จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    แห๊ม..ครูเพ็ญนี่ สลับกับ ดชน เลย เวลาเขียนนี่กระทุ้งซ้าาาาา...แต่เวลาสอนนี่ลากจิตกันซะละไม กลับกันกับ ดชน เวลาเขียนเอาสบายๆ แต่เวลาใครไม่เอาจริงล่ะส่งประกาศ จะตัดออกจากกองมรดก อิอิ
     
  2. Erdeeny

    Erdeeny Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +65
    ขอบคุณคุณภูสำหรับ คำตอบของเรื่อง "พรหมลูกฟัก" ค่ะ

    รบกวนสอบถาม คุณภู คุณดัชนี พี่เพ็ญ และพี่ ๆ ทุกท่านค่ะ

    ตอนนี้เริ่มหัดฝึกจิตเกาะพระแล้วค่ะ ใช้ภาพนี้ค่ะ

    [​IMG]

    แต่ยังไม่ไปถึงไหนเลยค่ะ ยังไม่ชัดเจน พอจ้องภาพนาน ๆ ก็ไปคิดว่าด้านหลังของพระเป็นพระรูปอะไรหนอ เกิดอยากรู้ขึ้นมา เมื่อเพ่งนาน ๆ มองไม่ชัด ก็หยุดมองคิดว่า ช่างเถอะ พอหลับตาจะนึกถึงภาพพระ ก็นึกไม่ค่อยออก แต่มัวแต่ไปนึกถึงมือของท่าน ว่ามือขวาท่านทำท่านี้นะ มือซ้ายท่านเป็นแบบนี้นะ นึกส่วนตรงกลาง และตรงพระเศียรท่านไม่ค่อยชัด

    พอมาวันนี้ ตอนกลางวันนั่งในรถ หลับตานึกถึงพระ ปวดหัว มึนไปหมด มันเครียดยังไงไม่รู้ค่ะ
    พี่ ๆ คิดว่า หนูจะฝึกได้มั๊ย หนูเครียดเกินไป แก้ไขยังไงดี.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  3. klaichid

    klaichid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +807
    เข้ามาติดตามอ่านนะเจ้าค่ะ และขออนุโมทนาบุญกะทุกท่าน เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นนะเจ้าค๊ะ. สาธุ
     
  4. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    เย้ๆ.. มาัสักที.. มีเพื่อนแล้ว ฮ่าๆ.. เกาะพี่เพ็ญให้แน่นๆ นะคะ
     
  5. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    สวัสดีค่ะ.. ยินดีต้อนรับค่ะ..
    สนใจจะเกาะพระ เกาะครูเพ็ญด้วยไหมคะ?
    ครูเพ็ญเหลือพื้นที่ให้เกาะได้อีกหลายคนเลยนะ ฮ่าๆ
    (น้องจะโดนครูเพ็ญตีก้นไหมเนี่ย? ขอโตดน่ะเจ้า)

    เห็นมีแอบซุ่มอ่านอยู่หลายท่าน... ถ้าสนใจก็ถามพี่ภู พี่เพ็ญ พี่ดัชได้ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องอายน่ะเจ้า

    ถ้าไม่สะดวกก็ PM หรือส่งเมลถามท่านได้น่ะเจ้า

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปจ้า
     
  6. klaichid

    klaichid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +807
    ตัวข้าน้อยเองเวลานั่งสมาธิ. จะเห็นจิตฟุ้ง. เมื่อแรกๆนึกโมโหตนเอง.
    แต่ปัจจุบัน. กลับเห็นว่าแม้ความคิด(ความฟุ้งซ่าน)ก้อเกิดดับอยู่ตลอดเวลา
    ยังมิเคยทรงอารมณ์. ในความความสงบเงียบ. เคยสงสัยว่าทำไมไม่เป็นเช่นคนอื่นที่เขาเล่า

    ก้อมีคำตอบว่าถ้าอยาก..การเริ่มต้นก็ผิดแล้ว และถ้ายิ่งสงสัย. ยิ่งเป็นนิวรณ์
    ทำให้เราวุ่นวายปฎิบัติไม่ก้าวหน้า. ใช่มั้ยเจ้าค๊ะ
     
  7. AiifarTheSun

    AiifarTheSun สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีค่ะพี่ๆ หนูชื่อฟ้านะคะ มารายงานตัว
    ฟ้าเริ่มจับภาพพระตามคำแนะนำของพี่ Kim UoonSo หลังจากได้รับคำแนะนำจากพี่ภูก้อลองจับภาพพระดูค่ะ ตอนนี้ก้อคลำทางไปเรื่อยๆ
    ฟ้ารู้สึกว่าฟ้าหลับตาแล้วจับภาพไม่ถนัดเท่าตอนลืมตา วันนึงจับภาพขณะลืมตา ก็เห็นพระ(เหมือนเห็น แต่ที่จิงคือไม่เห็นเป็นภาพ) เป็นความรู้สึกแบบท่านอยู่ตรงนั้นมีแสงรัศมีจ้าออกมา แต่ไม่เห็นเป็นภาพท่าน หมายความว่าไงคะ
    แล้วก้อสีประกายพรึก คือสีอะไรคะ บางครั้งก็เห็นเป็นแสงระยิบระยับเป็นรัศมี บ้างก้อเห็นกายท่านเป็นแสงเอง บอกไม่ถูก แบบว่ากายเป็นแสง เหมือนผิวกายเป็นพลังงานวนเวียนให้เกิดเป็นแสง บางทีก้อเห็นเป็นฉัพพรรรณรังสี แต่ส่วนใหญ่ก็จะเห็นภาพองค์ปฐมแบบไม่มีแสงระยิบระยับ เป็นภาพปกตินิแหละค่ะ

    แล้วก้อก่อนหน้าที่จะจับภาพพระ อ.ฮั้วโต๋(กระทู้สัญญาณฟ้าฯ)ก้อบอกให้คิดถึงพ่อคือสมเด็จองค์ปฐมบ่อยๆ(มันก้อคือการจับภาพพระแบบหนึ่งใช่มั้ยคะ ตอนนั้นจะเห็นเป็นองค์แก้วปางนิพพาน แต่ตอนนี้เหนแต่องค์สีขาวทรงเครื่องจักรพรรดิ ^^)
    จากนั้นก็เริ่มเห็นแสงของดวงอาทิตย์ แสงจากหลอดไฟ ไฟกิ่งถนน หรือแสงเทียน เห็นเป็นรัศมีแสงเป็นสีรุ้ง บางทีก้อเป็นรัศมีสีรุ้งซ้อนกัน2ชั้นบ้าง 3ชั้นบ้าง บางทีก้อเป็นเหมือนพลังงานวนอยู่รอบๆ(เหมือนน้ำเหลวๆไหลเป็นรูปก้นหอยรอบๆ) โดยถ้าเป็นแสงจากหลอดไฟจะเห็นง่ายกว่า คือเห็นทุกครั้งที่มองเลยอ่ะค่ะ อยากรู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร ทำไมถึงเห็น ฟ้ารู้สึกว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับภาพพระด้วย ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือป่าว ยังไงขอคำแนะนำจากพี่ๆด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2012
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สวัสดีครับกับทุกๆดวงจิต

