ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้เข้ามาประมูล พระขรรค์ จักรแก้ว และ ดวงแก้ว สาธุ สาธุ สาธุ _/\_ (deejai)

 

..ประวัติญาณบุญญาฤทธิไกร ตอนจบ...

​

เมื่อญาณฤทธิ์พรหม หรือพระสัตตมังคลฤาษี ได้กล่าวแก่พระโอรสแล้ว ทรงตรัสว่า .. “อันสรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนเกิดแต่กรรม มีกรรมนำมาเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เราไม่สามารถล่วงพ้นกรรมนั้นได้

แม้กรรมจะหนักหนาสักเพียงใด หากเรามีความพยายามที่จะทำความดี ผลของกรรมดีนั้น จะส่งผลให้ผ่อนหนักเป็นเบา หรือให้พ้นจากกรรมนั้นไป

วิธีการแก้ไขได้ดีที่สุดคือ.. “การเจริญภาวนา ระลึกถึงความดีที่ทุกคนทำ จงค่อย ๆ หลับตาเบา ๆ จากนั้นพึงระลึกถึงศีลอันบริสุทธิ์ของท่าน จากนั้นก็ให้ค่อย ๆ ระลึกถึงบุญที่ได้กระทำ”

เมื่อญาณฤทธิ์พรหมได้กล่าวแล้ว พระโอรสทั้งสามก็ทรงกระทำตามทุกประการ ญาณฤทธิ์พรหมได้ตรวจดูจิตพระโอรสแต่ละองค์ และได้กล่าวว่า..
“ เมื่อระลึกถึงบุญได้แล้ว จงพิจารณากายของเราให้ว่างเปล่าปราศจากสิ่งภายใน ทำกายให้โล่งว่าง เบาสบาย ๆ ค่อย ๆ ดูกายไปเรื่อย ๆ

หลับตาหรือลืมตาก็ให้นึกไว้ให้บ่อย ๆ เรื่อย ๆ จนหลับตาก็เห็นกายของตนเบาสบาย เป็นกายแก้วใส จากนั้นให้แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายออกจากกายแก้วนั้น

แล้วอธิษฐานขอรวมบุญในอดีตที่กระทำมากลั่นให้ใสอยู่กลางกายนั้น แล้วอธิษฐานกลางกายนั้น ๆ คำอธิษฐานของท่านทั้งหลายจะสำเร็จตามความปรารถนา เราขออนุโมทนา”


พระเจ้าสิริโชค และพระอนุชาได้ทำตามญาณฤทธิ์พรหมสอนทุกประการ พระเจ้าสิริโชคนั้น อธิษฐานว่า.. “แม้ว่า ข้าวของจะแจกราษฎรเพียงใด ขอให้ได้หมด ยิ่งแจกมาก ก็ยิ่งมีมากขึ้น ไม่มีพร่องเถิด สาธุ..”

ส่วนเจ้าสิริเมศวร์นั้นได้อธิษฐานว่า.. “ขอให้มีเสบียงต่าง ๆ เพิ่มขึ้นในท้องพระคลังอย่าได้หมดสิ้น ยิ่งให้ทานเท่า ขอให้กลับสู่สภาพเดิม”

ส่วนเจ้าชายศตวรรษนั้น ทรงอธิษฐานว่า..
“ขอให้เหล่าทหารทั้งหลาย แม้ส่งแรงกายสงเคราะห์ช่วยเหลือชาวเมืองเท่าใดก็ตามให้มีพลกำลังมหาศาล ไม่มีเหน็ดเหนื่อยจนกว่างานจะสำเร็จ และขอให้ภัยพิบัติทั้งหลายผ่านพ้นโดยเร็วด้วยเถิด ”

เมื่อสิ้นคำอธิษฐานของทั้งสามพระองค์ เกิดแผ่นดินสะเทือนไปทั่ว ทั้งสามพระองค์จึงได้ลืมตาขึ้นมา พบแต่ความว่างเปล่า จึงทราบว่า พระบิดาได้จากไปแล้ว แม้จะมีความสะเทือนประการใด บ้านเมืองเป็นเรื่องสำคัญกว่า
พระเจ้าสิริโชคก็ได้เรียกเสนาอำมาตย์มาประชุมพร้อมกัน และได้สอนเจริญภาวนาระลึกถึงบุญนี้แก่เสนาอำมาตย์ และอนุญาตให้เผยแพร่แก่ชาวเมืองเป็นวงกว้าง

