ยุคก่อนมีพระพุทธรูป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 6 ธันวาคม 2012.

  1. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    เอ็งไม่รู้จักอะสิ เขาดังไปทั่วโลกแล้ว
    มีกูเกิ้ลไว้ทำซากอะไรครับ
     
  2. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892

    อวดรู้อีกแล้ว แต่ยังทำพระธรรมวินัยให้ัวิปริตเหมือนเดิม
    เบื่อที่จะต้องมาแก้ทิฏฐิผิดๆๆของคุณจริงๆๆ

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปที่เป็นอดีต รูปที่เป็นอนาคต เป็นอนัตตา จักกล่าวถึงรูปที่เป็นปัจจุบันไปไยเล่า?
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเป็นผู้ไม่มีความอาลัยในรูปที่เป็นอดีต
    ไม่เพลิดเพลินในรูปที่เป็นอนาคต ย่อมเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด
    เพื่อความดับรูปที่เป็นปัจจุบัน."

    สูตรนี้ ไม่ใช่อย่างที่คุณอธิบาย คุณพยายามจะโจมตีคนที่กราบพระพุทธรูปว่า เป็นพวกยึดติดในรูป
    แต่ขอโทษในที่นี้ไม่มีคนแบบนั้น เขารู้ว่าพระพุทธรูปคือตัวแทนไม่ใช่พระพุทธเจ้าองค์จริง
    เวลากราบพระพุทธรูปเขามองไปไกลกว่าทองเหลือง ขลัง ศักดิ์สิทธิ์
    เขามองไปที่ คุณความดีของพระองค์ บารมีทั้ง10 ความเมตตากรุณา
    พระสัทธรรมที่ทรงสอน
    ความหมายของสูตรนี้ก็คือเพื่อปลดความยึดติดในรูปนั้นเอง...นี่สรุปสั้นๆๆ
    ทีนี้เรามาดูคำอธิบายที่เหมือนผู้รู้ของปลาไหลน้อยกัน

    แล้วผิดตรงไหน?ล่ะ ผิดตรงที่อุรุเวลาพูดว่า
    สรรพสิ่งที่มีในธรรมชาตินี้เป็นสังขตธรรมทั้งหมดซึ่งไม่ใช่ แต่มีที่เป็นทั้งอสังขตธรรม และ สังขตธรรมต่างหาก
    คือมีสิ่งที่เป็นไปเพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่งให้เกิด และ ไม่ได้อาศัยเหตุปัจจัยปรุงแต่ให้เกิด อย่างนิพพานในพระพุทธศาสนา


    ข้อที่ผิดอีกอย่างหนึ่งก็คือ อนัตตาไม่ใช่การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
    แต่คือการไม่มีตัวมีตนไม่มีแก่นสารของสิ่งทั้งปวง ต่างหาก นี่เขียนแบบคนที่ไม่เข้าใจไตรลักษณ์ ไม่เข้าใจอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วสับสนจับใจความไม่ถูกวิปริตจริงๆๆ


    ทุกขสูตร สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค (๑๗/๔๓/๒๒)ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ข้อนี้อริยสาวก พึงเห็นด้วยสัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงอย่างนี้ เวทนาเป็นทุกข์ ฯลฯ สัญญา เป็นทุกข์ ฯลฯ สังขารเป็นทุกข์ ฯลฯ วิญญาณเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ข้อนี้อริยสาวก พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงอย่างนี้ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี



    ในอนัตตสูตรสังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค(๑๗/๔๔/๒๒)ว่าด้วยความเป็นอนัตตาแห่งขันธ์ ๕ ความว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา รูปนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ข้อนี้ อริยสาวก พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ เวทนาเป็นอนัตตา ฯลฯ สัญญาเป็นอนัตตา ฯลฯ สังขารเป็นอนัตตา ฯลฯ วิญญาณเป็นอนัตตา ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่ย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว

    ผลของเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป คืออนิจจัง และ ทุกขัง ของสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นสังขตธรรมคือเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงสืบเนื่องกันไป ต่างหาก และไม่อาจจะดำรงอยู่ได้โดยไม่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
    จึงทำให้พระพุทธเจ้าสรุปความว่า สรรพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาซึ่งไม่มีตัวตนที่เที่ยงแท้ หรืออัตตา นีคืออนัตตา ซึ่งสืบเนื่องมาจากอนิจจัง และ ทุกขัง นั้นเอง

    ดังนั้นทั้งอสังขตธรรม และ สังขตธรรมล้วนเป็นอนัตตาทั้งคู่
    “สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา”

    "ถ้ารู้จักพระนิพพานก็จะไม่เกิดความต้องการอย่างนั้นขึ้น นิพพานเป็น "ธรรม" อย่างหนึ่ง. พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า "ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา (คือไม่ใช่ตัวหรือไม่ใช่อัตตา)"22 กันยายน พ.ศ.2485 จากหนังสือ ชุมชุนข้อคิดอิสระ ของ พุทธทาสภิกขุ"

    นี่คือเหตุผลว่าทำไมลัทธิจานบินธรรมกายถึงโดนโจมตี
    ก็เพราะ ไปยืนยันว่าอสังขตธรรม เป็นอัตตา หรือพระธรรมกายที่เที่ยงแท้นั้นเอง
    มั่วอีกแล้ว
    ..............กรุณาอ่านกรณีธรรมกาย สยามสามไตร ของพระพรหมคุณากรณ์ด้วย ก็จะได้เข้าใจให้มันถูกว่าเขาตีความเรื่องนี้กันอย่างไร?
    อ่านอะไร คุณยังอ่านไม่เข้าใจเลย
    แล้ว ทำมาเป็นมาว่าคุณลมสุริยะ บางทีเขาอาจจะเข้าใจ
    ถูกแล้วก็ได้ ฮาขี้แตกอีกแล้ว



    อุรุเวลาพูดว่า พระสมเด็จจิตรลดา ชื่อบอกอยู่แล้วครับ พระสมเด็จจิตรลดา แล้วเป็นรูปพระพุทธเจ้าหรือครับ
    รูปพระสมเด็จจิตรลดา ก็เป็นรูปพระสมเด็จจิตรลดา

    ก็เป็นรูปแทนองค์พระบรมศาสดา นะสิในหลวงท่านสร้าง คนก็เลยตั้ง
    ชื่อพระสมเด็จจิตรลดา เพื่อเป็นเกียรติคนสร้าง
    เพราะพระองค์คือตัวแทนของ ผู้ปิดทองที่หลังองค์พระปฏิมาเพื่อบูชาตลอดไป
    หรือก็คือทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆมาตลอด"
    ที่นี้ เนื่องจากแก่นแท้ของพระพุทธเจ้าอยูู่่ที่คุณความดี อยู่ที่บารมีที่ทำให้พระองค์เป็นพระพุทธเจ้า
    อยู่ที่พระธรรม
    ซึ่งเราก็รู้กันดี ในหลวงท่านก็รู้ ท่านถึงปฏิบัติบูชาตลอดมาไง
    ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่าใครกราบพระใครสร้างพระ เป็นพวกเดรัจฉานวิชา ทุศีล
    ติดในรูป โง่
    งั้นพระองค์ท่่านก็เข้าข่ายด้วยสิ

    คนอย่างคุณนี่มัน.....สุดจะเยียวยาจริงๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  3. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    สังขตธรรม หมายถึง ความเกิดขึ้นปรากฏ ๑ ความเสื่อมปรากฏ ๑เมื่อตั้งอยู่ความแปรปรวนปรากฏ ๑
    อสังขตธรรม หมายถึง ไม่ปรากฏความเกิด ๑ ไม่ปรากฏความเสื่อม ๑ เมื่อตั้งอยู่ไม่ปรากฏความแปรปรวน ๑

