อยากถามกับผู้ที่รู้จัก พูด และ เขียนภาษาเทพได้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย april_28, 13 ตุลาคม 2005.

  1. april_28

    april_28 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2005
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +174
    อยากถามกับผู้ที่รู้จัก พูด และ เขียนภาษาเทพได้
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --> ภาษาเทพ คนที่พูดภาษาเทพได้ และคนที่สามารถพูดได้ก็ยังมีน้อยคนที่เขียนภาษาเทพได้ และน้อยยิ่งกว่านั้นคือคนที่แปลได้ มีท่านไดในที่นี้สามารถแปลได้บ้างครับ
    ภาษาเทพเป็นภาษาชั้นสูง มีมาแต่โบราณมากแล้ว ในสมัยโบราณมนุษย์ คน สัตย์ และเทพ นาคา จะพูดกันในภาษานี้ โดยแต่ละคนจะพูดกันคนละแบบแต่สื่อความหมายเดียวกันเป็นภาษาจิต รูปแบบการพูดและเขียนไม่มีแบบตายตัว แต่สื่อสารเข้าใจความหมายเดียวกัน เคยเห็นพวกคนทรงเขาพูดกัน และคนนั่งสมาธิระลึกกรรม ระลึกชาติของสายหลวงปู่คงพูด แต่ยังไม่เห็นคนที่สามารถแปลได้ มีคนรู้จักกับผมคนหนึ่งเขาสามารถพูดและเขียนได้ เขาเขียนไว้เป็นเล่มๆ คล้ายตัวหนังสือ บาลี+ขอม+จีนโบราณ และมียัตน์โบราณด้วย และภาษาเทพผมยังเห็นมีในศาสนาคริสต์ เรียกว่า "ภาษาแปลกๆ" มีกล่าวในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ซึ่งในปัจจุบันทางคริสต์ก็พูดกันอยู่ เรียกว่าภาษาพระวิญญาบริสุทธิ์ใช้พูดในการอธิฐานต่อพระเจ้า และมีความเชื่อกันว่าภาษาเหล่านี้ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด (เด็กๆคุยกันอ้อแอ้แต่เข้าใจกัน ขีดเขียนไม่เป็นภาษา พอโตขั้นก็จำไม่ได้) เลยอยากทราบว่าใครพูดและเขียนได้บ้างและสามารถแปลได้ไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  2. april_28

