โชคดีในโชคร้าย เกือบนับถือศาสนาอื่นซะแล้ว.....

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย aof1982, 28 ธันวาคม 2009.

  1. aof1982

    aof1982 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +401
    เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ตามหัวเรื่องเลยครับ

    มันอาจจะไม่เกี่ยวอะไรกับใครหรือให้ประโยชน์กับใครมากเท่าไหร่ แต่ที่ผมจะเล่าให้ทุก ๆ ท่านฟังนั้น ผมว่าเหมือนมันเป็นเรื่องของกรรมดีที่ผมน่าจะเคยทำในชาติปางก่อน เพื่อน ๆ ในบอร์ดฟังกันเลยครับ


    ผมเกิดในตระกูลคนจีน ผูกพันกับวัฒนธรรมหรืออะไรที่เป็นจีน ๆ มาตั้งกะเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเพลงจีน ประเพณีของจีน การไหว้เจ้า ไม่ว่าญาติส่วนใหญ่ก็จะอยู่ใกล้กับอาม่า อากง เหล่าม่า ประมาณนี้ ซึ่งทุก ๆ ท่านที่กล่าวไป แน่นอนครับ นับถือเจ้าแม่กวนอิม และไม่กินเนื้อ....

    ส่วนตัวผมเองชีวิตในวัยเด็กนั้น ผมมีสังคมแค่แบบเดียวคือ เด็กเรียน เด็กติ๋ม คือจะไม่กล้าทำอะไรผิดพลาดเลย กลัวโดนว่า กลัวผู้ใหญ่ดุ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจอะไรในตัวเองเลยก็่ว่าได้ แต่แล้วพอผมโตขึ้นมาหน่อย สังคมก็ได้เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทีละเล็กทีละน้อย จากที่เคยเป็นเด็กติ๋ม ๆ ไม่กล้าทำอะไร พอมาคบกับเพื่อนอีกกลุ่มนึง ซึ่งเพื่อนกลุ่มนี้แตกต่างกับเพื่อนกลุ่มเดิมโดยสิ้นเชิง ชีวิตในตอนนี้เริ่มมี กีฬา การโกหก การกะล่อน และการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมได้เรียนรู้ และเริ่มสนุกสนานกับชีวิตในวัยนี้มาก รู้สึกนี่แหละคือตัวตนของเรา ตอนนี้เราต้องปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน ๆ อย่างมาก แต่ขอบอก ง่ายดายทุก ๆ อย่าง

    และแล้ววันเวลาก็ได้ผ่านไป ผมก็เริ่ม โตขึ้น ๆๆๆ เรื่อย ๆ และตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่เคยสนใจในพระพุทธศาสนาเลย มีวิชาเรียนก็เบื่อ ๆ ด้วยซ้ำ แต่แล้ว เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ได้เกิดขึ้นกับผม

    การพนัน..... ผมเริ่มแทงบอล และเริ่มจากทีละเล็กทีละน้อย จากคู่ละร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น และเป็นแสน แรก ๆ ก็ได้ตลอด และคิดว่าเราหาเงินง่าย แต่พอมาช่วงหลัง ๆ แทงคู่ไหนก็แล้วแต่เสียหมด เสีย เสีย เสีย จนติดหนี้เค้าหลักหลายแสน ซึ่งนับว่ามากอย่างที่สุด เนื่องจากว่าเงินรายวันก็ได้หลักร้อย แต่ไอ้การเล่นเกินตัวแบบจับเสือมือเปล่า ทำให้ชีวิตช่วงนั้นผมต้องหาเงินมาหมุน และใช้นี้อย่างมาก ทั้งยังเคยถูกปั้วบอลตาม คอยหลบหนี จากที่เคยใช้ชีวิตอย่างมีความสุข กลับต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ

    และแล้ววันหนึ่ง ก็มีผู้หญิงสองคนเดินมาหาผม แล้วขอคุยอะไรด้วย เค้าบอกว่า เค้านับถือศาสนาคริสต์ และได้บอกถึงสิ่งที่เป็นผลดีว่าถ้านับถือศาสนานี้แล้วมีอะไรบ้าง และได้บอกว่าถ้ามีปัญหาให้ลองขอพรพระเจ้าดู ซึ่งตอนนั้นมีปัญหากับเรื่องการเรียนด้วย เพราะว่าติดอยู่วิชานึงและเป็นเทอมสุดท้ายแล้ว แต่เทอมต่อไปไม่มีสอน อยู่ที่อาจารย์ล้วน ๆ เลย ถ้าอาจารย์ไม่สนใจจริง ๆ เราก็ต้องเรียนมหาลัยใหม่ ช่วงนั้นพยายามติดต่อหาอาจารย์แต่ยังไงก็ไม่ติดซักที ติดต่อไม่ได้ คิดไว้ว่าถ้าพลาดมาที่บ้านด่ายับแน่ และต้องเสียใจอย่างมาก เพราะว่าบอกกับที่บ้านไปแล้วว่าจบแน่ แต่มหาลัยให้รอรับปีหน้า

    ช่วงนั้นรู้สึกจนตรอกอย่างยิ่ง ทั้งปัญหาการเงินและปัญหาทางการเรียน และอยู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่มีคนมาคุยกับเราในวันนั้น ทำให้คืนหนึ่ง ผมได้ลองสวดขอพรพระเจ้าดู ซึ่งก็ไม่ได้เชื่ออะไรเลย ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นติดต่ออาจารย์สำเร็จ และผลลัพธ์ก็ดีมาก ๆ เพราะว่าอาจารย์ให้ทำงานส่งอย่างเดียว แล้วก็ได้เรียนจบมาในตอนนั้น ตอนนั้นคิดว่าสงสัยเราต้องขอพรพระเจ้าบ่อย ๆ ซะแล้ว เพราะขอแค่ครั้งเดียวก็ได้รับผลที่ดีขนาดนี้

    ปัญหาแก้ได้เปราะนึง แต่อีกหนึ่งปัญหาที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ มันยังไม่ได้หายไปไหน ช่วงนั้นก็ขอพรพระเจ้าตามปกติ แล้วก็ยังแทงบอลตามปกติ ซึ่งผลลัพธ์กลับมา เลวร้ายที่สุด เพราะนอกจากหนี้เก่ายังไม่ลดแล้ว หนี้ใหม่ยังเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งมีอยู่ช่วงนึงเริ่มคิดสั้น แต่ใจเราเปราะเกินไป นอกจากกลัวเจ็บแล้ว เรายังนึกถึงที่บ้านขึ้นมาด้วย ว่าถ้าเราเป็นไรแล้วคนที่บ้านล่ะ จะเป็นยังไง เค้าจะเสียใจแค่ไหน....

    มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นเราก็เดินร้านหนังสือตามปกติ แล้วก็ไปเจอะหนังสือที่เกี่ยวกับกฏแห่งกรรม ก็เลยซื้อมาอ่าน เราก็อ่านไปเรื่อย ๆ จากหนึ่งเล่ม กลายเป็นสอง สาม สี่ เผลออีกที หนังสือพวกนี้อยู่เต็มตู้ไปหมด จากนั้นก็เขยิบเป็นหนังสือสวดมนต์ และหนังสือเกี่ยวกับชีวประวัติของพระพุทธเจ้า และพระอรหันตร์ต่าง ๆ

