คนที่ไม่เคยได้ของเดิมเลยในชาติก่อน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะนำสุข, 20 ตุลาคม 2012.

  1. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    อยากจะให้ช่วยชี้แนะว่า คนที่ไม่่ได้มีของเดิมในชาติก่อนเลยแต่ชาตินี้
    รักษาศีล 5บริสุทธิ์ จิตทรงพรหมวิหาร 4 ระงับนิวรณ์ 5ได้ ไร้ความกังวล
    จิตจะทรงฌาณขั้นสูงได้ไหมและจะสามารถสำเร็จ วิชชา 3 อภิญญา 6 และ
    เข้านิพพานในชาตินี้ได้ไหมครับ
    ช่่วยชี้แนะด้วย ขอบคุณครับ
     
  2. wyatt

    wyatt สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +8
    มารอฟังคำตอบด้วยครับ
     
  3. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245
    มีข้อสังเกตุครับ
    หากเคยได้ยินได้ฟังมาว่า หากท่านใดไม่เคยทำได้ ไม่เคยฝึก
    ไม่เคยมีฌาน อภิญญา 5 ตาทิพย์ หูทิพย์ มาแต่ปางก่อน ก็จะฝึกได้ยาก

    ขอให้สังเกตุได้ดังนี้ ว่า ใครจะสามารถตอบได้ ว่าแต่ปางก่อน จะเคยมีหรือไม่


    และขอให้สังเกตุว่า ในพระไตรปิฎก
    ยกตัวอย่าง พระจูฬปันถก ไม่เคยทำฌานสมาบัติได้ แต่พอ มุ่งตรงแห่งการบรรลุอรหันต์

    ก็ได้ครบ ปฏิสัมภิทา 4 อภิญญา 6
    หากมี ข้อติต่างมาว่า เนื่องด้วยพระจูฬปันถกเคยบำเพ็ญมาแต่ปางก่อน

    ก็จะมีข้อกังขาว่า หากพระพุทธเจ้าไม่บอก
    เราจะรู้ถึง บุพกรรมของพระจูฬปันถกได้หรือเปล่า

    ทีนี้ มายุค ปัจจุบัน ใครจะเก่งกว่าพระพุทธเจ้า
    ที่จะสามารถบอกถึง บุพกรรมของแต่ละบุคคลได้อีก

    ลอง พิจารณาดู ว่าเราจะมุ่งที่ปัจจุบันหรือลังเล
     
  4. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ถ้าสนใจจะปฏิบัติกรรมฐาน ให้วางชาิติก่อนชาติหลังเหอะครับ
    ไม่ต้องไปสนใจมัน
    เพราะถ้ามีอิทธิบาท๔ เสียอย่าง เอาชีวิตเข้าแลก ยังไงก็ไม่เกินพุทธพจน์

    อนึ่ง ขอให้ทราบไว้ว่า บุคคลผู้ที่สนใจปฏิบัติพระกรรมฐานนั้น สร้างบารมีมาเยอะแล้ว
    ถ้าไม่มีอะไรมาเลย ศีล๕ ยังขอบาย ทานก็ไม่ให้ครับ
     
  5. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    งั้นหมายความวาถ้าเราทรงอิทธิบาท 4อยูสม่ำเสมอก็สำเร็จใช่ไหมครับ
    โหแค่นี้ก็มีกำลังใจแล้ว
     
  6. Kimzo

    Kimzo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,046
    ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้ามีปาปริก้า55555
     
  7. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    อย่าไปสนใจกับอดีตชาติก่อนที่ผ่านมาแล้ว และอนาคตที่ยังมาไม่ถึงเลยคะ ถ้าคิดจะปฏิบัติขอให้เริ่มปฏิบัติเลยคะ หาครูอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติจริงๆสอนเรา เอาประสบการณืที่ท่านได้รับมาสอนเราไม่ใช่เอาทฤษฎีมาสอน มันต่างกันคะ และเราก็ปฏิบัติจริงๆ ดวงตาเห็นธรรม ท่านจะได้รู้ชัดรู้แจ้งเห็นจริงในสัจจธรรมของพระพุทธองค์ และให้เข้าถึงธรรมท่านจะพบของจริงๆคะ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราจะปฏิบัติจริงหรือเปล่าเท่านั้นเองคะ
     