    และยินดีต้อนรับกับทุกๆดวงจิต
    เพราะกระทู้พูดเรื่องจิตอย่างเดียว ไม่ขอพูดเรื่องกายภายนอกกัน
    เพราะจิตคนเรานั้น สำคัญยิ่งกว่าอื่นใด
    มีคนยกมือเถียงกันไหม๊? เอ๊า! ว่ามาเลยผมรับฟังทั้งหมด และไม่มีคำว่าขัดแย้งอย่างแน่นอน
    เพราะผมเปิดกระทู้นี้กันก็เพื่อมาช่วยยกจิตของพวกท่านโดยเฉพาะ มิใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง หรือเฉพาะชาวจิตเกาะพระเพียงอย่างเดียว
    สังเกตดูกันให้ดีๆ

    ความจริงแล้ว สำหรับผู้ที่แอบทำ หรือไม่แอบทำ ผมอยากให้ท่านเกาะ บินเกาะหมู่เหมือนนกกัน เพราะบางคนชอบนึกแต่ในใจตนเอง แต่ไม่กล้าถาม หรือไม่รู้จะถามว่าไร
    ผมขอแนะนำให้ add e'mail ของครูเพ็ญไว้ และขอครูบินเกาะหมู่กับชาวจิตเกาะพระกันว่า พวกชาวจิตเกาะพระนั้น พวกเขากำลังทำอะไร???
    หรือพวกเขาพากันยกระดับจิตกันอย่างไร???

    แต่ขอให้อยากทำ อยากเกาะพระ อยากปฎิบัติธรรมกันจริงๆนะ มาทางนี้ไม่ผิดหวังแน่
    เพราะที่ปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด
    เอาแต่แก่น เปลือกไม่นิยม บุญภายนอกไม่เน้น เน้นแต่บุญภายใน (แต่มิได้ปฎิเสธทำบุญภายนอกกันนะ แต่ถ้ามีเวลา หรือโอกาสก็ทำเหมือนกัน)

    ทำบุญภายนอกกัน ท่านจะได้กำลังใจเยอะ หรือไวกว่า เห็นผลเร็วกว่า
    เพราชาวจิตเกาะพระมิได้พากันมาติดครู หรือคนใดคนหนึ่ง
    ผมพยายามบอกกับพวกเราว่า เราเป็นแค่เพียงผู้ชี้แนะ แนวทาง หลักการปฎิบัติถูกต้อง ถูกทางกันเท่านั้น
    ขอให้ยึดพระพุทธเจ้าก่อน และพอมีกำลังใจกันมากขึ้นแล้ว ก็พร้อมดูจิตกัน
    และถ้าตามดู ตามรู้จิตกันแล้ว และท่านก็จะพบเจอดวงจิตเดิมแท้ของตนเองกันได้
    พอเราพบเจอดวงจิตเดิมแท้กันแล้ว
    และอีกไม่นานเราก็จะพบธรรมะภายในจิตของตนนั้น
    (จิตเดิมแท้ เป็นจิตประภัสสร ปราศจากกิเลสทั้งปวงมารบกวน เป็นจิตบริสุทธิ์ผุดผ่อง)

    เพราะที่แท้จริงแแล้ว มีคนหลงเข้าใจผิดว่า นึกว่าธรรมะนั้นอยู่ที่วัด อยู่ที่นักบวช เป็นต้น

    และชาวจิตที่กำลังเกาะพระกันอยู่นี้ จึงเท่ากับเรากำลังนำจิตไปเกาะพระนิพพาน
    จิตพระนิพพานส่วนใหญ่มักปราศจากิเลสทั้งปวงมารบกวนจิตใจ
    เพราะจะอาศัยกำลังใจตามลำพังใจตนเองนั้นไม่เพียงพอ ในเบื้องต้นเราจะต้องนำจิตไปเกาะพระกันก่อน หรือขออาราธนาบารมีให้พระคุ้มครอง ดูแลจิตของเราขณะที่ยังไม่แข็งแรงนี้กันไปก่อน
    ในขณะที่พวกเรากำลังปฎิบัติการจิตเกาะพระกันอยู่นี้
    สำหรับผู้ที่เกาะพระได้แนบแน่นกันอยู่นั้น แล้วเราจะทราบกันได้อย่างไรว่า
    จิตของตนเองนั้นเกาะพระได้แนบแน่นแล้ว
    ก็คือ จิตจะเกิดปิติก่อนเลย เช่น น้ำตาจะไหลรินออกมาโดยมิรู้ตัว เป็นต้น
    ในขณะที่จิตเกิดปิติอยู่นั้น แต่จะปิติเกิดมากน้อยไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้ามากเกินไปก็มักจะร้องไห้กันตลอดเวลา อันนี้ปิติ หรือเกิดเวทนามากไปก็ขอให้เราแก้ไขอย่าให้มีมากเกินไป และควรจะแก้ไขได้โดยทำสติให้เกิดขึ้นบ่อย หรือทำความรู้สึกตัวให้เกิดบ่อยๆ
    จากที่ร้องไห้มากๆก็จะค่อยๆหายไปเอง

    และขณะจิตที่เกิดปิติไปแล้ว จิตก็จะเป็นสมาธิ หรือถ้าจิตนิ่งมาก จิตก็จะทรงฌานลึกเข้าไปเรื่อยๆ

    ข้อดี ข้อเด่นจิตเกาะพระผมพูดบ่อยมากๆเลย เพราะมีประโยชน์มากจริงๆ
    ยิ่งสถานการณ์กันตอนนี้ด้วยแล้ว กรรมฐานกองอื่นๆเอาไม่อยู่ เอาอยู่แต่ไม่ทัน เพราะเผื่อจะทำอุบายให้จิตนิ่งกันนั้นจะต้องใช้เวลานานมาก ถามผู้ปฎิบัติโดยตรงเขาจะรู้ดี
    เพราะการปฎิบัติธรรมนั้รมันยากตรงนี้ก็คือ การทำจิตให้นิ่ง
    และถ้านิ่งแล้วเราก็จำเป็นจะต้องให้นิ่งได้อย่างต่อเนื่องให้มากที่สุด
    หลักใหญ่ หรือใจความสำคัญมันอยู่ตรงนี้ต่างหาก

