ประกาศรายชื่อแจกสมเด็จองค์พระปฐมและพระเกศา พระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)

ทุกข์ คือ ความอยากในสิ่งต่างๆ เมื่อสิ้นความอยากก็สิ้นทุกข์

 

ทุกข์ คือ ....
ความคิดของตัวเรา - เป็นการคิดที่ปรารถนาอยากจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วมันไม่สามารถที่จะเป็นไปได้ตามที่เราคิด แล้วเราก็เก็บสิ่งนั้นมาคิดอีกว่าทำมันมันถึงเป็นไปไม่ได้ และก็หาวิธีแก้ไขปัญหานั้นอีกครั้ง แต่มันก็ยังเป็นไปไม่ได้อีก ทุกข์นั้นก้ยังวนเวียนอยู่ในตัวเรา ถ้าเราไม่รู้จักปล่อยวางมันบ้าง และในบ้างครั้งที่เราปล่อยวางก็สามารถคิดวิธีแก้ไขปัญหานั้นออกก็เป็นไปได้

ขออนุโมทนาสาธุ....สาธุ

 

ทุกข์ คือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย
แม้แต่ ยืน เดิน นั่ง นอน ก็ยิ่งทุกข์
ดังนั้น ร่างกายของเรา คือ ต้นเหตุของความทุกข์ทั้งปวง

 

แจกองค์สมเด็จองค์พระปฐม สีทองเพิ่มอีก 10 องค์ครับผม

 

ทุกข์ หมายถึง ทนอยู่ในสภาพเดิมได้ยาก โดยทั่วไปหมายถึงสังขารทั้งปวงล้วนเป็นที่ตั้งของกองทุกข์

Apichit Tangmanothienchai
50/6 ซอยแม้นศรี ถนนมหาจักร
แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบ
กรุงเทพมหานคร ฯ 10100

 

ทุกข์คือทุกอย่างในชีวิต การจะพ้นทุกข์ได้คือการไปพระนิพพานเท่านั้น
จิรานุวัฒน์ ศิริสุนทรินท์
918/27-28 ซ.โรงไม้ขีด ต.บางปลาสร้อย
อ.เมือง จ.ชลบุรี 20000

 

ความทุกข์ เกิดจากความเกิดของคน ความเจ็บ ความแก่ และความตาย ต้นเหตุสรุปคือความความอยาก อยากเป็นไปตามจิตนึกคิดไป ไม่มีสติ และปัญญาไตร่ตรอง เป็นไปตามการกระทำในอดีต(กรรมอดีต)กำหนดให้เป็นไป เมื่อวางความคิดลง ณ ที่เรานั่ง เดิน ยืน นอน ที่ใดก็ได้อย่างมีสติ และปัญญา ทุกกริยาบท อย่างไรก็ได้ ไม่กำหนดรูปลักษณ์ ไม่ยึดติด ตัวกูของกู ของสิ่งนั้นของเขาของเรา พอใจในสิ่งที่มี ทำบุญ ทำทาน ไหว้พระสวดมนต์ รักษาศีล ปฏิบัติสมาธิ แผ่เมตตา ปัญญาจึงเกิด จึงรู้เหตุ-ผล และดับทุกข์ได้จร้า

 

ทุกข์ของผมคือ ความไม่สบายกายและใจอันเกิดจากสิ่งต่่างๆรอบตัว ที่มากระทบกับเราด้วยสัมผัสของเรา เช่น ทางกายเนื้อหนังเรา ทางหู ทางความคิด เหตุการณ์ต่างๆหรือสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เราต้องมีความรู้สึกที่ไม่ดีคับ

นายธีระวุฒิ แก้วศรีศุภวงศ์
134 ม.6 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน สมุทรสาคร 74130

ขอบคุณคับ

 

ตอบคำว่า "ทุกข์" ในความหมายที่ท่านเข้าใจ

ผมยังไม่เข้าใจ เลย "ทุกข์"
ถ้าเข้าใจ(อริยสัจ 4)แล้วก็จะไม่ "ทุกข์"

สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ...