    ในตอนนั้นที่พึ่งทุกอย่างไม่มีแล้ว เลยหันมาพึ่งธรรมะ เริ่มสวดมนต์ และลองนั่งสมาธิดู แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ได้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน การเงินยังฝืดเคือง ทั้ง ๆ ที่ช่วงหลังเริ่มทำงานแล้ว แต่สิ่งที่ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนคือ สติ จากที่เมื่อก่อนคิดว่า ถ้าเราเสีย เราก็เล่นใหม่ เดี๋ยวมันก็ได้ ทำอะไรขาดสติ เสียเท่านี้ แทงหนักกว่าเดิม แต่เดี๋ยวนี้ บอลก็ไม่เล่นเลยซักครู่เดียว ไม่อยากแตะเลยด้วยซ้ำ หนี้ไม่เพิ่มขึ้นแถมหนี้เก่าก็ลดลงเรื่อย ๆ เพราะเราก็คอยใช้เรื่อย ๆ จนตอนนี้หนี้ใกล้หมดแล้ว ส่วนเรื่องงานก็เริ่มก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ และเงินก็ตามมา

    และเท่าที่ผมศึกษามาน่ะใช่ที่ว่า ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกันหมด แต่ศาสนาพุทธ ทำให้เรามีสติ และที่สำคัญคือสอนให้เราหลุดพ้น

    ทุกวันนี้ผมเริ่มที่จะนั่งสมาธิ พยายามสวดมนต์ให้ได้ทุกวัน และมีความคิดที่จะทำหนังสือสวดมนต์แจกเป็นธรรมทาน แต่ยังติดในเรื่องของปัจจัยอยู่ จึงทำได้มากสุดคือ พิมพ์บทสวดมนต์ หรือประวัติพระพุทธเจ้า หรืออริยบุคคลต่าง ๆ แล้วส่งให้เพื่อน ๆ ทางอีเมล ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังนั่งสมาธิแบบศึกษาเองผิด ๆ ถูก ๆ ก็ไม่ทราบ แต่แล้ววันหนึ่งผมก็ได้มาเจอเวบนี้เข้าโดยเซิร์จจากกูเกิล ผมกลับรู้สึกว่า ความรู้ที่ผมเคยอ่านมา (ผมอ่านเยอะมาก ๆ) นั้นเทียบไม่ได้กับความรู้ในเวบนี้เลย ผมกลับรู้สึกว่าผมเป็นเด็กน้อย ผมสนุกกับการเปิดเวบนี้อย่างมาก อ่านแทบทุกบรรทัด ถ้ามีเวลา

    ผมมีโอกาศนับถือแบบจีน มีโอกาศนับถือแบบคริสต์ แต่ท้ายที่สุด ผมก็ได้มาค้นพบศาสนาพุทธ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ตัวนี้เอง ผมกลับคิดเข้าข้างตัวเองมองเรื่องร้ายเป็นดีว่า ถ้าผมไม่ติดการพนัน ถ้าผมไม่ติดหนี้บอล ถ้าผมไม่เจอเพื่อน ๆ แบบนี้ ผมก็คงไม่ได้รู้จักศาสนานี้แบบลึกซึ้ง ทั้ง ๆ ที่เคยบวชเรียนมาแล้ว ผมมองว่าเงินหลายแสนเหยียบล้านนั้น เหมือนกับเป็นเงินที่แลกให้ผมได้รู้จักกับคำว่าพุทธศาสนา ทุกวันนี้หลังจากสวดมนต์แล้วนั่งสมาธิเสร็จนั้น นอกจากจะอโหสิกรรมและแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลแล้ว ผมยังได้ขอพรให้กับตัวเองอีกว่า

    "ขอให้ได้เกิดทันในยุคของพระศรีอารยเมตรไตร ขอให้ได้อยู่ในพระพุทธศาสนา ขอให้ได้บวชในทุก ๆ ชาติ และสุดท้ายขอให้เป็นปัจจัยในการเข้าสู่พระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้านี้ด้วย เทอญ"



    ผมถือว่าเงินที่ผมได้เสียไปนั้น น้อยจริง ๆ ครับกับสิ่งที่ผมได้รับกลับมา ผมอาจเคยทำกรรมดีเอาไว้ก็ได้ หุหุหุ


    อาจยาวและไร้สาระไปบ้าง แต่นี่คือหนึ่งในความภูมิใจสูงสุดของผมครับ
    (ใครมีอะไรแนะนำเกี่ยวกับวิปัสนาหรือการเดินจงกรมที่ถูกวิธี แนะนำด้วยนะครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ สหายธรรม บุญญารักษา)
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ชีวิตนี้อย่างกับละครนะ....