    นิพพานคือนิพพาน คุณเอาสภาวะอนัตตาไปอธิบายอสังขตธรรม คนไม่เคารพธรรมอย่างคุณ จิตจึงคิดแต่อกุศล
    พูดคำหยาบ เพ้อเจ้อ คุณยึดรูปเป็นตัวตน ทุกข์คุณยังไม่เห็นเลย ไหนเลยจะเห็นอนัตตา
    อสังขตธรรม และ สังขตธรรมล้วนเป็นอนัตตาทั้งคู่ ความคิดแบบเทวทัตเลยคุณ ไปขอขมาพระรัตนตรัยยังครับ
     
  4. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ท่านพุทธทาสก็พูด ฟายเอ๋ย
    "ถ้ารู้จักพระนิพพานก็จะไม่เกิดความต้องการอย่างนั้นขึ้น นิพพานเป็น "ธรรม" อย่างหนึ่ง. พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า "ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา (คือไม่ใช่ตัวหรือไม่ใช่อัตตา)"22 กันยายน พ.ศ.2485 จากหนังสือ ชุมชุนข้อคิดอิสระ ของ พุทธทาสภิกขุ"

    พระพรหมคุณากรณ์ก็พูด ตอบตอบโต้ธรรมกายว่า นิพพานเป็นอนัตตา
    จะบอกว่าคุณเก่งกว่าว่างั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  5. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    สำเนียง ส่อภาษา
     
  6. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    จากหลักฐานในพระไตรปิฎกชี้ให้เห็นว่านิพพานนั้นเป็นอนัตตา มิใช่อัตตา แต่อย่างไร
    นิพพานที่แสดงไว้ในพระไตรปิฎกยังไม่มีที่ใดเลยที่แสดงว่านิพพานเป็นอัตตา มีแต่การตีความจากคำว่าจงทำตนเป็นที่พึ่ง ดังที่ปรากฎในทีฆนิกายมหาวรรค แต่คำว่าตนในที่นั่นยังต้องตีความอีก
    นิพพานเป็นจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนามีคำไวพจน์(คำที่เรียกแทนกันได้)อีกจำนวนมากเช่น นิโรธะ หมายถึงความดับทุกข์ วิโมกข์ วิมุตติ ความหลุดพ้น สันติ ความสงบ ปรมสุข สุขอย่างยิ่ง อภยะ ไม่มีภัย อมตะ ไม่ตาย วิสุทธิ ความบริสุทธิ์ ตัณหักขยะ ความสิ้นตัณหา ปรมสัจจะ สัจจะสูงสุด วิรชะ ไม่มีธุลี อสังขตะ ไม่ถูกปรุงแต่งเป็นต้น
    ในการศึกษาตีความครั้งนี้ใช้เพียงคำๆเดียวคือ “นิพพาน” ไม่ได้ใช้คำอื่น เมื่อสืบค้นแล้วพบว่า เมื่อกล่าวถึงนิพพานจะแสดงไว้ว่าเป็นอนัตตา ประเด็นที่หาคำตอบในครั้งนี้คือนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา เมื่อสืบค้นแล้วพบว่า มีแต่ข้อความที่บ่งว่านิพพานเป็นอนัตตา ยังไม่พบที่ใดในพระไตรปิฎกที่บอกว่านิพพานเป็นอัตตาเลย นี่กล่าวเฉพาะ พระไตรปิฏกภาษาบาลี ฉบับสยามรัฐ และพระไตรปิฏกภาษาไทย ฉบับหลวง ส่วนฉบับอื่นๆ คงต้องค้นคว้าในโอกาสต่อไป ในพระไตรปิฎกทั้งสองฉบับไม่มีที่ใดเลยที่บอกว่านิพพานเป็นอัตตา เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องสรุปตามพระไตรปิฎกว่านิพพานเป็นอนัตตา จึงได้บทสรุปว่า แท้จริงแล้วในพระไตรปิฎกนิพพานเป็นอนัตตาดังที่ปรากฎในวินัยปิฎก ปริวารว่า “พระนิพพานและบัญญัติ ท่านวินิจฉัยว่า เป็นอนัตตา”



    พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
    เรียบเรียง
    ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
    มหามงกุฏราชวิทยาลัย

    มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ++ Mahamakut Buddhist University
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    อ้างพระพุทธทาส ก็เอาที่อ้างมาลงครับ อย่าพูดแต่ปากเปล่าๆ เพ้อเจ้อครับ
     