 

ทุกขืคือ ความไม่เที่ยง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น นั่นเป็นเพราะในความเป็นจริง สิ่งทั้งหลายย่อมไม่ได้ดั่งใจเรา มีความไม่เที่ยง แปรเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลาด้วยเหตุและปัจจัย จึงไม่สมควรที่จะไปหลงยึดมั่นหมายว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา หรือเป็นของของเรา สิ่งทั้งหลายไม่ได้ดั่งใจทั้งนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร รวยเพียงใด อำนาจล้นฟ้าขนาดไหน ต่างก็มีความทุกข์ประจำตัวประจำอยู่ทุกคนทั้งสิ้น
อนุโมทนา
นายณรงค์ ดาศรี โรงเรียนเทศบาลตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84280

 

ทุกข์ คือความไม่พอ ความอยากได้ ความอยากมี ความต้องการ ความไม่พึงพอใจ

 

ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก

มีทั้งทุกข์จร และ ทุกข์ประจำ

ทุกข์จร ก็คือ สภาพอันทนได้ยากจากการไม่สมหวัง ได้ในสิ่งที่ไม่อยากได้ ประสบในสิ่งที่ไม่อยากประสบ ฯลฯ
ทุกข์ประจำ ก็คือ การเวียนว่ายตายเกิด ในสังสารวัฏ อันหวุ่นเวียนอยู่เป็นนิจ

ครูบาอาจารย์ เคยบอกว่า "จิตที่ส่งออกนอกเป็นทุกข์"


พิชญ์ วรรณทวี

 

ทุกข์ = รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ = ธรรมชาติ = การเกิดย่อมเป็นทุกข์

 

ความทุกข์ คือ อารมณ์นึกคิดปลุกปั้นของใจว่าสิ่งนั้นๆ ไม่ดีพอใจต้องการหรือไม่ถูกจิตถูกใจ ซึงสามารถปรุงแต่งออกมาได้หลากหลายประเภทตามแต่ลักษณะของจริตแต่ละบุคคล สรุปคือ ความทุกข์ คือความสุขถ้าใจรับได้ เฉกเช่นเกิดมาจนโดยกำเนิดแต่พอใจในสิ่งที่เป็นย่อมเป็นสุข แต่ถ้ารวยมาก่อนแล้วจนใจมันรับไม่ได้ปรุงแต่งไปเป็นทุกข์
แต่ผู้ฝึกดีแล้วไม่ว่าทางใดย่อมเป็นสุขเพราะวางเฉย
จากความคิดของผมแล้ว สุข ไม่มี ทุกข์ไม่ม ีมีแต่ใจตัวเองครับ ความสุขก็เป็นความทุกข์อย่างละเอียด
ขออนุโมทนาบุญ เจ้าของกระทู้ด้วยครับ

 

ทุกข์ คือ สังขาร ซึ่งเป็นต้นแห่งเหตุ ก่อให้เกิด ตั้งอยู่ และดับไปวนเวียนเป็นวัฏจักร เมื่อมีสังขารก็มีความคิด สิ่งปรุงแต่งจิต ระบบปรุงแต่ง แยกแยะสิ่งที่รู้สึกและจำได้ ความรู้สึกปกติทั่วไปของคนเรา เช่น รัก ชัง โกรธ ละอายใจ ความอยาก ความไม่อยาก ฯลฯ

 

ทุกข์ หมายถึง ขันธ์ 5
ขันธ์ 5 คืออะไร
สรรพสิ่งทั้งหลายในอนันตจักรวาลนั้น แยกประเภทได้เป็น 3 ส่วน (ดูแผนผังด้านล่างประกอบ) คือ

1.) ส่วนที่เป็นวัตถุทั้งหลาย ได้แก่ สสารทั้งหลาย แสง สีทั้งหลาย เสียง กลิ่น รส ความเย็น ความร้อน ความอ่อน ความแข็ง ความหย่อน ความตึง อาการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ ช่องว่างต่างๆ อากาศ ดิน น้ำ ไฟ ลม สภาพแห่งความเป็นหญิง เป็นชาย เนื้อสมองและระบบของเส้นประสาททั้งหลาย อันเป็นฐานให้จิตเกิด รวมทั้งอาการแห่งความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับไปของวัตถุทั้งหลายด้วย
ซึ่งรวมเรียกว่ารูปขันธ์ (ขันธ์ = กอง หมวด หมู่)

2.) ส่วนที่เป็นความรู้สึกนึกคิด และความคิดทั้งหลาย รวมเรียกว่านามขันธ์ แยกได้ 4 ชนิดคือ

