การสูบบุหรี่ของพระอรหันต์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย โกมีนัม, 29 กรกฎาคม 2012.

  1. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,670
    อันนี้ตามความเห็นผมนะ อาจจะเกียวกับกระทู้ก็ได้แล้วแต่จะเข้าใจนะ

    เป็นธรรมของพระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้ มีนัมพิจารณาดูนะ

    วันมาฆบูชา "โอวาทปาติโมกข์" หัวใจพระพุทธศาสนา

    พระโอวาท หรือ โอวาทปาติโมกข์ นี้ ประมวลพระพุทธวาทะ ประมวลพระพุทธศาสนา ด้วยข้อความ
    เพียง ๓ คาถากึ่ง ฉะนั้น พระโอวาทนี้จึงเป็นที่นับถือว่า แสดงหัวใจพระพุทธศาสนา ตามที่ท่านพระธรรม
    สังคาหกาจารย์ได้รวบรวมไว้ว่าดังนี้้

    โอวาทปาติโมกข์
    “หัวใจพระพุทธศาสนา”

    “๏ สพฺพปาปสสฺ อกรณ ํ
    การไม่ทำบาปทั้งปวง
    ๏ กุสลสฺสูปสมฺปทา
    การทำความดีให้ถึงพร้อม

    ๏ สจิตฺต ปริโยทปน
    การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว”
     
  2. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    อ่านไป น้ำตาก็ซึมๆ เห็นอะไรตั้งมากมาย ดื้อด้าน อาจารย์ก็ไม่ค่อยไปเจอ คิดว่าท่านไม่รู้เรื่อง ที่ไหนได้ เรื่องศรัทธา อาจารย์เราน่ารักที่สุดในโลกเลย
     
  3. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    หาวันพีชเจอละ ^_^ ..................
     
  4. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เมื่อก่อนโกมีนัมกล่าวว่าเป็นพระอนาคามี ไม่ได้อ่านมาหลายเดือน ตอนนี้ยังเป็นอยู่หรือไม่ครับ งั้นเข้าเรื่องเลย ถามครับว่าพระอนาคามีสูบบุหรี่ได้ไหม และเป็นพระอนาคามีแล้วต้องถือศีล 8 ไหม ถ้าถือ อีก 3 ข้อคืออะไร ด้วยความเป็นมิตรครับ อีก 2-3 วันจะเข้ามาเช็คคำตอบ...ฟางว่าน...
     
  5. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    อ่านดูแล้วหลายๆท่านตอบมาก็พอจะเห็นแนวความคิดภูมิธรรม อันที่จริงคำถามนี้ตอบยากจริงๆ เรื่องมันยาวมาก ครับ จนอยากให้มองกลับไปว่า

    กิเลสของความเป็นพระอรหันต์ที่กล่าวว่าเป็นผู้ห่างไกลจากิเลสทั้งปวงหรือหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง ตัดกิเลสได้แล้วนั้น แต่ยังสูบบุหรี่อยู่นี่หมายความว่าอย่างไร

    ขอย้อนกลับไปว่า ความเป็นพุทธภูมิ และสาวกภูมิ นี่ต่างกันนะ แต่พอมาดูสาวกภูมิความเป็นพระอรหันต์นี่ก็ มีหลายประเภทนะ คือเอาแบบง่ายๆเลยมี2แบบคือ

    1พระอรหันต์ที่ละกิเลสได้หมดไม่เหลือเลย เหมือนพระพุทธเจ้า คือขาวสะอาดบริสุทธิ์ไม่มีอนุสัยสันดานเดิมอะไรหลงเหลืออยู่เลย คือบริสุทธิ์จริงๆไม่มีจุดดำแบบเล็กขนาดล้านๆๆไมคร่อนก็ไม่มีให้พบครับ