  8. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    แค่การได้เข้ามาอ่านเวปพลังจิต สนใจธรรมะ ก็น่าจะเป็นเหตุที่ดีแล้วครับ เพราะญาตุพี่น้องผมว่าผมไม่ปกติครับ ตอนนี้
     
  9. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    มันเป็นยังไงหรือครับ
     
  10. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    ไม่รู้สิครับพ่อแม่ กับพี่ผม ว่่าผมบ้าอะ
    ปกติไม่เคยสนใจธรรมมะซักนิด ผมเป็นคนยึดติดมาก เรียกว่าอนุรักษ์นิยมก็ได้ครับ
    ก่อนมาศึกษาธรรมมะ ผมผิดหวังทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เรื่องเรียน เรื่องงาน ความรัก
    จนทำให้ผมไม่มีแรงที่จะยืนอยู่ได้ พอมาศึกษาเกียวกับธรรมมะ ผมก็เริ่มดีขึ้นครับ
     
  11. ธรรมะนำสุข

    ธรรมะนำสุข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +606
    คล้ายๆกับผมเลยครับผมก็เพิ่งเริ่มสนใจเรื่องธรรมะเหมือนกันครับ
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    สิ่งที่ทำอยู่ ปัจจุบัน ส่งผล ไป อนาคต นะครับ จขกท

    ถ้าปัจจุบันนี้ มัวแต่ นั่งรอของเก่า อนาคต ก็ รอ ๆ ๆ ต่อไป ชาตินี้ไม่ได้ ก็ชาติ ต่อๆ ไป ถ้า ปัจจุบัน ยังไม่เริ่มปฏิบัติ


    ศีล เป็นพื้นฐาน ของ สมาธิ ครับ

    จิตทรงพรหมวิหาร 4 ระงับนิวรณ์ 5ได้ นี่ ปฐม ฌาน แล้วครับ จขกท


    ไม่ใช่ไปหลอกตัวเอง สร้างอารมณ์ หลอกๆ ขึ้นมาเองนะครับ เรื่องระงับ นิวรณ์ 5 นี่ ถ้าจิต เป็น สมาธิ เป็น ฌาน องค์ประกอบ มัน ระงับไปด้วย องค์ สมาธิ ฌาน นั้นๆ ครับ

    ไม่ใช่ว่า คิดไปเองว่า เราระงับนิวรณ์ 5 ได้ แล้วเราจะต้องได้ สมาธิ ได้ ฌาน


    จะระงับ นิวรณ์ 5 ได้ต่อเมื่อนั้น คือ เข้า ฌาน ได้ เป็น ฐาน อย่างแรกก่อนเลย นะครับ


    ส่วนเรื่อง วิชชา 3 อภิญญา อะไรนี้

    แค่ จิต สงบ รวมลง สมาธิ จิต เป็น สมาธิ จริง เรื่องพวกนี้ มันได้ของมันเองครับ

    อยู่ที่คนทำ สมาธิ ว่าจะใช้ หรือ ไม่


    เช่น อยากดูอดึตชาติ ของตัวเอง เราก็ เข้า สมาธิ แล้วก็ รำพึงในจิต น้อมจิตไปเพื่อต้องการ ดูอดีต ชาติ ของตัวเอง

    ถ้าจิต มีกำลัง สมาธิ เราก็จะเห็น อดีตชาติ ต่างๆ ของตัวเราเองที่เคยไปเกิดมา

    จะย้อน 5 ชาติ 10 ชาติ 20 ชาติ 100 ชาติ นี่ ถ้าจะทำได้ อยู่ที่ กำลัง สมาธิ ว่ามีถึงไหม

