ก่อนไปวัด..ก็เล่าให้นิทานให้อ่านเรื่องนึง ละกัน.. เมื่อคืนฝันว่า..เห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ประมาณ ๔-๕ คน เล่นน้ำกันอยู่ในแม่น้ำ มั้ง..เพราะจะไหลไปตามน้ำด้วย.. เราก็มองเค้าเล่นน้ำกันอยู่ พอสักพักเค้ายิ่งลงไปในน้ำที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ยักกลัว..แฮะ เราซิรู้สึกกลัวแทน..กลัวว่าเค้าจะมีอันตราย หลังจากนั้นเราก็ไปอยู่ในห้อง ห้องหนึ่ง.. ที่มีผู้หญิงกลุ่มที่เล่นน้ำอยู่นั้น..อยู่ใต้พื้นห้องที่เรายืนอยู่.. ภายในห้อง จะยกระดับเป็นชั้น ๆ ไป (ลักษณะคล้ายโรงหนัง..มีที่นั่งเป็นชั้น ๆ ) แต่ละชั้นจะมีโต๊ะ..ลักษณะเหมือนโต๊ะหมู่บูชา ที่วางแยกเป็นตัว ๆ ไป.. ชั้นบนสุดเหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรซักอย่าง...เราก็ยืนมองสำรวจอยู่.. ปรากฏว่า..มีผู้ชายเข้ามาสองคน..ลักษณะเหมือนเป็นลูกน้องเค้า..(เค้าคือใคร.? ก็ไม่รู้) มาถึงก็ปัดสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะ..บางอย่างก็เก็บใส่กระเป๋า..เราจึงเห็นว่า..ของที่วางบนโต๊ะนั้น เป็นเหมือนพระขรรค์..ตรีศูล..บ้าง ที่มีขนาดเล็ก..แล้วมีสีคล้ายๆ เป็นทองหรือทองเหลืองไม่แน่ใจ.. แล้วเขาก็พูดว่า..เราช้าไป..ไม่ทันแล้ว..เจ้านายมาแล้ว.. ลักษณะคล้ายๆ กับว่า..เราน่าจะต้องไปหยิบอะไรซักอย่าง..ที่อยู่บนโต๊ะชั้นบนสุด..จบ เด๋ว..เราจะไปเวียนเทียนที่วัดและบนยอดเขารอบพระพุทธเจ้าปางเดียวกับที่นครปฐม แล้วก็นอนบนเขาอีกลูกหนึ่ง(เป็นธรรมชาติดีมาก.กก) ถ้าฝนไม่ตก..และมีดาวขึ้นทอแสงเป็นประกาย.อ้อ.! ลืมบอกไป บนเขาลูกนี้..หลวงพ่อจะพาแม่ชี คนบวชชีพราหมณ์ และคนถือศีล ไปทำวัตรเย็น ฟังธรรมแล้วก็นั่งสมาธิ จะไม่มีใคร..อยู่นอนบนเขา ก็ขอให้สบายกาย สบายใจ ทุกทุกคนนะคะ ...ดาว*
คิดๆ แล้วก็งงกับตัวเองเหมือนกัน.....ทำไมเราไร้สาระได้มากมายขนาดนี้นะ เวลาเห็นภาพทีไร ใจมันเต้นแทบจะทะลุออกจากอก เพราะความอยากได้ แต่พอได้มาจริงๆ กลับเฉยๆ ซะงั้น มองทีไร ก็สมเพชตัวเองทุกที... เมื่อไหร่จะเอาชนะตัณหาได้ซะที....:'(
มันนึกชื่อได้ขึ้นมาเอง..(ตอนอาบน้ำ..เมื่อตะกี๊นี้) ถ้าไม่บอกก็จะค้างคาใจเราอีก.ก็เลยขออนุญาตตั้งชื่อ..น้องมณีพรรณราย..เม็ดอื่น.ๆ ไม่เห็นนึกชื่ออะไรได้เลย..
ปกติดาว่าดาอยู่เฉยๆ อยู่ห่างๆ แว๊บๆ เป็นทีๆ นะ แต่รู้สึกหมู่นี้ โดนท่านพูดถึงบ่อย เดี๋ยวคิดค่าปรับเลยดีไหม.. ศิวกา..ไม่อยู่ในตัวเลือกแนนอนค่ะ ขืนส่งไป ท่านๆ จะวิ่งหนีและส่งกลับไม่ทันแน่นอนเพราะหน้าสยองมาก
เรื่อยๆ ค่ะพี่หนูนุ๊กคนสวย มีเรื่องให้คิดเครียดเยอะมากค่ะ วันนี้ติดธุระไม่ได้ไปวัดค่ะ แต่ได้ทำความดีอย่างนึง คือได้พยุงคนแก่ที่เดินขึ้นบันได เลื่อนค่ะ^^ แล้วพรุ่งนี้จะไปทำบุญวันเกิด และ ทำบุญวัน เข้าพรรษาค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุ และสุขสันต์วันเกิดนะคะ น้องดา ครบรอบวันเกิด ชีวิตก็เกิดใหม่...... เริ่มรับสิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตใหม่ แทนสิ่งเก่าๆ ที่มีแต่ความหมองเศร้า..... แสงธรรมนำทางชีวิตใหม่...ให้ได้พบสัจธรรม นะคร้าาา
สาธุๆๆ กระโดดรับพรอันวิเศษแทบ ไม่ทันเลยค่ะ พรใดที่ให้มาขอให้พี่หนูนุ๊กและ ทุกคนได้กลับไป เป็นล้านๆๆๆๆๆๆ เท่าเลยจ้า สาธุๆๆ ^_^
วันนี้เป็นวันพระใหญ่ ขอสักหน่อยแล้วกันนะคะ ไหนๆ ก็ไม่ได้ไปไหนกับใครเค้าเลย หลายๆ คนบอกว่าวันนี้ไปทำบุญ หลายๆ คนก็ชวนกันไปทำบุญ ก็เลยขอพูดเรื่องบุญ บุญคืออะไร? ตามหลักของพระพุทธศาสนา บุญคือ พลังงานชนิดหนึ่่งซึ่งบริสุทธิ์มากๆ ไม่ว่าจะมีปริมาณมาก ปานกลางหรือน้อย ก็จะนำความสุขมาให้ ไม่มีโทษเจือปน พลังงานบุญจะดลบันดาลให้เกิดความสุข ความเจริญ ความสมหวังแก่เจ้าของบุญ ทั้งในชาติปัจจุบัน และภพชาติเบื้องหน้า เช่นเกิดในตระกูลสูง สุขภาพแข็งแรง รูปร่างหน้าตาดี มีทรัพย์สินเงินทอง มีปัญญา มีอำนาจมาก เป็นต้น เนื่องจากบุญ เป็นพลังงานที่มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก จึงสามารถควบคุมกิเลสที่บีบคั้นจิตใจให้เศร้าหมอง มีความเห็นผิด คิดชั่วร้าย ให้หยุดออกฤทธิ์ได้ ยังผลให้ิจิตใจบริสุทธิ์ผ่องใสได้อย่างน่าอัศจรรย์ เช่น บุญจากการทำทาน สามารถควบคุมกิเลสจากความโลภไ้ด้ บุญจากการรักษาศีล สามารถควบคุมกิเลสอันเกิดจากความโกรธได้ และบุญจากการภาวนา สามารถควบคุมกิเลสที่เกิดจากความหลงได้ ทำใจให้บริสุทธิ์ขึ้นได้ในระดับหนึ่ง ถ้าคนเราสะสมบุญอย่างต่อเนื่อง กิเลสก็จะถูกควบคุมตลอดไป พลังงานบุญนั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา เปล่า แต่เห็นได้ด้วยตาทิพย์(ทิพยจักษุ) อีกทั้งรู้สัมผัสได้ด้วยใจ เช่น เมื่อเราทำบุญหรือนึกถึงบุญแล้ว จะรู้สึกปิติเป็นสุขสดชื่น หน้าตาผ่องใส ในยามที่เราคิดถึงบุญ พูดเรื่องบุญและทำบุญ พลังงานจะเกิดขึ้นในดวงจิตของเรา และเก็บสะสมไว้เรื่อยๆ บุญจะเกิดขึ้นกับใจของผู้กระทำ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็มีคุณสมบัติเฉพาะตัวอย่างมากมาย เช่น 1.เป็นของเฉพาะตน ต้องทำด้วยตนเอง 2.ติดตามตัวเราไปได้ถึงภพภูมิใหม่ 3.ไม่มีใครสามารถแย่งหรือขโมยไปได้ 4.เป็นเครื่องป้องกันภัยในวัฎสงสาร เช่นช่วยไม่ให้ตกนรก 5.สามารถส่งผ่านไปได้ไกลๆ แม้ข้ามภพภูมิ เช่นการอุทิศบุญให้แก่ผู้ที่อยู่ในสุคติภูมิ 6.ทำให้เกิดเป็นมนุษยสมบัติ ทิพยสมบัติและนิพพานสมบัติ หมั่นทำบุญ รักษาศีลและ ภาวนากันให้มากๆค่ะ เพื่อพระพุทธศาสนา
วิธีดูเนื้อนาบุญ บทสังฆคุณ จะชัดมากค่ะ สุปะัฏิปันโน พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ละกิเลสสังโยชน์ได้ 3 ประการ อุชุปะฏิปันโน พระสงฆ์ผู้ปฏิบัตตรงต่อพระนิพพาน ละกิเลสสังโยชน์ 3 ประการ และทำ ข้อ 4 และ 5 ให้เบาบาง ญายะปะฏิปันโน พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติรู้จริง และไม่กลับสู่ความเป็นมนุษย์อีกแล้ว ละสังโยชน์ได้ 5 ประการ สามีจิปะฏิปันโน พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติชอบในธรรม ละสังโยชน์ 10 ประการ ชื่อว่าเป็นเนื้อนาบุญ ของโลก ควรแก่การทำสักการะ บูชา และ การทักษิทาน ค่ะ.. เนื้อนาบุญก็คือ อริยบุคคลนั่นเอง ซึ่งมีอยู่ ๘ ประเภท อริยบุคคลคือ บุคคลที่ตัดหรือละสังโยชน์ในขั้นต่างๆได้ การตัดสังโยชน์เป็นการตัดทางจิต คนธรรมดายากที่จะเห็นได้ อริยบุคคลเท่านั้นที่จะรู้ด้วยตัวเองว่า จิตของตัวเองละสังโยชน์ได้กี่ข้อแล้ว (ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ-เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน)
สวัสดียามเย็นย่ำค่ำมืดค่ะ ทุกท่าน ทุกนาม เอาบุญมาฝากกันค่ะ... สีเขียวอมฟ้า... สีน้ำทะเล สวยมากๆเลยนะคะเนี่ย ชอบจัง ทีแรกเหมือนจะดุ แต่เอาจริงๆก็นิสัยดี ขี้เล่นแท้ๆ พระธิดาองค์นี้ ยินดีกับพี่นุ๊กด้วยค่ะ เรื่องราวเริ่มคลี่คลายแล้วจ้า
อนุโมทนานะคะ น้องฟ้ามุ่ย ไม่ใช่เรื่องของพี่นะคะ เพราะมันเป็นนิทานไม่ใช่เรื่องจริง แล้วคนเล่าก็เป็นศิลปินซะด้วย นึกอยากจะเล่าก็...เล่า นึกไม่อยากเล่าก็หยุดเล่าซะงั้น...เอานิยายอะไรไม่ได้เลย