    2พระอรหันต์ผู้ละกิเลสได้แต่ยังมีอนุสัยสันดานเดิม อันเป็นธุลีฝุ่นเบาบางมากท่านยังไม่ละ
    อันนี้มันฝังมาไม่รู้กี่ภพชาติแล้ว มันเอาไม่ออก แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นกิเลสหนักอะไรมันเป็นกิเลสที่เป็นธุลีฝุ่นเบาบาง ไม่ได้ไปก่อตันหาอุปทานอะไรให้ภพเกิดชาตะเกิดตันหาอุปทานเกิด อันนี้ท่านละตัดได้ อันเป็นจิตรู้อยู่ภายในของท่าน

    ปู่บอกว่าพระอรหันต์กลุ่มที่สองนี่ พอตอนเป็นพระสงฆ์อยู่ ยังไม่ละสังขารท่านก็คือเป็นพระอรหันต์แบบยังมีจุดดำๆเล็กๆอยู่คืออนุสัยสันดานเดิมมันยังเกาะอยู่ แต่พอท่านละสังขารเข้าพระนิพพานนี่ ท่านเข้าจตุฌาณ4ละปล่อยวางตอนนั้นแหละ จุดดำๆที่เป็นอนุสัยสันดานเดิมท่านดับสนิทไม่เหลืออะไร ในตอนนั้นแหละ เป็นจิตพระอรหันต์ที่ล่วงก้าวสู่พระนิพพาน สะอาดบริสุทธิ์เต็มร้อยครับ

    เรื่องก็มีอธิบายเพียงแค่นี้ครับ อย่าไปกังวลสงสัยกับเรื่องของคนอื่นให้มาก สนใจตนเองให้มากๆนะลูกๆ ให้พาตัวเองไปให้ถึงฝั่งพระนิพพานให้ได้นะจ๊ะ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2012
  6. Kaisuck

    Kaisuck สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +8
    หากยังเป็นมนุษย์เสพเนื้อสัตว์เพราะความอยากจนร่างกายไม่อาจระได้ ต่อมาภายหลังสถานะเปลี่ยนไปจะสูงส่งเพียงก็ไม่อาจปล่อยให้ร่างกายแต่ดับ มันเสพเพื่อเพราะกายต้องเสพ ไม่ได้เสพเพราะใจอยากเสพ
     
  7. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    คุณจะไม่มีวันได้คำตอบนั้นหรอก จขกท อีกอย่างไม่มีใครที่เหมาะสมมาให้คำตอบคุณได้
    เพราะคุณศึกษาธรรมะเพื่ออะไร คำตอบรู้อยู่ในใจคุณ
    มีหลายคนในที่นี้ก็ทำคล้ายกัน
    แต่ต่างกันตรงที่ว่าชอบเอาธรรมในพระไตรปิฎกขึ้นมา แล้วปิดท้ายด้วยบทสรุปของตัวเอง
    รู้แจ้งแทงตลอด แต่ไม่ลงมือทำ
     
  8. รักคนอ่าน

    รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    น่าสนใจกระทู้ข้ามเดือนไม่เก่าเท่าไร เฉียวฟงว่าสำหรับพระอรหันต์ อาการที่กายเคยชินจนกลายเป็นอารมณ์อยากทางใจ ก็คงจะเหมือนที่เขาว่าพระอรหันต์ไม่น่าร้องให้นั้นแหละ มันอธิบายยากแล้วละ
    แต่ถ้่าเคย...แยกออกมาดูแล้วก็ไม่น่าสงสัยนี่

    ดูอย่างพระพุทธเจ้าตอนไกล้ปรินิพพานกระหายน้ำเกินจะทน ....
    เป็นยังไงคงไม่ต้องเล่านะครับ
     
  9. ื้ีnhu008

    ื้ีnhu008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +36

    ขออนุญาติ คุณ TPC

    พระไตรปิฏก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
    สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค


    อนุสยสูตร
    อนุสัย ๗
    [๓๔๑] สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุสัย ๗ อย่างนี้ ๗ อย่างเป็นไฉน?
    ได้แก่อนุสัยคือกามราคะ ๑ อนุสัยคือปฏิฆะ ๑ อนุสัยคือทิฏฐิ ๑ อนุสัยคือวิจิกิจฉา ๑ อนุสัย
    คือมานะ ๑ อนุสัยคือภวราคะ ๑ อนุสัยคืออวิชชา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุสัย ๗ อย่างนี้แล.
    [๓๔๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง
    เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละอนุสัย ๗ อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอัน
    ประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แล ฯลฯ


    ขอขอบคุณ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_item.php?book=19&item=341


    อนุสัย7 นี้ต้องละได้หมดจด ถึงได้ชื่อว่า อรหันต์

    พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
    พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

    พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)

    วาสนา อาการกายวาจา ที่เป็นลักษณะพิเศษของบุคคล ซึ่งเกิดจากกิเลสบางอย่าง และได้สั่งสมอบรมมาเป็นเวลานานจนเคยชินติดเป็นพื้นประจำตัว แม้จะละกิเลสนั้นได้แล้ว แต่ก็อาจจะละอาการกายวาจาที่เคยชินไม่ได้ เช่น คำพูดติดปาก อาการเดินที่เร็ว หรือเดินต้วมเตี้ยม เป็นต้น
    ท่านขยายความว่า วาสนา ที่เป็นกุศล ก็มี เป็นอกุศล ก็มี เป็นอัพยากฤต คือ เป็นกลางๆ ไม่ดีไม่ชั่ว ก็มี
    ที่เป็นกุศลกับอัพยากฤตนั้น ไม่ต้องละ
    แต่ที่เป็นอกุศลซึ่งควรจะละนั้น แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนที่จะเป็นเหตุให้เข้าถึงอบายกับส่วนที่เป็นเหตุให้เกิดอาการแสดงออกทางกายวาจาแปลกๆ ต่างๆ ส่วนแรก พระอรหันต์ทุกองค์ละได้ แต่ส่วนหลัง พระพุทธเจ้าเท่านั้นละได้ พระอรหันต์อื่นละไม่ได้
    จึงมีคำกล่าวว่า พระพุทธเจ้าเท่านั้นละกิเลสทั้งหมดได้ พร้อมทั้งวาสนา;
    ในภาษาไทย คำว่า วาสนา มีความหมายเพี้ยนไป กลายเป็นอำนาจบุญเก่า หรือกุศลที่ทำให้ได้รับลาภยศ


    ขอขอบคุณ http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=_%C7%D2%CA%B9%D2&detail=on#find1


    คุณ TPC น่าจะหมายความว่าอย่างนี้มากกว่า

    ขอบคุณครับ
     
  10. โกมีนัม

    โกมีนัม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440

    ดีใจมากที่ฟางว่านมาทักนะ

    ขอตอบเย๊อะๆกับฟางว่านเลยนะ

    พระอานาคามีสูบบุหรี่ได้หรือไม่ อันนี้ ไม่รุ้จะตอบยังไงนะ เอาเป้นว่า
    มีนัมชอบกินขนมกับเป๊ปซี่ ถ้าเป็นพระอนาคามี มีนัมจะไม่กิน และจะไม่มีอะไรที่มีนัม ชอบแบบติดๆอีก ที่มันเสพทางกายน่ะ

    ศีลแปดเหรอ ถ้าเพิ่มมาอีกสาม มีนัม ก็จะไม่นอนขี้เซาอีก จะนอนพื้น นอนดิน นอนอะไรก้ค่าเท่ากัน เพราะก็นอนๆไปงั๊น แต่ก้ไม่ชอบนอนฟูกอีกแล้ว

    อืม เรื่องฟังเพลง แต่งตัว อันนี้ ใจมันเข้าถึงใจ ก้ไม่รู้จะทำเรื่องพวกนี้ไปเพื่อความสุขอะไรของมันอีก

