เรื่องเด่น มนุษย์ต่างดาวติดต่อเราหรือยัง-ควรบอกว่า เมื่อไหร่จะไป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย chandayot, 18 เมษายน 2012.

  1. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    --ข่าวทั่วไป--น่าเสียดายที่ โอบาม่า สั่งห้ามสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังลมสี่แห่งในอเมริกา ที่เป็นบ.ของจีน แต่ทางนั้นก็ได้ฟ้องร้องกลับแล้ว เนื่องจากเขาอ้างว่า ใกล้กับสถานที่เป็นฐ่นบินลับของกองทัพ แต่บริษัทอ้างว่า จุดนี้ไม่มีหลักฐานพอ เป็นเพราะอาจโดนยัดเงิน หรือปกป้อง บ.ที่ผลิตไฟฟ้าของตนเอง ไม่ให้เจ๊ง แะไรแบบนั้น
    รู้สึกว่า ฝรั่งนี่ เน้น สิทธิ ความถูกต้อง ความยุติธรรมมาก ประเทศสารขันธ์ก็งั้นงั้น
    --ขอให้มองดุจข่าวแม่ของสาวพยาบาล น้องเกด ครับ เหนื่อยกับการรบรากับคำพูดของผู้มีอำนาจ แทนที่จะเอาความจริงมาพูดกัน น่าเบื่อพวกหน้าไหว้หลังหลอก ตอนอยากเป็นสส.ก็สัญญาสารพัด
    --เสียใจด้วยกับการตาย ของสาวที่ฉีดสะโพกครับ ค่านิยมของสังคมกดดัน จนได้มีการตายเกิดขึ้น การแพทย์แบบข้างถนน ความมักง่ายอะไรต่างงๆ สมควรหยุด หยุดทดลองสารเคมีกับร่างกายมนุษย์เสียที อยากทำก็ให้ไปนั่งเรียนแพทย์ มันจะยากตรงไหน คนอื่นเรียนได้เราก็ต้องเรียนได้
     
  2. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    ขอบคุณมากครับ

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ chandayot [​IMG]
    <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" width="90%"><tbody><tr><td>


    เรื่องของญาณ 4




    -ปฐมฌานนี่เป็นฌานที่หนึ่ง ที่บรรดาพวกเราเหล่าพุทธบริษัทต้องทำให้ได้ เพราะเป็นฌานโลกีย์ อาการที่ทรงฌานที่หนึ่งนี้ไม่มีอะไรยาก เราใช้คำภาวนาและพิจารณาในขันธ์ 5 ก็ ดี ภาวนาบทใดบทหนึ่งก็ดี หรือว่าจะพิจารณาลมหายใจเข้าออกก็ดี ให้จิตมันทรงอยู่อย่างนี้เป็นปกติ นี่หมายความว่าไม่ยอมให้ใจของเราเคลื่อนจากอารมณ์ที่เราต้องการ อย่างเราอยากจะกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก เมื่อว่างจากกิจอื่น จิตมันจะมีความรู้สึกไปโดยอัตโนมัติ รู้ลมเข้าลมออก หรือภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ อะไรก็ช่าง จะพิจารษายังไงก็ช่างให้จิตมันทรงตัว แล้วทรงจนกระทั่งให้อารมณ์จิตนี่แม้แต่ได้ยินเสียงภายนอกเข้ามาจิตก็ไม่ รำคาญ สามารถใช้คำภาวนาและพิจารณาได้ตามอัธยาศัย อย่างนี้ชื่อว่าปฐมฌาน

    -พอจิตเข้าถึงฌานที่สอง คำภาวนาหายไปเฉย ๆ หยุดไปเอง เมื่อคำภาวนาหยุดไปเอง เราก็มีใจสบายชุ่มชื่นดีกว่า เพราะว่าไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติ พอเริ่มก็มีความชุ่มชื่นสบายแล้วก็สุข เอกัคตารมณ์ทรงตัวดีก่าฌานที่หนึ่ง ตอนนี้เราจะรู้สึกว่าลมหายใจเบาลงไปหน่อยกว่าเดิม กว่าฌานที่หนึ่ง ตอนนี้ก็มีหลาย ๆ ท่าน เมื่อจิตถอยลงมาถึงปฐมฌาน คือ ทรงฌานที่ 2 ได้ไม่นานรู้สึกตัวว่า ตายจริง นี่เราลืมภาวนาไปเสียแล้วรึ หรือเราหลับไป แต่ความจริงนั้นไม่ใช่หลับ มันก็โงก อาการจะโงกไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ทั้งนี้ไม่ใช่หลับ คือจิตเข้าถึงปฐมฌาน เราทิ้งภาวนาไปเอง ถ้าเข้าถึงฌานที่ 2 คือ ทุติยฌาน จะทิ้งภาวนาไปเอง

    -สำหรับฌานที่สามนี้จะรู้สึกว่าลมหายในเบามาก ร่างกายเราจะตัด ความอิ่มเอิบจะหายไป เหลือแต่ความสุขเยือกเย็น มีความสบาย ๆ ขาดความอิ่ม แต่จิตจะทรงตัวมาก อารมณ์จะไม่เคลื่อนไหว หูจะไม่ได้ยินเสียงภายนอก เบาลงไปมาก เสียงที่ดังมาก ๆ เราได้ยินเหมือนกันแต่เบามาก มีการทรงตัวแบบแน่นสนิท มีความรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเราเกร็งไปทั้งตัว แต่ความจริงนั้นเป็นเรื่องอาการของจิตไม่ใช่เรื่องอาการของกาย

    -แล้ว ตอนนี้ถ้าคนทั้งหลายเข้าถึงฌานที่สาม แล้วก็ทรงฌานที่สามได้ดี สมมติว่าเช้ามืดท่านตื่นขึ้นมานอนอยู่หรือนั่งอยู่ก็ตาม จิตทรงสมาธิถึงฌานที่สามได้ดี วันทั้งวันนั้นรู้สึกว่าเราไม่ต้องการอยากจะพูดกับใคร อาการพูดมันจะน้อยทั้งวัน เพราะว่าจิตมันทรงตัวได้ดี ถ้าอาการมีอย่างนี้กับท่าน ก็ขอให้ท่านภูมิใจว่า เราทรงฌานได้ดีมาก แต่ทว่าเลิกแล้วก็อยากจะพูดอยากจะคุย อยากจะสนทนาปราศรัย อยากจะพูดมาก

    -นั่น ก็แสดงว่า สำหรับอารมณ์ที่เป็นฌานของท่าน มันได้แต่เวลาที่นั่งอยู่หรือปฏิบัติอยู่เท่านั้น พอเวลาเลิกแล้ว กำลังฌานนั้นไม่ได้ตามจิตของท่านไปด้วย อย่างนี้ไม่ดี ควรจะพยายามรักษาให้มันทรงอยู่ได้ทั้งวัน ถ้าทรงไม่มากก็ทรงน้อย อย่างน้อยที่สุดก็ให้จิตมันอยู่ในอุปจารสมาธิในวันทั้งวันนี่ละ สามารถจะทรงได้ถ้าจิตตั้งอยู่ในอุปจารสมาธิ ในวันทั้งวันนี่ละสามารถจะทรงได้ ถ้าจิตตั้งอยู่ในอุปจารสมาธินี่เราก็คุยกับชาวบ้านได้ แต่ว่าคุยน้อยไปหน่อย ถ้าจะพูดก็พูดในเรื่องที่เป็นสาระจริง ๆ เรื่องที่เป็นอกุศลทุกอย่างจะไม่ยอมพูด ใจจะไม่ยอมคิดในเรื่องของอกุศล

    -ฌานที่สี่ท่านกล่าวว่าตัดสุขเสียได้ มีองค์สองเหมือนกัน ตัดสุขออกไปเหลือแต่เอกัคตา แล้วเพิ่มอุเบกขาเข้ามา เอกัคตานี่แปลว่ามีอารมณ์เป็นอันเดียว มีอารมณ์เป็นหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อมันตัดสุขออกไปได้ ไม่สัมผัส การกระทบกระทั่งจิตไม่รับการสัมผัส เสียงจะมาจากภายนอกดังเท่าไรก็ตามที หูจะไม่ได้ยินเสียงภายนอก การสัมผัสจากลมแรงก็ดี เหลือบยุงจะเข้ามาเกาะตัวก็ดี ไม่มีความรู้สึก แต่ว่าอาการทางจิตไม่ใช่หลับ มีความรู้สึก มีสติสัมปชัญญะทรงตัวเป็นคนมีสติสัมปชัญญะดีมาก มีความสว่างไสวในจิต จงอย่าลืมคำว่าฌานนี้ไม่ใช่นั่งหลับ จิตจะทรงตัวสมาธิดี สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ นี้เป็นการฝึกอารมณ์จิตของเราให้มีการทรงตัวเพื่อเตรียมรับสภานการณ์ที่จะ เจริญวิปัสสนาญาณ

    -จิตของฌาน 4 มีเอกัคตากับอุเบกขาเป็นปกติ จิตดวงนี้ต้องจำเอาไว้ว่า ต้องให้มันทรงอยู่ตลอดเวลา ถ้ามันทรงตัวอยู่ตลอดเวลา แล้วเรื่องทิพจักขุญาณมันง่ายเหลือเกิน ยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก แต่ถ้าว่า ถ้าจิตเข้าถึงจุดนี้แล้ว ท่านที่มีความรู้ในขั้นนี้จริง ๆ ท่านบอกว่า ถ้ายังใช้อารมณ์จิตของตนรู้อยู่ ท่านบอกว่าใช้ไม่ได้ ต้องหาทางเข้าถามถึงพระ ถามพระสอนกันตอนไหน จับภาพนิมิตพระองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นเป็นบรรทัดฐาน เรียกว่าภาพพระพุทธนิมิต จับแล้วเวลาที่ต้องการอยากจะทราบอะไรก็ถามพระ พระบัญชาการมาอย่างไรเป็นคำตอบที่เราได้ปรากฎรับเอง แล้วก็ถูกต้องตามความเป็นจริง ต้องจำไว้เลยทีเดียวว่า พระลักษณะนี้ที่เราเห็น เราถามแล้ว ทรงพยากรณ์ตรงตามความเป็นจริงทุกประการ จำภาพพระไว้ ถ้าทำอย่างนี้จนชำนาญก็เลิก ฝึกวิธีอื่น ต้องการอะไรก็ถามพระ

