จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. chalesa

    chalesa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +135
    น้องอัตตา กับพี่มานะเลิกคบกันแล้วค่ะ อิอิ
     
  2. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    สงสัยครับ ว่า ทำไมต้องเอาจิต ไปเกาะพระด้วย

    ก็ในเมื่อ ศาสนาพุทธ มี พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ ครบถ้วนให้ยึดถืออยู่แล้ว ยังไม่เหมาสมเพียงพออีกหรือ


    คือ บูชา พระรัตนตรัย แบบปรกติ กับการ "เกาะ" นี่มันต่างกันเหรอครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  3. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,079
    ค่าพลัง:
    +10,246
    สงสัยครับ ว่า ทำไมต้องเอาจิต ไปเกาะพระด้วย

    ก็ในเมื่อ ศาสนาพุทธ มี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครบถ้วนให้ยึดถืออยู่แล้ว ยังไม่เหมาสมเพียงพออีกหรือ



    คือ บูชา พระรัตนตรัย แบบปรกติ กับการ "เกาะ" นี่มันต่างกันเหรอครับ<!-- google_ad_section_end -->

    -----------------------------------------------------------------------
    ขอตอบย่อๆ ครับ
    ๑. "จิตเกาะพระ" เป็นชื่อเรียกการปฏิบัติ พุทธานุสติกรรมฐาน แนวทางหนึ่งครับ
    ๒. สรณะ แปลว่า ที่พึ่ง ที่ระลึก ที่ยึดเหนี่ยว ที่เหนี่ยวรั้งใจ
    ๓. การ "เกาะ" หมายถึงการระลึกถึงพระพุทธเจ้า เป็นการปฏิบัติบูชาครับ
     
  4. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    ต่างค่ะ
    การที่เรามีพระรัตนตรัยไว้บูชานี่เป็นปกติ ของเราชาวพุทธอยู่แล้วนะคะ ความเคารพความศรัทธาของเราที่มีต่อพระ
    รัตนตรัยนี้เป็นปกติ แต่
    การนำจิตไปเกาะพระ เป็นลักษณะของการภาวนา อย่างหนึ่ง เหมือนการนั่งสมาธิกำหนด พุธโธ หรือ สัมมาอรหันต์
    หรือ ยุบหนอพองหนอ ...........
    แต่ลักษณะการภาวนาของจิตเกาะพระนั้น จะแตกต่างจาก
    อย่างอื่นคือ สามารถภาวนา คือ การเอาจิตไปเกาะพระ ทำได้ตลอดเวลา ทำได้ ทั้งวัน ทำได้แม้ยามทำงาน ทำได้แม้ยามลืมตา และความแตกต่างอีกอย่างอยู่ที่ เป็นการภาวนาที่เป็น พุทธานุสติ + กสิน เข้ามาร่วมกัน จึงสามารถนำพาจิตของเราไปสู่การภาวนาที่มีประสิทธิภาพ ได้ประสิทธิผลคือพระนิพพาน อย่างรวดเร็ว
    หากจะเปรียบให้เข้าใจง่ายก็เหมือนกับเรา เกิดมาก็ต้องเข้าไปเรียนหนังสือในโรงเรียนกันอยู่แล้วทุกคน ฉันใด ชาวพุทธทุกท่านก็ต้องเคารพศรัทธาบูชาในพระรัตนตรัยฉันนั้น เมื่อเข้าไปเรียนตามหน้าที่แล้วก็จะมีสายวิชาให้เลือกเรียนให้แน่นขึ้นไปอีก เก่งขึ้นกว่าเดิม ฉันใด จิตเราก็ต้องการ การฝึกฝนโดยการใช้การภาวนาเข้ามาบริหารจิต ฉันนั้น นี่แหละจงเป็นที่มาของการฝึกจิตของเรา
    หากท่าน Numtrn เคยได้ฝึกจิตการปฎิบัติสมาธิ ในสายใด
    สายหนึ่งมาก่อน จะเข้าใจและเห็นความแตกต่างตามนี้ค่ะ
    ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขอโมทนากับท่านที่ได้เข้ามาสอบถาม อาจจะเป็นประโยชน์กับอีกหลายๆท่านที่มีความกังขาในเรื่องนี้ค่ะ
    อีกประการหากไม่เป็นการเสียเวลา ของท่าน กรุณาเข้าไปอ่านตั้งแต่หน้าแรกๆค่ะ แล้วจะได้คำตอบทั้งหมด รวมไปถึง วิธีการ จุดประสงค์ ของการทำจิตเกาะพระด้วยค่ะ
    โมทนาสาธุการ
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอขอบพระคุณมากๆ
    เป็นคำถามที่นับว่าดีมาก+ฉลาดมาก
    คุณถามตรงดี ผมชอบคุณ และผมขอตอบแบบตรงๆเหมือนกัน
    บูชาพระรัตนตรัยที่คุณว่าน่ะ ที่คุณยกมาน่ะ มันมีอยู่เต็มหัวจิตหัวใจแล้วครับ
    แต่ถ้าเปรียบการเรียนก็คือภาคปกติ แต่ของที่นี่ภาคปกติยังไม่พอแถมติวเข้มเสาร์อาทิตย์
    ที่นี่มิใช่แค่บูชาเฉยๆ ที่นี่เน้นปฎิบัติบูชา ที่นี่เน้นที่สติ+จิต
    เพื่อให้พวกเราเกิดสมาธิได้้ไว+ต่อเนื่อง
    เพราะนักภาวนา หรือผู้ปฎิบัติทั่วไปนั้นมีมากจริงๆ แต่ผู้ปฎิบัติที่เข้าถึงแก่นนั้น
    เห็นมีน้อยเหลือเกิน เพราะเห็นเอาแต่เปลือก ไม่เน้นแก่นธรรม
    พระธรรม หรือคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ผู้ปฎิบัติธรรมนั้นส่วนใหญ่จะรู้กันหมดแล้ว
    แต่อย่าลืมนะว่า การเรียนพระธรรมนั้น มิใช่เราแค่อ่านหรือฟังธรรมกันเสร็จแล้ว
    ละปล่อยวางกันได้จริงๆกันไหม๊? เปล่าเลยใช่ไหม๊? คุณก็ตอบตนเองได้

