การทำอภิญญาเบื้องต้น เคยเขียนไว้แล้วครั้งหนึ่ง เอามาทบทวนนักปฏิบัติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Darkever, 11 พฤศจิกายน 2011.

  1. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    กสิน10นั้นเกิดฤทธิ์ได้ แต่ถ้าไม่พิจารณาไตรลักษรณ์ก็ไม่สามารถบรรลุที่สุดแห่งทุกข์ แฉกเช่้น ฤาษีทั้งหลายที่ฝึกกสินจนแก่กล้า ถอดจิต เหาะได้ มีฤทธิ์ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งเพื่อนพระ ที่ผมรู้จักล้วนผ่านจุดนั้นมาแล้ว คือ มีฤทธิ์แล้ว ก็ละฤทธิ์เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ใน ตำราวิสุทธิมรรคนั้น สมาธิจะเศร้าหมองด้วย อาศัย สัญญา มนสิการที่เกิดพร้อมด้วยความรัก ความปรารถนาใน ปัญจพิธกามคุณในกาลใด สมาธิก็จะเศร้าหมองเสื่อมสูญไปในกาลนั้น......(ผมว่า ไม่หมู เลย..อิอิ):cool:
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ สิกขาสาม เป็นสิ่งที่ส่งเสริมกันตามลำดับ พระวจนะ"(เมื่อพระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ที่อุทยานอัมพลัฎฐิกา ในราชอาคาร ทรงกระทำธรรม มีกถา เป็นอันมากแก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้ว่า)..........ศิล เป็นอย่างนี้ สมาธิ เป็นอย่างนี้ ปัญญา เป็นอย่างนี้.....สมาธิ ที่ศิลอบรมแล้ว ย่อมมีอานิสงค์ใหญ่....ปัญญา ที่สมาธิอบรมแล้ว ย่อมมีผลใหญ่มีอานิสงค์ใหญ่.....จิตที่ปัญญาอบรมแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายโดยชอบทีเทียว คือพ้นจาก กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ...(มหา.ที.10/96/76)....:cool:สัมมาสมาธิ ที่ว่าด้วย ฌาน นี่แหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2012
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ขั้นตอนอันจำกัดแห่งปัจจัยของสัมมาสมาธิ---พระวจนะ"ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรง ไม่ประพฤติความเสมอกัน ในเพื่อนสหพรมจารีทั้งหลายแล้ว จักทำ อภิสมาจาริกธรรมให้บริบูรร์ ดังนี้นั้น ไม่เป็นฐานะจะมีได้........ครั้นไม่ทำอาภิสมาจาริกธรรมให้บริบูรณ์แล้ว จักทำเสขธรรม(ธรรมที่ควรศึกษษสูงขึ้นไป) ให้บริบูรณืดังนี้นั้น ไม่เป็นฐานะจะมีได้............ครั้นไม่ทำ เสขธรรมให้บริบูรร์แล้ว จักทำศิลทั้งหลายให้บริบูรณ์ดังนี้นั้น นั่นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้............ครั้นไม่ทำศิลทั้งหลายให้บริบูรณืแล้ว จักทำสัมมาทิฎฐิให้บริบูรณืดังนี้่นั้น นั่นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้............