    เอาเป็นว่ากลับมาได้แล้ว...ด้วยสติด้วยปัญญาก็ดีแล้วครับ....

    น่าจะบอกนะว่าขอพรพระเจ้าได้...แต่ไม่ขอพระกวนอิม....ก็จะได้เท่ากัน...โพธิสัตว์ทำหน้าที่.....แต่ถ้าหวย การพนัน ขอเลยครับ หมด...๕๕

    เรื่องการปฏิบัติไม่แนะนำครับ....เอาอันที่คุณเคยทำ...แล้วทำมันให้ดี...ทำมันให้ถึงที่สุด..สาธุครับ...กับเรื่องราวดีๆ...
     
  3. NikuSeed

    NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    อย่างนี้เค้าต้องเรียนว่าชีวิต "ดราม่า" มากเลยครับ ^^
    มิตรก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสู่นิพพานเหมือนกัน...
     
  4. สบู่เลือด

    สบู่เลือด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +391
    เคยเหมือนกันค่ะ มีคนมาชวน โดนชวนเยอะมากๆ ตอนช่วงม.ปลาย
    แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าเราเหมาะกับทางพุทธมากกว่า คือเลื่อมใสพุทธศาสนาแล้ว
    ก็บอกเค้าว่าขอบใจที่หวังดีมาชวน เพราะเค้าบอกว่าเค้าชวนเพราะกลัวเราตกนรก
    เค้าบอกว่าถ้าไม่นับถือคริสต์ พอถึงวันพิพากษาคนนอกศาสนาต้องตกนรก
    แต่เราก็ปฏิเสธไปค่ะ บอกว่าคนเรามีทางไม่เหมือนกัน แต่ก็ขอบใจที่หวังดี
    แค่รู้สึกว่าคริสต์ยังไม่ใช่สำหรับเราอ่ะค่ะ แต่ไม่ได้แปลว่าของเค้าไม่ดี
    ศาสนาคริสต์ก็มีคนนับถือเยอะที่เค้าเลื่อมใสเหมือนกับที่เราเลื่อมใสพุทธศาสนา
    คือ ต่างคนก็ต่างมีสิ่งที่เหมาะกับตัวเองแตกต่างกันน่ะค่ะ
     
  5. nantapong

    nantapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    913
    ค่าพลัง:
    +2,154
    อนุโมทนา ทำดีแล้วครับ

    _______________

    <a href="http://www.fungdham.com"><img src="http://www.fungdham.com/images/fungdham01.gif" alt="โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน" width="190" height="58" border="0"></a>
     
  6. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    ขอให้เจริญในธรรมต่อไป...

    "ขอให้ได้เกิดทันในยุคของพระศรีอารยเมตรไตร ขอให้ได้อยู่ในพระพุทธศาสนา ขอให้ได้บวชในทุก ๆ ชาติ และสุดท้ายขอให้เป็นปัจจัยในการเข้าสู่พระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้านี้ ด้วย เทอญ"

    ขออนุโมทนากับท่านด้วย

    นี่คือทางที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ขอให้เร่งในความเพียร อย่าได้ย่อหย่อน เมื่อเราเดินมาถูกทางแล้ว เราก็ต้องทุ่มเต็มกำลัง เพราะวันเวลาที่หมุนไป แสดงถึงเวลาที่เหลืออยู่ในภพ ภูมิมนุษย์น้อยลงไปทุกขณะ ตามอายุขัยเรา หลายครั้งที่จิตออกไปสร้างรูปละเอียดภายนอกแล้ว มองกลับมาดูกายเนื้อตนเอง รู้สึกได้ว่า ณ วันนี้เราบำเพ็ยเพียรเพื่อเผาทำลายกิเลสได้มาก น้อยขนาดไหนแล้ว แล้วเวลาที่เหลืออยู่ จะไปถึงฝั่งได้หรือไม่ เพราะเจ้ากายเนื้อนี้มันไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย...

    หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่มุ่งมั่นจริง ขออยู่อย่าง อิทธิบาท 4 นั้นอย่าได้ปล่อยเป็นอันขาด
    เริ่มที่สมถะนั้นถูกต้องแล้ว จะได้ถึงขั้นไหนก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของท่าน แต่ขอให้ศึกษาและทำความเข้าใจ และเลือกตามจริต นิสัยตนก่อนลงมือปฏิบัติ และเมื่อเริ่มแล้ว ไม่จำเป็นอย่่าเปลี่ยนแบบ หรือถอย หรือเลิก จงใช้อิธิบาท 4 ตั้งมั่นไว้ อย่าบังคับ กดข่ม ให้เป็นแบบสบายๆ ในการดำเนินไปของชีวิตประจำวัน แต่ห้ามปล่อย เมื่อสมาธิตั้งมั่นแล้ว การยกองค์วิปัสนามาพิจารณาจะสามารถทำให้กิเลสในจิต เบาบาง และสุดท้ายก็ถอดถอนไปได้..

    ในเวบนี้ มีนักปฏิบัติ ทั้งฆราวาสและภิกษุ ระดับ ทรงฌาน หลายท่าน ที่สามารถให้คำชี้แนะท่านได้ เป็นบุญท่านแล้ว ที่ได้พบเจอพระพุทธศาสนา
    ขอให้เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ธันวาคม 2009
  7. aof1982

    aof1982 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +401
    พอดีเพิ่งกลับจากปีใหม่มา เพิ่งจะได้เปิดอ่าน

    ขอขอบคุณทุกท่านที่คอมเมนต์ หรือท่านที่ได้อ่านด้วยนะครับ
    ผมจะพยายามนั่งสมาธิและสวดมนต์ทุกวัน ๆๆๆ
    คืบหน้าหรือสงสัยยังไงผมก็คงตั้งกระทู้ถามเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในบอร์ดนี่แหละครับ
     
  8. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ถ้าใครชวนอะไรก็ไป คือเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี ขี้เกรงใจ
    บางทีตามใจคนอื่น เบียดเบียนตนเอง

    เพิ่มกำลังจิตก่อนเลย นั่งสมาธิ ยึดหลักใจว่าอะไรที่ผิดศีลธรรมไม่เอา เป็นหลักใจ
    เดินจงกรมก็นับก้าว รู้ความรู้สึกที่เกิดที่เท้า ตลอดภายในตัว
    แนะนำเหมาะกับวัยรุ่น
    http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=21575
    พระอารยะ วังโสท่านสอนนั่งสมาธิอาณาปานสติ นั่งตามไฟล์เลย ชม.กว่า
     
  9. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    ขออนุโมทนากับ จขกท.ด้วยครับ

    ผมก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เข้ามาศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง เพราะผมป่วยเป็นโรคเครียด เคยอ่านมาว่าการทำสมาธิสามารถช่วยรักษาโรคเครียดนี้หายเด็ดขาด เลยได้กำลังใจอย่างมากในการปฏิบัติ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเฉยๆแล้ว โรคจะหายหรือไม่หายก็ช่าง ไม่คิดกังวลกับมันอีกต่อไปแล้ว
     