เมื่อชาวเมืองทั้งหลายต่างมีน้ำหนึ่งในเดียวกัน ทำให้ภัยพิบัติต่าง ๆ ผ่านพ้นไปด้วยดี และเป็นไปตามคำอธิษฐานของพระเจ้าสิริโชค เจ้าชายสิริเมศวร์ และเจ้าชายศตวรรษทุกประการ<O></O>
ชาวเมืองทั้งหลายต่างแซ่ซ้องสรรเสริญในพระปรีชาสามารถของทั้งสามพระองค์ จากนั้นชนต่างเมืองก็ได้อพยพไปยังเมืองของตนต่างนำวิธีการของชาวเมืองญาณจาตุรงค์ไปใช้ ทำให้ชนในยุคนั้นไม่พบภัยพิบัติอีกเลย<O
ทำให้กษัตริย์ต่างเมืองสนใจมาเรียนรู้การปกครอง และเจริญภาวนาจากพระเจ้าสิริโชค และต่างแบ่งอาณาเขตเมืองที่ติดกับเมืองญาณจาตุรงค์ บางเมืองยกพื้นที่บางส่วนให้เพื่อเป็นการตอบแทน<O></O>
พระเจ้าสิริโชคนั้นได้ทรงขยายอาณาจักรออกไป และได้แบ่งเขตแดนออกเป็น ๓ ส่วน ส่วนเดิมพระองค์ทรงปกครอง ส่วนที่เหลือทรงให้พระอนุชาทั้งสองปกครองเมือง จากนั้น รอยต่อระหว่างเมือง ทรงจัดให้มีทีพักและโรงทานขึ้น ทรงปกครองบ้านเมืองอย่างมีความสุข

ทุก ๆ ปีกษัตริย์ทั้งสามพระองค์ก็จะร่วมทำพิธีบวงสรวงเทวดาทั้ง ๓ เมือง และถืออุโบสถศีล ๓ วัน เมื่อละโลกแล้ว ทรงได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเวียนว่ายตายเกิดตามบุญแต่ละพระองค์
จบประวัติดวงแก้วญาณบุญญาฤทธิไกรแต่เพียงเท่านี้ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

วันนี้อ่านจุใจเลย มีความสุขนอนหลับฝันดีได้แล้ว แต่เอ คุณน้ำใสกำลังจะเตือนอะไรรึเปล่านะ คุ้นๆเหมือนกับที่มนุษย์ยุคนี้กำลังจะประสบหรือเปล่าหนอ:boo:

 

ญาณฤทธิ์พรหมได้สดับดังนั้น ก็กล่าวว่า.. “กรรมครั้งนี้เป็นกรรมรวมแห่งมวลมนุษย์ทั้งหลาย ยากจะเลี่ยงกรรมนี้
แต่สามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้ เราจะสอนวิชาให้ เพื่อให้ท่านนำไปสอนชาวเมืองให้รู้การระลึกถึงบุญ
การดึงบุญเก่าในอดีตมาช่วยแก้ไข ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้”
ยังมีต่อ....


อยากรู้วิธีดึงบุญเก่าในอดีตมาช่วยแก้ไขผ่อนหนักให้เป็นเบาได้เร็วๆค่ะพี่น้ำใส
จะใช้วิธีไหนกันนะ..........

(ขอถามพี่น้ำใสค่ะเมื่อวานนึกอะไรได้อย่างหนึ่งแล้วได้กลิ่นดอกมะลิหอมชื่นใจมากค่ะ
อาบน้ำเสร็จก็ยังได้กลิ่นมาเป็นระยะๆค่ะกลิ่นดอกมะลิเปรียบได้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดคะ)


ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ร่วมประมูลลูกแก้วจักรพรรดิ์ค่ะ
แหม....อยากให้ได้กันครบทุกคนเลยค่ะจะได้ไม่มีใครผิดหวัง

 

ว่ากันตามท้องเรื่อง เป็นคำกล่าวของท่านญาณฤทธิ์พรหมค่ะ แต่ท่านจะแฝงอะไรไว้นั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

