ระวัง! เมื่อมีคนมอบอรหันต์ให้คุณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 4 กันยายน 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมนำธรรมะมาเผยแพร่ จากพระไตรปิฏกบ้าง จากคำสอนของครูบาอาจารย์บ้าง
    ผมไม่ได้ต้องการให้ถูกใจใคร อ่านแต่ห้วข้อกระทู้ ไม่สนใจพระธรรม ก็คิดไปเอง
    นั่นแหละ ไม่นึกว่าจะมีแฟนคลับคอยตามอ่านกระทู้ ต้องขอโทษครับ ที่ตั้งชื่อกระทู้
    ไม่ถูกใจแฟนคลับ ต่อไปจะพิจารณาให้มากกว่านี้ครับ

    "หนึ่งล้านคน like ไม่เท่ามีสหธรรมิกเป็นเพื่อนหนึ่งคน"

    พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้กับมนุษย์และเทวดา ใครเห็นธรรมก็ขออนุโมทนาครับ
    ใครไม่เห็นธรรมก็ขอให้เห็นธรรม พบมรรคผลนิพพานกันในชาตินี้ เอะอะก็ไม่ยึดติด
    แล้วท่านปริยัตปฏิบัติปฏิเวธ กันถึงไหนแล้ว พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านใช้ความเพียร
    เผากิเลสตัณหาเป็นเวลาหลายๆ ปี จนดับหมดแล้ว จึงนำธรรมมาสั่งสอน ไม่ใช่
    นั่งคิดเอาเองแบบที่ปถุชนกิเลสหนา ปัญญาทึบคิด เอะอะก็ไร้ลักษณ์ ไม่ต้องยึดติด

    "พวกปลาใต้น้ำอยากเห็นท้องฟ้า"
     
  2. mikycar offroad

    mikycar offroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +255
    สวัสดีท่านอุรุ ชอบอวดของเก๊เหรอ เอาของดีมาอวดดีกว่ามั้ย ผมว่าไม่ค่อยมีประโยชน์น่ะ
    เปลืองไฟเปล่า
     
  3. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ของจริง ของปลอม

    เมื่อหลายปีก่อน ได้เกิดไฟไหม้ที่วัดสะแกบริเวณกุฏิตรงข้ามกุฏิหลวงปู่ แต่ไฟไม่ไหม้กุฏิหลวงปู่
    เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจแก่ศิษย์และผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดมีฆราวาสท่านหนึ่ง คิดว่า
    หลวงปู่ท่านมีพระดี มีของดี ไฟจึงไม่ไหม้กุฏิท่าน

    ผู้ใหญ่ท่านั้นได้มาที่วัดและกราบเรียนหลวงปู่ว่า
    “หลวงปู่ครับ ผมขอพระดีที่กันไฟได้หน่อยครับ”

    หลวงปู่ยิ้มก่อนตอบว่า
    “พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ไตรสรณคมน์นี่แหละ พระดี”

    ผู้ใหญ่ท่านนั้นก็รีบบอกว่า
    “ไม่ใช่ครับผมขอพระเป็นองค์ ๆ อย่างพระสมเด็จน่ะครับ”

    หลวงปู่ก็กล่าวยืนยันหนักแน่นอีกว่า
    “ก็พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นี่แหละมีแค่นี้ล่ะ ภาวนาให้ดี”

    แล้วหลวงปู่ก็มิได้ให้อะไร จนผู้ใหญ่ท่านนั้นกลับไป หลวงปู่จึงได้ปรารภธรรมอบรมศิษย์ที่ยังอยู่ว่า
    “คนเรานี่ก็แปลก ข้าให้ของจริงกลับไม่เอา จะเอาของปลอม”

    ที่มาจากหนังสือ "ตามรอยธรรม ย้ำรอยครู หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ"
    ฉบับปรับปรุง พิมพ์ครั้งที่ ๓ : ๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓
    จัดทำโดย : กลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนทำ
     
  4. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739
    เอาคำหลวงปู่ดู่มา อ้างอีกแล้ว

    หลวงปู่ดู่: พระของข้าไม่เป็นสองรองใคร (พระเหนือพรหม)