  8. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ว่าไง
    ยอมรับความจริงยัง
    สำหรับพวกทำให้พระธรรมวิปริตแบบคุณ
    ไม่จำเป็นต้องพูดดี เพราะพูดดีคุณก็ไม่ฟัง
    ผมพูดมาตั้งแต่หน้าแรกๆๆแล้ว
    ดั้งนั้นผมก้แค่คิดว่า
    ด่าฟายก็น่าจะช่วยให้มันเข้าไปในสมองคุณบ้างนะครับ
    แต่คงไม่มั้ง
    ไหนวันนั้นบอกถ้าผมผิดผมก็ยอมรับไงครับ
    ความเป็นลูกผู้ชายนะมีไหม? ถ้าคุณไม่ใส่ร้ายผมไม่แถผมจะไม่ด่าคุณฟายแน่นอน
    คุณยังไม่รู้ตัวอีก
    ขอบคุณผมบ้างสิ ผมช่วยทำให้คุณเป็นสัมมาทิฏฐิหลายกระทู้แล้วนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  9. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    อ้างที่มาแล้วเฟ้ย
    อ่านบ้างสิ
    22 กันยายน พ.ศ.2485 จากหนังสือ ชุมชุนข้อคิดอิสระ ของ พุทธทาสภิกขุ
     
  10. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    นี่มันคำพูดเพ้อเจ้อของคุณ
     
  11. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,867
    catt3catt3catt3catt4catt4catt4

    ตามมาเป็นกองเชียร์ค่ะ เถียงต่อไปเรื่อยๆ คนอ่านได้ประโยชน์ค่ะ.....
     
  12. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    เขาเรียกว่า เทศกาลจับปลาไหลครับ55555ผมกำลังจะปรุงปลาไหล มิจฉาทิฏฐิ ให้เป็นสัมมาอยู่
     
  13. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    เฟ้อเจ้ออะไรจ๊ะ ก็ลอกมาจากหนังสือนั้นแหละ จะเอาฉบับเต็มไหมล่ะ
    แน่ใจหรอว่าคุณมีปัญญาอ่าน
    ให้เข้าใจนะ

    เอาให้แหกตาดูซะ
    คัมภีร์พระพุทธศาสนาโดยเฉพาะของฝ่ายเถรวาท บอกไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า "นิพพานเป็นอนัตตา" เช่น ในคัมภีร์พระวินัยปิฎก ปริวารบอกว่า "สังขารทั้งปวงอันปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นิพพานและบัญญัติเป็นอนัตตา วินิจฉัยมีดังนี้"
    ในคัมภีร์พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรคบอกว่า "สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา" และในคัมภีร์พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาตบอกว่า "สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา" ซึ่ง "ธรรม" ในที่นี้พระอรรถกถาจารย์อธิบายต่อว่า "หมายรวมถึงนิพพานด้วย" นอกจากนี้ ยังมีข้อความในคัมภีร์พระไตรปิฎกอีกหลายแห่งทั้งที่ระบุโดยตรงและโดยอ้อมที่มีนัยบอกว่า "นิพพานเป็นอนัตตา"
    คำว่า "อนัตตา" มีความหมายระดับปรมัตถ์ มีนัยที่ต้องไขความต่ออีก โดยเฉพาะในคัมภีร์ชั้นหลังก็จะบอกว่า "ที่ชื่อว่าเป็นอนัตตา เพราะเกิดขึ้นจากองค์ประกอบต่าง ๆ มาประชุมกัน ไม่มีตัวตนที่เป็นแก่นเป็นแกนอยู่ ไม่มีตัวตนที่คงที่ ไม่มีผู้สร้าง ไม่มีผู้เสวย ไม่มีอำนาจในตัวเอง บังคับให้เป็นไปในอำนาจไม่ได้ แย้งต่ออัตตา"

    http://www.mcu.ac.th/site/articlecontent_desc.php?article_id=197&articlegroup_id=59
    จากมหาจุฬาราชวิทยาลัย นี่สองมหาลัยสงฆ์ สองนิกายเถรวาทในประเทศไทยพูดตรงกันซะขนาดนี้
    ยังจะแถไปไหน?อีก