    -ถ้าทำใจสบาย จิตเข้าถึงฌาน 4 หรือฌาน 1 ฌาน 2 ฌาน 3 ก็ตาม เวลาที่จิตสงัด ปัญญามันจะเกิดเอง มันจะบอกชัด มันจะมีความเบื่อหน่ายในร่างกายขึ้น มาเอง มีความรู้สึกว่าร่างกายนี่มันไม่เป็นสาระ ไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีการทรงตัว เพราะอะไร เพราะเมื่อมีความเกิดขึ้น แล้วก็มีความป่วย ความตาย ในขณะที่ทรงกายอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ หาความสุขไม่ได้ เราจะบริหารร่างกายสักเพียงใดก็ตามที ร่างกายก็เต็มไปด้วยความทรุดโทรมอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายในขันธ์ 5 คือร่างกายเสีย นี่ตัวปัญญามันจะเห็น ปัญญามันจะสอนต่อไปว่า ถ้าหากว่าเราไม่ต้องการเกิดต่อไปแล้ว ก็ตัดรากเหง้าของกิเลสทั้ง 3 ประการทิ้งเสียให้หมด คือตัด อำนาจของความโลภด้วยการให้ทาน ตัดรากเหง้าของความโกรธ ด้วยการเจริญเมตตาบารมี และตัดรากเหง้าของความหลงด้วยการพิจารณาหาความจริงของขันธ์ 5 ปัญญามัน จะเห็นชัดว่า ร่างกายเป็นแต่เพียงธาตุ 4 ไม่มีการทรงตัว มีการเปลี่ยนแปลง ภายในเต็มไปด้วยความสกปรก นี่มันจะบอกชัด ปัญญามันดีกว่านี้มาก ถ้ามันได้ถึงจริง ๆ

    -คำว่าเอกัคตารมณ์ ก็คืออารมณ์เป็นหนึ่ง อารมณ์เป็นหนึ่งในที่นี้เรานิยมเรียกว่า ฌาน อารมณ์มันจะทรงตัว ก็มีหลายคนเคยถามว่า อารมณ์เป็นหนึ่งดิ่งอย่างนี้จะทำอย่างไรต่อไป ก็ขอตอบว่า เวลานั้นไม่ใช่เวลาที่ทำอย่างอื่น ถ้าจิตเป็นฌานมีอารมณ์ทรงตัวเป็นเอกัคตารมณ์ อารมณ์เป็นหนึ่งอย่างนั้นต้องปล่อยไปตามนั้น เพราะอะไรจึงปล่อย เพราะเราต้องการให้อารมณ์ว่างจากกิเลส เวลานั้นถ้าจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งในลมหายใจเข้าออกก็ดี ในคำภาวนาก็ดี ในนิมิตก็ดี ถ้าจิตจับเฉพาะอย่างนั้น กิเลสจะเข้ากวนใจไม่ได้ มันจึงเป็นหนึ่ง มีอารมณ์ดิ่งก็ควรจะพอใจว่า เวลานี้จิตเราว่างจากกิเลส เราต้องการจุดนี้

    -ขณะใดที่เรารู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก รู้คำภาวนาว่า พุทโธ ขณะนั้นเชื่อว่าจิตของเราเป็นสมาธิตาม ความต้องการ ถ้าหากว่าภาวนาไป ๆ ใจมันเกิดความสบาย คำภาวนาหยุดไปเฉย ๆ เป็นความสุขที่ยิ่งกว่า อย่างนี้ก็จงอย่าตกใจ อย่างนี้เป็นอาการของฌานที่ 2 ซึ่งเป็นอารมณ์ดีขึ้น หากว่าทำไปความชุ่มชื่นหายไป มีอาการเครียด ลมหายใจเบาลง หูได้ยินเสียงภายนอกเบามากจิตใจทรงตัวแนบสนิทอย่างนี้ เป็นอาการของฌานที่ 3 ถ้าบังเอิญภาวนาไปกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ปรากฎว่า ไม่รู้ว่าลมหายใจเข้าออกมีหรือเปล่า มันมีอาการเฉย ๆ มีอาการจิตใจสบาย ๆ อยางนี้เป็นอาการของฌานที่ 4 จัดว่าเป็นอารมณ์ฌานที่มีความสำคัญที่สุดของพุทธศาสนา




    </td></tr><tr><td align="right">โดย kancht958</td></tr></tbody></table>
    ขอขอบคุณเจ้าของข้อเขียน และเว็ปโอเคเนชั่น ซึ่งจะได้บุญมากมาย-จขกท.
    </td> </tr> </tbody></table>
    ขอบ คุณมากครับพี่เจษ นี่ล่ะผมถึงกล้าพูดว่ากะทู้พี่มีมากกว่าความรู้ที่ผมมีอยู่ และหาอยู่จริงๆ และเหมือนกับพี่จะรู้ใจคนได้น่ะครับ เพราะว่าความรู้นี่ผมต้องขอบคุณพี่มากจริงๆเพราะว่าผมสงสัยมานานแล้วครับว่า การนั่งสมาธิจะได้ญาณอย่างไร แล้วจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เป็นยังไง แล้วผมก็ได้รู้จากพี่ที่นี่แล้วครับ ...แล้วก็ตามเคยครับพี่ผมขอก็อบเอาไว้อ่านควบคู่กับการปฎิบัติของผมหน่อยน่ะ ครับ
    (รู้สึกว่าผมจะเป็นหนี้ความรู้กับพี่มากอยู่น่ะครับ) จากการที่อ่านแล้วรู้สึกว่าผมได้แค่2เองครับถึงว่าเวลานั่งจับลมหายใจเข้า ออกนานๆอยู่ๆก็ลืมจับไปซ่ะเฉยๆแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในที่โล่งแห่งหนึ่งแล้ว ก็รู้สึกตัวผมก็กลับมาจับลมหายใจเข้าออกอีกที กะจ่างจริงๆเหมือนมีอะไรมาดลใจให้มาติดตามอ่านกะทู้พี่เจษจนมาเจอกับคำตอบ ที่ผมต้องการ จะติดตามเรื่อยๆครับมีประโยชน์จริงๆสำหรับผม

    แปลกจริงๆครับพี่เจษผมอ้างอิงข้อความพี่หน้า70พอกดดันมาโผล่หน้า57วานพี่ช่วยตรวจสอบทีครับผมงงมากหรือว่าผมทำผิดอะไรครับ T_T พี่เจษ
     
  3. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    ขอบคุณมากครับ

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ chandayot [​IMG]
    <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" width="90%"><tbody><tr><td>


    เรื่องของญาณ 4




    -ปฐมฌานนี่เป็นฌานที่หนึ่ง ที่บรรดาพวกเราเหล่าพุทธบริษัทต้องทำให้ได้ เพราะเป็นฌานโลกีย์ อาการที่ทรงฌานที่หนึ่งนี้ไม่มีอะไรยาก เราใช้คำภาวนาและพิจารณาในขันธ์ 5 ก็ ดี ภาวนาบทใดบทหนึ่งก็ดี หรือว่าจะพิจารณาลมหายใจเข้าออกก็ดี ให้จิตมันทรงอยู่อย่างนี้เป็นปกติ นี่หมายความว่าไม่ยอมให้ใจของเราเคลื่อนจากอารมณ์ที่เราต้องการ อย่างเราอยากจะกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก เมื่อว่างจากกิจอื่น จิตมันจะมีความรู้สึกไปโดยอัตโนมัติ รู้ลมเข้าลมออก หรือภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ อะไรก็ช่าง จะพิจารษายังไงก็ช่างให้จิตมันทรงตัว แล้วทรงจนกระทั่งให้อารมณ์จิตนี่แม้แต่ได้ยินเสียงภายนอกเข้ามาจิตก็ไม่ รำคาญ สามารถใช้คำภาวนาและพิจารณาได้ตามอัธยาศัย อย่างนี้ชื่อว่าปฐมฌาน

    -พอจิตเข้าถึงฌานที่สอง คำภาวนาหายไปเฉย ๆ หยุดไปเอง เมื่อคำภาวนาหยุดไปเอง เราก็มีใจสบายชุ่มชื่นดีกว่า เพราะว่าไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติ พอเริ่มก็มีความชุ่มชื่นสบายแล้วก็สุข เอกัคตารมณ์ทรงตัวดีก่าฌานที่หนึ่ง ตอนนี้เราจะรู้สึกว่าลมหายใจเบาลงไปหน่อยกว่าเดิม กว่าฌานที่หนึ่ง ตอนนี้ก็มีหลาย ๆ ท่าน เมื่อจิตถอยลงมาถึงปฐมฌาน คือ ทรงฌานที่ 2 ได้ไม่นานรู้สึกตัวว่า ตายจริง นี่เราลืมภาวนาไปเสียแล้วรึ หรือเราหลับไป แต่ความจริงนั้นไม่ใช่หลับ มันก็โงก อาการจะโงกไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ทั้งนี้ไม่ใช่หลับ คือจิตเข้าถึงปฐมฌาน เราทิ้งภาวนาไปเอง ถ้าเข้าถึงฌานที่ 2 คือ ทุติยฌาน จะทิ้งภาวนาไปเอง

    -สำหรับฌานที่สามนี้จะรู้สึกว่าลมหายในเบามาก ร่างกายเราจะตัด ความอิ่มเอิบจะหายไป เหลือแต่ความสุขเยือกเย็น มีความสบาย ๆ ขาดความอิ่ม แต่จิตจะทรงตัวมาก อารมณ์จะไม่เคลื่อนไหว หูจะไม่ได้ยินเสียงภายนอก เบาลงไปมาก เสียงที่ดังมาก ๆ เราได้ยินเหมือนกันแต่เบามาก มีการทรงตัวแบบแน่นสนิท มีความรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเราเกร็งไปทั้งตัว แต่ความจริงนั้นเป็นเรื่องอาการของจิตไม่ใช่เรื่องอาการของกาย

    -แล้ว ตอนนี้ถ้าคนทั้งหลายเข้าถึงฌานที่สาม แล้วก็ทรงฌานที่สามได้ดี สมมติว่าเช้ามืดท่านตื่นขึ้นมานอนอยู่หรือนั่งอยู่ก็ตาม จิตทรงสมาธิถึงฌานที่สามได้ดี วันทั้งวันนั้นรู้สึกว่าเราไม่ต้องการอยากจะพูดกับใคร อาการพูดมันจะน้อยทั้งวัน เพราะว่าจิตมันทรงตัวได้ดี ถ้าอาการมีอย่างนี้กับท่าน ก็ขอให้ท่านภูมิใจว่า เราทรงฌานได้ดีมาก แต่ทว่าเลิกแล้วก็อยากจะพูดอยากจะคุย อยากจะสนทนาปราศรัย อยากจะพูดมาก