    หลวงปู่ดู่ : ติดวัตถุมงคลยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล
     
  5. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    พระตถาคต กล่าวว่า มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา

    ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจ เกิดขึ้นที่ใจ ใจเราตั้งว่าจะไปตายจริงๆมันไปที่นั้น นิพพาน
     
  6. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002

    ของจริงมีไม่เอา เอาของปลอม ท่านอยู่ในกลุ่มติดวัตถุมงคล ท่านก็ยึดของสมมติของปลอมของท่านต่อไปเถิดครับ
    ยึดมากๆ ระวัง! มันจะเป็นวัตถุอัปมงคลเอาได้ครับ ผมไม่เอา ไม่ยึดครับ พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า รูปไม่เที่ยง
    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นเรา เป็นของเรา
    เป็นตัวตนของเรา

    คำว่า "รูปไม่เที่ยง" หมายถึง มันเสื่อม มันแตกสลาย มันสลาย มันหายไปได้
    คำว่า "เป็นทุกข์" หมายถึง เมื่อไปยึดของไม่เที่ยง เมื่อมันเสื่อม มันแตกสลาย มันหายไป เกิด "ทุกข์"
    คำว่า "อนัตตา" หมายถึง รูปเกิดขึ้น รูปตั้งอยู่ รูปดับไป

    "ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘"
    "ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่เที่ยงเป็นอนัตตา"
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    "แยกรูปออกจากตา แยกตัวออกจากรูป แยกวิญญาณออกจากตน
    แยกหูออกจากเสียง แยกเสียงออกจากหู แยกวิญญาณออกจากตน
    แยกกลิ่นออกจากจมูก แยกจมูกออกจากกลิ่น แยกวิญญาณออกจากตน
    แยกลิ้นออกจากรส แยกรสออกจากลิ้น แยกวิญญาณออกจากตน
    แยกกายออกจากผัสสะหรือสัมผัส แยกสัมผัสออกจากกาย แยกวิญญาณออกจากกาย
    แยกอารมณ์ออกจากจิต แยกจิตออกจากอารมณ์ แยกวิญญาณออกจากจิต"


    ไม่ยึดถือว่านั้นเป็นตน นี้เป็นตน นั่นชื่อว่า “สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา” ไม่ยึดสิทธิ์ในสิ่งทั้งหลายทั้งหมด คนนั้นก็จะพ้นไปจากโลกจากสงสาร เป็น อาสวักขยญาณ เกิดขึ้นในดวงจิต

    ฉะนั้น เมื่อพวกเราทั้งหลาย ได้ฟังนี้ ก็ควรจะนำไปพินิจพิจารณา โยนิโสมนสิการใคร่ครวญ ให้เข้าใจแจ่มแจ้งเกิดขึ้นในตน ก็จะเป็นหนทางพ้นไปจากทุกข์ อาศัยความพากเพียร ความหมั่น ความขยันหมั่นเพียรอยู่เป็นนิจ สำหรับที่จะต้องฟอกดวงจิตวิญญาณของตนให้ทราบชัด จึงจะเป็นไปเพื่อความผ่องใสสะอาด ฉะนั้นในวันนี้ ซึ่งได้แสดงเรื่องวิญญาณมา ก็จะยุติลงเสมอเพียงเท่านี้

    จิตวิญญาณ
    พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร)
    วัดอโศการาม ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
    ชมรมพุทธศาสน์ กฟผ. พิมพ์เผยแพร่

