คุยกันฉันท์เพื่อน - ( ๔๑) ^_^

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ชนินทร, 17 กันยายน 2009.

  1. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ต้องขอโทษเพื่อน ๆ ทุกท่านด้วยนะคะ...

    ยังไม่ทันจะได้โพสต์บอกเล่าเกี่ยวกับการจัดงานสัมมนาที่วัดหนองหญ้าปล้องเลย...

    วันนี้เพื่อนๆกับธรก็ต้องเดินทางไปจังหวัดลำพูน สำหรับการจัดงานสัมมนาที่นั่น ที่จะมีในวันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนาที่จะถึงนี่อีกแล้วค่ะ...

    พอเสาร์หน้าก็จะไปประจวบกันต่อ...

    ต้องขอโทษทุกท่านด้วยนะคะ
     
  2. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    แผนที่เดินทางไปวัดพระธาตุห้าดวง ครับ ฝากประชาสัมพันธ์ต่อด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    [​IMG]

    ภาพบรรยากาศงานสัมมนา "๓ ต. ต่อชีวิต เพิ่มทางรอดจากภัยพิบัติ" ที่วัดหนองหญ้าปล้อง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8139.JPG
      IMG_8139.JPG
      ขนาดไฟล์:
      173.2 KB
      เปิดดู:
      302
  4. ภูติอาคเนย์

    ภูติอาคเนย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    724
    ค่าพลัง:
    +1,327
    โมทนากับข้อธรรมและงานของคุณธร คุณ ณัฐเดชและคณะทุกท่านครับ
    ไม่ทราบว่าจะมีการจัดงานในย่านรังสิตปทุมธานีหรือไม่อย่างไร เผื่อจะไปช่วยงานได้ครับ
     
  5. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบพระคุณค่ะคุณภู...

    การจัดงานสัมมนา เหลืออีก ๓ ที่ดังนี้ค่ะ...

    ๗ กรกฎาคม (วันเสาร์ที่จะถึงนี้) จัดที่วัดคลองวาฬ จ.ประจวบ

    ๒๘ กรกฎาคม (วันเสาร์สุดท้ายของเดือนนี้) จัดที่วัดท้ายดอน จ.ชลบุรี

    ๒๕ สิงหาคม (วันเสาร์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม) จัดที่วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรีค่ะ...

    ...

    ธรคงไม่จัดที่ไหนเพิ่มแล้วล่ะค่ะ... (งบส่วนตัวที่ใช้ไปหมดแล้วค่ะ ^ ^)

    จากการจัดงานสัมมนาที่ผ่านมา... ธรมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นมากมายจากคนที่ต้องติดต่อเกี่ยวข้องด้วย ทั้งในทางดีและไม่ดี...

    ตั้งใจว่า... เมื่อจัดงานเสร็จ... จะมาเล่าสรุปประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ฟังค่ะ...

    ถ้าไม่ได้ปฏิบัติธรรม...

    งานสัมมนาที่ตั้งใจจัดนี้ คงไม่ได้มาจนถึงขนาดนี้...

    ขอน้อมกราบด้วยเศียรเกล้า... ขอบพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ โดยมีสมเด็จองค์ปฐม บรมครู ทรงเป็นประธาน...

    ที่ทรงน้อมนำธรรมะอันเป็นนาวาแก้วและแสงสว่างนำทางซึ่งชีวิตของข้าพระพุทธเจ้าให้ผ่านพ้นซึ่งขวากหนามอุปสรรคต่าง ๆ มาได้จนบัดนี้... โดยมีองค์พระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ พระหมเทพเทวา ท่านผู้มีคุณทั้งหลาย เป็นผู้ซึ่งถ่ายทอดซึ่งพระธรรมนั้น...
     
  6. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    ภาพบรรยากาศงานสัมมนา "๓ ต. ต่อชีวิต เพิ่มทางรอดจากภัยพิบัติ"
    วันเสาร์ที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ ที่วัดหนองหญ้าปล้อง



    [​IMG]

    พระเดชพระคุณพระครูปิยกาญจนธรรม เมตตาบรรยายในหัวข้อ "การเตรียมจิต"และ "รู้... รักสามัคคี"
    พร้อมทั้งนำทำสมาธิแก่คณะนักเรียนและผู้เข้าร่วมฟังการสัมมนาในครั้งนี้



    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8103.jpg
      IMG_8103.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.9 KB
      เปิดดู:
      372
    • IMG_8119.jpg
      IMG_8119.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.1 KB
      เปิดดู:
      351
    • IMG_8120.jpg
      IMG_8120.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.3 KB
      เปิดดู:
      361
    • IMG_8121.jpg
      IMG_8121.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.3 KB
      เปิดดู:
      360
    • IMG_8123.jpg
      IMG_8123.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32 KB
      เปิดดู:
      353
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2012
  7. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    คุณมนัส ทรงแสง
    จาก ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

    ให้เกียรติมาเป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องภัยต่างๆ แก่ผู้มาร่วมงาน​


    [​IMG]

    [​IMG]


    คุณไชโย ฤทธิ์รงค์
    จาก สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี

    บรรยายให้ความรู้เรื่องภัย การช่วยเหลือและการเอาตัวรอด​


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8160.jpg
      IMG_8160.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.6 KB
      เปิดดู:
      353
    • IMG_8161.jpg
      IMG_8161.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.4 KB
      เปิดดู:
      350
    • IMG_8163.jpg
      IMG_8163.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.9 KB
      เปิดดู:
      352
    • IMG_8171.jpg
      IMG_8171.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.3 KB
      เปิดดู:
      327
    • IMG_8192.jpg
      IMG_8192.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.2 KB
      เปิดดู:
      330
  8. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    คุณอดิศร พุกะนัดด์ และทีมงาน
    จาก มูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนาฯ

    บรรยายเนื่องในหัวข้อเกี่ยวกับสมุนไพรไทยในท้องถิ่น และการใช้สมุนไพรในการรักษา​


    [​IMG]

    [​IMG]


    นักเรียนและผู้ร่วมงานขณะฟังการบรรยาย

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8217.jpg
      IMG_8217.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.1 KB
      เปิดดู:
      341
    • IMG_8233.jpg
      IMG_8233.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43 KB
      เปิดดู:
      341
    • IMG_8206.jpg
      IMG_8206.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.2 KB
      เปิดดู:
      342
    • IMG_8223.jpg
      IMG_8223.jpg
      ขนาดไฟล์:
      84.7 KB
      เปิดดู:
      332
  9. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    วิทยากร จาก ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ KSL
    กับหัวข้อการบรรยายเรื่อง "การเอาตัวรอดและฟื้นฟูหลังภัยมา และเศรษฐกิจพอเพียง”

    [​IMG]