    เหตผลที่ผมบอกว่าเป็นข้อเด่นก็คือ จิตทรงสมาธิได้โดยง่ายดาย หรือจิตทรงฌานง่าย
    และเกิดความต่อเนื่องอยู่ภายในจิตของตนเอง(อันนี้ถือเป็นหัวใจสำหรับนักภาวนากันเลยทีเดียว)
    เพราะด้วยจิตเกาะพระนี้เอง ที่ทำให้จิตเรานิ่งไว ที่นิ่งเพราะจิตเป็นสมาธิง่าย เป็นฌานฌานง่าย และด้วยจิตที่ทรงฌานกันอยู่นี้ จะไปช่วยชำระล้างจิตมจ หรือตัดกิเลสขนาดหยาบ กลาง ละเอียดต่อไปกันได้ ก็ต้องขึ้นอยู่ที่จิตผู้ทรงฌานสูง และต่อเนื่อง หรือนาน นั่นเอง
    เมื่อจิตทรงสมาธิ หรือฌานได้อย่างต่อเนื่องกันนี้ ก็ทำให้เราลืมความทุกข์ไปชั่วขณะกันเลยทีเดียว
    และจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นปิติ สุข อิ่มเอิบใจ จิตยิ้มภายใน เป็นสุขอย่างยิ่ง
    และขณะคนที่มาถึงกันตรงนี้แล้ว จิตจะค่อยๆปฎิเสธกิเลส หรือทางโลกทีละน้อยๆ
    จนหมดสิ้น
    จิตเกาะพระนี้ก็ถือว่าเป็นกรรมฐานกองหนึ่งในจำนวน 40กอง ที่พระพุทธเจ้าได้มีไว้ให้สำหรับพวกเราปฎิบัติกัน
    จิตเกาะพระนี้ เป็นพุทธานุสสติกรรมฐานกันนี่เอง (แต่อาจจะมีเรื่องกสิณเข้ามาเกี่ยวข้องนิดนึง ก็อย่าไปสนใจกันตรงนั้น ขอให้เราสนใจว่า กรรมฐานอะไรก็ได้ที่ทำแล้ว ปฎิบัติแล้ว ทำให้จิตตนเองนิ่งมากขึ้น)

    และพุทธานุสสติกรรมฐานนี้ จะเป็นกรรมฐานที่มุ่งสูี่ทางสายตรง หรือมุ่งไปพระนิพพานกันง่ายดายกันที่สุด เพราะจิตเกาะพระพุทธเจ้า
    เพราะดวงจิตของพระพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์นั้น ท่านก็อยู่ที่ข้างบนพระนิพพาน นั่นไง!


    เอาแค่นี้ก่อนนะครับ
     
  9. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    เย้ๆ มาแล้วๆ ลูกสาวพ่ออีกคน...
    ขอฝากให้พี่ภู พี่เพ็ญ พี่ดัชเมตตาดูแลน้องด้วยนะคะ
    คนนี้ฝากพิเศษนะคะ ฮ่าๆ
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ AiifarTheSun
    (คำตอบสีน้ำเงิน)
    สวัสดีค่ะพี่ๆ หนูชื่อฟ้านะคะ มารายงานตัว
    ฟ้าเริ่มจับภาพพระตามคำแนะนำของพี่ Kim UoonSo หลังจากได้รับคำแนะนำจากพี่ภูก้อลองจับภาพพระดูค่ะ ตอนนี้ก้อคลำทางไปเรื่อยๆ
    ฟ้ารู้สึกว่าฟ้าหลับตาแล้วจับภาพไม่ถนัดเท่าตอนลืมตา
    ...อันนี้ปกติดีนะ เพราะผู้เริ่มต้นปฎิบัติกันใหม่ๆนั้น จะยังไม่มีจิตผู้ใดจำกันได้ทันทีหรอกนะ แต่ขอให้ทำไปบ่อย เรื่อยๆ เดี๋ยวจิตชินแล้ว จิตจะเป็นฝ่ายทำของเขาได้เอง และต่อไปเราก็ไม่ต้องมากำหนดช่วยจิตเกาะพระกันแล้ว เพราะจิตจะปฎิบัติการเอง คือจิตจะระลึก นึกถึง คิดถึงพระเอง และถ้าเป็นอย่างนี้นานๆ ไปเรื่อยๆ จิตหลังที่จิตผ่านปิติไปแล้วนั้น จิตก็จะทรงสมาธิ ทรงฌานลึกขึ้นไปเรื่อย แต่ถึงตอนนี้ขอให้เรามีสติกันมากๆ เพราะจิตเดินทางไวมาก และปกติสติตามกันไม่ค่อยทันหรอก แต่ก็ต้องฝึก ต้องตามกันอยู่เนื่องนิจ สักวันนึงสติรวมจิตเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้ว คราวนี้ต่อไปจิตไปไหน สติก็ไปด้วยทุกครั้ง เพราะอย่าลืมนะ เวลาเราทำกรรมฐาน หรือปฎิบัติการจิตเกาะพระกันอยู่นี้ เราจะไม่มีครูบาอาจารย์ หรือพี่ภูคอยอยู่ใกล้ๆนะ แต่คงจะมีแค่สติที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผู้ปฎิบัติ แต่มิใช่นิมิตนะ เพราะต่อไปนี้ ถ้าจิตนิ่ง เพราะจิตทรงสมาธิ ทรงฌานดีแล้ว มักจะมีนิมิตมาให้เห็น และตรงนี้ก็ขอให้จำไว้ว่า นิมิตนั้นมีไว้เพื่อนักภาวนาตกม้าตาย เพราะว่าเราผู้ปฎิบัติกันอยู่นี้เพื่ออะไร (ตอบตนเองให้ได้ เพื่อต้องการฌาน พลังจิตไว้ทำอะไร นำไปเสกพระเครื่อง รักษาโรค สั่งลมสั่งฝน แต่ถ้าเพื่อบรรลุธรรมขั้นสูงสุด หรือเพื่อความหลุดพ้นทุกข์ หลุดพ้นภัยวัฎฎสงสารกัน เราจะต้องใช้ปัญญามากๆในการพิจาณาธรรม เพราะนักปฎิบัติธรรมส่วนใหญ่มักจะมาถึงทางแยกกันตรงนี้แหล่ะ! คือหลังได้ฌาน หรือญาณ ส่วนใหญ่มักจะเดินหลงทาง เพราะขาดปัญญา เพราะตามแนวพุทธ พระพุทธเจ้าท่านจะสอนปฎิบัติธรรมกันเพื่อความหลุดพ้นทุกข์ หรือหลุดพ้นวัฎฎสงสารกัน เพราะถือว่าเป็นวัถุประสงค์สูงสุดของพระพุทธศาสนาของเรา สำหรับผู้ปฎิบัติ)...

