พระรับเงินได้หรือไม่ได้.

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย 9อมตะ9, 10 กันยายน 2009.

  1. acspclubs

    acspclubs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +579
    อยู่ที่เจตนา แหละครับ

    ต่อให้ไม่จับเงินแต่้ถ้าเค้ายึดติดใน เงิน ประมาณว่ามีอัตตาอยู่

    ก็เท่านั้น แต่ถ้าเค้าจับเงินแต่ไม่ได้ยึดติดกะค่าของมัน

    ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ

    เงินมันจะซื้อได้ทุกอย่างเชียวหรือ ซื้อคำสวด ซื้อพร ซื้อบุญ ซื้อสวรรค์ ซื้อพีธีกรรมทาง

    ศาสนา?

    อยู่ที่ท่านภิกษุนั่นแหละครับ ว่าเห็นเงิน หรือ นิพพาน ดีกว่ากัน

    *แต่ก็เป็นไปได้ยากนะครับ ที่จะดำรงชีวิตโดยปราศจากเงิน
     
  2. มธุรดา

    มธุรดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +213
    จากความเข้าใจของเรา เส้นแบ่งไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่อยู่ที่เจตนาๆเดียว คือ "การละ"
    ซึ่งต้องดูว่าเวลานั้น เงินทำหน้าที่อะไร?
     
  3. bigboom007

    bigboom007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +570
    รับได้แต่ควรใช้ให้ถูกทาง
     
  4. churdpong

    churdpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +384
    ลองพิจารณากันสักนิดเถิดครับว่า "องค์กรใด ๆ ก็ตามหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังคงสภาพเดิม ยึดมั่นในมติอย่างเคร่งคัด องค์กรนั่นย่อมเสื่อมไปตามกาลเวลาที่ผันผ่าน"
    สมัยบรรพกาลปฏิบัติแบบนึง สมัยโลกาวิวัฒก็ต้องมีการพัฒนาตามไปด้วย กฏเกณฑ์ที่ค่ำครึย่อมนำพาให้เกิดความเสื่อมถอย
     
  5. churdpong

    churdpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +384
    ลองพิจารณาอีกว่า พระท่านสามารถใช้สิ่งอุปโภค และบริโภคได้อย่างฟรี ๆ ไหมครับ เป็นไปได้ไหมที่พระเดินผ่านร้านค้า แล้วเลือกหยิบสินค้าโดยไม่ใช้ปัจจัย เพราะความจำเป็นในสิ่งของนั้น และเป็นไปได้ไหมที่พระท่านสามารถขึ้นรถโดยสารได้โดยไม่ต้องใช้ปัจจัย
     
  6. Tiger Dear's

    Tiger Dear's MY HOMEWORK

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2009
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +301
    การถวายเงินพระสงฆ์คงไม่เหมาะ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_87 class=t_msgfont>การถวายเงินพระสงฆ์คงไม่เหมาะ

    ถวายเงิน พระสงฆ์ คงไม่เหมาะ
    ใครสงเคราะ ปัจจัยสี่ ช่วยทีหนา
    เจ็บไข้ ไม่สบาย จ่ายค่ายา
    นั้งรถรา ไปไหน ให้จ่ายที

    พุทธบุตร สุดรัก เคารพพ่อ
    จึงไม่ขอ แก้ไข วินัยนี้
    พ่ออุสส่าห์ เมตตา ไว้ไมตรี
    ดูจะเหมือน มีเหตุผล ลองค้นดู

    ศรีลังกา เป็นอย่างไร เคยไปไหม
    รู้หรือไม่ ไม่ถวาย แก่พระสงฆ์
    เฝ้าต้นโพธิ์ โอ้วัด ปูสาดลง
    แล้วล้อมวง เรียนรู้ อยู่ใต้โพธิ์

    หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตพันธ์ นั้นไม่ใช่
    แต่นี่หมาย ความถึง หนึ่งพระสงฆ์
    เพราะลำบาก ยากแค้น ที่แสนตรง
    หรือนี่คือ สิ่งที่ทรง ปลงพระทัย