2.1) เวทนาขันธ์ คือความรู้สึกเป็นสุขทางกาย ทุกข์ทางกาย โสมนัส(สุขทางใจ) โทมนัส(ทุกข์ทางใจ) อุเบกขาหรืออทุกขมสุขเวทนา(เป็นกลางๆ ไม่สุขไม่ทุกข์)

2.2) สัญญาขันธ์ คือความจำได้หมายรู้ในสิ่งต่างๆ คือส่วนที่ทำหน้าที่ในการจำนั่นเอง (ไม่ใช่เนื้อสมอง แต่เป็นส่วนของความรู้สึกนึกคิด เนื้อสมองนั้นจัดเป็นรูปขันธ์ เนื้อสมองเป็นเหมือนสำนักงาน ส่วนนามขันธ์ทั้งหลายเหมือนผู้ที่ทำงานในสำนักงานนั้น)

2.3) สังขารขันธ์ คือส่วนที่ปรุงแต่งจิต คือสภาพที่ปรากฎของจิตนั่นเอง เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ทาน(สภาพของจิตที่สละสิ่งต่างๆ ออกไป) ความเมตตา กรุณา มุทิตา สมาธิ ความฟุ้งซ่าน ความหดหู่ท้อถอย ความง่วง ความละอาย ความเกรงกลัว ความไม่ละอาย ความไม่เกรงกลัว เจตนาในการทำสิ่งต่างๆ ความลังเลสงสัย ความมั่นใจ ความเย่อหยิ่งถือตัว ความเพียร ปิติ ความยินดีพอใจ ความอิจฉา ความตระหนี่ ศรัทธา สติ ปัญญา การคิด การตรึกตรอง

2.4) วิญญาณขันธ์ หรือจิต คือผู้ที่รับรู้สิ่งทั้งปวง คือรับรู้ความรู้สึกต่างๆ
ตั้งแต่ ข้อ 2.1 จนถึงข้อ 2.3 และเป็นผู้รับรู้ถึงส่วนที่เป็นรูปขันธ์ทั้งหลายด้วย อันได้แก่เป็นผู้รับรู้สิ่งทั้งหลาย ที่มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย นั่นเอง รวมถึงเป็นผู้รับรู้ในสภาวะแห่งนิพพานด้วย

3.) นิพพาน คือสภาวะที่พ้นจากรูปขันธ์และนามขันธ์ทั้งปวง
หรือสภาวะจิตที่พ้นจากความยึดมั่นผูกพันธ์ในสิ่งทั้งปวง รวมถึงไม่ยึดมั่นในนิพพานด้วย
สรุปแล้วขันธ์ 5 ประกอบด้วย

1.) รูปขันธ์
2.) เวทนาขันธ์
3.) สัญญาขันธ์
4.) สังขารขันธ์
5.) วิญญาณขันธ์


ขออนุโมทนาบุญ 1 ชุดด้วยครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
พงศธร นวลจันทร์คง<o></o>
333/362 หมู่บ้าน ซิลวิลเลจ ซ. 8 ถ.สายไหม54 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ 10220

 

"ทุกข์" คือ สิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

 

ทุกข์ในการเกิด

 

ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ของขันธ์ 5 ซึ่งประกอบไปด้วย

รูป ได้แก่ ส่วนที่ผสมกันของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เช่น ผม หนัง กระดูก โลหิต
เวทนา ได้แก่ ระบบรับหรือรู้สึกสิ่งที่สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
สัญญา ได้แก่ จำสิ่งที่ได้รับและรู้สึกนั้นๆ
สังขาร ได้แก่ ระบบคิดปรุงแต่ง แยกแยะสิ่งที่รับรู้สึกและจำได้นั้นๆ
วิญญาณ ได้แก่ ระบบรู้สิ่งนั้นๆ หลังจากแยกแยะแล้ว


ล้วนเป็นตัวทุกข์ทั้งสิ้น

 

