พระสกันทโพธิสัตว์จากพระขันธกุมารฮินดูสู่ธรรมบาลพิทักษ์พระพุทธศาสนา

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 18 พฤษภาคม 2012.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    [​IMG]
    พระสกันทโพธิสัตว์(SKANDA BODHISATTVA) หรือ เหวยถวอผูซ่า (韦陀菩萨) ในสำเนียงแต้จิ๋วนิยมเรียกว่า “อุ่ยท้อผ่อสัก” มีคำเรียกพระนามเต็มของพระองค์ว่า หู้ฝ่าเหวยถวอผูซ่า (护法韦陀菩萨) หมายถึง พระโพธิสัตว์ผู้พิทักษ์ปกป้องพระธรรมแห่งพุทธศาสนา นอกจากนี้ ยังมีผู้นิยมเรียกท่านในอีกชื่อหนึ่งว่า พระเวทโพธิสัตว์
    [​IMG]
    พระสกันทโพธิสัตว์ เป็นมหาเทพสำคัญอีกองค์หนึ่งที่หลายคนเคยเห็นมาแล้ว แต่กลับมีผู้ที่ทราบความหมายและที่มาของท่านไม่มากนัก พระสกันทโพธิสัตว์มีหน้าที่เฝ้าอารักขาพระพุทธศาสนา ซึ่งจะสามารถแลเห็นท่านได้เมื่อพุทธศาสนิกชนเข้าสู่บริเวณตัววัด เพราะภายในวัดทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานนั้น วิหารต้นจะอยู่เบื้องหน้า ภายในนั้น จะมีองค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์เป็นองค์ประธาน ด้านข้างเรียงรายด้วยท้าวจตุโลกบาล และก่อนที่จะก้าวผ่านวิหารต้นนั้น ด้านหลังขององค์พระอารยเมตไตรยจะประทับยืนไว้ด้วยพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง นั้นก็คือ “พระสกันทโพธิสัตว์” หรือ “เหวยถวอผูซ่า”(อุ่ยท้อผ่อสัก)
    พระนามของพระสกันทโพธิสัตว์นั้น มีความหมายว่า ผู้มีอานุภาพสนองคุณและพิทักษ์ปกป้องพระพุทธศาสนา ดังนั้น จะเห็นว่า พระสกันทโพธิสัตว์จะแต่งกายด้วยชุดของนักรบขุนศึกจีน สวมชุดเกราะสีทองอย่างงดงามอร่ามตา สีหน้าและแววตาเข้มแข็ง บุคลิคท่วงท่าอาจสง่างามส่วนใหญ่จะสร้างอยู่ในลักษณะประทับยืน พระหัตถ์ซ้ายจับด้ามกระบี่ปักลงค้ำยันกับพื้น พระหัตถ์ขวาเท้าสะเอวอย่างผึ่งผาย
    ตำนานเกี่ยวกับที่มาขององค์ พระสกันทโพธิสัตว์ บ้างกล่าวว่า ท่านก็คือ “พระขันธกุมาร” ผู้เป็นโอรสของพระอิศวรแห่งศาสนาฮินดู จึงมีฐานะเป็นดั่งเทพองค์หนึ่งของชาวอินเดีย แต่ภายหลังได้ทรงเปลี่ยนพระทัยหันมานับถือพระพุทธศาสนา โดยปวารณาตัวเป็นพุทธมามกะ แต่เนื่องจากท่านมีฐานะอันสูงส่ง และเป็นเทพอยู่แล้ว ดังนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงโปรดให้ท่านช่วยดูแลและรักษาพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ สืบไป เพราหน้าที่อื่น ๆ นั้นมีปวงเทพหลายองค์อยู่แล้ว การพิทักษ์พระศาสนาจึงเป็นภาระอันยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่ง ทำให้พระสกันทโพธิสัตว์จึงต้องสวมชุดขุนศึกและเตรียมพร้อมรบอยู่ตลอดเวลา

    นอกจากนี้ บางตำนานยังกล่าวว่า เดิมทีนั้น ท่านเป็นบุตรของพราหมณ์ที่มีฐานะสกุลวงศ์ชั้นสูง แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ก็บังเกิดจิตเลื่อมใส แต่ติดขัดที่เป็นชนชั้นพราหมณ์จึงไม่อาจโกนศรีษะได้ ดังนั้น พระพุทธองค์จึงทรงโปรดให้ท่านทำหน้าที่ในการเฝ้าอารักขาคุ้มครองพระพุทธ ศาสนาสืบแทน เพื่อให้วัดวาอารามทั้งหมด ไม่ว่าจะสร้างขึ้นเมื่อใดให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย
    อ้างอิงจาก :

    · หนังสือ 108 สิ่งมิ่งมงคลจีน – ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล
    ที่มาhttp://www.sanggadjai.com/index.php?topic=1341.msg1918;topicseen#msg1918
     
  2. ทีมชุมพร

    ทีมชุมพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +167
    บุคคลที่เข้ามาบวชให้สมัยพระพุทธเจ้ามีความยึดถือบวชพราหมณ์มีศีลเป็นพื้นฐาน มีจิตที่เข้าระดับพระโสดาบันได้ง่ายมีศัทธาเป็นฐานสมบูรณ์เมื่ออาศัยบุญ-บารมีคุณพระพุทธเจ้า โปรดเทศนาจึงยกระดับจิตเข้าพระอรหันต์และตรัสรู้ได้โดยง่าย สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,027
    [​IMG]

    กราบโมทนา สาธุ ท่านผู้มีใจบุญใจกุศล เสียสละเวลาหาบทความ นำบทความที่ดี มีสาระประโยชน์ ให้ผู้อ่านได้ศึกษา อันก่อให้เกิดปัญญาในการพิจารณา เมื่อปัญญาพิจารณาแล้ว จิตจะเป็นผู้กำหนด เป็นผู้เลือกความถูกต้อง ถือว่าเป็น จาคะ คือการให้และการให้นั้น ให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อีกทั้ง ถือว่าการให้นั้น เป็นธรรมทาน เป็นบุญใหญ่ สมดั่งพระธรรมคำสั่งสอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพยดา ปรากฏใน ตัณหาวรรค ธรรมบท ว่า “การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง ผู้ใดให้ธรรมะเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย“ ขอโมทนาสาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...