ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

น่าสงสารสิครับอาจารย์
เขาก็ทุกข์เหมือนเราเเต่คนละเเบบ
เเต่เขามองคนละมุมกับเรา ถ้าเราช่วยเขา
เเต่เราต้องช่วยเขาในทางที่ถุก
ผมอยากทำให้เขาเห็นถึงกระเเสธรรมที่เเท้จริงจังครับ
ถึงสภาวะความสามารถผมจะไม่พร้อม เเต่ผมอยากให้เขา
เห็นตามความเป็นจริง ไม่มีอะไรจีรังเลย

ผมจะภาวนาครับ
เเต่ครูบาอาจารย์ผมอยู่วัดป่าดอนหายโศกนี่สิ
ผมจะยึดหลักไหนผมก็งงๆตัวเอง เหมือนกัน

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suwi
พระพุทธองค์ กล่าวถึงทานบารมีที่เป็นเลิศ ชนะการให้ทั้งปวงคือ "การให้ธรรมเป็นทาน"

ทานตัวที่สองที่พระองค์สรรเสริญ คือ อภัยทาน แม้การให้ชีวิตแก่สัตวทุกชนิดก็อยู่ในหัวข้อนี้
ทานตัวต่อไป คือการสร้างวิหารทาน ท่านกล่างในทำนองว่า วิหารที่สร้างเพื่อพระภิกษุหมู่ใหญ่ได้ใช้สอย นี่เปรียมดังสร้างให้พระพุทธองค์ใช้สอยเอง
การสร้างพระพุทธรูปนี่ก็เป็นวิหารทานอันเลิศ เป็นที่สักการะของภิกษุและชนหมูมาก
การอุปฐากภิกษุอาพาธ ก็เปรียบดังอุปถัมต์อุปฐากตรงต่อพระองค์เอง

ทั้งหมดนี่เป็นทานหลักๆที่หมอสุวิชอบเรียกร้องให้คนไข้อาการหนักๆทำ ก่อนมาพบหมอ
สรุป
๑ ให้ธรรมเป็นทาน
๒ ปล่อยชีวิตสัตว์ใหญ่
๓ สร้างพระพุทธรูปองค์ยิ่งใหญ่ยิ่งดี
๔ สร้างโบถส์วิหารที่ใหญ่ๆมีคนเข้ามาใช้เยอะๆ
๕ ทำสังฆทาน/เลี้ยงพระ หรือภิกษุอาภาธ ยิ่งมากยิ่งดี

ทำเองทั้งหมดไม่ไหว ก็ร่วมทำกับเขาสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย ขอให้ทำด้วยหัวใจปิติเต็มร้อยก็พอ (ไม่ใช่สักแต่ทำให้เสร็จๆไป จะไม่ได้บุญ)

เอ...ที่เล่ามานี่ก็ไม่เห็นมันลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนตรงใหน ชาวบ้านเขาก็รู้กันหมดแล้วนี่หว่า
เอ..ทริกมันอยู่่ตรงใหนหว่า



</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

นี่ นาย johh ความทุกข์ของคุณ กับของเขามันต่างกันจริงตามที่คุณว่า

แต่ความทุกข์ของคุณนี่ เกิดจากการเบียดเบียนจากเขา
โรคภัยทั้งหมดที่คุณเป็น เกิดจากเขายัดเยียดให้ เพื่อคุณจะได้อุทิศบุญให้เขา กราบไหว้เขา
นี่เป็นการหากิน ที่พวกเขาคิดว่าถูกต้อง และทำกันเป็นปกติวิสัย ในทุกชั้นฟ้า เพื่อให้ได้มาซึ่ง อำนาจ วาสนา และบารมี(ที่ผิดครรลองแห่งธรรม)

แต่ที่ดีๆก็มีนะ ครูบาอาจารย์บางส่วนของหมอสุวิ ก็เป็นพรหม เดี๋ยวต้องกลับไปกราบขอขมาท่าน โทษฐานที่ด่ากราด-จะถูกเบริดกระโหลกหรือเปล่านี่

ยังจะสงสารเขา และยังจะช่วยเหลือเขาอยู่หรือ

 