ในความเข้าใจของเรา ทุกข์ มีหลายความหมาย ... ขอยกตัวอย่างตามที่เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วกันนะคะ ถือเป็นการแชร์ๆ กัน

o ทุกข์ คือ อะไรๆ ที่เราไม่สามารถบังคับได้
- เวลาร่างกายหิวก็ต้องไปหามาให้เค้ากิน (บังคับไม่ให้หิวไม่ได้) เวลาหนาวก็ต้องหาเสื้อผ้าอุ่นๆ ให้ใส่ (บังคับไม่ให้หนาวไม่ได้) ต้องคอยอาบน้ำให้เช้าเย็น (อสุภะ) เสื้อผ้าดีๆ สะอาดๆ พอเราเอามาสวมใส่ก็เหม็น ต้องเอาไปซัก
- เราบำรุงร่างกายแทบตาย กินแต่ของดีมีประโยชน์ วิตามินก็บำรุงเช้าเย็น แต่สุดท้ายก็เจ็บป่วยต้องไปเสียเงินหาหมออยู่ดี
- แม้แต่รูปร่างหน้าตา ถึงจะทุ่มเทเงินเท่าไหร่ ไปทำหน้า นวดหน้า ซื้อครีมบำรุงสุดแพง สุดท้ายก็หน้าตาก็ต้องเปลี่ยนไปตามวัยที่มากขึ้น - -'' (ก็ต้องทำใจกันไป ว่าแก่ลงทุกวันๆ)
-->> ได้เรียนรู้ว่าทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่มีอะไรที่คงทนถาวร

o ทุกข์ คือ ความยึดมั่นถือมั่น
- เวลามีแฟนก็ยึดว่า เค้าต้องเป็นของเราคนเดียว ห้ามคุยกับผู้หญิงคนอื่น ห้ามโน่นห้ามนี่ ไม่ได้นึกเลยว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของใครได้ สุดท้ายก็เราคนเดียวเนี่ยแหละที่ทุกข์ - -''
- ยายคือคนที่เรารักที่สุด เพราะท่านเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก แล้วด้วยความที่คิดว่าท่านยังอยู่ได้อีกนานก็เลยไม่ค่อยได้ทำดีกับท่านเท่าไหร่ จนได้ไปเข้าคอร์สเผชิญความตายฯ และทำกิจกรรมปล่อยวาง ถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เราคิดมันผิดไปหมด
ท่านจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่อาจมีใครรู้ได้ การที่เรายึดถือว่าท่านจะอยู่กับเราอีกนานเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมาก ในกิจกรรมพอนึกว่าท่านต้องตายจริงๆ จิตใจมันหดหู่มากๆ ไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นมาถึงเลย ยิ่งพอนึกว่ายังไม่ได้ทำดีกับท่านเท่าไหร่จิตใจมันยิ่งเศร้า
ที่ปฏิบัติภาวนามาก่อนหน้านั้นเกือบอาทิตย์ไม่ได้ช่วยอะไรเลย - -'' (ในกิจกรรมปล่อยวางจะมีการสร้างเหตุการณ์สมมติว่า ถ้าหากว่าคนที่เรารักต้องจากไป เราจะทำใจได้หรือไม่ - ปล่อยวางได้หรือไม่นั่นเอง)
-->> ได้เรียนรู้ว่า ยึดมั่นในสิ่งใดก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น!!!!!

o ทุกข์ คือ รัก โลภ โกรธ หลง
- เรามีสุนัขตัวนึง เค้าจะดุมาก มีคนเข้าใกล้เค้าได้ไม่กี่คน ใครไม่คุ้นเคยเค้าจะกัด เวลามีคนมาอยู่หน้าบ้านเค้าจะเห่าไม่หยุด เวลาเรากลับบ้าน แค่ได้ยินเสียงเค้าก็จะร้องหงิ๋งๆ ต้อนรับ เวลาลูบหัวเค้าก็จะหลับตาพริ้ม เค้าชอบกินโยเกิร์ตกับน้ำเต้าหู้ ^^
วันนึงเค้าโดนวางยาเบื่อตาย เราก็ช็อกไป Y_Y ความผูกพันมันย้อนกลับมาเป็นฉากๆ
- เวลาเห็น smart phone ออกใหม่ แล้วจะอยากได้มากๆ เครื่องละสองสามหมื่นก็ซื้อ แต่พอซื้อแล้วก็มานั่งทุกข์ว่าจะต้องผ่อนไปอีกกี่เดือน - -'' แถมยังผ่อนไม่หมดมันก็ออกรุ่นใหม่มาซะแล้ว ก็อยากได้อีกวนไปวนมาไม่จบไม่สิ้น
- มีอยู่ช่วงนึง ข้างๆ ที่พักเค้าก่อสร้างหรืออะไรซักอย่างเสียงดัง ก็หงุดหงิดบ่นๆๆๆๆ ในใจ พอไปทำอย่างอื่นจิตมันทิ้งเสียงที่ได้ยิน ไปรับรู้สิ่งที่กำลังทำในปัจจุบัน...พอมีสติขึ้นมาก็รู้ว่าเสียงดังนั้นยังอยู่เพียงแต่เราเลือกได้ว่าจะจมอยู่กับมันหรือว่าวางเฉยต่อมัน
- ก่อนหน้านี้ติดนิยายออนไลน์ พออ่านจบแต่ละตอนก็จะคิดว่าเมื่อไหร่จะมาอัพตอนต่อไปซะที จะลงแดงตายอยู่แล้ว เฝ้าดูบอร์ดนิยายทุกวัน เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่คนเขียนจะมาอัพ วันไหนคนเขียนมาอัพก็จะอารมณ์ดี วันไหนไม่มาอัพก็จะคลิกเข้าไปดูอยู่อย่างนั้น - -''
-->> ได้เรียนรู้ว่า จะทำอะไรต้องเลือกทำอย่างมีสติ สิ่งเย้ายวนรอบตัวเรามีแต่ทุกข์ทั้งนั้น โดยเฉพาะความผูกพัน แค่ชื่อก็น่ากลัวแล้ว ผูกไม่พอ ยังจะพันอีก - -''