    พระเดชพระคุณพระครูปิยกาญจนธรรม เมตตาแจกของที่ระลึกแก่คณะครู นักเรียนและผู้เข้าร่วมงาน
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8240.jpg
      IMG_8240.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.5 KB
      เปิดดู:
      345
    • IMG_8285.jpg
      IMG_8285.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.5 KB
      เปิดดู:
      324
    • IMG_8296.jpg
      IMG_8296.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.5 KB
      เปิดดู:
      324
    • Untitled-1.jpg
      Untitled-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.8 KB
      เปิดดู:
      303
  10. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    เก็บตกเล็กน้อยกับภาพผู้เข้าร่วมงานและเด็กๆ ครับ :cool:

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_8110.jpg
      IMG_8110.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.9 KB
      เปิดดู:
      317
    • IMG_8111.jpg
      IMG_8111.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64 KB
      เปิดดู:
      325
    • IMG_8196.jpg
      IMG_8196.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.3 KB
      เปิดดู:
      339
    • IMG_8301.jpg
      IMG_8301.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43 KB
      เปิดดู:
      310
    • IMG_8303.jpg
      IMG_8303.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.4 KB
      เปิดดู:
      310
    • IMG_8300.jpg
      IMG_8300.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41 KB
      เปิดดู:
      326
  11. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ ผมขอน้อมรับความผิดพลาดแต่เพียงผู้เดียวครับ:boo:


    ประชาสัมพันธ์สักนิดครับ วันเสาร์ที่ ๗ กรกฎาคม นี้ ท่านใดว่างอยู่ หรือสนใจ
    หากอยู่ใกล้หรือเดินทางไปได้
    ขอเชิญชวนทุกท่านไปรับฟังการบรรยายในงานสัมมนา
    “๓ ต. ต่อชีวิต เพิ่มทางรอดจากภัยพิบัติ” กันนะครับ
    แน่นอน ว่าท่านคงจะได้รับสิ่งดีๆ กลับมาไม่มากก็น้อยครับ



    ภาพงานสัมมนาในภาคเหนือที่จังหวัดลำพูนนั้น อดใจรอสักนิดครับ จะนำมาลงมาให้ชมไวๆ นี้ครับ
    ส่วนวีดีโอของงานสัมมนาในแต่ละภูมิภาคนั้น ต้องอดใจรอสักหน่อยครับเพราะยังติดปัญหาเล็กน้อยอยู่ครับ


    อย่าลืมติดตามข่าวสารเรื่อยๆนะครับ และแวะมาพูดคุยเรื่องราวต่างๆ บอกเล่าเรื่องอื่นๆ ได้ในกระทู้แห่งนี้ครับ กับเรา... คุยกันฉันท์เพื่อน

    ขอบคุณครับ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2012
  12. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    งานสัมมนาครั้งต่อไป รายละเอียดดังต่อไปนี้ครับ


    ภาคใต้
    วัดคลองวาฬ (พระอารามหลวง) ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ๗๗๐๐๐
    (วันเสาร์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕)

    ภาคตะวันออก
    วัดราษฎร์ศรัทธา (ท้ายดอน) ต.เหมือง อ.เมือง จ.ชลบุรี ๒๐๑๓๐
    (วันเสาร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕)

    สรุปและปิดงานสัมมนา
    วัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
    (วันเสาร์ที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๕)

    หากสะดวกช่วงไหน ขอเรียนเชิญร่วมงานสัมมนา “๓ ต. ต่อชีวิต เพิ่มทางรอดจากภัยพิบัติ” ครับ
     
  13. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    สวัสดีค่ะทุกท่าน....

    เห็นภาพบรรยากาศงานสัมมนากันไปบ้างแล้วนะคะ... จากฝีมือการโพสต์ของ "ตุ้ย" ลิงเมืองละโว้ค่ะ... ขอบใจมากเลยจ้ะตุ้ย...

    เดี๋ยวเย็นวันนี้เราก็จะเดินทางไปเตรียมจัดงานที่วัดคลองวาฬ ที่จังหวัดประจวบฯ กันต่อเลยค่ะ...

    เกือบเสร็จแล้วค่ะ สำหรับการจัดงานสัมมนา "๓ ต. ต่อชีวิต เพิ่มทางรอดจากภัยพิบัติ" นี้...

    อ้อ! มีข้อมูลมาฝากกันเล็กน้อยค่ะ...

    จากงานสัมมนาที่ลำพูนได้ข้อมูลมาว่า... ถ้าน้ำท่วมอีกครั้ง ขอให้ทุกคนระวังตัวเวลาเดินทางทางน้ำกันให้มาก ๆ นะคะ... เพราะข่าวที่ประกาศออกมาจากน้ำท่วมคราวที่แล้วว่ามีจระเข้หลุดออกมาจากฟาร์มเถื่อน เป็นพันตัวนั้น...

    จริง ๆ แล้ว มีจระเข้หลุดออกมานับหมื่นตัวเลยนะคะ...

    ตอนนี้คงกบดานกันอยู่ พอได้น้ำใหม่... คงออกมาเพ่นพ่านกลายเป็นบึงจระเข้แน่เลยค่ะ...

    พระรักษาทุกท่านค่ะ...
     
  14. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบคุณ ข้อมูลจาก ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติที่ ๑ จ. เพชรบุรี จระเข้น้ำจืด - สาระน่ารู้ - บทความที่น่าสนใจ - ศูนย์ศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติที่ 1 จ.เพชรบุรี


    จระเข้น้ำจืด

    ชื่อสามัญ : จระเข้น้ำจืด

    ชื่อภาษาอังกฤษ : Siamese Crocodile

    ชื่อวิทยาศาสตร์ : Crocodilus siamensis

    ลักษณะทั่วไป :

    จระเข้มีลักษณะที่แตกต่างจากสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น คือมีการเจริญเติบโตได้โดยไม่ต้องมีการลอกคราบ รูปร่างจระเข้คล้ายจิ้งจก แต่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า รูปร่างปกคลุมด้วยผิวหนังแข็งแรง ลักษณะคล้ายเกราะคลุมตัว มีเกล็ดซึ่งมีลักษณะเป็นกระดูกแข็งปกคลุมส่วนหลัง ขา และหาง มีหางที่แข็งแรง และมีขา 4 ขา โดยขาคู่หน้ามีขนาดเล็กและสั้นกว่าขาหลัง ขาหลังมีความแข็งแรงมาก ใช้ยันตัวในการเดินหรือการปีนป่าย ขาของจระเข้ใช้สำหรับเดินเท่านั้น ขาทั้ง 4 ข้างจะพับแนบไปข้างลำตัว ขณะว่ายน้ำขาจะแนบไปกับลำตัว การว่ายน้ำใช้การเคลื่อนไหวของหาง ซึ่งมีลักษณะคล้ายใบพาย ทำให้สามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ขาหน้ามีนิ้วเท้าข้างละ 5 นิ้ว แต่ขาหลังมีนิ้วเท้าข้างละ 4 นิ้ว ปลายนิ้วเท้ามีเล็บหนา ยาวงุ้ม สำหรับนิ้วเท้าหลังมีพังผืดยึดระหว่างนิ้ว ส่วนของพังผืดนี้ช่วยให้จระเข้พยุงตัวในลักษณะการว่ายน้ำช้าๆได้ กระดูกศีรษะของจระเข้มีลักษณะแบนลง (Depressed) มีปากซึ่งสามารถอ้าได้กว้างมากมีลิ้นขนาดใหญ่และหนาอยู่ติดกับกรามล่าง

    จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย เป็นจระเข้ขนาดปานกลาง ค่อนมาทางใหญ่ ( ความยาว 3-4 เมตร) มีลักษณะคล้ายจระเข้น้ำเค็ม แต่มีลักษณะที่เห็นเด่นชัด คือจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยมีเกล็ดท้ายทอย ( Post occipital scale ) จำนวน 4 เกล็ด ส่วนจระเข้พันธุ์น้ำเค็มจะไม่มีเกล็ดท้ายทอย ลักษณะ ภายนอกอีกอย่างที่ใช้จำแนกระหว่างจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยและจระเข้น้ำเค็ม คือเท้าหลังของจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยมีแผ่นพังผืดยึดระหว่างนิ้วเพียงบางส่วน ซึ่งแตกต่างจากจระเข้น้ำเค็มที่มีแผ่นพังผืดระหว่างนิ้วยาวจรดปลายนิ้ว จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย มีปากทู่ กว้าง และสั้นกว่าจระเข้น้ำเค็ม ส่วนปากสามารถอ้าได้กว้างมาก มีฟันเป็นลักษณะรูปทรงกรวย (Conical Shape) จำนวน 33 คู่ ประกอบด้วย ฟันบน 18 คู่ ฟันล่าง 15 คู่ ฟันเหล่านี้ถ้าหากหักหลุดไปสามารถงอกขึ้นมาได้ใหม่ มีลิ้นซึ่งหนา และมีขนาดใหญ่ติดอยู่กับผนังปากล่าง จมูกจระเข้อยู่บริเวณส่วนโค้งของปลายปาก ด้านบนมีลักษณะเป็นปุ่มนูนรูปทรงกลม เรียกโดยทั่วไปว่าก้อนขี้หมามีรูจมูก 2 รู สามารถปิด เปิดได้ ในขณะดำน้ำรูจมูกจะปิดสนิทเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าจมูก จระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย มีลำตัวอ้วนป้อมมีหนังซึ่งเหนียวและหนา หนังด้านบนประกอบด้วยเกล็ดแข็ง ซึ่งมีกระดูกอยู่ภายในเป็นเกราะป้องกันอันตรายได้เป็นอย่างดี ส่วนหนังด้านท้องจะมีลักษณะอ่อนนิ่ม แต่มีความเหนียวมาก มีเกล็ดหลังคอ ( backcales ) ขนาดใหญ่จำนวน 6 เกล็ด ([online],.เข้าถึงได้ ; http://www.nicaonline.com/articles9/site/view_article.asp?idarticle=87)


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2012
  15. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ความแตกต่างของเพศผู้และเพศเมีย :

    เพศของจระเข้จะเห็นได้ชัดในจระเข้ที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป โดยสามารถสังเกตได้จากหลายแห่งด้วยกัน คือ ลำตัว จระเข้ตัวผู้จะมีช่วงลำตัวยาวกว่า มีสีเข้มกว่าเป็นสีเกือบดำ ในขณะที่ตัวเมียลำตัวจะสั้นและป้อมกว่า เกล็ด ตัวผู้มีเกล็ดใหญ่กว่า ที่ท้ายทอยมีเกล็ดขนาดใหญ่สองข้างๆละ 2 เกล็ด ซึ่งเป็นลักษณะประจำพันธุ์ของจระเข้น้ำจืด และจะมีเกล็ดอยู่ที่ด้านบนของส่วนคอเป็นกลุ่มเกล็ดขนาดใหญ่ประมาณ 6 เกล็ด ส่วนหัว ตัวผู้มีโหนกหลังตาสูงคมเด่นชัด ([online],.เข้าถึงได้ ; http://www.fisheries.go.th/management/crocodile.htm)



    [​IMG]

    ธรรมชาติของจระเข้น้ำจืด :

    จระเข้น้ำจืดในสภาพธรรมชาติมักอยู่เดี่ยวๆ อาศัยตามแหล่งน้ำนิ่ง บึง หรือวังน้ำที่สงบ มีความลึกไม่เกิน 5 ฟุต มีร่มเงาพอสมควร เพราะจระเข้เป็นสัตว์เลือดเย็น ถ้าอากาศร้อนมันจะแช่อยู่ในน้ำมากกว่าอยู่บนบก แต่ถ้าอากาศหนาวจะขึ้นมานอนผึ่งแดดบนบกในตอนกลางวัน โดยจะนอนนิ่งอ้าปากกว้าง เพื่อปรับอุณหภูมิในร่างกาย โดยเฉลี่ยแล้วจระเข้น้ำจืดมีความยาวตลอดลำตัวประมาณ 3-4 เมตร แต่ถึงแม้จะมีขนาดใหญ่กลับเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ว่องไว สามารถวิ่งในระยะทางสั้นๆได้เร็วพอๆกับคนเลยทีเดียว จระเข้มีสายตาที่รวดเร็วมาก สามารถงับนกที่บินผ่าน หรืออาหารที่คนโยนให้ไว้ได้ก่อนตกถึงพื้น ตาของมันมองเห็นได้รอบทิศเป็นมุม 180 องศา มันจึงมองเห็นวัตถุเหนือหัวได้ด้วย หรือแม้แต่เมื่ออยู่ในน้ำก็สามารถมองเห็นได้โดยมีม่านตาใสอีกชั้นหนึ่งปิดทับลูกตา

    ประสาทสัมผัสด้านการรับกลิ่นของจระเข้นั้น นอกจากจมูกเป็นปุ่มกลมนูนที่ปลายปากแล้ว ยังมีกระเปาะเป็นโพรงภายในปาก จึงสามารถรับรู้กลิ่นได้ทั้งบนบกและในน้ำ ประสาทสัมผัสพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ การรับรู้ทางผิวหนังเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนพื้นดินหรือน้ำ และสามารถรับรู้เหตุการณ์ทางธรรมชาติได้ล่วงหน้า เช่น ฝนตก พายุ หรือแผ่นดินไหว จะส่งเสียงร้องในลำคอคล้ายเสียงคำรามและมีอาการตื่นตระหนกตกใจ