อาจารย์คะ ถ้าจะจิบน้ำชาเขียวร้อน+มะนาว ระหว่างวัน ก่อนมื้ออาหาร แทนน้ำเปล่าไปเลยได้หรือไม่คะ จากเดิมเคยพยายามดื่มน้ำเปล่าให้ได้ประมาณ 1.5 ลิตร ต่อวัน

 

อาจารย์คะ ได้รับยาแล้วค่ะ แล้วจะรายงานผลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

 

5555ครับสรุปผมต้องทำไงครับ

 

กรรมมุนา วัตตีโลโก (สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม)

เธอย่อมเป็นผู้ตัดสินใจ ว่าจะไปทางใหน เดินอย่างไร

หมอเป็นเพียงผู้ชี้แนะเท่านั้น การตัดสินใจย่อมอยู่ในมือเธอเสมอ
หมอไม่อาจตัดสินใจแทนได้

 

มี มาเฟียโลกวิญญาณด้วย!!

 

มีมาเฟีย โลกวิญญาณ ด้วย!!

 

ก็อย่างที่หนูเคยถามน่ะค่ะ ว่าเมืองสวรรค์เขาไม่มีบิ๊กๆจับผู้ร้ายมั่งหรือไร
ปล่อยให้อำนาจมืดครองเมือง (มนุษย์)
ลำพังมนุษย์เบียดเบียนกันเองก็แย่แล้ว ^^"

 

เป็นลมพิษเรื้อรังไม่หายสักที ทำอย่างไรดีค่ะ

เป็นลมพิษเรื้อรังเกือบ 6 เดือนแล้ว ช่วงแรกๆต้องทางสเตียรอยด์กับยาภูมิแพ้ตลอด บางครั้งก็เอาอยู่คือไม่ขึ้นเลย หรือขึ้นเล็กน้อย

มาช่วงหลังเริ่มเห่อขึ้นมาอีกแล้ว โดยปกติลมพิษจะขึ้นตอนกลางคืนค่ะ มีทั้งเป็นปื้น และเป็นตุ่ม

ส่วนเรื่องประจำเดือนไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกันมั้ย ตั้งแต่ผ่าตัดช็อคโกแลตซีส และต้องฉีดฮอร์โมนไม่ให้มีประจำเดือน และจากนั้นประมาณ 6 เดือนก็มีอาการลมพิษค่ะ ต้องฉีดยาไปหลายเข็ม

ตอนนี้ยังไม่มีประจำเดือน แต่หยุดฉีดยาไปตั้งแต่ก.พ.55 และตามกำหนดประจำเดือนควรมาเดือนพ.ค.55 นี้ค่ะ

รบกวนด้วยนะคะ อยากหายแย่แล้ว มันทรมานค่ะ

 

กราบสวัสดี อ.สุวิ ค่ะ

diya ได้รับยาแล้วนะคะเริ่มทานเมื่อคืนนี้ ได้ผลเป็นประการใดคงต้องดูกันเป็นเดือนๆ แล้วจะมารายงานผลต่อไปค่ะ

อ.สุวิ คะ อาทิตย์ที่ผ่านมา diya ปวดศีรษะข้างซ้ายเรื่อยๆ บ่อยๆ ค่ะ ปวดวันเว้นวัน คิดว่าหรือเพราะเครียดจากงานที่ต้องต่อสู้ฟาดฟัน แต่อาการแบบนี้บางทีอยู่สบายๆ มันก็ปวดขึ้นมาได้เองค่ะ ถ้าว่ากันด้วยเรื่องการฆ่าสัตว์ในชาตินี้diyaมั่นใจว่าทำมาน้อยมากถึงน้อยที่สุด ระลึกได้เพียงว่าจำยอมต้องทุบหัวน้องปลาบ้างที่ช่วยแม่ทำกับข้าว แม่ซื้อปลาแล้วชอบเอากลับมาทำเองแล้วก็ให้หนูทำค่ะ หนูทุบไปก็ขอโทษปลาไป ถึงอย่างไรก็เป็นกรรมใช่มั้ยคะ แค่นี้เองค่ะที่หนูพอระลึกได้บ้าง สรุปว่าหนูเป็นไมเกรนหรือยังคะอาจาร์ย หรือเพียงแค่ปวดหัวเพราะเครียดจากชีวิตประจำวัน และต้องรักษาจริงจังมั้ย แต่เมื่อคืนนี้ปวดมากๆ ทำให้ไม่อยากสวดมนต์ แต่พอฮึดสู้ลึกขึ้นอาบน้ำและสวดพระธัมจักรฯบวกกับนั่งสมาธิอาการปวดก็ทุเลาคลายลงค่ะ

