รวมสุดยอดสายวิชาแหวนนพสูรย์+ปรอทกินทอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย anuchang, 17 มิถุนายน 2012.

  1. fujyjo

    fujyjo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    969
    ค่าพลัง:
    +1,537
    หลวงพ่อสมคิด อยากไปกราบท่านครับ ยังไม่เคยไปเลยต้องหาโอกาศไปบ้างแล้ว
    แล้วไม่ทราบว่า พระวัดถ้ำเสือ ทำบุญ เท่าไหร่เหรอครับ
     
  2. trustfire

    trustfire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +155
    ขอบคุณครับ คุณหมอ
    ;38;38;38
     
  3. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    เสร็จจากวัด ลป.นาม ก็ไปต่อที่วัดละหาร ซึ่งอยู่ตรงข้ามกันนั่นเอง

    [​IMG]

    หลวงปู่หริ อคฺคสิริ วัดละหาร ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
    อายุ 93 ปี ท่านบวชตั้งแต่เป็นเณรและอยู่ในผ้าเหลืองมาตลอดชีวิตของท่าน
    ท่านเป็นศิษย์สายสมเด็จพระพุฒาจารย์โต โดยเรียนกรรมฐานกับ ลป.นาค วัดระฆังฯ
    ได้รับถ่ายทอดวิชายันต์เกราะเพชรจาก ลพ.แต้ม วัดพระลอย ที่ท่านเรียนจาก ลพ.ปาน วัดบางนมโค
    และได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมสาย ลพ.เนียม วัดน้อย จาก ลพ.โต วัดขวาง ลพ.โบ้ย วัดมะนาว และลพ.ครื้น วัดสังโฆ
    อีกทั้งยังได้รับการแนะนำเพิ่มเติมจากลพ.มุ่ย วัดดอนไร่ และลพ.ปุย วัดเกาะ <O:p</O:p
    นอกจากนี้หลวงปู่ฯ ยังได้ศึกษากับ ลพ.ถิร วัดป่าเลไลย์ ลพ.หรุ่น วัดเสาธงทอง
    และยังได้แลกเปลี่ยนกรรมฐานพระเวทย์อาคมกับ ลพ.ฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง
    และ ลพ.จวน วัดไก่เตี้ย ลป.เจริญ วัดหนองนา ซึ่งเป็นสหธรรมิกรุ่นพี่อีกด้วย
    วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์ทางใต้มาแล้ว
    วัตถุมงคลของท่านไม่มีให้บูชา ท่านแจกอย่างเดียว
    อย่างพวกเราไปก่อนกลับท่านก็แจกแป้งเสกและรูปหล่อพระพุทธให้
    พร้อมทั้งเคล็ดวิธีใช้ให้ด้วย


    เมื่อกราบเรียนถึงวัตถุประสงค์ให้ท่านทราบแล้ว
    ท่านก็ถามว่าจะทิ้งไว้หรือจะเอากลับเลย
    ก็บอกท่านว่าขอเอากลับเลยครับ
    ท่านก็เลยลุกไปครองผ้าเรียบร้อย
    แล้วก็ให้พวกเรายกวัตถุมงคลทั้งหมดไปตั้งไว้ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระของท่าน
    แล้วท่านก็บอกให้พวกเราออกไปรอข้างนอกห้องก่อน
    จึงทำให้ถ่ายรูปได้เฉพาะด้านข้างของท่านเท่านั้น
    แล้วท่านก็จัดการพันโยงสายสิญจน์ของท่านเอง (ท่านไม่ให้ช่วย)
    เสร็จเรียบร้อยท่านก็จุดธูป เทียน บูชาพระ แล้วก็นั่งปรกให้


    [​IMG]

    ท่านนั่งปรกให้นานมาก จับเวลาได้ 29 นาทีเลยทีเดียว
    แถมท่านนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิเพชร กายตั้งตรง ไม่เอนเอียง ไม่โยกคลอน ดูสง่างามมาก ผิดกับสภาพปกติของท่านเลยทีเดียว
    หลังปรกเสร็จทานก็ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ แล้วก็อนุญาตให้พวกเราเข้าไปรับน้ำพุทธมนต์ได้
    เป็นการพรมน้ำมนต์ที่นานที่สุดตั้งแต่เคยกราบพระมา
    เพราะท่านพรมด้วย พระคาถาชินบัญชร พอท่านขึ้นต้นว่า...ชะยาสะนากะตา..ฯลฯ เท่านั้นแหละรู้เลยว่านานแน่ๆ
    เลยต้องเปลี่ยนท่ารับน้ำมนต์กันใหม่ แถมพอจบบทชินบัญชรท่านยังต่อด้วยอิติปิโส 8 ทิศอีก
    เล่นเอาแต่ละคนหัวเปียกไปตามๆ กัน


    [​IMG]

    ลป.หริท่านเป็นพระดีพระแท้ สังเกตจากศีลาจารวัตรของท่าน
    จะลุก จะเดิน จะทำอะไรเหมือนท่านเจริญสติตลอดเวลา
    และแม้จะอายุมากขนาดนี้แล้ว แต่ท่านยังแข็งแรงช่วยหลือตนเองได้ทุกอย่าง
    ขนาดพวกเราจะเข้าไปพยุงหรือช่วยทำไรให้ท่านๆ ยังไม่ให้ทำเลย ท่านทำเอง
    และที่ประทับใจพวกเราสุดก็ตอนที่ท่านให้พร
    ท่านอ้างถึงบุญกุศลที่พวกเราทำมาแล้วท่านก็ยกอ้างถึงสัจจะบารมีของท่าน
    ซึ่งเหมือนเป็นการสำทับให้พรของท่านมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นไปตามปากท่าน


    ก่อนกลับท่านก็เอ่ยปากขอวัตถุมงคลที่พวกเราเอาไปให้ท่านเสก
    ตอนแรกคุณธรรมประทีปก็ถวายเหรียญพระศรีอาริย์หลังลป.ทวด และผ้ายันต์รอยพระพุทธบาทสี่รอยไปให้ท่านแล้ว
    แต่ท่านกลับเอ่ยปากขอแหวนที่นำมาให้ท่านเสก
    ในใจก็คิด พระหลวงปู่แจกก็มีเยอะแยะแล้ว ท่านยังเจาะจงจะเอาแหวนสงสัยมีไรดี
    แล้วที่น่าแปลกคือตอนนั้นผมออกมานอกห้องท่านแล้ว
    ขี้เกียจเข้าไปใหม่ก็เลยฝากคุณธรรมประทีปไปถวาย บอกว่าใครถวายก็เหมือนกัน
    ปรากฏว่าหลวงปู่ก็ตะโกนออกมาจากห้องว่าให้เจ้าของเขามาถวายเอง
    อ้าว...ตอนอยู่กับท่านยังต้องพูดดังๆ ท่านถึงจะได้ยิน แต่นี่ขนาดอยู่นอกห้องและพูดเบาๆ คราวนี้ท่านได้ยินแฮะ
    เลยต้องเอาไปถวายท่านเอง
    ท่านก็ถามว่าให้แค่วงเดียวเองอ่ะ ท่านก็หยอกแบบว่าจะเอาเพิ่มหลายๆ วงหน่อย
    ก็ต้องกราบเรียนท่านไปตามจริง ว่าแหวนนี่สร้างตามจองสำหรับเจ้าภาพที่ร่วมสร้างแหวนถวาย ลป.ดี ซึ่งก็มีเจ้าของหมดแล้ว
    ที่พอถวายท่านได้ก็เป็นส่วนที่ทางโรงหล่อเขาทำเกินมาจำนวนหนึ่งซึ่งมีไม่มาก
    ท่านก็ไม่ว่าอะไรอนุโมทนาด้วย
    หลวงปู่ท่านน่ารักมาก อารมณ์ดี และเป็นพระสไตล์โบราณ ท่านจะเคร่งศีลและข้ออาบัติเล็กๆ น้อยๆ ท่านจะระมัดระวังมาก
    และใครที่ชอบสร้างพระแจก นี่ก็เป็นหนึ่งในองค์ที่น่าสร้างถวายท่านเช่นกัน
    แนะนำให้ลองไปกราบท่านดู เรียกว่าวันนั้นที่ไปสุพรรณฯ ประทับใจท่านมากที่สุด