วิธีการแก้ไขได้ดีที่สุดคือ.. “การเจริญภาวนา ระลึกถึงความดีที่ทุกคนทำ จงค่อย ๆ หลับตาเบา ๆ จากนั้นพึงระลึกถึงศีลอันบริสุทธิ์ของท่าน จากนั้นก็ให้ค่อย ๆ ระลึกถึงบุญที่ได้กระทำ”

เมื่อญาณฤทธิ์พรหมได้กล่าวแล้ว พระโอรสทั้งสามก็ทรงกระทำตามทุกประการ ญาณฤทธิ์พรหมได้ตรวจดูจิตพระโอรสแต่ละองค์ และได้กล่าวว่า..
“ เมื่อระลึกถึงบุญได้แล้ว จงพิจารณากายของเราให้ว่างเปล่าปราศจากสิ่งภายใน ทำกายให้โล่งว่าง เบาสบาย ๆ ค่อย ๆ ดูกายไปเรื่อย ๆ

หลับตาหรือลืมตาก็ให้นึกไว้ให้บ่อย ๆ เรื่อย ๆ จนหลับตาก็เห็นกายของตนเบาสบาย เป็นกายแก้วใส จากนั้นให้แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายออกจากกายแก้วนั้น

แล้วอธิษฐานขอรวมบุญในอดีตที่กระทำมากลั่นให้ใสอยู่กลางกายนั้น แล้วอธิษฐานกลางกายนั้น ๆ คำอธิษฐานของท่านทั้งหลายจะสำเร็จตามความปรารถนา เราขออนุโมทนา”

นี้คือ คำสอนวิธีการรวมบุญของพระญาณฤทธิราชโพธิสัตว์ หรือญาณฤทธิ์พรหม หรือพระสัตตมังคลฤาษี ค่ะ เราสามารถนำมาใช้ได้ค่ะ

ขอน้อมถวายบุญในการให้ธรรมทานครั้งนี้แด่พระญาณฤทธิราชโพธิสัตว์ด้วยเถิด สาธุ..

ขออนุโมทนาบุญกับน้องรัญด้วยค่ะ

Numsai

หมายเหตุ กลิ่นดอกมะลิ เป็นเทวดาและเทพธิดาที่อยู่บริเวณนั้น ท่านมาโมทนาบุญค่ะ

 

สำหรับประวัติพระขรรค์ยังไม่จบนะคะ ยังมีตอนต่อไป เมื่อปิดประมูลแก้วญาณบุญญาฤทธิไกร แล้วจะนำมาเล่าต่อไปค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ติดตามกระทู้นี้ด้วยดีตลอดมาค่ะ

Numsai

 

วันนี้วันพระ...นั่งเกาะขอบจอเหมือนเดิมค่ะ ^^

 

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดแถมยังเป็นพระ
ชาวนครหายจ้อยไปเลยนะเจ้าคะ....


สาธุ ขอโมทนากับประวัติดวงแก้วญาณบุญญาฤทธิไกรกับพี่น้ำใสด้วยเจ้าค่ะ
ท่านมาได้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกสถานการณ์ดีแท้หนอ...
เมื่อวานตาลได้พบท่านด้วย ท่านใจดีมาก...
อ่อนโยนมาก แถมยังเป็นเทวดาอารมณ์ดีอีกต่างหาก
ท่านเป็นพระโพธิสัตว์บารมีเต็มแล้ว เพราะรัศมีกายเป็นสีขาวประกายพรึก
ใครประมูลดวงแก้วได้คราวนี้ลองเชื่อมต่อญาณกับท่านนะคะ...


ขอโมทนากับท่านผู้เป็นเจ้าของล่วงหน้าค่ะ
ส่วนตาลขอเชียร์ท่านวิทยาออกนอกหน้านะคะ

qsquqsquqsquchearrchearrchearrdenceedenceedencee

 

ขอโมทนาบุญด้วยเป็นอย่างสูงอีกครั้งค่ะ
ที่ได้ให้ชาวคณะกองบุญแก้วจักรพรรดิได้บุญนี้ด้วยนะคะ
(เด็กตจว.ชอบค่ะ อิอิ ทำบุญไม่เหนื่อยแรง)

 

ตายจากคนไปอยู่ที่สำนักพระยายมราชนึกได้แต่อาตมาอย่างเดียวไปเกิดบนสวรรค์ชั้นยามา

ขออนุญาตคัดลอกบางตอนของคำสอนหลวงพ่อฤาษีมาให้อ่านกันค่ะ....