    แต่ที่นี่ จิตเกาะพระ พระในที่นี้หมายถึงพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว
    แค่เป็นอุบายที่จะทำให้จิตนิ่งกันเฉยๆ
    จิตเกาะพระที่นี่ ก็คือพุทธานุสสติ+กสิณ ที่ผมได้มาในการปฎิบัติธรรม
    ก็เลยมาเน้นกันที่สติก่อน จิตเป็นอันดับสอง และธรรมะเป็นอันดับสามต่อไป
    คุณอย่าลืมนะว่า ก่อนที่จะมีดวงตาเห็นธรรม คุณจะต้องมองเห็นดวงจิตเดิมแท้ของตนเองเสียก่อน
    และก่อนที่จะเห็นดวงจิตเดิมแท้ของตนเอง
    คุณจะต้องสร้างสติกันเยอะๆก่อน จึงจะเห็นจิต หรือดวงจิตได้
    มันต่อเนื่องกันแบบนี้ เรียนธรรมะจะต้องเรียนด้วยสติ+ปัญญา
    และเราจะต้องนำจิตไปเรียน มิใช่ตัวเราไปเรียนแทน
    เพราะผู้ที่ทำหน้าที่ละปล่อยวางกับทุกสิ่งนั้นได้ ก็คือ จิต มิใช่ตัวเรา
    เพราะสติคนเราที่มีอยู่ทุกวันนี้มันไม่พอ ไม่พอที่จะตามจิตทัน
    (เห็นจิตว่าอยู่ที่ไหน และกำลังทำอะไรอยู่)
    เมื่อผู้ปฎิบัติธรรม ตามจิตตนเองไม่ทัน นั่นก็หมายความว่า ตามกิเลสตนเองไม่ทันด้วย

    คุณก็ลองถามตนเองดูสิว่า จิตของคุณอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร
    OK แต่ถ้าคุณตอบตนเองได้ แต่ถามว่า จิตคุณจะผ่านวิปัสสนาได้ตอนไหน
    ตอนที่จิตเกิดปัญญามากใช่ไหม๊? เมื่อจิตเกิดปัญญามากแล้ว
    ผมถามว่าจิตคุณผ่านวิปัสสนาหรือยัง แต่ถ้าตอบว่าผ่านแล้ว
    แล้วคุณเห็นจิตในจิต และเห็นธรรมในธรรมไหม๊?
    แต่ถ้าเห็นคุณมีดวงตาเห็นธรรมแล้ว และจะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองมีดวงตาเห็นธรรม
    รู้ได้สิ ผู้ปฎิบัติเท่านั้นที่จะต้องตอบตนเองให้ได้

    ขอโทษนะครับ ผมไม่ทราบว่าคุณปฎิบัติถึงตรงไหนแล้ว
    ถือว่ามาแลกเปลี่ยนการสนทนาธรรมกันก็จะดีนะ
    คุณก็อย่ามัวแต่สงสัยไปเลย จะลองปฎิบัติก็ไม่ว่ากัน ถึงจะรู้ได้ตนเอง
    แต่คุณไม่ต้องเชื่อผมซะทีเดียวนะ
    เพราะที่นี่มิใช่สอนให้เชื่อ แต่จะสอนให้เชื่อด้วยสติปัญญาของตนเอง

    ขอโมทนาสาธุกับคำถามด้วย
    เดี๋ยวให้ครูผู้อื่นตอบแทนมั่ง
    ดูสิว่าวิชั่นของครูท่านอื่นจะตอบว่าอย่างไรบ้าง

    ปล. ที่นี่เน้นเดินอริยมรรควิธี
    หรือเน้นเดินจิตให้ตรงเข้าสู่กระบวนการมรรคมีองค์๘
    (ศีล สมาธิ ปัญญา)


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2012
  6. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    โมทนาสาธุกันคุณNumtrn ในข้อปุจฉาธรรมด้วยครับ..
    เพื่อเป็นธรรมทานแก่ท่านอื่นๆ..