    อีกข้อ ข้าวเย็น อันนี้ คงไม่คิดเรื่องกินอะไรแล้ว ก็ให้ร่างกายมันมีแรงไป

    ทั้งสามอย่าง อิ่มอยู่ในใจกับศีลสามข้อหลัง ก็ไม่จำเป็นอีก

    มันอิ่มมันพออยู่ในใจ แบบธรรมดาๆคนๆนึง ไม่ต้องแอ๊คชั่นดัดจริตอะไร เรื่อยๆ

    ฮ่าาา.....ตอบให้ฟางว่านเลย

    ทำนองว่า ถ้ามีพิธีกรมาถามว่า ถ้าคุณชนะการประกวด คุณจะทำอะไรเพื่อสังคม ประมาณนี้

    (ตอบฟางว่านคนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยวนะบอกให้)
     
  11. เมฆมังกร

    เมฆมังกร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +23
    สูบบุหรี่ ไม่ผิดศีลไม่ผิดวินัยสงฆ์ แล้วทำไมพระอรหันต์ถึงจะสูบไม่ได้
    เหตุผลที่พระอรหันต์สูบบุหรี่ เพราะ ท่านสามารถสูบได้จึงยังสูบอยู่
    คราวนี้คงคิดกันซิว่าแล้วทำไมเมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วทำไม่ไม่เลิกสูบบุหรี่
    พระอรหันต์ แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส แล้วการสูบบุหรี่มันเป็นกิเลสตรงไหน
    แค่รู้เท่าทันอุปทานขันธ์ห้าก็พอแล้ว อย่าให้พระอรหันต์ต้องเป็นพระอิฐพระปูนเลย
     
  12. 12345*

    12345* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +332
    ถ้าเมื่อก่อนผมชอบกินขนมกับเป๊ปซี่
    แล้วถ้าผมได้เป็นพระอริยะระดับอนาคามีนะ
    ผมก็ยังจะกินมันอยู่ แต่กินแบบมีก็กิน ไม่มีก็ไม่กินไม่ขวนขวายหามากิน
    ไม่ใช่มีให้กิน แต่กลับไม่กิน
     
  13. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ถ้าศึกษาตามพระไตรปิฏก พระสงฆ์ที่ยังติดอยู่ในการสูบบุหรี แต่กิเลสอย่างอื่นๆละได้แล้ว ยังไม่นับว่าเป็นพระอรหันต์ เป็นได้เพียงพระอนาคามีเฉียดพระอรหันต์ อันนี่ว่าตามตำรานะครับ ถูกต้องครับ

    แต่สำหรับผม ผมคิดว่าพระสงฆ์กิเลสที่ติดอยู่ที่เป็นจุดดำเล็กๆที่ว่า ไม่ใช่สาระในทางปฏิบัติจึงมองว่า ยังไงผมก็ยกย่องให้ท่านเป็นพระอรหันต์ก็มีเท่านี้ครับ
     
  14. merumas

    merumas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +222
    "การวางเฉยในร่างกาย คือ การไม่ยึดติด แต่ถ้ากายป่วยก็ต้องบำรุงรักษาเพื่อระงับเวทนา"
    ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

    ใช้ สังขารุเปกขาญาณ เฉยทั้งอาการที่เข้ามากระทบกระทั่งจิต
    ในด้านของโลกีย์วิสัย เฉยทั้งคำชม เฉยทั้งคำนินทา เฉยทั้งได้มา เฉยทั้งเสื่อมไป เฉยหมด ไม่มีอะไรสนใจ
    คำนินทา ว่าร้ายเกิดขึ้นกระทบใจ แผล็บปล่อยหลุดไปเลย ช่างมัน
    ฉันไม่ยุ่งอารมณ์อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น กับร่างกายจะป่วยไข้ไม่สบาย มันจะแก่ มันจะตาย ก็ช่างมัน
    แต่การรักษาพยาบาล การบริหาร ร่างกายเป็นของธรรมดา ถือว่าทำตามปกติ