    วันนึงจับภาพขณะลืมตา ก็เห็นพระ(เหมือนเห็น แต่ที่จิงคือไม่เห็นเป็นภาพ) เป็นความรู้สึกแบบท่านอยู่ตรงนั้นมีแสงรัศมีจ้าออกมา แต่ไม่เห็นเป็นภาพท่าน หมายความว่าไงคะ
    ...เขาเรียกว่าการมองเห็นด้วยมโนจิต แต่ถ้าเห็นเป็นแสงจ้านั้น หมายถึงจิตคุณเริ่มนิ่ง และละเอียดขึ้น อันนี้ดี อย่ามัวไปหลงตรงแสงว่ามากน้อยกันนะ เพราะเรากำลังมาเรียนรู้เรื่องจิตของตนเป็นหลัก เพราะฉะนั้นขอให้มีสติตามดู ตามรู้จิตของตนเอง ด้วยความเป็นกลาง เห็นสักว่าได้เห็น เห็นแล้วก็ทำเฉยๆไว้ หรือจิตรู้สึกเบื่อ ก็เอาสติไปตามดู ตามรู้ว่าจิตของเรากำลังเบื่อ แค่นั้นเอง เอาสติตามไปดูใหม่ อีกไม่นาน (พูดข้ามไปว่า นำสติไปตามดู ตามรู้จิตนั้น หมายถึงให้สติตตามดู ตามรู้อาการ หรืออารมณ์ของจิตตนเอง ณ.ขณะปัจจุบันเท่านั้น ผ่านไปแล้วหรือเรากำลังนึกเข้าข้างตนเอง(อดีตกับอนาคต)อันนี้ทำไม่ถูก ให้อยู่แต่ปัจจุบัน และต่อไปเธอก็จะมองเห็นการเกิด-ดับของจิตตนเอง นั่นคือเดี๋ยวจิตของเรารู้สึกเบื่อ เดี๋ยวก็รู้สึกร่าเริง อะไรแบบนี้เป็นต้น เพราะเหตุที่ให้เรามาเรียนรู้เรื่องจิตกันก็หัวใจมันก็อยู่กันตรงนี้ เพราะคนทำสมาธิไม่ค่อยจะเข้าใจกันตรงนี้มาก เพราะทำไปไม่ค่อยเข้าใจ ก็เลยไม่ได้ผลกันเสียส่วนใหญ่ เพราะส่วนใหญ่จะตกเป็นทาวกิเลสตายกันหมด เช่นขณะจิตเป็นสมาธิ ก็มีมารกอันดับแรกก็คือ นิวรณ์5 พอจิตก่อนจะเข้าถึงฌาน ก็จะมีปิติทั้ง5 (ไปอ่านเพิ่มเติมนะ เรื่องปิติ5 มีอะไรบ้าง?)
    พอจิตทรงฌานกันแล้ว ก็มามารอันดับสามก็คือ นิมิต นิมิตมีทั้งดีและร้าย จิตเราดูได้ เห็นได้นะ แต่คอยเอาสติไปควบคุมจิตมิให้ไปหลง หรือยึดเกาะกับนิมิตนั้นๆ เพราะเป็นบ้าบอคอแตกกันก็มาก อันนี้ผมบอกวิชาป้องกันเป็นบ้ากันแล้วนะ คือจิตหลงไปกับนิมิต ใครมาถึงตรงนี้แล้ว เขาเรียกว่า นิพพานครึ่งทางแล้ว แต่นักปฎิบัติจะเจอทางแยก ทางเลี้ยว ทางอ้อมกันตรงนี้แหล่ะ! เธอจงจำไว้ให้ดีๆ คือทางตรงหมายถึงเดินเข้าพระนิพพานกันเลย อย่าแวะ อย่าเดินทางอ้อม มันจะเสียโอกาส บางท่านทำมาเกือบๆจะลงโลงกันแล้ว ดันเลือกไปทางอ้อม เกิดตายก่อน หนีไปเกิด ไปจุติพรหมลูกฟักแล้วยุ่งกันใหญ่ หรือใช้ฌานในทางที่ผิดดันตกนรก แทนที่จะถึงพระนิพพาน...


    แล้วก้อสีประกายพรึก คือสีอะไรคะ บางครั้งก็เห็นเป็นแสงระยิบระยับเป็นรัศมี บ้างก้อเห็นกายท่านเป็นแสงเอง บอกไม่ถูก แบบว่ากายเป็นแสง เหมือนผิวกายเป็นพลังงานวนเวียนให้เกิดเป็นแสง บางทีก้อเห็นเป็นฉัพพรรรณรังสี แต่ส่วนใหญ่ก็จะเห็นภาพองค์ปฐมแบบไม่มีแสงระยิบระยับ เป็นภาพปกตินิแหละค่ะ
    ...ใช่ถูกต้องที่เธอเห็นแบบนั้น คือ
    หนึ่...จิตนิ่ง จิตเริ่มละเอียดมาก อันนี้ดีมาก คนอื่นๆดูไว้นะ จำให้แม่น เราจะค่อยๆเห็นการพัฒนาจิต จากจิตหยาบไปสู่จิตละเอียด หรือจากจิตบาป(เต็มไปด้วยกิเลส)ไปสู่จิตบุญ
    สอง...กายละอียด หรือดวงจิต หรือจิตเป็นทิพย์นั้น เป็นจิตละเอียด จิตบริสุทธิ์ผุดผ่องปราศจากกิเลสสรบกวนจิต
    ยกตัวอย่าง ดวงจิตผู้ที่อยู่บนชั้นพรหมจะมีแสงสว่างในตัว มากกว่าผู้ที่อยู่บนชั้นสวรรค์
    และจิตผู้ที่อยู่บนพระนิพพานนั้น จะมีแสงสว่างในตัวมากกว่าชั้นพรหม และสวรรค์ตามลำดับ
    และแสงสว่าง แสงประกายพรึก แสงระยิบระยับที่กล่าวไปนั้น นั่นหมายถึงบุญ หรือบารมีของผู้ที่อยู่บนโลกทิพย์ เพราะกายหยาบไม่มี มีแต่กายทิพย์ หรือเรียกว่า จิต ดวงจิต วิญญาณ
    แต่พวกจิตเป็นทิพย์ หรือกายละเอียดนี้จะมีอยู่สองพวก คือพวกที่มีบุฐบารมีมากและน้อยเท่านั้นเอง

    อย่าลืมนะ โลกทิพย์นี้เขาวัดกันที่แสงสว่างในดวงจิตกัน นั่นหมายถึงบุญ หรือบารมีกันเท่านั้น ที่เคยสร้างสมกันมาครั้งที่มีชีวิต
    มิได้วัดกันที่อำนาจ เงินทอง รูปสวยกายสบายกันนะเหมือนโลกมนุษย์เรานี้
    แต่เทวโลก พรหมโลก หรือพระนิพพาน เขาวัดกันที่ดวงจิตว่าใครบริสุทธิ์มากกว่ากัน ปราศจากกิเลสทั้งปวงมากกว่ากัน....