    ----
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่า "ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"
    "ธรรมทั้งหลายทั้งปวง" นั่นท่านหมายถึง ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘
    แบบที่หลวงปูสอนให้แยกนั่นแหละครับ ท่านบอกให้แยกรูปออกตา ไม่ได้สอนให้ยึดรูป
    ยึดวิญญาณโดยความเป็นตน พิจารณาคำว่า "แยก" คำว่า "ยึด" ให้ดีๆครับ
    รูปกายพิจารณาว่าไม่ใช่เรา รูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีเกิดขึ้น
    ตั้งอยู่ เสื่อมไปเป็นธรรมดา รูปกายที่มองว่าของเรา พระพุทธเจ้าไม่ให้ยึด
    มันเป็นทุกข์ สร้างรูปได้สมมติรูปได้ แต่อย่าไปยึดครับ ยึดรูปยึดสิ่งสมมติมันทุกข์ครับ
    มองดูรูปกายเรา มันแก่ไหม มันเจ็บไหม มันตายได้ไหม มันจะแก่ มันจะเจ็บ
    มันจะตาย มันไม่ขออนุญาตเรา ถึงมันขออนุญาตเรา เราปฏิเสธหรือตอบรับมันไม่สน
    มันจะแก่ของมัน มันจะเจ็บของมัน มันจะตายของมัน เป็นธรรมดาของโลก
     
  8. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระรัตนตรัยนี้เป็นที่พึ่งอันศักดิ์สิทธิ์ แก่ผู้ถือมั่นเชื่อมั่น
    และกระทำให้เกิดขึ้นพร้อมทั้งกาย วาจา จิต คือให้เห็นคุณพระพุทธ
    พระธรรม พระสงฆ์ ในจิตจริงๆ เดี๋ยวนี้คนเราโดยส่วนมาก ก็แต่
    นึกเห็นแต่ชั้นปริยัติไม่ค่อยปฏิบัติให้ถึงปฏิเวธ
    ถึงพระสงฆ์ก็เสมอ
    เห็นโกนผมห่มเหลืองเท่านั้น ถ้าถึงกันเสมอเท่านี้ก็ไม่อาจจะปิด
    อบายได้ ฉะนั้นผู้นับถือจริง ๆ แล้ว จงให้เข้าถึงจิตใจ จึงจะเป็นผู้
    เชื่อมั่นไม่งมงาย อีกนัยหนึ่งแก้ว ๓ ประการนี้ ถ้าใครเชื่อมั่นด้วย
    ดีแล้ว จักกันภัยที่ตนหวาดเสียวได้จริงๆ ในปัจจุบันนี้คนเรา
    โดยมาก ความรู้ความเห็นเลยของดีไปเสีย เพราะยังตื่นข่าวกันไป
    ต่างๆ ถ้าเอะอะลืมพระรัตนตรัยแล้ว ขนลุกตาใสใบหูชัน หวั่นไหว
    ไปเหมือนกระต่ายตื่นตูม วิ่งไปกระโดดไป ฉะนั้น พูดถึงข้างหน้า
    ถ้าใครๆ มีความเชื่อมั่นแล้วในจิตใจ บุคคลผู้นั้นชื่อว่าได้ที่พึ่งอัน
    ประเสริฐ จักไม่ไปเกิดในอบายภูมิ ๔ เป็นอันเด็ดขาด

    หนังสือเรื่องจิตตวิชชา ท่านพ่อลี
     
  9. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการเดินทางในวันที่ 6 ในขณะที่บินอยู่ เครื่องบินได้เกิดอุบัติเหตุยางระเบิดหนึ่งเส้นบนอากาศ พนักงานการบินจึงได้ประกาศให้ผู้โดยสารเตรียมตัวรัดเข็มขัด มีฟันปลอมก็ต้องถอดออก แม้กระทั่งแว่นตาหรือรองเท้า เครื่องบริขารทุกอย่าง ต้องเตรียมพร้อมหมด ผู้โดยสารทุกคนเมื่อเก็บบริขารทุกอย่าง เสร็จแล้ว ต่างคนต่างก็เงียบ คงคิดว่าจะเป็นวาระสุดท้ายของพวกเราทุกคนเสียแล้ว ขณะนั้นเราก็ให้คิดว่าเป็นครั้งแรกที่เราได้เดินทางมาเมืองนอก เพื่อสร้างประโยชน์แก่พระศาสนา จะเป็นผู้มีบุญอย่างนี้เทียวหรือ เมื่อระลึกได้เช่นนี้แล้ว ก็ตั้งสัตย์อธิษฐานมอบชีวิตให้พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ แล้วก็กำหนดจิตรวมลงในสถานที่ควรอันหนึ่ง แล้วก็ได้รับความสงบเยือกเย็น ดูคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พักในที่ตรงนั้น จนกระทั่งเครื่องบินได้ลดระดับลงมาถึงแผ่นดินด้วยความปลอดภัย ฝ่ายคนโดยสารก็ปรบมือกันด้วยความดีใจ คงคิดว่าเราปลอดภัยแล้ว สิ่งที่แปลกก็คือ ขณะเมื่อเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ ต่างคนก็ร้องเรียกว่า หลวงพ่อช่วยปกป้องคุ้มครองพวกเราทุกคนด้วย แต่เมื่อพ้นอันตรายแล้ว เดินลงจากเครื่องบินเห็นประณมมือไหว้พระเพียงคนเดียวเท่านั้น นอกนั้นไหว้แอร์โฮสเตสทั้งหมดในที่นั้น นี้เป็นสิ่งที่แปลก