  10. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    คริสต์ก็อย่างนี้แหละครับ - - รอคนสวดแล้วฟลุ๊คเป็นผลสำเร็จ
    ใครสำเร็จเขาก็บอกให้รับเชื่อ ใครไม่สำเร็จก็บอกว่ายังไม่ถึงเวลา มุขเดิมๆ
    คริสต์ใช้แต่ศรัทธา เหตุผลไม่เกี่ยว ไม่มีเส้นทาง
    วันๆเอาแต่เชื่อๆๆๆๆ อ้อนวอนๆๆๆๆ สรรเสริญๆๆๆๆ ทำเลวแค่ไหนก็รอด
    สำหรับคาทอลิกก็แค่ไปรอในไฟชำระแปปๆ ส่วนคนดีๆ ไม่ใช่ผู้รับเชื่อ
    ทำผิดนิดเดียว พระเจ้าถีบลงบึงไฟหมด (อ้างว่าตัวเองยุติธรรม อยากจะหัวเราะ3ที ปรัมปราได้อารมณ์จริงๆ ยังปรัมปราได้อีก)
    ส่วนเรื่องอธิษฐานต่อพระเจ้าแล้วได้ผล มันมาจากกำลังของจิตซะมากกว่า
    ไม่ก็บุญเก่าอำนวย ของพุทธก็อธิษฐานบุญได้ ให้ผลดีกว่าด้วย พุทธเราครบทุกอย่าง พุทธเรายอดที่สุด พระพุทธเจ้าทรงเข้าใจสรรพสัตว์ทั้งมวลอย่างถ่องแท้
    ไม่มีใครเข้าใจจริงๆเลย แม้แต่ตัวของผู้นั้นเอง ก็ไม่เข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่เลย
    ถ้าถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าพระพุทธเจ้าทรงเข้าใจทุกๆชีวิต ทั้งที่เรายังไม่เข้าใจตัวเองจริงเลย
    ก็เพราะยิ่งศึกษาธรรมของพระองค์เท่าไหร่ ยิ่งเข้าใจตัวเองมากขึ้น
    ธรรมดึงจิตเข้ามาหาตัว และพาเราให้หลุดพ้นจากตัวตน พ้นจากกิเลส อวิชชา บ่วงของมาร
    สู่ทางรอดที่แท้จริงจากสังสารจักร พระพุทธเจ้าคือแสงสว่างของสรรพสิ่ง
    แสงสว่างที่ปลุกให้ตื่น ให้ตื่นจากฝันร้ายแห่งสังสารจักร

    ปล.นับถือแบบจีนๆก็พุทธนะครับ พระโพธิสัตว์กวนอิมก็พุทธ เทพหลายๆองค์ก็เป็นพุทธ
    แต่จะผสมกับเทพเต๋าอยู่บ้าง เท่านั้นเอง
     
  11. ดาวจรัสแสง

    ดาวจรัสแสง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +3,015
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ค่ะ

    ส่วนเรื่องราวของตัวดิฉันเองอาจจะคล้ายๆแต่ไม่ใช่ซะทั้งหมด ดิฉันเกิดมาจากครอบครัวและทั้งหมู่บ้านนับถือศาสนาคริสต์(แต่ทานเนื้อสุนัข)มานานกว่า๒๐๐ปี ช่วงยังไม่ถึง๒๐ปีแรกของดิฉันเป็นคริสศาสนิกชนแบบปฎิบัติเข้าโบสถ์ ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า สวดวันทามารีอาและอีกหลายๆบทสวดตามแบบคาโธลิค

    จะว่าเป็นความโชคดีหรือเปล่าก็สุดจะหาคำตอบได้ ดิฉันได้หนังสือสวดมนต์เริ่มสวดชินบัญชร ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏกและอีกหลายๆบทสวด(น่าจะสวดได้๑๘ปีแล้ว) และเพิ่งไม่นานนี้เองได้เริ่มเข้าเวปพลังจิต ทำให้ดิฉันอยากนั่งสมาธิ อยากทำหลายๆอย่างเพื่อตัดกิเลศ อยากหลุดพ้นจากความไม่รู้ คนเราเกิดมาเพราะว่ายังติดค้างกับความไม่รู้ก็น่าจะจริง

    กำลังเริ่มหัดจับลมหายใจ เรียนรู้เท่าทันจิตอยู่ค่ะ บอกตัวเองเป็นครั้งที่ล้านแปดแล้วค่ะว่าเป็นคนขี้เกียจหายใจ อิๆ

