฏิบัติ ในฌานและอภิญญานั้นมีจริง และสามารถที่จะเห็นและสัมผัสได้  และเป็นกำลังใจแก่ผู้ที่สนใจปฏิบัติธรรม  และผู้ที่กำลังปฏิบัติอยู่  สมกับชื่อเว็บพลังจิต
เป็นการแลกเปลื่ยนความรู้  และเป็นไปเพื่อการศึกษา จากผู้ปฏิบัติโดยตรง  ครับ

สาเหตุที่ต้องสยบข่าวที่เตือนภัยพิบัตินั้น  ก่อนที่จะสายไปเหมือนไฟที่ลามทุ่ง

ข้อเสียและผลกระทบจากจากการเตือนภัยพิบัติที่เกินขอบเขต
คนตื่นข่าว  ตกใจ อยู่ในความหวาดระแวง  เกิดความกลัวโดยเฉพาะเด็กและคนชรา
ผู้คนเริ่มกักตุนสินค้า  รวมถึงร้านค้าต่างฯ ของเริ่มเพิ่มราคาแพงขึ้นจากเดิม  แย่งกันหาที่หลบภัยเปิดโอกาสให้พวกที่ฉวยโอกาส  ยึ่งทำให้เดือดร้อนเพิ่ม  เรียกว่าข้าวยากหมากแพงเรียกว่าได้สร้าง  และ  ได้ทำความเดือดร้อนกันทั่วหน้าครับ

การที่นำเสนอข่าวการเตือนภัยพิบัติ นั้นจะต้อง
คำนึงถึงผลกระทบต่อจิตใจและสังคมทั่วไปการเสนอข่าวที่เกินความเป็นจริง
เป็นการสร้างความหวาดกลัวให้ผู้น้อยที่จิตยังไม่เข้มแข็งทำให้เป็นทุกข์
และจะต้องไม่ขัดกับหลักธรรมคือ จะต้องไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
มิเช่นนั้นแล้วความหวังดี ของท่านทั้งหลายจะเป็นความปราถนาดี ที่เจือบาป
ก็จะตกอยู่กับที่ท่านผู้เตือนภัยพิบัติ เสียเองทั้งคนบอกให้ข่าวข้อมูล และเจ้าของกระทู้ครับเรียกว่าช่วยรับกันไปเต็มฯครับ

 

ภัยพิบัติใหญ่ที่ว่ากันนั้นในประเทศไทยจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงปี คศ  ๒๐๑๓ หรือในปี พศ ๒๕๕๖   มิไช่เป็นการทำนายหรือเดาเอา หรือนิมิต แต่เป็นการบอกจากพลังจิตที่มีจิตตานุภาพความเมตตาจิตและปราถนาที่ดี ที่ไม่ต้องการเห็นคนที่ต้องมาเดือดร้อนเพราะข่าวภัยพิบัติที่เขียนเตือนกันมาอย่างหน้ากลัว ส่วนตัวผู้เขียนจะมีความสามารถหรือรู้ในธรรมถึงขั้นใหนนั้น ให้ท่านพิจารณาเอาเองครับแต่ที่เขียนมานี้ นั่งยัน ยืนยันและ นอนยัน  ด้วยความสัจจริง ครับ และจะไม่ปิดกระทู้หนีอย่างแน่นอนครับ กรณีถ้ายังสงสัยยินดีที่จะตอบทุกท่านโดยธรรมครับ

ด้วยความปราถนาดีและเมตตาจิตมายังทุกท่านครับ

 