    คัมภีร์พระวินัยปิฎก ปริวาร ภาษาบาลีว่า "อนิจฺจา สพฺพสงฺขารา ทุกฺขานตฺตา จ สงฺขตา นิพฺพานญฺเจว ปณฺณตฺติ อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา" แปลว่า "สังขารทั้งปวงอันปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นิพพานและบัญญัติเป็นอนัตตา วินิจฉัยมีดังนี้"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  14. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ท่านยกคำของท่านพระพุทธทาสที่ว่า นิพพาน หมายถึงเย็นหรือดับ
    ส่วนที่เขียนว่า นิพพานเป็นอนัตตา เป็นความคิดของผู้เขียน
    ไม่ใช่ของท่านพระพุทธทาสครับ กลับไปอ่านใหม่ครับ
     
  15. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,867
    วันก่อนจะซื้อเครื่องปั่นน้ำผลไม้ เข้าไป search เจอข้อมูลในพันทิป เริ่มแรกก็คุยกันดีเรื่องเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ตอนหลังคนมาโพสต์ต่อยอดในเรื่องของน้ำผลไม้ที่ปั่นออกมา...ท้ายสุดด่ากันเวปกระจุยค่ะ...

    พอพูดถึงเรื่องวิธีทำหรือวิธีการที่ไรต้องมีปัญหาทุกทีสิน่า...ส่วนมากที่จะเป็นปัญหากันบ่อยๆก็คือวิธีคิดนี่แหล่ะ...

    ท้ายที่สุดมันก็สรุปที่เครื่องปั่นน้ำผลไม้กับน้ำผลไม้ที่ปั่นเสร็จแล้ว.....ส่วนจะปั่นอีท่าไหนแล้วออกมากินได้หรือเปล่ามันเป็นตอนสรุปอยู่ที่คนจะกินมันว่าถูกจริตหรือชอบมันแค่ไหนหรือเปล่า
     
  16. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    คัมภีร์คุณอ่านแล้วคุณเชื่อเลยหรือครับ "ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา" ใช่ครับ แต่นิพพานไม่ใช่อนัตตาครับ
     
  17. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    นิพพานคือนิพพาน

    ทีนี้เวลาถึงขั้นนั้นแล้ว นั่นละท่านเรียกว่าขั้นอัศจรรย์ อัศจรรย์โลกสมมุติเรานี้เป็นอันหนึ่งนะ ที่ว่าอัศจรรย์ของธรรมแท้จิตแท้ เรียกว่าจิตเป็นธรรม ธรรมเป็นจิต เรียกว่าธรรมธาตุก็ไม่ผิด ท่านให้ชื่อว่านิพพาน ธรรมธาตุ จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วพระพุทธเจ้าทรงให้ชื่อว่านิพพาน จะแยกเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ คำว่านิพพานเป็นคำเดียวเท่านั้น อันไหนไม่เหมือน อันไหนไม่ถูก

    อย่างที่ว่าไว้ มีผู้มาอ้างในพระไตรปิฎกก็มีนี่นะ ว่าพระไตรปิฎกท่านแสดงไว้ว่านิพพานเป็นอนัตตา หึย ว่าอย่างนี้เลยเรานะ อ้าวจริง ๆ มันยันกันเลยทันที มันเดินให้เห็นอยู่ชัด ๆ นี่นะ นิพพานเป็นอนัตตาได้ยังไง นิพพานคือนิพพานเป็นอนัตตาได้ยังไง อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา นี้เรียกว่าไตรลักษณ์เข้าใจไหม เราพิจารณาเพื่อพระนิพพาน ต้องเดินไปตาม อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เมื่อพิจารณาอันนี้รอบแล้วปล่อย ๆ พอถึงขั้น อนัตตา เต็มส่วนแล้วปล่อย อนัตตา ปุ๊บถึงนิพพาน แล้ว อนัตตา ทำไมจะไปเป็นนิพพาน ถ้า อนัตตาเป็นนิพพาน นิพพานก็เป็นไตรลักษณ์ล่ะซีเข้าใจไหม นี่ละว่าเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ อัตตา ก็เป็นส่วนสมมุติ อัตตา คือความยึดถือ อัตตา ตนจะไปเป็นนิพพานได้ยังไง อัตตา ความถือตนถือตัว อตฺตานุทิฏฺฐึ อูหจฺจ