    แท้จริงแล้วคำว่า"จิตเกาพระ" นี่มันก็เป็นแต่เพียง"สมมุติบัญญัติ" ที่เขาตั้งกันขึ้นมาเพื่อสื่อความหมายให้เข้าใจกันในทางโลกเรื่องของการปฎิบัติธรรมรูปแบบหนึ่ง คือว่าเป็นการทำกรรมฐานแบบ "พุทธานุสติ+กสิน" (เป็นกุศโลบายในการทำสมาธิ โดยน้อมนำจิตไปในการระลึกนึกถึงภาพพระ เพื่อที่จะทำให้จิตนิ่ง จิตเป็นสมาธิ จิตทรงฌาน จากนั้นก็เจริญวิปัสสนากรรมฐานต่อไป) เท่านั้นเองนะครับ..

    ประเด็นก็คงน่าจะอยู่ที่ชื่อ โดยเฉพาะคำว่า"เกาะพระ" นี่..
    ดูประหนึ่งว่า น่าจะไม่เหมาะสม? น่าจะเป็นการปรามาสพระ? น่าจะใช้คำว่า"บูชา"หรือคำพูดที่มันเหมาะสมกว่านี้? 
    เพราะว่าพอเวลาเห็นแล้ว ก็จะรู้สึกว่ามันขัดๆ หรืออึดอัด หรือไม่ค่อยจะชอบใจซักเท่าไร หรือไม่ค่อยจะแฮบปี้ซักเท่าไร หรือ???สุดแล้วแต่ว่าจะเป็นอะไร... ใช่ไหมครับ?

    เราก็ไม่แน่ใจว่าคุณNumtrn เป็นผู้ปฎิบัติธรรมเหมือนๆกันหรือไม่..แต่ก็เชื่อว่าท่านน่าจะพอได้ยินธรรมะที่ว่า
    "สรรพสิ่งใดๆ ล้วนแต่เป็นอนัตตา" คือในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีตัวไม่มีตน เป็นแต่เพียงความว่าง ไม่ควรที่เราจะไปยึดมั่นถือมั่นให้มันเป็นทุกข์..
    สรรพสิ่งต่างๆซึ่งล้วนแต่ไม่เที่ยง ไม่มีตัวไม่มีตน ของมันเอง ซึ่งมันก็เป็นอยู่อย่างนั้น.. หากแต่ว่าคนเราโดยทั่วๆไปแล้ว เมื่อไปรับรู้ในสิ่งๆนั้นเข้ามา(ทางอายตนะทั้ง6) ใส่ในจิตตนเอง แล้วไป"อุปทานสังขาราปรุงแต่ง"โดยนำไปเปรียบเทียบกับสัญญา(ความจำ)เดิมของตนเอง จนเกิดเป็นอารมณ์ต่างๆนาๆ ที่จิตต้องเสวยธรรมารมณ์นั้นๆ ก็คือ
    - ถ้าเป็นอุเบกขา ก็เฉยๆมิได้สนใจอะไร
    - ถ้าเป็นสุขเวทนา ก็แฮปปี้ชอบใจ
    - ถ้าเป็นทุกข์เวทนา ก็จะอึดอัดทนไม่ได้
    จนถึงขั้นแสดงออกตั้งแต่ มโนกรรม วจีกรรม และกายกรรมตามลำดับๆ.. นั้นจึงเป็น"ทุกข์"..

    "สรรพสิ่งใดๆก็แล้วแต่ในโลกนี้ จึงไม่ควรที่จะไปยึดมั่นถือมั่น ให้มันเป็น ทุกข์.." โดยที่จิตเราไปอุปทานสังขาราปรุงแต่งไปเอง..
    เพียงแค่"สติ"เรารับรู้ รู้-วาง เกิด-ดับ เท่านั้นเป็นพอ..

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    "วันใดขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก วันไหนสำนึกแล้วเธอจะ เสียใจ"​

    ฮ่าๆ ร้องเพลงให้พวกเราฟังซะงั้น

    แต่ถ้าวันใดมีคนสนใจเรื่อง "จิตเกาะพระ" กันมาก
    ผมจะไปเปิดบูธติววิชา "จิตเกาะพระ" แถวๆ สยามพารากอน
    นำโดย: ครูดัชชี ครูวิทย์ และครูลูกพลัง (จิตเกาะพระฝ่ายในเมือง)