นำมาปรึกษาอ.สุวิ เผื่อdiyaจะได้ป้องกันรักษาตัวเองได้ในระยะยาว

กราบขอบพระคุณค่ะ

 

ลมพิษเกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งที่บังเอิญกินเข้าไป
และในกายต้องมีเชื้อกิมิชาติอีกชนิดหนึ่ง(ไวรัส) แอบซ่อนอยู่ในตับเป็นทุนดิม

เชื้อราดังกล่าว มักเจือปนกับอาหารที่เรากินกันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เช่น
ถั่วลิสงป่น พริกแห้งป่น ฯลฯ
คนส่วนมากกินไมเป็นไร เพราะไม่มีไวรัส(กิมิชาติ)อีกตัว รวมหัวกันให้โทษ

เพียงมีไวรัสดังกล่าวมีจำนวนมากพอ อยู่ในตับ และได้พิษและเชื้อราดังกล่าวที่มีมากพอเช่นกัน
ทั้งสองจะรวมตัวกันสร้างพิษชนิดใหม่ขึ้นทำให้ร่างกายแพ้ เกิดเป็นลมพิษขึ้น

การรักษาในแผนไทย มักใช้วิธีขับ หรือไล่พิษ หรือกระทุ้ง พิษดักล่าว(พิษของเชื้อรา และไวรัส ออกจากตัว)
การกระทุ้งดังกล่าว จะทำให้ลมพิษขึ้นมามากอีกพักแล้วก็จะหาย

แต่ในคุณ Pikki_P นอกจากจะต้องพิษตามที่เล่ามาแล้ว ยังโชคดี ถูกรางวั ๓ เด้ง
เด้งที่ ๑ ได้รับพิษจากเชื้อรา
เด้งที่ ๒ บังเอิญช่วงนั้น ได้เชื้อไวรัสชนิดที่กล่าวถึง(ยังไม่เป็นที่รู้จักกันในการแพทย์) และมันมาเจริญอยู่ในตับ
เด้งที่ ๓ ไปต้องลมเพลมพัดเข้า จากการกระทำอะไรบางอย่าง จึงต้องธรณีสาร ให้ทำบุญเตรียมไว้ จะบอกวิธีแก้ให้ภายหลัง หลังจากต่อรองได้แล้ว

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ johh
5555ครับสรุปผมต้องทำไงครับ



</TD></TR></TBODY></TABLE>

เรื่องทุกอย่าง สงบเรียบร้อยหมดสิ้นแล้ว
ทุกอย่าง ย่อมเป็นไปตามกรรมที่ก่อ
และเป็นไปตาม เหตุและปัจจัย ดังนี้


สัเพ สัตตา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีกรรมเป็นของของตน, มีกรรมเป็นผู้ให้ผล,
กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปะฏิสะระณา มีกรรมเป็นแดนเกิด, มีกรรมเป็นผู้ติดตาม, มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะรัสสันติ กัลฺยาณัง วา ปาปะกัง วา,จักทำกรรมอันใดไว้, เป็นบุญหรือเป็นบาป,
ตัสสะ ทายาทา ภาวิสสันติ จักต้องเป็นผู้ได้รับผลกรรมนั้นๆ สืบไป

เย ธัมมา เหตุป ปะภะวา ธรรม.....ทั้งหลายมีเหตุเป็นแดนเกิด
เต สังเหตุ ตะถาคะโต ตถาคตผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ได้ตรัสถึง.....เหตุนั้น
เต สัญจะโย นิโรโธจะ เมื่อสิ้น.....เหตุเหล่านั้น ทุกข์....ดับพลัน
เอวัง วาที มหาสมโณ พระมหาสมณะ ทรงสอนสำคัญ อย่างนี้เสมอมา