ครั้นไม่ทำ สัมมาทิฎฐิให้บริบูรร์แล้ว จักทำสัมมาสมาธิให้บริบูรร์ ดังนี้นั้น นั่นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้............ภิกษุทั้งหลายภิกาุนั้นหนอ มีความเคารพ มีความยำเกรง ประพฤติความเสมอกัน ในเพื่อสหพรมจารีทั้งหลายแล้ว จักทำ อภิสมาจาริกธรรมให้บริบูรณ์ดังนี้นั้น นั่นเป้นฐานะที่มีได้..........ครั้นทำ อาภิสมาจาริกธรรมให้บริบูรณ์แล้ว จักทำเสขธรรมให้บริบูรณ์ดังนี้นั้น นั่นเป็นฐานะที่มีได้..........ครั้นทำ เสขธรรมให้บริบูรร์แล้ว จักทำศิลทั้งหลายให้บริบูรณ์ ดังนี้นั้น นั่นเป็นฐานะที่มีได้.............ครั้นทำศิลทั้งหลายให้บริบูรณ์แล้ว จักทำสัมมาทิฎฐิให้บริบูรณ์นั้น นั่นเป็นฐานะที่มีได้..............ครั้นทำสัมมาทิฎฐิให้บริบูรณ์แล้ว จักทำ สัมมาสมาธิให้บริบูรณ์ ดังนี้นั้น นั่นเป็นฐานะที่มีได้.......(ปญจก.อํ.22/15-16/21.)..:cool:
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    หมวดว่าด้วย หลักการปฎิบัติ ของสัมมาสมาธิ--บุพพภาคแห่งการเจริญสมาธิห้าขั้น--พระวจนะ" มหาราชภิกษุนั้น ประกอบด้วยศิลขันธิ์อันเป็นอริยะนี้ด้วย....ประกอบแล้วด้วยอินทรีย์สังวรณ์อันเป็นอริยะนี้ด้วย...ประกอบแล้วด้วยสติสัมปชัญญะอันเป็นอริยะนี้ด้วย.....ประกอบแล้วด้วย สันโดษอันเป็นอริยะนี้ด้วย.............เสพเสนาสนะอันสงัด คือป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้าป่าชัฎ ที่แจ้ง ลอมฟาง เธอนั้น ในเวลาภายหลังอาหาร กลับจากบิณบาตแล้ว นั่นคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะหน้า เธอละอภิชฌาในโลก มีจิตปราศจากอภิชฌา คอยชำระจิตจากอภิชฌาอยู่...ละพยาบาทเครื่องประทุษร้าย มีจิตปราศจากพยาบาท เป็นผู้กรุณามีจิตหวังความเกื้อกูลในสัตว์ทั้งหลายคอยชำระจิตเครื่องประทุษร้ายอยู่ละถินนะมิทธะ มุ่งอยู่แต่ความสว่างในใจ มีจิตปราศจากถินนะมิทธะ มีสติสัมปชัญญะรู้สึกตัว คอยชำระจิตจากถินนะมิทธะอยู่ ละ อุทธัจจะกุกุจจะ ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบอยู่ ในภายใน คอยชำระจิตจากอุทธัจจะกุกุจจะอยู่ ละ วิจิกิจฉา ข้ามล่วงวิจิกิจฉาเสียได้ ไม่ต้องกล่าวว่า นี้อะไร นี่อย่างไร ในกุศลธรรมทั้งหลาย(เพราะความสงสัย) คอยชำระจิตจาก วิจิกิจฉาอยู่---สิ.ที.9/95/125.....:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2012
  6. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...................ฌานสมาบัติ นั้น ต้องอาศัยอะไรหลายอย่าง...ตามพระวจนะนะครับ ลอง ใคร่ครวญดู...แค่ท่อนที่ว่า ละวิจิกิจฉา ข้ามล่วง วิจิกิจฉาเสียได้ ไม่ต้องกล่าวว่า นี่อะไร นี้อย่างไร ในกุศลธรรมทั้งหลาย(เพราะความสงสัย)...แค่นี้ ยังต้องใช้ ความรู้ความเข้าใจใน กุศลธรรม เป็นฐาน:cool:
     