    -นั่น ก็แสดงว่า สำหรับอารมณ์ที่เป็นฌานของท่าน มันได้แต่เวลาที่นั่งอยู่หรือปฏิบัติอยู่เท่านั้น พอเวลาเลิกแล้ว กำลังฌานนั้นไม่ได้ตามจิตของท่านไปด้วย อย่างนี้ไม่ดี ควรจะพยายามรักษาให้มันทรงอยู่ได้ทั้งวัน ถ้าทรงไม่มากก็ทรงน้อย อย่างน้อยที่สุดก็ให้จิตมันอยู่ในอุปจารสมาธิในวันทั้งวันนี่ละ สามารถจะทรงได้ถ้าจิตตั้งอยู่ในอุปจารสมาธิ ในวันทั้งวันนี่ละสามารถจะทรงได้ ถ้าจิตตั้งอยู่ในอุปจารสมาธินี่เราก็คุยกับชาวบ้านได้ แต่ว่าคุยน้อยไปหน่อย ถ้าจะพูดก็พูดในเรื่องที่เป็นสาระจริง ๆ เรื่องที่เป็นอกุศลทุกอย่างจะไม่ยอมพูด ใจจะไม่ยอมคิดในเรื่องของอกุศล

    -ฌานที่สี่ท่านกล่าวว่าตัดสุขเสียได้ มีองค์สองเหมือนกัน ตัดสุขออกไปเหลือแต่เอกัคตา แล้วเพิ่มอุเบกขาเข้ามา เอกัคตานี่แปลว่ามีอารมณ์เป็นอันเดียว มีอารมณ์เป็นหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อมันตัดสุขออกไปได้ ไม่สัมผัส การกระทบกระทั่งจิตไม่รับการสัมผัส เสียงจะมาจากภายนอกดังเท่าไรก็ตามที หูจะไม่ได้ยินเสียงภายนอก การสัมผัสจากลมแรงก็ดี เหลือบยุงจะเข้ามาเกาะตัวก็ดี ไม่มีความรู้สึก แต่ว่าอาการทางจิตไม่ใช่หลับ มีความรู้สึก มีสติสัมปชัญญะทรงตัวเป็นคนมีสติสัมปชัญญะดีมาก มีความสว่างไสวในจิต จงอย่าลืมคำว่าฌานนี้ไม่ใช่นั่งหลับ จิตจะทรงตัวสมาธิดี สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ นี้เป็นการฝึกอารมณ์จิตของเราให้มีการทรงตัวเพื่อเตรียมรับสภานการณ์ที่จะ เจริญวิปัสสนาญาณ

    -จิตของฌาน 4 มีเอกัคตากับอุเบกขาเป็นปกติ จิตดวงนี้ต้องจำเอาไว้ว่า ต้องให้มันทรงอยู่ตลอดเวลา ถ้ามันทรงตัวอยู่ตลอดเวลา แล้วเรื่องทิพจักขุญาณมันง่ายเหลือเกิน ยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก แต่ถ้าว่า ถ้าจิตเข้าถึงจุดนี้แล้ว ท่านที่มีความรู้ในขั้นนี้จริง ๆ ท่านบอกว่า ถ้ายังใช้อารมณ์จิตของตนรู้อยู่ ท่านบอกว่าใช้ไม่ได้ ต้องหาทางเข้าถามถึงพระ ถามพระสอนกันตอนไหน จับภาพนิมิตพระองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นเป็นบรรทัดฐาน เรียกว่าภาพพระพุทธนิมิต จับแล้วเวลาที่ต้องการอยากจะทราบอะไรก็ถามพระ พระบัญชาการมาอย่างไรเป็นคำตอบที่เราได้ปรากฎรับเอง แล้วก็ถูกต้องตามความเป็นจริง ต้องจำไว้เลยทีเดียวว่า พระลักษณะนี้ที่เราเห็น เราถามแล้ว ทรงพยากรณ์ตรงตามความเป็นจริงทุกประการ จำภาพพระไว้ ถ้าทำอย่างนี้จนชำนาญก็เลิก ฝึกวิธีอื่น ต้องการอะไรก็ถามพระ

    -ถ้าทำใจสบาย จิตเข้าถึงฌาน 4 หรือฌาน 1 ฌาน 2 ฌาน 3 ก็ตาม เวลาที่จิตสงัด ปัญญามันจะเกิดเอง มันจะบอกชัด มันจะมีความเบื่อหน่ายในร่างกายขึ้น มาเอง มีความรู้สึกว่าร่างกายนี่มันไม่เป็นสาระ ไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีการทรงตัว เพราะอะไร เพราะเมื่อมีความเกิดขึ้น แล้วก็มีความป่วย ความตาย ในขณะที่ทรงกายอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ หาความสุขไม่ได้ เราจะบริหารร่างกายสักเพียงใดก็ตามที ร่างกายก็เต็มไปด้วยความทรุดโทรมอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายในขันธ์ 5 คือร่างกายเสีย นี่ตัวปัญญามันจะเห็น ปัญญามันจะสอนต่อไปว่า ถ้าหากว่าเราไม่ต้องการเกิดต่อไปแล้ว ก็ตัดรากเหง้าของกิเลสทั้ง 3 ประการทิ้งเสียให้หมด คือตัด อำนาจของความโลภด้วยการให้ทาน ตัดรากเหง้าของความโกรธ ด้วยการเจริญเมตตาบารมี และตัดรากเหง้าของความหลงด้วยการพิจารณาหาความจริงของขันธ์ 5 ปัญญามัน จะเห็นชัดว่า ร่างกายเป็นแต่เพียงธาตุ 4 ไม่มีการทรงตัว มีการเปลี่ยนแปลง ภายในเต็มไปด้วยความสกปรก นี่มันจะบอกชัด ปัญญามันดีกว่านี้มาก ถ้ามันได้ถึงจริง ๆ

    -คำว่าเอกัคตารมณ์ ก็คืออารมณ์เป็นหนึ่ง อารมณ์เป็นหนึ่งในที่นี้เรานิยมเรียกว่า ฌาน อารมณ์มันจะทรงตัว ก็มีหลายคนเคยถามว่า อารมณ์เป็นหนึ่งดิ่งอย่างนี้จะทำอย่างไรต่อไป ก็ขอตอบว่า เวลานั้นไม่ใช่เวลาที่ทำอย่างอื่น ถ้าจิตเป็นฌานมีอารมณ์ทรงตัวเป็นเอกัคตารมณ์ อารมณ์เป็นหนึ่งอย่างนั้นต้องปล่อยไปตามนั้น เพราะอะไรจึงปล่อย เพราะเราต้องการให้อารมณ์ว่างจากกิเลส เวลานั้นถ้าจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งในลมหายใจเข้าออกก็ดี ในคำภาวนาก็ดี ในนิมิตก็ดี ถ้าจิตจับเฉพาะอย่างนั้น กิเลสจะเข้ากวนใจไม่ได้ มันจึงเป็นหนึ่ง มีอารมณ์ดิ่งก็ควรจะพอใจว่า เวลานี้จิตเราว่างจากกิเลส เราต้องการจุดนี้

    -ขณะใดที่เรารู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก รู้คำภาวนาว่า พุทโธ ขณะนั้นเชื่อว่าจิตของเราเป็นสมาธิตาม ความต้องการ ถ้าหากว่าภาวนาไป ๆ ใจมันเกิดความสบาย คำภาวนาหยุดไปเฉย ๆ เป็นความสุขที่ยิ่งกว่า อย่างนี้ก็จงอย่าตกใจ อย่างนี้เป็นอาการของฌานที่ 2 ซึ่งเป็นอารมณ์ดีขึ้น หากว่าทำไปความชุ่มชื่นหายไป มีอาการเครียด ลมหายใจเบาลง หูได้ยินเสียงภายนอกเบามากจิตใจทรงตัวแนบสนิทอย่างนี้ เป็นอาการของฌานที่ 3 ถ้าบังเอิญภาวนาไปกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ปรากฎว่า ไม่รู้ว่าลมหายใจเข้าออกมีหรือเปล่า มันมีอาการเฉย ๆ มีอาการจิตใจสบาย ๆ อยางนี้เป็นอาการของฌานที่ 4 จัดว่าเป็นอารมณ์ฌานที่มีความสำคัญที่สุดของพุทธศาสนา




    </td></tr><tr><td align="right">โดย kancht958</td></tr></tbody></table>
    ขอขอบคุณเจ้าของข้อเขียน และเว็ปโอเคเนชั่น ซึ่งจะได้บุญมากมาย-จขกท.
    </td> </tr> </tbody></table>
    ขอบ คุณมากครับพี่เจษ นี่ล่ะผมถึงกล้าพูดว่ากะทู้พี่มีมากกว่าความรู้ที่ผมมีอยู่ และหาอยู่จริงๆ และเหมือนกับพี่จะรู้ใจคนได้น่ะครับ เพราะว่าความรู้นี่ผมต้องขอบคุณพี่มากจริงๆเพราะว่าผมสงสัยมานานแล้วครับว่า การนั่งสมาธิจะได้ญาณอย่างไร แล้วจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เป็นยังไง แล้วผมก็ได้รู้จากพี่ที่นี่แล้วครับ ...แล้วก็ตามเคยครับพี่ผมขอก็อบเอาไว้อ่านควบคู่กับการปฎิบัติของผมหน่อยน่ะ ครับ
    (รู้สึกว่าผมจะเป็นหนี้ความรู้กับพี่มากอยู่น่ะครับ) จากการที่อ่านแล้วรู้สึกว่าผมได้แค่2เองครับถึงว่าเวลานั่งจับลมหายใจเข้า ออกนานๆอยู่ๆก็ลืมจับไปซ่ะเฉยๆแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในที่โล่งแห่งหนึ่งแล้ว ก็รู้สึกตัวผมก็กลับมาจับลมหายใจเข้าออกอีกที กะจ่างจริงๆเหมือนมีอะไรมาดลใจให้มาติดตามอ่านกะทู้พี่เจษจนมาเจอกับคำตอบ ที่ผมต้องการ จะติดตามเรื่อยๆครับมีประโยชน์จริงๆสำหรับผม

