จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    สติสูตร

    สติสูตร

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสติสัมปชัญญะไม่มี หิริและโอตตัปปะ ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสติและสัมปชัญญะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อหิริและโอตตัปปะไม่มี อินทรียสังวรชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีหิริและโอตตัปปะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่ออินทรียสังวรไม่มี ศีลชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีอินทรียสังวรวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อศีลไม่มี สัมมาสมาธิชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีศีลวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อสัมมาสมาธิไม่มี ยถาภูตญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสัมมาสมาธิวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อยถาภูตญาณทัสนะไม่มี นิพพิทาวิราคะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มียถาภูตญาณทัสนะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อนิพพิทาวิราคะไม่มี วิมุตติญาณทัสนะ ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีนิพพิทาวิราคะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่งและใบวิบัติแล้ว แม้กะเทาะของต้นไม้นั้น ย่อมไม่บริบูรณ์ แม้เปลือกแม้กะพี้ แม้แก่นของต้นไม้นั้นก็ย่อมไม่บริบูรณ์ ฉะนั้น ฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสติสัมปชัญญะมีอยู่ หิริและโอตตัปปะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสติและสัมปชัญญะ เมื่อหิริและโอตตัปปะมีอยู่ อินทรียสังวรชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยหิริและโอตตัปปะ เมื่ออินทรียสังวรมีอยู่ ศีลชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยอินทรียสังวร เมื่อศีลมีอยู่ สัมมาสมาธิชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล เมื่อสัมมาสมาธิมีอยู่ ยถาภูตญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสัมมาสมาธิ เมื่อยถาภูตญาณทัสนะมีอยู่ นิพพิทาวิราคะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยยถาภูตญาณทัสนะ เมื่อนิพพิทาวิราคะมีอยู่ วิมุตติญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยนิพพิทาวิราคะ เปรียบเหมือนต้นไม้ที่มีกิ่งและใบสมบูรณ์แม้กะเทาะของต้นไม้นั้นก็ย่อมบริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กะพี้ แม้แก่นของต้นไม้นั้นก็ย่อมบริบูรณ์ ฉะนั้น ฯ

    สติสัมปชัญญะ => หิริโอตตัปปะ => อินทรียสังวร => ศีล => สัมมาสมาธิ => ยถาภูตญาณทัสสนะ => นิพพิทาวิราคะ => วิมุตติญาณทัสสนะ


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  2. บัวบุษกร

    บัวบุษกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +565


    คุณหวาน(Alex) ส่งการบ้านมาตอนทุ่มครึ่งคะ ครูปลื้มตอบราวๆเที่ยงคืนกว่าๆ ครูเพ็ญตอบประมาณเที่ยงคืนแก่ๆ ส่วนบัวตอบเช้านี้

    คุณหวานค่ะ ช่วงแรกๆก็ยังงี้แหละคะ เวลายังไม่รู้กัน อีกหน่อยคุณหวานก็จะพอคาดได้ว่าครูแต่ละท่านจะตอบเมล์เราช่วงเวลาไหน เข้าใจค่ะ ตัวเองก็เป็น ตอนส่งการบ้านแรก ใจจดจ่อ เมื่อไรครูจะตอบซะทีน๊า เช็คเมล์ทุกครึ่งชั่วโมงเลย 555

    ครูเพ็ญขา ต้องการเลขาส่วนตัวมั้ยค่ะ หนูสงสารครูเพ็ญที่ซู้ด...
     