    บันทึกของหลวงพ่อชา สุภัทโท ในการเดินทางไป ประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2520
     
  10. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พี่น้องทั้งหลาย! ลองสังเกตดูความเป็นไปของชาวพุทธรวมทั้งตัวท่านบ้างเถิด ท่านได้มีการปฎิบัติชอบตามทางที่พระองค์ชี้ไว้หรือเปล่า หรือท่านเดินออกนอกทางไปทางไหนบ้างพวกเราส่วนมากมิค่อยได้พิจารณากันเลย เพราะทำกันมาจนติดเป็นนิสัยทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย ทั้งพระและชาวบ้านต่างทำ ตามกันแบบเดียวกันหมด จึงไม่มีใครตักเตือนใครกัน เลยเลอะกันทั่วทั้งเมือง แล้วมองเห็นว่าเป็นเรื่องของพุทธศาสนาไป เพราะพระภิกษุสงฆ์เราได้ร่วมมือกระทำกับเขาด้วย

    ในกรุงเทพมหานครของเรานี้ดูจะหนักกว่าบ้านนอก เดินไปจะได้พบศาลเจ้าต่างๆ ศาลหลักเมืองและอะไรๆอีกมากมาย อย่างชั้นที่สุด ..หินที่สมมติกันว่าเป็นของลับของพระอิศวร (ศิวลึงค์)ชาวพุทธก็ไปไหว้เพื่อขอเลขสลากกินรวบ แม้บางครั้งจะไปไหว้ พระพุทธรูปในโบสถ์ก็ไหว้แบบวิงวอนขอร้อง เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ การกระทำทั้งหมดนี้ไม่เข้าแบบของชาวพุทธเลยสักนิดเดียว

    วัดบางวัดมีกระบอกเซียมซีให้คนไปสั่นเล่นเป็นเด็กอมมือแทนที่เขาจะได้เข้าถึงพระที่แท้ เลยกลายเป็นเข้าถึงแต่กระบอกไม้ไผ่ไปเสียแล้ว น่าอนาถใจไหมพี่น้องทั้งหลาย น่าสงสารคนที่เขากระทำกันในรูปนั้นหรือไม่เล่า ข้าพเจ้าสงสารแท้ๆ เราควรจะหาทางช่วยเขาบ้างตามความเหมาะสม

    ถ้าหากรู้แล้วไม่ช่วยเขาก็เป็นบาปด้วยเหมือนกัน บาปในเรื่องไม่สงสารคนโง่ๆที่กระทำสิ่งผิดนั้นๆ เพราะสงสารเขานี้เองข้าพเจ้าจึงพูดอย่างตรงไปตรงมากับท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลายจงเข้าใจเจตนาของข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้าไม่มีเจตจำนงจะทำร้ายใคร หรือทำให้ใครเจ็บปวด แต่ข้าพเจ้าจะทำลายความเห็นผิดทั้งหลายอันมีอยู่ในใจของชาวพุทธให้เบาบางไปจากใจของท่านทั้งหลาย

    งานนี้เป็นงานใหญ่ เป็นงานหนัก มิใช่จะสำเร็จลงเพียงชั่วคนเดียว
    ขอท่านได้ช่วยกันทำต่อไปเถิด ท่านผู้มีใจกล้าหาญทั้งหลาย

    พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ)
     
  11. Archeopteric

    Archeopteric Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +53
    จะว่าไง?