    พระองค์แสดงไว้แล้วว่า สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ โมฆราช สทา สโต แล้วก็ อตฺตานุทิฏฺฐึ อูหจฺจ เอวํ มจฺจุตฺตโร สิยา เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ มจฺจุราชา น ปสฺสติ คือ ดูก่อนโมฆราช เธอจงเป็นผู้มีสติ ดูโลกให้เห็นเป็นของว่างเปล่า ถอนอัตตานุทิฏฐิเสียได้ อัตตาฟังซิ ถอนอัตตานุทิฏฐิ อัตตานุทิฏฐิก็เป็นทางเดิน ถอนอัตตานุทิฏฐิเสียแล้ว พญามัจจุราชจะติดตามเธอไม่ทันอีกแล้ว นั่นท่านให้ถอนอัตตานุทิฏฐิ แล้วยังทำไม อัตตา จะมาเป็นนิพพานเสียเอง เอาพิจารณาซิ ยันกันอย่างนั้นซิ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ก็เป็นทางเดินเพื่อก้าวสู่พระนิพพาน อัตตาความยึดมั่นถือมั่น ก็ต้องพิจารณาอัตตานี้เพื่อให้ผ่านอัตตานี้ไปได้แล้วจึงไปเป็นพระนิพพานได้ เหตุใดพระนิพพานจึงจะมาเป็นอัตตาเป็นอนัตตาเสียเอง เอาพิจารณาซิ

    อย่าเอาหนอนแทะกระดาษมาอวดนะ ให้เอาภาคปฏิบัติจับกันทันทีไม่ต้องทูลถามพระพุทธเจ้า นี้จริง ๆ นะ เราพูดอย่างนี้มันคึกคัก มันหากเป็นของมันนี่นะ ก็มันจัง ๆ อยู่นั่นเห็นประจักษ์ ทูลถามพระพุทธเจ้าทำไมว่างั้นเลย ของอันเดียวกัน รู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน ถามกันหาอะไร นี่ละคำว่านิพพานต้องเป็นนิพพานเท่านั้นเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ จะเอาอัตตา อนัตตา เข้าไปใส่ อย่าเอามูตรเอาคูถไปโปะพระนิพพานว่างั้นเลย นิพพานคือนิพพานเลิศเลอสุดยอดแล้ว พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเอง มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ แสดงไว้แล้ว นี่มีในพระไตรปิฎก แล้วพระไตรปิฎกไหนจะมาว่านิพพานเป็นอนัตตาได้อีก เอาอย่างนี้ซิ

    มี พระเจ้าฟ้าเจ้าคุณท่านมาพูดถึงเรื่องว่า ในพระไตรปิฎกท่านว่านิพพานเป็นอนัตตา ชึ่ย ว่างี้เลยเรา ดีไม่ดีมันส่อให้เห็นผู้ไปจดจารึกพระไตรปิฎกมาเป็นคนประเภทใดอีกด้วยนะ ถ้าเป็นคนประเภทพระพุทธเจ้าพระอรหันต์แล้วจะว่านิพพานเป็นอนัตตาไม่ได้เป็นอันขาด นอกจากพวกคลังกิเลสมันเข้าไปจดจารึก ได้คำบอกเล่าอะไรมาก็มาว่าผิด ๆ ถูก ๆ ไปอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงส่อให้เห็นว่าผู้ไปจดพระไตรปิฎกมานี้เป็นคนประเภทใด มันบอกด้วยนะ อ่านไปในพระไตรปิฎกบอกไปในตัวเสร็จ ว่าผู้จดจารึกพระไตรปิฎกเป็นคนประเภทใด ถ้าเป็นคนประเภทเป็นพระอรหันต์จดจารึกมาแล้ว จะมีเน้นมีหนัก นี่เรียบ ๆ ไป พูดไปที่ไหนส่งเสริมแต่กิเลสเรื่อยไป ตีกิเลสไม่มีนี่บอกแล้ว ความจริงมีนี่