    april_28 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2005
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=623 border=0><TBODY><TR><TD height=28>
    ภาษาเทพ ภาษาพรหม​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    เรียน คุณอโณทัย​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ผมขอความกรุณาขอความรู้เรื่องของภาษาเทพ หรือบางทีก็เรียกว่าภาษาคูโบส ว่าคืออะไร เป็นภาษาของใคร มีจริงหรือไม่​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ถ้ามีจะทำความเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินนั้นได้อย่างไร​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ที่เรียนถามเรื่องนี้ก็เพราะมีบ่อยครั้งที่ได้เห็นการที่มีพลังงานหรือจิตวิญญาณอื่นมาใช้ร่างของคนที่เรารู้จัก แล้วจะพูดภาษา​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ที่ฟังไม่เข้าใจ ต้องขอให้พยายามพูดในภาษาไทย​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ซึ่งบางครั้งก็พูดได้บ้างแต่ไม่ชัดเจนนัก แล้วก็กลับไปพูดภาษาแบบเดิมอีก​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    กรณีที่เรียนถามนี้ยืนยันได้ว่าไม่ใช่เรื่องแกล้งทำ แต่เป็นกรณีที่มักจะเกิดขึ้นเอง โดยคนที่ถูกใช้ร่างก็ไม่ได้รู้ตัวมาก่อน​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ขอความกรุณาคุณอโณทัย ช่วยให้ความสว่างในเรื่องนี้ด้วยจะเป็นพระคุณยิ่งครับ​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ทิวา
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ตอบคุณทิวา​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ผมได้รับคำถามเกี่ยวกับเรื่องภาษาเทพ-ภาษาพรหมจากคนที่รู้จักหลายต่อหลายคนมากมายหลายคำถาม เช่น......​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ภาษาเทพ-ภาษาพรหม มีจริงหรือไม่ ?
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ภาษาเทพ-ภาษาพรหม มีความหมายอย่างไรเวลาที่มีการพูด​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ภาษาเทพ-ภาษาพรหม ใครที่สามารถพูดได้​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ถามกันมากมาย...ทำยังกับว่าผมเป็นเทพเป็นพรหมทื่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    เรียนให้ทราบจริงๅ ว่า ไม่มีความเชี่ยวชาญปานนั้น​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แต่..ก็พอมีความรู้ และเคยมีประสบการณ์มาบ้าง​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    เอาจากเริ่มต้นก่อนว่า .........​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    บางตำราบางครูบาอาจารย์ท่านว่า ภาษาเทพ เรียกว่าภาษากูต๊าบ ภาษาพรหม เรียกว่าภาษากูโบส (พยางค์ที่เรียกว่า ​
    กู.....
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    อาจออกเสียงว่า ​
    คู ตามรากศัพท์เดิม)
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    สมัยที่เรียนวิชาภาษาบาลีในมหาวิทยาลัย......อาจารย์สอนว่า​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ภาษาบาลีใช้พูดใช้สื่อสารกันทั่วไป ชาวบ้านชาวช่องก็ใช้​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ถ้าจะจารึกเป็นคัมภีร์ หรือเป็นตำรา หรือให้รู้ว่าเป็นภาษาทางการ ให้ดูสูงขึ้น ก็จะใช้ภาษาสันสกฤต​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ความจริงทั้งบาลีและสันสกฤตก็มีความหมาย...รูปแบบ...ไม่ต่างจากกันเท่าไหร่นัก​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ภาษากูต๊าบกับกูโบส ก็เป็นภาษาโบราณ​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ถ้ากูต๊าบใช้กับเทพ ก็คงเป็นเทวดาธรรมดา แบบทั่วๆ ไป (เหมือนบาลี) กูโบสก็น่าจะใช้กับพรหม ซึ่งมี "ภาวะจิต"​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ที่สูงกว่า "เทพ" (เปรียบเหมือนภาษาสันสกฤต)​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แต่ผมก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนกำหนดว่า กูต๊าบกับกูโบสเป็นภาษาเทพ-ภาษาพรหม​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    หรือใครที่มีองค์ (แบบมีวิญญาณระดับเทพมาลงทรง) ต้องพูดภาษาเทพ-ภาษาพรหม​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ผมว่า "ภาษามั่ว" ซะมากกว่า​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    หมายความว่าคนที่ (อ้าง) ว่ามีเทพมีพรหมมาลงนั้นพูดภาษามั่ว ไม่ได้หมายความว่าภาษาของเทพของพรหมนั้นมั่วนะครับ​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แต่เท่าที่เคยเห็นมา...ก็มีจริงนะครับ..ไม่ใช่ไม่มี​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แต่น้อยมาก​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ประเภทที่หลอกเอา "ค่าครู" จากคนที่มาหาน่ะ....​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    พวกนี้เทพ-พรหมท่านไม่มายุ่งกับมนุษย์ขี้เหม็นที่มีกิเลสล้วนๆ เหล่านี้หรอกครับ​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ถ้าจิตไม่บริสุทธิ์พอ​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แกล้งทำเป็นพูดภาษาแขก หรืออะไรก็ได้ฟังแล้วแปลกๆ ให้ดูขลังๆ เพื่อเรียก "ศรัทธา"​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    จริงๆ แล้ว...ถ้าเทพ-พรหมมาจริง จะมานั่งพูดภาษาอื่นทำไมล่ะ ? ขี้เกียจแปล​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    จะมาหามนุษย์ จะมาคุยกันแบบไม่รู้เรื่องทำไม คุยภาษามนุษย์ดีที่สุด​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    สื่อสารได้ง่ายที่สุด....ใช่มั้ยครับ ?​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ระดับดวงจิตเป็นเทพเป็นพรหมนั้น...แค่แปลภาษามาสื่อสารเป็นภาษามนุษย์..ถ้าแปลไม่ได้...จะมาช่วยอะไรมนุษย์ได้​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    อย่างไรล่ะครับ​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    เพราะฉะนั้น สันนิษฐานเอาไว้ก่อนเลยว่า.....​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    พวกร่างทรงที่จัดตั้งสำนัก เพื่อมีอามิสหรือลาภ สักการะ นั้น เชื่อเอาไว้ก่อนเลยว่า "ไม่จริง"​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แต่เรื่องของภาษาเทพหรือพรหมนั้นมีจริง
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แต่จะเรียกว่า ภาษากูต๊าบ-กูโบส หรือเปล่านั้น ผมไม่ยืนยัน​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    เพราะผมเคยฝึกเคยพูดเคยทำ......เพียงเพื่อ "อยากรู้"
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    พอรู้แล้วว่ามีจริง....ก็พอแล้ว​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ไม่สนใจอีกเลย...เพราะ "ไม่มีประโยชน์" สำหรับผม หรือคนอื่นเลย​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    เอาไปติดต่องานก็ไม่ได้​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    เอาไปสอนใครก็ไมใด้​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ยากก็ยาก​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แล้ว...ไม่ใช่ภาษาของเราด้วย​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แต่อย่างที่บอก....เพราะความอยากรู้ จึงอยากลอง​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    คนที่ทำการฝึกให้นั้น คือ ​
    "อาจารย์แสงอรุณกุศล" อดีตเจ้าอาวาสวัดธารน้ำตกหลังเหว ต.ซับสนุ่น ปากช่อง นครราชสีมา
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ส่วนเรื่องความหมายนั้น..ถ้าเป็นของจริงมีแน่ครับ​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แต่เท่าที่ผมมีประสบการณ์.....พูดออกมาไม่ได้รู้ความหมายทุกคำทุกพยางค์หรอกครับ​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    รู้เป็นความหมายใหญ่ๆ ความหมายรวมๆ​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ท่านอื่น (ที่เป็นของจริง) อาจจะรู้ทุกคำทุกพยางค์ก็ได้ครับ ผมเป็นเพียง "ผู้ฝึกหัด" จึงรู้ได้ในขอบเขตที่จำกัด​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ที่คุณทิวา...เขียนมาในตอนท้ายว่า ".....กรณีที่เรียนถามนี้ยืนยันได้ว่าไม่ใช่เรื่องแกล้งทำ แต่เป็นกรณีที่มักจะเกิดขึ้นเอง​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    โดยคนที่ถูกใช้ร่างก็ไม่ได้รู้ตัวมาก่อน....."​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    บางทีนะครับ (บางคนด้วย) ไม่ได้แกล้งทำ แต่ถูก "สะกดจิต" ทั้งจากตนเองและสิ่งอื่น​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ถ้าถูกสะกดจิตจากตัวเองนี่น่ากลัว เพราะกระทำลงไปแบบไม่รู้ตัว ไม่มีสติ​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แล้วเราเองจะไปรู้ได้อย่างไรครับว่า....ใครแกล้งทำหรือของจริง​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น....เพราะสิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นของจริง​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    บนความจริง...ก็มีความหลอกลวง​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ผมเคยเจอบ่อย....ประเภทมาพูดภาษาแปลกๆ กับผม (บอกซะด้วยว่าเป็นภาษาเทพ) จนรำคาญ ต้องปรามๆ ไปว่า....​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    "ถ้าลำบากก็พูดภาษาคนเถอะ...."​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    แต่........
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ที่เคยเจอ "ของจริง" ก็หลายท่าน​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    โดยมากเป็น "งานพิธี" ที่สำคัญ....เกี่ยวข้องกับ "ศาสนา"​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    มีผู้หลักผู้ใหญ่มาในงานมากมาย​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    "ของจริง" ฟังแล้วสะท้านใจครับ​
    </TD></TR><TR><TD height=27>
    ใครที่เคยโดนไฟดูดไฟชอร์ต.....จะรู้ว่าอาการเป็นอย่างไร ??​
    </TD></TR><TR><TD height=28>
    นั่นแหละครับ..อาการของ "ของจริง"
    </TD></TR></TBODY></TABLE>___________________________
    คัดลอกมาครับ
    รบกวนผู้รู้ด้วยครับ คืออยากรู้จักกับคนที่สามารถแปลได้จริงๆ
     
  3. ปีศาจร้าย

    ปีศาจร้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1,240
    เคยได้ยินแต่เรื่องภาษา รูนง่ะ รูนเป็นภาษาเก่าแก่ ที่ใช้เรียกชื่อจริงของทุกสรรพสิ่ง เชื่อกันว่าเกิดมาพร้อมกับการสร้างโลก ทุกๆสิ่งในโลกนี้ จะมีชื่อจริงๆของมันอยู่
     