    ถ้าเขาจะถามว่า ถ้าทำจิตได้อย่างนี้ยังสูบบุหรี่ไหม ยังกินหมากไหม
    ยังจะต้องใช้ของที่เคยใช้กับร่างกายไหม
    ก็ต้องตอบว่าใช้ตามปกติ เขาไม่ได้ติด แต่ร่างกายต้องการ

    เหมือนกับพระพุทธเจ้าที่เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ยังฉันภัตตาหาร
    เรื่องอะไรที่ประสาทต้องการ เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องบำรุงโดยประสาท

    เพื่อเราจะเอาไว้ใช้เป็นประโยชน์ เหมือนกับคนที่ลงเรือรั่วเพื่อหวังจะข้ามฟาก

    ถ้าขณะใดที่ยังอาศัยเรืออยู่ เมื่อน้ำมันรั่วขึ้นมาเรา ก็ต้องอุด มันผุตรงไหนก็ต้องทำนุบำรุงซ่อมแซม
    ไม่ใช่ว่าปล่อยให้มันรั่วให้มันพังไป จนกว่าเรา จะขึ้นฝั่งได้

    ที่มา : FB ศูนย์พุทธศรัทธา
     
  15. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    ไม่รู้เพราะยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์
    ถ้าบอกว่าไม่สูบบุหร่แล้วได้เป็นพระอรหันต์ ผมคงใช่เพราะผมไม่สูบ
    แต่ผมนั้นยังชักว่าวดูหนังโป๊ กินเหล้าในบางครั้ง
    อยากรู้จังว่าผมควรละบุหร่ี่
    หรือเลิกชัก ว่าว และ ดูหนังโป๊ ควรเลิกอันใหนก่อนดี
     
  16. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    ก็เลิกทำอันที่คุณมั่นใจว่าเลิกได้ตอนนี้สิครับ ถ้าต้องการเลิกนะ
     
  17. ื้ีnhu008

    ื้ีnhu008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +36

    ขออนุญาตครับ


    การละบุหรี่ได้ไม่ได้ อย่างไรนั้นไม่เกี่ยวกันกับความเข้าถึงอรหัตผล




    ท่านสูบบุหรี่มาก่อนที่ท่านจะบรรลุแล้ว


    การติดบุหรี่ไม่ใช่กิเลส



    แต่เหตุที่พระอรหันต์ยังสูบอยู่เพราะ ธาตุขันธ์ มันติด แต่สูบไม่สูบอย่างไรท่านไม่เดือดร้อนเอามาเป็นอารมณ์หรอก

    ธาตุขันธ์ของพระอรหันต์ก็เหมือนกับธาตุขันธ์ของปุถุชนทั่วไป
    เป็นของสมมุติยังต้องกินข้าว กินน้ำ นอนหลับผักผ่อน
    เมื่อธาตุขันธ์ท่านได้รับ สารเคมีอะไรเข้าไป ก็ตอบสนองเหมือนปุถุชนทั่วไป



    บางส่วนจาก
    เทศน์อบรมฆราวาส
    ณ กุฏิกลางน้ำ สวนแสงธรรม กรุงเทพมหานคร
    เมื่อค่ำวันที่ ๑๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๖


    "......ยากลำบากลำบน ลำบากเพื่อจะเป็นความสุข ไม่ได้เหมือนกิเลสพาให้ลำบาก กิเลสพาให้ลำบากแล้วยังทุกข์ไม่ถอย แล้วไม่มีที่เกาะที่ยึดไม่มีฝั่งมีฝา ไม่มีเขตมีแดนคือกิเลสลากสัตว์โลก แต่ธรรมฉุดสัตว์โลกนี้ไปมีเขตมีแดนเป็นลำดับลำดา ต่างกันอย่างนี้ พอถึงขั้นตายตัวแล้วก็อย่างที่ว่า สำเร็จพระอรหันต์ขึ้นมา พอหมดเลยไม่มีอะไร ท่านอยู่ที่ไหนท่านพอหมด เรื่องธาตุเรื่องขันธ์นี้ยอมรับเพราะเป็นสมมุติ อันนี้เป็นสมมุติร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนโลก
    ท่านผู้ครองสมมุติอยู่นี้ทั้งๆ ที่จิตบริสุทธิ์ ท่านก็ยอมรับว่าธาตุขันธ์นี้เป็นทุกข์ แต่ไม่ซึมซาบเข้าหาจิตท่านได้ เป็นหลักธรรมชาติ เป็น อฐานะ เป็นไปอย่างใดไม่ได้แล้ว ก็ครองกันไป เจ็บไข้ได้ป่วยเหมือนกับเรา เจ็บหัวตัวร้อน หิวกระหายมีเหมือนกัน มันก็เป็นอยู่ในธาตุไม่เข้าถึงใจ เพราะฉะนั้นเราถึงกล้าพูดละซิ เอานี้ออกยันเลย ธาตุขันธ์เป็นสมมุติ สมมุติต่อสมมุติเข้ากันได้ติด ติดได้ เช่น พระอรหันต์ ที่ว่ายาเสพย์ติดๆ นี้มันจะมีละตัวอุตริขึ้นมา เว้นแต่พระอรหันต์ไม่ติด ยาเสพย์ติดอะไรนี้ไม่ติด อย่ามาโม้นะ ว่างั้นเลย อย่ามาหลอกพ่อมึงนะอยากว่าอย่างนี้ ยันๆ อย่างนี้เข้าใจไหม
    ก็ธาตุขันธ์มันเป็นสมมุติ สิ่งเหล่านั้นก็เป็นสมมุติมันเข้ากันติด เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ ธาตุขันธ์ของท่านจึงติดได้ ติดฝิ่นติดกัญชายาเมานี้ติดได้ ยาเสพย์ติดติดได้เหมือนโลกทั่วๆ ไป เป็นแต่เพียงว่าใจของท่านไม่ติด ที่ว่าท่านไม่ติดนี้ ก็จะหมายถึงว่าธาตุขันธ์ก็เป็นอรหันต์ด้วยใช่ไหมล่ะ ท่านไม่ติดอันนี้ ติดร้อยเปอร์เซ็นต์ยันเลย ร้อยเปอร์เซ็นต์ติด แต่จิตนี้ทำไงก็ไม่ติด นี่เรียกว่าจิตกับขันธ์คนละอย่างแล้วใช่ไหมล่ะ เมื่อมันอยู่ด้วยกันแล้วก็ต้องเป็นตามขันธ์ ขันธ์ติดแต่จิตไม่ติด แต่โลกเขาไม่ได้ว่า จิตท่านไม่ติดนะท่านติดเฉพาะธาตุขันธ์ เขาก็จะบอกว่า อรหันต์องค์นี้ติดยาเสพย์ติดมันเป็นพระอรหันต์ได้ยังไง เขาก็จะว่าอย่างนั้นใช่ไหม มันจะเหมาเอาหมดเลย แล้วเวลาความจริงแล้วถามใครวะ