    แปลกจริงๆครับพี่เจษผมอ้างอิงข้อความพี่หน้า70พอกดดันมาโผล่หน้า57วานพี่ช่วยตรวจสอบทีครับผมงงมากหรือว่าผมทำผิดอะไรครับ T_T
     
  4. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    ขอบคุณมากครับ

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ chandayot [​IMG]
    <table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" width="90%"><tbody><tr><td>


    เรื่องของญาณ 4




    -ปฐมฌานนี่เป็นฌานที่หนึ่ง ที่บรรดาพวกเราเหล่าพุทธบริษัทต้องทำให้ได้ เพราะเป็นฌานโลกีย์ อาการที่ทรงฌานที่หนึ่งนี้ไม่มีอะไรยาก เราใช้คำภาวนาและพิจารณาในขันธ์ 5 ก็ ดี ภาวนาบทใดบทหนึ่งก็ดี หรือว่าจะพิจารณาลมหายใจเข้าออกก็ดี ให้จิตมันทรงอยู่อย่างนี้เป็นปกติ นี่หมายความว่าไม่ยอมให้ใจของเราเคลื่อนจากอารมณ์ที่เราต้องการ อย่างเราอยากจะกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก เมื่อว่างจากกิจอื่น จิตมันจะมีความรู้สึกไปโดยอัตโนมัติ รู้ลมเข้าลมออก หรือภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ อะไรก็ช่าง จะพิจารษายังไงก็ช่างให้จิตมันทรงตัว แล้วทรงจนกระทั่งให้อารมณ์จิตนี่แม้แต่ได้ยินเสียงภายนอกเข้ามาจิตก็ไม่ รำคาญ สามารถใช้คำภาวนาและพิจารณาได้ตามอัธยาศัย อย่างนี้ชื่อว่าปฐมฌาน

    -พอจิตเข้าถึงฌานที่สอง คำภาวนาหายไปเฉย ๆ หยุดไปเอง เมื่อคำภาวนาหยุดไปเอง เราก็มีใจสบายชุ่มชื่นดีกว่า เพราะว่าไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติ พอเริ่มก็มีความชุ่มชื่นสบายแล้วก็สุข เอกัคตารมณ์ทรงตัวดีก่าฌานที่หนึ่ง ตอนนี้เราจะรู้สึกว่าลมหายใจเบาลงไปหน่อยกว่าเดิม กว่าฌานที่หนึ่ง ตอนนี้ก็มีหลาย ๆ ท่าน เมื่อจิตถอยลงมาถึงปฐมฌาน คือ ทรงฌานที่ 2 ได้ไม่นานรู้สึกตัวว่า ตายจริง นี่เราลืมภาวนาไปเสียแล้วรึ หรือเราหลับไป แต่ความจริงนั้นไม่ใช่หลับ มันก็โงก อาการจะโงกไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ทั้งนี้ไม่ใช่หลับ คือจิตเข้าถึงปฐมฌาน เราทิ้งภาวนาไปเอง ถ้าเข้าถึงฌานที่ 2 คือ ทุติยฌาน จะทิ้งภาวนาไปเอง

    -สำหรับฌานที่สามนี้จะรู้สึกว่าลมหายในเบามาก ร่างกายเราจะตัด ความอิ่มเอิบจะหายไป เหลือแต่ความสุขเยือกเย็น มีความสบาย ๆ ขาดความอิ่ม แต่จิตจะทรงตัวมาก อารมณ์จะไม่เคลื่อนไหว หูจะไม่ได้ยินเสียงภายนอก เบาลงไปมาก เสียงที่ดังมาก ๆ เราได้ยินเหมือนกันแต่เบามาก มีการทรงตัวแบบแน่นสนิท มีความรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเราเกร็งไปทั้งตัว แต่ความจริงนั้นเป็นเรื่องอาการของจิตไม่ใช่เรื่องอาการของกาย

    -แล้ว ตอนนี้ถ้าคนทั้งหลายเข้าถึงฌานที่สาม แล้วก็ทรงฌานที่สามได้ดี สมมติว่าเช้ามืดท่านตื่นขึ้นมานอนอยู่หรือนั่งอยู่ก็ตาม จิตทรงสมาธิถึงฌานที่สามได้ดี วันทั้งวันนั้นรู้สึกว่าเราไม่ต้องการอยากจะพูดกับใคร อาการพูดมันจะน้อยทั้งวัน เพราะว่าจิตมันทรงตัวได้ดี ถ้าอาการมีอย่างนี้กับท่าน ก็ขอให้ท่านภูมิใจว่า เราทรงฌานได้ดีมาก แต่ทว่าเลิกแล้วก็อยากจะพูดอยากจะคุย อยากจะสนทนาปราศรัย อยากจะพูดมาก

    -นั่น ก็แสดงว่า สำหรับอารมณ์ที่เป็นฌานของท่าน มันได้แต่เวลาที่นั่งอยู่หรือปฏิบัติอยู่เท่านั้น พอเวลาเลิกแล้ว กำลังฌานนั้นไม่ได้ตามจิตของท่านไปด้วย อย่างนี้ไม่ดี ควรจะพยายามรักษาให้มันทรงอยู่ได้ทั้งวัน ถ้าทรงไม่มากก็ทรงน้อย อย่างน้อยที่สุดก็ให้จิตมันอยู่ในอุปจารสมาธิในวันทั้งวันนี่ละ สามารถจะทรงได้ถ้าจิตตั้งอยู่ในอุปจารสมาธิ ในวันทั้งวันนี่ละสามารถจะทรงได้ ถ้าจิตตั้งอยู่ในอุปจารสมาธินี่เราก็คุยกับชาวบ้านได้ แต่ว่าคุยน้อยไปหน่อย ถ้าจะพูดก็พูดในเรื่องที่เป็นสาระจริง ๆ เรื่องที่เป็นอกุศลทุกอย่างจะไม่ยอมพูด ใจจะไม่ยอมคิดในเรื่องของอกุศล

    -ฌานที่สี่ท่านกล่าวว่าตัดสุขเสียได้ มีองค์สองเหมือนกัน ตัดสุขออกไปเหลือแต่เอกัคตา แล้วเพิ่มอุเบกขาเข้ามา เอกัคตานี่แปลว่ามีอารมณ์เป็นอันเดียว มีอารมณ์เป็นหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อมันตัดสุขออกไปได้ ไม่สัมผัส การกระทบกระทั่งจิตไม่รับการสัมผัส เสียงจะมาจากภายนอกดังเท่าไรก็ตามที หูจะไม่ได้ยินเสียงภายนอก การสัมผัสจากลมแรงก็ดี เหลือบยุงจะเข้ามาเกาะตัวก็ดี ไม่มีความรู้สึก แต่ว่าอาการทางจิตไม่ใช่หลับ มีความรู้สึก มีสติสัมปชัญญะทรงตัวเป็นคนมีสติสัมปชัญญะดีมาก มีความสว่างไสวในจิต จงอย่าลืมคำว่าฌานนี้ไม่ใช่นั่งหลับ จิตจะทรงตัวสมาธิดี สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ นี้เป็นการฝึกอารมณ์จิตของเราให้มีการทรงตัวเพื่อเตรียมรับสภานการณ์ที่จะ เจริญวิปัสสนาญาณ

    -จิตของฌาน 4 มีเอกัคตากับอุเบกขาเป็นปกติ จิตดวงนี้ต้องจำเอาไว้ว่า ต้องให้มันทรงอยู่ตลอดเวลา ถ้ามันทรงตัวอยู่ตลอดเวลา แล้วเรื่องทิพจักขุญาณมันง่ายเหลือเกิน ยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก แต่ถ้าว่า ถ้าจิตเข้าถึงจุดนี้แล้ว ท่านที่มีความรู้ในขั้นนี้จริง ๆ ท่านบอกว่า ถ้ายังใช้อารมณ์จิตของตนรู้อยู่ ท่านบอกว่าใช้ไม่ได้ ต้องหาทางเข้าถามถึงพระ ถามพระสอนกันตอนไหน จับภาพนิมิตพระองค์ใดองค์หนึ่งขึ้นเป็นบรรทัดฐาน เรียกว่าภาพพระพุทธนิมิต จับแล้วเวลาที่ต้องการอยากจะทราบอะไรก็ถามพระ พระบัญชาการมาอย่างไรเป็นคำตอบที่เราได้ปรากฎรับเอง แล้วก็ถูกต้องตามความเป็นจริง ต้องจำไว้เลยทีเดียวว่า พระลักษณะนี้ที่เราเห็น เราถามแล้ว ทรงพยากรณ์ตรงตามความเป็นจริงทุกประการ จำภาพพระไว้ ถ้าทำอย่างนี้จนชำนาญก็เลิก ฝึกวิธีอื่น ต้องการอะไรก็ถามพระ

    -ถ้าทำใจสบาย จิตเข้าถึงฌาน 4 หรือฌาน 1 ฌาน 2 ฌาน 3 ก็ตาม เวลาที่จิตสงัด ปัญญามันจะเกิดเอง มันจะบอกชัด มันจะมีความเบื่อหน่ายในร่างกายขึ้น มาเอง มีความรู้สึกว่าร่างกายนี่มันไม่เป็นสาระ ไม่เป็นแก่นสาร ไม่มีการทรงตัว เพราะอะไร เพราะเมื่อมีความเกิดขึ้น แล้วก็มีความป่วย ความตาย ในขณะที่ทรงกายอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ หาความสุขไม่ได้ เราจะบริหารร่างกายสักเพียงใดก็ตามที ร่างกายก็เต็มไปด้วยความทรุดโทรมอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายในขันธ์ 5 คือร่างกายเสีย นี่ตัวปัญญามันจะเห็น ปัญญามันจะสอนต่อไปว่า ถ้าหากว่าเราไม่ต้องการเกิดต่อไปแล้ว ก็ตัดรากเหง้าของกิเลสทั้ง 3 ประการทิ้งเสียให้หมด คือตัด อำนาจของความโลภด้วยการให้ทาน ตัดรากเหง้าของความโกรธ ด้วยการเจริญเมตตาบารมี และตัดรากเหง้าของความหลงด้วยการพิจารณาหาความจริงของขันธ์ 5 ปัญญามัน จะเห็นชัดว่า ร่างกายเป็นแต่เพียงธาตุ 4 ไม่มีการทรงตัว มีการเปลี่ยนแปลง ภายในเต็มไปด้วยความสกปรก นี่มันจะบอกชัด ปัญญามันดีกว่านี้มาก ถ้ามันได้ถึงจริง ๆ