  3. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    เราก็ \o/ ยินดีต้อนรับด้วยน้ำใสใจจริงครับ..
    เราส่งpm ข้อมูลอีเมลล์ของเราไปให้แล้วนะครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุครับ
     
  4. จารุณี22

    จารุณี22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1,403
    สังขารุเปกขาญาณ

    -สังขารุเปกขาญาณ อารมณ์มันเฉยทุกอย่าง ความรู้สึกน่ะมี ไม่ใช่ไม่คิด คนถ้ายังมีลมหายใจอยู่มันต้องคิด แล้วถ้าถามว่าเฉยอย่างไร ก็ตอบว่า อารมณ์มันเฉย ความรักในเพศไม่เกิดขึ้น ความเกลียดไม่เกิดขึ้น คือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของร่างกาย ธาตุ 4 เข้ามาประชุมกันแบบนี้ มีอาการ 32 มีความสกปรกโสโครก เป็นอนิจจังไม่เที่ยง ทุกข์ เป็นทุกข์ อนัตตา สลายตัว เมื่อมีความรู้สึกอย่างนี้มันเฉย มันจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน ร่างกายเป็นหน้าที่ของร่างกาย จิตใจเป็นหน้าที่ของจิตใจ ร่างกายจะแก่ก็เป็นหน้าที่ของร่างกาย ใจไม่ต้องไปช่วยมันแก่ ร่างกายจะป่วยก็เป็นหน้าที่ของร่างกาย ไม่ใช่ใจจะช่วยมันป่วย ร่างกายจะตายเป็นหน้าที่ของร่างกาย ไม่ใช่หน้าที่ของใจ ใจไม่ต้องไปช่วยมันตาย จงวางอารมณ์เสีย ใครเขาจะยังไงก็ช่าง เขาจะดี เขาจะชั่ว เขาจะเลว เขาจะอย่างไรก็ตามเถอะ ไม่สนใจ เห็นหน้าคน เราคิดไว้เสมอว่า เป็นคนที่เราควรแก่การปรานี เห็นหน้าสัตว์ก็คิดว่าเป็นสัตว์ควรแก่การปรานี พยายามไม่ถือตน คนและสัตว์ก็ตาม ถือว่ามีธาตุ 4 คือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟเสมอกัน มีอาการ 32 เหมือนกัน มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความเปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง มีการสลายตัวไปในที่สุดเหมือนกัน สร้างอารมณ์ให้เป็นสังขารุเปกขาญาณในวิปัสสนาญาณ อย่างนี้ การระงับการถือตัวถือตนย่อมเป็นของไม่ยาก

    -ขอพูดย่อ ๆ อารมณ์ที่ทำนี่ ไม่ใช่ต้องนั่งหลับตา ท่านเดินไปเดินมา นั่งทำอะไรอยู่ นอนอยู่ ยืนอยู่ แล้วก็เดินอยู่ ทำอะไรก็ตาม มองดูสภาพของความจริง เห็นต้นหญ้าที่มันร่วงโรยลงไปก็คิดว่า โอหนอ ชีวิตของคนเราก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ก็คิดมันวนไปวนมา ถอนกำลังใจให้มันติด คือว่าเมื่ออาการอย่างนั้นเกิดขึ้น เราเห็นอะไรขึ้น ถ้าอาการของความทุกข์เกิดขึ้น ความขัดข้องเกิดขึ้น เราก็เฉย ที่เรียกว่าสังขารุเปกขาญาณ มันอะไรจะมาก็ช่างมัน มันจะแก่ก็เชิญแก่ ใจสบาย ๆ ถือว่าหนีความแก่ไม่ได้ ถ้าความป่วยไข้ไม่สบายมันเกิดขึ้น ทุกขเวทนามันมีเราก็ต้องรักษา ใจเราก็เฉย รักษาหายก็หาย ไม่หายก็ช่างมัน อยากตายเมื่อไหร่ก็เชิญ เกิดมาเพื่อตาย ใช้สังขารุเปกขาญาณ เฉยทั้งอาการที่เข้ามากระทบกระทั่งจิต ในด้านของโลกีย์วิสัย เฉยทั้งคำชม เฉยทั้งคำนินทา เฉยทั้งได้มา เฉยทั้งเสื่อมไป ไอ้การชมการสรรเสริญก็ดี การด่าการนินทาก็ดี เราไม่ได้เป็นไปตามปากเขา เราจะดีหรือจะชั่วมันอยู่ที่กำลังใขของเราเท่านั้น รวบรวมกำลังใจไว้อย่างนี้ เราก็เฉยต่ออาการทั้งหมด ไม่มีอะไรสนใจ ช่างมัน ถ้าจะถามว่า ถ้าทำจิตได้อย่างนี้ยังสูบบุหรี่ไหม ยังกินหมากไหม ยังจะต้องใช้ของที่เคยใช้กับร่างกายไหม ก็ต้องตอบว่าใช้ตามปกติ เขาไม่ได้ติด แต่ร่างกายต้องการ เหมือนกับพระพุทธเจ้าที่ท่านเป็นพระพุทธเจ้าแล้วยังฉันภัตตาหาร เรื่องอะไรที่ประสาทต้องการเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องบำรุงประสาท เพื่อเราจะเอาไว้ใช้ประโยชน์ เหมือนกับคนที่ลงเรือรั่วเพื่อหวังจะข้ามฟาก ถ้าขณะใดที่ยังอาศัยเรืออยู่ เมื่อน้ำมันรั่วขึ้นมาเราก็ต้องอุด มันผุตรงไหนก็ต้องทำนุบำรุงซ่อมแซม ไม่ใช่ว่าปล่อยให้มันรั่วให้มันพังไปจนกว่าเราจะขึ้นฝั่งได้ สิ่งสำคัญคือการยอมรับนับถือกฎของธรรมดา อย่าใช้อารมณ์ฝืนกฎธรรมดา อารมณ์จิตของเราจะเป็นสุข