    พอพูดอย่างนี้เราก็ระลึกได้ แต่เราไม่ได้ว่าเราเป็นอรหันต์นะ เราระลึกได้สิ่งที่เข้ามาเทียบเคียงกัน ยาอันหนึ่ง แต่เราไม่บอกมันกระทบกระเทือนกับผู้ขาย บอกว่ายาอะไรนั้นเดี๋ยวการขายของเขาก็จะอาภัพลงไป เราจะพูดแต่ว่ายาชนิดนี้มียาเสพย์ติดแทรกอยู่ในนั้น พอฉันลงไปๆ พอถึงเวลามันต้องการมันอยาก มันอยากฉันยาอันนั้นว่างั้นเถอะ อย่างอื่นๆ มันไม่ติด ไม่เห็นอยากเห็นอะไร ถึงเวลาฉันก็ฉันธรรมดา แต่อันนี้มันรู้สึกอยากประหวัดๆ ธาตุขันธ์ มันอยากของมัน จิตเป็นผู้รู้ ธาตุขันธ์ต้องการอะไรไม่ต้องการอะไร อะไรดีไม่ดีเป็นเรื่องของธาตุขันธ์ล้วนๆ ธาตุขันธ์จะบ่งบอกในตัวของมันเอง เมื่อจิตบริสุทธิ์เต็มที่แล้วจะได้ดูเรื่องความสัมผัสของธาตุขันธ์ว่ามันชอบอะไรไม่ชอบอะไร ทีนี้เวลาฉันอันนี้เข้าไปแล้วนี้ พอถึงเวลามันทำให้ยิบแย็บๆ อยากๆ ฉันอันนั้น อ๋อ นี่มันมียาเสพย์ติดอยู่ มันไม่ได้แล้วนี่ เลยหยุดเลย พอรู้แล้วก็หยุด
    ให้ทราบเอาไว้นะ นี่ละขันธ์ติดยา แม้พระอรหันต์ก็ติด เพราะขันธ์ต่างหากติด ท่านไม่ติด ขันธ์นี้เป็นสมมุติ สิ่งเหล่านั้นเป็นสมมุติเข้ากันได้สนิท ส่วนจิตของท่านเป็นวิมุตติ อะไรจะเข้าไปเกี่ยวไม่ได้เลย เรียกว่าอรหันต์ นอกสมมุติไปเรียบร้อยแล้ว เป็นแต่เพียงว่าครองขันธ์อยู่เฉยๆ พากันเข้าใจหรือยังที่พูดนี่ นี่ละจิตให้มันแยกได้ขนาดนั้นซี
    อย่างที่เขาถามมาว่าหลวงปู่มั่นท่านเป็นอรหันต์ ยังเห็นท่านฉันหมาก เขาถามมา อู๊ย ทุกขัง อนิจจัง อย่างงั้นซิ คือพระอรหันต์ต้องไม่ฉันหมากจึงเรียกว่าอรหันต์ ถ้างั้นพวกนี้ไม่ฉันหมากกันพวกนี้เป็นอรหันต์กันทั้งหมดซิ ใครฉันหมากก็พวกนั้น โอ๊ย เซ่อที่สุดเลย เข้าใจไหมล่ะ นี่อรหันต์เหรอเหล่านี้ มันไม่ได้กินหมากกันเลยใช่ไหม เป็นอรหันต์ทั้งๆ ที่แบกกิเลสอยู่น่ะ อรหันต์แบกกิเลสเข้าใจไหม อรหันต์พวกเรา แยกซี เวลาจิตมันเข้าใจของมัน มันแยกหมดนะ ไม่มีใครมาบอกก็รู้ อย่างที่ว่าท่านบรรลุธรรมผางขึ้นมานี้ท่านทูลถามพระพุทธเจ้าหาอะไร อันเดียวกันแล้ว อย่างเดียวกันแล้ว ถามท่านหาอะไรเท่านั้นพอ สนฺทิฏฺฐิโก รู้เองเห็นเองประกาศป้างขึ้นมาตามพระโอวาทที่สอนไว้ว่า สนฺทิฏฺฐิโก ผู้ปฏิบัตินั้นแลจะเป็นผู้รู้เองเห็นเอง ผู้ไม่ปฏิบัติรู้ไม่ได้ นั่น ก็อย่างนั้นแหละ......."