    แล้วอย่างพระสารีบุตรพระอัครสาวกเบื้องขวาหละ
    ท่าทางกระโดกกระเดก แสดงว่ายังไม่บรรลุหนะสินะ?
    จิตไม่ดีรึป่าว? (ตอบดีๆหน่อยเด้อ ระวังกรรมหนัก!)
     
  12. phudit999

    phudit999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +2,396
    ท่านสารีบุตรเรียบร้อยมีปัญญาเลิศอยู่ แต่สัญญาเก่าหรือนิสัยเก่าสะสม ต่างหากที่ทำให้ท่านกระโดกกระเดก เมื่อเห็นท้องร่อง...

    ดังนั้น อรหันต์ ก่ไม่เกี่ยวกับสัญญาต่างๆ ที่ปรากฎแต่อย่างใด

    สิ่งที่ปรากฎก่เป็นเพียงสัญญา หรืออุปนิสัยเดิม แต่ไม่กระทบกับสภาวะ

    คนละเรื่องกับสภาวะ

    อรหันต์ นิสัย ถ่อย(กิริยา) ก่ มี

    อรหันต์ นิสัย สุภาพ(กิริยา) ก่ มี

    อรหันต์ นิสัย ชอบแสดงขี้เมา ก่ มี

    อรหันต์ นิสัย จะเอาแบบไหนล่ะ มีหมด

    หรือว่า จะเอาอรหันต์ ที่มีนิสัย น่าเลื่อมใส อย่างองค์พุทธะ

    ทำไมต้องไปตีกรอบ อย่างนั้น

    .... ทำไม ไม่ดูธรรม ที่แสดงล่ะ (เอ๊ะหรือฟัง ธรรม ไปไม่ถึง ไม่เข้าใจ)

    นี้ถ้า องค์พุทธะ ไม่สุภาพ ไม่เปล่งวาจานุ่มนวล ไม่มีรูปกายสง่า

    ...มันคง ไม่นับถือล่ะมั่ง...

    แถมจะด่าองค์พุทธะ อีกด้วย ล่ะมั่ง

    (บทเสริมครับ)
     
  13. Archeopteric

    Archeopteric Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +53

    คนเรามันก็ต้องมองที่ภายนอกกันก่อนแหละเพราะว่ามันเห็นก่อน

    แต่ไม่ได้สนใจมาศึกษาภายใน
     
  14. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ep086.jpg
      ep086.jpg
      ขนาดไฟล์:
      450 KB
      เปิดดู:
      98
  15. ดาวบุ๋น5

    ดาวบุ๋น5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +375
    - ผมพึ่งรู้นะเนียว่าพระสารีบุตรท่านกระโดกกระเดก ยังไง ช่วยถ่ายวีดีโอ ลงประวัติชัดๆหน่อยสิ ..

    แล้วท่านเอาขาเตะจานลงมาจากโต๊ะ ด้วยหรือเปล่าเพราะเป็นการแสดงธรรม
    แบบนั้นมั้ย

    ผมอ่านพระไตรปิฎก ผมสงสัยเรื่องสิ่งที่มองไม่ได้ด้วยตาเปล่า
    แต่เห็นว่าสิ่งที่มองไม่ได้ด้วยตาเปล่า ก็ต้องอาศัยการปฎิบัติสมาธิ กรรมฐาน ฝึกจิต แต่เอะๆ

    คนที่ไม่ได้เข้าถึงสมาธิไม่ให้นั่งสมาธิ ไม่ให้ทำกรรมฐานนี้ เข้าใจพระไตรปิฎกได้ยังไง ก็ได้แต่จินตนาการเอาหรือเปล่า แค่นี้ก็รู้ว่าของแท้กับของเทียมมันต่างกัน

    เข้าใจยังไงในเมือไม่ได้เห็นไม่มีสิ่งที่จะเข้าใจในตัวพระไตรปิฎก ..คนอ้างพระไตรปิฎกแต่บอกว่า ไม่ต้องปฎิบัติ แค่นี้ก็รู้แล้วว่ารับรู้เข้าใจมาแบบผิดๆ เข้าข้างตัวเองชัดๆ

    อ่านแต่ตำราไม่ได้ทำตามหลักของพระบรมศาสดาเอาของดีให้ตัวเอง เอาของเสียให้คนอื่น ..