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2012
  4. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    เสร็จจากลป.หริ ก็ไปต่อกันที่วัดโพธิ์ศรีเจริญ ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กม.

    พระครูวิบูลโพธิธรรม (น่วม นาถสีโล) วัดโพธิ์ศรีเจริญ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
    อายุ 88 ปี ท่านเป็นศิษย์ ลพ.โต ปุญญสิริ
    (ลพ.โต ท่านเป็นศิษย์ของ ลพ.ปาน วัดบางนมโค ลพ.อี๋ วัดสัตหีบ ลพ.เรื่อง วัดใหม่พิรุณ ลพ.อิ่ม วัดหัวเขา เป็นต้น)
    ลป.น่วมท่านเคยมรณภาพไปแล้ว 2 ครั้ง แล้วก็ฟื้นขึ้นมาได้<O:p</O:p
    วิชาเด่นของท่าน คือ การลงนะสำเร็จ และเครื่องรางปลากัด
    ซึ่งท่านดัดแปลงวิชาปลัดขิกของลพ.อี๋ ให้เป็นปลากัดเสีย ผู้หญิงจะได้พกได้แบบไม่ต้องอายใคร

    [​IMG]

    หลังจากกราบท่านว่าจะขอเอาวัตถุมงคลมาให้ท่านอธิษฐานให้หน่อย
    ท่านก็นิ่งไปพักใหญ่และมองสำรวจพวกเราก่อนจะอนุญาต
    เข้าใจว่าท่านคงจะกลัวพวกศูนย์พระเอาพระมาให้ท่านเสกแล้วเอาท่านไปหากิน
    ตอนเสกท่านไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปท่าน
    ซึ่งจริงๆ แต่ก่อนที่ทางวัดสุทัศน์ฯ จะเข้ามาโปรโมทท่านนั้น
    ผมก็เคยเอาของมาให้ท่านเสกหลายครั้งแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร
    ท่านเสกง่าย ใจดี แต่หลังจากเริ่มมีเรื่องเงืนๆ ทองๆ ธุรกิจเข้ามา
    ท่านก็เลยระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ

    เสร็จจากท่านแล้ว เป้าหมายสุดท้ายในทริปสุพรรณฯ ครั้งนี้ คือ
    พระครูสุนันทโชติ (นิ่ม โชติธัมโม) วัดพุทธมงคล (หนองปรือ) ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
    อายุ 85 ปี พรรษา 65 ท่านเป็นศิษย์ พระเทพวุฒาจารย์ (เปลื้อง) วัดสุวรรณภูมิ พระเกจิผู้ใหญ่ในเมืองสุพรรณบุรี
    สืบวิชาของ ลป.ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และ ลป.สอน วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี
    และยังเป็นศิษย์ พระธรรมมหาวีรานุวัตร สืบสายจากลพ.ทา วัดพะเนียงแตก จ.นครปฐม
    แต่ที่ถ่ายทอดวิชาให้มากที่สุด คือ "ลป.กล้าย วัดหงส์ฯ<O:p</O:p
    เครื่องรางที่โดดเด่นของท่าน คือ "ปูหนีบทรัพย์" ซึ่งสร้างจากตำราโบราณ
    ท่านบอกว่า " วิชานี้ได้มาอย่างบังเอิญ คือ สมัยท่านหนุ่มๆ มีพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาเคาะประตูพอเปิดออกดูท่านยื่นใบลานให้ 2 ใบ
    รับมาอ่านแล้วบอกแต่เรื่องปูเรียกทรัพย์ ทั้งตัวผู้ตัวเมีย
    จากนั้นตามหาพระผู้ใหญ่ที่ท่านมายื่นใบลานให้ก็ไม่พบ ไม่ทราบว่าท่านหายไปไหน" <O:p</O:p
    ท่านจึงลองทำ " ปูหนีบทรัพย์ " และปลุกเสกด้วยคาถาที่ระบุไว้
    ตอนนั้นแกะด้วยไม้ระกำ พอปลุกเสกได้แล้วก็เอาวางไว้ที่หัวนอน
    ตกดึกก็นิมิตไปว่าพระที่ท่านให้ตำรามาบอก " แกทำถูกต้อง ให้ทำต่อไป "<O:p</O:p

    พวกเราไปถึงวัดท่านก็ 6 โมงเย็นกว่าแล้ว
    ไปดูในตู้ของท่านก็เจอของที่ศูนย์มาสร้างให้ท่านอีกล่ะ
    แล้วก็แต่งนิยายว่าท่านเขียนลบผงเอง ผงจินดามณี
    เพราะพอถามท่านแล้วท่านบอกว่าเขาทำมาให้เสร็จล่ะ
    เอามาให้เสกแล้วก็แบ่งให้วัดส่วนหนึ่ง ซึ่งที่วัดก็มีแต่เนื้อธรรมดา
    แต่ในส่วนที่วัดจัดสร้างเองก็มีอยู่ แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะไม่มีแรงเชียร์

    [​IMG]

    ตอนกราบเรียนท่านว่าจะขอให้ท่านอธิษฐานแหวนให้หน่อย
    ท่านก็ถามว่าของศูนย์เหรอ ต้องอธิบายกันอีกแล้ว
    แต่ท่านก็เมตตาเสกให้
    ท่านปลุกเสกให้แบบลืมตาเสก ท่านทำให้พักใหญ่เลยทีเดียว


    <O:p</O:p
    สรุปการไปทริปสุพรรณฯ คราวนี้ สังเกตดูว่าครูบาอาจารย์แต่ละท่านจะระมัดระวังเรื่องเสกพระให้เป็นพิเศษ
    เพราะท่านจะถามเลยว่าเป็นศูนย์ (พระ) หรือเปล่า ร้านชื่อร้านอะไร อยู่ที่ไหน
    และแม้จะชี้แจงไปแล้ว และท่านเมตตาเสกให้แต่ก็ดูเหมือนบางองค์ท่านก็ยังคลางแคลงใจ
    เลยสงสัยว่าพวกศูนย์มันคงมาสร้างวีรกรรมกับวัดแถวนี้เยอะ
    ขนาดวัดลพ.ทองเหมาะซึ่งเป็นวัดเล็กๆ ก็ยังมีของศูนย์วางอยู่ในตู้ให้เช่าบูชาของวัดได้
    และจะสังเกตว่าวัดไหนที่ศูนย์เข้าไปจัดการทำให้
    ที่วัดจะมีแต่เนื้อธรรมดา และมีจำนวนไม่เยอะ แต่ที่ศูนย์มีเพียบสารพัดเนื้อ
    เรียกได้ว่าเช่าพระใหม่เดี่ยวนี้น่ากลัวไม่แพ้เช่าพระเก่าเลยทีเดียว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. trustfire

    trustfire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +155
    คุณ anuchang ครับพอจะมีภาพพระถ้ำเสือ กรุวัดเขาวงศ์ให้ชมมั้ยครับ
    อยากฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระถ้ำเสือ กรุวัดเขาวงศ์