    ถ้ากำลังสมาธิ อ่อน ก็อาจได้แค่ 1 - 5 ชาติ ก็ดูย้อนไปมากกว่านั้นไม่ได้

    แล้วก็อยู่ที่ บารมีของเก่าที่เคยปฏิบัติ สะสม มาด้วย ถ้ามีมาก ก็ ย้อนไปดูได้เยอะ ครับ


    ดังนั้น เรื่อง วิชชา 3 อภิญญา ต่างๆ นี่

    สิ่งสำคัญ คือ พื้นฐาน จิต ต้องเป็น สมาธิ รวมลงเป็น สมาธิ ให้ได้ก่อนครับ

    ถ้าจิต ยังไม่เป็น สมาธิ ทำอย่างไร ก็ทำไม่ได้นะครับ


    สมาธิ ตามหลักของ ศาสนาพุทธ นะครับ

    ไม่ใช่ สมาธิ ทางโลกๆ พวก สมาธิขับรถ สมาธิเรียนหนังสือในห้องเรียน มี สมาธิ แบบ นั้น คนละ สมาธิ ทาง ธรรม นะครับ

    อย่าเอามาปนกัน เหมือนบางคน ใช้คำว่า สมาธิ เหมือนกัน แต่แยกไม่ออก ไม่รู้จัก ไม่เคยประสบ ว่า สมาธิ ทาง ธรรม ของ ศาสนาพุทธ เป็นอย่างไร



    วิชชา 3 อภิญญา นี่ เป็น แค่ผล ของ การทำ สมาธิ ฌาน เท่านั้นครับ

    ไม่เกี่ยวกับ เรื่อง การ บรรลุ พระอริยเจ้า ครับ


    และจะ นิพพาน ชาตินี้ ต้อง บรรลุ อรหันต์ เท่านั้น จ๊ะ






    .
     
  13. พระคุณากร

    พระคุณากร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2012
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +72
    ทุกคนที่เกิดมาบนโลก มีบุญและกรรมเป็นของเดิมอยู่แล้ว เพราะว่าแค่เกิดมาก็เป็นกรรมที่เราทำมาในครั้งก่อน แล้วเกิดมาเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เราทำไว้

    ไม่ต้องคิดว่าจะมีของเก่า หรือไม่มีของเก่า แต่ให้เราตั้งใจปฏิบัติธรรม
    แล้วเข้าใจธรรมที่พระพุทธเจ้า ทรงบอกว่าจะพ้นทุกข์อย่างไร
     
  14. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    เกิดมาหลายภพหลายชาติ ก็ต้องมีบ้าง ที่เคยศึกษามา ไม่งั้น

    ไม่ทุกข์ ก็คงไม่หันมาหาธรรม

    ยิ่งฟังแล้วเกิดไอเดีย เข้าใจขึ้นมา ก็ต้องมีบ้างที่เป็นของเดิม

    สนใจของใหม่ดีกว่าค่ะ ของเดิมบางทีให้คุณมาก แต่บางครั้งก็ให้โทษมหันต์

    ตั้งใจทำวันนี้ของคุณให้ดีที่สุด มีความสุขกับมัน แค่นี้ก็น่าจะคุ้มค่าแล้ว สำหรับชีวิต

    ขอให้ชีวิตดีขึ้นในทุกๆวันนะคะ
     
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

    [​IMG]


    พระอาจารย์กล่าวถึงหนังสือเล่มหนึ่งว่า "คนขุดสุสานเล่ม ๒ ตัวเอกคือจ้ากู่เซ้าต้องไปขุดสุสาน เพราะอาจารย์บอกว่าให้ไปถอดชุดของคนตายมาให้ก่อนไก่ขัน ถึงจะยอมรับเป็นลูกศิษย์สอนวิชาให้ พอจ้ากู่เซ้าไปก็มีสารพัดอุปสรรคขัดขวาง โดยเฉพาะศพผู้หญิงที่โดนสะกดอยู่ ถ้าของที่สะกดหลุดออกไปจากปากศพ ขนก็เริ่มงอกยาวขึ้น ๆ ตรงจุดนี้เป็นเรื่องจริงนะ เพราะว่าคนตายโดนอสุรกายสิง แล้วก็ใช้ร่างนั้นไปหากิน ถ้าอยากรู้เรื่องพวกนี้ ลองอ่านประวัติของหลวงปู่แหวน และกฎแห่งกรรมของ ท.เลียงพิบูลย์ ตอนความลับในดงดิบ ก็จะเจอเรื่องของอสุรกายแบบนี้