ผู้ที่ให้ความสนใจกับข่าวการเตือนภัยพิบัติทั้งหลายต่างก็ประโคมข่าว
ทั้งหลายในความคิดของตนบ้าง เป็นหมอดูบ้าง เป็นอาจารย์บ้าง ครูบาอาจารย์บอกมาบ้าง ฝันไปบ้าง นิมิตไปบ้าง ปฏิบัติกรรมฐานมาบ้าง มีวิชาธรรมบ้าง ยกและอ้างชื่อผู้คนที่มีชื่อเสียงบ้าง อ้างตำราที่เก่าแก่บ้าง ทั้งหมดล้วนแต่อยู่ใน กาลามสูตร ๑๐
ที่องค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าตรัสใว้ ทั้งสิ้น ฉนั้นให้ท่านบริโภคข่าวสาร เกี่ยวกับภัยพิบัติ ไม่ว่าจะมาจากที่ใด ให้พิจารณา ข่าวนั้นอย่างมีสติ และอย่าตกตื่นใจไปตามกระแสข่าวจนเกินไป ให้ท่านย้อนกลับไปดูปี Y 2 K หรือปี คศ ๒๐๐๐ เคยมีข่าว แบบเดียวกันครับ การเตรียมพร้อมใว้นั้นเป็นสิ่งที่ดี เท่ากับเราอยู่ในความไม่ประมาท เท่ากับเราเดินตามแนวทางสอนขององค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้าองค์ศาสดาแห่งพระพุทธศาสนา ครับ

 

ความรู้จากเรื่องนิมิตต่างฯหรือจักวาลต่างฯที่อ้างว่าเห็นกันในนิมิตนั้น
สิ่่งที่เห็นกันนั้นเห็นจริง  แต่  สิ่งที่ถูกเห็นนั้นเป็นสิ่งลวง
เทพเทวดาที่พาลนั้น หรือพญามารนั้น สามารถที่จะ
เนรมิตร เมืองทั้งเมืองให้ท่านเห็นในนิมิตได้ครับ รวมไปถึงสามารถที่จะ เนรมิตร
จักวาลทั้งจักวาลให้ท่านเห็นได้เช่นกัน  เพราะเป็นหน้าที่ของพญามารโดยตรงครับ
ที่มีหน้าที่ขวางทางนิพาน หรือทำอย่างไรก็ได้ที่จะให้ผู้ปฏิบัติธรรม  หลงทาง
และสามารถมาในรูปแบบต่างฯสารพัดที่จะพึงมา  ทดสอบสมาธิจิตของผู้ที่ปฏิบัติ
ถ้าผ่านตรงจุดนี้ไปได้ก็จัดได้ว่า   เป็นผู้ที่มี  วิทยายุทธ์ครับ  เรียกให้จำง่ายหน่อยครับ

 

 ผู้เขียนไม่ต้องการที่จะมีชื่อเสียง หรืออยากดัง และไม่ต้องการสิ่งใดฯตอบแทนทั้งสิ้น

บุญกุศลที่พึงเกิดจากการให้ข้อมูลนี้ เป็นวิทยาทาน ขอมอบให้เพื่อนธรรม
ที่เข้ามามีส่วนในเว็บพลังจิตที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาทุกท่าน จงมี
ผลใหญ่และอานิสงฆ์ใหญ่ เทอญ  
 
เจริญธรรมมาต้ายเมตตาจิต

 

ต้องขอบคุณทุกกระทู้ทั้งหมดใน Web board ไม่มีสิ่งไหนผิด ไม่มีสิ่งไหนถูก ความไม่มีตัวตน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสมมุติ มันเป็นธรรมะ ธรรมชาติ ที่เราใช้ดุลยพินิจพิจารณาของเราเอง จะทำให้เห็นถึงจริตต่างๆ ของทุกๆคนที่แสดงออกมาให้เราศึกษา และเข้าใจสัจธรรมได้เป็นอย่างดี ซึ่งแต่ละคนจะใช้ปัญญาได้ดีเพียงไหนน้ันก็เห็นได้ด้วยตัวเองจริงๆ

การเข้าใจธรรมะนั้นทำได้ง่าย แต่การฝึกใจนั้นทำได้ยาก...จริงๆ

 

ผ่านช่วงนี้ไป จะเป็นยุคตกต่ำของพวก มหาเมพ ทั้งหลาย เพราะผู้คนจะวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมากขึ้น

เต้นตามกระแสพอเอาเหงื่อชุ่มๆ สนุกๆ พอมีเรื่องให้คุย แต่ถ้าลุ่มหลงไม่หาข้อเท็จจริงอะไรเลย
ก็จะพาเดือดร้อนกันไป