    **ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นและถึงนิพพานในชาตินี้เทอญ..สาธุ**
     
  5. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    เอ้า..คุณTPCเรียนอยู่กับครูเพ็ญ+ครูน้องหนูแล้วหรอ..
    พอดีเห็นท่านพี่ภูขอมาว่าให้เราช่วยสงเคราะห์ท่านนี้หน่อยนึง..(คงเห็นว่าจริตใกล้เคียงกัน)
    555..ไม่เป็นไรครับ เอาอย่างนี้ซิครับ เราก็แค่เพิ่มครูลูกพลังเข้าไปอีกคนนึงให้คุณTPCเขาน่ะ เท่านั้นเอง ไม่ต้องโอนลูกศิษย์หรอกครับ..
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูเจตจำนงของคุณTPCก่อนว่า เขาปรารถนาให้เพิ่มครูด้วยหรือไม่?
    มิฉะนั้น..เดี๋ยวจะกลายเป็นว่า...?
    รอดูเจตจำนงของท่านก่อนก็แล้วกันนะครับ..
    ขอบคุณครับ
     
  6. kan10270

    kan10270 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +306
    กราบสวัสดีคุณครูจิตบุญทุกท่านค่ะ ดิฉันได้ติดตามกระทู้นี้มานานพอสมควรและสนใจในการปฎิบัติจิตเกาะพระค่ะ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยคนหนึ่งนะคะ ขอความกรุณาคุณครูจิตบุญช่วยอบรมสั่งสอนด้วยนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
     
  7. จารุณี22

    จารุณี22 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1,403
    การสร้างบารมีก็มีอยู่ ๓ ขั้นด้วยกัน

    ขั้นที่ ๑ บารมีต้น
    ก็จะขอเรียงกำลังบารมีให้ฟังสักนิดหนึ่ง บารมีนี่มี ๑๐ แบ่งเป็น ๓ ขั้น จึงเรียกบารมี ๓๐ แต่ความจริงก็มี ๑๐ อย่าง บารมีต้น พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า บารมีเฉย ๆ บารมี ท่านแปลว่า เต็ม แต่ว่าพระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า ควรจะแปลว่า กำลังใจเต็ม
    ถ้า คนที่มีบารมีต้นยังมีการบกพร่องในศีลอยู่มาก ถ้าบังเอิญบารมีต้นเต็มจะเคร่งครัดในศีล เริ่มมีการเคร่งครัด ก็ยังมีการพลาดอยู่ เพราะยังไม่เป็นพระโสดาบัน แต่ทว่า เราจะชวนให้ทาน ชวนรักษาศีลเขาทำได้ ถ้าชวนเจริญกรรมฐาน พวกนี้บอกไม่ไหว กำลังใจไม่พอที่จะเจริญกรรมฐาน แม้แต่กรรมฐานเบื้องต้นเขาก็ไม่ไหว คือพอใจขั้นศีลกับทาน