  4. sakkrit99k

    sakkrit99k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +167
    สมมุตว่าถ้าท่านเป็นมนุษย์ที่สามรถลงทรงตัวหนอนที่กำลังมีความสุขกับการกินซากศพที่หน้าบ้านอันสวยหรู ขณะที่ท่านกำลังเพลิดเพลินกับความสุขในบ้าน แล้วท่านอยากลงทรงเพื่อบอกมันว่าการกินซากศพไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง หรือว่าจะบอกคนสวนให้เอาซากศพไปทิ้งให้ไกลอาณาบริเวณรอบบ้านท่าน มันน่าคิดใช่ไหมแต่ทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้เลยจะดีที่สุดครับ ทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจและไม่อยากจะรู้ แต่ที่รู้ๆ99% ไม่จริงแน่นอนรู้แค่นี้ก็พอแล้ว
     
  5. wisanu_n

    wisanu_n สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    ช่วยผมแปลภาษาเทพหน่อยครับ ความหมาน และคำแปล

    ช่วยแปลหน่อยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06701.jpg
      DSC06701.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.4 KB
      เปิดดู:
      1,894
  6. JCkula

    JCkula สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +3
    คุยกันรู้เรื่องก็พอแล้ว
     
  7. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เทพสบายกว่ามนุษย์...แล้วจะลงมาแปดเปื้อนกับมนุษย์ทำไมหนอ...พิจารณา มหา พิจารณา...จริง ไม่จริง มี หรือ ไม่มี ให้พิจารณาแล้วคำตอบจะปรากฎ
     
  8. PaiSol

    PaiSol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +48
    ไม่ใช่ผมไม่เชื่อหรืออะไรนี่ ผมแนะนำ จขก ว่าอย่าตั้งเลยกระทู้แบบนี้ คนอื่นนะ ไม่ใช่ผมจะหาว่าบ้า มันเป็นการรู้ได้เฉพาะบุคคุล เท่านั้น
     
  9. abnormal34

    abnormal34 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2009
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +20

    นายเหลาะบ้า
    คนเค้าถามปกติ คนแค่อยากรู้จึงถาม คนพบเห็นมาจึงมาถาม
    เค้าถามเพราะไม่รู้ เลยมาหาคนที่รู้ แค่นั้น มีใครว่าเค้าบ้ามั่ง

    นายนั่นเหลาะบ้า มีคนที่รู้จริง หลายคน ไม่ใช่
    แบบนายที่ชอบบอกว่ารู้ แต่ตอบใครไม่ได้ พูดแต่รู้ได้เฉพาะบุคคล
     
  10. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ของจริงน่ะมี แต่เราไม่รู้เองจึงบอกว่าไม่มี

    และของแบบนี้เป็นปัจจัตตัง



    อยากรู้ต้องปฏิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง

    ประสามสัมผัสมนุษย์ช่างหยาบนัก

    การเจริญสติจะช่วยให้รับสัมผัสได้ละเอียดมากขึ้น

    และสติตามรู้ทันเวทนาได้เป็นอย่างดี

    คงไม่หลุดโพสต์แบบนี้ออกมาบ่อยๆ
     
  11. aonwit01

    aonwit01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +1,025
    ภาษาอะไรน้า~

    [​IMG]

    โทดทีครับ ถ่ายกับมือถือเลยไม่ละเอียด

    ใครอ่านได้แปลให้ทีนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. art09

    art09 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ภาษา และยันต์ ช่วยแปลหน่อยครับ

    อยากทราบว่า ภาษาที่อยูด้านหลังพระนี้เป็นภาษาอะไร และอ่านว่าอะไรครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 001mm.jpg
      001mm.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139 KB
      เปิดดู:
      315
    • 002mm.jpg
      002mm.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.5 KB
      เปิดดู:
      455
    • 003mm.jpg
      003mm.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.8 KB
      เปิดดู:
      280
    • 004mm.jpg
      004mm.jpg
      ขนาดไฟล์:
      188.6 KB
      เปิดดู:
      285
  13. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    น่าสนใจครับ--มันไม่เป็นการผิดหรอกครับที่อยากรู้น่ะ
    -ผมเองได้ฟังภาษานี้เกือบทุกวัน แต่ก็ไม่รู้ หรือรู้คำเดียว
    "บ่อเซาะ" แปลว่า "ไม่ชอบใจ" แต่พูดกับเทพองค์ล่าสุดท่านก็ไม่เข้าใจครับ

    เบื้องบนเรียกว่า ภาษาเทวนาครี แต่เทวนาครีบนโลก คืออักษรภาษาฮินดีธรรมดา
    พี่ชายภรรยาผม ก็ฟังเข้าใจครับ แต่เขาตายไปแล้วเมื่อสองปีก่อน
    --เมื่อก่อนผมก็คิดแบบนี้ เชื่อไหมว่า "คือองค์ความรู้ที่ไม่เคยมีบนโลกนี้มาก่อน"
    เพราะถ้าจะค้นคำว่า กูโบส คูโบส ในภาษาอังกฤษ ก็เงียบครับ ไม่มีข้อมูลใดๆ
    หมายความว่าอะไรรู้ไหมครับ "คนไทย เป็นชาติเดียวที่กำความลับของเรื่องนี้ไว้"
    คนอินเดียบูชาเทพมากมาย แต่ไม่มีร่างทรง มีร่างทรงที่เจาะลิ้น เจาพแก้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับสาวก
    ชาวยุโรป อเมริกัน ทรงเทพมากมาย ทั้งอินเดีย ทิเบต ได้ความรู้เยอะแยะ ก็ไม่มีใครบันทึกเรื่องภาษาเทพเลย
    --ที่พัทยา มีร้านขายรูปปั้นเทพ และมีมากขึ้นๆ ผมถามว่า"ทำไมจึงขายดี" เขาบอกว่า "มีคนมาอยู่มาก และก็มีเทพมาจับเป็นร่างมาก เชื่อหรือไม่ว่ามีมากเกือบเท่ากรุงเทพย่านฝั่งธน ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของไทย"
    --คนอินเดียสวดถึงเทพชั่วชีวิตทั้งประเทศ ฝันยังไม่เคยฝันเห็น แต่คนไทยเวลาเทพจับเป็นร่างดันหนีสุดชีวิต--เป็นความจริงที่ว่า คนที่เป็นร่างนะ ชีวิตหมดแล้วตามดวง แต่เทพมาต่อให้ เพื่อจะได้ช่วยมนุษย์ แบ่งผลกรรมดีคนละครึ่ง จะอายทำไมล่ะ---ทำไมเทพถึงชอบคนไทยจัง เพราะคนไทยตัวดำๆนี่แหละ ใกล้ชิดธรรมมะ ใกล้ชิดกับเทพ เป็นกุญแจดอกเดียวที่จะให้โลกมีอยู่ หรือล่มสลายหมดสิ้นมนุษย์ ก็เพราะการกระทำ ความประพฤติของคนไทยเท่านั้น อันนี้ผมก็ไม่เข้าใจเลยหละ แต่บอกได้แค่นี้