เอาสังโยชน์ ๑๐ มาฝากค่ะ เผื่อว่าใครจะน้อมนำไปพิจารณาตนเองบ้าง ส่วนตัวเองพิจารณาแล้ว เลวกว่าเดิมอีก เพราะยังมีอยู่ทุกข้อเลยค่ะ... ไม่ได้แล้ว ต้องรีบปรับปรุงตนเองโดยด่วนเลยเรา สังโยชน์ ๑๐ (กิเลสอันผูกใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ หรือผูกกรรมไว้กับผล) ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ (สังโยชน์เบื้องต่ำ เป็นอย่างหยาบ เป็นไปในภพอันต่ำ) ๑. สักกายทิฏฐิ (ความเห็นว่าเป็นตัวของตน เช่น เห็นรูป เห็นเวทนา เห็นวิญญาณ เป็นตน เป็นต้น) ๒. วิจิกิจฉา (ความสงสัย, ความลังเล ไม่แน่ใจ) ๓. สีลัพพตปรามาส (ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร) ๔. กามราคะ (ความกำหนัดในกาม, ความติดใจในกามคุณ) ๕. ปฏิฆะ (ความกระทบกระทั่งในใจ, ความหงุดหงิดขัดเคือง) ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ (สังโยชน์เบื้องสูง เป็นอย่างละเอียด เป็นไปแม้ในภพอันสูง) ๖. รูปราคะ (ความติดใจในอารมณ์แห่งรูปฌาน หรือในรูปธรรมอันประณีต, ความปรารถนาในรูปภพ) ๗. อรูปราคะ (ความติดใจในอารมณ์แห่งอรูปฌาน หรือในอรูปธรรม, ความปรารถนาในอรูปภพ) ๘. มานะ (ความสำคัญตน คือ ถือตนว่าเป็นนั่นเป็นนี่) ๙. อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน) ๑๐. อวิชชา (ความไม่รู้จริง, ความหลง)
- ทิพย์ญานี ยังอยู่ในเมืองบาดาล ..หรือ อยู่ที่เมืองมนุษย์ เจ้าค่ะ - วิจิตรา ไม่มีชื่อ (k) เอ...แล้ว นิด ชื่ออะไรเจ้าค่ะ..
สวัสดีค่ะ..ชาวเมืองคุรุวาโร ทุกท่าน ...เพิ่งกลับจากวัดมาถึงบ้านนี่แหละ ก็แวะเอาบุญมาฝากจ้ะ... เมื่อวานไปถึงวัดประมาณหกโมงเย็น..ก็ขึ้นศาลาวัด(แบบชาวบ้านดั้งเดิม) ไปกราบพระพุทธเจ้า และกราบรายงานตัวกับหลวงพ่อ หลังจากนั้นก็มาช่วยเค้าพับดอกบัว เพื่อจัดให้สำหรับคนที่มาเวียนเทียน (คนมาเวียนเทียนก็บริจาคเงินเข้าวัด) เสร็จแล้วก็ขับรถขึ้นไปบนเขา..เริ่มพิธีเวียนเทียนประมาณสามทุ่ม (เพราะมีงานศพที่วัดคืนแรก หลวงพ่อต้องไปสวดก่อน) แล้วช่วงนั้น พระจันทร์ก็อวดโฉมให้พวกเราที่ไปเวียนเทียนประมาณ ๑๐๐ กว่าคน ได้ชื่นชม ความสวยงามกัน เวียนเทียนเสร็จ..เราก็ไปนอนบนเขาพญานาคซึ่งอยู่อีกลูกหนึ่ง เพราะมีเพื่อนนอน และดวงดาวก็ทอแสงประกาย ฝนไม่ตกแน่นอน ครั้งแรกคิดว่าจะไม่ได้นอน..เพราะเกรงใจแม่ชี แต่ก็มีชีพราหมณ์ ๒ คนบอกว่าจะนอนเป็นเพื่อน แล้วก็เปลี่ยนใจ (เขาลูกนี้มีเรื่องเล่าเยอะ..ที่เกี่ยวกับพญานาค ทั้งที่เห็นจริงและเห็นจากนิมิต) แต่ผลสุดท้ายก็มีคนไปนอนเป็นเพื่อน ๓ คน หลวงพ่อก็เลยแสดงธรรมบนยอดเขาให้แม่ชี ชีพราหมณ์ และคณะเรา รวมประมาณ ๑๕ คน เป็นเรื่องวันอาสาฬหบูชา และเนื้อหาปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้า เลิกประมาณเที่ยงคืน คณะหลวงพ่อก็ลงจากเขา เหลือคณะเรา ๔ คน นอนบนเขา เราก็นอนไม่ค่อยหลับ.