    ขั้นที่ ๒ อุปบารมี
    พอบารมีอย่างกลางที่เรียกว่าอุปบารมี อุป แปลว่า เข้าไปใกล้มั่น คือว่าเข้าไปใกล้จะเข้าเขตนิพพาน ท่านที่มีบารมีเป็นอุปบารมี นี่พร้อมในการเจริญกรรมฐาน พร้อมในการทางฌานโลกีย์ แต่ ว่าถ้าแนะนำว่าปฏิบัติอย่างนี้ไปนิพพานได้ เขาบอกว่าไม่ไหว ฌานโลกีย์พร้อม แต่ว่าทำเพื่อไปนิพพานทำไม่ได้ ทำไม่ไหว กำลังใจไม่พอ คือจะพอใจแค่ฌานสมาบัติ


    ขั้นที่ ๓ ปรมัตถบารมี
    ทีนี้ถ้าบารมีของบุคคลใดเป็นปรมัตถบารมี อันดับแรกจะยังไม่เข้าใจเรื่องนิพพาน หรือความเข้าใจว่านิพพานสูญ อาจจะขี้เกียจไป ต่อ ๆ มาเริ่มมีความเข้าใจนิพพานขึ้น คิดว่านิพพานเป็นแดนของความสุข เราต้องการนิพพานโดยเฉพาะ นี่เป็นปรมัตถบารมี ก็เป็นอันว่า ถ้าถึงปรมัตถบารมี จะพอใจพระนิพพาน อันนี้เราก็ต้องไปวัดกำลังใจของเราเองว่า พอใจในระดับหรือขั้นใด ถ้าหากว่าเรามีบารมีถึงขั้น อุปบารมี เราก็เร่งรัดเป็น ปรมัตถบารมี ได้ ไม่ใช่ต้องจมอยู่แค่นั้น มันสามารถสร้างต่อไป ที่ท่านเรียกว่า บารมี ๓๐ ประการ คนที่จะเป็นพระอรหันต์ได้ ต้องมีบารมีทั้ง ๑๐ ประการนี้ครบถ้วน และถึงขั้นที่สุดเต็มอัตรา


    ดังนั้น คนที่มีบารมีต้นนี่จะเก่งแค่ทานกับศีลเป็นอย่างเก่ง ถ้าอุปบารมีก็จะเก่งแค่ฌานสมาบัติ จิตใจพอใจมาก แต่พูดเรื่องนิพพานไม่เอา
    แต่คนที่มีบารมีเข้าถึงปรมัตถบารมีเท่านั้น จึงจะพอใจในพระนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2012
  8. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ช่วงนี้กำลังจัดทำงบประมาณของปีหน้าขอรับ .... เลยไม่ค่อยมีเวลา สรุปหัวข้อการอบรมจิตเกาะพระเมื่อวันที่16กย ที่ผ่านมา ขอแปะไว้ก่อนนะครับ เดี่ยวจะสรุปข้อมูลให้นะครับ .... ขอเอาใจช่วยผู้มาใหม่ทุกท่าน รู้สึกช่วงหลังๆนี้จะมีแต่ท่านที่แรงๆ เต้มๆ เยอะครับ ดีครับ อย่างนี้ไม่นาน ขอให้วางอัตตามานะของตนลงให้หมด ...

    สู้ๆนะครับ เอาใจช่วยครับ

    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  9. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ทำไม ทำไม ทำไม และ ทำไม .....

    เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสสนทนากับคนจากแดนไกล(ยุโรป ...หุหุ ใครส่งมาน๊าาาา ยกมือหน่อย) เห็นว่าจะยังประโยชน์แก่ทุกท่านได้ จึงขอนำมาเล่าเพื่อเป็นธรรมทานให้ทุกท่านได้รับฟังไว้และใช้ปัญญาพิจารณา

    ท่านผู้นี้กำลังจมอยู่ในกองทุกข์จากการพลัดพรากของคนรักที่จากไปโดยไม่มีวันกลับ(มาร่างเดิม) .....

    ท่านใฝ่เข้าหาธรรมะมาตั้งแต่อายุ16-17 ถึงขนาดอยากจะออกบวช แต่ที่บ้านห้ามไว้ จึงยังคงต้องอยู่กับทางโลกและดำเนินชีวิตต่อไป แต่ท่านก้อไม่ได้อยู่ห่างจากธรรมะ ยังคงศึกษาและปฏิบัติอยู่อย่างสม่ำเสมอ

    วันที่เค้าติดต่อข้าพเจ้ามา ว่า อยากจะไปนิพพาน เบื่อแล้วการเกิดนี้ ...พอแล้ว

    ข้าพเจ้าได้สอบถามถึงที่มาที่ไปของการปฏิบัติ ข้าพเจ้าพบว่า ท่านเป็นผู้นึงที่ได้ฝึกมาหลายแบบ มานานแล้ว

    แต่ ..... ท่านผู้นี้ไม่เข้าใจตัวเองว่า ทำไม ทั้งๆที่เราก้อปฏิบัติมานานแล้ว ทำไมเมื่อคนรักต้องจากไป ทำไม เรายังจิตตก ยังคงเศร้า ยังคงรับไม่ได้ ทำไมเราเหมือนคนที่ยังไม่ได้ฝึกหรือเรียนธรรมะมาเลยละ ทำไมๆๆๆๆๆ ทำไมๆๆๆๆ หรือเราทำอะไรผิด
    นี่คือสิ่งที่ยังคงติดค้างในใจของท่านอยู่
    ..... ขนาดเราเจอทุกข์แค่นี้ ยังเอาไม่อยู่ แล้วนิพพานนะเหรอ มีรึจะทำได้ ยิ่งคิด ยิ่งจม ยิ่งไม่มั่นใจตัวเอง ..... แย่จริงๆ

    สิ่งที่ผมได้สื่อสารไป และอยากจะให้ท่านทั้งหลายรับทราบ คือ .....

    คุณจะเอาตาข่ายหรือ แหจับปลา ไปกรองทรายละเอียด ได้รึ .....
    เอาข้อสอบของมหาวิทยาลัย มาให้เด็กประถมสอบ ท่านจะทำได้รึ .....
    เอาสูตรอาหารของSuperเชฟ ให้คนธรรมดาทำ ท่านจะทำได้รึ .....

    ธรรมะเป็นของละเอียด เราจะเอาของหยาบไปพิจารณาเพื่อให้ถึงธรรมะนั้น ... ทำไม่ได้ ย้ำนะ ทำไม่ได้

    เราจะเอาเพียงสมองของเรา ความคิดของเราไปตัดกิเลส ตัดสังโยชน์ที่ละเอียดยิ่งนัก นั้น ไม่มีทางเลยนะครับ
    เราต้องใช้ปัญญาเท่านั้น และไม่ใช่ปัญญาทางโลกด้วย ต้องใช้ปัญญาญาณเท่านั้น....

    ที่ท่านๆฝึกมากันนั้น เป็นสิ่งที่ดี พ่อแม่ทางธรรมที่ท่านสอนสั่งอยู่ทุกสายนั้น ล้วนแล้วแต่ดีทั้งนั้น ท่านสอนเพื่อมุ่งเน้นให้ทุกท่านหลุดพ้น โดยเริ่มจากให้จิตท่านเป็นสมาธิทั้งนั้นครับ