    แล้วก้อก่อนหน้าที่จะจับภาพพระ อ.ฮั้วโต๋(กระทู้สัญญาณฟ้าฯ)ก้อบอกให้คิดถึงพ่อคือสมเด็จองค์ปฐมบ่อยๆ(มันก้อคือการจับภาพพระแบบหนึ่งใช่มั้ยคะ ตอนนั้นจะเห็นเป็นองค์แก้วปางนิพพาน แต่ตอนนี้เหนแต่องค์สีขาวทรงเครื่องจักรพรรดิ ^^)
    ...ตามความเข้าใจก็น่าจะเหมือนกันนะ ต่างกันเพียงว่า แต่พี่ภูลงเล่น เจาะลึก แนวดิ่ง เพราะพี่ภูไดความลับมาจากพระสมเด็จองค์ปฐม ท่านมีเมตตากับผมมาก ก็เลยบอกให้ผมทำอย่างนี้ อย่างนั้นจนกลายเป็นการจับได้ละเอียดยิบตามที่อธิบายกันไป แต่จิตรู้มาก รู้ละเอียด รู้ลึก รู้มากกว่าที่ผมพูดกว่านี้อีกนะ แต่ผมสื่อ ผมพยายามพูดให้มากที่สุด เกรงว่าพวกเราจะไม่ค่อยเข้าใจกัน
    และพอผมทำสำเร็จผมก็เลยพาชาวจิตเกาะพระกันดู แต่ตอนนก็มีผู้ทำสำเร็จ(ทำสำเร็จหมายถึง จิตยก จิตยกหมายถึง จิตเข้านิพพาน จิตนิพพานหมายถึง จิตปราศจากกิเลสมารบกวนจิต แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร???
    ตอบว่าจิตยกขึ้นอยู่เหนืออารมณ์ที่มากระทบจิต ทั้งรก โลภ โกรธ หลง
    และเราเองนี่แหล่ะจะรู้ดีที่สุด(แต่อย่าไปหลงตนเองนะ อันนั้นปฎิบัติแทนที่จะปล่อยวาง แต่กลับไปสร้างอัตตา ตัวตนขึ้นมากันใหม่กันอีก อันนี้ถือว่าขาดทุน เพราะผมปฎิบัติกันเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์และวัฎฎสงสารเท่านั้น เพราะอิทธิฤทธ์จะได้ไม่เหมือนกัน คือบางท่านจะได้อภิญญา ทิพยจักษุ ทิพยโสต หรือฤทธิ์ทางใจ แต่ละท่านมีของเก่ามาไม่เหมือนกัน แต่ที่พูดมานี้ได้ทุกคนนะ แต่จะต่างกันตรงฤทธิ์เท่านั้น แต่มีแล้วก็อย่าไปบ้าลงเล่นกับมันนะ บางคนตั้งสำนักและตั้งตนเป็นใหญ่เลย แต่มิได้นำพาคนที่เลื่อมใสไปปฎิบัติเพื่อความหลุดตามวัตถุประสงค์สูงสุดของพระพุทธศาสนากัน อันนั้ก็ถือได้ไม่เคารพพระพุทธเจ้า เพราะท่านเองก็ปฎิบัติเพื่อความหลุดพ้นกันเท่านั้น พระพุทธเจ้ามิได้ทรงสรรเสริญกับผู้ที่นิยมแสดงอิทธิฤทธ์)...

    จากนั้นก็เริ่มเห็นแสงของดวงอาทิตย์ แสงจากหลอดไฟ ไฟกิ่งถนน หรือแสงเทียน เห็นเป็นรัศมีแสงเป็นสีรุ้ง บางทีก้อเป็นรัศมีสีรุ้งซ้อนกัน2ชั้นบ้าง 3ชั้นบ้าง บางทีก้อเป็นเหมือนพลังงานวนอยู่รอบๆ(เหมือนน้ำเหลวๆไหลเป็นรูปก้นหอยรอบๆ) โดยถ้าเป็นแสงจากหลอดไฟจะเห็นง่ายกว่า คือเห็นทุกครั้งที่มองเลยอ่ะค่ะ อยากรู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร ทำไมถึงเห็น ฟ้ารู้สึกว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับภาพพระด้วย ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือป่าว ยังไงขอคำแนะนำจากพี่ๆด้วยนะคะ
    ...โอ้! เธอเข้าใจถูกแล้ว เพราะจิตนิ่งมากๆ จิตละเอียดมากก็มักเป็นเช่นนี้กันคุณนี่เก่งมากเลยนะ ขอบอกทำได้ไวจริงๆ แต่ผมก็เห็นตามที่คุณพูดมานะ ผมเห็นแสงไฟรถ หรือจากไฟฟ้าข้างทางก็จะเออกเป็นสีรุ้ง วงกลมตามหลวดไฟ เมื่อก่อนทำจิตเกาะพระก็ไม่เป็นนะ เมื่อก่อนก็จะสงสัยแบบเธอนี่แหล่ะ แต่พี่ภูไปถามใครหล่ะ(นอกจากสมเด็จพ่อเท่านั้น ถามในใจสมเด็จก็จะบอกว่า ก็ให้มีสติเยอะๆสิ แล้วก็จะรู้เอง แต่ก็จริงๆนะ ถ้าคนเรามีสติปัญญาสองอย่างเท่านั้นเอง ไม่ต้องมีอะไรมากนักหรอก เดี๋ยวทีเหลือก็จะดีตามมาเอง)
    นี่ดีนะเธอมีปัญหาในทางปฎิบัติก็มาถามพี่ภู ถามคนในกระทู้นี้ เพราะคนในกระทู้นี้ พี่ภูจับฝึกหมด และมีหลายท่านที่ตอบๆกันอยู่นี้ ท่านทำกันได้หมดแล้วนะ และหายสงสัยในธรรมภายในจิตของตนเองด้วย
    ขอให้จิตพวกเรานิ่งเสียก่อนนะ ผมจะบอกให้ก็ได้ว่า เมื่อจิตก่อนจะนิ่งได้ เราก็ต้องอาศัยสตินี่แหล่ะ แต่ถ้าจิตนิ่งแล้ว หรือเป็นสมาธิแล้ว ปัญญาก็จะเกิดตามมาทีหลัง...

    ตามมรรคมีองค์8 ไม่มีผิดเลยก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

    ผมจะบอกให้อีกว่า ที่แท้ศีลนั้นก็คือ สติของเราดีๆนี่เอง
    และสังเกตกันต่อไปว่า ถ้าเรามีสติกันมาก เราก็จะรักษาศีลกันได้ แต่เมื่อไหร่เราไม่มีสติกันนะ ศีลนั้นจะมีกี่ข้อพังหมด ถูกทำลายหมด เพราะขาดสติกันนี่เอง...

    ปล. แต่ถ้าจิตผู้ใดมองเห็นพระเป็นสีประกายพรึก หรือแสงระยิบระยับ เหมือนแสงพระอาทิตย์สะท้อนกับผิวน้ำ หรือแสงดวงดาว หรือน้ำที่กลิ้งบนใบบัว หรือแสงรุ้งเจ็ดสี(แสงฉัพพรรณรังสี) นั่นแสดงว่าจิตทรงฌาน4แล้ว
    ทั้งที่ลืมตาก็เถอะ
    ผมเจอมาแล้ว กรรมฐานนี้แหล่ะ จิตเกาะพระนี่แหล่ะ จ๊ะ
    ผมลืมบอกอาการภายนอกอีกอย่างนึงว่า(เดี๋ยวจะลืมไป) สำหรับผู้ที่ฝึกจิตเกาะพระกันใหม่ๆนั้น เราจะรู้สึกว่าเหมือนจะง่วงนอน คอยสังเกตดูให้ดีๆกัน ง่วงเพราะอะไร มิใช่นอนดึกนะ เราก็จะรู้ตนเองคอยสังเกตดูกันให้ดีๆ
    เพราะร่างกายปรับตัวไม่ทัน นั่นเอง
    เกิดจากจิตทรงสมาธิลึก(ฌาน)

    และอย่าลืม!!!
    เมื่อจิตเกาะพระ เมื่อจิตนิ่ง เมื่อจิตไปรับรู้เรื่องอะไรมา ขอให้เราใช้ความอดทน แล้วจิตท่านก็จะยกไวมากขึ้นกว่านี้ และเจริญในธรรมมากกว่านี้
    เพราะถ้าทำตามที่ผมแนะนำกันนี้ จะสำเร็จไว ผมจะไม่พูดนะว่า คุณสำเร็จอะไร ให้คุณไปตอบตนเอง...ปัจจัตตัง...
    พูดได้ตอบได้ แต่เฉพาะคนวงใน หรือผู้ปฎิบัติธรรมด้วยกันเท่านั้น...
    เพราะห้ามพูดโอ้อวดในธรรม หรือการอวดตริมนุษยธรรม เพราะผู้บรรลุเขามักไม่ทำกัน