 

สงสัย คุณคมสันต์ จะมาช้าไปครับ

 

ปฏิสังขานพลา พหุสสุตา
ผู้ได้ยินได้ฟังมากต้องอาศัยการพิจารณาไตร่ตรองเป็นสำคัญ

ที่มา : พระไตรปิฎก อังคุตตรนิกาย อัฐฐกนิบาต ๒๓/๒๒๗​

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประวัติศาตร์จีนตอนหนึ่ง : เมื่อสงครามระหว่าง เมืองจ้าว กับ เมืองเว่ย จบลง ผลปรากฏว่า เมืองเว่ยเป็นฝ่ายปราชัยจำต้องส่งราชนิกูลและขุนนางผู้ใหญ่เป็นตัวประกันตามปฏิบัติประเพณี
ผังกง ขุนนางผู้ใหญ่เข้าเฝ้าทูลถามกษัตริย์เมืองเว่ยก่อนที่ออกเดินทางว่า
:หากมีผู้ถวายรายงานว่า เสือเดินอยู่ในตลาด พระองค์จะทรงเชื่อหรือไม่?
กษัตริย์ตอบว่า : ตลาดผู้คนพลุกพล่าน เป็นไปได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อ
ผังกงทูลถามอีกว่า :หากยังมีผู้อื่นถวายรายงานอีกว่าพบเสือเดินอยู่ในตลาด พระองค์จะทรงเชื่อหรือไม่?
กษัตริย์ทรงลังเลพระทัยก่อนจะส่ายพระพักตร์
ผังกงยังทูลถามต่อ : และหากมีคนที่สามถวายรายงานอีกว่า พบเสือเดินอยู่ในตลาด พระองค์ยังทรงเชื่อหรือไม่ ?
กษัตริย์ตอบว่า : สามคนล้วนพูดสิ่งเดียวกัน ข้าเชื่อแล้ว
ผังกงก้มหน้าถอนหายใจ ก่อนกล่าวทูลว่า : ธรรมชาติเสือย่อมกลัวผู้คน ยิ่งในตลาดสด ผู้คนพลุกพล่าน เสือที่ไหนจะมีได้ หากพระองค์ทรงสงสัยเหตุใดมิทรงสั่งขุนนางออกตรวจสอบข้อเท็จจริง เมืองจ้าวนั้นไกลจากที่นี่นัก ไกลยิ่งกว่าตลาดสดกับวังหลวง หากแม้นมีผู้ใส่ร้ายข้าพระองค์ ไฉนเลยจะมีแค่สามคน ขอให้พระองค์พิจารณาไตรตร่องให้ดีเถิด
เหตุการณ์เป็นไปตาม ผังกง คาดการณ์เอาไว้ หลังจากผังกงเป็นตัวประกันที่เมืองจ้าว ก็มีคนพูดจาใส่ไคล้ให้ร้ายแก่ผังกงจำนวนมาก เมื่อผังกงกลับมา กษัตริย์ก็ไม่ทรงโปรดให้ผังกงเข้าเฝ้าอีกต่อไป .