    จระเข้ไม่สามารถกินอาหารใต้น้ำได้ เนื่องจากจะทำให้น้ำไหลเข้าหลอดลม จระเข้จะใช้ปากที่มีฟันอยู่กว่า 60 ซี่ งับเหยื่อแล้วสะบัดอย่างแรงจนฉีกเป็นชิ้นๆ ก่อนที่จะกลืนลงคอไป ปกติจระเข้ไม่ใช่สัตว์กินจุ มันจะกินอาหารเพียงวันละครั้ง คิดเป็นน้ำหนักประมาณ 3-5 % ของน้ำหนักตัวเท่านั้น ([online],.เข้าถึงได้ ; http://www.fisheries.go.th/management/crocodile.htm)


    ที่อยู่อาศัย :

    อาศัยอยู่ตามทะเลสาบน้ำจืดในที่ราบ บึง หนอง และแม่น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบึงที่แยกออกมาจากลำแม่น้ำ และลำธารที่น้ำไหลเอื่อยๆ ที่มีฝั่งเป็นโคลน([online],.เข้าถึงได้ ; http://www.prc.ac.th/tree_ac_teen/c_siamensis.htm)


    ถิ่นกำเนิด : เวียดนาม เขมร ลาว ไทย กะลิมันตัง ชวา และมีในสุมาตรา แต่ปัจจุบันได้สูญหายไปจนหมดแล้ว สถานะในธรรมชาติเชื่อว่าหลงเหลืออยู่เพียงที่เดียวคือ ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน จังหวัดฉะเชิงเทรา อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และอุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดนครนายก เท่านั้นแต่ในต่างประเทศยังคงพบอยู่ที่ทะเลสาบเขมรอยู่

    เขตแพร่กระจาย :

    เขตแพร่กระจายมีทั่วไปในประเทศแถบอินโดจีน จนถึงประเทศไทย บอร์เนียว และชวา ในอดีตพบค่อนข้างชุกชุมในพื้นที่ชุ่มน้ำในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ โดยเฉพาะในบึงบอระเพ็ด ซึ่งเคยมีรายงานไว้ว่ามีจระเข้อยู่จำนวนมากถึง 200 ตัวเขตแพร่กระจายมีทั่วไปในประเทศแถบอินโดจีน จนถึงประเทศไทย บอร์เนียว และชวา ในอดีตพบค่อนข้างชุกชุมในพื้นที่ชุ่มน้ำในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ โดยเฉพาะในบึงบอระเพ็ด ซึ่งเคยมีรายงานไว้ว่ามีจระเข้อยู่จำนวนมากถึง 200 ตัว
    ([online],.เข้าถึงได้ ; http://www.prc.ac.th/tree_ac_teen/c_siamensis.htm)


    สาเหตุของการใกล้สูญพันธุ์ :

    ประชากรในธรรมชาติของจระเข้น้ำจืดได้ลดจำนวนลงอย่างยิ่ง เนื่องจากการล่าเอาหนังอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด เช่นเดียวกับจระเข้ชนิดอื่นๆ การทำลายแหล่งที่อยู่ เมื่อพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ถูกแปรสภาพเป็นนาข้าว จระเข้ที่หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่ตัวก็ถูกไล่ล่าและจับไปขายฟาร์มเลี้ยงจระเข้ จระเข้ที่เลี้ยงในฟาร์มก็มีปัญหาการสูญเสียลักษณะทางกรรมพันธุ์โดยการผสมข้ามชนิดระหว่างจระเข้น้ำจืดกับจระเข้น้ำเค็ม
    ([online],.เข้าถึงได้ ; http://www.prc.ac.th/tree_ac_teen/c_siamensis.htm)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2012
  16. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    สถานภาพ :

    สัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 (สถานะในอนุสัญญาของไซเตส ได้ขึ้นบัญชีจระเข้น้ำจืดไว้อยู่ในบัญชีหมายเลข 1 (Appendix 1)ปัจจุบัน จระเข้สายพันธุ์นี้แท้ ๆ ก็ยังหายากในสถานที่เลี้ยง เนื่องจากได้ถูกผสมสายพันธุ์กับจระเข้สายพันธุ์อื่นจนเสียสายพันธุ์แท้ไป เนื่องจากเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ) ???????????? |
     
  17. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    จระเข้เป็นสัตว์ที่กินเนื้อเป็นอาหาร (Carnivorous)

    ปกติจระเข้จะออกหาอาหารกินในน้ำในเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน

    อันตรายจากจระเข้จึงมีอยู่ในน้ำมากกว่าบนบก แม้ว่าจระเข้จะมีรูปร่างใหญ่โตแต่ก็เต็มไปด้วยความว่องไวและปราดเปรียวเวลาเดินหรือคลานลงน้ำ หรือขณะที่เคลื่อนไหวไปในน้ำจะเป็นไปอย่างเงียบกริบ จึงได้ชื่อว่าเป็นนักล่าที่อันตรายต่อสัตว์และคนเป็นอย่างมากโดยขณะจะจับเหยื่อจะเคลื่อนไหวลอยตัวเข้ามาช้าๆ และโผล่เพียงปลายจมูกและตาเท่านั้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำทำให้ไม่มีโอกาสรู้เลยว่าเป็นจระเข้ ถ้าไม่สังเกตดูดีๆ แล้ว ครั้นเมื่อลอยเข้ามาในระยะพอสมควร ก็จะพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วพร้อมกับอ้าปากงับเหยื่ออย่างแม่นยำและรุนแรง เมื่องับเหยื่อไว้ได้แล้วก็จะบิดตัวหมุนควง โดยไม่คำนึงว่าจะอยู่บนบกหรือในน้ำจนเหยื่อตายสนิทจึงค่อยกิน

    มีรายงานว่าแม้แต่สัตว์ใหญ่ๆ เช่น กวาง ม้า วัว หมูป่า ที่มากินน้ำตามริมฝั่งยังไม่สามารถรอดพ้นจากการโจมตีของจระเข้ได้ หรืออีกวิธีหนึ่ง เมื่อจระเข้จับเหยื่อได้แล้วก็จะลากเหยื่อลงน้ำให้สำลักน้ำตายก่อนแล้วจึงฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกินเป็นอาหาร (ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้กินในมื้อต่อไป) ซึ่งอาหารที่จระเข้ชอบและโปรดปรานที่สุดก็คือ สุนัข และ ลิง ถ้าหากจระเข้เห็นปลาจะว่ายตรงดิ่งเข้าไปยังพงหญ้าที่ปลาอาศัยอยู่และงับเอาทั้งหญ้าและปลา จากนั้นก็ใช้ปากค่อยๆ กรองน้ำออกจนเหลือแต่ปลา สำหรับนกกินปลาบางชนิดที่บินโฉบกินปลาจระเข้ทำทีท่านิ่งเฉย ครั้นพอได้จังหวะก็จะกระโดดเข้างับกินเป็นอาหารทันที ส่วนเหยื่อที่อยู่บนบกหากจระเข้หิวจัดก็สามารถไล่กวดจับเหยื่อได้อย่างรวดเร็วและอาจวิ่งได้เร็วกว่าคนเสียอีก


    [​IMG][/CENTER][/IMG]


    เกี่ยวกับอันตรายจากจระเข้กินคนนั้น มีผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าจระเข้ที่มีขนาดเล็กที่สุด สามารถกัดคนให้เจ็บและเลือดออกได้ ขนาด 4 – 5 ปี สามารถกัดคนถึงแขนขาขาดได้ ขนาด 6 ปี ขึ้นไปสามารถกัดคนถึงตายได้ และถ้าหากบังเอิญจระเข้ได้กินคนเข้าไปสักครั้งหนึ่งก็มักจะเปลี่ยนนิสัยชอบกินคนบ่อยขึ้นต่อไป ซึ่งจระเข้ที่กินคนนั้นโดยธรรมชาติแล้วจะเป็นจระเข้ที่มีขนาดรูปร่างใหญ่โตและดุร้ายมาก และก็มักจะเป็นจระเข้น้ำเค็ม แต่การจะทำร้ายคนนั้นก็ต้องรอให้ถึงโอกาสอันดีจริงๆ เสียก่อน เช่น กำลังยืนเล่นอยู่ริมฝั่งหรือลงไปว่าน้ำเล่น ขณะที่กำลังยืนหรือว่ายน้ำอยู่นั้นถ้าอยู่ในรัศมีที่สามารถพุ่งตัวเข้าทำร้ายได้ ก็จะกระโดดเข้างับและลากเหยื่อลงน้ำเพื่อกินเป็นอาหารทันที แต่ก็มีเช่นกันที่จระเข้หนุนเรือให้ล่มและกินคนเป็นอาหาร จังหวะอยู่ในบริเวณรัศมีขณะที่มันกำลังวางไข่และฟักไข่เท่านั้น เพราะโดยธรรมชาติแล้วนิสัยไม่ดุร้ายและไม่ทำร้ายคน จะมีก็บางตัวเท่านั้น


    การต่อสู้และแบ่งอาณาเขต

    จระเข้จะมีการแบ่งอาณาเขตครอบครองกัน โดยธรรมชาติจะอยู่รวมกันเป็นหมู่ๆ ในแหล่งน้ำบริเวณหนึ่งๆ ในหมู่จระเข้แต่ละหมู่นี้ก็จะมีการยอมรับซึ่งกันและกัน คือ จะมีจระเข้ตัวผู้ที่ใหญ่เป็นจ่าฝูงอยู่หนึ่งตัว โดยจระเข้ที่จะเป็นจ่าฝูงได้นี้ ก็จะต้องได้มาด้วยการต่อสู้เอาชนะมา และมีรองจ่าฝูงประมาณ 2 – 3 ตัว ซึ่งจระเข้ที่เป็นจ่าฝูงนี้มักมีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างไปจากจะเข้อื่นๆ ทั่วไปดังนี้
    • มีขนาดรูปร่างใหญ่โตที่สุดในฝูง
    • มีลำตัวกลม ลอยตัวอยู่ในน้ำตั้งแต่หัวจรดหาง รูปร่างได้สัดส่วนดูสง่างามมาก
    • ผิวหนังเป็นมันเลื่อมคล้ายมีน้ำมันชะโลม และมีสีสันตลอดลำตัวคมชัด
    • หากสังเกตที่หางจะมีลักษณะเป็นแนวตั้งตรงตลอดปลายหางเพราะมีกล้ามเนื้อหางแข็งแรงมากกว่าในจระเข้ตัวอื่นๆ ที่แนวหางพับลงกับพื้น

    จระเข้จ่าฝูงมักอยู่โดดเดี่ยวไม่ยอมให้จระเข้อื่นๆ เข้าใกล้ทั้งในน้ำและบนบก มักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในน้ำเพื่อว่ายน้ำออกกำลังกายจึงมักมีตะไคร่น้ำจับตามบริเวณลำตัวมาก จะขึ้นมานอนอ้าปากผึ่งแดดก็เฉพาะในตอนเช้าและตอนเย็นเท่านั้น ในฤดูผสมพันธุ์ก็มักมีจระเข้ตัวเมียรุมล้อมเรียงรายอยู่ราว 4 – 5 ตัว เพราะจระเข้จ่าฝูงจะคอยช่วยปกป้องไม่ให้จระเข้ตัวผู้อื่นๆ เข้าใกล้และจะเลือกผสมพันธุ์กับตัวเมียที่แวดล้อมอยู่ แต่ก็ไม่หึงหวงแต่อย่างใด เว้นแต่เป็นตัวเมียที่ชอบและโปรดปรานที่สุดเท่านั้น ซึ่งจระเข้จ่าฝูงนี้จะครอบครองอาณาเขตบริเวณพื้นน้ำเป็นบริเวณกว้างกว่า จระเข้ที่เป็นรองจ่าฝูงซึ่งครอบครองอาณาเขตบริเวณพื้นน้ำที่น้อยกว่า

    ปกติแล้ว จระเข้จ่าฝูงมักจะว่ายน้ำสำรวจอาณาเขตครอบครองของตนอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้จระเข้ต่างถิ่นรุกรานเข้ามาขณะที่กำลังว่ายน้ำสำรวจอยู่นั้น ถ้ามีจระเข้ลูกน้องขวางทางอยู่ จระเข้จ่าฝูงจะทำการขู่ก่อน ด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วปล่อยออกมาอย่างรวดเร็วจนตัวพอง และมีน้ำพุ่งกระเซ็นออกมาจากทางจมูก ตาจ้องเขม็ง นัยน์ตาเป็นประกาย ครั้นเมื่อจระเข้ลูกน้องเห็นก็จะค่อยๆ เอาหัวลดต่ำดำน้ำลงไปกบดานอยู่ใต้น้ำเพื่อหลีกทางให้จระเข้จ่าฝูงว่ายน้ำผ่านไป ในกรณีที่ขู่แล้วไม่เชื่อฟัง ก็จะตักเตือนด้วยการเอาปากไปดุน หรืออ้าปากงับบริเวณโคนหางและลำตัวเบาๆ ก่อน หากยังดื้อดึงไม่เชื่อฟังอีก ก็จะงับอย่างแรงแล้วสะบัดหัวให้ได้รับบาดเจ็บจนต้องว่ายน้ำหนีไป

    โดยทั่วไปแล้วจระเข้ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน กรณีที่ต้องทำร้ายหรือต่อสู้กันอาจเป็นเพราะมีจระเข้หน้าใหม่จากต่างถิ่นหลงฝูงเข้ามาซึ่งมักถูกจระเข้เจ้าถิ่นรังแกเอา หรือเพื่อชิงความเป็นจ่าฝูง หรือเพื่อแย่งชิงตัวเมียกันในฤดูกาลผสมพันธุ์ หรือเพื่อแย่งชิงทำเลสำหรับวางไข่ที่ดีๆ ของจระเข้ตัวเมียด้วยกันเอง แต่ในกรณีที่หิวจัด จระเข้ที่มีขนาดตัวใหญ่กว่า ก็จะทำร้ายกัดกินจระเข้ที่มีขนาดเล็กกว่าเป็นอาหารเช่นกัน ดังนั้นในสภาพปกติแล้ว จึงไม่ค่อยพบเห็นจระเข้ต่อสู้กันบ่อยนัก แต่เมื่อถึงคราวต้องต่อสู้กันซึ่งมักเป็นการต่อสู้ระหว่างจระเข้ตัวผู้ด้วยกันแล้วทั้งสองฝ่ายก็จะเข้าห้ำหั่นกันอย่างรุนแรงชนิดเอาเป็นเอาตาย ราวกับว่ามีความเคียดแค้นหรือกระหายเลือดมานับแรมปีทีเดียว กล่าวคือถ้าจระเข้ทั้งสองฝ่ายมาพบกันในบริเวณรอยต่อระหว่างอาณาเขตของแต่ละถิ่น ทั้งสองจะเพียงแต่หยุดจ้องมองหน้ากันสักพัก แล้วต่างฝ่ายต่างก็ว่ายวนสำรวจตรวจดูแนวเขตด้านอื่นของตนต่อไป

    ถ้าเป็นจระเข้ที่มีขนาดเล็กกว่า หลงเข้าไปในถิ่นจระเข้ที่ตัวใหญ่กว่าจะว่ายวนไปรอบๆ ตัว แล้วดุนหรืองับหางเบาๆ ให้รู้ว่า ไม่พอใจ ซึ่งจระเข้ตัวเล็กก็มักจะรีบว่ายหนีพร้อมกับส่งเสียงร้องคล้ายกับว่าเจ็บปวดและกลัวนัก ถ้าเป็นจระเข้ตัวผู้จากถิ่นอื่น บุรุกเข้ามา จระเข้เจ้าถิ่นจะพุ่งเข้าใส่อย่างประสงค์ร้ายทันที และทันทีที่เห็นจระเข้ต่างถิ่นก็จะรีบว่ายน้ำหนีไปโดยเร็ว การต่อสู้ของจระเข้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจระเข้ตัวผู้นั้นไม่มีถิ่นที่อยู่ที่แน่นอน หลงหรือบุกรุกเข้าไปในถิ่นของแต่ละฝ่ายในลักษณะที่ท้าทาย ไม่ยอมอ่อนน้อม หรือเพื่อแย่งชิงความเป็นผู้ชนะในกรณีต่างๆ แล้ว การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่และดุเดือดก็จะเริ่มต้นขึ้นทันที โดยทั้งคู่จะว่ายน้ำรี่เข้าหากันอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียขู่และพ้นน้ำออกจมูกกระเซ็นซ่านดั่งน้ำพุ พอได้ระยะที่เหมาะสมทั้งสองฝ่ายจะม้วนตัว พร้อมกับอ้าปากพยายามงับปากด้านบนของอีกฝ่ายให้ได้ การต่อสู้ก็เช่นกับนักมวยชกกัน คือ ฟัดกันอย่างรุนแรงเป็นจังหวะ หรือพักๆ พอเหนื่อยก็หยุดหายใจ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่กันอีก เมื่อจระเข้ตัวใดงับกัดได้ ก็จะสะบัดหัวหรือไม่ก็บิดหมุนตัวทำให้บาดแผลที่ถูกกัดกว้างใหญ่และมีความเจ็บปวดมากขึ้น ซึ่งถ้าฝ่ายใดสามารถงับปากด้านบนของคู่ต่อสู้ไว้ได้แล้วก็มักจะเป็นฝ่ายชนะเสมอ และถ้าฝ่ายใดที่ถูกงับปากด้านบนก็มักจะรู้ว่าตัวเองต้องแพ้ ก็จะหยุดดิ้นรนทันที พร้อมกับพยายามดึงปากออกจากการถูกงับแล้วรีบว่ายน้ำหนีไปโดยเร็ว จระเข้ตัวที่ชนะก็จะไม่ไล่ติดตามตัวที่แพ้แต่อย่างใด แต่จะแสดงความยิ่งใหญ่โดยการลอยตลอดลำตัวและพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการโบกหางไปมาเพื่อประกาศศักดาให้จระเข้ทั้งหลายได้รับรู้ว่า ตนได้รับชัยชนะอย่างขาวสะอาดแล้ว ซึ่งการต่อสู้นี้ จระเข้แต่ละชนิดพันธุ์ต่างก็มีรูปแบบและลักษณะการต่อสู้ที่มีความแตกต่างกันออกไป


    [​IMG]


    การต่อสู้จะมีรูปแบบและยุทธวิธีที่แตกต่างออกไปจากจระเข้น้ำเค็มมาก โดยทั้งคู่จะอยู่ในลักษณะกลับหัวกลับหาง และอ้าปากงับกัดกันอย่างรุนแรงไม่เลือกที่ตั้งแต่หัวจรดหาง การต่อสู้จะเป็นไปในลักษณะหมุนไปรอบๆตัว ทำให้แผลที่เกดจากการกัดงับถึงกับหนังฉีกขาดเป็นแผลลึกยาวมาก ซึ่งจะใช้เวลาการต่อสู้ประมาณ 5 – 30 นาที ตัวใดได้รับบาดเจ็บมากและทนความเจ็บปวดไม่ได้ก็จะล่าถอยหลบหนีไป

    กรณีที่เป็นการต่อสู้กันระหว่างจระเข้น้ำจืดกับจระเข้น้ำเค็ม ต่างฝ่ายต่างก็จะใช้รูปแบบการต่อสู้ของตนเข้าห้ำหั่นกัน แต่จระเข้น้ำจืดจะมีรูปแบบและกลยุทธ์วิธีที่เหนือกว่ามาก เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวตัวมากกว่าละงับกัดอย่างรุนแรงไม่เลือกที่ ถ้าหากว่าจระเข้ทั้งสองมีขนาดเท่ากันต่อสู้กันแล้ว จระเข้น้ำจืดมักเป็นฝ่ายชนะมากกว่าเสมอ

    จระเข้ลูกผสม (ระหว่างจระเข้น้ำจืดกับจระเข้น้ำเค็ม) จะมีรูปแบบการต่อสู้ที่รวมเอาของทั้งสองชนิดพันธุ์ไว้ ทำให้มีการต่อสู้ที่คล่องตัวถึง 2 รูปแบบ และบวกกับความดุร้ายที่มีมากอยู่ด้วยแล้ว ว่ากันว่าถ้าหากเป็นการต่อสู้ระหว่างจระเข้ลูกผสมกับจระเข้น้ำจืดหรือจระเข้น้ำเค็มชนิดพันธุ์ใดก็ได้ จระเข้ลูกผสมมักเป็นฝ่ายชนะเสมอ


    การจับคู่และผสมพันธุ์

    จระเข้จะเข้าสู่ฤดูการเป็นสัดและยอมรับการผสมพันธุ์ในช่วงระหว่างปลายเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี รวมระยะเวลาก็ประมาณ 5 เดือน แต่ในระยะแรกๆจะยังมีไม่มากนัก จะเริ่มมีมากก็ในช่วงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม หลังจากนั้นก็จะค่อยมีลดน้อยลง โดยจระเข้ตัวเมียจะส่งเสียงร้องดัง และยอมรับการผสมพันธุ์กับจระเข้ตัวผู้ จระเข้จะผสมพันธุ์กันในน้ำจะไม่ผสมพันธุ์กันบนบก โดยจระเข้ตัวผู้จะนอนทับอยู่บนหลังจระเข้ตัวเมียคล้ายจิ้งจก ดังจะสังเกตเห็นจระเข้เทินกันในน้ำและหันไปในทางเดียวกัน เวลาที่ใช้ในการผสมพันธุ์ก็นานมาก บางตัวอาจใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมง หลังจากที่ได้รับการผสมพันธุ์เพียงพอแล้วจระเข้ตัวผู้และตัวเมียจะแยกออกจากกัน แต่จระเข้ตัวผู้ก็ยังสามารถผสมพันธุ์กับจระเข้ตัวเมียได้อีกหลายตัว


    การทำรังและการวางไข่

    ภายหลังจากผสมพันธุ์ไปแล้วประมาณ 1 เดือนเศษ จระเข้ตัวเมียจะเริ่มวางไข่ ซึ่งก็คือประมาณเดือนมีนาคม – พฤษภาคม และวางไข่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในปีหนึ่งๆก่อนถึงกำหนดการวางไข่ ประมาณ 2 – 3 วัน แม่จระเข้จะขึ้นจากบ่อมาเลือกหาทำเลการวางไข่ ในส่วนบ่อสำหรับวางไข่ เมื่อหาได้แล้วก็ใช้หางกวาดเอาใบไม้ใบหญ้ามากองสุมไว้มีความสูงประมาณ 40 – 80 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 1 – 1.2 เมตร แล้วขึ้นไปนอนทับบนกองหญ้านั้นเพื่อให้แน่นและเกิดความร้อนพอประมาณ ครั้นถึงเวลาวางไข่แม่จระเข้ก็จะกลับมาขุดหลุมตรงกองหญ้าที่ได้กองสุมเตรียมไว้ โดยใช้เท้าหลังขุดหลุมให้ลึกประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 35 – 40 เซนติเมตร แล้วแม่จระเข้ก็จะค่อยๆวางไข่ลงไปในหลุมที่ได้ขุดเตรียมเอาไว้ ขณะที่วางไข่นั้นแม่จระเข้ดูจะมีความเจ็บปวดจากการเบ่งออกไข่ไม่น้อย ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าแม่จระเข้มีน้ำตาไหลพรากออกมาตลอดเวลาขณะวางไข่ โดยแม่จระเข้มักจะวางไข่ในเวลากลางคืนหรือเวลาเช้ามืด ใช้เวลาในการวางไข่ประมาณ 20 – 30 ถึง 1 – 2 ชั่วโมง จำนวนไข่ที่วางครั้งหนึ่งๆขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์และความสมบูรณ์ของแม่พันธุ์ จระเข้น้ำจืดเมื่อเริ่มวางไข่จะมีจำนวนไข่ประมาณ 20 – 30 ฟอง เมื่อมีอายุมากขึ้นจำนวนไข่ก็จะมากขึ้นถึง 30 -50 ฟอง เมื่อเริ่มไข่จะมีจำนวนไข่ประมาณ 25 – 40 ฟอง เมื่อมีอายุมากขึ้นจำนวนไข่ก็จะมีมากขึ้นถึง 35 – 60 ฟอง แต่โดยเฉลี่ยแล้วในจระเข้น้ำจืดก็ประมาณ 20 – 40 ฟอง
    ([online],.เข้าถึงได้ ; :: )
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2012
  18. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    จากข้อมูลที่นำมาลงนี้....

    แค่จระเข้น้ำจือธรรมดา ๆ ก็ว่าน่าสยองแล้ว... นี่มีพันธุ์ลูกผสมด้วย...

    เดี๋ยวธรจะลองหาวิธีรับมือกับจระเข้สำหรับคนธรรมดา ๆ อย่างพวกเรามาให้ดูกันนะคะ... เพราะถ้ามีจระเข้หลุดออกมาเป็นหมื่นจริง ๆ นี่... ภัยน้ำท่วมมันคงไม่ธรรมดาแน่นอนเลย... แถม ถ้าจากข้อมูลนี้... ตอนนี้คงมีลูกจระเข้ยั้วเยี้ยไปหมดแล้ว... :'(
     
  19. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก My happy office 8jt การรับมือจระเข้ช่วงน้ำท่วม | My Happy Office


    การรับมือจระเข้ช่วงน้ำท่วม

    October 15, 2011 in Entertainment Reports, Most Recent

    โดย : Fluffy Hair Creative

    [​IMG]

    ในช่วงน้ำท่วมอย่างนี้ อีกข่าวที่สร้างความตระหนกให้กับชาวบ้านคือ “จระเข้หลุดออกจากฟาร์ม“ คิดว่าทางฟาร์มเลี้ยงจระเข้แต่ละที่ควรวางแผนรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ให้รอบคอบยิ่งขึ้นได้แล้วนะ จะได้ไม่ต้องฉายหนังซ้ำกันทุกรอบน้ำท่วมไป ส่วนพวกเราสามัญชนผู้ไม่คุ้นเคยกับการเยือนเหย้าของจระเข้ ก็มาเตรียมตัวกับเรื่องนี้กันสักหน่อย เพื่อให้เกิดความเข้าใจเจ้าชาละวันมากขึ้นค่ะ




    เรื่องที่น่ายินดี

    1. จระเข้ที่หลุดออกมาเกือบ 100% เป็นจระเข้เลี้ยง ซึ่งจะมีความดุร้ายน้อยกว่าจระเข้นักล่าตามธรรมชาติ
    2. จระเข้ที่หลุดออกมาส่วนใหญ่เป็นขนาดเล็ก ไม่เกิน 2 เมตร ตัวใหญ่ออกมาไม่ได้ (ถ้าโชคดีเจอส่วนน้อยตัวใครตัวมันค่ะ)
    3. จระเข้ส่วนใหญ่กลัวมนุษย์ เป็นส่วนน้อยมากที่จะกล้าแหยมมนุษย์ 2 ขาอย่างเราๆ (ถ้าตัวไม่ใหญ่และไม่เก๋าจริง)
    4. จระเข้ล่าเหยื่อตอนกลางคืน เพราะฉะนั้นการออกจากบ้านในเวลากลางวันจึงไม่น่ากลัวนัก อาจมีไม้ไว้ซักอัน เอาไว้ตีน้ำไล่จระเข้ **ย้ำว่าตีน้ำ ไม่ใช่ตีจระเข้ เพราะถ้าเผลอเอาไม้ไปตี หรือแหย่ที่ตัวจระเข้เลย จระเข้จะแว้งกัดทันที ง่ำ!!