    -คำว่าเอกัคตารมณ์ ก็คืออารมณ์เป็นหนึ่ง อารมณ์เป็นหนึ่งในที่นี้เรานิยมเรียกว่า ฌาน อารมณ์มันจะทรงตัว ก็มีหลายคนเคยถามว่า อารมณ์เป็นหนึ่งดิ่งอย่างนี้จะทำอย่างไรต่อไป ก็ขอตอบว่า เวลานั้นไม่ใช่เวลาที่ทำอย่างอื่น ถ้าจิตเป็นฌานมีอารมณ์ทรงตัวเป็นเอกัคตารมณ์ อารมณ์เป็นหนึ่งอย่างนั้นต้องปล่อยไปตามนั้น เพราะอะไรจึงปล่อย เพราะเราต้องการให้อารมณ์ว่างจากกิเลส เวลานั้นถ้าจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งในลมหายใจเข้าออกก็ดี ในคำภาวนาก็ดี ในนิมิตก็ดี ถ้าจิตจับเฉพาะอย่างนั้น กิเลสจะเข้ากวนใจไม่ได้ มันจึงเป็นหนึ่ง มีอารมณ์ดิ่งก็ควรจะพอใจว่า เวลานี้จิตเราว่างจากกิเลส เราต้องการจุดนี้

    -ขณะใดที่เรารู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก รู้คำภาวนาว่า พุทโธ ขณะนั้นเชื่อว่าจิตของเราเป็นสมาธิตาม ความต้องการ ถ้าหากว่าภาวนาไป ๆ ใจมันเกิดความสบาย คำภาวนาหยุดไปเฉย ๆ เป็นความสุขที่ยิ่งกว่า อย่างนี้ก็จงอย่าตกใจ อย่างนี้เป็นอาการของฌานที่ 2 ซึ่งเป็นอารมณ์ดีขึ้น หากว่าทำไปความชุ่มชื่นหายไป มีอาการเครียด ลมหายใจเบาลง หูได้ยินเสียงภายนอกเบามากจิตใจทรงตัวแนบสนิทอย่างนี้ เป็นอาการของฌานที่ 3 ถ้าบังเอิญภาวนาไปกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ปรากฎว่า ไม่รู้ว่าลมหายใจเข้าออกมีหรือเปล่า มันมีอาการเฉย ๆ มีอาการจิตใจสบาย ๆ อยางนี้เป็นอาการของฌานที่ 4 จัดว่าเป็นอารมณ์ฌานที่มีความสำคัญที่สุดของพุทธศาสนา




    </td></tr><tr><td align="right">โดย kancht958</td></tr></tbody></table>
    ขอขอบคุณเจ้าของข้อเขียน และเว็ปโอเคเนชั่น ซึ่งจะได้บุญมากมาย-จขกท.
    </td> </tr> </tbody></table>
    ขอบ คุณมากครับพี่เจษ นี่ล่ะผมถึงกล้าพูดว่ากะทู้พี่มีมากกว่าความรู้ที่ผมมีอยู่ และหาอยู่จริงๆ และเหมือนกับพี่จะรู้ใจคนได้น่ะครับ เพราะว่าความรู้นี่ผมต้องขอบคุณพี่มากจริงๆเพราะว่าผมสงสัยมานานแล้วครับว่า การนั่งสมาธิจะได้ญาณอย่างไร แล้วจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เป็นยังไง แล้วผมก็ได้รู้จากพี่ที่นี่แล้วครับ ...แล้วก็ตามเคยครับพี่ผมขอก็อบเอาไว้อ่านควบคู่กับการปฎิบัติของผมหน่อยน่ะ ครับ
    (รู้สึกว่าผมจะเป็นหนี้ความรู้กับพี่มากอยู่น่ะครับ) จากการที่อ่านแล้วรู้สึกว่าผมได้แค่2เองครับถึงว่าเวลานั่งจับลมหายใจเข้า ออกนานๆอยู่ๆก็ลืมจับไปซ่ะเฉยๆแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในที่โล่งแห่งหนึ่งแล้ว ก็รู้สึกตัวผมก็กลับมาจับลมหายใจเข้าออกอีกที กะจ่างจริงๆเหมือนมีอะไรมาดลใจให้มาติดตามอ่านกะทู้พี่เจษจนมาเจอกับคำตอบ ที่ผมต้องการ จะติดตามเรื่อยๆครับมีประโยชน์จริงๆสำหรับผม

    แปลกจริงๆครับพี่เจษผมอ้างอิงข้อความพี่หน้า70พอกดดันมาโผล่หน้า57วานพี่ช่วยตรวจสอบทีครับผมงงมากหรือว่าผมทำผิดอะไรครับ T_T พี่เจษ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    [​IMG]
    ปางพันพระกร แต่ละกร ยังแบ่งภาคไปช่วยมนุษย์ได้อีก

    [​IMG]
    พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม 84 ปาง


    แบ่งภาคเป้นอะไรก้ได้ เพื่อช่วยมนุษย์ หรือทำอุบายให้หันมาทางธรรม

    [​IMG] เกาะโถวผู่ซาน ฐานที่มั่นของเสด็จแม่
    ---ภรรยาของผม ทะลึ่งไปฝันว่า ได้พบท่าน ท่านให้เรียกท่านว่า "องค์หญิงเหมี่ยวซาน" ผมเอง คิดในใจว่า "ยัยอ้วนรู้ได้ไงวะ" เพราะผมได้อ่านประวัติเส็จแม่มาแล้ว)


    กดดูความตระการตา คนทำเองยังสวยขนาดนี้ แล้วถ้าท่านผู้อ่านได้ไปพบองค์จริงในมิติทิพย์จะเจิดจ้าด้วยบารมีตระการตาตระการใจขนาดไหน คงต้องตามไปเป็นสาวกเสด็จแม่อย่างแน่นอน

    <TABLE id=post6790829 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6790829 class=alt1>

    เด้งมาหน้า 58-สองรอบ-เกิดการขาดความต่อเนื่องแบบสุดๆ ช่วยด้วยคร๊าบ มังกรน้อยหลงอยู่หน้า 56 เมื่อไหร่จะหลุดมิติ อ๊ากซ์ .. (เบ่งพลังช่วยกันหน่อย)

    --เหมือนการ์ตูนฟิสิกส์ ตัวละครคุยกันว่า "จากการคำนวณแล้ว โลกของเราไม่ได้มีอยู่จริง" แล้วเพื่อนเค้าเริ่มสลายตัวไปทีละน้อย จนเขาบอกว่า"น่าจะมีอยู่จริง" ทันใดนั้นทุกสิ่งก็จะกลับมา คุยเรื่องมิติไม่ได้เลยนี่ หลงมิติกันวุ่นเลย เซิร์ฟเว่อร์ตัวใหม่เข้าพิธีสวด และปิดผ้ายันตหรือยังคร๊าฟ แอ๊ดมินคร๊าฟ
    ------------------------------------------------------

    นาฏศิลป์อินเดียนั้นอาจแบ่งกว้างออกเป็น ๒ ประเภท คือ มุทรา และ อังคิกะ

    มุทรา(MUDRA) คือ ภาษานาฏศิลป์ที่ใช้การเคลื่อนไหวของมือเป็นส่วนประกอบสำคัญใน การอธิบายคำนาม กิริยา และความรู้สึกที่ประกอบเข้ากันเป็นเรื่อง เทียบได้กับการตีบทของไทย มุทรา มีหลายลักษณะแบ่งออกเป็น อสัมยุกตา และ สัมยุกตา
    <!-- google_ad_section_end -->








    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2>[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("6790829")</SCRIPT> [​IMG] [​IMG]</TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    หลุดอีกสองรอบแล้ว เป็น 4 รอบ
    [​IMG]