    ขอบคุณครับ
     
  6. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    พระถ้ำเสือ เป็นพระเนื้อดิน พบในถ้ำต่างๆ บนเทือกเขาที่เรียงตัวเป็นพืดจากใต้ขึ้นเหนือยาวประมาณ 30 กิโลเมตรทางตะวันตกของอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีในปัจจุบัน

    แหล่งที่พบพระถ้ำเสือหรือกรุพระถ้ำเสือที่สำคัญ คือ เป็นกรุที่พบพระจำนวนมาก มีอยู่ด้วยกัน 8 กรุ คือ
    กรุเขาคอก (เขาถ้ำเสือ) และกรุเขาพระ (ศรีสรรเพช) กรุเขาทำเทียม กรุวัดเขากุฏิ กรุวัดหลวง กรุเขาดีสลัก กรุเขาพระ (จร้า) และกรุวัดเขาวงษ์

    ในวงการผู้นิยมพระจัดให้พระถ้ำเสือจากรุวัดเขาดีสลัก ที่มีการแตกกรุขึ้นมาภายหลังประมาณ พ.ศ.2535 และกรุวัดเขาวงษ์เป็นพระกรุใหม่ ส่วนกรุนอกจากนี้เป็นกรุเก่า
    พระถ้ำเสือพบเฉพาะในอาณาบริเวณของอำเภออู่ทอง ซึ่งอำเภออู่ทองเดิมแล้วจะเป็นเมืองโบราณ มีผู้คนอาศัยอยู่ก่อนยุคประวัติศาสตร์
    นักประวัติศาสตร์ โบราณคดีมีความเห็นว่า เมืองอู่ทองคือเมืองทวาราวดีในสมัยก่อน และเป็นศูนย์กลางของดินแดนที่เรียกว่า สุวรรณภูมิ ในสมัยนั้น

    การสร้างพระถ้ำเสือ ได้กระทำกันในพุทธศตวรรษที่ 7 – 12 หรือประมาณ 1,300-1,800 ปีมาแล้ว ซึ่งเป็นยุคก่อนสมัยทวาราวดี
    ในขณะนั้นชาวบ้าน ชาวเมืองได้นับถือศาสนาพุทธแบบมหายานที่เผยแผ่มาทางเหนือจากประเทศจีนในสมัย พระเจ้ามิ่งตี่
    โดยศาสนาพุทธแบบมหายานของจีนได้รับมาจากอินเดีย ภายหลังการทำการสังคายนาครั้งที่ 4 เมื่อพ.ศ. 643 ซึ่งเป็นการสังคายนาพุทธศาสนาแบบมหายาน

    พระถ้ำเสือ สร้างโดยพระฤาษีหรือพระเถระที่มีเวทมนต์ ประกอบพิธีกรรมปลุกเสกรูปเคารพของพระโพธิสัตว์ เพื่อนำมาสักการะบูชาตามความเชื่อของพุทธศาสนาแบบมหายาน
    พระถ้ำเสือเป็นพระเนื้อดินดิบที่ไม่ได้ผ่านการเผา มีส่วนผสมของว่านและแร่ธาตุต่างๆ
    ส่วนผสมที่สำคัญคือเปลือกหอยป่นทำหน้าที่เป็นตัวประสานให้ดินดิบคงสภาพอยู่ได้
    การที่เราเห็นพระเนื้อดิน ส่วนใหญ่มีสีคล้ายอิฐเผา จึงทำให้เข้าใจว่าเป็นพระดินเผานั้น
    แต่ความจริงแล้วพระที่มีสีอิฐนั้นไม่จำเป็นจะต้องเผาก็ได้ เพราะเนื้อมวลสารของพระ มีธาตุเหล็กประกอบอยู่
    ธาตุเหล็กนี้จะทำปฏิกิริยาเคมีกับออกซิเจนโดยมีความร้อนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมี ทำให้เกิดเหล็กออกไซด์ มีสีแดงแบบอิฐเผา

    รูปลักษณ์ของพระถ้ำเสือส่วนใหญ่ จะเป็นรูปพระปางมารวิชัย มีขนาดตั้งแต่จิ๋ว เล็ก กลาง ใหญ่ รวมถึงขนาดพระบูชา
    ด้านหลังของพระพิมพ์จะอูมแบบหลังเบี้ย และการกดพิมพ์จะทำทีละองค์
    พระเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะนำไปบรรจุเก็บไว้ในถ้ำน้อยใหญ่

    พระถ้ำเสือมีคุณวิเศษทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ซึ่งเป็นที่รู้กันเป็นเวลากาลนาน
    แต่ในระยะหลังปราฏกว่ามีผู้พบอภินิหารในด้าน ความสำเร็จและมหาอำนาจรวมอยู่ด้วย
    จากที่กล่าวมานี้ นับได้ว่าพระถ้ำเสือเป็นสุดยอดของพระพิมพ์หรือพระเครื่อง กว่าพระใดๆ ที่สร้างมาในอดีต
    โดยพระถ้ำเสือมีคุณวิเศษอย่างน้อย 9 ประการดังนี้

    1. พระถ้ำเสือ เป็นพระพิมพ์ที่มีอายุการสร้างเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย
    คือสร้างในสมัยสุวรรณภูมิ ก่อนพระสกุลลำพูน เช่น พระรอด พระคง พระเปิม
    2. พระถ้ำเสือ สร้างโดยพระเถราจารย์ที่มีพระเวท และมีเจตนาในการสร้างที่บริสุทธิ์
    3. พระถ้ำเสือมีขนาดตั้งแต่จิ๋ว เล็ก กลาง ใหญ่
    ทำให้อนุชนรุ่นหลังทุกคนสามารถที่จะนำมาบูชา ติดตัว เสมือนพระโพธิสัตว์อยู่คุ้มครองได้
    4.พระถ้ำเสือ มีรูปลักษณ์สวยงาม เป็นพระเนื้อดินดิบที่มีรายละเอียดชัดเจน
    และอยู่ในสภาพที่ไม่เสื่อมสลาย แม้จะผ่านกาลเวลามานานก็ตามที
    สามารถพิจารณาแยกแยะว่าเป็นพระแท้ หรือ พระปลอมได้โดยง่าย
    เนื่องจากพระที่ทำขึ้นภายหลังจะเป็นพระดินเผาทั้งหมด
    5. พระถ้ำเสือ มีความศักสิทธิ์หรือมีอิทธิปาฏิหารย์อันเหนือธรรมชาติ
    เกิดขึ้นมากมายต่อผู้นำมาสักการะบูชาตั้งแต่โบราณกาลมาแล้ว
    6.พระถ้ำเสือ ในองค์เนื้อพระประกอบด้วยดินปฐวีธาตุ ว่าน และแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
    ดังเช่น ขึ้ความที่บันทึกในแผ่นลานเงินของวัดบรมธาตุ จ.กำแพงเพชร
    7.พระถ้ำเสือ เป็นพระที่ทำด้วยมือทีละองค์ เนื้อมวลสารที่กดพิมพ์ลงไปเป็นพระถ้ำเสือแต่ละองค์ไม่ได้ปาดทิ้งไปไหน
    แสดงว่ามวลสารนี้ได้ผ่านการภาวนาปลุกเสกเป็นอย่างดีขณะนวดดิน เพื่อกดลงแม่พิมพ์
    8.พระถ้ำเสือเป็นหลักฐานชิ้นเดียวของพระพุทธศาสนาในสมัยสุวรรณภูมิที่ยังไม่มีใครนึกถึงมาก่อน
    9.พระถ้ำเสือ ไม่สูญหาย ถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาที่ยาวนานกว่า 1,300 ปี
    ได้รอคอยผู้ที่รู้คุณค่า นำไปสักการะบูชาเพื่อให้เกิดสิริมงคลและความศักดิ์สิทธิ์ ตามเจตนาของผู้สร้างที่กำหนดไว้