    พุทธองค์ ทรงสร้างโลก โปรดเข้าใจ
    ใช่สร้างไว้ แค่บ้าน อย่างขานไข
    ศาสนา เปิดกว้าง ต่างออกไป
    เพื่อรับใคร ก็ได้ ย้ายเข้ามา

    เป็นอุบาย คล้ายหลัก บริหาร
    คือรู้การ รู้เหตุ เขตอาศัย
    รู้หลบ รู้หลีก รู้ฉีกไป
    ไปใช่รู้ แค่ใน ไอ้ใบลานฯ

    บ.ก.โลกใหม่</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    มีคำกล่าวขานกันเป็นที่ร่ำลือว่า
    พระ... (ไม่อยากเอ่ยชื่อท่าน) กระโดดขวางรถยนต์ที่กำลังขับผ่านวัด รถก็เบรคอย่าง
    กระทันหัน พอดีไม่ชนท่าน ด้วยความโมโหเลยถามท่านว่า หลวงพ่อขวางรถทำไม

    ท่านก็บอกว่า "โยมมาประเคนน้ำอาตมาหน่อย..อาตมาคิดว่าน้ำในวัดยังไม่ใช่ของสงฆ์
    ต้องมีคนประเคนก่อน"

    แต่ข่าวนี้ไม่ได้กล่าวว่า คนขับรถลงมาประเคนน้ำหลวงพ่อใหม แต่ข่าวกระโดดขวางรถ
    ให้ลงมาประเคนน้ำกล่าวขานกันมา 3 ปีนี้แล้ว เพราะท่านเคร่งมาก (เกินเหตุ)

    หลวงพ่อที่วัดใกล้บ้านผมเองครับ นึกเห็นหน้าท่านทีไรก็ยิ้มขำท่านในใจทุกที
    เงินไม่ถือ เอาแบบจะให้สะอาดมันทุกข้อศิล 227 สะอาดภายนอก แต่ใจเป็นไงไม่รู้
    เฮ้อ..มนุษย์หนอมนุษย์.
     
  8. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    คือพระนี่นะครับ ถ้าละความอยากตัวเดียวก็ไม่ต้องถือเงินเลย
    1.ไม่อยากให้ศาสนาเจริญภายนอกแบบแข่งขันกันว่าวัดใครโบสใหญ่กว่ากัน...ก็ไม่ต้องเรี่ยไร
    2. ปัจจัยการดำรงชีพ จีวรไม่ต้องเต็มตู้ แชมพูไม่จำเป็น ครีมทากันสิวก็ยิ่งไม่ต้องใช้แต่ของที่เขาถวายในการบังสกุลก็ใช้ไม่หมด..ถ้าไม่อยากเลือกยี่ห้อ ก็ไม่เสียเงิน
    3.การเดินทางของพระเป็นไปตามวาระ สมัยก่อน 1 ปี ประชุมสงฆ์ 1 ครั้ง เดี๋ยวนี้ประชุมทุก 1 เดือน ยิ่งถ้าเป็นชนชั้นปกครอง ยิ่งประชุมทุก 1 อาทิตย์ ถ้าไม่มีความอยาก ก็ไม่ต้องประชุมบ่อย ก็นานๆจะเห็นพระออกจากวัดที ใครๆก็อยากไปส่ง แต่นี่เห็นทุกวันจนชินตาเลย
    พาลคิดเงินกับพระซะเลย ไม่งั้นมาโดยสารบ่อยจนขาดทุน



    ยิ่งไปกว่านั้น จนบัดนี้ ยังมีข่าวเรี่ยไรซื้อที่ดินสร้างวัดใหม่ๆ (ไอ้ที่ขยายวัดเพราะวัดเล็กก็ไม่ว่ากันครับ มันจำเป็น)
    สิ่งที่ต้องมองคือ ที่วัดนั้น เมื่อเป็นธรณีสงฆ์แล้ว ใครไปเอามาเป็นเจ้าของแล้วบาปมหันต์
    ถ้าต่อๆไป วัดร้าง บ้านเมืองขยายตัว ดินวัดตรงนั้นจะให้ทำยังไง ??