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  14. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    มีพระรูปนึงท่านไปเจอฤาษี ฤาษีก็ถามเรื่องใครเป็นผู้สร้างโลก มนุษย์และสิ่งต่างๆ ท่านตอบไม่ได้จึงสึกและตามฤาษีไปเรียที่อินเดีย ได้เรียนทั้งไสยศาสตร์ดำและวิธีแก้ โดยไปลอกลายจากอักษรที่อยู่ในผนังถ้ำ และอจ.บอกว่า ไสยเวททั้งโลก ทั้งวิชาวูดู หมอผี ก็ไปจากแหล่งตรงนี้
    --เมื่อท่านกลับมา ได้ไปอยู่ทางภาคใต้ ปรากฏว่าคนโดนของมาให้ท่านรักษามาก จนท่านไม่ได้พักผ่อน พอท่านเข้ากรุงเทพ ได้มาพบกับ พล.อ.ชลอ อุทกภาษณ์ และได้นับถือท่านเป็นอาจารย์ ท่านฤาษีนี้สามารถดูลายมีและบอกเวลาตายได้แม่นถึงระดับ นาที วินาที

    --ท่านอ่านภาษาเทพได้ มีครั้งหนึ่งที่มีชายชาวบราซิลนอนหลับใต้ต้นไม้ ตื่นขึ้นมา มีกระดาษในมือ มีรูปจานบินและอักษรที่ไม่มีใครในโลกอ่านได้ พอท่านเอารูปนั้นให้อาจารย์ดู
    อจ.บอกว่า "เป็นภาษากูโบส แบบบุริสคาเป๊ท(ระดับสูง) แปลได้ว่า "เราคือมนุษย์ผู้เลิศด้วยปัญญา มาจากดาวอันไกลโพ้น ผู้ใดบูชาหนังสือนี้ จะประสพแต่ความเจริญ" แปลว่าอะไรเหรอครับ มันหมายความว่าชาวต่างดายไม่มีวิชาวิทยาศาสตร์กับไสยศาสตร์ เพราะทั้งสองรวมเป็นวิชาเดียวกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  15. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ภาษาสันสกฤต (สันสกฤต : संस्कृता वाक्, สํสฺกฤตา วากฺ; อังกฤษ: Sanskrit) เป็นภาษาที่เก่าแก่ที่สุดภาษาหนึ่งในภาษากลุ่มอินโด-ยูโรเปียน (หรืออินเดีย-ยุโรป) สาขาย่อยอินโด-อิเรเนียน (อินเดีย-อิหร่าน) และอยู่ในกลุ่มย่อยอินโด-อารยัน (อินเดีย-อารยะ) โดยมีระดับวิวัฒนาการในระดับใกล้เคียงกับภาษาละตินและภาษากรีก เป็นต้น โดยทั่วไปถือว่าเป็นภาษาที่ตายแล้ว ทว่ายังมีผู้ใช้ภาษาสันสกฤตอยู่บ้างในแวดวงที่จำกัดในประเทศอินเดีย โดยมีการคิดคำศัพท์ใหม่ ๆ ขึ้นมาด้วย ในศาสนาฮินดูเชื่อว่า ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาสื่อที่เทพเจ้าใช้สื่อสารกับมวลมนุษย์ เพื่อถ่ายทอดความรู้แจ้งและปัญญาญาณแก่เหล่าฤษีทั้งหลายแต่ครั้งดึกดำบรรพ์
    --------------------------------------------------------------------
    อักษรที่เป็นเส้นๆ พืดๆ นั่นปัจจุบันเรียกเทวนาครี แต่ไม่ใช่ภาษาเทพแน่นอน ที่มีรูปถ่ายมาตรงต้นๆ ก็อาจจะใช่ภาษาเทพ แต่ไม่ใช่แบบที่ผมเคยเห็น
    --ปัจจุบันมีวิชาเรียนเป็นเทพ เรียนภาษายาวี เรียนวิธีนั่งกระทะน้ำเดือด แทงแก้มอะไรก็ว่าไป ผมจึงถามเทพว่า เรียนภาษายาวี แล้วเจอเทพจริงจะเข้าใจกันไหม เทพบอกว่า "ภาษายาวี ก็เป็นหนึ่งในภาษาเทพเหมือนกัน อยากรู้ภาษาเทพ ให้ไปหัดเขียน อักษรขอมจารึก"


    ----สรุปเลยละกัน--บางท่านบอกว่า เฉพาะแม่ภาษา แบ่งออกเป็น300กว่าแม่ภาษา ส่วนเทพทางบ้านผมท่านบอกว่า เรียนไหวเหรอ อวตารภาคนึง ท่านก็มีภาษาเทพแบบนึง ตายละวา ไม่มีภาษาแบบครอบจักรวาล