    แต่ ..... การที่เราจะตัดทุกอย่างได้ และต้องใช้ปัญญาญาณนั้น เราจะต้องมีพื้นฐานมาจากจิตที่ทรงสมาธิ ทรงฌาณสี่อย่างต่อเนื่อง จนเกิดวิปัสสนาญาณอย่างต่อเนื่อง จิตถึงจะเกิดปัญญาญาณ จนสุดท้ายปัญญาญาณนี่แหละ จะนำไปสู่การหลุดพ้น ตัดได้ทุกสิ่ง แม้จะละเอียดเพียงใด ก้อไม่รอดปัญญาญาณ

    แต่คนส่วนใหญ่ที่ฝึกนั้น ใน24ชม คุณจะสามารถนั่งสมาธิ เดินจงกลม เจริญสติแบบเคลื่อไหว ได้ตลอด 24 ชั่วโมงหรือไม่ ....

    คำตอบคือ ไม่ ....

    ในเมื่อท่านยังไม่สามารถทำให้จิตคุณทรงสมาธิได้อย่างต่อเนื่องแล้ว คุณก้ออย่าไปคาดหวังเลยนะ อย่าไปตัดพ้อตัวเองเลยนะ เวลาเจอสิ่งกระทบ เจอกิเลส เจอความอยาก เจอทุกข์ เจอสุข แล้วทำไมเราตัดไม่ได้ เราวางไม่ได้ เราพิจารณาให้ขาดไม่ได้ .... เป็นเรื่องปกติของจิตที่ยังไม่ทรงปัญญาครับ ไม่แปลก

    พอทำไม่ได้แล้วไงละครับ จิตตก เครียด งง หลงๆๆ สงสัย ว่าเราจะทำไงดีละกับชีวิตนี้ ฝึกมาก้อแล้ว ทำมาก้อนานแล้ว พอมาเจอดันแพ้สะงั้น .... พอดีกว่า เผ่นดีกว่า ทำเลขมันง่ายกว่า หรือ ไปหาสายใหม่ดีกว่า

    ก่อนที่คุณจะมาฝึกแนวใหม่ ถ้าคุณยังไม่คิดพิจารณาถึงเหตุแห่งความไม่ก้าวหน้า หรือความพ่ายแพ้ต่อกิเลส หรือสิ่งกระทบแล้วละก้อ ยังไม่ใช้ หลัก อริยสัจ4 ของพระพุทธองค์ หาเหตุแห่งความไม่ก้าวหน้าแล้ว คุณก้อจะตามหาไปจนไม่จบไม่สิ้น ....จริงๆนะ

    แก่นแท้ของทางเดินมีแค่นี้ครับ .... ศีล สมาธิ ปัญญา(ทุกคนบอก รู้แว้วๆๆๆๆ จะย้ำทำไม ... รู้แต่เดินต่อไม่เป็นคร้าบบบบ)

    ทางเดินที่ยาวที่สุดในสามข้อด้านบนคือ สมาธิ
    หลายคนได้สมาธิแล้ว เกิดปิติแล้ว มีความสุข ติด ชอบ ....ขอแค่นี้ก้อพอ สำหรับเรา นิพพานไกลไป ไปไม่เป้นเฟ้ยยยย (ดูถูกตัวเองดวงจิตตัวเองเกินไปนะ อย่าเอากายเอาขันธ์ มาตัดสินดวงจิตนะขอบอก จิตของท่านนั้นมีศักญภาพยิ่งนัก เพียงแต่ท่านทำไม่เป็นเฉยๆ .... เลยพาลคิดไปว่า คนไม่เอาไหนอย่างเรา จิตก้อคงไม่เอาไหนเหมือนกาย เหมือนขันธ์ด้วย ...พอเถอะ อย่าหวังไกลถึงนิพพานเลย ไม่ตกนรก หรือได้ขึ้นสวรรค์ก้อบุญแล้ว)

    การเดินสมาธินั้น ถ้าท่านสามารถทำให้จิตทรงสมาธิอยู่ได้ตลอด24ชม นั้น ..... ทำได้ครับ ผมยืนยัน