    สร้างศาลาเสร็จ สร้างโบส สร้างโบสเสร็จ ศาลาก็เก่า ก็รื้อสร้างใหม่ วนเวียนไปเรื่อย
    ทั้งที่ยังใช้การได้ดีอยู่ เพียงแค่ไม่ทันสมัย

    อยากตัวเดียวทำให้เสียเงิน เลยต้องถือเงินไงล่ะครับ
     
  9. popo2009

    popo2009 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +3
    ** พระรับ เงินและทอง อาบัติ นะครับ ไม่ว่าเราจะรับเอง หรือเรารับแทนผู้อื่น หรือให้ผู้อื่นรับแทนเรา มันก็อาบัติทั้งนั้น ทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับของพวกนี้เลยดีกว่า เราสามารถปฏิเสธได้
    ** สมบัติของ พระสงฆ์ คือศีล 227 ข้อ เท่านั้น
    ** พระ ใด รับเงินและทอง ตก มหานรกอเวจี ผู้ที่ถวาย รับโทษไปด้วยครึ่งหนึ่ง เพราะทำให้พระอาบัติ
    ** ตกนรกจาก พุทธันดรหนึ่ง ข้ามไปอีก พุทธันดร หนึ่งเลยละ ก็คือว่า ถ้าท่านตกนรกในสมัยของพุทธกัสสปะ ก็ตกมา ตั้งแต่ สมัยพระพุทธกัสสปะ ต่อมาสมัยของพระพุทธเจ้า สมณโคดม ก็ยังอยู่ในนรก ต่อมา ในสมัย ของพระศรีอาร นั้นละท่านถึงจะหมดกรรมจากนรก มาเกิด เป็นมด เป็นปวก จิ้งจก จิ้งเหลน กบ เขียด กุ้ง หอย ปู ปลา ม้า ช้าง วัว ควาย หมู หมา กา ไก่ ฯลฯ
    ** ข้อใดที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสใว้แล้ว มันจะมีความขลัง ในอำนาจของพระองค์เอง ผู้ใดปฏิบัติตามได้ จักเป็นกุศลมหาศาล ผู้ใดผิดต่อพระพุทธองค์ ตกนรกยาวนาน
    ** แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจ ว่าทำไมถึงจำอดีตชาติไม่ได้ เพราะตกนรกนานเป็น ล้านๆๆ ปี ขนาดนั้น จะไปจำอะไรได้ บางคนเรียนหนังสือวันนี้ พอมาวันพรุ่งนี้ ลืมหมดแล้ว
     
  10. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    เวลามีใครมาถามแบบนี้กับผม
    ผมจะถามเขากลับว่า คุณพร้อมจะเป็นธุระให้พระหรือยังละ..?

    งานเพื่อรักษาพระศาสนา ไม่ต้องใช้เงินหรอก ถ้ามีคนพร้อมจะทุ่มเท...
    คุณพร้อมหรือยังครับ
     
  11. samajuka

    samajuka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +42
    พระพุทธองค์ทรงห้ามภิกษุจับต้องเงินทองด้วยกาย แต่ไม่ทรงห้ามการรับครับ

    ทรงอนุญาตให้ภิกษุรับได้ แต่ให้มีไวยยาวัจกรเป็นผู้เก็บ ถือ หรือจับเงินทองนั้นๆแทน

    ถ้าภิกษุนั้นๆจะมีความต้องการปัจจัยสี่ ด้วยเงินทองนั้นๆ ให้ภิกษุนั้นบอกไวยยาวัจกรเป็นธุระทำการแทนให้ หรือนำพาไวยยาวัจกรถือหรือจับเงินทองนั้นๆไปให้