    --ที่ผมเคยเห็น ก็เป็นกึ่งตัวญี่ปุ่นกับเกาหลี จะว่าเหมือนก็ไม่เหมือนนัก ก.ไก่ของเราก็คือ 1 ในอักษรกูโบส --ตัวดับบลิวตัวเขียนหวัด ตัวใหญ่ อ่านว่า ฟู๊ค แปลว่า ความดีงาม ถ้าผิดก็ขออภัย ให้ไปอ่านในหนังสือ "แว่นส่องจักรวาล" ซึ่งแม้แต่ฝรั่งยังก๊อปครับท่าน--แปลว่าคนไทยรู้มาก ฝรั่งรู้น้อย แปลอีกที่คือ ฝรั่ง"โง่"กว่าเราครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  16. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ตัวอย่างครับ ชัดๆ
    --ผมได้พบกับเทพบ่อย เพราะพี่ภรรยาเป็นร่างทรง และภรรยาก็สื่อกับเทพได้ ทางฝันครับ
    --ครั้งนึงปู่เจ้าองค์นึงท่านยกมือขึ้นระดับอง (เวลาสื่อสารกันจะเป็นแบบนี้)"ครับๆ" แล้วท่านพูดอะไรไม่รู้ "วาตาชีวะ..เดส..เนียงๆ" พอพูดกันแล้วผมถึงถามท่าน ท่านบอกว่าท่านพูด"ภาษาญี่ปุ่น ปนกับภาษาเขมร"ครับ แล้วทำไมถึงพูดแบบนั้น ท่านว่า "เทพสี่กรองค์นึงพูดแบบนั้นกับท่าน ท่านตกใจจึงตอบไปแบบนั้น" แล้วภาษาอังกฤษล่ะ สำหรับเทพ "หมูๆ"ครับ เทพองค์นั้นพูดได้ 15ภาษาครับ เคยคุยกับพวกต่างดาวด้วย พวกต่างดาวกลัวสุริยเทพครับ โดนแสงแดดแล้วจะตาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2012
  17. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    ต่อไป จากหนังสือครับ วิชาการล้วนๆ ทำไมไม่มีใครรู้จักภาษษนี้ เพราะมีคนกลุ่มโยคี ต้องการปกปิดไว้ มีแค่กลุ่มนี้ กับคนไทยครับที่รู้ ทำไมคนไทยรู้ว่ามี เพราะเทพท่านบอกสิครับ เวลาลงทรง เป็นเรื่องที่ประหลาดมาก คนที่รู้ว่ามีภาษาแรกของโลก ชื่อว่าภาษากูโบส ก็มีแต่พวกนักประวัติศาสตร์เท่านั้น
    เปิดเผยข้อมูลทางประวัติศาสตร์ อะไรมี มาก่อนพระเจ้า พระเจ้าคือใคร พระเจ้าสร้างสรรพสิ่งจริงหรือ...? (โปรด อ่านให้จบ หนังสือหายากมาก--ในต่างประเทศไม่มีเรื่องภาษาเทพเลยครับ)

    เรื่องราวเกี่ยวกับหลักปรัชญาและคำสอนของศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์ยุคก่อน ฤคเวทซึ่งจารึกไว้ในศิลาจารึก และอาจารย์โยคีฮาเล็บอาจารย์ของข้าพเจ้าได้ คัดลอกมา และข้าพเจ้าขอให้ท่านแปลเป็นภาษาไทยซึ่งข้าพเจ้าคัดลอกเอา ไว้ ซึ่งควรจะนำมากล่าวไว้ในหนังสือเรื่องนี้ด้วย ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่า ศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์นี้อาจจะเป็นศาสนาพระผู้เป็นเจ้าในยุคฮารัปปาและโม เฮ็นโจดาโรก็เป็นได้ เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงวัฒนธรรมและอารยธรรมของมนุษย์ บางกลุ่มก่อนยุคประวัติศาสตร์ ว่ามีความเชื่อและความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยว กับเรื่องศาสนา ปรัชญา ศีลธรรม และศาสตร์ต่างๆ การที่ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่า วัฒนธรรมและอารยธรรมยุคนี้เป็นยุคก่อนประวัติ ศาสตร์ ก็เพราะภาษาที่ใช้จารึกเรื่องราวในคัมภีร์ต่างๆ ก็ดี ปรัชญาและคำสอนต่างๆ ก็ดี นอกเหนือไปจากเรื่องราวที่กล่าวไว้ในคัมภีร์พระเวทซึ่งเป็นคัมภีร์ของ ศาสนาพราหมณ์ที่เก่าแก่ที่สุด และอักขระกูโบ๊สซึ่งได้ใช้จารึกในคัมภีร์ทาง ศาสนาของศาสนาพราหมณ์ยุคดึกดำบรรพ์นี้ คล้ายคลึงกับตัวอักขระซึ่งนัก โบราณคดีค้นพบในแคว้นฮารัปปาและโมเฮ็นโจดาโร แคว้นซินด์ ลุ่มแม่น้ำ สินธุ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน วัฒนธรรมและอารยธรรมยุคนี้ นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเป็นยุคต้นกำเนิดของ คัมภีร์พระเวท และเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับหลักปรัชญาคำสอน และศาสตร์ต่างๆ ของศาสนาพราหมณ์ในยุคดึกดำบรรพ์ก็คือ

    คัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์ยุคนี้ปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกเรียกว่า “คัมภีร์ไบ โตล่าห์” การที่พวกโยคีในยุคนี้เรียกคัมภีร์ทางศาสนาของตนว่า “ไบโตล่าห์” นั้น ก็เพราะเหตุว่าปรมาจารย์โยคีคนแรกที่สร้างคัมภีร์ ไบโตล่าห์ขึ้นครั้งแรกในโลกนั้น ได้ถือว่าตนได้ถอดกายทิพย์ของตนขึ้นไป ศึกษาคัมภีร์ทางศาสนาบนพรหมโลก และคัมภีร์เกี่ยวกับศาสนาของพรหมบน พรหมโลกนั้น ก็มีชื่อเรียกว่า “คัมภีร์ไบโตล่าห์” เหมือนกัน จึงเรียก ชื่อคัมภีร์ทางศาสนาพราหมณ์ครั้งแรกว่า “คัมภีร์ไบโตล่าห์” เช่นเดียวกัน และต่อมาพวกโยคีได้เชิญวิญญาณของพรหมบางองค์มาเข้าทรงพวกโยคีด้วย กัน วิญญาณของพรหมที่มาเข้าทรงจึงได้สั่งสอนเกี่ยวกับปรัชญาคำสอนและภาษา อักขระนิรุกติศาสตร์ให้แก่โยคีทั้งหลาย โยคีเหล่านี้เมื่อได้ศึกษาภาษา อักขระและนิรุกติศาสตร์ของภาษาพรหม ซึ่งเรียกภาษากูโบ๊สเป็นครั้ง แรก เมื่อความรู้เหล่านี้แตกฉานดีแล้ว จึงนำเรื่องราวเหล่านี้มาจารึกลงใน ศิลาจารึกต่อเนื่องกันมาถึงปัจจุบัน แต่จะเป็นเวลายาวนานกี่พันกี่หมื่นปี ก็ยังไม่มีผู้ใดให้คำตอบเรื่องนี้ได้ แต่ศิลาจารึกเหล่านี้ อาจารย์โยคี ของข้าพเจ้าเล่าว่าปัจจุบันมีจำนวนมากมายหลายร้อยแผ่น