บัดนี้ เธอและมารดา ได้หลุดพ้นจากการเบียดเบียนจากเหล่ามารแล้ว
จงปฏิบัตธรรมมุ่งสู่จุดมุ่งหมาย ตามปรารถนาเถิด
โรคภัยไข้เจ็บอันเกิดจากเหล่ามารจงหายสิ้น

จงอยู่เย็นเป้นสุข
จงอยู่เย็นเป็นสุข

 

น้ำชาเขียว + มะนาว
ชาจีน + มะนาว<O</O
เขาว่ากันว่า ทั้งสองสูตร ใช้ไล่ไขมันได้ดี ใช้ลดไขมันส่วนเกินก็ได้

แต่มีคนว่า ชาเขียวนี่ดีกว่าชาจีนนะ ขับไขมันได้ดีกว่า ดังนั้นจึงเอา ชาเขียวมาแล้ว บีบมะนาวใส่ แล้วจิบกินด้วยความ ชื่นใจ
ผล อีกสักพัก ก็เริ่มปวดหัวแบบไร้สาเหตุอีกครู่ใหญ่อาการปวดหัวก็เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น จะแทบจะเอาหัวชนเสา
ไหง๋ เป็นงั้นไป


ความจริงแล้ว ทั้งชาเขียว+น้ำมะนาว และ ชาจีน + น้ำมะนาว
ทั้งคู่ ล้วนไล่ไขมันได้ดี
ไล่ไปใหนละ ก็ไล่มันออกทางอุจาระและปัสสาวะนั่นแหละ


แต่การทำงานของทั้งสองสูตร ต่างกันนะ จุดมุ่งหมายในการใช้ก็ต่างกัน
ต่างกันอย่างไรหรือ


เอาชาเขียว+มะนาว ก่อน (สูตรนี้ควรกินร้อนนะ และไม่ควรกินหลังอาหาร-นานๆกินทีไม่ว่ากัน หากกินเป็นประจำ โอกาสเป็นกรดไหลย้อนสูง)

เวลาที่ควรกินชาสูตรนี้นะ ควรอยู่ในช่วงสายๆหรือช่วงบ่ายท้องว่างๆ
ฤทธิ์ของชาสูตรนี้จะไปดึงไขมันจากร่างกายส่วนเกิน (จากเนื้อเยื่อต่างและตับ)ให้มาอยู่ในกระแสโลหิต และขับออกจากร่างกาย
นี่ ชาสูตรนี้จึงใช้ลดไขมันทำให้ผอม


ส่วนชาจีน+มะนาว ละมันทำงานยังไง
คนจีนนะเวลากินอาหารแล้ว ก็มักนั่งจิบชา(จีน)กัน ยิ่งอาหารมื้อใหญ่ ที่เลี่ยนๆมันๆ นี่ขาดชาจีนไม่ได้เลย
คนจียบอกว่าใช้ล้างไขมันนะ

ความจริงแล้วเวลากินอาหารเข้าไประบบย่อยอาหารจะย่อยพวกสารอาหารต่าง แล้วดูดซับเข้าไปในเลือดก่อนนะ แล้วเลือดก็พาไปเลี้ยงร่างกาย
ไขมันที่กินเข้าไป มันก็จะอยู่ในเลือดเช่นกัน
แต่ชาจีน มันจะไปจับไขมัน ไม่ให้ย่อย ไม่ให้ร่างกายดูดซึมมากนัก และขับออกทางอุจาระ
และชาจีน+มะนาวนี่ เมื่อดูดซึมเข้าไปในเลือด มันจะเข้าไปกระตุ้นให้ตับ จับเก็บไขมันในเลือด ออก
และเมื่อเลือดผ่านตับ ไขมันก็จะถูกเก็บเป็นพลังสำรองให้ร่างกายในตับ(คนละเรื่องกับไขมันพอกตับนะ-ไขมันพอกตับนี่ร่างกายเอาไปใช้ประโยชน์มิได้)
ไขมันในเลือดก็จะลดลง ถ้าลดลงมากเกิน ร่างกายก็จะดึงไขมันจากเนื้อเยื่อมาใช้งานแทน
นี่จึงเป็นเหตุให้ชาจีน+มะนาวใช้ลดไขมันและความอ้วนได้