ผู้ปกครอง(หรืออาจหมายถึง คนธรรมดา ก็ได้) นอกจากจะมีคุณธรรมแล้วจิตใจต้องหนักแน่นหมั่นพิจารณาไตร่ตรองข้อมูลต่างๆ สำหรับข่าวสารข้อมูลที่ยังไม่ได้รับตรวจสอบหรือที่เรียกว่าข่าวลือนั้น มักมีปัจจัยเสริมคือ จำนวนผู้ส่งสาร-รับสาร เพราะหากจำนวนผู้ส่งสารกับผู้รับสารมีน้อย ข่าวลือก็ถูกจำกัดในวงแคบและค่อยๆเงียบหายไป เพราะต่างคนต่างขาดหลักฐานชั้นต้น แต่หากจำนวนผู้ส่งสาร-รับสาร ทวีคูณมากขึ้น สังคมก็ถูกท่วมทับด้วยมหาอุทกภัยข่าวลือ ประชาชนตาดำๆก็ตกเป็นเครื่องมือของผู้สร้างข่าวโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ข่าวสารข้อมูลเรื่องโลกแตก มหาภัยพิบัติ ที่ผ่านหูผ่านตา ขอให้เราๆท่านๆ พิจารณาไตร่ตรองก่อนนะครับ ยิ่งใกล้วันที่ 21 ธันวาคม รายการโทรทัศน์ ข่าว วิทยุ หนังสือพิมพ์ บทความทางอินเตอร์เนต ต่างประโคมข่าวและสกู๊ปต่างๆ เพื่อแย่งชิงเรตติ้ง รักษาผลประโยชน์กันทั้งนั้น หากคิดว่าเรื่องโลกาวินาศนี้รู้กันเฉพาะกลุ่ม ขอให้ลองติดตามสถานการณ์โลกไว้บ้าง ยกตัวอย่างเช่น เหตุใด อเมริกาจึงเดินเกมรุกอาเซียนเพื่อคานอำนาจจีน วางแผนฮุบทรัพยากรเขตนี้ระยะยาวไว้หลายปี (สู้เอาเวลาเตรียมรอขึ้นโนอาห์ไม่ดีกว่าหรือ) ไหนจะโครงการใหญ่ๆที่เป็นการลงทุนจากนักลงทุนฝั่งยุโรปอีก หากเขารู้เขาจะลงทุนมหาศาลทำไม ข่าวสารที่ออกมาช่วงนี้เป็นข่าวเรื่องการตื่นข่าวลือโลกาวินาศระดับประชาชนของแต่ละประเทศมากกว่าจะเป็นข้อเท็จจริง เพราะพอนักวิทยาศาตร์หรือองค์กรที่น่าเชื่อถือออกมายืนยัน ก็ไม่ค่อยสนใจติดตามกลับมองว่า องค์กรพวกนี้ปิดเป็นความลับ ไปเสียหมด

มีภาษิตจีนบทหนึ่ง : "ข่าวลือจบลงที่ผู้มีปัญญา" หมายถึงว่า หากผู้รับสารมีสติปัญญามีวิจารณญาณมากพอว่าข่าวลือที่ตนเองได้ยินได้ฟังมานั้นไม่สอดคล้องกับหลักเหตุผล จึงไม่ได้ส่งสารหรือข่าวลือนั้นๆต่อไปยังผู้อื่น ข่าวลือทั้งหลายก็จะจบลง แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าข่าวลือไม่ได้ส่งต่อกันเป็นแนวตรง(ผู้รับสาร 1 คนต่อผู้รับสาร 1 คน) แต่แผ่กระจายออกเป็นวงกลม (ผู้ส่งสาร 1 คน ต่อ ผู้รับสาร ไม่จำกัดจำนวน) ข่าวลือทั้งหลายจึงมีประสิทธิภาพมาก การสยบข่าวลือจึงเป็นไปได้ยาก (หรือจนกระทั่งข้อเท็จจริงปรากฏ)

(ข้อความบางส่วนได้ดัดแปลงและเรียบเรียงใหม่จากหนังสือ คารมคมความคิด ของผู้เขียน ประสิทธิ์ ฉกาจธรรม)

สุดท้ายขอให้ทุกท่านห่างไกลจากข่าวลือ
สวัสดีครับ​

 

ดูท่าทางแล้ว
ผ่านวันที่ 21 ธันวาคมแล้ว น่าจะยังมี
คืนวันปีใหม่คนไทยเมาของเด็กชายปลาบู่ ต่ออีก ซึ่งรายหลังอาจจะเลยไปถึงปีใหม่ไทย คืนวันสงกรานต์ 2556
... หลังจากนั้น เดี๋ยวก็มีมาเรื่อยๆ ครับ

อยู่ห้องนี้ไม่ต้องกลัวเหงา ระทึกกันทั้งปี ทุกปี !​

 

ยังพอจะทันเวลา แต่เสียดาย.... น่าจะเข้ามาก่อนหน้านี้สัก 2-3เดือนนะครับ


.

