วิธีสร้างสติอัตโนมัติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย MindSoul1, 10 ตุลาคม 2012.

  1. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ถูกแล้ว ถูกแล้ว สารีบุตร สารีบุตร อริยสาวกใด มีความเลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคตถึงที่สุดโดยส่วนเดียว เขาย่อมไม่สงสัยหรือลังเลในตถาคต หรือ คำสอนของตถาคต สารีบุตร เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีศรัทธาแล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นผู้มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย สารีบุตร ความเพียรเช่นนั้นของสาวก ย่อมเป็น วิริยินทรีย์ ของเธอนั้น..........สารีบุตร เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มี สัทธา เป็นผู้ปรารภความเพียรอยู่ แล้วพึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้มี สติ ประกอบพร้อมด้วยสติเป็นเครื่องระวังรักษาตนเป็นอย่างยิ่ง เป็นผู้ระลึกได้ ตามระลึกได้ ซึ่งสิ่งที่ทำและคำพูดแม้นานได้ ความระลึกเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็น สตินทรีย์ ของเธอนั้น..........สารีบุตร เมื่ออริยสาวกเป็นผู้มีสัทธา .....เป็นผู้ปรารภความเพียร เป็นผู้มีสติเข้าไปตั้งไว้แล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า เขาจักเป็นผู้กระทำได้แล้วซึ่ง โวสสัคคารมณ์ จักได้ซึ่งความตั้งมั่นแห่งจิต กล่าวคือความที่จิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว...สารีบุตร ความตั้งมั่นแห่งจิตเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็นสมาธินทรีย์ ของเธอนั้น....................สารีบุตร เมื่ออริยสาวก เป็นผู้มี สัทธา ปรารภความเพียร มีสติเข้าไปตั้งไว้ มีจิตตั้งมั่นโดยชอบแล้ว พึงหวังข้อนี้สืบไปว่า...เขาจักเป็นผู้รู้ชัดอย่างนี้ว่า "สังสารวัฎฎ์ เป็นสิ่งที่มีที่สุดอันบุคคลรู้ไม่ได้ ที่สุดฝ่ายข้างต้นย่อมไม่ปรากฎแก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก กำลังแล่นไป ท่องเที่ยวไป ความจางคลายดับไปโดยไม่มีเหลือแห่งอวิชชาอันเป็นกองแห่งความมืดนั้นเสียได้ มีอยู่...นั้นเป็นบทที่สงบ นั้นเป็นบทที่ปราณีต กล่าวคือธรรมเป็นที่สงบแห่งสังขารทั้งปวง เป้นที่สลัดคืนแห่งอุปธิทั้งปวง เป้นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน" สารีบุตร ความรู้ชัดเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็นปัญญินทรีย์ ของเธอนั้น..........สารีบุตร อริยสาวกนั้นนั้นแหละ ตั้งไว้แล้ว ตั้งไว้แล้ว(ซึ่งวิริยะ)ด้วยอาการอย่างนี้.....ระลึกแล้ว ระลึกแล้ว(ด้วยสติ)ด้วยอาการอย่างนี้ ตั้งมั่นแล้วตั้งมั่นแล้ว(ด้วยสมาธิ)ด้วยอาการอย่างนี้ รู้ชัดแล้ว รู้ชัดแล้ว(ด้วยปัญญา)ด้วยอาการอย่างนี้ เขาย่อมเชื่ออย่างยิ่งว่า"ธรรมเหล่าใด เป็นะรรมที่เราเคยฟังในกาลก่อน ในบัดนี้ เราถูกต้องธรรมเหล่านั้น ด้วย นามกายแล้วแลอยู่ด้วย และแทงตลอดธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญาแล้วเห็นอยู่ด้วย ดังนี้.....สารีบุตร ความเชื่อเช่นนั้นของอริยสาวกนั้น ย่อมเป็นสัทธินทรีย์ของเธอนั้นดังนี้แล---มหาวาร.สํ.19/299-300/1017-1022---------(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส):cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2012
  2. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    การโมทนาก็ส่วนการโมทนา ภพจะเกิดหรือไม่เกิด ดูที่จิตเป็นสำคัญ คราวใดถ้าจิตเกิดมีสติรู้เท่าทัน ไม่หลงปรุงต่อ ย่อมไม่ก่อภพ แม้จิตเกิดรู้จักดับ ไม่มีอุปาทานต่อ อุปาทานดับ ภพก็ดับ คราวใดจิตเกิดรู้ไม่เท่าทัน หลงอยู่กับอุปาทานนานเท่าไหร่ ภพก็เกิดยาวนานเท่านั้น

    ถ้าไม่มีอุปาทานขณะใด สิ่งที่กระทำอยู่เวลานั้นก็เป็นเพียงแค่กริยา ทำไปตามหน้าที่เท่านั้น ถ้าการกดโมทนาเป็นหน้าที่ก็ทำ ไม่ใช่หน้าที่ ไม่จำเป็นทำไมต้องทำล่ะ

    กรณีนี้ความสำคัญจึงอยู่ที่ การมีสติรู้เท่าทันจิตตนเองมากน้อยขนาดไหนในขณะนั้น ๆ ไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำอะไรก็ตาม
     