    ภิกษุไม่สามารถจับเงินทองนั้นๆได้ด้วยตนเองครับ แต่รับได้ เพียงให้มีโยมจับแทน
     
  12. ปาวา

    ปาวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +5,946
    [๑๐๓] ดูกรมหาบพิตร อย่างไร ภิกษุจึงชื่อว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล.
    ๑. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาตรา
    มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ข้อนี้เป็นศีลของ
    เธอประการหนึ่ง.
    ๒. เธอละการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ รับแต่ของที่เขาให้ ต้องการแต่ของที่
    เขาให้ ไม่ประพฤติตนเป็นขโมย เป็นผู้สะอาดอยู่ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
    ๓. เธอละกรรมเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกล
    เว้นขาดจากเมถุนอันเป็นกิจของชาวบ้าน แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
    ๔. เธอละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์ มีถ้อยคำ
    เป็นหลักฐาน ควรเชื่อได้ ไม่พูดลวงโลก แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอ ประการหนึ่ง.
    ๕. เธอละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น
    เพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าวกัน หรือฟังจากข้างโน้นแล้วไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อให้คนหมู่โน้นแตก
    ร้าวกัน สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง ชอบคนผู้พร้อม
    เพรียงกัน เพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน กล่าวแต่คำที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน แม้ข้อนี้
    ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
    ๖. เธอละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ เพราะหู ชวนให้รัก
    จับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่ พอใจ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
    ๗. เธอละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง พูดอิง
    อรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดแต่คำมีหลักฐาน มีที่อ้าง มีที่กำหนด ประกอบด้วยประโยชน์
    โดยกาลอันควร แม้ข้อนี้เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
    ๘. เธอเว้นจากการพรากพืชคามและภูตคาม.
    ๙. เธอฉันหนเดียว เว้นการฉันในราตรี งดจากการฉันในเวลาวิกาล.
    ๑๐. เธอเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรีและดูการเล่น อันเป็นข้าศึกแก่กุศล
    ๑๑. เธอเว้นขาดจากการทัดทรงประดับ และตบแต่งร่างกายด้วยดอกไม้ ของหอมและ
    เครื่องประเทืองผิว อันเป็นฐานแห่งการแต่งตัว.
    ๑๒. เธอเว้นขาดจากการนั่งนอนบนที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่.
    ๑๓. เธอเว้นขาดจากการรับทองและเงิน.
    ๑๔. เธอเว้นขาดจากการรับธัญญาหารดิบ.
    ๑๕. เธอเว้นขาดจากการรับเนื้อดิบ.
    ๑๖. เธอเว้นขาดจากการรับสตรีและกุมารี.
    ๑๗. เธอเว้นขาดจากการรับทาสีและทาส.
    ๑๘. เธอเว้นขาดจากการรับแพะและแกะ.
    ๑๙. เธอเว้นขาดจากการรับไก่และสุกร.
    ๒๐. เธอเว้นขาดจากการรับช้าง โค ม้า และลา.
    ๒๑. เธอเว้นขาดจากการรับไร่นาและที่ดิน.
    ๒๒. เธอเว้นขาดจากการประกอบทูตกรรมและการรับใช้.
    ๒๓. เธอเว้นขาดจากการซื้อการขาย.
    ๒๔. เธอเว้นขาดจากการโกงด้วยตราชั่ง การโกงด้วยของปลอม และการโกงด้วยเครื่อง
    ตวงวัด.
    ๒๕. เธอเว้นขาดจากการรับสินบน การล่อลวง และการตลบตะแลง.
    ๒๖. เธอเว้นขาดจากการตัด การฆ่า การจองจำ การตีชิง การปล้น และกรรโชก
    แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

    http://www.84000.org/tipitaka/read/?9/103
     
  13. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ผมก็จะขอย้ำอีกครั้งว่า คุณพร้อมจะทำเพื่อพระ เพื่อพระศาสนาแล้วจริงๆหรือเปล่าครับ