    เจริญในธรรมกันทุกท่านค่ะ
     
  12. kaewsiriraj

    kaewsiriraj สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ศาสนาคริสต์

    จริงๆแล้วพระเจ้าไม่ได้บอกอย่างนั้นนะคะ
    พระเจ้าให้อภัยทุกคน เพราะ พระเจ้ารู้ว่า คนที่มีปัญหามากๆ ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ติดการพนัน บางคนจะคิดว่าจะทำดีไปทำมั๊ย ทำเลวมาขนาดนี้แล้ว คือบางคนฆ่าคนตาย บางคนทำหนี้ไร้สาระเป็นล้าน บางคนดูถูกตัวเองว่าโง่ แต่จริงๆแล้ว บางทีนั่นเกิดจากสิ่งแวดล้อมและสภาวะจิตใจยังเด็ก ทั้งๆทีอายุมากแล้ว ประเภทท้อง่าย คือว่า พระเจ้าจะให้ทุกคนที่ขอ แต่หลังจากนั่นทุกคนก็จะถูกทดลองว่าพระเจ้าช่วยขนาดนี้แล้ว ถ้ามีปัญหาจะแก้ได้มั๊ย จริงๆแล้วพระเจ้าบอกว่า "ทุกครั้งที่เจอปัญหา คือ ทุกครั้งที่เจอเรา(god)" แต่ก่อนก็คิดอยาก คุณเหมือนกันเรื่อง Anti ศาสนาอื่น แต่เดี๋ยวนี้ คิดว่าเป็นทางเลือกนะคะ ก็อยากให้ทุกคน คิดว่า ถ้ามีปัญหาแล้วแก้ไม่ไหว ลองศึกษา พุทธ อิสลาม เซน เต๋า คริสต์ ก็ดีกว่าติดยา ทานเหล้า ติดผับ ติดบาร์ ติดเงินทองวัตถุ ค่ะ บางทีปัญหามาจาก พ่อแม่ คนรอบข้าง จริงๆ ทุกอย่างขึ้นกับมุมมองค่ะ
     
  13. kaewsiriraj

    kaewsiriraj สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    พระเจ้าบอกให้หว่าน คือให้ทำงาน ให้ตั้งใจทำงาน แม้มีปัญหาผู้ร่วมงานก็ให้เชื่อว่า พระเจ้าอยู่ด้วย ทำงานไปโดยไม่ต้องสงสัยว่า ทำงานแล้วจะได้เลื่อนขั้นมั๊ยนะ ทำงานอย่างนี้จะสบายใจกว่า พระเจ้า บอกคนไม่หว่านก็จะไม่ได้

    เปรียบเหมือน ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้

    15คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ {เงินหนึ่งตะลันต์ มีค่าประมาณสองหมื่นบาท} คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคนแล้วท่านก็ไป

    16คนที่ได้รับห้าตะลันต์นั้นก็เอาเงินนั้นไปค้าขายทันที ได้กำไรเท่าตัว

    17คนที่ได้รับสองตะลันต์นั้นก็ได้กำไรเท่าตัวเหมือนกัน

    18แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวได้ขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้

    19ครั้นอยู่มาช้านานนายจึงมาคิดบัญชีกับทาสเหล่านั้น

    20คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็เอาเงินกำไรอีกห้าตะลันต์มาชี้แจงว่า "นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินห้าตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์"

    21นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด"

    22คนที่ได้รับสองตะลันต์มาชี้แจงด้วยว่า "นายเจ้าข้า ท่านได้มอบเงินสองตะลันต์ไว้กับข้าพเจ้า ดูเถิด ข้าพเจ้าได้กำไรมาอีกสองตะลันต์"

    23นายจึงตอบว่า "ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด"

    24ฝ่ายคนที่ได้รับตะลันต์เดียวมาชี้แจงด้วยว่า "นายเจ้าข้า ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านเป็นคนใจแข็ง เกี่ยวผลที่ท่านมิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่ท่านมิได้โปรย