    รูปปั้นองค์ท่าน ที่สมุทรสาคร

    เจ้าแม่กวนอิม 观世音

    [​IMG]
    “เจ้าแม่กวนอิม”(观世音、观音) เป็นพระโพธิสัตว์ของพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่มีผู้รู้จักและศรัทธามากที่สุด เป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการกราบไหว้บูชาจากชาวจีนทั่วทุกมุมโลก และแพร่หลายไปอย่างกว้างขวางในทุก ๆ ที่ที่มีชาวจีนอาศัยอยู่ ในคตินิยมทางสัญลักษณ์วัฒนธรรมมงคลของจีน องค์เจ้าแม่กวนอิม คือ พระผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักความเมตตาต่อสรรพสัตว์ เป็นพระผู้เปี่ยมด้วยความกตัญญู และเป็นสัญลักษณ์แห่งเมตตามหาการุณย์เพื่อโปรดสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงทุกข์ ดังคำปณิธานของพระองค์ที่ว่า “หากยังมีสัตว์ตกทุกข์ได้ยากอยู่ ก็จะไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ”<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    อักษรคำว่า “พระโพธิสัตว์” ในภาษาจีนเรียกว่า “ผูซ่า (菩萨)” ส่วนในสำเนียงแต้จิ๋วออกเสียงว่า “ผ่อสัก” ดังนั้น พระนามของเจ้าแม่กวนอิมจึงมีอยู่ด้วยกันหลายชื่อ ส่วนใหญ่แล้วในสำเนียงจีนกลางจะนิยมเรียกว่า “กวนอินผูซ่า(观音菩萨)” หรือ “กวนซื่ออินผูซ่า(观世音菩萨)” นอกจากนี้ ยังมีอีกบางชื่อที่มีเรียกกัน ได้แก่ “กวนจื้อไจ้ผูซ่า(观自在菩萨)” และ “กวงซื่ออินผูซ่า(光世音菩萨)<O:p></O:p>
    แต่กระนั้นก็ตาม สำหรับชาวไทยแล้วจะเรียกเจ้าแม่กวนอิม หรือพระโพธิสัตว์กวนอิม<O:p></O:p>
    เดิมทีนั้นพระนามเดิมที่เรียกเจ้าแม่กวนอิมจะเรียกว่า “กวนซื่ออิน หรือ กวนซีอิมในภาษาจีนแต้จิ๋ว (观世音)” แต่เนื่องจากในสมัยราชวงศ์ถัง อักษรคำว่า ซื่อ世” ตรงกับชื่อเดิมของถังไท้จงฮ่องเต้ คือ หลี่ซื่อหมิน(李世民)จึงได้เลี่ยงมาเรียกย่อ ๆ ว่า กวนอินหรือกวนอิมในภาษาจีนแต้จิ๋ว观音”<O:p></O:p>
    ในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่แพร่หลายในจีน , ญี่ปุ่น ,เกาหลี คำว่า “พระโพธิสัตว์(菩萨)” คิอ ผู้ซึ่งตั้งจิตแน่วแน่ในการบำเพ็ญเพียรเพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้าต่อไปในอนาคต จึงมีการสร้างสมบุญบารมีเพื่อโปรดสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์และเรียกกันว่า “พระโพธิสัตว์” คติเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์นี้มาจากลัทธิมหายาน ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย เรียกกันในสันสกฤตว่า “พระอวโลกิเตศวร (Avalokitesvara) ซึ่งแปลว่า “พระผู้เฝ้ามองดูด้วยความเมตตากรุณา” หรือ “พระผู้ทรงสดับฟังเสียงร้องไห้ของสัตว์โลก”<O:p></O:p>
    ดังนั้น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ของอินเดียนั้น ก็คือองค์เดียวกันกับ “พระกวนอิมโพธิสัตว์” หรือ “เจ้าแม่กวนอิม” พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพนับถือด้วยความซาบซึ้งในน้ำพระทัยแห่งมหาการุณย์ ที่พระองค์ทรงโปรดสัตว์ทั่วทั้งไตรภูมิ ให้พ้นจากกองทุกข์<O:p></O:p>
    ในตำนานพื้นบ้านของจีน สันนิษฐานว่าอาจมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ราชวงศ์ซ่งเหนือ (เป่นซ่ง) นั้นคือ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์(พระกวนอิมโพธิสัตว์)ในชาติสุดท้ายนั้นมีพระนามเดิมว่า “เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน” ทรงจุติเป็นพระราชธิดาองค์ที่ 3 ของพระเจ้าเมี่ยวจวง หรือเมี่ยวจวงหวัง (妙庄王)กษัตริย์ผู้โหดร้ายทารุณ ต่อไพรฟ้า ข้าแผ่นดิน พระองค์ทรงมีพระราชธิดาสามพระองค์ได้แก่ เจ้าหญิงเมี่ยวอิน (妙因公主)เจ้าหญิงเมี่ยวเอวี๋ยน (妙缘公主)และเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน (妙善公主)<O:p></O:p>
    ครั้นเมื่อพระราชธิดาทั้ง 3 เจริญพระชันษาพร้อมที่จะออกเรือน องค์หญิงเมี่ยวอินและองค์หญิงเมี่ยวเอวี๋ยนต่างปรารถนาที่จะเข้าสู่พิธีวิวาห์ คงมีแต่องค์หญิงเมี่ยวซ่านที่ไม่พึงปรารถนาในสิ่งใด ๆ นอกเหนือไปจากพระเมตตาที่ทรงการุณย์ช่วยเหลือสรรพสัตว์ ทรงถือศีลกินเจ และเรียนรู้ในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ทำให้พระราชบิดากริ้วโกรธที่ขัดพระทัย จึงลงโทษทัณฑ์ทรมานพระธิดาเมี่ยวซ่าน นานัปการ จงถึงขั้นสั่งประหารชีวิต แต่กระนั้นก็ไม่อาจกระทำสิ่งใดระคายเคืองพระธิดาเมี่ยวซ่านได้<O:p></O:p>
    ต่อมา เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน ได้ถวายตนเป็นพุทธมามกะและทรงหนีออกจากวังเพื่อออกบวช จากนั้นจึงได้มุ่งมั่นประกอบคุณงามความดีและบำเพ็ญศีลภาวนา<O:p></O:p>
    ในเวลาต่อมา พระเจ้าเมี่ยวจวง ต้องประสบเคราะห์กรรมที่ได้ทรงกระทำไว้ ทำให้ทรงป่วยด้วยโรคร้ายแรงที่ไม่มีตัวยาใดรักษาได้ นอกจากพระโอสถที่ต้องปรุงจากดวงตาและแขนของผู้ที่เป็นทายาทเท่านั้น ซึ่งพระธิดาทั้ง 2 พระองค์ไม่มีผู้ใดยินยอมกระทำเช่นนั้น เมื่อข่าวนี้ล่วงรู้ถึงเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน พระองค์จึงหวนกลับเข้าวัง และให้อภัยต่อการกระทำของพระบิดา และทรงกระทำในสิ่งที่ไม่มีผู้ใดกล้ากระทำนั้นคือ ทรงยอมสละดวงตาทั้งสอง และแขนทั้งสองข้าง เพื่อใช้ปรุงเป็นพระโอสถรักษาพระบิดา จนกระทั้งพระเจ้าเมี่ยวจวง ฟื้นคืนเป็นปกติ<O:p></O:p>
    กล่าวกันว่า ความกตัญญูของเจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน สร้างความตื้นตันให้แก่โลกมนุษย์และสรวงสวรรค์ เมื่อพระองค์ทรงบรรลุมรรคผลเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม องค์ศากยมุณี(พระสัมมาสัมพุทธเจ้า)จึงประธานคืนดวงตาพันดวง และแขนพันข้างแก่พระองค์ อันเป็นที่มาของปางปาฏิหาริย์ที่เรียกว่า “เจ้าแม่กวนอิมพันเนตร(千手千眼观音)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2012
  6. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    ผมจะพยายามครับพี่เจษ
     
  7. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    มือท่านืี่ทำแบบนี้มันเป็นข้อข้องใจนะว่าเหมือนกับ I love you
    ทำไมเจ้าแม่กวนอิมถึงใช้แบบเดียวกัน --รุ้ง


    มุทราเป็นวิชาที่สืบทอดกันมามากกว่าพันปี ในสายพระจีนแนวโพธิสัตว์ เพราะต้องใช้ฤทธิ์เพื่อปราบมาร เป็นห่วงดึงพลังฟ้าดินมาประสาน จะเห็นว่า พวกนินจาก้ทำแบบนี้ร่วมกับการบริกรรมคาถา ถึงจุดจะมีพลังมากจนหายตัวได้ ถ้าเหมือนไอเลิฟยู คงเป็นคตวามบังเอิญของ ภาษามือ
    --ว่าแต่เป็นไง่ครับกับภาพ ดูจนหลง ติดในความงาม ตะลึงไปเลยละผม


    --สวรรค์อยู่บนดิน หรือบนฟ้า

    พวกเรามักคิดว่า สวรรค์อยู่บนฟ้า ความจริงก้ไม่ใช่ แม่อุมาบอกว่า ขึ้นไป หรือลงมา แต่ละภพภูมิ ใช้การเปฃี่ยนความถี่ของจิต ทางฟิสิกส์บอกว่า ความถี่ คือการเปลี่ยนระดับพลังงาน พลังงานแสง มีความถี่สูง ก็ยิ่งมีพลังงานสูง

    --หรือว่า สวรรค์ ซ้อนมิติอยู่กับโลก หรือว่า มีเพียงบางจุดที่ซ้อนอยู่ ภรรยาผมบอกว่าฝันไปเห็นเขากำลังลากผีลงนรก แสดงว่านรก ก็อยู่ตรง ถ.ติวานนท์นั้นจุดหนึ่ง บางท่านบอกว่า ตรงวัดพระแก้ว ในวังหลวง ที่นักท่องเที่ยวชอบมา แต่พวกเราจะเบลอๆ เหมือนนอกโลก ยามเราได้เข้าไป เพราะมิติสวรรค์เข้ามาซ้อนตรงนั้น ถัดไปก็อนุสาวรีย์ประขาธิปไตย คนโดนฆ่าตายเยอะ สี่แยกคอกวัว มีการฆ่าวัวมาก จนพลังร้ายสิงอยู่ อาถรรพณ์รุนแรง จงสังเกตว่าตรงนั้นมีการตายหมู่เกือบทุกครั้งที่มีการชุมนุม

    --ณ วัดไผ่โรงวัว หอสวรรค์ -รูปปั้นเทพ นางฟ้า หุ่นฤาษี มีพลังวิญญาณทิพย์เข้ามาซ้อนรุนแรง ประมาณว่า ได้้จอกับเทพจริงๆ ประมาณนั้น จงอย่าได้พลาดที่จะไปสัมผัส เพราะพวกเราช่วงนั้น พบทุกครั้งจนเป็นของธรรมดาถ้าไปถึง

    เสด็จแม่เดิมท่านเป็นเทพผู้ชาย
     
  8. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    มือท่านืี่ทำแบบนี้มันเป็นข้อข้องใจนะว่าเหมือนกับ I love you ทำไมเจ้าแม่กวนอิมถึงใช้แบบเดียวกัน
    --รุ้ง
     
  9. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    มุทราเป็นวิชาที่สืบทอดกันมามากกว่าพันปี ในสายพระจีนแนวโพธิสัตว์ เพราะต้องใช้ฤทธิ์เพื่อปราบมาร เป็นห่วงดึงพลังฟ้าดินมาประสาน จะเห็นว่า พวกนินจาก้ทำแบบนี้ร่วมกับการบริกรรมคาถา ถึงจุดจะมีพลังมากจนหายตัวได้ ถ้าเหมือนไอเลิฟยู คงเป็นคตวามบังเอิญของ ภาษามือ
    --ว่าแต่เป็นไง่ครับกับภาพ ดูจนหลง ติดในความงาม ตะลึงไปเลยละผม


    --สวรรค์อยู่บนดิน หรือบนฟ้า

    พวกเรามักคิดว่า สวรรค์อยู่บนฟ้า ความจริงก้ไม่ใช่ แม่อุมาบอกว่า ขึ้นไป หรือลงมา แต่ละภพภูมิ ใช้การเปฃี่ยนความถี่ของจิต ทางฟิสิกส์บอกว่า ความถี่ คือการเปลี่ยนระดับพลังงาน พลังงานแสง มีความถี่สูง ก็ยิ่งมีพลังงานสูง