    หนังสือเล่มนี้ ได้นำเสนอเรื่องราว ที่เกิดจากการศึกษา ค้นคว้า เรียบเรียง และวิเคราะห์
    จนได้ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับพระถ้ำเสือ และประวัติศาสตร์โบราณคดีของดินแดนที่ชื่อว่าสุวรรณภูมิโดยวิจารณญาณของผู้เขียนเอง
    ซึ่งจะมีเรื่องราวหลายประการ ที่แตกต่างจากความเข้าใจที่มีอยู่ของผู้เขียน พระเครื่องพระบูชา และผู้สนใจประวัติศาสตร์โบราณคดีที่ผ่านมาทั้งหลาย
    อาทิเช่น ผู้เขียนได้นำเสนอว่า พระถ้ำเสือเป็นพระเนื้อดินดิบที่ไม่ได้ผ่านการเผา
    และรวมถึงพระกรุเนื้อดินในสมัยก่อนตั้งแต่สมัยทวาราวดี ศรีวิชัย สุโขทัย จนถึงสมัยอยุธยา ก็เป็นพระพิมพ์ที่ไม่ได้ผ่านการเผาทั้งสิ้น
    เฉพาะเรื่องนี้ ผู้เขียน คาดเดาว่าคงจะเป็นที่รับไม่ได้ของผู้นิยมพระหลายท่านที่เสนอข้อพิจารณามานานแล้วว่า พระกรุเหล่านั้นเป็นพระเนื้อดินเผา
    สีที่แตกต่างกันของพระเนื้อดิน ก็เป็นเพราะว่าเผาในอุณหภูมิที่ไม่เท่ากัน
    ถ้าเป็นสีเขียวจะต้องเผาในอุณหภูมิสูง และใช้เวลานานกว่าพระที่เป็นสีอื่น
    จะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ ให้สม่ำเสมอพระจึงจะคงอยู่ในสภาพที่สวยงาม
    พระเนื้อดินที่ยังมีผิวที่ละเอียดดูเป็นมัน เป็นเพราะน้ำว่านละลายออกมาเคลือบขณะเผา

    ผู้เขียนได้นำเสนอว่า พระถ้ำเสือและพระกรุเนื้อดินต่างๆ เป็นพระเนื้อดินดิบไม่ได้ผ่านการเผา
    การที่พระเนื้อดินมีสีที่แตกต่างกัน เป็นเพราะมวลสารของดินที่นำมาทำพระมีองค์ประกอบของแร่ธาตุไม่เหมือนกัน
    เนื้อดินเมื่อได้รับความร้อนสะสมในปริมาณที่เพียงพอก็จะทำปฏิกิริยาเคมีกับ ออกซิเจน
    เกิดเป็นออกไซด์ของแร่ธาตุนั้น ทำให้สีแตกต่างกันโดยไม่จำเป็นต้องเผาในอุณหภูมิสูงแต่อย่างใด
    และการที่พระกรุเนื้อดินบางกรุ มีผิวที่ละเอียดเรียบเป็นมัน ก็เพราะขณะที่ดินเปียกอยู่ จะมีน้ำดินหรือน้ำว่านออกมาเคลือบผิวขององค์พระตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
    (ดูได้จากการปั้นภาชนะดินเผาตอนขึ้นรูปจะมีน้ำโคลน คือดินละเอียดผสมน้ำเคลือบเป็นมัน)
    ไม่ได้เกิดจากถูกความร้อนและละลายตัวออกมาเคลือบผิวพระแต่อย่างใด

    ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่ง ก็คือ การที่มีการกล่าวกันต่อๆ มาว่า
    โบราณวัตถุที่เป็นหลักฐานทางพระพุทธศาสนาก่อนสมัยทวาราวดี ไม่มีปรากฏเลย ในดินแดนสุวรรณภูมินั้น
    ผู้เขียนได้นำเสนอว่า พระถ้ำเสือนี่แหละคือ หลักฐานทางพระพุทธศาสนาก่อนสมัยทวาราวดี
    โดยได้รับการเผยแผ่ศาสนาพุทธแบบมหายาน มาจากอาณากจักรอ้ายลาว ซึ่งอยู่ทางด้านเหนือของสุวรรภูมิ
    และอาณาจักอ้ายลาวก็ได้รับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบมหายานมาจากจีนอีกทอดหนึ่ง
    หลักฐานในเรื่องนี้ ก็คือ พระถ้ำเสือที่พบในกรุต่างๆ ในดินแดนแถบนี้ มีศิลปะแบบจีน
    ทั้งพระขนาดเล็ก และพระขนาดบูชาซึ่งพบในหลายแห่ง และพบมากที่กรุเขาพระ (จร้า)
    จึงไม่สามารถสันนิษฐานไปทางไหนได้เลยว่า พระถ้ำเสือนี้สร้างหลังสมัยทวาราวดี
    เพราะหลังจากสมัยทวาราวดีแล้ว จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของศิลปะสมัยศรีวิชัย ลพบุรี และอยุธยา
    ซึ่งไม่มีส่วนที่ใกล้เคียงกับศิลปะทวาราวดีผสมศิลปะจีนแบบพระถ้ำเสือเลย
    การพบพระถ้ำเสือที่มีศิลปะแบบจีนผสมอยู่ด้วย จึงเป็นการรองรับประวัติศาสตร์ที่ว่า
    บรรพบุรุษของคนไทยส่วนใหญ่อพยพมาจากตอนใต้ของประเทศจีน โดยอพยพลงมาตามลำน้ำล้านช้าง (แม่น้ำโขงตอนบน)

    ข้อสันนิษฐานของผู้เขียนที่เกี่ยวข้องกับ วงการผู้นิยมพระเครื่องพระบูชา
    ในเรื่องมวลสารของเนื้อพระ และหลักฐานทางพระพุทธศาสนาก่อนสมัยทวาราวดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับนักประวัติศาสตร์โบราณคดีนั้น
    เป็นเรื่องที่เกิดจากหลักฐาน คือ พระถ้ำเสือที่พบในถ้ำบริเวณเทือกเขาของอำเภออู่ทองจังหวัดสุพรรณบุรี
    เรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐานจะเป็นจริงหรือไม่ มากน้อยเพียงใด
    ก็ขอให้ท่านผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการพิจารณาด้วยเหตุผล ด้วยความรู้และด้วยประสบการณ์ของท่านเอง
    ซึ่งผู้เขียนมีความเคารพในวิจารณญาณ ของทุกท่าน
    และหากความใดในข้อเขียนนี้ไม่เป็นที่ถูกใจหรือพึงประสงค์ของท่าน ผู้เขียนก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้