    25ข้าพเจ้ากลัวจึงเอาเงินตะลันต์ของท่านไปซ่อนไว้ใต้ดิน ดูเถิด นี่แหละเงินของท่าน"

    26นายจึงตอบว่า "อ้ายข้าชั่วช้าและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้หรือว่าเราเกี่ยวที่เรามิได้หว่าน เก็บส่ำสมที่เรามิได้โปรย

    27เหตุฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากไว้ที่ธนาคาร เมื่อเรามาจะได้รับเงินของเราทั้งดอกเบี้ยด้วย

    28เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์

    29ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา
     
  14. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ของหนูไม่เกือบค่ะ อิอิ..หนูนับถือไปแล้วด้วย โชคดีที่ไหวตัวทัน เกือบซวยแล้ววเรา.
     
  15. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    อนุโมทนากับจขกทด้วยนะครับ ศาสนาพุทธนี่สุดยอดแล้วครับ
     
  16. ธารธรา

    ธารธรา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +17
    แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวบ้าง เราเองครอบครัวเป็นพุทธ แต่เรียนรร.คริสต์มา และด้วยความที่พ่อแม่เป็นพุทธที่ไม่เชื่อเรื่องพิธีกรรม เลยไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระเลยตอนเด็กๆ เคยแต่สวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าทางคริสต์ เพราะรร. สอนมาแบบนี้ และเราเองก้ไม่เคยรู้เรื่องอะไรทางพุทธเลย นอกจากในหนังสือที่พ่อแม่ให้อ่านบ้าง ซึ่งเป็นหลักธรรมยากเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ ตอนเด็กๆเราเลยคิดว่า โตไปเราจะเปลี่ยนศาสนาเป็นคริสต์ เราชอบอ่านเรื่องพระเจ้า พระเยซู โมเสส ฯลฯ มากๆ แล้วก็ซาบซึ้งเวลาอ่านด้วย ... ด้วยความที่ถูกสอนให้อธิษฐานกับพระเจ้า ทำให้เราชอบอธิษฐานบ่อยๆเวลามีปัญหา ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ทำให้เราเข้าใจประสบการณ์ของคนคริสต์แบบที่รู้สึกเหมือน "สื่อสาร" กับพระเจ้าได้ (หลายเืรื่อง ขอแล้วได้จริงๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร เช่นขอให้ครูไม่มาสอน หรือขอให้สอบผ่านทั้งๆที่ไม่ได้อ่านหนังสือ ก็จะไม่ได้) แต่ช่วงมัธยม เราย้ายรร. เปลี่ยนมาเรียนรร.พุทธ เราได้เจอสวดมนต์แบบพุทธเป็นครั้งแรก.. อาจจะฟังดูแปลกๆนะ แต่เราเกิดความรู้สึกชอบ ซาบซึ้งและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ชอบมากกว่าสวดมนต์ทางคริสต์ เรารู้สึกเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักพุทธเลย อยู่ๆได้มารู้จักสิ่งใหม่ แ้ล้วก็ประทับใจ จากนั้นเราก็หันมาสวดทางพุทธ นั่งสมาธิบ้าง แต่เราก็ยังอธิษฐานถึงพระเจ้าอยู่เป็นระยะๆ ตามความเคยชินนะ (deejai)(deejai) แต่ระยะหลังๆ เราไม่ได้อธิษฐานถึงพระเจ้าแล้ว เพราะหันมาเป็นพุทธเต็มตัว แต่สรุปคือ ประสบการณ์เราบอกว่า ศาสนาไหนๆก็ดีทั้งนั้น ถ้าเราไม่ได้ศรัทธาอย่างหน้ามืดตามัว แ่ต่ใช้สติปัญญา เราคงมีบุญกับศาสนาพุทธมากกว่า เลยหันมาทางนี้ ทั้งๆที่ได้รู้จักกับคริสต์ก่อน
     

แชร์หน้านี้

Loading...