    --หรือว่า สวรรค์ ซ้อนมิติอยู่กับโลก หรือว่า มีเพียงบางจุดที่ซ้อนอยู่ ภรรยาผมบอกว่าฝันไปเห็นเขากำลังลากผีลงนรก แสดงว่านรก ก็อยู่ตรง ถ.ติวานนท์นั้นจุดหนึ่ง บางท่านบอกว่า ตรงวัดพระแก้ว ในวังหลวง ที่นักท่องเที่ยวชอบมา แต่พวกเราจะเบลอๆ เหมือนนอกโลก ยามเราได้เข้าไป เพราะมิติสวรรค์เข้ามาซ้อนตรงนั้น ถัดไปก็อนุสาวรีย์ประขาธิปไตย คนโดนฆ่าตายเยอะ สี่แยกคอกวัว มีการฆ่าวัวมาก จนพลังร้ายสิงอยู่ อาถรรพณ์รุนแรง จงสังเกตว่าตรงนั้นมีการตายหมู่เกือบทุกครั้งที่มีการชุมนุม

    --ณ วัดไผ่โรงวัว หอสวรรค์ -รูปปั้นเทพ นางฟ้า หุ่นฤาษี มีพลังวิญญาณทิพย์เข้ามาซ้อนรุนแรง ประมาณว่า ได้้จอกับเทพจริงๆ ประมาณนั้น จงอย่าได้พลาดที่จะไปสัมผัส เพราะพวกเราช่วงนั้น พบทุกครั้งจนเป็นของธรรมดาถ้าไปถึง

    เสด็จแม่เดิมท่านเป็นเทพผู้ชาย


    เด้งมาหน้า 58-สองรอบ-เกิดการขาดความต่อเนื่องแบบสุดๆ ช่วยด้วยคร๊าบ มังกรน้อยหลงอยู่หน้า 56 เมื่อไหร่จะหลุดมิติ อ๊ากซ์
     
  10. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    -----------------------------------------------[​IMG]
     
  11. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    -----------------------------------
    [​IMG]

    หยุดมิติรอบสาม นำรูปเสด็จแม่มาลงอาคมข่มไว้ก่อน
     
  12. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    -------------------------หลุดมิติรอบ4-------------
     
  13. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    การสื่อสารระหว่างเรา ผมกับคุณผู้อ่าน เกิดอุปสรรคหลายชั้น ตั้งแต่เมื่อคืน เช่้านนี้ วิโดว7 ทั้งสองระบบเน่าสนิท ผมรีบนำลินุกซ์บูตเข่้ามา แน่นอนว่า มันสามารถจัดค่าระบบเสียงและระบบเรียกขานทางเน็ตได้ในตัวของมัน(ต่อเน็ตได้เองไม่ต้องมีไดร์เวอร์)
    --แต่ปรากฏว่า สัญญาณเน็ตถูกตัดครับ เพิ่งจ่ายเงินไป8 วันแท้ๆ นับเดือนใหม่ก็ใช้งานได้สองวัน แต่ต้องไปจ่ายค่าสินค้าและบริการที่เรายังไม่เห็นคุณภาพ อย่ายอมสิครับ
    ---น่าท้อใจ แต่อย่าท้อเลย เพราะเราก็อยู่ในโลกของมาร ทางพระก็มีพลังความเก่ง ทางมารก็เก่ง ดังเหมือนมีว่าตัวตน คอยปิดกั้นสายทาง-สายธารธรรมอยู่ ณ ตอนนี้
    --นาทีนี้ถ้าเน็ตหลุด เพจทวงหนี้ขึ้นมาแล้ว พร้อมล็อคจออยู่ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2012
  14. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    คิดว่าจะเขียนเรื่องกรรมในครอบครัว พื้นฐานชีวิต
    แต่ มีข่าวสารเข้ามา สำคัญมากครับ
    --บางคนคิดว่า อ่านพอมันส์ๆ สนุกดี
    --แต่ทั้งชีวิตคุณเคยคิดไหม ทำไมชีวิตคุณเป็นอย่างนี้ อยากถามเบื้องบน แต่ไร้คำตอบ ถามฟ้า ทำไมฟ้ากลับไร้คำ
    --นาทีนี้คำตอบลงมาแล้ว
    ถ้าจะไม่สนใจฟังก็เป็นสิทธิของคุณ จขกท.ขอบอก ว่า "แล้วแต่เวรแต่กรรม"
    ข่าวสารส่วนตัวมาถึงคุณทุกคน ไม่ว่า จะเป็น นายก เป็น สส. ผู้ว่า อบต. หรือเจ้าเด็กน้อยอย่างหนูจิตตา มังกรน้อย ก็มีสิทธิจะรับรู้เท่าๆกันครับ


    --ไม่กี่นาทีก่อน เสด็จแม่อุมาท่านมา (เมื่อคืนเจอเสด็จแม่กาลี ตาโปนโตน่ากลัวมาก) เรื่องเน็ตท่านว่า "อย่าไปจ่ายตังนะ ขอแม่ด่าพวกมันก่อน เอาเงินไปดอง"
    ตอนนี้ผมจึงแย้มๆถามเรื่อง น้ำท่วมโลก แม่ว่า "ก็ปริ่มๆตอนนี้ แต่มนุษย์ก็ไม่ดี ไปสร้างเขื่อนกั้นเอาไว้เอง"
    "ถ้าเกิดว่า ท่วมโลก คนตาย 9ใน 10ไหมครับ"
    --ล้างก็คือ ล้างหมดเลย แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเค้าก็สร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่(ท่านไม่ได้บอกว่าเหลือค้างตามป่าเขาแล้วขยายพันธุ์กลับมา)
    --นึกขึ้นได้ว่าที่ท่านไม่ทุกข์ร้อน เพราะท่านไม่ใช่คนแบบเราๆ
    --"ขึ้นอยู่กับอะไรบ้างครับ"--"ขึ้นอยู่กับพระศิวะองค์เดียว ที่จะจะตัดสินใจว่าจะให้เกิดหรือไม่" (ถ้าเป็นสงครามโลกก็อย่าโทษเทพเลยนะมนุษย์)
    --"เดี๋ยวนี้เรื่องศาสนามันวุ่นวาย" ผมคิดในใจว่าท่านคงพูดเรื่องประท้วงเกี่ยวกับหนังที่หมิ่นศาสนาอิสลบาม แต่ผิดคาด ท่านกลับบอกว่า "ที่ไหน สำนักไหน พระสงฆ์ก็แทบไม่มีดี เน่าในกันทั้งนั้น หรือสนใจแต่หาเงินหาทอง"---จะเห็นว่า ความคิด หรือวิสัยทํศน์์ของเทพทุกองค์ ก็วนเวียนแต่ในเมืองไทยนี่แหละ
    --ดังนั้ ทุกนาทีที่คุณจะคิด จะทำ แสดงแรง-พลังสู่สังคม แม้กระทั่งในกระทู้นี้ มันสำคัญต่ออนาคตโลกด้วย ก็ผมบอกมาตั้งนานแล้วว่า คนไทย ถือกุญแจที่จะเป็นทางรอดของโลก พูดมาหลายครั้งแล้ว แต่ก่อนคือผมคิดไปเอง ตอนนี้ขอยืนยันเลยละครับ
    ---ลองคิดใคร่ครวญดูครับ ไม่ต้องเชื่อก็ได้ ฟังไว้เป็นความรู้ ใกล้จะแพแตก -คับขันขนาดนี้ผมคงไม่ต้องมานั่งโวหารเอาใจใคร แบบว่าพูดสวยๆ หรูุ ให้ความหวังอนาคตเลิศหรู นั่นมันนักการเมือง ไม่ใช่ตัวผม
    --ผมก็เป็นแค่สื่อแบบหนึ่ง การทำหน้าที่ให้ตรง ชัดเจน ข่าวสารครบถ้วนจึงนับว่าทำหน้าที่ได้ดีและถูกต้อง อย่างไร ก็คือความรักความเมตตาด้วยนะครับผม ทีแฝงมาอยู่ด้วยตลอดในทุกคำพูดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2012
  15. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ท่านว่า "ร่าง(ภรรยา) มันจะพูดอะไร ก็อย่าไปขัด เพราะมันเป็นคนที่มีญาณเก่ง รู้เห็นทุกอย่าง(ในโลกทิพย์)(เป็นขั้นตอน จังหวะโลกเหมือนกัน) มันจะซื้อของ จะทำอะไร เหมือนสิ้นเปลือง ขอให้ปล่อยมัน เพราะว่าแม่ทำเคล็ดอะไรให้อยู่--จะทำให้เราซื้อบ้านนี้เป็นของเราให้ใด้ ต้องมีหลักฐานบ้านช่องบ้าง ที่พูดเพราะเขาเป็นห่วงเราหรอกนะ มีคนคอยห่วงใยก็เป็นสิ่งที่ดีแล้วนะลูก"
    --เดี๋ยวคน กทม.อาจขอมาอยู่ด้วย ไม่ต้องขัด เพราะเขามีบุญคุณกับเรา มีใช้อยู่ทุกวันนี้ก็๋เงินเค้า"

    (ตอนนี้มีหญิงอีกคน-- ญาติภรรยา ได้หย่า แยกทางกับสามีแล้ว ทั้งๆที่มีลูกด้วยกัน แต่ผมเอง ว่าตรงๆทางฝ่ายหญิงนะผิด ผิดมานานแล้ว ยิ่งทางธรรมไม่ต้องพูด เด็กทารกหำใสรู้มากกว่า แบบนั้นครับ การพนัน ความโลภอย่างเดียวก็ทำลายชีวิตคนได้ อย่างราบคาบเกลี้ยงเกลา เข็มสักเล่มก็ไม่เหลือ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2012
  16. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    คุณมากครับพี่เจษ นี่ล่ะผมถึงกล้าพูดว่ากะทู้พี่มีมากกว่าความรู้ที่ผมมีอยู่ และหาอยู่จริงๆ และเหมือนกับพี่จะรู้ใจคนได้น่ะครับ เพราะว่าความรู้นี่ผมต้องขอบคุณพี่มากจริงๆเพราะว่าผมสงสัยมานานแล้วครับว่า การนั่งสมาธิจะได้ญาณอย่างไร แล้วจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เป็นยังไง แล้วผมก็ได้รู้จากพี่ที่นี่แล้วครับ ...แล้วก็ตามเคยครับพี่ผมขอก็อบเอาไว้อ่านควบคู่กับการปฎิบัติของผมหน่อยน่ะ ครับ (รู้สึกว่าผมจะเป็นหนี้ความรู้กับพี่มากอยู่น่ะครับ) จากการที่อ่านแล้วรู้สึกว่าผมได้แค่2เองครับถึงว่าเวลานั่งจับลมหายใจเข้า ออกนานๆอยู่ๆก็ลืมจับไปซ่ะเฉยๆแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ในที่โล่งแห่งหนึ่งแล้ว ก็รู้สึกตัวผมก็กลับมาจับลมหายใจเข้าออกอีกที กะจ่างจริงๆเหมือนมีอะไรมาดลใจให้มาติดตามอ่านกะทู้พี่เจษจนมาเจอกับคำตอบ ที่ผมต้องการ จะติดตามเรื่อยๆครับมีประโยชน์จริงๆสำหรับผม
     