    [​IMG]



    วิธีรับมือแบบฮาร์ดคอร์ (ไม่แนะนำ) ไม่งอนง้อขอความช่วยเหลือ

    1. เลือกสวมวิญญาณไกรทอง หรือ Steve Irwin ตามอารมณ์พิศมัย
    2. ทำบ่วงเชือกแบบคาวบอย เหวี่ยงคล้องต้นคอจระเข้
    3. เมื่อได้ที่ รั้งเชือกรัดเต็มกำลัง จระเข้จะดีดดิ้นหมุนพลิกตัวด้วยความตระหนกแต่เราไม่ต้องตกใจนะคะ (หื๊อ!!)
    4. ตั้งสมาธิมั่น ดึงไว้อย่างนั้น จระเข้จะอ่อนแรงจนหมดกำลังต่อสู้ไปเอง
    5. สังเกตุการณ์ให้มั่นใจ ทำบ่วงเชือกอีกอันเพื่อคล้องบริเวณปาก ไม่ให้สามารถงับเราได้
    6. เอาถุงกระสอบมาปิดตาไว้ให้จระเข้นิ่งสงบ
    **ข้อควรระวัง
    1) ปิดตาจระเข้นะคะ ไม่ใช่ปิดตาเราเอง
    2) อย่ารีบจนไปหยิบเอาถุงกระสอบทรายที่เรากั้นทางน้ำไว้นะคะ
    7. เมื่อจระเข้นิ่งแล้วให้เอาเทปกาวพันรอบปากอีกทีเพื่อความแน่นหนา
    8. แจ้งเจ้าหน้าที่มารับช่วงต่อค่ะ

    หมายเหตุ: วิธีนี้เอาไว้ใช้เฉพาะยามคับขันเป็นตัวเลือกสุดท้ายเท่านั้น ถ้าไม่คับขันจริงๆ ควรหลีกเลี่ยงนะคะ เพื่อสวัสดิภาพของตัวท่านเอง ควรหลบเข้าที่ปลอดภัย และแจ้งเจ้าหน้าที่ค่ะ

    [​IMG]

    วิธีรับมือแบบปลอดภัย (แนะนำ) ให้มีไม้ไว้ซักอันเพื่อใช้ตีน้ำไล่จระเข้ หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านตอนกลางคืน และมีสติไว้ทุกเมื่อ ถ้าชาละวันมาเยี่ยมคุณถึงบ้านให้รีบหาที่ปลอดภัย แล้วติดต่อเจ้าหน้าที่นะคะ




    [​IMG]


    ทุกท่านควรเตรียมเบอร์โทรฉุกเฉินน้ำท่วมไว้ด้วยนะคะ เพื่อความไม่ประมาท

    1. หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ช่วยผู้ประสบภัยสาธารณสุข โทร 1669
    2. สายด่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โทร 1784
    3. หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน 1669
    4. จ.ส.100 หมายเลข 1137 สำหรับโทรศัพท์บ้าน หรือ *1808 สำหรับโทรศัพท์มือถือ (สามารถสอบถามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง)
    5. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โทร. 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
    6. ศูนย์ความปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท โทร. 1146
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2012
  20. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบคุณข้อมูลจาก voice T.V. ค่ะ เอาตัวรอดจากสัตว์เลื้อยคลาน เอาตัวรอดจากสัตว์เลื้อยคลาน - Voice TV

    เอาตัวรอดจากสัตว์เลื้อยคลาน - Voice TV



    เจ้าหน้ากรมประมงยังคงตามจับจระเข้ เพื่อให้ผู้ประสบอุทกภัยเกิดความสบายใจมากขึ้น พร้อมแนะนำวิธีเอาตัวรอดหากต้องเผชิญหน้ากับจระเข้และสัตว์มีพิษ

    จระเข้ และสัตว์มีพิษในช่วงน้ำท่วม เป็นภัยร้ายซ้ำเติมผู้ประสบอุทกภัยในเวลานี้ ความกลัวมีมากขึ้น เมื่อมีข่าวพบจระเข้ในพื้นที่น้ำท่วม และยังมีผู้ประสบภัยบางราย บาดเจ็บจากสัตว์มีพิษขณะเดินลุยน้ำ


    ผู้อำนวยการส่วนอนุญาตและกำหนดมาตรการประมง สำนักบริหารจัดการด้านการประมง กรมประมง เล่าให้ฟังว่า 1-2 วันนี้ สามารถจับจระเข้ที่จังหวัดนนทบุรี ได้ประมาณ 5 - 6 ตัว ซึ่งจระเข้ที่จับได้ทั้งหมด จะนำไปไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด จังหวัดสุพรรณบุรี


    สาเหตุส่วนใหญ่ที่จระเข้เลี้ยง หลุดออกมาจากบ่อ เป็นเพราะระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และน้ำมีปริมาณมากกว่าทุกปี เกินความคาดหมายของผู้เลี้ยง ทำให้ขนย้ายจระเข้ไม่ทัน

    วิธีการป้องกันตัวเบื้องต้น คือห้ามลุยน้ำออกจากบ้านในช่วงเย็นถึงค่ำ เพราะเป็นช่วงเวลาที่จระเข้ออกหาอาหาร หากจำเป็นควรนำไม้ติดมือไปด้วย และตีผิวน้ำให้เกิดเสียงดัง เมื่อพบจระเข้

    ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา กรมประมงทำหนังสือแจ้งเตือนผู้เลี้ยงจระเข้ ให้เฝ้าระวังระดับน้ำในบ่อเลี้ยงจระเข้ หากเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ อาจส่งผลให้จระเข้หลุดมาสู่แหล่งน้ำธรรมชาติได้ และขอผู้เลี้ยงซ่อมแซมสถานที่กักกันให้มีความแข็งแรง เพราะหากเจ้าหน้าที่กรมประมงพบเห็นจระเข้ จะดำเนินการตามระเบียบกรมประมง ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ ซึ่งสัตว์น้ำที่พบจะตกเป็นของแผ่นดิน


    สำหรับประชาชนที่พบเห็นจระเข้ โดยหากประชาชนพบจระเข้หลุดออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ให้รีบแจ้งสำนักงานประมงจังหวัดแต่ละพื้นที่ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่กรมประมงได้ที่ โทรศัพท์หมายเลข 02-562-0546 ตลอด 24 ชั่วโมง


    .....................................................

    ว๊า! ขอโทษด้วยนะคะ... คราวนี้วิดิโอไม่ยอมมา... * * "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...