    การทำให้จิตทรงสมาธิที่เรากำลังฝึกอยู่นี้(จิตเกาะพระ) เป็นการฝึกที่ประยุกต์รวมกันระหว่างพุทธานุสสติ กับ กสิณ เพื่อให้จิตเราอยู่กับพระ ขอบารมีพระ ให้จิตเราอยู่กับท่าน ไม่ว่า นั่ง เดิน นอน ยืน ทำงาน ก้อสามารถทำให้จิตทรงสมาธิอยู่ได้

    ขอเปรียบเทียบนิดนะครับ(มิได้มีเจตนาปรามาสใดๆทั้งสิ้น)
    ดวงจิตที่1 ... นั่งสมาธิหรือเดินจงกลม2ชั่วโมง แล้วเวลาที่เหลืออีก 22 ชั่วโมงนั้น จิตคุณทรงสมาธิไหมครับ(ส่วนใหญ่จะไม่) ....
    ... แล้วเปรียบเทียบกับจิตที่ทรงสมาธิได้ตลอด 24ชั่วโมงนั้น

    ท่านลองตอบหน่อยสิว่า จิตดวงไหนจะพัฒนาจนเกิดฌาณ 1-2-3-4 ได้ก่อนกัน ....

    แล้วดวงจิตไหนจะสามารถทรงฌาณ4ได้ตลอดเวลาครับ

    แล้วจิตดวงไหนจะเกิดวิปสสนาญาณ(จิตต้องทรงฌาญ4ต่อเนื่องถึงจะเกิดวิปสสนาญาณได้)

    แล้วจิตดวงไหนจะเกิดปัญญาญาณได้(จิตต้องเกิดวิปัสสนาญาณต่อเนื่องถึงจะเกิดปัญญาญาณได้)

    แล้วจิตดวงไหนจะถึงหลุดพ้นได้(จิตใช้ปัญญาญาณพิจารณาถึงจะพ้น จะแจ้งได้)

    ลองคิดพิจารณาดูนะครับ แล้วลองตอบตัวเองดูว่าสิ่งที่ทำมานั้น ควรจะเอามาดูถูกตัวเอง มาท้อ มาหมดกำลังใจนั้น มันถูกไหม ...

    ถ้าได้คำตอบแล้ว ..... ลองตอบตัวเองอีกครั้งสิ อยากกลับมาเกิดอีกไหม .... ถ้าคำตอบคือไม่

    มา ขอเชิญมาฝึกจิตเกาะพระ ..... แล้วผมจะพาคุณไปเองครับ

    มีศรัทธาต่อตัวเอง ต่อพระพุทธองค์ ต่อพระนิพพาน .....
    ความอยากขอให้มีแค่วันนี้ที่คุณตอบว่าอยากกลับบ้าน อยากไปนิพพานเท่านั้น อยากให้พอ ให้มากที่สุด ...แต่หลังจากวันที่คุณเริ่มฝึกแล้ว ขอให้หมดอยาก แปลงความอยากที่มีมากมายเป็นความเพียร ความอดทน แล้วคุณ .... ก้อจะได้

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม ได้กลับบ้านกันทุกคนนะครับ



    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2012
  10. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    นึกถึงคำครูลูกพลังจริงๆ ผู้หญิงมาเยอะกว่าผู้ชายจริงๆแฮะ ลุยเลยครับ อย่ามัวแต่เกาะกระทู้อยู่ นั่นว่าแล้วคุณเกษจ้องอยู่ ฮิๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2012
  11. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    อึมม์...อ่านแล้วเราก็อยากจะข่วยจริงๆ (จิตมันรับไปแล้วล่ะ) แต่ว่ารอครูใหญ่มาจัดครูให้ดีกว่านะค่ะ (เดี๋ยว ผอ.ใหญ่จะหาเราหิว ตะกละตะกลามลูกศิลย์อีก อิๆๆ)
     