    ในตำราฮวงจุ้ยของจีนเขาบอกว่า ถ้าฮวงจุ้ยไม่ดีแล้ว ธาตุตัดกันสับสนเมื่อไร จะทำให้ศพเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วกลายเป็นผีดิบได้ ตำราฮวงจุ้ยเขาเชื่ออย่างนั้น แต่เราคิดง่าย ๆ เลยก็คืออสุรกายเข้าไปสิงศพ

    ในเรื่องคนขุดสุสาน พระเอกต้องใช้เชือกผูกคอศพแล้วมามัดโยงกับตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้แตะต้องศพแล้วจะได้ถอดเสื้อคนตายได้ แต่พวกผีดิบเราจะไปหายใจรดเขาไม่ได้ ถ้าหายใจรดแล้วผีดิบจะดึงพลังปราณของเราไปใช้งาน แล้วศพจะฟื้นเร็วขึ้นอีก พระเอกก็เลยต้องมีสารพัดวิธีในการเอาเสื้อคนตาย

    เขาต้องกินยาสะกดตัวเองให้ลมปราณนิ่ง หายใจช้าเหมือนกับศพ แต่ปรากฏว่าแมวป่าดันตะกายตามเข้าไป ถ้าแมวกระทบถูกศพเมื่อไรศพก็จะฟื้น พระเอกก็แกล้งร้องเสียงแมว แมวจึงกระโดดขึ้นมาบนไหล่ พอได้ยินเสียงร้อง แมวก็เอาขาตะปบตรงหน้ากาก เพราะจ้ากู่เซ้าใส่หน้ากากกันไม่ให้ลมหายใจถูกผี

    สถานการณ์สนุกสนานเฮฮามากเลย ต้องดูว่าพระเอกจะมีไหวพริบแก้ไขเหตุการณ์ได้ไหม เพราะเขามีกติกาว่าถ้าเทียนดับแล้วหยิบของของคนตายไม่ได้ หรือว่าถ้าเสียงไก่ขันก็ถือว่าหมดเวลา ลองไปอ่านดูสนุกดีเหมือนกัน แม้ว่าเรื่องจะเปะปะไปเปะปะมา แต่ว่ามีหลายตอนที่เป็นความจริงอยู่เหมือนกัน"
     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

    ถาม : (ไม่ได้ยิน)
    ตอบ : คาถาอะไรก็ได้ ถ้ากำลังใจทรงตัวแต่ปฐมฌานขึ้นไป ไสยศาสตร์ก็ทำอันตรายไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ได้สำคัญที่คาถา สำคัญตรงกำลังใจของเรา

    ถ้าเห็นว่ามีคาถาเยอะมาก เลือกสักคาถาก็แล้วกัน สมัยก่อนอาตมาก็ว่าเป็นร้อยคาถาเหมือนกัน แต่ว่าแบ่งเวลา อย่างเช่นภาวนาอย่างละ ๓๐ จบ พอภาวนาอารมณ์ใจทรงตัวแล้วก็เปลี่ยนคาถาใหม่ไล่ไปเรื่อย รู้สึกสนุกดีเหมือนกัน

    ตอนหลังถึงได้เข้าใจว่าคาถาเป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิเท่านั้น พอเป็นสมาธิแล้วเราจะใช้กำลังสมาธิในด้านไหนก็อธิษฐานเอา เพราะฉะนั้นจึงสำคัญอยู่ตรงใจเรา ใจต้องเป็นสมาธิ คาถาจึงจะมีผล และคาถานั้นคือ มโนมยา สำเร็จด้วยใจ ต่อให้คาถาไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย ถ้าเราตั้งใจให้เป็นอะไร เมื่อกำลังใจทรงตัวก็เป็นอย่างนั้น เพราะว่าอำนาจจิตของเราทรงตัวแล้ว