เท่าไร แต่ก็ยังฝันอีกแฮะ..(เกี่ยวกับคนที่ไปนอนด้วยกันนั่นแหละ) หกโมงเช้าก็พากันลงจากเขา..พอเราขับรถออกจากวัด ก็เห็นกระแตอีกแล้ว ๑ ตัว วิ่งตัดหน้ารถ(เมื่อวานตอนเย็นก็เห็นเหมือนกัน) ก็เลยบอกว่า "อนุโมทนาร่วมกัน เอาบุญมาฝากนะจ๊ะ" หลังจากนั้นก็เห็นนกตัวใหญ่ยืนอยู่ข้างทาง เราก็จะพูดในใจเหมือนเดิม "อนุโมทนาร่วมกัน เอาบุญมาฝากนะจ๊ะ" ตลอดทางลูกรังก็จะมีนกยืนอยู่ตลอดเป็นระยะ เราก็พูดในใจตลอดเหมือนกัน ประมาณ ๔ กิโลเมตร.. พอขับรถขึ้นทางหลักของจังหวัดที่ลาดยาง..เราก็นึกว่าคงไม่มีนกแล้ว...ที่ไหนได้ มีนกเอี้ยงยืนรอข้างทาง เป็นแถวบ้าง เป็นกลุ่มบ้าง ตลอดระยะจนถึงบ้านประมาณ ๑๓ กิโลเมตร รวมได้ประมาณ ๒๐๐ ตัวมั้ง เราก็เลยต้องพูด "อนุโมทนาร่วมกัน เอาบุญมาฝากนะจ๊ะ" ตลอดทางเลย ก็แปลกดี...เราก็ยังว่า สงสัยนกจะส่งข่าว..ให้กัน แล้วเจตนาที่เราไปนอนบนเขาครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อลองดี ไม่ใช่เพื่อแสดงความกล้า ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ แต่เข้าวัดเพื่อไปทำบุญ ทำทาน เวียนเทียน ฟังเทศน์ นั่งสมาธิ แล้วอุทิศบุญกุศลนั้นให้กับปู่นาคา ย่านาคี(ตามความเชื่อชาวบ้าน) และพญานาคทั้งหลายที่อยู่ที่เขานั้น ก็อนุโมทนาสาธุร่วมกันนะคะ ...ดาว*
พี่มีลูกแก้วจักรพรรดิของหลวงตาม้า..ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ สีเขียวอมฟ้าขาว..ใส ที่น้องเค้าหยิบมาแล้วตั้งใจให้พี่..(คนให้บอกว่า..หยิบไปให้คนที่อยากให้ ๑ ชุด) แล้วน้องเค้าเก็บไว้ตั้งนาน..เพิ่งนำมาให้พี่.. เมื่อก่อนพี่ก็เคยมีความรู้สึกว่า..มีแก้วประจำตัว..สีเขียวขาวนวลมีแสงในตัว..คล้าย ๆ บั้งไฟพญานาค.. ถ่ายภาพมาอวด..ซะเลย.ยยย ตามประสาคนชอบอวด..(ตั้งแต่เมื่อไหร่..วุ้ย.!) แต่อาจจะไม่ค่อยชัด..เพราะถ่ายภาพด้วยมือถือ.. อิอิ..<!-- google_ad_section_end -->
เมื่อคืนฝันว่า... นั่งรถเก๋งพร้อมเพื่อนๆ อีก 3-4 คน (ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร) พวกเราขับรถหลงทางกันอยู่ พักนึง ก่อนจะหาถนนสายที่ต้องการเจอ ฝันนี้ดันไปพ้องกับของเพื่อนอีกคนซึ่งเขาฝันว่า...พวกเราพลัดหลงกัน...แล้วก็เห็นมิกนั่ง รถล่วงหน้าไปก่อน (ซึ่งไม่รู้ว่าไปไหน) อีกฝัน... ฝันว่าไปดำผุดดำว่ายในแม่น้ำที่ไหนไม่ทราบ จากนั้นก็ไปภูเขาหิมะซึ่งขาวโพลน ในฝัน บอกกับตัวเองว่า...ดูเหมือนจะเคยมาที่นี่แล้ว...ก่อนหน้านี้