    เนื่องจากประวัติของคัมภีร์ไบโตล่าห์ พวกโยคีถือว่าได้รับสืบต่อมาจากพรหม โลก และอักขระกูโบ๊สก็เป็นอักขระของพรหมเช่นเดียวกัน จึงได้หวงแหนปิด บัง จะยอมถ่ายทอดเฉพาะพวกโยคีด้วยกันเท่านั้น เพราะถือว่าเป็นสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาอย่างหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เองอักขระและภาษากูโบ๊สจึงไม่ แพร่หลายในหมู่ชนทั่วไปในประเทศอินเดีย และกลายเป็นภาษาที่ตายไปแล้วหรือ สูญไปจากวงสังคมของมนุษย์ไปแล้ว แต่อักขระอินเดียโบราณซึ่งนักประวัติ ศาสตร์และโบราณคดีค้นพบว่าได้เคยใช้แพร่หลายในประเทศอินเดียยุคโบราณบาง ยุค เช่น อักขระขโรสถิ พรหมิ เทวนาครีย์ ตัวอักขระเหล่านี้ข้าพเจ้าได้พิจารณา ลักษณะของอักขระก็ดี การเขียนก็ดี การสะกดตัวก็ดี ล้วนแล้วมีลักษณะคล้าย คลึงกับลักษณะของอักขระกูโบ๊สทั้งสิ้น อักขระบางตัวได้นำอักขระกูโบ๊สมาใช้ แทน แต่อ่านออกเสียงไปอีกอย่างหนึ่ง บางตัวก็ต่อเติมดัดแปลงให้ผิดเพี้ยน จากตัวอักขระเดิมของอักขระกูโบ๊ส และแบบการเขียนอักขระกูโบ๊สนั้นมี อยู่ ๓ แบบ คือ
    (ก) อักขระกูโบ๊สแบบคาเบ๊ท อักขระแบบนี้เป็นแบบเขียนยากที่สุด และจะใช้เขียน เฉพาะข้อความที่มีความหมายลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวเกี่ยวด้วย พระผู้เป็นเจ้า เกี่ยวด้วยเทพ เกี่ยวด้วยพรหม และมนต์คาถา เลข ยันต์ ทิพย์มนต์ ชัยมนต์

    (ข) อักขระกูโบ๊สแบบรอเฟน อักขระแบบนี้เรียนการอ่านง่ายกว่าแบบคาเบ๊ท จะใช้ เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับปรัชญาและคำสอนทั่วๆ ไป บางตอนก็ใช้เกี่ยวกับเลขยันต์ เวทย์ มนต์ คาถา

    (ค) อักขระกูโบ๊สแบบมีนกาเอ็น แบบนี้เป็นแบบที่ ๓ ใช้สำหรับบันทึกเรื่องราวโดยทั่วๆ ไป การอ่านออกเสียงภาษากูโบ๊สนั้นได้อ่านออกเสียงเป็นสำเนียงภาษาเฮ บบรู อารบิค สันสกฤต มคธ ลาติน กรีก บาลี ผสมกัน บางคำออกเสียง คล้ายภาษาอิยิปต์โบราณ ซึ่งข้าพเจ้าสันนิษฐานว่าภาษาต่างๆ ดังกล่าว คงจะแตกออกจากภาษากูโบ๊สอย่างแน่นอน ทั้งนี้เพราะการออกสำเนียง บางคำคล้ายคลึงกัน และอักขระของภาษาต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว เช่น อิยิปต์โบราณ แบบไฮเออราติ๊ค สคริ๊ป เฮบบรูโบราณ และอารบิค ได้นำตัว อักขระเดิมของอักขระกูโบ๊สไปใช้หลายตัว และบางตัวก็ดัดแปลงไป
    เป็นที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่ง หลักปรัชญาและคำสอนหลักใหญ่ของศานาเฮบบรู คริสต์ อิสลาม คล้ายคลึงกับ หลักปรัชญาคำสอนของศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์เป็นอันมาก เช่นเรื่องพระผู้เป็น เจ้า เรื่องนรกสวรรค์ เรื่องการสวดอ้อนวอนขอพร เหล่านี้เป็นต้น แม้แต่ คัมภีร์ทางศาสนาเฮบบรูซึ่งเป็นคัมภีร์ที่เกี่ยวด้วยศาสนาพระผู้เป็นเจ้าเก่า แก่ที่สุดในโลกศาสนาหนึ่ง คัมภีร์เหล่านี้พวกเฮบบรูเรียกว่า คัมภีร์โตร่าห์(Torah) เช่นเดียวกับคัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์ ฉะนั้นศาสนาพระผู้เป็นเจ้าเหล่านี้ ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่า น่าจะมีกำเนิดมาจากศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์ยุคก่อน ประวัติศาสตร์ แต่ประมุขของศาสนาเหล่านี้มาดัดแปลงปรัชญาและคำสอนต่างๆ เสียใหม่ให้เข้ากับวัฒนธรรมและอารยธรรมของท้องถิ่น และนิสัยใจคอของ ศาสนิกชนของศาสนานั้นๆ เสียใหม่ ส่วนหลักการใหญ่ๆ คงรักษาไว้คงเดิม

    การสอนให้มนุษย์รู้จักธรรมชาติของกำเนิดจักรวาลตามหลักฐานซึ่งได้กล่าวไว้ ในคัมภีร์ไปโตล่าห์ของศาสนาพราหมณ์ดึกดำบรรพ์นั้น ได้กล่าวถึงการกำเนิด จักรวาลน้อยใหญ่ดังนี้คือ

    ก่อนที่พรหมพระผู้เป็นเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลกนั้น ได้มี ธรรมชาติ ๓ ประการเกิดก่อนแล้ว พรหมพระผู้เป็นเจ้าศาสนาพราหมณ์ดึกดำ บรรพ์เรียกว่า “บราหมาเหปโลมมุนี” และเรียกคำแทนว่า “อัลล่าฮู้” บราหมาเหปโลมมุนีนี้ตรงกับพรหมสุทธาวาสขั้นอกนิษฐพรหมของพุทธศาสนา ส่วน พรหมผู้สร้างโลกของคัมภีร์ฤคเวทและคัมภีร์อุปนิษัทหาได้กล่าวถึงพรหมชั้นนี้ ไม่ คงกล่าวลอยๆ บางคณาจารย์กล่าวอ้างถึงอรูปพรหมเป็นผู้สร้างโลก ส่วนคำสอนของศาสนาพราหมณ์ ดึกดำบรรพ์นั้นหาได้กล่าวว่าพรหมพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้สร้างโลกและสรรพสิ่ง ทั้งปวงไม่ แต่กลับกล่าวสั่งสอนว่า สิ่งแรกที่เกิดก่อนพรหมผู้เป็นเจ้า นั้น คือ
     