    และผมมีรู้นะว่ามีคนในนี้มีหลายคนด้วย แต่ผมไม่ได้ไปตำหนิเขานะ
    เพราะผมเข้าใจตนเองก่อน แล้วเราจะเข้าใจคนอื่นๆ และเข้าใจโลก และสิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือ เข้าใจภัยพิบัติธรรมชาติด้วย
    และไม่ได้ไปกังวลกับภัยพิบัติ ก็เพราะว่าจิตเข้าใจถึงความเป็นธรรมชาติแห่งมนุษย์ และเข้าใจธรรมชาติแห่งโลก ตามความเป็นจริงแล้ว
    เมื่อจิตเราเรียนรู้ และเข้าใจแล้ว จิตก็จะปล่อยวางกับทุกสิ่ง ทุกอย่างได้โดยง่ายดาย โดยมิต้องสงสัย
    ผมก็เลยไม่กลัวตาย เพราะจิตรู้ดีว่า กายนี้มิใช่ของตนเองจริงๆ และกายนี้เป็นแค่ที่อยู่อาศัยของดวงจิตเท่านั้น(เห็นมั๊ยว่าเราจะมารู้ตัวอีกทีนึงว่า ที่แท้เราคือดวงจิต..ดวงจิตก็คือเรากันดีๆนี่เอง เพราะจิตก็คือความรู้สึกของเรา หรือสติดีๆนี่เอง ฟังให้ดีๆนะ มิใช่กายนะ จำให้แม่นๆกัน)
    ขอให้พวกเรามีดวงจิตเป็นสัมมาทิฎฐิ(ความเห็นถูกต้อง) ตามพระพุทธเจ้าท่านเห็นกันนะ...


    และขอให้พวกเราสนใจจิตของตนเองมากๆ แล้วท่านจะรู้ว่า โลกทิพย์ หรือโลกแห่งจิตนั้น มันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เป็นสุขยิ่งนัก วันๆท่านเชื่อไหม๊ ผมนั่งตอบธรรมทั้งวัน บางวันลืมทานข้าวเลยท่านก็คิดเอาเอง เพราะขณะที่ตอบธรรมะได้ยาวก็เพราะว่าจิตเป็นสมาธิ พอจิตเป็นสมาธิ ร่างกายก็จะใช้พลังงานน้อยลงตามไปด้วย ผมก็เลยรู้สึกว่าตนเองอิ่มทิพย์ ดื่มแต่น้ำ
    ถามว่าผมอยากทำหน้าที่นี้ ขอตอบว่าไม่อยาก แต่ทำไมถึงต้องมาเปิดกระทู้นี้ขึ้นมา ผมอยากบอกนะ แต่ผมบอกตรงนี้กันไม่ได้...
    สรุปแล้วผมกำลังทำตามหน้าที่ของผมก็แล้วกัน และเต็มใจทำให้ด้วย
    เพราะสังเกตดูตนเองมาหลายครั้งแล้ว เวลาผมมานั่งตอบธรรมะ ผมไม่รู้สึกว่าหิวเลย ดื่มแต่น้ำ นึกว่าทรมานร่างกาย แต่กลับอิ่มเอิบใจสุขใจยิ่งนักอย่างบอกไม่ถูก
    และผมขอฝากความสุขลึกๆภายในที่กำลังผุดออกมาจากใจของผมนี้ แผ่ไปให้ผู้อ่านในกระทู้ จิตพร้อม? ภัยพิบัติกันนะครับ

    ผมขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ โดยเฉพาะสมเด็จองค์ปฐม จงช่วยดึงดูดดวงจิตสำหรับผู้ปฎิบัติการจิตเกาะพระทุกๆท่าน
    และขอให้ดวงจิตของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์จงช่วยคุ้มครองทุกๆดวงจิตลูกหลานของทุกๆพระองค์รอด ปลอดภัยกับภัยพิบัติในทุกๆครั้งกันนี้ด้วยเทอญ

    รักและเมตตากับทุกๆดวงจิต
    ภูทยานฌาน2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 เมษายน 2012
  11. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    ขอบคุณมากๆค่ะพี่เพ็ญ วันนี้ก็ลองปล่อยวางดูนะค่ะ แต่ก็ยังไม่ได้สักที ยิ่งไปอ่านกระทู้ ตามรอยพระมาชนก หรือ กระทู้ สัญญาณฟ้า แล้วยิ่งเตลิดไปไกลเลยล่ะค่ะ
    ตอนนี้พยายามสงบจิตสงบใจอยู่ค่ะ พยายามปล่อยวางเรื่องที่ห่วงลงโดยการภาวนาเพื่อให้สบายใจขึ้น แล้วพยายามฝึกจิตเกาะพระต่อค่ะ วันนี้พยายามนึกภาพพระในใจแต่ก็นึกไม่ค่อยออก พอนึกออกก็กลายเป็นรุปพระใสๆที่เห็นแค่ข้างๆ(อีกแล้ว) พยายามไปๆมาๆก็ลืมตาขึ้นมาซะงั้น แต่มีแวบนึงที่เห็นมุมๆนึงขององค์ท่านพระพุทธชินราชเป็นเหมือนแก้วใสๆที่มีพวกพลอยสีต่างๆ+ทองมาประดับค่ะ ประกายแทบจะไม่เห็นค่ะ แต่ก็ดูสวยงามดี(ปล.เห็นแค่เซี้ยวที่ว่าเท่านั้นค่ะ ไม่เห็นทั้งองค์ พยายามจะมองทั้งองค์แต่ก็ยังทำไม่ได้) ต่อมาซักพักก็หลุดออกมาลืมตาเห็นหลอดไฟบนเพดานห้องแทน

    สรุปแล้ววันนี้ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่เลย แต่ก็พยายามคิดว่า มันคงเป็นบททดสอบบทนึงของเราเองค่ะ


    ค่ะๆ คุณลูกหว้า(ขออนุญาติเรียกตามนี้นะค่ะ) จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ จะพยายามมาส่งการบ้านทุกวันเลยนะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2012
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เวลาจะทำอะไรก็อย่าไปรอเวลากันนะ มีตัวอย่างให้ดูกันแล้วนะ มนุษย์นั้นมักมีข้ออ้างเยอะ ระวังนะ!
    ไม่ว่าเราจะยุ่งสักเพียงไร จะสุขหรือทุกข์เพียงไร เราต้องทำภาวนา
    แต่จิตเกาะพระนี่ง่ายที่สุดแล้ว ถามหน่อยว่ามีกรรมฐานกองไหนง่ายแบบนี้มีอีกไหม๊?
    เรื่องศีลนี่เราจะต้องระวัง การปฎิบัติใหม่กันนี่ระวังเรื่องศีลหยาบกันก่อน(ศีล5) คือให้เราดูที่ตัวเจตนาเป็นหลักก่อน เดี๋ยวพอเราทำภาวนา ทำจิตเกาะพระได้แล้ว พอสติมากขึ้น จิตก็จะนิ่งมากขึ้น และศีลก็จะยิ่งละเอียดตามไปด้วย
    (ศีลอย่าให้พร่อง แต่ถ้าพร่องแล้วการภาวนามักจะไม่ค่อยได้ผล)
    เพราะการปฎิบัติกรรมฐาน เจริญสติภาวนา หรือจิตเกาะพระกันนั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นฝ่ายบุญ ในเมื่อเราจะมาเอาบุญกันแล้ว เราจะต้องชำระล้างจิตใจให้สอาดในเบื้องต้นกันก่อนก็คือ การรักษาให้ครบบริบูรณ์กันก่อน
    แต่ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว การปฎิบัติก็จะมีอุปสรรค์มากมายแตกต่างกันไป
    ขอเอาใจช่วยนะ