    ใครเป็นไวยาวัจกรให้กับวัดไหนบ้าง

    วัดมีไม่เยอะครับ...
    แต่คนตอบกระทู้มีเยอะ
     
  14. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    หากว่ากันตามพระวินัย ก็ต้องยอมรับว่าผิด
    หากดูตามหลักธรรมว่าด้วยเจตนา การรับเงินนั้นไม่ผิด แต่ควรมีวิธีการที่ชัดเจนอันแสดงว่าพระมิได้รับไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนและด้วยความโลภ ให้ไวยาวัจกรรับและเก็บให้ฝากธนาคาร มีเจ้าของบัญชี4คนทำให้โปร่งใสครับ

    หลวงพ่อกล่าวว่า เดี่ยวนี้พระก็ต้องออกเดินทางบ่อยมากไปประชุมสงฆ์ก็บ่อย ค่าน้ำไฟทุกเดือนต้องจ่าย ต้องมีเงิน การที่พระครูสมณะขึ้นไปมีเงินเดือนก็ได้ช่วยนำมาจ่ายนำไฟตรงนี้ได้

    หลวงพ่อกล่าวว่า พระธรรมปิฏกเป็นใหญ่ พระวินัยเป็นบาทฐานแต่ที่สุดคือ ธรรมเป็นใหญ่ จิตต้องตั้งอยู่ในธรรม เดี่ยวนี้เงินเป็นปัจจัยที่5ไปแล้ว แต่จะปัจจัย4ปัจจัย5 หรือปัจจัยอะไร
    พระสงฆ์ก่อนรับก่อนใช้ก็ต้อง ปลงอนิจจังเสมอเพราะทุกอย่างเป็นเพียงธาตุวัตถุที่ต้องไปบำรุงร่างกายการดำรงชีวิตเพื่อการปฏิบัติธรรม

    ผมไปทราบมาว่าหลวงพ่อกุหลาบ[พระครูโกวิโท]วัดถำบ่อทอง หลวงพ่อท่านพบรอยพระพุทธบาทที่เขาด้านหลังของวัดนี้ท่านไปทำวิหารครอบและบูรณะวัดให้เจริญขึ้นมาก ท่านหลวงพ่อได้มรณภาพไปแล้วด้วยวัยชรา แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ท่านมรณภาพ ลูกศิษย์ท่านหลายคนได้ขึ้นไปบนกุฏฏฺิท่าน เพื่อทำความสะอาด ปรากฏว่า ในกุฏฏิท่าน พบเงินที่ใส่ซองบ้าง และไม่ใส่ซองบ้าง ท้ิงกระจัดกระจายอยู่เกลื่อนในกุฏิทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ลูกศิษย์จึงได้รวบรวมเก็บออกมา รวมเป็นเงินประมาณ3แสนบาท ตลอดจนในบัญญชีที่ทางกรมพุทธศาสนาจ่ายเงินเดือนให้ท่านเพราะท่านเป็นพระครูและเป็นเจ้าอาวาธด้วย ตั้งแต่รับตำแหน่งและมีเงินเดือนเข้าบัญญชีให้ท่าน ปรากฏว่ายังมีเงินอยู่ครบ ท่านไม่เคยเบิกออกหรือสนใจเงินในบัญญชีที่ท่านได้รับเลยปัจจุบันสังขารร่างของท่านใส่โลงแก้วอยู่ที่วัดครับ ผมนับถือและบูชาท่านเป็นครูอาจารย์พระองค์หนึ่งครับ