    เหมือนเราถากไม้นี่สมมุติว่าต้นเสานี่นะ ต้นเสาตรงนี้มันเรียบ ๆ ตรงไป เขาก็ถากเสมอ ๆ พอไปถึงจุดคดจุดงอเขาจะถากหนักมือ คดงอที่ไหนจะต้องถากอย่างหนักมือเพื่อให้ราบเสมอกัน อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเป็นพระอรหันต์ท่านจดจารึกตามหลักความจริง หลักความจริงมีชื่อนี่นะ พอไปเจอหลักความจริงก็เน้นหนักลงไปจุดนั้น ๆ พอเรียบ ๆ ถึงจุดไหนที่เป็นบทหนักที่ควรจะเน้นหนัก ก็ต้องเน้นหนัก ๆ นั่นเรียกว่าหลักความจริง อันนี้มีแต่เรียบ ๆ ไปพูดที่ไหนยกมือไหว้กิเลสไปเรื่อย ๆ จดจารึกไปที่ไหนไหว้กิเลสไปเรื่อย ๆ มันอดคิดไม่ได้นะ เรายกให้หลักใหญ่ที่นำมาเป็นแบบเป็นฉบับของพวกเราชาวพุทธนี้นะ เราไม่ได้ปฏิเสธไปหมดนะ ไอ้กิ่งก้านสาขาไปนั่นซิ ไปเอากิ่งไหนมาทับกับกิ่งไหนผสมกับกิ่งไหนก็ไม่รู้ สุดท้ายก็ยกยอกิเลส

    ยกยอมันเท่าไร โคตรพ่อโคตรแม่ของกิเลสมันไม่เคยทำประโยชน์ให้แก่ใคร มีแต่เอาไฟมาเผาโลก จะไปยกยอมันหาอะไร ธรรมต่างหากเป็นเครื่องเชิดชูสัตวโลก ควรจะยกยอธรรม เหยียบกิเลสลงไปมันถึงจะถูกว่างั้น พูดต้องขออภัยนะ นี่ละเรียกว่าพูดตามหลักความจริงต้องพูดอย่างนั้น ให้ตรงไปตรงมา เรื่องกิเลส โอ๋ย ไม่ได้นะ ปลิ้นปล้อนหลอกลวง ไพเราะเพราะพริ้งนิ่มนวลอ่อนหวาน แต่ความโกหกอยู่ในนั้นหมดเลย ธรรมะนี้ไม่ ตรงไปตรงมา ผิดว่าผิด ถูกว่าถูก ดีว่าดี ชั่วว่าชั่วไปเลย จึงเรียกว่าภาษาของธรรมเป็นภาษาที่สะอาดมากที่สุด ไม่มีเล่ห์มีเหลี่ยม ตรงไปตรงมา ภาษาของกิเลสเป็นภาษาที่สกปรกมากที่สุดเลย ต่างกันอย่างนี้นะ

    นี่เราพูดถึงเรื่อง อัตตา อนัตตา ก่อนจะถึงพระนิพพาน ถึงธรรมชาติที่ให้ชื่อว่านิพพานนั้นต้องผ่านไตรลักษณ์ไปเสียก่อน ไม่ผ่านไตรลักษณ์ไปจะถึงความบริสุทธิ์ไม่ได้ จะถึงนิพพานไม่ได้ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เรียกว่าไตรลักษณ์ พิจารณา ทุกฺขํ อนิจฺจํ อนตฺตา อะไรก็ตาม ๓ ประเภทนี้จนพอแล้วมันปล่อยของมัน ถ้าไม่พออันนี้ยังไม่ปล่อย ยังต้องพิจารณา อัตตา อนัตตา เหล่านี้อยู่ในวงเดียวกันของการดำเนินเพื่อก้าว ๆ ผ่านไป อัตตาก็เป็นตัวกิเลสอันสำคัญจึงถอนด้วย อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ถอนอันนี้อีกทีหนึ่ง อัตตานุทิฏฐิ ความถือว่าเป็นตนเป็นตัว เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เหล่านี้ ถอนอันนี้ออก แล้วจากนั้นก็ ทั้งหมดนี้เป็น อนัตตา นะ ปล่อย เมื่อถึงขั้นสุดยอดแล้วทั้งหมดเหล่านี้เป็นสมมุติทั้งนั้นนะ เป็น อนัตตา ทั้งนั้น จิตถอนปึ๋งออกจากนี้ ถอนจากนี้แล้วเรียกว่าอะไรตรงนั้น