    ตั้งแต่ทำจิตเกาะพระมานี่นะ ผมแทบไม่ได้นุ่งขาวห่มขาวเลย
    ผ้าตัวเก่าที่เคยสวมใส่ไปบวชเนกขัมมะนั้นก็แทบจะขาดหมดแล้ว แต่ก็ปฎิบัติไม่ได้สักที แหม๊! มันยากเย็นจริงๆนะ แค่ทำให้จิตของเรานิ่ง
    พอมาทำจิตเกาะพระ สดวกทั้งเวลา สถานที่ ไม่ต้องลางาน ไม่ต้องนุ่งขาวห่มขาว ไม่ต้องไปวัด ไม่ต้องไปสถานปฎิบัติธรรม ไม่ต้องไปทำบุญที่ไหน คือทำบุญภายในใจของเรานี่แหล่ะ!
    หรือบวชใจ มิได้บวชกาย
    เพราะเพราะบวชกายไม่จำเป็น บวชใจอย่างเดียวก็สามารถเข้าถึงธรรมชาติแห่งจิตตน เข้าใจธรรมะกันได้ แต่ขอเพียงอย่างเดียวก็คือ ต้องทำจิตให้นิ่งสงบเสียก่อน จิตเป็นสมาธิเสียก่อน ปัญญาจึงจะค่อยตามมาทีหลัง เมื่อปัญญามาแล้ว หรือจิตที่เป็นปัญญา หรือเรียกว่า จิตพร้อมใช้งาน เราก็พิจารณาธรรมกันได้

    จิตเกาะพระ เท่ากับจิตเกาะบุญ เกาะพระนิพพาน

    ถึงบอกว่าให้เตรียมตายก่อน ตายจริงๆ
    พวกเราอย่าประมาทกันก็ตรงนี้แหล่ะ! เพราะความตายมันมาถึงเลยนะ มันไม่ยอมบอกใครล่วงหน้า
    เพราะฉะนั้นตราบใดที่เรายังมีลมหายใจกันอยู่ ให้รีบทำแค่ความดีกัน
    ทำแต่บุญกัน เพราะว่าจิตของเรานี้จะปล่อยให้ไปจุติตามยถากรรมกัน
    ไม่ได้นะ มันเสียหายมาก ใครลำบากก็เรานั่นแหล่ะ!ลำบากกัน มิใช่ใครอื่น
    ฝึกกันไปเรื่อยๆเถอะ เมื่อความตายมาถึงตน เราก็พร้อมไป แต่ขอให้ไปที่ชอบๆกันนะ มิใช่ไปนรก ลงอบายภูมิ
    เพราะฉะนั้น เรามาเริ่มฝึกไปจุติที่ตนเองต้องการจะไปกันนะ
    นรก สวรรค์ พรหม หรือพระนิพพาน
    ขอให้เราเท่านั้น ที่จะเป็นฝ่ายเลือกไปกันนะครับ
     
  13. Plapersia

    Plapersia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +775
    อนุโมทนาสาธุกับพี่ภูนะค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆนะค่ะ ^^
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สำหรับเคสของเธอนี่ก็เป็นคล้ายๆกับครูเพ็ญเลยนะ เดี๋ยวเธอให้ครูเพ็ญตอบนะ เพราะท่านเจอปัญหาคล้ายๆกัน
    จิตฝึกยาก แต่ก็ต้องฝึก สำหรับผู้อยากหนีทุกขืกันจริง คือเราจะต้องนำจิตตนเองมาเรียนรู้เรื่องทุกข์กัน จึงมิใช่เรา เพราะจิตเท่านั้นที่จะเป็นผู้ที่ปล่อยวาง มิใช่เรา
    แต่มีสิ่งเดียวที่ไปเรียนรู้คู่กับจิต นั่นก็คือ สติ เพราะสติกับจิตนั้นต่างก็เป็นนามธรรมด้วยกันทั้งคู่ เพราะฉะนั้นแล้วเราจะเอาตาเนื้อเข้าไปดู ไปรู้ไม่ได้ เพราะตาเนื้อก็เป็นรูปเหมือนร่างกาย

    จิตนิ่งเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเราก็มีความสุข ความสงบกันเมื่อนั้น
    แต่ก่อนจิตจะนิ่งได้ที่นั้น จะต้องอาศัยสติเกิดขึ้นบ่อยๆด้วย
    เมื่อสติกับจิตรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวกันได้เมื่อไหร่ จิตก็จะละเอียด และการมองเห็นภาะพระก็ยิ่งใส หรือเป็นประกายพรึกกันเมื่อนั้น
    นี่มันโยงใยกันแบบนี้นะ
    ฟังหลายๆคน อ่านหลายๆท่าน เดี๋ยวเราจะเข้าใจไปเอง

    แต่ระวังนะเพราะจิตไม่ยอมนิ่งเนี๊ยมีปัจจัยหลายอย่างนะ
    เธอต้องกลับไปสำรวจที่ศีลของตนด้วย แต่ถ้าศีลๆม่ครบนี่ลำบากหน่อย
    คือจิตเกาะพระ เจริญสติภาวนา หรือธรรมจะไม่ค่อยจะก้าวหน้าเท่าที่ควร
    แต่ถ้ารักการปฎิบัติกันแล้ว ก็จงพยายามเจริญรอยตามมรรคมีองค์8 หรือ
    ศีล สมาธิ ปัญญา
    เห็นไหม๊! นี่คือหัวใจของพระพุทธศาสนา และนักภาวนา หรือจิตเกาะพระจะต้องให้ความสำคัญกันด้วย
    เพราะถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว สิ่งเหล่านี้จะไปขัดขวางมิให้เจริญในภาวนา หรือการปฎิบัติจะไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร

    ลองไปสำรวจกันดูนะ และตอบตนเองให้ได้ด้วย
    แต่ถ้าศีลหยาบยังรักษากันไม่ได้แล้ว ก็อย่าเพิ่งไปพูดถึงเรื่องมรรค ผล พระนิพพานกันเลย
    (อันนี้พูดถึงหลักการทั่วๆไปนะ มิใช่หมายถึงเธอนะ)