    ขอขอบคุณ Luangta.Com -

    ขอบคุณครับ
     
  18. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ถ้าว่ากันตามตำราพระไตรปิฏก ก็กล่าวได้ว่าสิ่งที่ไม่เป็นไปตามปัจจัยตาเพื่อการดำรงชีวิตแห่งสมณเพศก็ควรใช้สอยตามนั้น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคเป็นต้น แต่เรื่องของบุหรี่ เรื่องของเหล้าก็มีพระสงฆ์ผู้เป็นพระอริยะบางท่านยังมีเสพบ้างแต่ก็เล็กน้อย อย่างเรื่อง การกินเหล้า หลวงปู่เคลือบ แต่ท่านฉันแค่นิดเดียวไม่เกินองคุลี คือความจริงเราก็อาจจะไม่ทราบได้ว่าความเป็นอรหันต์และพระอนาคามีนี่ใกล้กันมาก

    อนึ่งความเป็นอรหันต์นี่ตัดขาดหมด ไม่ยึดติดใดๆแล้วการเสพท่านจะเลือกเสพตามความจำเป็นแก่ธาตุขันธ์เท่านั้น บุหรี่และเหล้าไม่ได้จำเป็นสำหรับท่านขันธ์ แต่เป็นความเคยชิน
    ผู้เป็นพระอรหันต์ต้องละเรื่องเหล่านี้ได้ ผมเข้าใจแบบนี้นะ แต่ก็ไม่ว่ากัน มันเป็นนานาทัศนะแล้วแต่ภูมิปัญญาของแต่ละท่าน แต่สุดท้ายผมคิดว่าสำหรับพระอริยะ ท่านมีสติรู้ท่านไม่ได้เสพเหมือนพวกเราบางคนที่เสพอย่างไม่มีสติไม่มีปัญญาครับ
     
  19. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    โกมีนัมครับ แอบชอบใครในเว็บนี้อยู่หรือเปล่าครับ แต่งเมื่อไหร่โต๊จีนนะครับ *_*
     
  20. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    ======

    ขอบคุณมากครับที่อุตส่านำพระธรรมมากล่าวอ้างให้เห็นจริง ได้ถูกต้องแล้วครับ

    ครั้งก่อนผมอธิบายตามนี้แต่ของผมนี้อธิบายแบบสั้นๆ

    และความจริงแล้วผมขออธิบายเพิ่มจากพระไตรปิฏก เรื่องการละนิสัยวาสนาเดิมที่ละได้ยากว่า

    จะเกิดได้เฉพาะพระพุทธเจ้าเท่านั้น ก็หาใช่ เพราะเหตุว่า ในความเป็นพระอรหันต์ ยังมีพระโพธิสัตว์ผู้ลาพุทธภูมิหลายพระองค์ ล้วนทรงบำเพ็ญเพียรสร้างบารมี พร้อมด้วยมีความเพียรแก่การเผาอุปกิเลสทั้งหลายมานานหลายภพชาติแล้ว ท่านทรงสมาธิญาณทัศนะ รู้แจ้งและดับกิเลสได้โดยบริบูรณ์แล้ว เมื่อลาพุทธภูมิในพระชาติสุดท้าย อันอนุสัยสันดานเดิมทั้งหลายก็สามารถดับได้เช่นกันครับ อย่างหลวงปู่มั่นภูริทัตตโตเป็นต้น หลวงพ่อฤาลิงดำเป็นต้น ศีลข้อที่ว่าด้วยเสขิยวัตรอันเป็นมารยาทที่พระสงฆ์พึงปฏิบัติ ท่านสามารถรักษาได้ดีพร้อมบริบูรณ์ครับ

    เช่นนั้นแล้ว พระอรหันต์ในข้อหนึ่งจึงหมายถึง พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ผู้ที่ลาพุทธภูมิ ผู้เคยดำรงเป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็นเพียรมามากแล้วด้วยอีกส่วนหนึ่งครับ ซึ่งจะสามารถละอนุสัยสันดานเดิมได้หมดไม่เหลือครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...