    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  17. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [​IMG]


    พระอาจารย์กล่าวถึงนิยายจีนเล่มหนึ่งว่า "ในกระบี่อภิญญาเราจะเห็นอยู่ ๒ เรื่อง เรื่องแรกก็คือทิพจักขุญาณเกิดได้ทั้งคนดีและคนไม่ดี ก็แปลว่าไม่ว่าคุณจะเป็นสัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิก็ตาม เมื่อคุณฝึกตนถึงระดับ อภิญญาก็จะเกิด จึงเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเจนเลยว่า อภิญญาเป็นทั้งโลกียะหรือโลกุตระก็ได้

    ประการที่ ๒ ก็คือ คนที่เขียนคำทำนาย รู้แล้วจะไม่กล้าฝืนกฎของกรรม เขาใช้คำว่าไม่กล้าฝ่าฝืนความลับของฟ้า แต่คราวนี้ด้วยความที่สงสารคน ถ้าหากว่าอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นชีวิตคนคงสิ้นหวัง แล้วจะคล้อยตามฝ่ายชั่วไปเสียหมด ก็อุตส่าห์เขียนคำทำนายทิ้งเอาไว้ ส่วนตัวเองก็ยอมรับกรรมไปคนเดียว ปล่อยให้คนมีความหวังเหลืออยู่บ้าง จะได้ไม่ทำชั่วไปจนหมด"

    ถาม : พระเอกไม่ฝึกอะไรเลยทำไมได้อภิญญาเฉยเลยคะ ?
    ตอบ : เขาสั่งสมมาในอดีต คนอื่นเขาฝึกมาก็ได้ทั่ว ๆ ไป แต่เขาฝึกแล้วได้อภิญญา สิ่งนี้เป็นปุพเพกตปุญตา คือสร้างสมบุญเก่าตั้งแต่ปางบรรพ์ พอเวลากำลังใจทรงตัวได้ระดับ ของเก่าก็คืนมา ไม่เห็นหรือว่าต้วนตู๋เสิ้งที่เป็นตัวร้าย พอฝึกไปก็ได้อภิญญาเหมือนกัน แต่ต้วนตู๋เสิ้งเป็นเจ้าพ่อนิกายอัคคี สุดยอดความชั่วเลย อยากรู้ต้องไปอ่านเองจ้ะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวต้องเล่าให้ฟังทั้งเรื่องอีก

    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ของเก่า ใครก็ อยากรู้ว่า อะไรคือของเก่า ทางเก่า เผื่อว่า ไอ้ที่ทำอยู่วันนี้
    จะไม่เสียเปล่า เพราะ กลายเป็นว่า ไม่ได้เดินทางเก่า

    เข้าทำนอง จะเด็ดบัวบาน ก็เสียดายบัวตูม เลย เลือกคว้ามันทั้งสอง สองวิธี
    สองงาน สุดท้าย มันก็มานั่งสงสัยว่า เออ แล้วไอ้ที่คว้ามาทั้งคู่ มันจะเป็น
    ของเก่าหรือเปล่าหว่า

    ************************************************

    เก่า หรือไม่เก่า เอาเป็นว่า มาหา วิธีพิสูจน์ ด้วยตัวเองดีกว่า

    ก็จะเสนอคำว่า "สุข" กับ "ปัสสัทธิ" ว่า เราจะใช้เครื่องมือตัวไหน มาช่วย
    ชี้วัด และ สุดท้าย เราจะน้อมไปสู่เครื่องมือไหน ด้วยความมุ่งมั่นเป็นบัณฑิตของเรา

    o สุข : อะไรก็ตามที่ทำแล้ว เกิดความสุข มันก็มีแน้วโน้มว่า นั่นคือ งานเก่าของเรา

    เช่น เราเพ่งภาพพระแล้วเกิดความสุข ทำให้ทั้งวันก็เพ่งภาพพระได้ทั้งวัน จะได้มากได้
    น้อยไม่ได้เลยเราก็ไม่ละ เพราะ ความสุข มันเกิด ไม่ใช่ไม่เกิด ....เนี่ยะ แบบนี้มีแวว