o ทุกข์ คือ ความสุข
- (ก่อนปฏิบัติธรรม) ไม่เข้าใจเลยว่าเวลาไปปาร์ตี้ หรือรวมกลุ่มกับเพื่อนทีไร ทำไมมันสุขๆ ทุกข์ๆ ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก มันสุขที่ได้มาคุยกัน ได้เจอหน้ากัน แต่มันจะมีขึ้นมาในใจแว๊บๆ ว่า "เดี๋ยวงานก็จบแล้ว" จิตใจที่มันพองด้วยความสุขก็ฟีบลง
แล้วก็ปลอบตัวเองอีกว่าก็สุขซะให้เต็มที่สิ ใจมันก็พองขึ้นมาอีก แป๊บๆ เอาอีกแล้วมันแว๊บขึ้นมาในใจว่า "งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา" จิตก็ฟีบลงไป คือ มันเป็นวนไปวนมาอย่างนี้จนคิดว่าตัวเองบ้าไปรึป่าว จะถามใครก็ไม่กล้ากลัวเพื่อนหมดสนุก - -''
-->> พอได้มาปฏิบัติธรรมก็เลยได้เรียนรู้ว่า ความสุขก็ทำให้เราทุกข์ได้เหมือนกัน ทุกข์เพราะไม่ได้กำหนดรู้ว่า ซักวันนึงความสุขก็ต้องหายไปเช่นกัน

o ทุกข์ คือ การที่เราไม่อยู่กับปัจจุบัน
- บางครั้งเราก็เผลอจมอยู่กับอดีตที่ไม่น่ายินดีซักเท่าไหร่ บางเรื่องที่เราพยายามลืม แต่มันก็ผุดขึ้นมาอยู่เรื่อย ยิ่งกดข่ม มันก็ยิ่งลอยขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราทำไม่ดีในอดีต สิ่งที่น่าอับอาย....
- เรื่องของอนาคตก็เช่นกัน บางทีอยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรทำจิตก็คิดไปเรื่อยว่า ถ้าน้ำท่วมโลกเราจะทำยังไง คำทำนายบอกว่า จะเกิดขึ้นภายในปีนี้นี่นา เราจะไปอยู่ที่ไหนดี... คิดอะไรวุ่นวายไปหมด - -'' กว่าจะรู้ตัวก็ปรุงแต่งไปซะไกล
-->> เมื่อมีสติรู้ในปัจจุบัน ไม่ว่าอดีตหรืออนาคตก็จะไม่สามารถทำร้ายเราได้

o สุดท้ายที่ครอบคลุมที่สุดก็คือ ===>>> ทุกข์ คือ ความไม่รู้ *ไม่รู้ว่าไม่มีสิ่งใด...ที่จีรังยั่งยืน *ไม่มีสิ่งใดที่ยึดถือแล้ว...ไม่ทุกข์ *ไม่มีสิ่งใดดีเท่ากับรู้เท่าทันในปัจจุบัน

นึกออกประมาณนี้ค่ะ ^^