  17. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=sVrXSAljT9I]Space Queen - Kitaro (Millennia) - YouTube[/ame] บรรเลง เศร้าสุดๆ



    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=O0Tx-UqvZiM"]http://www.youtube.com/watch?v=O0Tx-UqvZiM[/ame] (มีเสียงร้องด้วย) ไปข้างนอกกับเสด็จแม่อุมามา ไปเอาโทรศัพท์ที่ซ่อม ช่างคิดราคาไม่แพง และได้หูฟังใหม่มา เป็นของนี่ห้อ..นี่ สีแดง แจ็คชุบทองอย่างดี ความชัดเจนของมันถ่ายทอดบทเพลงได้ดีมาก จนต้องเสียน้ำตาให้กับเพลงของคิตาโร่ บทเพลงที่สวยงามไพเราได้ดึงจิตให้สุขสงบ หลุดโลกไปล่องลอยอยู่กับดวงดาว ณ เวลานี้ ผมได้ทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง

    ลอยล่องไปตามสายธรรแห่งเอกภพทางช้างเผือก ทางน้ำนมของจักรวาล Milky Way Galaxy ตอนนี้ผม ไม่มีรูปร่าง ไร้ตัวตนและชื่อเสียง ทั้งรูปร่างหน้าตา ไร้ชื่อ มีแต่ความสุข เศร้า เหงาลึกๆ แต่ในมิตินี้ ผมกำลังร้องไห้ สะอื้น มันเหมือน ชดเชย ขะล้างควงามเศร้า ความเหงา ความทุกข์ "ช่างมันเถอะนะเจษฎา เธอก็ทำได้อย่างดีที่สุดแล้ว โลกจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ช่าง เราต้องวางให้หมด ถึงเวลาเราก็ต้องตายเหมือนกับทุกๆคน

    --เส็จแม่ท่านบอกตลอดเวลาว่า "ใจเย็นๆ ทำไปเรื่อยๆ ทุกอย่างมันต้องมีมาร " ท่านบอกว่า "แม่ขออะไรลูกเป็นส่วนตัวอย่างนึง ขอ 200 บาทซื้อขนมให้พวกกุมาร เราใช้งานเค้า" ซื้อใจเสด็จแม่ เทวีแห่งสามโลก ด้วยเงินแค่นี้ ผมไม่เสียดายหรอกครับ ดีใจที่ได้มีเพลงฟังตอนนี้พบกับอาเฮียคิตาโร่ เหมือนผมนะ มีอะไรคั่งค้างในใจก็ล็อคห้อง--ร้องไห้ไปเลยครับ


     
  18. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ผมประบภาพระบบจอกว้าง เต็มจอ กับจอแบนอย่างดีที่ภรรยาซื้อให้ เพลิดเพลินไปกับถาพและเสียง ยิ่งใหญ่จริง คิตาโร่ เป็นนดั่งเทพจากอวกาศ จิตวิญญาณลึกซึ้งสมคำร่ำลือ
    จิตบอกว่าโอ้โฉฮนี่มันคืออะไร ไม่เคยร฿้สึกแบบนี้มาก่อน มันยิ่งใหญ่กว่าศซาสนะ มันคืออะไรเจ้าคลอบคลุมจิตใจฉันหมดเลย

    ---มันก็คือ ธรรมชาติ หรือ ใจของ จิตจักรวาล --จิตเดิมแท้ ซึ่งกำลังเผยตัวให้คุณเห็นและรับรู้อยู่นะสิ

    --หมายเหตุ คลิปดวงดาว ที่มีรูปดาวเสาร์ชัดๆ เป็นนรูปจริงนะครับ จะเห็นมีแสงออกมาจากโพรงที่ส่วนล่าง เพราะนอกจากโลกกลวง ดาวอื่น รวมทั้งดาวเเสาร์ก็กลวงเป็นโพรง และอาจมีมนุษย์อาศัยอยู่นะครับ
     
  19. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ดวงจิต ความคิด กิเลส ตัณหา

    ทุกอย่างมันก็รวมอยู่ในนี้ ในสมองของคุณ เราคิด เพราะคิดว่า "ทำงานด้วยความคิด" หรือคิดๆ "ฉันทำงานอยู่ ไม่ได้อยู่ว่างเปล่าดาย"
    --กิเลส ตัณหา อะไรก็ช่าง คบๆมันไปก่อน ไม่งั้นทวงบุญคุณกันตาย ข้อหาว่า พาให้รอดมาตั้งหลายชาติ เป็นจำนวนพันแล้ว อยู่มาตัดสายสวาทซะงั้น มันว่า
    ---แต่ตอนนี้ฉันมีกิเลสธรรม ฉันอยากบรรลุ ความคิดเช่นนนี้ก็ต้องปล่อยวาง(ทิ้ง) เพราะความอยาก คืออุปสรรคขัดขวางการบรรลุธรรมเลยหละ
    แล้วจะทำไง
    ก็ต้องวางไว้ แขวนไว้ ตั้งใจไว้เท่านั้น เราทำพิธีแบบนี้เพื่อหนีทุกข์ ทำเล่นๆ เป็นการหลอกเจ้ากิเลสมันด้วย ถ้าเผลอเมื่อไหร่ ก็ฟัดมันลงไป เอาให้ตาย
    หลวงตาบัวท่านสอนมาอย่างนี้ ยิ่งขยันดี มารยิ่งเนอะ นิวรณ์ห้ามาครบชุด มารบ่อมีบารมีบ่อเกิด บางทีแพ้มารก็นอนหลับน้ำลายยืด ไม่เป็นไร เพราะอยู่ในห้องเราเอง แพ้มันวันละพันครั้งใครจะไปรู้กะเรา แพ้แต่ละครั้งเราก็ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ

    กิเลส ตัณหา ก็คือความคิดนี่แหละ เป็นแขกที่จรเข้ามา ยุยงส่งเสริมดีนัก แต่ออกแนวมีเหตุผล น่าเคารพ
    เผลอแป๊บเดียวเราแบกความคิดไปปากซอยแล้ว ฟังมันจ้อเพลินเกิน พระหลวงตาบอก "เดี๋ยว กลับมาก่อนๆ"
    --"คนเราต้องทำงาน จึงจะดี ช่วยตน ช่วยชาติ สังคม" ฟังมันจ้อสิ เข้าท่านะ อย่างที่ผมบอกแล้วขยันเพื่อชาติ แต่ตอนป่วย รัฐไม่สนใจ ตอนตาย มีแต่สมาคมอะไรไม่รู้มาเผาให้ อยากโง่เอง อุดมการณ์ กินได้มั้ย จวนตัวแล้ว คนเราคงไม่นั่งกินอุดมการณ์ ขอขนมปังสักแผ่น น้ำสักแก้วดีกว่า
    ---ตกลงว่า "ทำงานโดยใช้ความคิด ไม่ได้" เราจะเป็นบ้า หรือเป็นง่อย บริหารร่างกายบ้าง กลับไปอ่านเรื่องหลวงพ่อชาสิ นั่งมาก ระบบขับถ่ายไม่ทำงาน
    --ตกลงเราก็ทำตามโลกเค้าไป เขาจะกินเหล้า เคล้านารีก็ตามมันไปก่อน ใจเราอย่าตาม ต้องคอยปฏิวัติมัน ใจให้เป็นสติก่อน ศีล สมาธิค่อยมีตอนเราพร้อม รู้ตัวไว้ก่อน สติต้องไว
    ---สังเกตความคิดที่เข้ามายุยง เราเออเออก ็หลงไปกับมันหลายก้าว บ่อยเข้าเราไม่ยอม มันก็ทำอะไรเราไม่ได้---เรากลับมาจ้องดูมันเสียเอง มันก็เหมือนโขมย ที่เจอแสงไฟฉายก้จะเปลี่ยยนท่าเดินเป็นคนธรรมดา เหมือนแมวที่จ้องคอยจับหนู หนูก็จะเงียบหายไป ไม่กวนใจ

    คอยจับมันได้ไหมใน ทวารห้า หูตาจมูกลิ้นกาย พร้อมกัน พร้อมภาวนาไปด้วย
    ระวังความรัก เข้าจู่จอม ป้อมใจ มาอบบไม่รู้ตัว ยึดจตัวนายจิต อำเภอใจไปหมดเลย พ่ายแพ้ทีหมดรูปเลยหลพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2012
  20. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    เพราะกรรมมันติดจรวด กิเลสก็เลยติดเทอร์โบ
    ออ
    สมมุติว่ามังกรน้อยนั่งรถไฟฟ้า เวลา0.00
    สาวหนึ่งงามสดใส เยื้องกายขึ้นรถไฟฟ้ามา เวลา0.02
    0.03 เฮ้ยๆ ดูไรนั่นสินายจิต (แม่ม) สวยอิ๊บอ๋ายเลยหละ
    0.04 ไหรนๆ ขอดูมั่ง โห ดาราหรือนางแบบนี่
    0.05 ทั้งจิตและกิเลส พสกันอึ้ง ด้วยความอยากไำด้หญิงคนนี้มาเป็นเมีย
    -0.06 ตัดๆตัดใจเถอะ เราไม่มวาสนา-
    0.07 กิเลสบอกว่า "ผมก็รู้นะว่าพี่อยากได้ เข้าใจหรือยังว่าคนสมัยก่อนจึงใช่ึาถาทำสเน่ห์
    --แบบว่าสาวใยนทีวีรายการหนึ่งทำท่ากัดแอปเปิ้ลในอากาศ กร้วบ อยากกิน ไม่ทราบว่าจะมีรสอร่อยหรือปล่าว (แสดงออกทางเพศในที่สาธรณะ ไม่ค่อยงาม) สาวสมัยนี้ว่า ช้าอด
     

แชร์หน้านี้

Loading...