    แต่ถ้าศีลครบ สำหรับผู้ปฎิบัติกันใหม่ๆนั้น จิตยังปรับตัวไม่ได้ หรือยังไม่ชิน
    ขอให้ทำบ่อยๆ เรื่อยๆจนกว่าจิตเขาจะทำได้เอง ถึงตอนนั้นก็จะสบายแล้ว
    เพราะจิตจะทรงสมาธิ ทรงฌาน และทำวิปัสสนาธรรมภายในจิตของตนเอง
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    น่านจับตัวได้แล้ว จิตไหลออกไปเล่นกับความคิดแล้ว เห็นไหม๊ รู้ตัวไหม๊?
    ถ้าผู้ปฎิบัติมีคำว่าอยากนำหน้าแล้ว มักจะได้ตรงข้าม งั้นอย่าอยาก เพราะการปฎิบัติเพื่อละ ปล่อย วางกับทุกสิ่ง เพียงแต่ค่อยเป็น ค่อยไปเท่านั้น
    ขึ้นอยู่ที่กำลังใจตนเองเป็นหลักนะ
    และการปฎิบัติไม่ว่าจะเป็นกรรมฐานกองไหน ก็ต้องสติเป็นพระเอกเสมอๆ
    สติหาย นั่นแสดงว่าเราเผลอไปแล้ว ไม่เป็นไร เริ่มต้นใหม่ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถ้าเราทำสติ หรือความรู้สึกตัวมากเท่าไหร่ บ่อยเท่าไหร่แล้ว
    เดี๋ยวคงมีเข้าสักวันนึง เราก็ตามจิตทัน ตามกิเลสตนเองทัน
    เพียงแต่ขอให้ผู้ปฎิบัติทำบ่อยๆก็คือ นำสติตามดู ตามรู้จิต ด้วยใจเป็นกลาง
    คือหลักการทำสมาธิ หรือทุกกรรมฐานก็เหมือนๆกันหมด รวมทั้งจิตเกาะพระด้วย
    แต่หลักการทั่วไปมีอีกอย่างนึงก็คือ ก่อนทำต้องทำให้ใจเราสบายก่อน ขณะทำก็อย่าไปเพ่งมากเิกินไป ขอให้มองแบบสบายๆ แต่อย่าตั้งใจทำมากเกินไป
    แต่ถ้าทำใหม่ๆก็อนุญาตให้ใช้สายตาจ้องมอง เก็บรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ต้องมองแบบสบายๆนะ เดี๋ยวจิตจะรู้เบื่อ รู้สึกอึดอัด อันนี้ทำผิดแน่ ถ้ารู้ตัวกัน ก็ขอให้หยุดทำก่อน
    แต่ถ้าจิตเค้าอยากจะจำส่วนไหนของพระก็ตามใจเขานะ เราจะทำผิดนะ เพราะหลงกันมากตรงนี้ เรากำลังฝึกจิตกันนะ มิใช่ให้เรามาฝึก ฝึกจิตตนเองจ้า ฝึกจิต...ท่องไว้ เราจะได้ไปกำหนด หรือไปขัดขวางการทำงานของจิตตนเอง อันนี้อย่าทำ
    แต่ถ้ามองไปแล้ว ใหม่จิตยังไม่ชิน ภาพนั้นจึงไม่ชัดตามไปด้วย ไม่เป็นไร
    ขอให้อดทนกัน ทำกันไปบ่อยๆ เดี๋ยวดีเอง
    ใหม่จะคลำทางกันอยู่อย่างนี้แหล่ะ! ก็เหมือนขับรถยนต์ใหม่ๆกันนั่นแหล่ะ
    พอเราขับทุกวัน ขับบ่อยๆ เดี๋ยวเราก็เก่ง ก็ชินไปเอง
    ฝึกกันได้ ทำกันได้ทุกคนนะ อยากกกว่านี้เราก็ยังทำกันผ่านมาได้เลย
    ขอเอาใจช่วยนะ
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย

    ประวัติ พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย..

    พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัยนี้ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าผู้ใดเป็นผู้สร้างและสร้างขึ้น ณ ที่ใด
    เพียงแต่ทราบว่าพระพุทธปฏิมาแก้วผลึกองค์นี้มีผู้พาหนีภยันตรายไปซ่อนไว้ในถ้ำเขาส้มป่อยนายอน แขวงเมืองนครจำปาศักดิ์ ข้างฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง
    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าคงจะเป็นองค์เดียวกับพระแก้วขาวซึ่งมีเรื่องปรากฏในตำนานโยนกว่า
    พระแก้วขาวองค์นี้ พระอรหันต์ได้แก้วขาวมาแต่จันทรเทวบุตร จึงได้ให้พระวิษณุกรรมสร้างเป็นพระพุทธปฏิมากร

    ประวัติ พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย..
     
  17. pmahteerapat

    pmahteerapat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +27
    สวัสดีครับผมสมาชืกใหม่จิตเกาะพระ ขอขอบพระคุณคุณภูสำหรับกระทู้ที่เป็นประโยชน์มากๆครับ ขออนุโมทะนากับความก้าวหน้าในการปฎิบัติของหลายๆท่านครับ แอบอิจฉาเล็กน้อย สำหรับตัวเองที่เตาะแตะ อยู่ขั้นอนุบาลมาหลายปีแล้วครับ สงสัยศีลไม่ค่อยสมบูรณ์ เลยทำให้ไม่อยห้าวหน้าเท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามสู้ต่อไปครับ ปัณหาของผมคือเห็นภาพไม่ค่อยชัดครับ ผมเอาภาพเสด็จพ่อที่เป็นภาพโปรไฟล์ของพี่ภู อ่าครับ ไม่ทราบว่ามีภพานี้ที่เป็นหน้าตรงๆ ป่าวครับ ผมพยามหาจากพี่ กู แต่หาไม่เจอครับ ผมชอบภาพนี้มากครับ ดูแล้วท่านยิ้มน้อยๆ และรับรู้ได้ถึงความมีเมตตาต่อสรรพสัตว์ ขอบคุณครับ
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ให้ทาย???
    ว่าที่ไหน???
    บ้านใครอยู่แถวนั้นต้องรู้จักกันแน่ๆ (ช่วยจังหวัดเขาโปรโมท)

    เป็นเที่ยวกันหรือ??? พระจุฬามณีเจดีย์ บนโลกมนุษย์
     
  19. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    เข้ามาติดตามอ่าน ทำให้ได้ความรู้ ในการเจริญสมาธิและการทรงกำลังของสมาธิและสติ โมทนาสาธุ กับกุศลจิตของคุณภู และผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ทุกคนค่ะ
     
  20. P.S._FabriNET

    P.S._FabriNET เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2010
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +803

    ใช่ "วัดคีรีวงศ์ จ.นครสวรรค์" หรือเปล่าครับ ถ้าใช่ ผมก็เพิ่งจะเคยเห็นรูปเป็นครั้งแรก งดงามมากๆครับ ปกติเคยขับรถผ่านจะเห็นยอดเจดีย์อยู่บนยอดเขาไกลๆ ไม่คิดว่าข้างบนจะสวยขนาดนี้ ต้องหาโอกาสไปกราบให้ได้เลยครับ ขอบคุณมากครับ

    คำนมัสการพระจุฬามณีเจดีย์ (นะโมฯ ๓ จบ)
    ตาวะติงสายะ ปุรัมเมเกสะจุฬามะณี สะรีระ
    ปัพพะตาปูชิตา สัพพะเทวา นังตัง สิระสาธาตุ
    อุตตะมังอะหัง วันทามิ สัพพะทา
     

แชร์หน้านี้

Loading...