  3. พระคุณากร

    พระคุณากร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2012
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +72
    สติที่รู้ตัวตลอด มิให้เผลอต้องมีสัมปัชชัญญะประกอบด้วย เพื่อทำให้สติสมบรูณ์
     
  4. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา
    ขันติ คือความอดกลั้นเป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง

    นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา
    ผู้รู้ทั้งหลายกล่าวพระนิพพานว่าเป็นธรรมอันยิ่ง

    นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี
    ผู้กำจัดสัตว์อื่นอยู่ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตเลย

    สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต
    ผู้ทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย

    อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต
    การไม่พูดร้าย, การไม่ทำร้าย

    ปาติโมกเข จะ สังวะโร
    การสำรวมในปาติโมกข์

    มัตตัญญุตา จะ ภัตตัส๎มิง
    ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค

    ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง
    การนอนการนั่งในที่อันสงัด

    อะธิจิตเต จะ อาโยโค
    ความหมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง

    เอตัง พุทธานะ สาสะนัง
    ธรรม ๖ อย่างนี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..............พระสูตรนี้แหละครับ คือ ที่มาของการภาวนา วิริยะความเพียร สติ สมาธิ ปัญญามันมีเหตุ เหตุคือการเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธองค์และธรรมของพระองค์ เข้าไปสดับเงี่ยหูฟัง และโยนิโสมนสิการ:cool:
     
  6. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710

    ไม่ได้ว่า ผู้โพสท่านนี้นะครับ แต่ เห็นมาเยอะ ว่า
    สติอัตโนมัติ นั้น ถ้าคนไม่รู้ คนไม่รู้จริง ก็ไม่มีทางเข้าใจได้
    หรือ ไปฟังเขาแค่ไม่กี่คำ ก็จำมาสื่อไม่ตรงเจตนาเขา
    แล้วบอกต่อ แบบผิดๆ เพราะความไม่รู้ว่า สติอันโนมัติ คืออะไร
    แต่ไปตีความเข้าใจผิด ๆ ตามความเห็นของตนเอง

    สติอัตโนมัติ เป็นของผู้ มีปกติ เจริญ สติปัฏฐาน
    เริ่ม เกิดตั้งแต่ รูปนาม ปริเฉท แต่ไม่ได้เกิดครั้งเดียวแล้วค้างเติ่ง
    แล้วไปเข้าใจว่า ไม่ต้องเพียรแล้ว เพราะสติอัตโนมัติเกิดแล้ว
    ต้องเพียร ให้เกิด สติอัตโนมัติ อย่าง ต่อเนื่อง

    เปรียบเหมือนการเจริญ ของ ต้นมะม่วง ที่เขาจะมี วิธี
    การเจริญของเขาเอง เมื่อเขาเริ่มแตกหน่อจากเมล็ดพันธ์ได้

    เราก็ทำได้แต่เพียง รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ดูแล ป้องกันวัชพืช ไม่ให้มาทำร้าย ต้นไม้ ที่เราหมายเอาผล (ให้อาหารของ วิมุติด้วย สุจริต 3เป็นต้นฯ)

    ส่วนกรรมวิธีการเจริญ ของกิ่ง ก้าน ใบ ดอก ผล
    เขาจะเป็นไปด้วยตัวของเขาเอง แต่หากเราหยุด รดน้ำพรวนดิน
    ไม่ดูแล มะม่วงต้นนั้นก็มีโอกาส ตายและเสื่อม ลงได้
    ก่อนที่มันจะเติบโตพอ ที่จะปล่อยได้
    นั่นคือ หากไม่ดูแลไปจนต้นมะม่วงนั้นเติบโต
    เป็นลำต้น ที่มีกิ่งก้านใบ สามารถป้องกันดูแลตัวเองจากวัชพืชได้
    ก็อาจตายเสียก่อนได้


    วิธีสร้างสติอัตโนมัติ แม้ไม่ต้องเป็น พระอรหันต์
    สติอันโนมัติ จะเริ่ม สร้างได้ เมื่อเราเป็น ปุถุชน รักษาศีล
    แล้ว เพียรเดินตามสติปัฏฐาน ก็จะพัฒนา ให้เป็น มหาสติได้ ด้วยความเพียร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2012
  7. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    อนุโมทนาสาธุนะ

    อย่าหยุดเพียรเป็นใช้ได้ รู้เฉยๆ ให้ถึงที่สุด

    ให้อาหารวิมุติ อย่างสม่ำเสมอ
     
  8. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2015
  9. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    หมายถึง โคจรสัมปชัญยะ และ อสัมโมหะสัมปชัญยะ

    ต้องประกอบความเพียรสม่ำเสมอ มีสติ และสัมปชัญยะสม่ำเสมอ

    กล่าวคือ อินทรีย์ ๕ ไม่ยิ่ง ไม่หย่อนกว่ากัน

    ควรสนใจเรื่องอินทรีย์๕ เพราจะเป็นปัจจัยให้ สติปัฏฐานเกิดได้

    สติที่รู้พร้อม จึงเป็น ผล
     

แชร์หน้านี้

Loading...