    ส่วนพี่ภู กับครูเพ็ญ ไม่ชอบในเมือง จึงขอประจำอยู่จิตเกาะพระฝ่ายนอกเมือง...อิอิ

    หรือครูเพ็ญเห็นว่ากะไรรึ?
    กระทู้นี้หนุกหนานดี มีไรให้คิดเยอะดี
    นานๆจะมีขาจรมาเยี่ยม เด็กๆจัดเตรียมหาน้ำเย็นไว้คอยต้อนรับก่อน
    น้องคมวรรณหายไปไหนแร๊ะ พี่ภูคิดถึงนะ
    สงสัยไปแอบร้องไห้แถวไหนแล้วมั่ง สงสัยไปซบอกกับคุณหมอแร๊ะ
    ฝึกจิตให้เข้มก่อนนะ เดี๋ยวเรามีไรต้องพูดกัน เป็นการส่วนตัว
    ผมชอบเด็กคนนี้ เพราะเด็กสมัยนี้กล้าพูด กล้าคิดดี
    แต่ตอนนี้ก่อนจะกล้าอะไร ส่งไปติวเข้มจิตให้เข้มก่อน
    เมื่อก่อนผมพูดไม่ได้คิดไร แต่ก็มีคนนำไปคิดซะยาวววว
    สรุปแล้วเข้าใจผมผิดไปเอง
    อย่าลืมนะว่า ผมมิได้เปิดกระทู้เพื่อเอามัน หรือมาหาศัตรูเพิ่ม
    แต่ผมมาหาจิตบุญเพิ่มต่างหาก เพราะรับหน้าที่มาแล้ว
    จะต้องกวดจิตพวกเราให้เข้ม ผมจึงไม่กลัวใครจะด่าหรือนินทา
    ผมหลุดพ้นไปหมดแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่อง โลกธรรม๘
    กายตนเองยังไม่เอาเลย แล้วผมจะมาเอาอะไรอีก
    กายนี้ จิตนี้ก็ยกให้กับสมเด็จองค์ปฐมไปหมดแล้ว
    ไม่มีเหลือแล้ว และที่เหลือผมจะทำเพื่อพระพุทธศาสนา
    เพื่อพระรัตนตรัย หรือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
    และก็เพื่องานยกจิตลูกหลานของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    หรือเพื่อพวกเราทุกคนที่สนใจจิตเกาะพระกันโดยเฉพาะเลย

    อย่าลืมชื่อกระทู้ให้ดี ชื่อว่าอะไร
    จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ
    หรือจิตคุณพร้อมรับทุกสถานการณ์กันไหม๊? ถ้าเกิดอะไรขึ้น
    ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติ หรือ ภัยจากกิเลสตนเอง(รัก โลภ โกรธ หลง)
    หรือกิเลสผู้อื่น
    แต่ถ้าไม่ได้ จิตเกาะพระ ที่เป็นวิธีการเดินตรงเข้าสู่มรรควิธี
    จิตพวกเราก็จะไม่พัฒนาไวขนาดนี้กันหรอก
    ผมท้าต่อให้พวกคุณไปถือเนกขัมมะ จิตของพวกคุณก็ยังไปไม่ถึงไหนหรอก
    เพราะการเดินมรรคตรงทางนี้กันได้ บางท่านใช้เวลากันทั้งชีวิต
    แต่พอคณะจิตเกาะพระทำได้ไว ก็หาว่าง่ายกันอีก
    พวกคุณที่ยังทำกันไม่ได้ ขอให้ไปสอบถามความจริงกับจิตบุญกันเอง

    จบข่าว...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 สิงหาคม 2012
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=cso7BZA_fII&feature=channel&list=UL]ทำไมต้องปฎิบัติธรรม-พระไพศาล - YouTube[/ame]​
     
  9. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    ขอบคุณหมากมาย

    ท่าน Dutchanee , ภูทยานฌาณ2 ,ลูกพลัง (smile)


    ที่สงสัย คำว่า " เกาะ" นั้นเพราะอยากรู้ว่าเขาทำอะไรกัน น่ะ



    เข้าใจแล้วว่า คือการ
    วิปัสนา ในทุกสภาวะทุกขณะจิต ===> เข้าใจถูกต้องหรือเปล่า ครับ

    หรือ

    สติอยู่กับตัว ตลอดเวลา

    แบบนี้เท่ากับว่า เราจะรู้สติของเราตลอดเวลาว่า
    - โกรธ หรือไม่
    - กลัวกรือไม่
    -มีกิเลสตัวไหนมาเป็นแรงพลักหรือไม่

    เรียกว่า ทันสติ ทุกขณะจิต


    โอ้โห มันยากมากๆเลยนะครับนั่นนะ พวกท่านปฏิบัติ ลึกกันขนาดนั้น !!!



    ยังไงขอ อนุโมทนา กุศลที่พวกท่านกระทำกัน แล้วผมจะ ค่อยๆทำบ้าง
    ทุกวันนี้ก็ นั่งสมาธิทุกวัน แต่ยังไม่ลึกครับ

    วันละประมาณ 5 ถึง 10นาที แต่รวมกันไปหมด ทั้ง ยุบหนอพองหนอ ดูว่าจิตของเรา ไปไหน ทั้ง สัมมาอรหัง ทั้ง พุทธโธ เลยไม่รู้ว่า สายอะไรกันแน่ เพื่อให้ สงบ แค่นั้น .



    หากทำได้แบบนั้น จิตเกือบจะนิ่งมากๆเลยใช่หรือไม่ เช่น

    - เวลาโกรธ จะไม่โกรธมาก หรือ ตัดได้เร็วมาก เพราะรู้ว่า โกรธหนอ

    คือ กิเสลยังคงมีอยู่ แต่ ดึงจิตกลับ หรือ ตัดได้ไวมากๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  10. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    โมทนาสาธุกับคุณNumtrn ด้วยครับที่พอจะเข้าใจมากขึ้น..