  12. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุกับจิตบุญที่ 77 และ 78 ค่ะ
    ส่วนจิตบุญที่ 78 คุณแหวว ขอยกความดีตรงนี้ให้ครูวัฒนา ครูเกษ ครูลูกพลัง ดีกว่าค่ะ ครูดัชแค่เสริม ส่อง และ สอย แค่นั้น โมทนากับครูๆด้วยนะคะ
     
  13. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    เอ่อ อ่า อย่าพาฮาอีกนะ ครูวัฒน์(ครูเกษด้วย)
    ตกลงท่านน้องเขาชื่อไร ฤ อิอิ
     
  14. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    กิ้ว กิ้ว ครูขามาหาหนูหน่อย....
    อย่าให้หนูคอย แมวจ้องหนูอยู่.....
     
  15. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    คิกๆๆๆๆ ผมยังนึกเล่นๆว่าฤาว่าผมกับคุณเกษจะเป็นคู่หูคู่ฮาไหมนี่ ฮาในเมล์ไม่พอ ยังตามมาฮาที่บอร์ดอีก (เมื่อวานลูกน้องมันคงว่าผมบ้าเปล่าวะ หมอนี่นั่งหัวเราะอยู่นั่นแหละ)
     
  16. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    ก๊าก......ไม่ต่างกัน นั่งตอบเมลล์ นั่งยิ้มไปด้วยจน
    คนในบ้านมองว่าเรายังปกติอยู่มั้ย เอ๊า ครูเกษ...ตื่น ตื่น ตื่น
    555555555555555555555555
     
  17. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    โมเมจัดคู่ฮาอีกซักรอบนะครับ ขอสอนคุณkannittha 102คู่กันอีกซักรอบนะครับ ขอครูดัชช่วยเสริม ครูลูกพลังท่านจัดหนักอยู่ตอนนี้เลยไม่กล้ากวนท่านครับ
    ตอนนี้แค่ต้องการแบ่งเบาครูเพ็ญได้ก็พอแล้วครับ เดี๋ยวครูเพ็ญว่าเหนื่อยแล้วหนีไปนิพพานดีกว่า 5555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2012
  18. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    ขอโมทนาสาธุกับครูวิทย์ด้วยครับ
    สวดดยอดดเจงๆๆ.. "คม-ชัด-ลึก"
    ขอคารวะซักหนึ่งไหคร้าบบบ..
    หายไปนานนะเราน่ะ.. พวกเราๆคอยอ่านธรรมท่านอยู่นา..

    การเดินมรรควิธีจำเป็นที่จะต้องเดินให้ถูกต้องถูกวิธี..
    มิใช่หลับหูหลับตา ใส่แต่ความเพียรอย่างเดียว.. (ไม่นับพวกสายติดๆดับๆนะครับ-คำพูดพี่หมออุษาวดี)
    แล้วจินตนาการไปเองว่า "จักสำเร็จได้ซักวันนึง"..
    ดังอุทาหรณ์ ธรรมทานของครูวิทย์นี้+แถมคัมภีร์ทะลวง"จุดเย้นตุ๊ก"มาให้ด้วย..

    สาธุด้วยครับ
     
  19. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โซโล่ ไปเลยครูวัฒน์ ครูเกษ ส่งเมลล์ครูดัช
    แนบท้ายรายการนะ เดี๋ยวไปช่วยเสริม ส่องและสอย หั๊ยยยยยย
    555555555
     
  20. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027

    5555555555555555555666666666666666666
    กว่าจะกดเข้ามาเขียนตอบได้ ฮ่า จนท้องคัดท้องแข็ง คุณน้องมอมแมม..เอ๊ย โมเมนี้ ครูดัช ก็มาปลุกเราอะไรไม่รู้ ดึกๆ ดื่นๆ ทางนี้มัน ตี 1 กว่าแล้วน่ะ

    เอ้า..เอาไง เอากัน เพื่อท่านพ่อ จัดหนักอีกสักรอบ ดูซิมันจะฮ่าไปถึงไหน (สงสัยจะเป็นคู่ฮ่าจริงๆ นะนี้เรา) คิๆๆๆๆ:cool::cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...