ความแตกต่างมันอยู่ที่

ชาเขียว+มะนาว มันดึงไขมัน(โคเลสเตอร์ลอน) เข้ามาไว้ในเลือดแล้วขับออกทางอุจาระและปัสสาวะ
ส่วน ชาจีน+มะนาว นี่มันดึงไขมัน(โคเลสเตอร์ลอน) ออกจากเลือดไปเก็บไว้ที่ตับ และขับทิ้งส่วนเกินทางอุจาระปัสสาวะ


ไมเกรนนี่ ส่วนใหญ่เกิดจากการไหลเวียนของเลือดผ่านสมองไม่ดี มีการอุดตันในระบบหลอดเลือดฝอย
วันใด การไหลเวียนของเลือดไม่ดี วันนั้นจะปวกหัวมาก


การที่มีโคเลสเตอร์ลอน ในเลือดสูง จะทำให้การไหลเวียนไม่ดี

สังเกตุนะ หากวันใดกินอาหารมาก(ปกติจะเป็นมื้อเย็น-เช่นไปงานเลี้ยงมา)
พอตกดึก ก็จะเริ่มปวดหัวหน่อยๆ และจะเป็นมากในช่วงเช้า เพิ่มมากขึ้นมากขึ้น จนแทบจะเอาหัวชนฝา ตายซะยังสบายกว่า
นี่เกิดจาก ไขมันในเลือดสูงขึ้นมากเกิน และกีดขวางการไหลเวียนเลือดที่ผ่านสมอง


วิธีแก้ก็ง่ายๆ ชาจีน+มะนาว สัก แก้วสองแก้วก็หายแล้ว
แต่หากใช้ชาเขียว+มะนาวนี่ ก็เรียกหา เฮียปอฯได้เลย

 

สรุปเรื่องชา ถ้าปวดหัวไมเกรน ให้กิน ชาจีน + มะนาว ห้ามกิน ชาเขียว+มะนาว

 

ลองศึกษา ชาจีน+มะนาวดูนะ มันจะช่วยเธอได้มากทีเดียว
ชงน้ำชาแก่ๆ พักไว้
บีบมะนาวสักครึ่งลูก(สัก ๑ ช้อนโต๊ะกว่าๆ)
เทน้ำชาลงในถ้วยกาแฟสัก ๑๒๐-๑๕๐ ซีซี เอาน้ำมะนาวใส่ลงไป คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้สักพัก แล้วจึงดื่มอุ่นๆ จิบไปเรื่อยๆจนหมด
สัก ๑ ชั่วโมงอาการปวดหัวจะหาย
แต่ถ้ายังมีค้าง ก็จักการชงดื่มซะอีกแก้ว
แล้วก็ไป "ลั่นล้า" ได้เลย

ฮิฮิ...
แต่หากขี้เกียจทำงาน อยากหาที่นอนสบายๆนะ แบบว่านอนตลอดชีพนะ
แนะนำ ขาเขียว+มะนาว นะ ซัดเข้าไปสักหลายๆแก้วหลังอาหารเช้านะ
สักพัก ก็เรียเฮียปอ(เต็กตึ้ง) มารับไปหาที่นอนได้เลย

 

อ.suwi คะ รบกวนด้วยนะคะ
ของดิฉันอยู่ที่หน้า 130

ขอบคุณล่วงหน้าึค่ะ

 

อ.suwi คะ รบกวนด้วยนะคะ
ของดิฉันอยู่ที่หน้า 130

ขอบคุณล่วงหน้าึค่ะ

 

สาธุครับอาจารย์
ตอนนี้ผมไม่หวังอะไรเเล้วครับ
ผมเชื่อว่าบุญยังไงย่อมรักษาผู้ประพฤติชอบ
ผมขอบคุณอาจารย์มาก มีอะไรก็ชี้เเนะได้ครับ
ผมน้อมรับทุกคำชี้เเนะครับ