    เอางี้..ลองตามไปที่กระทู้นี้ลองอ่านดู เรื่อง "การปฎิบัติธรรมจิตเกาะพระ.. โดยสังเขป"
    http://palungjit.org/threads/จิตพร้อม-รับภัยพิบัติ.334019/page-124#post6307619


    "หากทำได้แบบนั้น จิตเกือบจะนิ่งมากๆเลยใช่หรือไม่ เช่น
    - เวลาโกรธ จะไม่โกรธมาก หรือ ตัดได้เร็วมาก เพราะรู้ว่า โกรธหนอ
    คือ กิเสลยังคงมีอยู่ แต่ ดึงจิตกลับ หรือ ตัดได้ไวมากๆ"

    ตอบ:สำหรับผู้ปฎิบัตินะครับแบ่งได้เป็นระดับๆ ตามความเพียร:-
    - สติเผลอ ก็เบรคแตกเลยครับ
    - สติมาสาย ก็โกรธอยู่ในจิต(มโนกรรม) แต่มีสติยับยั้งชั่งใจไม่แสดงออกทางวจีกรรมและกายกรรม
    - สติรู้เท่าทัน ก็พอรับรู้ปัจจัยกระทบเข้ามาปั๊บ.. ก็วางลงเลยครับ (โกรธยังไม่ทันได้เกิดในจิตเลยครับ)

    ลองไปอ่านที่ลิ้งค์ที่ให้ไปดูก่อนนะครับ..
    มีอะไรสงสัยสามารถสอบถามได้ครับ เพราะว่าที่นี่เป็นกระทู้ของมหาชนครับผม..
     
  11. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    คุณคมวรรณ ยังอยู่ดีค่ะ ยังฝึกจิตเกาะพระอยู่อย่างเข้มแข็ง เพียงแต่ตอนนี้ได้ขอให้ท่านส่งการบ้านทาง e-mail ก่อน
    ไม่ทราบเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของคุณ คมวรรณ เนอะ ที่เราได้มาเจอกัน
    ล้อเล่นค่ะ อิอิ :cool:
     
  12. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    การทำจิตเกาะพระนี่..ธรรมดาแรกๆก็ยังไม่ค่อยถนัดนัก แต่ทำไปซักพักนึง..สมาธิจะรวมดิ่งๆๆๆโร้ดดดๆเลย(คือมันจะเร็วมากและกำลังฌานสมาบัติแข็งโป้กเลย..)
    มาช่วยยืนยันอีกคนค่ะ เดิมทำกสิน บริกรรม อานาปา ตอนทำจิตเกาะพระแรกๆก็ขัดๆเขินๆหน่อย พอจะเดินจงกรม ก็จะบริกรรมโดยอัตโนมัติ ก็ค่อยๆปรับไป หลังๆก็ทำได้ค่ะ
    ตั้งแต่ช่วงก่อนจิตยก พอเริ่มนั่งปุ๊ป สมาธิก็ลงแล้วค่ะ หรืออย่างตอนนี้ ลมก็เบาอยู่แล้วเป็นปกติ จะกำหนดให้ลมละเอียดตอนไหนก็ทำได้ทันที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  13. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    ยืนยันด้วยคนค่ะ
    เรื่องจิต เรื่องสมาธินี่เห็นผลชัดมาก
    ปกติเป็นคนที่จิตไม่ค่อยนิ่ง สมาธิไม่ค่อยมี
    จดจ่อกับอะไรไม่ได้นาน
    เวลานั่งสมาธิโดนนิวรณ์เล่นงานแทบทุกครั้ง
    นั่งสมาธิอย่างต่ำครึ่งชั่วโมงถึงจะนิ่งได้
    (แต่ไม่ได้สงบมาก)


    แต่เดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยนั่งสมาธิ นานๆ ทีนั่งที
    แต่ว่า แต่ละครั้งที่นั่งจิตรวมเป็นสมาธิเร็วมาก
    แค่นั่งลงแล้วดูลมหายใจเข้า แล้วมองภาพพระในจิต
    ไม่ถึงสามวินาทีก็เห็นจิตตัวเองกราบพระแล้ว
    จิตเดินทางไปไวขนาดนั้นเลย

    เวลาดูลมหายใจ ไม่ต้องไปกำหนดอะไรเลย
    ดูอย่างเดียว คุณพระ!!
    ลมหายใจละเอียดมาก รู้ลมทุกอย่าง
    แถมลมหายใจเบามากจนเหมือนคนไ่ม่หายใจเลย
    (เป็นเมื่อก่อนก็หายใจแรง หงุดหงิดง่าย)
    แต่เดี๋ยวนี้ลมหายใจเย็น นิ่ง เบา


    ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่ได้ไปไหน นั่งสมาธิทุกวัน
    แต่จิตยังมีกิเลสอยู่เหมือนเดิม
    แต่พอได้เรียนรู้จิตตนเอง และใช้จิตตัวเองเดินตามแก่นธรรมะของพระพุทธเจ้า
    โดยไม่ยึดติดตำรา, ไม่ยึดติดเรื่องสมมุตทางโลก,ไม่อยาก ฯลฯ
    ก็ทำให้จิตออกจากกิเลสได้มากขึ้น จนจิตเข้าถึงธรรมะ เข้าถึงบุญได้ในที่สุด
    ที่กล่าวมานี่อย่าเชื่อกันนะคะ
    เพราะเราทำเอง ก็รู้เอง
    เมื่อทำได้แล้ว จึงกล้าพูด
    เพราะไม่ชอบที่จะักล้าพูด กล้าด่า
    แต่ไม่กล้าทำ ไม่กล้าลอง ไม่กล้าปฏิบัติด้วยตนเองซะก่อน
    แล้วไปตัดสินเขาจากสิ่งที่ตนรู้ แต่ไม่ได้ทำนั้น
    มันไม่ยุติธรรมมากๆ
    เหมือนการดูหนังสือหนึ่งเล่ม
    ถ้าเราเลือกดูแค่หน้าปก (ดูเปลือก) แล้วไปตัดสินว่าหนังสือเล่มนั้นไม่ดีนั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำแ้ล้ว
    เพราะในเมื่อเรายังไม่ได้ตรวจสอบ ไม่ได้ลองอ่านให้จบก่อน (ไม่ลองปฏิับัติก่อน)
    แล้วท่านจะรู้จริงได้อย่างไรว่าสิ่งที่เห็นนั่นมันดี หรือไม่ดี?