    มีความรู้ในใบลาน มีสัญญาที่ดี กับพระธรรม แต่เอาพระธรรมมาใช้เป็นน้ำลายเป็นหลัก ไม่ปฎิบัติตามองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่อ้างเอาพระบรมศาสดาในคำพูด อ้างตำราว่ารู้ดี ...พูดกับทำต่างกัน ของแค่นี้ก็ยังไม่รู้


    มัวแต่หลงไหลในคำคม แต่ไม่ได้เอามาใช้ปฎิบัติจริงก็ไม่ต่างจาก ..กิ้งก่าได้ทอง ลิงได้ลูกแก้วล่ะครับ

    ขอให้เจริญในธรรม ..:cool:
     
  16. ดาวบุ๋น5

    ดาวบุ๋น5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +375
    - คุณศึกษาภายในยังไง อยากรู้ช่วยบอกหน่อย ..ไม่ใช่ดีแต่คำพูดนะครับ
     
  17. mikycar offroad

    mikycar offroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +255
    ก๊อกๆๆ...ตู้ซ่อนเซียน....(ping-love
     
  18. mikycar offroad

    mikycar offroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +255
    แล้วไอ้ประเภทที่ขี่ตู้พระไตรปิฏก เที่ยวโปรดสัตว์ คงอาการหนักยิ่งกว่าคำว่า

    "ไม่ใช่ปัญญาและการเข้าถึงธรรมที่แท้จริง"
     
  19. rubian

    rubian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +483
    เห่อ ''_'' ''_'' ''_'' ''_'' ''_'' ''_''
     
  20. mikycar offroad

    mikycar offroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +255
    อ้างอิง... ข้อความของท่านอุรุเวลา

    "แยกรูปออกจากตา แยกตัวออกจากรูป แยกวิญญาณออกจากตน
    แยกหูออกจากเสียง แยกเสียงออกจากหู แยกวิญญาณออกจากตน
    แยกกลิ่นออกจากจมูก แยกจมูกออกจากกลิ่น แยกวิญญาณออกจากตน
    แยกลิ้นออกจากรส แยกรสออกจากลิ้น แยกวิญญาณออกจากตน
    แยกกายออกจากผัสสะหรือสัมผัส แยกสัมผัสออกจากกาย แยกวิญญาณออกจากกาย
    แยกอารมณ์ออกจากจิต แยกจิตออกจากอารมณ์ แยกวิญญาณออกจากจิต"

    ทุกตัวอักษรจากข้อความข้างบน ละเอียดสุดๆ ขนาดนี้....ทำได้แล้วหรือ ถ้าทำได้ขนาดนี้ ถึงขั้นพร้อมนิพานแลัวนี่ ไม่น่ามาติดคอมพ์ สงสัยจะไปนิพานไม่ได้ก็ตรงนี้ละมั้งท่าน แล้วท่านเกษมที่ยกมานี่...อย่าว่าแต่มอบอรหันต์ให้คนอื่นเลยตัวเองยังล่อแล่...อุเบกขาสอบตก มุทิตาก็สอบตก...วินัยนี่ให้ติดลบเลย....
    นี่แหละอาการของคนที่ไข่วคว้านิพาน
    แบบฉันต้องได้นิพานภายในชาตินี้...
    ครั้นจะมองให้เหมือนนักปราช์ก็ยังไม่ใช่อยู่ดีเพราะมีอาการแต๋วแตก...ดูยังไงก็ไม่เหมือนพระสงฆ์เลย

    ปล.ถ้าท่านอุรุเวลาไม่กล้าวิจารย์ ก็โพสกระทู้หลอกให้คนอื่นวิจารย์ ต่อไปตามอัทธยาศัย ดูแล้วท่านแบกตู้ซ่อนเซียนแบบร่อนไป โพสมา เหนื่อยเปล่ามั้ย.....

     

แชร์หน้านี้

Loading...