    หรือ

    เช่น เราเพ่งหน้าสาวยามเธอกินตับ ทำให้ทั้งวันก็เพ่งภาพสาวยามเธอกินตับได้ทั้งวัน จะ
    ได้มากได้น้อยไม่ได้เลยเราก็ไม่ละ เพราะ ความสุข มันเกิด ไม่ใช่ไม่เกิด ....เนี่ยะ แบบนี้มีแวว แวว แวว แหว่ววววว ........

    นะ เข้าใจไหม หากเอา สุข มันไปได้ สองทาง นะเว้ยเฮ้ย ทางสวรรคิ์ก็ได้ ทางสวรรคิ์เบี่ยงก็ได้

    **********************************

    o ปัสสัทธิ : ความสงบรำงับ จาก "อกุศล กามฉันทะ และ นิวรณ์"
    ดังนั้น อะไรก็ตามที่ทำแล้ว เกิดความสงัดจากอกุศลธรรม สงัดกามฉันทะ และ
    สงัดจากนิวรณ์ รวมเป็น เกิดปัสสัทธิ มันก็มีแน้วโน้มว่า นั่นคือ งานเก่าของเรา

    เช่น เราเพ่งภาพพระแล้วเกิดความสงัดจากอกุศล ไม่เกิดความกำเริบในกาม อีก
    ทั้งนิวรณ์ก็ปราศไปจากจิต ทำให้ทั้งวันก็เพ่งภาพพระได้ทั้งวัน จะได้มากได้
    น้อยไม่ได้เลยเราก็ไม่ละ เพราะ ปัสสัทธิ มันเกิด ไม่ใช่ไม่เกิด ....เนี่ยะ แบบนี้มีแวว

    กรณี เพ่งสาวยามเธอกินตับแล้วเกิดปัสสัทธิ อันนี้ ไม่มีนะ เลยไม่มีตัวอย่างพิศดาร
    แบบนี้ ไม่กล่าวถึงเลยเป็นดีที่สุด

    **************

    เนี่ยะ โพสนี้ ขอเสนอให้ใช้ เครื่องมือ "สุข" กับ "ปัสสัทธิ" ไปเฝ้นหา ทำธรรมวิจัย
    หาของเก่าดู
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ยกตัวอย่างอีกสักหน่อย

    กรณีเรื่อง รักษาศีล5 .................คุณเจ้าของกระทู้ก็ทราบ ทุกคนเขาก็ทราบว่า

    ศีล5 เนี่ยะ ทางเก่าแน่นอน ใครรักษา ศีล5แล้วเกิดความสุข มันก็อย่างหนึ่ง แต่
    เชื่อไหมว่าพอจะไปต่อพรหมวิหาร เอ้ย ไอ้ศีล5 หายจ้อย ไม่ได้ปรากฏเป็นของ
    เก่าเสริมให้เกิด พรหมวิหาร4 เลย กลายเป็นว่า ทำศีล5มีความสุข แต่พอจะมา
    ทรงอารมณ์พรหมวิหาร แหม มันต้องออกแรกแผ่เมตตาเอาใหม่ ......ของเก่า
    หายไปจากจิตดื้อๆ เลยนะ กลายเป็นเดินทางใหม่ ไปเรื่อยเลย