    ใครก็ตามที่ตัดสินสิ่งต่างๆ แค่เปลือก
    ไม่เข้าถึงแก่นแท้ของธรรม ท่านก็ไม่มีวันเข้าใจในสิ่งต่างๆ ได้หรอก
    มัวแต่ไปดูถูกคนอื่น, ยึดตำรา, เชื่อมั่นในอีโก้ เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองรู้
    มันก็อยู่แค่ในกะลาเท่านั้น แถมกะลาที่ว่านี้ก็ไม่ธรรมดาซะด้วย
    เพราะมันเป็น "กะลากิเลส"
    แต่ก็อย่างว่า..
    คนอยู่ในกะลา จะมองเห็นสิ่งที่สวยงาม ความสงบ หรือธรรมะที่อยู่ข้างนอกได้อย่างไร?
    ถ้ายังอยากอยู่ในกะลากับกิเลสก็ไม่ต้องทำอะไรมากนะคะ ท่านๆ
    ใช้ชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ สนุกสนานไปวันๆ ศีลขาดบ้างคงไม่เป็นไร
    ใครๆ ก็ทำกัน...


    แต่ถ้าอยากออกมานอกกะลาก็หันมาดูจิตตนให้มาก
    เรียนรู้จิตให้มาก "อยู่กับศีล อยู่กับสติ อยู่กับพระ"
    ด้วยความสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง จิตท่านก็จะออกจากกะลาอันน่าเกลียดสกปรกนี้ได้เอง...


    อ้าว.. ว่าจะมาพูดเรื่องสมาธิ.. ไหงมาพูดถึงกะลา..
    ไปดีกว่า.. ยาวไปแล้ว..

    "ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุขกาย สบายจิต และถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้" ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  14. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    วิธีปฏิบัติจิตเกาะพระ...ธรรมทานจากคุณผึ้ง จิตบุญ ๓๐

    สวัสดีค่ะพี่ภู จิตบุญทุกท่าน จิตบำเพ็ญทุกท่าน จิตเกาะพระทุกท่าน


    ตามที่พี่ภูขอให้ครูจิตบุญเขียนบทความเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติจิตเกาะพระเพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทานกับผู้ปฏิบัติใหม่นั้น


    คุณผึ้งได้ให้ธรรมทานวิธีปฏิบัติจิตเกาะพระที่ท่านเคยปฏิบัติได้ผลแล้วมาแจ้งให้ทราบค่ะ


    พี่เพ็ญและชาวจิตบุญทุกท่านขอโมทนาบุญกับคุณผึ้ง ขอบารมีสมเด็จพ่อองค์ปฐมช่วยให้คุณผึ้งจงมีความสุขกายสบายใจตลอดเวลาทั้งยามหลับและยามตื่น ขอให้ท่านสมปรารถนาในสิ่งที่คิดและตั้งใจทำทุกประการ ขอให้ท่านเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ และเจริญในผลสมาบัติยิ่ง ๆ ขึ้นไป และขอให้มีบารมีแก่กล้ายิ่งขึ้นไปเทอญ

    ........................................

    สวัสดีค่ะพี่ภู, ครูเพ็ญ, น้องหว้า
    ขออภัยค่ะที่ตอบกลับช้า

    วิธีทำให้จิตจำภาพพระได้

    ๑.เลือกภาพพระองค์สีขาว เพราะให้ความรู้สึกสบายตาเวลามองภาพพระ


    ๒.โหลดภาพพระที่ชอบเก็บใส่ไว้ในมือถือ แล้วหยิบขึ้นมาดูบ่อยๆ และสะดวกในการหยิบขึ้นมาดูทุกสถานที่ทุกโอกาส


    ๓.โหลดภาพพระไว้เป็นภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อทุกครั้งเปิด-ปิดคอมฯจะได้เห็นพระองค์ท่านเสมอ


    ๔.น้อมภาพพระมาไว้ที่ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย ผึ้งเลือกไว้ที่ส่วนอก ให้ความรู้สึกว่าท่านอยู่กับเราเสมอ บางครั้งนึกเป็นภาพว่าเรากำลังนั่งเกาะขาท่านไว้จะไม่ยอมห่างจากท่านไปไหน


    ๕.ระลึกถึงพระทุกๆ ๑๐ นาที ทุกอิริยาบท ไม่ว่าจะยืนเดิน นั่ง นอน ทำงานบ้าน ทำกับข้าว ดูทีวี ฯลฯ