  18. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234

    (๑) พระฉูท คือกลุ่มก๊าซธรรมชาติหรือกลุ่มหมอกเพลิง(Nebula) ได้ประมวลตัวขึ้นก่อน

    (๒) ต่อมาจึงเกิดพระแสง หรือแสงของก๊าซธรรมชาติ

    (๓) ต่อมาจึงเกิดรังสีของก๊าซธรรมชาติ หรือกัมมันตภาพรังสีของก๊าซธรรมชาติ

    (๔) เมื่อกลุ่มก๊าซธรรมชาติรวมตัวกับแสงและรังสีแล้ว จึงแตกออกเป็นส่วนๆ และกลุ่มก๊าซเหล่านี้ก่อกำเนิดให้เกิดเป็นดวงอาทิตย์ขึ้นก่อน ต่อมาจึงแตก ออก จักรวาลน้อยใหญ่โดยลำดับ เมื่อธรรมชาติได้สร้างกลุ่มจักรวาลโดย สมบูรณ์ วิญญาณของพรหมพระผู้เป็นเจ้าจึงอุบัติขึ้นในกลุ่มจักรวาลเหล่านั้น เป็นครั้งแรก และพระองค์ทรงเห็นว่าในจักรวาลยังมีอะไรขาดตกบกพร่องอยู่ อีก จึงได้ช่วยสร้างสรรค์เพิ่มเติมขึ้นในภายหลังให้ครบถ้วน ต่อจากนั้นจึง บังเกิดทวยเทพ มนุษย์ สัตวโลก พืชพรรณธัญญาหารทั้งหลายมาถึงปัจจุบัน


    จากข้อมูลในคัมภีร์ไบโตล่าห์นี้เอง ศาสนาพราหมณ์ยุคพระเวท ยุคคัมภีร์ อุปนิษัท ยุคคัมภีร์ภควัทคีตา หรือยุคฮินดูปัจจุบัน และศาสนาพระผู้เป็น เจ้าอื่นๆ เช่นศาสนาเฮบบรู คริสต์ และอิสลาม จึงได้กล่าวว่า “พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้สร้างโลกและสรรพสิ่งทั้งปวง” ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนพระผู้เป็นเจ้านั้น คืออะไร และมาจากไหน ไม่มี ผู้ใดตอบได้และมิได้กล่าวไว้ในศาสนาเหล่านี้ แต่ข้าพเจ้าได้มาพบข้อมูลเรื่องนี้ในคัมภีร์ไบโตล่าห์ของศาสนาพราหมณ์ดึกดำ บรรพ์นี้เองว่า

    สิ่งที่เกิดก่อนพระผู้เป็นเจ้า คือ พระฉูท พระแสง และรังสีนี้เอง หรือจะกล่าวตามหลักวิทยาศาสตร์ทางฟิสิกส์ สิ่งที่สร้างจักรวาลน้อยใหญ่ นั้นก็คือกลุ่มกาซธรรมชาตินี้เอง ซึ่งภาษาทางดาราศาสตร์ เรียก “Nebula” หรือกลุ่มก๊าซธรรมชาติ ซึ่งประกอบด้วยความร้อน แสง และ รังสี บางท่านเรียกว่า “กลุ่มหมอกเพลิงธรรมชาติ”

    ข้อมูลการกำเนิดของจักรวาลตามที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ไบโตล่าห์ของศาสนา พราหมณ์ดึกดำบรรพ์นั้น ตรงกับความเห็นของนักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันในข้อ ที่ว่า กลุ่มจักรวาลน้อยใหญ่ได้กำเนิดมาจาก Nebula หรือกลุ่มก๊าซธรรมชาติ หรือกลุ่มหมอกเพลิง หาใช่พระผู้เป็นเจ้าสร้างไม่

    ส่วนเรื่องอิทธิพลของพรหมผู้เป็นเจ้าช่วยสร้างสรรค์สิ่งทั้งปวงนั้น นัก วิทยาศาสตร์ไม่ยอมเชื่อถือ แต่เชื่อว่าธรรมชาติเป็นผู้สร้างสิ่งต่างๆ มิฉะนั้นแล้ว มนุษย์ สัตวโลกอื่นๆ รวมทั้งพืชพรรณธัญญาหารจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ หากขาดสิ่งสมดุลอย่างใดอย่าง หนึ่ง ความเชื่อเรื่องพรหมผู้เป็นเจ้าหรือพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้สร้างสิ่ง ทั้งปวงนั้นคงมีแต่ศาสนิกชนที่นับถือศาสนาพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

    พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปก็มีความเชื่อและความคิดเห็นเช่นเดียวกับนักวิทยา ศาสตร์ว่า ธรรมชาติเป็นผู้สร้างสิ่งทั้งปวง ทั้งนี้เพราะพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าได้ทรงตรัสสั่งสอนไว้ใน “ธัมมนิยามสูตร” ความว่า "กฎธรรมชาติทั้งหลายในโลกนี้มีอยู่ตามสภาวะของตัวมันเอง ไม่มี ผู้ใดสร้างขึ้น ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของ เป็นของกลางๆ ประจำโลก และเกิดขึ้นและมีอยู่ประจำโลกก่อนที่พระองค์ทรงตรัสรู้ พระองค์ เพียงแค่ค้นพบความจริงของกฎธรรมชาติเหล่านี้ เมื่อทรงค้นพบว่า สิ่งใดเป็น เรื่องจริง เป็นเรื่องดีงาม จึงทรงนำมาตรัสสั่งสอนให้มนุษย์ปฏิบัติ ตาม สิ่งใดพระองค์ทรงตรัสว่าเป็นเท็จ หรือเป็นสิ่งชั่ว ก็ทรงนำมาแนะนำ สั่งสอนให้มนุษย์ละเว้นการกระทำเสีย หรือปฏิเสธไม่ให้เชื่อและยอมรับ ปฏิบัติตาม" นอกจากจะได้ทรงตรัสไว้ใน “ธัมมนิยามสูตร” แล้ว ยังทรงตรัสไว้ใน “กาลามสูตร” ซึ่งสั่งสอนให้เชื่อเหตุเชื่อผล ไม่ให้งมงาย

    (เนื้อหานำมาจากหนังสือ “แว่นส่องจักรวาล” คำว่า ข้าพเจ้านั้นหมายถึงผู้เขียนหนังสือเล่มนี้...)--ในคัมภีร์กุรอ่าน มีีพูดเรื่องกลุ่มแก๊สเหมือนกัน--ผมเองครับ-เคยอ่านครับ-เจษฎา
     