    [​IMG]
    [​IMG]

    เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บนี้ครับ

    https://sites.google.com/site/suphanphum/Home/kru-wad-khea-wngs


    หลวงพ่อสมคิดท่านได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
    " ฤาษีเป็นผู้ตระตรียมมวลสารทั้งหมด
    ส่วนเวลาอธิษฐานจิตนั้น อธิษฐานจิตโดยพระผู้ทรงอภิญญาในสมัยก่อน 500 องค์
    และมีทั้งฤาษีอีก 500 ตนมาร่วมด้วยทั้งยักษ์และเทวดา "


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2012
  7. trustfire

    trustfire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +155
    ขอขอบคุณ anuchang สำหรับข้อมูลดีๆที่นำมาแบ่งปัน ผมติดตามเรื่องราวที่คุณ anuchang นำมาเล่าและแบ่งปันให้ความรู้ดีดีมากมาย เป็นกำลังใจให้นะครับ

    ขอบคุณครับ
     
  8. nontt9

    nontt9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +226
    ผมได้อ่านประวัติของพระถ่ำเสือแล้วอยากจะบูชาซักองค์ ไม่ทราบว่าจะบูชาได้ทางไหนบ้างครับผมคงไม่สะดวกไปที่วัดเขาวงครับแต่อยากจะทำบุญกับหลวงพ่อสมคิด และจะเก็บเอาไว้บูชา รบกวนพี่ anuchang ด้วยครับ

    ขอบคุณครับ
     
  9. pardy

    pardy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,084
    ค่าพลัง:
    +2,703
    รู้สึกว่าที่วัดจะไม่ได้รับจัดส่งให้นะครับ ... ต้องฝากคนรู้จักที่จะไปบูชามาให้
    แต่ผมไปมารอบที่แล้วก็มีอยู่หลายพิมพ์ หลายขนาดครับ
    ผมว่าถ้าสะดวกไปเองจะดีกว่า ...
    แต่ถ้าเป็นล๊อตเก็ตพอจะหาได้ในกระทู้ร่วมบุญในเวปนี้ล่ะครับ ... ^^

    ยังไงก็เอาใจช่วยนะครับ ....
     
  10. nontt9

    nontt9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +226
    ขอบคุณครับ:':)':)'(
     
  11. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    .


    [​IMG]

    เมื่อคืนวันอังคารที่ 18 ก.ย. 2555 ได้นำแหวนนพสิทธิ์ฤทธิชัยมงคล
    เข้าพิธีอธิษฐานจิตเดี่ยว โดยหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน นานถึง เกือบ 1 ชั่วโมงครึ่ง
    เสกครบและครอบคลุมดีหมดทุกด้าน (ครั้งนี้ ท่านเสกให้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว)
    และแทบจะเป็นการเสกให้เฉพาะเลย เพราะในพิธี มีอ.จเรดวงธรรมกับผมแค่ 2 คน

    เนื่องจากกล่องบรรจุแหวนฯ อยู่ในตำแหน่งตรงหน้าหลวงพ่อสิริท่านพนมมือเสก
    จึงไม่สะดวกเดินไปถ่ายรูปตรงหน้าท่าน มาแสดงให้เห็น

    แต่ผมได้บันทึกเสียงอธิษฐานบางส่วนไว้ เป็นไฟล์เสียง นามสกุล MP3
    เปิดฟังด้วย QuickTime Player, Window media Player ได้

    เสียงอาจจะเบาไปนิดนึง
    เป็นช่วงที่หลวงพ่อกล่าวทางแคล้วคลาด กันภัย และเมตตา


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2012
  12. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617

    หลวงพ่อสมคิด ท่านโทรมาเมื่อวาน 19/9 ผมว่าก็ไม่ธรรมดาแล้ว

    แต่วันนี้ 20/9 ก็มีเรื่องจริงอีกเรื่อง ที่อยากเล่าให้ฟัง
    (เป็นเรื่องจริงที่เจ้าตัวไม่กล้าเล่า กลัวคนเขาหาว่าสร้างเครดิต)
    แต่ผมเป็นคนนอกที่จองแหวนเหมือนกัน จึงขออนุญาติ
    ขอเล่าซักนิดให้ท่านที่จองแหวนฯได้ภาคภูมิใจ
    ดังนี้


    มีพระอริยเจ้าที่มีบารมีสูงมากท่านหนึ่ง แม้ว่าท่านจะละสังขารแล้ว 20กว่าปี
    แต่ยังเมตตาดูแลต่อลูกศิษย์เสมอ โดยเฉพาะเน้นเรื่องการภาวนาปฏิบัติ
    ทั้งเป็นศิษย์ที่"ทัน" และ "ไม่ทัน" กราบท่าน

    เมื่อวันสองวันมานี้ หลวงปู่ท่านก็มาบอกผ่านศิษย์ท่านคนหนึ่งที่ปฏิบัติได้ดีจนรู้เห็นพิเศษได้
    ท่านว่าให้ไปบอกคนสร้างแหวนฯและคณะที่แห่ไปเสกมากว่า 3 อาทิตย์

    ท่านย้ำว่า " แหวนน่ะ เสกเต็มแล้ว ครบทุกด้านแล้ว"

    โอ้ ผมได้ฟังแล้ว หัวใจพองโต ช่างน่ายินดีอย่างยิ่งเหลือเกิน
    ถ้าไม่มีอีกประโยคตามมา ที่หลวงปู่กล่าวต่อ

    " แต่ที่ยังไม่เต็ม ก็คือ...กิเลสของแกเอง "

    โอ้ ผมได้ฟังแล้ว หัวใจเสียวแว๊บ นึกอายหลวงปู่ท่านเหลือเกิน
    คงต้องปฏิบัติภาวนา ถวายการบ้านให้ท่านมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว




    ปล.

    ถ้าอยากรู้ว่า หลวงปู่องค์ไหน บอกใบ้ให้นิด ดูที่รูปAvatarของผม
    หรือดูที่ลายเซ็นของผมก็ได้ครับ


    สาธุ อนุโมทนาบุญครับ


    .....
     