    ๖.ตื่นนอนก่อนลุกจากที่นอน นึกถึงพระ น้อมจิตกราบท่าน นึกเป็นภาพไปด้วยว่า เราถวายดอกบัวหรือพวงมาลัยต่อพระองค์ท่าน และตอนนอนก็ทำเช่นเดียวกัน ทำทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ถ้าวันไหนไม่ได้ทำ จิตจะรู้สึกว่าขาดอะไรไป


    ๗.หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ ขอขมาพระ และสมาทานศีล๕ ทุกวัน เพื่อให้จิตได้ทบทวนศีลทุกวัน อันเป็นรากฐานสำคัญ ที่จิตจะได้เกาะพระได้ทรงตัว


    ๘.อธิษฐานจิตทุกวันขอบารมีสมเด็จพ่อองค์ปฐม ให้จิตลูกสามารถเกาะพระได้ตลอดทั้งวัน ตลอดเวลาและจิตยกขึ้นสู่พระนิพพานโดยไว


    ๙.ต้องละวางการปฎิบัติแบบเก่าไว้ก่อน เช่น คำภาวนาพุทโธ ให้จิตทำงานอย่างเดียวคือ ทำจิตเกาะพระมิเช่นนั้นผลการปฏิบัติจะไม่ก้าวหน้า เกิดความท้อใจและขาดส่งการบ้าน เพราะไม่รู้จะเขียนอะไรรายงานครู ( ผึ้งเคยขาดส่งครูมาแล้วสองรอบ แต่ละครั้งหายไปเกือบเดือน )


    ๑๐.การทำจิตเกาะพระต้องไม่เครียด ทำด้วยใจสบายหากวันไหนจิตเครียด นึกภาพพระไม่ออก ก็ใช้วิธีตามดูลมหายใจเข้า-ออก หรือภาวนาพุทโธ จนจิตรู้สึกสบายขึ้น แล้วค่อยให้สติตะล่อมจิตกลับมานึกถึงพระต่อ อย่าปล่อยให้จิตเกาะคำภาวนานานเกินไป เดี๋ยวจิตหลงเกาะพระไม่ติดอีก


    เมื่อจิตเกาะพระติดแล้ว จิตสามารถเห็นพระในจิตได้ทุกครั้งที่นึกถึง และเห็นพระได้ทั้งลืมตาและหลับตาและความละเอียด ความชัดเจนของพระก็จะมากขึ้นไปตามลำดับ

    ผึ้ง จิตบุญ๓๐

    ปล. ครูจิตบุญท่านใดต้องการนำไปเป็นแนวทางสอนลูกศิษย์สามารถคัดลอกไปได้โดยไม่ต้องขออนุญาตค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2012
  15. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุ
    จิตเกาะพระ เน้นความเป็นกลางต่อการปฎิบัติ คือ ทางสายกลาง
    มัชฌิมาปฎิปทา จึงคิดว่า ไม่น่าจะเป็นการยากค่ะ
    ตอน ดชน ฝึกปั่นจักรยาน ยากกว่าตั้งเยอะแถมได้แผล
    ไปอีกหลายแผล หากตั้งใจฝึกและความเพียรนำแล้ว
    ท่านเอาจิตท่านอยู่ได้แน่นอนค่ะ
    ขอเป็นกำลังใจนะคะ
     