  7. _nnn_123

    _nnn_123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +567
    ถ้าไม่เคยรู้เรื่องกสิน ไม่เคยฝึกทำกสินอะไรเลย แค่ทำสมาธิปกติ เรื่อยๆ แล้วคนธรรมดาๆ ที่ทำไปเรื่อยๆ สามารถมีเรื่องพวกนี้ได้ใมคะ แล้วถ้ามันมีแล้วยังไงต่อ คะคือสมมุติว่าไม่ได้อยากมีเรื่องพวกนี้ ไม่สนใจแต่มันมีมาเอง เราก็อย่าสนใช่ใมคะ แล้วก็ทำสมาธิไปเรื่อยปกติ ใช่ใมคะ แล้วสมมุติว่า ตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน รู้สึกว่าตัวจะปลิวออกจากร่างกาย ไม่ว่าจะเดิน จะนั้ง เหมือนมันจะปลิวหลุดไป จะต้องยังไงต่อคะ เรียนรบกวนผู้รู้แนะนำ คะ
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ตรงรู้สึกว่าจะปลิว ตรงนี้ให้ เพ่งเข้ามาที่ ขณะจิตเริ่มต้น

    ก่อนที่จะรู้สึกว่าปลิว ก่อนจะรู้สึกว่าหลุด มันจะมีสภาพธรรมหนึ่ง หน่วง
    โน้ม น้อม ขึ้นมาก่อน ก่อนจะ กระโจนตามไปว่า ปลิว ว่า หลุด

    หากพิจารณาดีๆ ก็จะพบว่า สภาพธรรมหนึ่ง ที่เกิดขึ้นก่อนจะ ปลิว หรือหลุด
    มันก็เป็น สภาพธรรมเดียวกันกับ ก่อนกระโจนไปเห็นว่ามีกระแส มาที่กระ
    หม่อม มาที่กาย มาที่ร่างกาย

    และหาก พิจารณาดีๆ ให้ครบทั้งอยาตนะ6 ก็จะพบว่า มันก็เป็น สภาพธรรม
    หนึ่งที่เกิดขึ้นก่อนได้ยิน เสียงระฆัง ก่อนได้กลิ่น

    สภาพธรรมนั้นเรียกว่า กายลหุตา จิตลหุตา หรือ ลหุสัญญา

    สภาพธรรม ลหุสัญญา เป็นสภาพธรรมที่พ้นความเป็นสัตว์ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่
    ตน ไม่มีเราในลหุสัญญา ไม่มีลหุสัญญาในเรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่ลหุสุญญา

    ลหุสัญญา เป็นเพียง สภาพธรรมที่มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ ไม่ขึ้นกับ
    อริยาบท กาล เวลา สถานที่

    ถ้า มีมิจฉาทิฏฐิ ไม่เคยสดับ สดับแต่ไม่ใส่ใจในธรรม ก็จะ ผลิกเอา ลหุสัญญา
    ไปเป็นสภาพของสัตว์ เช่น เป็นผู้วิเศษอื่นบ้าง เป็นศาสดาอื่นบ้าง เป็นตัวเรา
    ผู้มีสามารถบ้าง ล้วนแล้วแต่ เอาความวิปลาสไปครอบสภาพธรรม ที่มันเกิด
    แล้วก็ดับ เพื่อจะได้ย้อมใจตัวเองว่ามีอะไรให้ยึดถือ ครอบครอง

    แต่ถ้า พยายามเพ่งพิจารณา แล้ว ใคร่ครวญตามเห็นความไม่เที่ยง มีเหตุก็เกิด
    หมดเหตุก็ดับ เป็นทุกข์ จิตจะปล่อยการยึดมั่นถือมั่น ไม่เอามาสร้างภพชาติ
    หลอกตัวเอง

    แต่จะเอาสัญญา ลหุสุญญานี้ เป็นการเพียรเพ่งอยู่ในอารมณ์อันเดียว เพื่อ
    พิจารณาความไม่เที่ยง เป็นทุกข์

    เมื่อเอา ลหุสัญญานี้มาพิจารณาให้มากๆ ทำเนืองๆ ร่างกายก็จะเบากว่าปรกติ
    จิตจะเบากว่าปรกติ หากมีจิตตั้งมั่น ไม่มีความเศร้าหมองเพราะ กามวิตก
    พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก เมื่อนั้น ก็จะน้อมไปสู่ ........อะไรก็ได้ น้อมไป
    สู่การสิ้นอาสวะก็ได้

    ทั้งนี้ อยู่ที่อธิษฐานจิตว่า จะพึ่งตนเองเข้าสู่นิพพานด้วยตัวเอง หรือ จะโง่รอ
    ให้ใครมาจูงไปสู่นิพพานให้ใครมาหยิบยื่นลักษณะนิพพานให้เชือตามๆกันไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2012
  9. Darkever

    Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +333
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สูญญตา
     

แชร์หน้านี้

Loading...