  13. prakosom

    prakosom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +153
    แหวนสัตตะใส่ไปนานๆ เนื้อจะกลับเหมือนนวะนะครับ
    แต่สีของแหวนสัตตะจะเปลี่ยนไปตามดวงชะตาของผู้ใส่เหมือนกับหัวเมฆสิทธิ์ด้วยครับ<!-- google_ad_section_end -->


    พี่ขอเรียนถาม คุณหมอ อานุภาพว่า
    การเปลี่ยนสีของแหวนสัตตะจะเป็นอย่างไร เช่น ดวงไม่ดีจะเป็นสีอะไร
    ดวงดีจะเป็นสีอะไร จะได้เป็นแนวทางการปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง
    ผ่อนหนักเป็นเบาครับ

    ไม่เหมือนกับหัวเมฆสิทธิ์ มีแต่ หมอง กับ สดใสแวววาวเท่านั้น
     
  14. ปอดแตก

    ปอดแตก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    ยังมีแหวนอยู่ไมคับ
     
  15. KOB_12

    KOB_12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +181
    ...................................................................
    สวัสดีครับ คุณหมอ
    วันนี้ ผมพาลูกไปไหว้หลวงปู่มาครับ ได้ไปเช่าเเหวน มาครับ เพิ่มอีก 10 วง และเมื่ออาทิตย์ก่อนได้ให้เพื่อนที่อยู่แถวเจริญนคร ไปเช่ามาอีก เกือบ 10วง (ได้ไปให้เพื่อนๆ เขาบอกว่าดีเยี่ยมมากครับด้านการออกแบบ แลัวพิธีการก็ดีด้วย ที่ผมเอาไปก็ไปฝากเขาทั้งนั้นหละครับ ไม่ได้ไปเอากำไรอะไร และร่วมสร้างบุญครับ) รวมกับที่จองไว้กับคุณหมอ อีก 10 วง ก็รวมๆ เกือบ 30 แล้ว คุณหมอครับ หลวงปู่ท่านน่านับถือจริงๆ ครับ ความจำท่านยังดีนะ สอนลูกผมเกี่ยวกับหลักธรรม การดำเนินชีวิต การเคารพ บูชาพ่อแม่ และก็สอนเกี่ยวกับอย่างไปติดยึดกับวัตถุ ให้ดูสิ่งที่เป็นจริงครับ อายุท่านก็เกือบ 100 สายตาท่านก็ยังดีด้วยครับ สุขภาพท่านเริ่มแข็งแรงขึ้นครับ สาธุๆ และผมก็ได้ร่วมทำบุญกับท่านอีกครับ แล้วมีเวลาจะไปกราบท่านอีกครับ
    แล้วผมจะรอคอยแหวนเนื้อเงินขอคุณหมอครับ สวัสดีครับ
     
  16. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748

    การเปลี่ยนสีของแหวนสัตตโลหะ
    ในตำราเขาระบุแค่ว่า
    " ถ้าโชคชะตาของเจ้าของแหวนจะเจริญรุ่งเรืองแหวนจะมีวรรณะแวววาว
    ถ้าแหวนที่ใส่อยู่เศร้าหมองให้ระวังตัวจะมีอุปสรรค "
    ทั้งนี้มีเคล็ดอยู่ว่าห้ามขัดถูแหวนเป็นอันขาด
    ซึ่งเจตนาก็เพื่อจะเป็นการเตือนให้ตัวเรามีสติระมัดระวังตัว มิให้ตั้งอยู่ในความประมาท
    ส่วนวิธีปฏิบัติตัวเมื่อแหวนหมอง ไม่มีการกล่าวถึงไว้
    ก็คงเป็นไปตามความเชื่อของแต่ละบุคคล

    อย่าง ลพ.สนิท วัดลำบัวลอย ท่านก็ทำพญาเต่าเรือนหินแกะตัวเล็กๆ แข่อยู่ในน้ำมันหอม
    ถ้าวันไหนน้ำมันเกิดเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดง แสดงว่าอาจจะมีเคราะห์ประสบเหตุอันตรายถึงขั้นเลือดตกยางออก
    ท่านให้งดเว้นการเดินทางเสียในวันนั้น
    แต่ถ้าจำเป็นจะต้องออกเดินทาง ท่านก็ให้สวดภาวนาพระคาถาพญาเต่าเรือนจนกว่าน้ำมันจะเปลี่ยนกลับมาเป็นสีปกติจึงจะออกเดินทางได้

    แต่ในสายวิชาสำนักวัดประดู่ทรงธรรม ซึ่งสืบทอดมาถึงสาย อ.เฮง ไพรวัลย์ ลป.สี วัดสะแก เป็นต้น
    ซึ่งเป็นสำนักที่ขึ้นชื่อลือเลี่องในการสร้างแหวนปลอกมีดสี่ยงทายด้วยเนื้อสัตตโลหะ
    ไม่มีการกล่าวถึงวิธีการแก้ไขไว้แต่อย่างใด
    ดังนั้นถ้าทำสิ่งไหนที่จะทำให้เราสบายใจได้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2012
  17. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748

    อนุโมทนาสาธุด้วยครับ
    ผมคนสร้างก็พลอยชื่นใจไปด้วย และก็ดีใจที่ทำให้คนได้ไปสัมผัสกับกระแสเมตตาของท่าน
    ทำให้ทุกคนได้รับฟังธรรมะคำสั่งสอนของท่าน และได้มีโอกาสทำบุญกับเนื้อนาบุญอันหาได้ยากยิ่งในเมืองกรุงแห่งนี้

    หลวงปู่ท่านจริงๆ แล้วท่านเป็นพระที่เก่งมากๆ
    ถ้าพูดถึงสรรพวิชาที่ท่านได้ศึกษามา รับรองได้ว่าไม่เป็นสองรองใครในยุคนี้
    แต่อย่างที่บอกว่า ท่านเห็นว่าวิชาพวกนี้ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
    ท่านจึงงดเสียที่จะกล่าวถึงและแสดงออก
    ยกเว้นเมื่อมีเหตุ ท่านจึงจะนำวิชาเหล่านั้นมาสงเคราะห์ญาติโยมเสียทีหนึ่ง
    สิ่งที่พวกเราจะได้รับจากท่านเสมอก็คือ กระแสเมตตาและธรรมะ
    ที่ท่านมักจะสั่งสอนผู้ที่ไปกราบพบท่านเสมอ

    เรื่องแหวนนี้ ท่านอยากจะได้มาแจกนานแล้ว
    ท่านปรารภกับลูกศิษย์ลูกหาอยู่หลายครั้ง
    พอดีกับเป็นช่วงที่ผมกำลัวจะทำแหวนอยู่พอดี
    ก็เลยถือโอกาสสร้างถวายท่านไปเสียเลย
    ดังนั้นเมื่อได้มาแล้ว ผมก็เชื่อแน่ว่าท่านก็คงตั้งใจทำให้อย่างดี เต็มภูมิของท่าน
    ขณะเดียวกันผมก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้เช่นกัน
    เต็มที่ทั้งผู้เสก และเต็มใจทั้งผู้สร้าง
    ทำให้ผมเชื่อแน่ว่าในแต่ละท่านที่ได้บูชาไป ก็คงจะได้มีประสบการณ์ดีๆ เกิดขึ้นกับตัวท่านในไม่ช้า