“..อาตมาสอนพระกรรมฐานตอนกลางคืนที่บ้านสายลม ขณะ ที่ทุกคนกำลังเจริญพระกรรมฐานก็จับลมหายใจนิดหน่อย และตั้งใจจะไปเทวสภา แต่ท่านลุงพุฒิคือท่านพระยายมราชก็มาตาม จึงถามว่า “ลุงมีธุระสำคัญหรือ” ท่านตอบว่า “สำคัญ ถ้าไม่สำคัญผมไม่มาเอง” อาตมาก็เลยไปกับท่าน เมื่อไปถึงสำนักพระยายมราช ที่สอบสวนก็ปรากฏว่า มีหญิงคนหนึ่งอายุ ๔๒ ปี นั่งคอยอยู่ที่นั่น ถามว่า มีธุระอะไรหรือ” ท่านตอบว่า “ผมถามเรื่องบุญทุกอย่าง มันนึกอะไรไม่ออกทั้งหมด มันนึกได้แต่คุณอย่างเดียว” จึงถามเธอว่า “เคยถวายสังฆทานที่วัดหลายครั้งนึกออกไหม” เธอตอบว่านึกออกเจ้าค่ะ ถามว่า “เคยฟังเทศน์จำได้ไหม” ตอบว่า “จำได้เจ้าค่ะ” ถามว่า “เคยใส่บาตรทุกวันจำได้ไหม” ตอบว่า “จำได้เจ้าค่ะ” ถามว่า “เคยไหว้พระสวดมนต์ทุกวันจำได้ไหม” ตอบว่า“จำได้เจ้าค่ะ” ถามว่า “เคยเจริญพระกรรมฐานบ้างไหม” ตอบว่า “เคยเจริญมโนมยิทธิแต่ไม่ได้ มาฝึกวันเดียวไม่ได้แล้วก็กลับไปพยายามทำเรื่อยก็ไม่ได้ เวลาจะตายจิตไม่ได้นึกถึงบุญเพราะมีทุกขเวทนามาก ปวดเสียดในท้องจึงทำให้นึกถึงบุญไม่ไหว ก็เลยตาย เมื่อตายแล้วท่านพระยายมราชถามเรื่องบาปทั้งหมดก็จำได้แต่ถามเรื่องบุญนึก ไม่ออก นึกได้แต่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำองค์เดียว”

ก็เป็นอันว่า พออาตมาพูดนำเธอก็นึกถึงบุญได้ทั้งหมด ท่านพระยา ยมราชจึงบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอไปตามบุญของเธอ” เธอก็กราบ ๓ ครั้ง พอกราบครั้งที่ ๓ เสร็จลุกขึ้นมาสวยปลั่งเลยแต่งตัวสีขาวจ๋อง และมีพระขรรค์ติดมือไปด้วย ไปอยู่สวรรค์ชั้นยามา อาตมาถามท่านพระยายมราชว่า “พระขรรค์มีไว้ทำไม” ท่านตอบว่า “พระขรรค์นี้มีฤทธิ์มาก” ถามว่า “อานิสงส์อะไรจึงมีพระขรรค์” ท่านบอกว่า “อานิสงส์ที่ซื้อจอบซื้อเสียมถวายพระสำหรับให้พระใช้ทำงาน เลยกลายเป็นพระขรรค์ไป”

ดังนั้นถ้าใคร มีจอบ มีเสียม มีสิ่ว มีเครื่องกบไฟฟ้า มีสว่านไฟฟ้า ทางวัดต้องการหมด มีอานิสงส์มาก ตายแล้วจะได้มีพระขรรค์ มีฤทธิ์มาก..”