  19. chandayot

    chandayot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,458
    ค่าพลัง:
    +2,234
    --จากบล็อกผมเอง---
    -ภาษาเทพเบื้องบน เรียกว่า ภาษาเทวนาครี แต่ทางเรา เทวนาครีคือภาษา
    ที่ ใช้ในอินเดียตอนนี้ จะหมายถึงอักขระมากกว่าภาษาฮินดี ส่วนภาษาเทพ หรือ ภาษาแรกของโลก เราจะเรียกว่า ภาษากูโบ๊ส เท่าที่ศึกษามา มี 5 ระดับ 1. ภาษาผี เราตายแล้วจะพูดได้ทันที บางภาษาจะเหมือนภาษายาวีที่คนใต้พูดกัน จำไม่ค่อยได้แล้วครับ มีผู้มาให้ดู ว่าเทพเขียน คล้ายๆ ท หทาร หรือ ก ไก่ ติดกันเป็นพรีด เขาว่าเป็นภาษาพรหม จริงๆ แล้ว น่าจะเหมือนภาษา หรืออักขระขอมจารึก นี่ก็มาจากเทพเช่นกัน
    --มัชายคนหนึ่งแถวบราซิล นอนหลับใต้ต้นไม้ ตื่นขึ้นมาพบกระดาษ มีรูปวาดจานบินและอักขระเต็มไปหมด ไม่มีใครอ่านได้ พลอ.ชลอ อุทกภาษณ์ ท่านให้อาจารย์โยคีอ่านได้ความว่า เราคือผู้เลิศด้วยปัญญา มาจากดวงดาวอันไกลโพ้น ผู้ใดบูชาหนังสือนี้ไว้ จะพบแต่ความสุขความเจริญ แสดงว่า
    ชาวต่างดาวเก่งทั้งเทคโนโลยี่และพลังจิตใช่ไหม จึงทำให้กระดาษกลายเป็นเหมือนยันต์ได้
    --อาจารย์ โยคี กล่าวว่า เป็นภาษากูโบ๊สชั้นสูง คือแบบบุริสคาเป๊ส แต่อะไรทำให้ชาวต่างดาวและเทพ -มนุษย์ มีภาแบบเดียวกัน หรืออารยธรรมของโลกมาจากอวกาศ และอวกาศที่กว้างไกล ก็มีความรู้ มีหลักธรรมมะอันเดียวกัน
    --อ้างอิงจากบันทึกเขากะลา ศาสดาของชาวต่างดาวบางพวก เหมือนผู้วิเศษ เหมือนผู้บรรลุธรรมแล้ว พี่สาวผมก็บอกว่า ที่มีเทพเจ้าต่างดาวให้พวกต่างดาวมาช่วยมนุษย์นั้น ก็คือเทพชั้นพรหม สั่งการลงมา แสดงว่า นอกจากได้พลังเทพมาจากทางศาสนาแล้ว ต่อไปเราก็จะได้สัมผัสพลังเทพ ซึ่งจะมาช่วยเราจริงๆ เมื่อวันแห่งอุบัติภัยร้ายแรงมาถึง ซึ่งเป็นไปได้มากว่า จานบินจะลงจอด และติดต่อกับทางทหาร หรือผู้นำประเทศ เพื่อภาระกิจช่วยเหลือมนุษย์ ซึ่งเหมือนโชคร้ายในโชคดี ดีที่ได้เจอชาวต่างดาว

    ---มีดวงอาทิตย์ ใหญ่ เป็นจุดกลางกาแลกซี่ของเรา ทางวิชชาลึกลับ เรียกว่า อัลซีโอน--Alcyone (ตามนิทานกรีก ว่าเป็นลูกสาวของเออีลุส) แต่ทางอินเดียบอกว่าดาวนี้มีวิญญาณ วิญญาณของดาวนี้ ชื่อ บรามัน ก็คือพระพรหม ผู้สร้างชีวิต มนุษย์ พืช สัตว์ ทุกๆอย่างถุกสร้างขึ้นโดยพระพรหม ด้วยพลังของความสั่นสะเทือน หรือคำภาวนาว่า โอม นั่นเอง คนเราตายไปก็ไปรวมอยู่กับพระพรหม( เคยอ่านที่ผมเขียนไหม คนเราตายแล้วไปอยู่ที่ดาวดวงนึง นักวิทยาศาสตร์ถ่ายรูปมาได้)


    --คนเราตายไปแล้ว จะพูดได้ภาษานึง โดยไม่ต้องเรียน คือ ภาษากูต๊าบ --ภาษาผี-นะครับ ไม่ต้องห่วง มันเป็นเอง-ไม่ต้องเรียน
    --ภาษาขอมมีสองแบบ ภาษาขอมหวัด กับขอมจารึก อักขระหลังนี้ใช้เขียนยันต์ แสดงว่าศักดิ์สิทธิ์มาก สมัยก่อนเรียนวิทยาการ ก็คืออักขระพวกนี้แหละครับ ทุกวันนี้ก็มีพระบางรูปท่านเขียนได้ และสอนได้
    ---ถ้าจะคิดว่า กูโบส คืออักษรภาพ ชาวอียิปท์ก็ใช้อักษรภาพ ชาวต่างดาวที่แอเรีย51 เนวาด้า คือชาวซีต้า หรือเกรย์ กับพวกเรปติเลี่ยน ก็ใช้อักษรแบบเดียวกัน คืออักษรภาพ ไม่แน่ใจว่าจะใช่อักษรกูโบสไหม--เคยเห็นนานมาแล้ว

    --จขกท. ช่วยไปหาร่างทรงที่สอนได้ และศึกษาไว้ครับ ถ้าท่านสามารถสอนต่อได้ จะมีคนมาเรียนกับท่านเยอะมาก ผมเองมันจะขึ้นเลขหกแล้ว คงความจำไม่ดีนักครับ
     
  20. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    หนังสือแว่นส่องจักรวาล เคยอ่านเมื่อนานมาแล้วเกือบสามสิบปีได้
    จำติดตัวได้อยู่ประโยคเดียว

    "อาร์ อู ลู เบนห์ หล่าห์ อิ มิ นัส เช ตรอน เนียส รา ฮิม"

    อาจเขียนตัวสะกดไม่ถูกต้องนักเพราะนานมากแล้ว
    หนังสือแว่ยส่องจักรวาล เป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ น่าอ่าน
    แต่น่าเสียดายที่ไม่มีพิมพ์ออกมาอีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...