    ส่วนผู้ที่จองแหวนไว้กับผมก็ขอให้รออดใจอีกหน่อย
    จริงๆ ผมก็โดนครูบาอาจารย์ทั้งที่ยังอยู่และละสังขารไปแล้ว เตือนมาแล้วว่า
    แหวนพอได้แล้ว เต็มแล้ว ให้หันมาดูใจดูกิเลสของตนเองบ้าง
    เพราะการทำวัตถุมงคลต่างๆ ก็ดี ก็เสมือนเป็นการเพิ่มกิเลสให้กับตนเอง
    ทำแล้วก็ต้องอยากให้ดี อยากให้เด่น อยากให้ดังกว่าของคนอื่น
    เป็นทิฐิมานะและความหลงอย่างหนึ่ง
    ทำวัตถุมงคลขึ้นมาที จิตใจก็ว้าวุ่น หาความสงบไม่ได้
    เพียงแต่ว่าทำด้วยเจตนาดี บุญที่เกิดกับผลกรรมที่ได้ หักกลบลบแล้วยังได้กำไรอยู่
    ท่านก็เลยพออนุโลมให้ได้ แต่จริงๆ บุญที่เกิดนี้มันเล็กน้อยมากเทียบไม่ได้กับการดูจิตของตนเอง
    เหมือนบางคนกระหายการทำบุญมาก ทำบุญโน่นนี่หรือรับเป็นเจ้าภาพงานบุญที่โน่นที่นี่
    ดูเหมือนว่าได้บุญใหญ่แต่หาความสงบทางจิตไม่ได้
    เรียกว่ารับบุญมา แต่จิตใจไม่ได้รับรสบุญที่ตนเองทำมา
    เพราะจิตมันไม่มีความสงบ
    ก็อยากจะให้ลองคิดกันดู การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งดี
    แต่ก็อย่าลืมทำนุบำรุงดูแลรักษาใจของตนเองด้วยเช่นกัน
    อะไรที่มันวุ่นวายนักก็อย่ารับเข้ามานัก อุเบกขาเสียบ้าง


    ตั้งแต่ทำแหวนมาก็ต้องยอมรับว่า จิตใจมันวุ่นวายกว่าตอนปกติ
    เพราะวันๆ มัวแต่คิด ว่าจะทำยังไงให้แหวนออกมาดีที่สุด ขลังที่สุด
    จะให้องค์ไหนเสกดี มีองค์ไหนเก่งๆ ลามไปถึงพระถึงเจ้าทำให้ท่านเดือดร้อนกันไปด้วย
    เรียกได้ว่าวันๆ คิดวนเวียนแต่เรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มสร้างแหวน
    มานั่งย้อนดูจิตตนเองในช่วงนั้น มันก็ช่างวุ่นวายจริงๆ และก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ
    จนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านคงทนไม่ได้
    เลยฝากเตือนมาถึง 2 ครั้ง ในช่วง 2 สัปดาห์ติดกันว่า

    อย่าสนใจภายนอก ให้ดูภายในตัวเองเสียบ้าง
    แหวนก็เต็มแล้ว ที่ยังไม่เต็มก็คือกิเลสของเอ็ง

    เล่นเอาหนาวไปถึงหัวใจ ทุกวันนี้คำพูดนี้ก็ยังก้องอยู่ในหัว
    แต่เนื่องจากยังติดความตั้งใจที่จะเสกให้ครบเข้าพรรษา
    และยังไม่ได้ครบองค์ที่ตั้งความปรารถนาไว้ในใจว่าจะให้ท่านเสกให้
    เพราะแม้จะเป็นเพียงแค่ความตั้งใจ แต่ผมก็ถือว่าเป็นสัจจะอย่างหนึ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ
    ก็เลยยังต้องรับภาระแบกกันไปอีกช่วงหนึ่ง
    จริงๆ ก็อยากแจกแล้ว ติดตรงความตั้งใจแม้จะเป็นแค่ความคิด แต่ผมก็ถือว่าเป็นสัจจบารมีอย่างหนึ่ง
    หลังออกพรรษาก็จะได้เป็นการปลดเปลื้องภาระเสียที

    เมื่อวานนี้ได้นำแหวนไปเสกมา 3 วัด 3 จังหวัด 3 องค์
    นำไปก็ยังนึกถึงคำพูดของท่าน แต่ก็ต้องทำไป
    เพียงแต่จิตใจไม่ได้วุ่นวายเหมือนแต่เก่าแล้ว
    พรุ่งนี้ว่าจะลงรูปและรายละเอียดการเดินทางให้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  18. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    เสาร์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 4 ที่ได้นำแหวนไปเสก
    เป้าหมายคราวนี้อยู่ที่ 3 จังหวัด (แต่ไม่ใช่ชายแดนใต้)
    คือ ลำปาง สุโขทัย และนครสวรรค์
    ก่อนออกเดินทางก็กลัวว่าเส้นทางที่ไปจะน้ำท่วมไหม
    แล้วก็กลัวเรื่องฝน ถ้าเกิดฝนตกการขนของก็จะลำบาก
    แต่ก็เหมือนฟ้าเป็นใจ ตลอดเส้นทางราบรื่นดี
    แถมแดดดีตลอดทั้งวัน

    เราออกเดินทางโดยรถตู้กันตอนเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา
    รวบรวมพลพรรคได้แค่ 6 คน
    เป้าหมายแรกคือกะให้ไปเช้าที่ อ.เถิน จ.ลำปาง
    โดยองค์แรกก็คือ ครูบาครอง วัดท่ามะเกว๋น


    [​IMG]

    ครูบาครอง ขัตติโย วัดท่ามะเกว๋น บ้านท่าอุดม ต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง
    อายุ 92 พรรษา 72 ท่านเป็นศิษย์ของ พระครูรักขิตคุณ (ต๋า) วัดอุมลอง
    เกจิอาจารย์ชื่อดังของ อ.เถินและเป็นสหธรรมิกกับครูบาสิงโต
    ครูบาครองท่านเป็นพระที่มีพลังญาณสมาบัติสูงมาก มีทิพยจักขุ และเจโตปริยญาณ
    เชี่ยวชาญในเรื่องธาตุเป็นอย่างมาก ท่านบำเพ็ญฌานอยู่ในป่านานกว่า 60 ปี
    วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์มาก
    มีคนเชียงใหม่เอาผ้ายันต์ของท่านไปลองแล้วกลับมาเล่าให้หลวงปู่ฯฟังว่า
    “...เอาไปจ่อยิง ๓ นัด ยิงอย่างไรก็ไม่ถูก พอนัดที่ ๔ ถูก แต่ไม่เข้าไม่ทะลุ !!! “ <O:p</O:p


    [​IMG]

    เราไปถึงได้ทันถวายอาหารเช้าท่านพอดี
    เลยมีเวลาไปเตร็ดเตร่ที่ตู้วัตถุมงคลของท่านฆ่าเวลาก่อนเข้าพบท่าน
    วัตถุมงคลของท่านมีไม่กี่อย่าง
    มีบางรุ่นเป็นของศูนย์ทำมา แล้วก็เช่นเคยที่วัดมีแต่เนื้อธรรมดา
    ที่ศูนย์มีสารพัดรูปแบบและเนื้อ
    ที่ของวัดทำเองก็จะมี ล๊อกเก็ต รูปถ่ายติดจีวรและเกศา ผ้ายันต์ต่างๆ
    เชือกข้อมือถัก สีผึ้ง สติ๊กเกอร์
    ของศูนย์ก็จะมีพวกรูปหล่อ เหรียญ

    [​IMG]

    หลังจากท่านฉันเสร็จพวกเราก็ได้ถวายสังฆทาน ท่านก็ให้ศีลให้พร
    ซึ่งต้องขอบอกว่าท่านให้พรนานมาก
    หลังจากให้พรเสร็จจึงได้กราบเรียนถึงวัตถุประสงค์ให้ทราบท่าน
    ท่านนิ่งและจ้องมองผมนิ่งไปอึดใจใหญ่ๆ เล่นเอาผมใจแป้วไปเลย
    เพราะปกติท่านเป็นพระที่เมตตามากๆ
    แต่นี่ผมสังเกตท่านมองมาที่ผมตั้งแต่กราบท่านตอนแรกแล้วอยุ่ 3 - 4 รอบ จนต้องมานั่งสำรวจใจตนเองว่าเรามีทำผิดหรือคิดอะไรไม่ดีหรือเปล่า
    พอท่านออกปากถามว่าให้เสกพระให้เหรอ เล่นเอาโล่งอก