    ผมนำเรื่องนี้มากล่าวก็จะแสดงให้เห็นว่าพระอริยะสงฆ์ที่ปฏิบัติดี เป็นที่เคารพรักนับถือศรัทธา ก็ยังมีอยู่อย่างหลวงพ่อกุหลาบแห่งวัดถ้ำบ่อทอง ก็มีเป็นตัวอย่างให้เห็น ครับสาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2012
  15. stttana

    stttana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +34
    รับไม่ได้ครับ ควรมี ไวยวัจกร(กรรมการ) ดูแลครับ และต้องย้อนถามท่านว่า สังคมเดี๋ยวนี้เก็บเงินพระสงฆ์ด้วยครับ เป็นเรื่องสมัยใหม่ไปแล้วพูดยากมาก ถึงจะลดราคาแต่ก็เก็บอยู่ดี แต่ต้องยอมรับว่า เป็นอาบัติอยู่ดีครับ แต่เป็นอาบัติที่ไม่หนักมากเท่าไหร่ตามจำนวนเงินที่เก็บครับ
     
  16. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    พระจับเงินก็ผิดวินัย ให้ผู้อื่นจับแทน ก็เลี่ยงบาลี

    ไหนๆก็ผิดแล้วก็จับเสียเลย(ผมชอบทำบุญกับพระที่จับเงิน)

    หลวงปู่บุดดา ถาวโร ท่านไม่จับเงิน เมื่อมาเจอหลวงพ่อฤาษี

    หลวงปู่บุดดา เลยต้องจับเงินตามหลวงพ่อฤาษี

    แล้วท่านทั้งสององค์ก็เข้าพระนิพพาน(พระจับเงินก็เข้านิพพานได้)

    นรกมีไว้ลงโทษเฉพาะคนชั่วเท่านั้น
     
  17. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    อยู่ที่จิต

    ถ้ามีจิตยินดีในเงินทองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าจะรับเองหรือให้ใครรับให้ก็เรียกได้ว่าผิดทั้งนั้น
    แต่ถ้าไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวก็รับได้หรือจับได้โดยไม่เป็นอาบัติ เช่น
    - มีคนลืมเงินทองไว้ในวัด พระเห็นแล้วเก็บไว้คืนเจ้าของ (อันนี้ถ้าเห็นแล้วไม่เก็บไว้ให้ ก็เป็นอาบัติเช่นกัน)
    - รับเพื่อสาธารณประโยชน์เช่น กรณีพระเรี่ยรายเงินทองเพื่อสร้างเจดีย์ให้พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ดังที่มีคนกล่าวข้างต้น หรือ กรณีหลวงตามหาบัว รับเงินทอง ในโครงการช่วยชาติ

    ถ้าผมเป็นพระ เวลามีใครให้เงิน ผมก็จะบอกให้ไปใส่ตู้บำรุงค่าน้ำค่าไฟวัด
    หรือถ้ายังยืนกรานจะให้ผม ผมก็จะบอกผู้ให้ ได้รับทราบว่าผมจะเอาเงินนี้ไปใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ไม่ใช้ส่วนตัว

    แต่ทางที่ดี ถ้าเป็นฆราวาส อย่าให้เงินทอง กับพระดีกว่าครับเพราะเสี่ยงต่อการทำให้พระเกิดจิตยินดีในเงินทองนั้นได้ง่ายๆ ซึ่งถ้าเกิดจิตยินดีก็เป็นอาบัติทันที ถ้าจำเป็นต้องให้ก็ให้เป็นใบปวารณาแล้วเอาเงินให้ไวยาวัจจกร แต่ให้ดีที่สุดคือซื้อของที่จำเป็นเช่น อาหาร จีวร ยา มีดโกน หนังสือธรรมะ ฯลฯ ไปให้พระเลยดีกว่า แค่นี้พระก็อยู่ได้แล้วไม่จำเป็นต้องใช้อะไรมากมายตามข้ออ้างของกิเลส ถ้าอยากได้นั่นได้นี่มากนักก็สึกออกมาเป็นฆราวาสดีกว่าอย่าอยู่ให้ศาสนาด่างพร้อยเลย