 

สาธุ ขอโมทนาในการเล่าประวัติดวงแก้วญาณบุญญาฤทธิไกรเพื่อเป็นธรรมทาน กับพี่น้ำใสด้วยเจ้า อ่านแล้วรู้สึกปลื่มจัง ได้คติสอนใจเยอะเลยค่ะ

ขออนุโมทนาสาธุดังๆนะค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ


จันทรกาล

 

ขอโมทนากับน้องตาล ด้วยนะ สำหรับนำเรื่องราวดีๆมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นธรรมทาน สาธุ สาธุ สาธุ

 

น้องตาลคะ ได้ข่าวว่า ท่านเจ้าเมือง และพระสหาย ไปร่วมทำบุญ ที่บ้านสบายใจ๋ และไปทำภาระกิจ งานบุญกฐิน ที่อุทัย จ้า

ก็ขออนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าเมือง และพระสหาย ด้วยนะค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ


จันทรกาล

 

เนื่องมาจากปัจจุบันนี้ เหล่าเทพบุตรมารซึ่งเป็นเทวดาประจำสวรรค์ชั้นที่ ๖
ได้ลงมาที่โลกมนุษย์นี้กันมากมายเป็นประวัติการณ์...
ทำให้เหล่าเทวดาสัมมาทิฎฐิทั้งหลายในสวรรค์ชั้นที่ ๖
ต้องลงมาช่วยเหลือผู้มีบุญ ผู้ที่เกี่ยวข้องกัน...


การอุทิศบุญถวายพระขรรค์ให้เหล่าเทวดาชั้นที่ ๖ ผู้ลงมาทำหน้าที่นี้
ทำให้ท่านมีพระขรรค์สำหรับปราบมารและช่วยเหลือค่ะ
หากใครได้มโนมยิทธิลองกำหนดจิตดูนะคะ...
เทวดาที่อยู่รอบข้างตาล ท่านก็เพิ่งได้พระขรรค์เมื่อวานนี้ค่ะ
ขอขอบพระคุณพี่น้ำใสเป็นอย่างสูง....มา ณ โอกาสนี้


บุญจากการให้ธรรมทานในครั้งนี้ขออุทิศให้กับท่านอุปมะ
หัวหน้าฝ่ายเทพบุตรบนวิมานชั้นปรนิมฯ ของพี่น้ำใส
การถวายธาตุกายสิทธิ์พระขรรค์นาคราชเป็นทานนี้
ทำให้ท่านมีอาวุธเป็นพระขรรค์ทรงฤทธานุภาพ
พระขรรค์นาคราชทั้งสามสีได้รวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นสีเดียวคือสีขาวสว่างเจิดจ้า...

 

ขอบพระคุณที่แจ้งข่าวเจ้าค่ะพี่จันทรกาล ^^
ดีจังไปทำบุญเผื่อชาวเมืองอีกแย้ว

สาธุ ขอโมทนามหากุศลค่ะ

 

โมทนาบุญด้วยทุกประการกับน้องตาล และ ท่านผู้ที่ได้มโนมยิทธิ ทุกๆท่านจ้า

 

พี่น้ำใสค่ะ ถ้าเราระลึกถึงบุญที่เราทำบ่อยๆ ก็จะทำให้เราได้บุญมากขึ้นด้วยป่าวค่ะ
จันทรกาลน้อยอยากรู้เจ้าค่ะ

 

ข้าพเจ้าบ่ได้ฝึกมโนมยิทธิ...ใช้แต่ "พุทโธ" คงต้อง "อดรู้" "อดดู" "อดเห็น" ไปตามระเบียบ :'(

 

มิกกี้แต่ละคนอาจไม่เหมือนกันนะจ๊ะขึ้นอยู่กับว่าเราเคยทำบุญร่วมกับครูบาอาจารย์องค์ใดมากที่สุด
คำภานาทุกอย่างดีหมดแล้วแต่ว่าตัวเราจะถูกจริตกับคำภาวนาใดค่ะ
ถ้ามิกกี้เคยฝึกคำภาวนาพุทโธมาเมื่อกาลก่อนเดี๋ยวของเดิมก็จะรวมตัวให้ได้รู้ด้วยตัวเองค่ะ
การฝึกมโนมยิทธิต้องมีของเก่ามาบ้างไม่งั้นไม่ได้ฝึกไปก็ไม่นึกเห็นภาพค่ะ
หลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกไว้ว่าคนที่ฝึกมโนมยิทธิได้ต้องเป็นคนที่เคยฝึกมาเมื่อกาลก่อน
ไม่งั้นฝึกไปก็ไม่ได้ อย่างพี่น้ำใส, คุณตาลฝึกได้คล่องเพราะมีของเก่ามาก่อนค่ะ

(ปล.ไม่ต้องร้องไห้ค่ะเพื่อนอยู่ทางนี้หนึ่งคนยังคลานต้วมเตี้ยมๆไม่ถึงไหนเลยค่ะ 5555555)