    แต่ถ้า คุณรักษาศีล5 แล้วเกิดความสงัดจากอกุศล สงัดจากกามฉันทะ จิตปราศ
    จากนิวรณ์ ซึ่งรวมเรียกว่า เกิดปัสสัทธิ .............เนี่ยะ ลองไปพิจารณาดู
    เลยว่า พรหมวิหารจะเกิดประกอบกับจิตไปแล้ว ไม่ต้องออกแรง บริกรรม อะไร
    ให้ ฮากลิ้งอีก ก็จะเห็นได้ไม่มากก็น้อยหละว่า ศีล5ที่ทำให้เกิด ปัสสัทธิ เนี่ยะ
    ของเก่าอยู่ครบ ของใหม่ก็ไม่ต้องออกแรง มีพร้อมอยู่ในจิตอยู่แล้ว เสร็จสรรพใน
    คราวเดียว

    ระหว่างที่ พิสูจน์ จขกท จะไปพิสูจน์ด้วยความแยบคาย ตามความเป็นจริง เรื่อง
    ปฏิบัติเอาสุข กับ ปฏิบัติแล้วแลเห็นปัสสัทธิ

    ก็ขอเพิ่มเติม เรื่อง วิชา3 เสียหน่อย เพราะ ระหว่างฝึกข้างต้น มันก็เหมือนเรา
    ยังไมได้เริ่มงาน วิชา3 มันก็จะรู้สึกว่า ต้องไปเริ่มเอาใหม่อีกเหรอ

    ก็จะให้วิธี ทำใจแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ขวยเขิน เห็นเป็นของใหม่ ของแปลก อะไร

    ปุพเพวาสานุสติญาณ ก็คือ การตามเห็นการเกิดของสัตว์ อันนี้ เราอาจจะ
    จำได้เพียงแค่นี้ แต่สังเกตไหม หากมันมีเนื้อหาแค่นี้ มันไม่มีเรื่อง ชี้ทุกข์
    หรือการผนวกอริยสัจจ

    ดังนั้น ให้เพิ่มเข้าไปด้วยว่า การเห็นการเกิดของสัตว์นั้นเป็นทุกข์ หรือ ทำการ
    เห็นว่า "การเกิดเป็นทุกข์" ไปด้วย แล้วระหว่างที่ ยังไม่มีญาณทัศนะน้อม
    ไป ก็ไม่ต้องตกใจ ให้เราเอา "ตัณหา" มาพิจารณาแทนการเกิด

    คือ เมื่อไหร่ มีตัณหา หรือ กามฉันทะ เมื่อนั้นมีการเกิด พอผนวกกับเรื่อง การ
    เห็น การเกิดนั้นเป็นทุกข์ คุณจะเห็นเลยว่า ............เอ้า ก็ของเก่า ตอนรักษา
    ศีล5แล้วเกิดปัสสัทธิเนี่ยะ มันเป็นการทำการเห็น ตัณหาที่เป็นเรื่องการเห็นการเกิด
    ของสัตว์ นี่มันทำการเห็นไปแล้ว นี่หว่า เก่าล้วนๆ ไม่ต้องทำเพิ่ม ของเก่าอยู่ครบ
    เดินทางเก่า ทางเดียว ไม่ได้แฉลบไปทางใหม่เลย แถม ป้องกันการเห็น จิตเที่ยง
    ได้ด้วย

    พวกเห็นว่า การเกิดมีแน่ ( จิตเที่ยง ) พวกนี้ จะทำบุญสะสมเอาไว้นะ กะว่า เกิด
    ใหม่แน่ๆ ไง ไม่ได้ทำการเห็นว่า การเกิดเป็นทุกข์ เอาไว้ ก็เลย เห็นการเกิดเป็น
    สุข เรือหายเลยนะ เหมือน พรหมณ์อำมาตของมคธ พอแกรู้ว่า จะต้องไปเกิด
    เป็นหมาแน่ๆ เกิดแน่ๆ แกไม่ได้ยกการเห็นว่า การเกิดเป็นทุกข์ แกเลยสั่งให้ลุกน้อง
    จัดสรรสถานที่เกิดใหม่ตอนที่แกจะมาเกิดเป็นหมาให้มันดิบดี ดู ดู๊ เพียงแค่ลืม
    ยกการเห็นว่า การเกิดเป็นทุกข์ ไปหวังเอา ภพ หน้า ทำบุญเตรียมไว้ เฉยเลย