    ช่วยกันรักษาพระธรรมวินัยไว้ให้บริสุทธิ์กันดีกว่าครับ เพื่อที่พระสงฆ์จะได้เป็นเนื้อนาบุญที่ดีแก่ชาวพุทธไปอีกนานๆ ถ้าทำตามกิเลสก็จะมีพวกทุศีลในหมู่พระมากขึ้นก็ลองคิดดูว่าทำบุญกับพระทุศีลผลบุญจะได้มากแค่ไหนถ้าเทียบกับทำบุญกับพระมีศีล

    ขนาดศีล 10 ข้อของสามเณร ยังห้ามรับเงินทองเลย แล้วพระภิกษุที่มีศีล 227 ข้อนี่จุกจิกยิ่งกว่าเณรเสียอีกซึ่งชัดเจนว่า รับเงืนทองไม่ได้ รวมถึงห้ามซื้อขายแลกเปลี่ยนของเพื่อการค้าด้วย ถ้าศีล 10 ข้อพระยังรักษาไม่ได้ ก็อายเณรนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 พฤศจิกายน 2012
  18. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    เป็นเรื่องใหญ่โตกันเลยเทียว
    เรียนถามคุณ titapoonyo

    ข้อความข้างต้นที่ยกมานั้น ถ้าเช่นนั้นแสดงว่า บัญญัติแห่งพระชินสีห์ไม่เป็นอกาลลิโกอย่างนั้นหรือ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้
    ขออนุญาตทราบพระสูตร เล่มไหน ข้อไหน ?
    แล้วอะไร เป็นเครื่องชี้วัด ว่าบัญญัตินี้ใหญ่โต บัญญัตินี้ไม่ใหญ่โต ?
    สาวกมิจำเป็นต้องใช้เงินเลย หรือจะบอกว่าจำเป็น ถ้าจะบอกว่าจำเป็นผมคงต้องถามต่อแล้วล่ะ ว่าถ้าหากจำเป็นแล้วไม่มีผู้ถวายให้ สาวกจะทำเช่นไร ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง พยากรณ์ทำนายทายทัก ปลุกเสกเลขยันต์ กระทำน้ำมนต์ เช่นนั้นหรือ
    ถ้าเช่นนั้น มหาเถระฝ่ายวิปัสสนาธุระ คงยิ่งใหญ่ไปกว่าศาสดาแล้วล่ะ ก็อย่าได้เป็นสาวก(แปลว่าผู้ฟัง)เลย

    นี่ยังไง เป็นเหตุผลที่คิดเองตรึกเอง ว่าไม่เป็นอะไร ไม่ใหญ่โต ให้เหมาะกับยุคสมัย โดยไม่สนใจคำพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งเป็นอกาลลิโก เช่นนั้นกล่าวมาเลยสิว่า 2555 สาวกบัญญัติเองได้ บัญญัติข้อนี้แห่งพระชินสีห์ไม่เหมาะกับยุคสมัยนี้ ฟังคำของเราแทน (นี่กล่าวกันตรงๆเลย)
     
  19. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    พิจารณาให้ดี คำว่า"เหตุแห่งความเสื่อม" อย่าว่าแต่เรื่องไม่ใหญ่ไม่โตเลยครับ ต่อให้เป็นเรื่องที่ไม่ทรงรับรองหรือไม่ทรงคัดค้าน(คือไม่ผิด)ด้วยก็แล้ว หากบัญญัติเพิ่มเติม ตัดทอน แก้ไข ก็ถือว่าเป็น"เหตุแห่งความเสื่อม"อยู่ทุกประการ
    เปรียบเสมือนถนนเส้นตรง คุณหมุนพวกมาลัยนิดเดียว จริงอยู่อาจไม่ตกถนน แต่หากปล่อยไว้เช่นนั้น ไม่นานตกถนนแน่นอน
     
  20. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    "เพราะว่าทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตรห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน ดูกรนายคามณี ทองและเงินควรแก่ผู้ใด เบญจกามคุณก็ควรแก่ผู้นั้น เบญจกามคุณควรแก่ผู้ใด ทองและเงินก็ควรแก่ผู้นั้น"
     

แชร์หน้านี้

Loading...