  16. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    ภัยพิบัติ กับ กรรม หนีให้ทันด้วยจิตเกาะพระ........
    ใครบอกว่าภัยพิบัติได้ลดลาวาศอกไปแล้ว ไม่จริงหรอก
    ที่จริงภัยพิบัติได้ เพิ่มศอกยาววา ต่างหากล่ะ
    เพิ่มขึ้นมาแบบเงียบๆ หากไม่ได้แห่งใดก็ต้องมีแห่งหนึ่งให้
    ภัยพิบัติได้กระทำตามหน้าที่ของเขา
    ตามข่าวก็คงเห็นกันไปแล้วว่า ที่ใดบ้าง แต่เรามานั่งสังเกตุดูนี่
    ที่ใดที่มีพลังพุทธะกระจายแน่นหนา ที่นั้นภัยพิบัติมักไม่ค่อย
    เข้ามาใกล้ เท่าไหร่ หากจะเข้ามาใกล้ก็จะเป็นปริมาณที่น้อย
    ฮ่วย..แล้วปีที่แล้ว ทำไม มันมาในปริมาณมากล่ะ...มีคำถาม
    ตามที่ดูมา เรา มานุด
    (ขอโทษหากท่านเป็นมนุษย์กันแล้ว เท่ากับ มีศีลห้าครบเต็มแล้ว)
    ทั้งหลายนี่มัก จะชอบเป็นแบบ
    วัวหายแล้วล้อมคอกกันอ่ะ คือ เมื่อก่อนเมื่อใดไม่เคยแคร์อะไร
    แต่มาวันหนึ่งน้ำท่วมบ้านเป็นเดือนๆ ไม่เหลือไรเลย พอน้ำลด
    เกิดอาการกลัวเลยรีบเข้าหาพระหาเจ้า เพราะความกลัวกัน กลัวว่า
    จะเกิดซ้ำซากขึ้นมาอีก แม้บางครั้งจะเป็นการไหว้พระขอ ขอในที่นี้
    ก็อาจจะเป็นขอให้อย่ามีภัย นั่น นี่ ขอให้ปลอดภัย ขอเรื่อยเชียว
    แม้แค่นี้ก็เป็นการสร้างพลังพุทธะขึ้นมาครอบบริเวณนั้นๆ เอ๊า..
    จริงนะ แค่คิดถึงพระก็เห็นผลได้ถึงเพียงนี้ หากเรานึกถึงพระอยู่เป็นนิจ
    จะเห็นผลมากมายเพียงไหน ท่านผู้เจริญทางจิตทั้งหลายโปรดพิจารณา
    บางท่านบอกว่า ไม่เอาอ่ะ ขายที่ตรงนี้แล้วไปอยู่ตรงโน้นดีกว่า ปลอดภัย
    อ๋อ..จับไต๋ได้แล้ว คิดจะหนีล่ะสิ
    หนีอะไรก็หนีได้ หนีภัยพิบัติก็อาจเป็นได้ แต่หนีกรรมนี่สิ มันหนีไม่ได้
    น้ำท่วมไม่ได้เกิดที่เชียงใหม่ หนีไปอยู่เชียงใหม่ซะเลย
    แล้ววันหนึ่ง มีเหตุต้องเดินทางไปนอกเมือง ฝนตกหนัก ดินดันถล่ม
    มาทับรถตัวเองที่เป็นคนขับอยู่ นี่เรียกว่า กรรมติดภัยพิบัติ 55555
    กรรมชัดๆ กรรมซัดกรรมซ้ำ กรรมตามทัน กรรมไม่เว้น
    ต้องโทษติดคุกแล้ว ได้รับการยกโทษออกจากคุก นี่ยอมรับว่า ทำได้.....
    แต่ ต้องโทษทางกรรมแล้ว ไม่มีโอกาสหลุดรอดไปได้อย่างแน่นอน
    ต้องโทษที่จะรับกรรมแล้ว หนีภัยพิบัติไปที่ไหน ก็ต้องไปรับกรรม
    ที่นั่นอย่างแน่นอน
    กรรมที่กล่าวมานั้นถือว่าเป็นกรรมชั่วที่เราได้กระทำไป ต้องได้รับ
    ผลกรรมนั้นๆ พอมากล่าวถึงกรรมดี ที่เราได้กระทำ ผลกรรมดี
    ก็จะส่งผลให้เห็น อาจประมาณได้ว่า ขายของอยู่หน้าหาดทุกวัน
    วันนั้นดันต้องไปเยี่ยมแม่ต่างจังหวัด สุนามิมาพอดี แล้วถามที
    ทำไมต้องมาพอเหมาะพอเจาะกันในวันนั้น
    ไม่มีความบังเอิญ นะท่านผู้เจริญทั้งหลาย
    หมูไป ไก่มา ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ประจวบเหมาะกัน กรรม
    ตามกระทำได้ถึงใจ กฎแห่งกรรม สามคำสั้นๆได้ใจความ
    ฮ่วย...งั้นก็แปลว่าข้อยไปไหนบ๊รอดหากข๊อยต้องถูกกระทำจากภัยพิบัติสิ
    ถูกต้อง...แม่นแล้ว...absolutely right
    แล้วข๊อยต้องทำหยังใด๋
    หนีสิ...หนีในที่นี้ ก็โดยการเอาจิตหนี หนีไปให้ถึงนิพพาน
    ภัยพิบัติ หรือ กรรมตาม ก็ได้แค่ ร่างกายของสูเจ้า
    ไม่มีทางเข้าถึงจิตสูเจ้าได้เป็นอันขาด
    วิธีหนี คือ ฝึกจิต และการฝึกจิตให้หนีขึ้นสู่พระนิพพาน
    คือ ฝึกจิตเกาะพระ แม่นบ๊?
    คำตอบ.....คิดเอาเอง 5555555
    โมทนาสาธุที่อ่านกันจบ
    ปล.หากผู้เขียนเข้าใจข้อเขียนอยู่ผู้เดียวก็ขอ อภัยมา ณ โอกาสนี้เด้อ

     
  17. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ฮ่า วันนี้จิตเข้าวิปัสสนาญาณหลายรอบเลย เพิ่งมาสดชื่นเอาตอนพลบค่ำ ช่วงนี้มีจิตเกาะพระยกฐานะขึ้นจิตบำเพ็ญหลายท่าน ครูเพ็ญเจอวิปัสสนาญาณในจิตตลอดเลย พอจิตเข้าวิปัสสนาญาณ ขันธ์ห้าก็ไม่เที่ยงหล่ะ ตอบการบ้านไม่ได้

    ฮ่า ๆ มาแก้ตัวป่าวเนี่ย แต่ไม่ใช่หรอก รู้สึกสบายในจิตมาก ๆ เลยค่ะ จิตโปร่งโล่งมาก ก็เลยมาเขียนบอกเล่าเป็นธรรมทาน ขอเชิญทุกท่านโมทนาบุญกับครูเพ็ญและจิตบำเพ็ญใหม่ด้วยค่ะ สาธุ
     
  18. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุค่ะ ว่าแต่
    แฮ่ๆ ขออยู่นอกเมืองนะ ท่านพี่ ไม่ถนัดในเมืองเท่าไหร่ง่ะ
     
  19. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    คุณคมวรรณกับคุณทิวลิปขาว หายไปไหนแล้วอ่ะ
     
  20. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุค่ะ มาก่อนได้ก่อน อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...