    นั่นละพระพุทธเจ้าเลิศเลิศจากการถอนทั้งสามนี้แล้วนะ อยู่ใน อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อัตตาเหล่านี้ถอนไม่ได้ตายอยู่นั่น ถอนจากนี้แล้วจึงจะเป็นนิพพาน แล้วนิพพานอะไรถึงจะมาแอบซ่อนอยู่ในไตรลักษณ์ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา และ อัตตา นิพพานก็ไม่มีที่พึ่งเที่ยวไปเกาะไตรลักษณ์อยู่นั้น เป็นอิสระได้ยังไง พูดแล้วเราคันฟันนะ โอ๋ย เถียงกันตาดำตาแดงจนกลายเป็นหมากัดกัน เถียงว่านิพพานเป็นอัตตาเป็นอนัตตา เถียงยุ่งกันไปหมดเลย คนหนึ่งยันว่านิพพานเป็นอัตตา คนหนึ่งยันว่านิพพานเป็นอนัตตา เอ้า กัดกันไปเราว่างั้น เฉย เอ้ากัดกันไป

    คัดลอกมาบางส่วนจาก
    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
    เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๒
    นิพพานคือนิพพาน
    Luangta.Com -
     
  18. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    เอาเข้าไป .............เอาเข้าไป มั่วแล้ว
    คุณอ่านหนังสือจับประเด็นยังไม่ถูก คุณยังจะแถอีก
    ก็เห็๋นอยู่ว่าตั้งแต่เปิดกระทู้แรกมาจนหน้านี้แล้ว
    คุณจับประเด็นอะไรที่อ่านไม่ได้เลยสักครั้งครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันหรอก
    เดี๋ยวผมจะเอามาลงให้หายข้องใจ
     
  19. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    เรื่องนี้ หลวงตาบ้านตากออกมาสารภาพความผิดนานแล้ว
    คุณยังไปเอามาทำซากอะไรอีกครับ
    เขารู้กันนานแล้ว มีตอนหนึ่งท่านพูดว่าพระพรหมคุณากรณ์ไปกราบท่านเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดที่พูดว่านิพพานเป็นอนัตตา
    ต่อมาพระพรหมคุณากรณ์ ออกมาให้ข่าว เขียนหนังสือว่า ไม่เคยทำอย่างที่หลวงตาบ้านตากว่าเลย
    และต่อมาทางศิษย์หลวงตาบ้านตากต้องมาแก้ความ ว่าพวกตนเข้าใจผิดเองจึงตีความไปอย่างนั้นพิมพ์เอกสารไปอย่างนั้น
    หลวงตาบัวไม่รู้เรื่อง
    ตามข่าวบ้าง
    ไม่ใช่ดีแต่ลอก

    พระไตรปิฏกก็เอามาให้แล้ว
    หรือคุณเชื่อหลวงตาบ้านตากมากกว่าพระไตรปิฏก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  20. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,867
    เคยได้อ่านหรือได้ยินนิทานเรื่องหนึ่ง....เคยสงสัยอยู่เหมือนกันเขาเล่าว่า...

    มีชายตัดฟืนคนหนึ่ง ตัดฟืนมันทุกวันก็สามารถบรรลุธรรมแล้ว....แต่มีพระภิกษุรูปหนึ่งนอนกอดตำราพระไตรปิฎก ชั่วชีวิตนี้ก็บรรลุพระนิพพานไม่ได้......

    อ่านดูแล้วก็เห็นจะจริงค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...