    ****************

    ส่วนเรื่อง จุตูปปาตญาณ นี่ ก็ยกไว้ให้เป็นเรื่อง จขกท จะลองใคร่ครวญเอาเอง

    คีย์เวิร์ดก็อยู่ที ต้องทำการยกการเห็น "การตายเป็นทุกข์" เพื่อป้องกันการเข้า
    ไปในส่วนสุด "ตายแล้วสูญ"

    ก็จะเห็นอย่างนึงนะ เอา อริยสัจจ4 ไปผนวก กำหนดรู้ทุกข์ เอาไว้ รับรองว่าไม่
    มีพลาดเข้าไปส่วนสุดเห็น จิตเทียง หรือ เห็นตายแล้วสูญ แน่ๆ

    พอเห็นได้แบบนี้ขึ้นมาว่า อริยสัจจนี้ เป็นเครื่องมืออย่างดี อันนี้ ก็จะมาตอบโจทย์
    อาสวะขยญาณ ครบวิชา3 พอดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2012
  20. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุไม่หมั่นเจริญภาวนา แม้จะพึงเกิด ความปรารถนาขึ้นอย่างนี้ว่า โอหนอ ขอจิตของเราพึงหลุดพ้นจากอาสวะเพราะ ไม่ถือมั่น ก็จริง

    แต่จิตของภิกษุนั้นย่อมไม่หลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะไม่ได้เจริญ เพราะไม่ได้เจริญอะไร เพราะไม่ได้เจริญสติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘

    เปรียบเหมือนแม่ไก่มีไข่อยู่ ๘ ฟอง ๑๐ ฟอง หรือ ๑๒ ฟอง ไข่เหล่านั้น แม่ไก่กกไม่ดี ให้ ความอบอุ่นไม่พอ ฟักไม่ดี แม่ไก่นั้น แม้จะพึงเกิดความปรารถนาขึ้นอย่างนี้ว่า โอหนอ ขอให้ลูกของเราพึงใช้ปลายเล็บเท้าหรือจะงอยปากเจาะกระเปาะไข่ ฟักตัว ออกมาโดยสวัสดี ก็จริง แต่ลูกไก่เหล่านั้นไม่สามารถที่จะใช้ปลายเล็บเท้า หรือ จะงอยปากเจาะกระเปาะไข่ ฟักตัวออกมาโดยสวัสดีได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะแม่ไก่กกไม่ดี ให้ความอบอุ่นไม่พอ ฟักไม่ดี ฉะนั้น...

    (ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่ากิเลสจะสิ้นไปเมื่อไร แต่ผู้หมั่นปฎิบัติ อบรมมรรค8 ย่อมรู้ว่ากิเลสลดลงๆ)
    ...เปรียบเหมือนรอยนิ้วมือ รอยนิ้วหัวแม่มือที่ด้ามมีด ย่อมปรากฏแก่นาย ช่างไม้หรือลูกมือนายช่างไม้ แต่เขาไม่รู้อย่างนี้ว่า วันนี้ด้ามมีดของเราสึกไปเท่านี้ เมื่อวานสึกไปเท่านี้ หรือเมื่อวานซืนสึกไปเท่านี้ ที่จริง เมื่อด้ามมีดสึกไป เขาก็รู้ว่าสึกไปนั่นเทียว ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุหมั่นเจริญภาวนาอยู่ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน แม้จะไม่รู้อย่างนี้ว่า วันนี้ อาสวะของเราสิ้นไปเท่านี้ เมื่อวาน สิ้นไปเท่านี้ หรือเมื่อวานซืนสิ้นไปเท่านี้ แต่ที่จริง เมื่ออาสวะสิ้นไป ภิกษุนั้น ก็รู้ว่าสิ้นไปนั่นเทียว

    ... ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุหมั่นเจริญภาวนาอยู่ สังโยชน์ย่อมสงบระงับไปโดยไม่ยาก...

    (จากภาวนาสูตร)

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...