    [​IMG]

    ครูบาครองท่านอธิษฐานจิตให้นานพอดูราวๆ เกือบ 20 นาทีได้
    เท่าที่พอจับใจความได้ ท่านบูชาพระรัตนตรัยก่อน แลัวตั้งธาตุ หนุนธาตุ ตามด้วยเรียกอักขระ พระเจ้า 16 พระองค์ บทปลงอนิจจัง ฯลฯ
    จบแต่ละบทท่านก็จะเป่าทีหนึ่งทุกครั้งไป
    นานพักใหญ่จนเราคิดว่าท่านเสกให้เสร็จแล้ว เพราะเห็นท่านหันไปรื้อของที่โต๊ะ
    แล้วท่านก็หยิบหนังสือสวดมนต์เล่มหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับแว่นขยาย
    แล้วท่านก็สวดพระคาถาชินบัญชรให้ มือหนึ่งถือหนังสือ มือหนึ่งถือแว่นขยาย
    กางหนังสือสวดไป สวดจบแต่ละวรรคท่านก็เป่ามาที่กองวัตถุมงคลทีหนึ่ง
    กว่าจะจบพระคาถาชินบัญชรท่านเป่าเป็น 10 กว่าหนได้
    ระหว่างเสกท่านก็ยังหันมามองที่ผมเป็นบางครั้งจนผมชักเอะใจ
    ว่าท่านมองเราทำไมหว่า
    (ปกติเวลาเสกพระ คนอื่นเขาจะนั่งหลับตากัน แต่ผมจะคอยมองดูความเปลี่ยนแปลงเผื่อเห็นปรากฏการณ์อะไรแปลกๆ)

    เรื่องการเสกพระของครูบาครองนี้ นานจนขึ้นชื่อ
    ยิ่งถ้าวันไหนมีคนมาหาท่านมาก แล้วเอาของให้ท่านเสกล่ะก็รับรองว่าคณะอื่นต้องรอกันแหง่ก
    10 คณะ 10 รอบ คิดดูว่าจะใช้เวลาเท่าไรกัน
    จน ลพ.เอก วัดเขาแร่ เคยกราบอาราธนาท่านว่า
    หลวงปู่เป่าพ้วงเดียวก็พอแล้ว ท่านก็บอกว่าไม่ได้ ทำให้เขาก็ต้องทำให้เต็มที่
    นี่คือกระแสความเมตตาของพระอริยเจ้าโดยแท้
    และวันนั้นก็เป็นวันที่โชคดีมาก เพราะมีแต่คณะเราอยู่คณะเดียว
    จนลูกศิษย์ที่ดูแลท่านอยู่บอกว่าแปลก ปกติจะมีกันมาหาหลวงปู่เยอะมาก
    นั่งรอกันเต็มไปหมด


    [​IMG]

    ก่อนกลับท่านก็เมตตาจารแผ่นยันต์ชนวนสำหรับทำแหวนครั้งต่อไปให้
    ก็เลยให้ท่านเจิมกระหม่อมกันก่อนจะกลับ
    คนอื่นลงกันไม่มีอะไร พอถึงคิวผมพอลงเสร็จกำลังจะถอยกลับให้คนอื่นเข้ามาแทนที่
    ท่านก็ใช้ไม้ครูที่ท่านใช้ลงกระหม่อมให้พวกเรา ชี้มาที่แหวนที่ผมใส่ไว้ที่มือ
    ถามว่าเป็นแหวนอะไร
    ผมเลยถึงบางอ้อว่าที่แท้ท่านมองมาที่ผมบ่อยๆ นี่ ที่จริงท่านมองมาที่แหวนที่ผมใส่อยู่นี่เอง
    ก็เลยกราบเรียนท่านไปว่าเป็น แก้วนางขวัญ ของที่เถินนี่แหละ
    ท่านก็ถามใหญ่เลยว่าไปเอามาจากที่ไหน บ่ออะไร แพงไหม แล้วตัวเรือนนี่ทำจากไร
    ผมก็เลยถอดให้ท่านชม พอท่านรับไปดู ท่านก็เอาแว่นขยายอันใหญ่ของท่านมาส่องดู แล้วเอาไปส่องกับแดดดูประกาย
    เห็นกิริยาของท่านแล้วดูท่านชอบมาก ยิ้มหัวอารมณ์ดี
    เลยเอาแก้วหัวแหวนต่างๆ ที่สะสมไว้ให้ท่านพิจารณา
    โห..คราวนี้เหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ ท่านดูแล้วก็ซักถามรายละเอียดของแก้วต่างๆ

    [​IMG]
    แหวนวงที่ถวายให้ท่านไป ท่านชอบมากจริงๆ เอาไปส่องเล่นดูกับแดด

    คือก่อนจะมากราบท่านผมก็พอจะรู้อยู่บ้างว่า ท่านชอบพวกแก้วโป่งข่าม
    เพราะเคยเห็นตอนท่านลงมาเสกพระให้ครูบาสิงโตที่วัดอโยธยา อยุธยา
    ท่านมีติดแหวนแก้วโป่งข่ามลงมาให้ทำบุญด้วย
    การมากราบท่านครั้งนี้ผมจึงตั้งใจนำแก้วโป่งข่ามต่างๆ ที่สะสมไว้ติดมาให้ท่านเสกด้วยโดยเฉพาะ
    แม้แต่องค์พระแก้วจุยเจียของผม 5 นิ้ว ที่ตั้งไว้อยู่บนกล่องแหวน
    ท่านก็หยิบไปชมและเมตตาลงจารที่ใต้ฐานให้เอง
    เห็นท่านชอบพวกแก้วโป่งข่ามมาก ผมก็เลยถวายแหวนหัวแก้วนางขวัญไปให้ท่านวงหนึ่ง
    ซึ่งเป็นวงที่สวยมาก เม็ดใหญ่ สีดอกตะแบกม่วงเข้ม น้ำใส
    พี่คนหนึ่งในคณะที่ไปด้วยก็ถวายพระแก้วขนเหล็กให้ท่านองค์หนึ่ง
    ท่านชอบใจมาก เสียดายไม่ได้เก็บรูปท่านในตอนนั้นไว้เลย
    ยิ้มของพระอริยเจ้าช่างน่าชื่นใจดีแท้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  19. ต้นบางปลา

    ต้นบางปลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2011
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +479
    อนุโมทนาสาธุ ๆๆๆๆๆ ครับ ถ้าพี่หมอมีการสร้างแหวนอีกรอบ ผมขอร่วมบุญด้วยนะครับ
     
  20. helium

    helium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    848
    ค่าพลัง:
    +2,124
    แหวน ตอนนี้บูชาได้ที่กุฏิหลวงปู่ดี ใช่ไหมครับ?

    ...แล้วที่ตะเวนเสกอยู่ล่ะครับ??? อันเดียวกันรึป่าว?
     

แชร์หน้านี้

Loading...