 

ขอบคุณครับ     ไม่ช้าไปหรอกครับบางทีเราต้องรอให้สุกงอมเสียก่อนรอให้
แสดงกันให้เต็มที่จะได้รู้ว่าสิ่งใหนจริงสิ่งใหนที่ลวงกุข่าวโหนกระแส
ภัยพิบัติ  ครับ

 

ขอบคุณครับ  แต่อย่างน้อยก็ติดเบรค และใส่ G P S ใว้คนจะได้ไม่หลงทางครับ

 

น่าสนใจดีครับ เรามารอดูว่าชาวโลกจะผ่านเหตุการณ์ระทึกใจในปีนี้หรือไม่ หรือจะฉลองปีใหม่เมากัน ตามเคย

 

ลองดูแล้วกันครับเพราะผู้ปฏิบัติจะเชื่ออย่างที่ตนเองรู้เห็น ก็จะมั่นใจแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้กำลังของตนเอง โอกาสที่อุปาทาน หรือมิจฉาเทวา หรืออสุรกายทำให้ฝั่นเฝือ ก็มีสูง เห็นที่คุณคมสันต์เขียน ก็เข้าใจว่าน่าจะผ่านจุดนั้นมาแล้ว แต่เห็นข้างหน้าแล้ว เชื่อว่าคุณคมสันต์คงเห็นเหมือนกัน มันจะไม่ง่ายอย่างที่เราเข้าใจกัน โชคดีครับ

 

เรื่องวันที่ 21 ... บอกตรงๆ ว่า ไม่ได้เห็นความร้ายแรงแบบที่หลายๆ ท่านบอกไว้... แต่เห็นแผ่นดินไหวใหญ่ในวันอาทิตย์ เริ่มที่นิวซีแลนด์ มาอินโด ญี่ปุ่น อลาสก้า... อะไรประมาณนี้ และอาจมีไฟฟ้าดับในบางประเทศ สื่อสารขัดข้องในบางจุด... ไม่ได้ทำให้ทั้งโลกพังพินาศค่ะ (ขอความของคุณปู )

 

ขอบคุณครับ พญามารนั้นสามารถเนรมิตร สิ่งต่างฯได้มากมายที่มาให้เห็นในสมาธิจิต  เช่น  ธาตุทั้งสี่ และสิ่งต่างฯ ทั้งที่มีในเมืองมนุษย์ และสิ่งที่เป็นทิพย์
แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่พญามารไม่สามารถ ที่จะเนรมิตรได้คือ
พลังแสงแห่งอภิญญาฌานบารมีและรัศมีแห่งธรรม  ครับ 
อย่าว่าแต่เพียงเนรมิตรเลยครับ   แม้นที่จะเข้ามาใกล้พลังแสงก็หมดโอกาสแล้วครับ

 

ขอบคุณครับ   ยังมีอีกหลายท่านที่อยู่บนเว็บพลังจิตนี้ที่จัดได้ว่าเป็นผู้ที่มีวิทยายุทธ์ เพียงแต่ท่านยังไม่ได้โพสต์มาเท่านั้น  ครับ

 

มาเห็นด้วยกับคุณคมสันต์อีกคน อยากเขียนมาตั้งนานแต่เห็นกระแสมันแรงเลยยังไม่อยากมาต่อต้าน ตอนนี้ก็ยังชอบอ่านกระทู้ต่าง ๆ แต่ว่าเราต้องมีสติใตร่ตรอง ไม่เชื่อง่าย ๆ เหมือนเดิมอีกแล้ว

ประมาณหนึ่งปีก่อน ตอนแรกที่เข้ามาในเวปนี้ก็เพราะ search หาอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็มาเจอกับกระทู้ภัยพิบัติเข้า พออ่านแล้ววิตกกังวลมาก แต่ละอย่างแบบฟ้าถล่มดินทลาย คนจะอยู่ไม่ได้แบบนั้น ยิ่งอ่านยิ่งเครียด กลัวไปต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะลูกก็เพิ่งอายุขวบกว่า ๆ และยิ่งมีการอ้างว่าเทพบอกมา พระนั่งสมาธิเห็น บางคนฝันเห็นมีการยืนยันกันว่าแม่นยำ ยิ่งทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ

แต่พอเวลาผ่านไปคำทำนายหลายคนก็ไม่มีอะไรเกิดอยู่ดี ทำให้เราได้สติ ตอนกลับเมืองไทยก็ไปกราบเรียนครูบาอาจารย์พระสุปฎิบันโน (คำที่ท่านพูด เอาเป็นสรุป ๆ ใจความ เพราะจำเป็นคำต่อคำที่ท่านพูดไม่ได้) ท่านบอกว่ามันไม่มีหรอก คนที่พูดคือคนที่เอาเรื่องนี้มาหากินทั้งนั้น คนโง่ก็จะตกเป็นเหยื่อ แล้วการอ้างว่าจะมีการล้างโลกเพื่อให้เหลือแต่คนดีนั้นก็ไม่จริง เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังไม่สิ้นกิเลส มันก็ไม่มีทางที่จะไม่มีคนไม่ดีในสังคมไปได้

ก่อนถามท่านก็นึกถึงเรื่องนี้ ตอนนั้นก็สงสัยว่าถ้ามีแต่คนดีเหลืออยู่ แล้วที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าศาสนาจะอยู่ถึงห้าพันปี ระหว่างนี้คนก็จะเลวลงเรื่อย ๆ จนสิ้นศาสนา แล้วก็เลวลงไปอีก ถ้าเป็นเช่นนี้ ที่เค้ากล่าวว่าจะมีการล้างโลกเพื่อให้เหลือแต่คนดี ถ้ามีแต่คนดีเหลืออยู่ ทำไมมันขัดกับที่พระพุทธเจ้าตรัส ถ้ามีแต่คนดีเหลืออยู่ คนก็จะดีไปเรื่อย ๆ คนเลวก็จะไม่เหลือ แล้วทำไมศาสนาจะสิ้นสุดหล่ะ ถ้ามีแต่คนดีเหลืออย่างที่ว่ากัน

ท่านยังบอกอีกว่าเรื่องการสร้างพระก็เหมือนกัน การสร้างพระใหญ๋ ๆ แล้วสู้กับภัยพิบัติได้ก็ไม่จริง ตราบใดที่ตัวเราไม่ดีพระอะไรก็ช่วยไม่ได้ทั้งนั้น หลวงตามหาบัวท่านเน้นแต่ให้ปฎิบัติ ให้มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ ท่านไม่เห็นได้บอกว่าให้สร้างพระใหญ่อะไร เกิดมาในชาตินี้เจอพระพุทธศาสนาก็ให้รีบปฎิบัติเข้า
สรุปครูบาอาจารย์ท่านก็ให้ปฎิบัติ ให้ดูและรักษาใจของตัวเอง

ส่วนเรื่องภัยพิบัตินั้นท่านก็ไม่ได้พูดอะไรเลย ในส่วนตัวถ้าคิดตามหลักเหตุและผลคิดว่าภัยธรรมชาติมันก็มีของมันอยู่เรื่อย ๆ แต่ว่าคงรุนแรงขึ้นเพราะว่ามนุษย์ทำลายธรรมชาติอย่างบ้าคลั่ง ประชากรโลกก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหายซึ่งก็หมายความว่า คนก็จะแย่งกันกินแย่งกันใช้ จิตใจคนก็จะแย่ลงไปเรื่อย ๆ ด้วยเหมือนกัน และภัยพิบัติใหญ่ชนิดล้างโลกนั้นไม่น่าเป็นไปได้

ไม่อยากเห็นคนอื่นได้รับทุกข์แบบตัวเอง อยากให้ทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ทางโลกของตัวเองไป หมั่นทำบุญและมีเวลาก็ปฎิบัติไปด้วย ถ้าเรื่องภัยพิบัติมันจะมีจริง ๆ ก็ไม่ต้องไปใส่ใจเพราะถ้ามันจะตายอยู่ที่ไหนมันก็ตาย ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย