ชาวFB ควรทราบ!!

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย foleman, 7 เมษายน 2012.

  1. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    Wikileaks เปิดโปง Facebook และ Google คืองานของ CIA และ NSA


    เรื่องที่เกริ่นนำขึ้นมาครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ชาว FB ที่กำลังปล่อยข้อมูลของตนเอง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในสารพัดเรื่อง แก่บรรดาสมาชิกที่แอดเข้าไป ตีวงแผ่กว้างออกไปเรื่อยๆ เป็นต้นในกลุ่มคาทอลิก ซึ่งสมาชิกมีทั้งพระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวชชายหญิง แม้กระทั่งองค์กรต่างๆ ซึ่งมองในด้านเดียวที่ว่า FB นั้นมีประโยชน์แก่วงสังคมจริงๆ


    [​IMG]


    ความจริงแล้ว งานช้างขนาดนี้คงต้องมีฝ่ายจัดการ ฝ่ายพยายามตะล่อมให้สมาชิกปฏิสังสรรค์ แลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ โดยต่างพากันไม่สนใจว่า ชื่อและรหัสสมาชิกที่อ้างเพื่อแจมเข้ามานั้น คือใคร นี่คือจุดอ่อนของระบบ Facebook ซึ่งถ้าระมัดระวังและสนใจติดตามก็จะทราบได้ไม่ยาก

    [​IMG]


    เพื่อปกป้องผองพี่น้องเราและบุคลากรฝ่ายศาสนจักรของเรา ให้เดินไปอย่างปลอดภัย ก็มีรายงานเรื่องไม่ชอบมาพากลปรากฎออกมาจาก Wikileaks ซึ่งมี Julian Assange เป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้ง ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ในเรื่องความไม่ชอบมาพากลของ Facebook ไว้อย่างน่าตกใจ แน่นอน พวกเราอยากรู้ว่าเขาบอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนอื่นขอย้อนไปอธิบายถึงองค์กร Wikileaks ให้ท่านรับทราบอีก - ทั้งๆที่เคยอธิบายที่นี่หลายเดือนมาแล้ว - ดังนี้ครับ :



    [​IMG]


    Wikileaks คืออะไร?
    โดย : LastBerry

    ช่วงนี้หลายคนคงได้ยินเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่ชื่อ wikileaks (วิกิลิคส์) หรือ wikileaks.org เชื่อว่าหลายคนคงมีข้อสงสัยว่าเว็บไซต์นี้คือเว็บอะไร? แล้วแสดงเนื้อหาอะไรบนหน้าเว็บ? (เพราะตอนนี้เว็บนี้เข้าไม่ได้แล้ว เนื่องจากโดนแบนจากผู้ให้บริการโดเมนเนมของสหรัฐอเมริกา EverydayDNS.net แต่ก็สามารถเข้าดูเว็บไซต์ได้จากการพิมพ์ IP address แทน นั้นก็คือ http://88.80.13.160 และ http://21.3251.145.96) แต่ขณะนี้เข้าได้ตามปกติแล้ว



    [​IMG]


    wikileaks.org คืออะไร?

    wikileaks คือเว็บไซต์เปิดโปง ถ้าคุณมีความลับอยากจะบอก แต่ไม่รู้จะไปบอกใครดี ที่นี่เป็นที่สำหรับคุณ เว็บไซต์ wikileaks.org เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2007 และสมาชิกใน wikileaks ได้เข้ามาเผยแพร่บทความเปิดโปงความลับและเรื่องอื้อฉาวต่างๆ จนเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วโลก ขณะเดียวกันก็ถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลในหลายประเทศแล้วเช่นกัน เพราะเว็บไซต์นี้เปิดรับข้อมูลจากทั่วโลก โดยเน้นประเทศในเอเชีย อเมริกาเหนือและใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และกลุ่มประเทศที่เคยเป็นอดีตสหภาพโซเวียต


    ความไม่ธรรมดาของ wikileaks

    สาเหตุที่เว็บไซต์ wikileaks.org ไม่ธรรมดาเหมือนเว็บไซต์ทั่วๆ ไป เนื่องจากความไม่ธรรมดาของเนื้อหา นั่นก็คือ ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลความลับต่างๆ ปัญหาความไม่ชอบธรรม เรื่องราวการคอรัปชั่น หรือเรื่องที่สาธารณชนควรรับรู้ โดยอาจเป็นข้อมูลของรัฐบาล ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ความลับทางการทหาร ไม่เว้นแม้กระทั่งความลับขององค์กรทางศาสนา



    [​IMG]



    เรื่องแรกที่นำมาเปิดโปงตั้งแต่ก่อนเปิดตัวเว็บไซต์อย่างเป็นทางการก็คือ การปล้นชาติในประเทศเคนยา ด้วยอำนาจการบริหารของอดีตประธานาธิบดี Daniel Arap Moi ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็ได้สร้างความวุ่นวายในระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่กำลังจะเกิดขึ้นตอนนั้นพอสมควร

    ถัดมาเป็นการเปิดโปงปฏิบัติการควบคุมตัวนักโทษในคุกของสหรัฐอเมริกาที่อ่าวกวนตานาโม โดย wikileaks ระบุว่าสหรัฐมีนโยบายซ่อนตัวนักโทษบางคน จากการช่วยเหลือขององค์การกาชาดสากล รวมทั้งยังมีการใช้สุนัขในการข่มขู่นักโทษอีกด้วย



    [​IMG]



    บท ความต่างๆ เหล่านี้สร้างความไม่พอใจแก่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นการนำความลับสุดยอดทางทหารมาเปิดเผย ขณะที่ Julian Assange หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Wikileaks บอกว่านี่เป็นเรื่องที่ทุกคนมีสิทธิ์รับรู้ถึงความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกิดในประเทศของตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลความลับและความไม่ชอบธรรมในประเทศต่างๆ อีกนับร้อยประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย


    [​IMG]


    Julian เป็นชาวออสเตรเลียโดยกำเนิด แต่ขณะนี้อาศัยอยู่ในแอฟริกา นอกจากเขาจะเป็นผู้ก่อตั้ง Wikileaks แล้ว Julian ยังเป็นนักเขียนและแฮคเกอร์อีกด้วย ซึ่งเหตุนี้เองที่อาจจะทำให้เว็บไซต์แห่งนี้อยู่รอดปลอดภัยจากการปิดกั้น เสรีภาพในการเผยแพร่ข้อมูลมาจนถึงทุกวันนี้


    [​IMG]


    เจ้าของ Wikileaks ที่แท้จริงนั้นอาศัยอยู่ในเคนยา แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้เรื่องเว็บไซต์แห่งนี้มากนัก ส่วนเซิร์ฟเวอร์ก็ดูเหมือนจะตั้งอยู่ในประเทศสวีเดน แต่จริงๆ ยังมีเซิร์ฟเวอร์สำรอง (mirror) ตั้งอยู่มากมายทั่วโลก แม้กระทั่ง Ben Laurie ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยของ Wikileaks และยังเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาของเว็บ ก็ยังไม่รู้ว่าเซิร์ฟเวอร์ที่แท้จริงตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่ และใครเป็นผู้ดูแลเว็บนอกเหนือจากผู้ก่อตั้งอย่าง Julian


    [​IMG]



    นี่เป็น เหตุผลหนึ่งที่สมาชิกทั่วโลกต่างยอมรับในการรักษาความลับได้เป็นอย่างดีของ Wikileaks จึงนำเรื่องราวต่างๆ มาเผยแพร่กันอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทีมงานพบว่าหลายครั้งมีบทความที่ไม่น่าเชื่อถือปะปนอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่ง Julian ก็กำลังพิจารณาว่าจะเลิกใช้ระบบ Wiki ดีหรือไม่ และจะเปลี่ยนมาเผยแพร่บทความก็ต่อเมื่อเรื่องที่สมาชิกส่งเข้ามาได้รับการ พิสูจน์ความจริงแล้วเท่านั้น


    [​IMG]


    “เวลานี้เป็นยุคของนักสื่อสารมวลชนและ นักเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จะได้เผยแพร่ข้อมูลได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ หรือไม่ต้องเซ็นเซอร์ตัวเองอีกต่อไป คุณลองนึกถึงโลกที่รัฐบาลหรือบริษัทคอยดูแลประชาชนและพนักงานบริษัทให้อยู่ กันอย่างมีความสุขสิ นั่นคือโลกที่เรากำลังสร้างให้มันเป็นจริงขึ้นมา”



    [​IMG]



    หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา




    หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: Central Intelligence Agencies) หรือย่อว่า ซีไอเอ (อังกฤษ: CIA) เป็นหน่วยงานราชการของสหรัฐอเมริกา ตั้งขึ้นเมื่อปี 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 โดยประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมน และเริ่มปฏิบัติการอย่างเป็นทางการเมื่อ 18 กันยายน พ.ศ. 2490 มีจุดมุ่งหมายหลักในการตั้งขึ้นเพื่อการสืบข่าวกรองทางด้านการทหาร ข้อมูลลับในต่างประเทศที่ส่งผลต่อความมั่นคงต่อสหรัฐอเมริกา


    [​IMG]

    ถึงแม้ว่าตัวเลขจำนวนของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานนั้นถูกปิดเป็นความลับ



    [​IMG]



    สำนักข่าวกรองกลาง (CIA) เป็นศูนย์กลาง หน่วยสืบราชการลับ ของ รัฐบาลสหรัฐอเมริกา รายงานไปยัง ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ รับผิดชอบในการให้บริการ รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ประเมินผลการข่าวกรอง เพื่อการอาวุโส สหรัฐอเมริกา กำหนดนโยบาย . ซีไอเอยังส่วนร่วมในกิจกรรมแอบแฝงตามคำขอของ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา .



    [​IMG]


    มันเป็นผู้สืบทอดของ สำนักบริการยุทธศาสตร์ (OSS) ที่เกิดขึ้นในช่วง สงครามโลกครั้งที่สอง ในการประสานงาน การจารกรรม กิจกรรมกับ ฝ่ายอักษะ สำหรับสาขาของ สหรัฐอเมริกากองทัพ . พระราชบัญญัติความมั่นคงแห่งชาติของปี 1947 ที่จัดตั้งขึ้นซีไอเอ, affording มัน"ไม่มีตำรวจหรือกฎหมายบังคับใช้ฟังก์ชั่นทั้งที่บ้านหรือในต่างประเทศ" หนึ่งปีต่อมาอาณัตินี้ถูกขยายเพื่อรวม [ ชี้แจงจำเป็น ]"มาตรการการก่อวินาศกรรม, การป้องกันการก่อวินาศกรรม - รื้อถอนและการอพยพ ... โค่นล้ม [และ] ให้ความช่วยเหลือด้านความต้านทานต่อการเคลื่อนไหวใต้ดินและการเคลื่อนไหวของกองโจรปลดปล่อยผู้ลี้ภัยและการสนับสนุนของชนพื้นเมืองป้องกัน องค์ประกอบของคอมมิวนิสต์ในประเทศที่ถูกคุกคามของโลกฟรี"



    [​IMG]



    ผ่านความร่วมมือระหว่างหน่วยซีไอเอที่มี การรักษาความปลอดภัยสถานที่สหกรณ์ ในการกำจัดของ สถานที่เหล่านี้เรียกว่า"แผ่นลิลลี่"โดยกองทัพอากาศ



    [​IMG]



    ฟังก์ชันหลักของซีไอเอคือการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรัฐบาลต่างประเทศ องค์กร และบุคคลและให้คำแนะนำแก่ผู้กำหนดนโยบายสาธารณะ หน่วยงานที่ดำเนิน การแอบแฝง และ ทหาร การกระทำ exerts และอิทธิพลทางการเมืองในต่างประเทศผ่านทาง กองกิจกรรมพิเศษ ของซีไอเอและความรับผิดชอบของการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในปี 2004 ก่อนธันวาคม 2004 ซีไอเอที่ถูกองค์กรปัญญาหลักของการที่รัฐบาลสหรัฐ;



    [​IMG]




    มันก็รับผิดชอบในการประสานกิจกรรมของ ชุมชนข่าวกรองสหรัฐ (IC) เป็นทั้ง ข่าวกรองแห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปการป้องกันและการก่อการร้ายของปี 2004 สร้างสำนักงานของ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ (DNI) ซึ่งเอามากกว่าการจัดการและความเป็นผู้นำของ IC




    [​IMG]




    วันนี้, ซีไอเอยังคงมีจำนวนของฟังก์ชั่นในการร่วมกันกับประเทศอื่น ๆ 'หน่วยข่าวกรอง (ดู ความสัมพันธ์กับหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ ) ซีไอเอ สำนักงานใหญ่ อยู่ใน แลงลีย์ ใน McLean , หน่วยงาน แฟร์แฟกซ์รัฐเวอร์จิเนีย , ไม่กี่ไมล์ทางตะวันตกของ กรุงวอชิงตันดีซี พร้อม Potomac River .




    [​IMG]



    บางครั้งซีไอเอจะเรียกว่า euphemistically ในสำนวนของรัฐบาลและทหารเป็นหน่วยงานราชการอื่น ๆ (OGA) โดยเฉพาะเมื่อการดำเนินงานในพื้นที่เฉพาะเป็น ความลับเปิด . เงื่อนไขอื่น ๆ รวมถึง บริษัท ฯ , แลงลีย์ และเอเจนซี่

    ขอบคุณข้อมูลจาก Wikipaedia


    [​IMG]


    Emil Protalinski รายงานข่าววันที่ 3 พฤษภาคม 2011 ว่า ผู้ก่อตั้งวิกี้ลีกส์กล่าวว่า : Facebook เป็น “ เครื่องกลสอดแนมน่าสยองที่สุดเท่าที่มีการประดิษฐ์ขึ้นมา”



    [​IMG]




    สรุป : ผู้ก่อตั้งวิกี้ลิกส์ Julian Assange ได้เรียก Facebook ว่าเป็น “เครื่องกลสอดแนมน่าสยองที่สุดเท่าที่มีการประดิษฐ์ขึ้นมา” Facebook เองได้ตอบโต้ต่อข้อกล่าวหานี้

    Julian Assange ผู้ก่อตั้งวิกี้ลิกส์อาจกำลังรอการส่งตัวไปสวีเดนด้วยข้อหาการทำร้ายทางเพศ แต่นั่นมิได้หมายความว่าสื่อมวลชนได้หมดความสนใจในเรื่องที่เขาได้เคยกล่าวและถือเป็นเรื่องสำคัญอีกหลายเรื่อง ในการให้สัมภาษณ์เร็วๆนี้กับสำนักข่าว Russia Today Assange ถูกถามถึงความคิดเห็นในการปฏิวัติตะวันออกกลาง


    [​IMG]


    หลังจากที่ Assange ได้เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอะไรกำลังเกิดขึ้นในอียิปต์และลิบยา เขาได้รับคำถามเกี่ยวกับบทบาทของเครือข่ายสังคม(social networks ) อย่างเช่น Facebook นั่นแหละที่ผู้ก่อตั้ง Wikileaks ระเบิดพรูออกมาว่า:

    Facebook เป็นพิเศษ เป็นจักรกลสอดแนมที่น่าสยองที่สุดเท่าที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา ที่นี่เราได้ database ที่กว้างขวางที่สุดของโลก เกี่ยวกับประชาชน ความสัมพันธ์ของพวกเขา ชื่อของพวกเขา address ของพวกเขา สถานที่อยู่ของพวกเขา การสื่อสารที่พวกเขาใช้สื่อสารกัน ญาติพี่น้องของพวกเขา ทั้งหมดรวมที่อยู่ในสหรัฐ ทั้งหมดข่าวกรองสหรัฐเก็บไว้ได้

    Facebook, Google , Yahoo ( Twitter) องค์กรยักษ์ใหญ่ของสหรัฐเหล่านี้ ต่างมี built-in interfaces สำหรับข่าวกรองสหรัฐ มันไม่ใช่เรื่องทำนองหมายเรียก – องค์กรเหล่านี้มี interface ที่พวกเขาได้พัฒนาเพื่อให้สำนักข่าวกรองนำไปใช้ได้

    ปัจจุบันนี้ เป็นกรณีที่ว่า Facebook นั้นดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบโดยหน่วยข่าวกรองสหรัฐหรือ? เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงหน่วยข่าวกรองสหรัฐสามารถจัดการให้เกิดแรงกดดันทางกฎหมายและทางการเมืองแก่พวกเขา และจะเสียค่าใช้จ่ายมากสำหรับพวกเขาที่จะส่งบันทึกรายงานต่างๆ ทีละชิ้น ดังนั้นพวกเขาจึงใช้วิธีขบวนการอัตโนมัติ ทุกคนควรเข้าใจว่า เมื่อพวกเขาเพิ่ม(add) เพื่อนเข้าใน Facebook พวกเขาก็กลายเป็นผู้ทำงานอิสระสำหรับสำนักงานข่าวกรองสหรัฐ ในการช่วยสร้าง database นี้สำหรับสำนักข่าวกรองโดยปริยาย.


    [​IMG]


    ตั้งแต่นั้น Facebook ได้ตอบโต้ โดยปฏิเสธคำกล่าวอ้างของ Assange อย่างน้อยบางเรื่อง “ เราไม่ตอบโต้ต่อแรงกดดัน เราตอบโต้ต่อขบวนการทางกฎหมายภาคบังคับ “ โฆษก คนหนึ่งของ Facebook พูดในแถลงการณ์ “ ไม่เคยมีเวลาใดที่เราถูกกดดันให้ส่งมอบข้อมูล – เราสู้ทุกครั้งที่เราเชื่อขบวนทางกฎหมายยังไม่เพียงพอ มาตรฐานทางกฎหมายเพื่อบังคับให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งส่งมอบข้อมูลนั้น ต้องปฏิบัติตามหลักกฎหมายของประเทศ และเราเคารพมาตรฐานนั้น.”



    [​IMG]



    GOOGLE

    Google has come under scrutiny over its attempt to eliminate competing search engines and block ''controversial'' sites and people, but the biggest controversy came over its alleged ties to the CIA and NSA.

    Google founders Sergey M. Brin and Lawrence E. Page are portrayed as average folks, Stanford University students, who teamed up to create a ''superior search engine''. Their attempt to do just that turned out to be so successful that they started to get funding from big players, for example Sun Microsystems. (http://en.wikipedia.org/wiki/Sergey_Brin#Search_engine_development)


    [​IMG]

    Google ได้พยายามกลั่นกรองเกี่ยวกับความพยายามที่จะยกเลิกกลไกเสาะหาที่จะแข่งขัน และปิดกั้น Sites และคน”มีปัญหา” แต่ที่มีปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือการถูกกล่าวหาผูกพันกับ CIA และ NSA


    ผู้ก่อตั้ง Google Sergey M. Brin และ Lawrence E. Page ถูกมองว่าเป็นลักษณะคนธรรมดาทั่วไป คือนักศึกษา Stanford University ซึ่งตั้งทีมสร้าง “ กลไกการเสาะหาชั้นสูงกว่า”. ความพยายามของพวกเขาก็คือทำอะไรที่ปรากฎผลสำเร็จจนว่าพวกเขาได้เริ่มรับทุนสนับสนุนจากผู้เล่นรายใหญ่ ตัวอย่างเช่น Su Microsystems
    (http://en.wikipedia.org/wiki/Sergey_Brin#Search_engine_development)

    It can be assumed that the CIA and NSA funded them as well. As in the above example of Facebook, don't forget the Google scandal connected to China last year, where Google simply evaded censorship laws by moving to Hong Kong.

    The CIA might have used Google as a soft power proxy in China as well for destabilization operations. Here are a few issues that made the news regarding Google:

    [​IMG]

    สามารถถือได้ว่า CIA และ NSA ออกทุนให้พวกเขาจริง ตามตัวอย่างที่กล่าวมาแล้วคือ Facebook อย่าลืมเรื่องอื้อฉาวของ Google ที่เกี่ยวกับประเทศจีนปีที่แล้ว ที่ Google ละเมิดกฎหมายเซ็นเซอร์โดยต้องย้ายไปที่ Hong Kong

    CIA อาจได้ใช้ Google ประหนึ่งตัวแทน(proxy)อำนาจอ่อนๆในประเทศจีน เพื่อกิจกรรมการบั่นทอนเสถียรภาพ นี่เป็นเพียงงานสองสามอย่างที่เป็นข่าวเกี่ยวกับ Google :

    Tarpley: US Gov uses Google proxy to attack China - (Vid)
    Google-NSA collaboration draws alarm -
    YouTube's Parent Google is a Corporate Member of the Council on Foreign Relations - Ex-Agent: CIA Seed Money Helped Launch Google -
    The Google-NSA Alliance: Questions and Answers -


    CONCLUSION
    สรุป

    I admit I have Facebook. I am not particularly happy about it, but it does facilitate being connected with friends from other places. I try to keep a low profile. Don't reveal anything or don't click on trivial buttons, for example the ''Likes''.

    Use alternatives to make contact if you can, e.g. email or other messengers. If you have Facebook, you have probably realized how people have literally sold their lives over to it.

    เรายอมรับว่าเรามี Facebook เราไม่มีความสุขพิเศษกับมัน แต่มันให้ความสะดวกในการติดต่อกับเพื่อนฝูงจากสถานที่อื่น เราพยายามไม่แสดงข้อมูลตนเองมากนัก ไม่เปิดเผยอะไรหรือไม่คลิกปุ่มไม่มีสาระ เช่น “ ชอบ”
    ใช้ตัวเลือกอื่นที่จะติดต่อถ้าทำได้ อย่างเช่น email หรือคนส่งสาร ถ้าคุณมี Facebook คุณอาจจะคิดได้ว่าคนเรานั้นตามตัวอักษรขายชีวิตของตนให้กับมัน.

    Every time I see people revealing things to the finest detail, they don't think about any consequences, or let's say, they are not smart enough to care. The scientific dictatorship has done a ''good'' job in brainwashing and manipulating the masses. Don't be fooled by the deceit. The mainstream media has been very reluctant to cover the disturbing Google/Facebook ties as it would expose important assets for the Big Brother machine and its secret use to destabilize.

    Zuckerberg or the Google founders would never have gotten the publicity, wealth and success without a CIA or NSA connection. To elaborate on the opening quote, I assume they have been initiated into the Illuminati Order and sold their soul.



    ทุกครั้งที่เราเห็นคนเปิดเผยสิ่งต่างๆจนถึงรายละเอียดสวยงาม พวกเขาไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมา หรือขอพูดว่า พวกเขาไม่ฉลาดพอที่จะระมัดระวัง เผด็จการทางวิทยาศาสตร์ได้ทำงาน”ดี”ในการล้างสมองและแยกสลายกลุ่มคน อย่าถูกทำให้โง่โดยการหลอกลวง สื่อที่หลั่งไหลพรั่งพรูไม่เต็มใจนักที่จะปกปิดความสัมพันธ์ ของ Google/Facebook ที่รบกวนเราโดยที่มันตีแผ่ทรัพย์สินสำคัญสำหรับจักรกล Big Brother และการใช้ลับๆเพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพ

    Zuckerberg หรือบรรดาผู้ก่อตั้ง Google ไม่เคยได้มีการแสดงความเป็นสาธารณะ ทรัพย์สินและคว่ามสำเร็จ โดยปราศจากความเชื่อมโยงกับ CIA และ NSA เพื่อจัดคำพูดนำเปิดตัว เราถือว่าพวกเขาได้ริเริ่มเข้าไปสู่ Illuminati Order (องค์การอิลลูมินาตี)และขายวิญญาณไปแล้ว.

    --[​IMG]

    Related- The Truth About Facebook

    ------------

    Sandeep Parwaga is a 22 yr old Indian student who currently lives in the UK.


    [​IMG]


    Facebook - the CIA conspiracy

    Facebook – การสมรู้ร่วมคิดกับ CIA​



    by Matt Greenop

    . Facebook มีผู้ใช้ทั่วโลก 200 ล้านคนมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์และ หากแหล่งที่มาของอินเทอร์เน็ตเชื่อได้ Facebook เริ่มต้นโดย CIA

    ปรากฏการณ์เครือข่ายทางสังคมเริ่มต้นเป็นวิธีการของนักศึกษาอเมริกันในการติดต่อกัน มันจับขั้วอย่างรวดเร็วกับ MySpace, และปล่อย web อื่น ๆ เช่น Bebo ในการตื่นขึ้นของมัน


    [​IMG]


    แต่มีด้านมืดในเรื่องราวของความสำเร็จที่ได้แพร่กระจายทั่ว blog ความเห็นทาง internet ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่ซับซ้อน แต่เป็นแบบ Big-Brotherที่กำลังตอกหมุด เชื่อมโยง Facebook ถึง CIA และกระทรวงกลาโหมสหรัฐ
    แม้ CIA กำลังใช้กลุ่ม Facebook เพื่อ บรรจุพนักงาน สำหรับบริการลับแห่งชาติ ที่ฟังรื่นหูก็ตาม.

    การตรวจสอบ ลงโฆษณาตำแหน่งงาน


    [​IMG]


    จำเป็นต้องเข้าสู่ระบบ Facebook ดังนั้นหากคุณไม่ได้เข้าร่วมเว็บไซต์ -- หรือเป็นห่วงว่า ปีศาจ CIA จะเริ่มติดตามคุณถึงบ้านจากที่ทำงาน – จงตรวจสอบข้อมูลเหล่านั้นในเว็บไซต์หน่วยงาน ของคุณเอง

    เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook ได้เปิดตัว หลังจากที่ ละครเรื่องห้องพักหอพัก ที่นำไปสู่ กรณีศาล ปัจจุบัน.

    รอบแรกของ Facebook ในการลงทุนด้วยเงินทุน ($ US500, 000) ได้มาจากอดีตซีอีโอ Peter Thiel ของ Paypal ผู้เขียน ตำนานหลายเล่ม เกี่ยวกับ”การแอนตี้ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม “ เขายังเป็นกรรมการของ บริษัท อนุรักษ์นิยมหัวรุนแรงกลุ่ม VanguardPAC


    [​IMG]


    รอบที่สองของการระดมทุนใน Facebook ($ US12.7 ล้านบาท) มาจากการเพิ่มทุนของ บริษัท ร่วมทุนพันธมิตร Accel Partners ผู้จัดการของกลุ่ม James Breyer เป็นอดีตประธานกรรมการของ บริษัท ร่วมทุนสมาคมแห่งชาติและทำหน้าที่ในคณะกรรมการร่วมกับ Gilman Louie, CEO ของ In - Q – Tel ซึ่งเป็น บริษัท ร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นโดย CIA ในปี 1999 หนึ่งในงานสำคัญของ บริษัท คือความเชี่ยวชาญใน"เทคโนโลยีการขุดค้นหาข้อมูล"( Data Mining Technologies )

    Breyer ยังทำหน้าที่ในคณะกรรมการของ R & D บริษัท BBN Technologies, ซึ่งเป็นหนึ่งใน บริษัท ที่มีหน้าที่รับผิดชอบสำหรับการเพิ่มขึ้นของอินเทอร์เน็ต

    [​IMG]


    ดร. แอนนิต้าโจนส์ร่วมงานกับ บริษัท ซึ่งรวมถึง Gilman Louie เธอยังทำหน้าที่ในคณะกรรมการ In- Q – Tel และได้เป็นผู้อำนวยการของหน่วยงานการวิจัยกลาโหมและวิศวกรรมสำหรับกระทรวงกลาโหมสหรัฐ


    [​IMG]


    เธอยังเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและการกำกับดูแลหน่วยงานกลาโหม Advanced Research Projects Agency (DARPA) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยีชั้นสูง และ การพัฒนาระดับ high - end


    [​IMG]


    มันเป็นเรื่องเมื่อนักข่าวคนหนึ่งได้เปิดเผย DARPA ว่า
    ประชาชนเริ่มแสดงความกังวลที่โครงการขุดค้นข้อมูลนั้น

    หน้า IAO ของ Wikipedia กล่าวว่า "IAO มีพันธกิจตามที่ระบุไว้เพื่อรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุดเกี่ยวกับแต่ละคน ในสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางสำหรับการตรวจสอบได้ง่ายโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา รวม ทั้ง (แต่ไม่ จำกัด เฉพาะ) กิจกรรมทางอินเทอร์เน็ต ประวัติการซื้อบัตรเครดิตการ์ด , การซื้อตั๋วสายการบินต่างๆ การเช่ารถยนต์ เวชระเบียนทางการแพทย์ ใบแสดงผลการศึกษา ใบอนุญาตขับรถ ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภค การคืนภาษีและข้อมูล ใด อื่น ที่มี."
    ไม่น่าแปลกใจ การสะท้อนกลับรุนแรงจากนักเสรีนิยม นำไปสู่การสอบสวนของรัฐสภาในกิจกรรม DARPA สำนักงานการตระหนักถึงข้อมูลที่หายไป( Information Awareness Office ) จึงไม่ได้รับเงินทุนดำเนินการอีกต่อไป.



    [​IMG]


    ตอนนี้บรรดานักทฤษฎีสมคบคิดทางอินเทอร์เน็ตมีการอ้างอิงใช้ Facebook เป็นหน้ากากใหม่ IAO
    ชิ้นส่วนที่ประกอบในเทคโนโลยีของ IAO รวม'กลไกในการวิเคราะห์เครือข่ายและพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งปริมาณขนาดใหญ่ของ Facebook จากการสะสมข้อมูลอย่างเป็นระเบียบที่กำหนดเป้าหมายอย่างปราณีตบรรจงทำให้เป็นไปได้

    ข้อกำหนดเงื่อนไขการใช้ Facebook เองกำหนดว่า :"โดยการโพสต์ข้อมูลสมาชิกไปยังส่วนใดของเว็บไซต์ คุณจะอนุญาตโดยอัตโนมัติและคุณรับรองและรับประกันว่าคุณมีสิทธิที่จะให้แก่ Facebook ซึ่งการอนุญาตที่ไม่สามารถยกเลิกได้ตลอดชั่วกาล ไม่ผูกขาด สามารถโอนเปลี่ยนมือได้ ที่ ชำระเงินเต็มจำนวน เป็นใบอนุญาตทั่วโลก เพื่อใช้คัดลอก ดำเนินการแสดง, ฟอร์แมต, แปล, ข้อความที่ตัดตอนมา และแจกจ่ายข้อมูลและเนื้อหาเหล่านั้น และเพื่อเตรียม ความพร้อมงานที่ดัดแปลงมาจากหรือ รวมเข้ากับงานอื่น ๆ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวและเนื้อหาและการให้สิทธิและการอนุมัติจาก sublicenses ดังกล่าวข้างต้น

    และในที่ที่น่าสนใจอย่างเท่าเทียมกัน นโยบายความเป็นส่วนตัว ระบุว่า :"Facebook อาจเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณจากแหล่งอื่น ๆ เช่นหนังสือพิมพ์, บล็อก, บริการส่งข้อความโต้ตอบแบบทันทีและผู้ใช้อื่น ๆ ของการบริการโดยผ่านการดำเนินการของบริการ (เช่นแท็กภาพถ่าย) ใน เพื่อที่จะช่วยให้คุณมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้นและเป็นประสบการณ์ที่ ส่วนบุคคลมากขึ้น. โดยใช้ Facebook, คุณยินยอมที่จะมีข้อมูลส่วนตัวของคุณโอนไปและประมวลผลในสหรัฐอเมริกา."

    จริงๆแล้ว CIA ให้แรงผลักดันและเงินทุนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการเจริญเติบโต แบบก้าวกระโดดพิลึกกึกกือของดอทคอมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ? บางทีเพียงคนที่ใส่สูทหรูและประกับหูฟังเท่านั้นสามารถให้คำตอบได้.

    โดย Matt Greenop
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  2. nickybamby

    nickybamby เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +174
    ก็ว่ากันไป แต่ก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลข่าวสาร"อีกด้่านนึง"ครับ :cool:
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ระวังกันด้วยนะ พวกที่ click เข้าไปพวก wiki leaks ข้อมูลส่วนตัวของเราก็โดน leak ไปเรียบร้อยแล้ว
     
  4. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    คงได้อ่านข้อมูลที่อธิบายให้ทราบและกล่าวกันว่า ไม่มีของฟรีใดๆจะไม่ได้ประโยชน์ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมแน่นอน (ผมเชื่ออย่างนั้นนะครับ)

    Facebook ก็เหมือนกัน มีการลงทุนมหาศาลก็ต้องหวังผลตอบแทนมหาศาลเช่นกัน Wikileaks ได้เตือนให้ผู้ใช้งานของ Facebook ให้คำนึงว่า ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับตัวท่านเองที่เปิดเผยแก่เพื่อนฝูง ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริง ชื่อรหัส นามสกุล สถานที่อยู่ บัตรประจำตัว รูปถ่าย ข้อมูลเกี่ยวกับการเงินการธนาคาร บัตรเครดิต การซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ต การติดต่อสื่อสารข้ามประเทศ ฯลฯ ทั้งหมดเหล่านี้ถูกจัดเก็บไว้ในสารบบเก็บข้อมูลของ Facebook ซึ่ง CIA ของสหรัฐสามารถนำไปศึกษาได้อย่างสบาย เพราะใครก็ตามที่ตกลงทำสัญญาใช้บริการของ Facebook ได้ตกลงโดยปริยาย อนุญาตให้ Facebook นำข้อมูลของคนนั้นไปใช้ได้ ไม่ว่าในที่ใด น่าห่วงไหมครับ?


    :z16

    การใช้งาน Facebook ขณะนี้นั้น สนุกมาก แต่ ระวังตัวหรือเปล่าว่า ท่านนั้นกำลังร่วมมือกับ Facebook ทำงานให้ CIA นะครับ ที่น่าตกใจมากก็คือ ใครผู้ใดที่สมัครเป็นสมาชิก Facebook แล้ว จะไม่สามารถถอนตัวออกมาได้ เพราะวิธีการที่จะตัดขาดออกจากวงการ Facebook นั้น ซับซ้อน ยอกย้อน จนทำไม่ได้ แม้จะมีการแนะนำว่าทำได้ก็ตาม ทางเดียวก็คือ หยุดไปเฉยๆนั่นแหละ พอห่างไปพักใหญ่ก็จะเบาตัวไปด้วย แต่ข้อมูลของคุณที่่ให้ไว้ผ่าน Facebook นั้น ยังเก็บไว้กับระบบสะสมของ Facebook ต่อไป นานเท่านานนะครับ
    dannce_
     
  5. yutthana promnaimuang

    yutthana promnaimuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +344
    ผลของกรรมใดที่เกิดขึ้นก็จะส่งผลถึงผู้ที่ทำกรรมนั้นเสมอไม่เปลี่ยนแปลง
     
  6. foleman

    foleman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +505
    อัพเพิ่มสัก ๒ ข่าวนะครับ:cool:

    Facebook ซื้อ Instagram แล้ว
    Posted: Mon, 09 Apr 2012 17:13:59, ขอบคุณบทความจาก: [​IMG]


    หลังจากที่ Instagram เพิ่งเปิดตัวไปบน Android และมีฐานผู้ใช้กว่า 30 ล้านคน วันนี้ Instagram ได้ประกาศเข้าร่วมส่วนหนึ่งอาณาจักร Facebook แล้ว

    ราคาของการซื้อในครั้งนี้อยู่ที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐครับ โดยทาง Facebook ประกาศว่าจะทำให้โปรแกรม และแบรนด์ Instagram กระจายไปมากกว่านี้ และฟีเจอร์การเชื่อมต่อกับ Social อื่นๆ นอกจาก Facebook, การปิดไม่แชร์ลง Facebook จะไม่ถูกตัดออกไปครับ ส่วนรายการ follower/following ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับ Facebook account


    Facebook ยังเสริมอีกว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ซื้อบริการที่มีฐานผู้ใช้ระดับนี้ และยังไม่มีแผนการที่จะซื้อบริการลักษณะนี้เพิ่มเติมอีก
    ที่มา: Instagram, Mark Zuckerberg, The Verge

    -----------------------------------------------------------------------


    Anonymous เตือนรัฐบาลจีนคือเป้าหมายรายต่อไป
    Posted: Mon, 09 Apr 2012 14:41:37, ขอบคุณบทความจาก: [​IMG]




    หลังจากที่แฮกเกอร์กลุ่ม Anonymous ประสบความสำเร็จกับภารกิจ Occupy ทั้งในและนอกสหรัฐ เวลานี้ได้มีกลุ่มแฮกเกอร์ในประเทศจีนเข้าร่วมกลุ่ม Anonymous แล้วโดยใช้ชื่อว่า "Anonymous China"
    สมาชิกกลุ่ม f0ws3r ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของ Anonymous เผยกับรอยเตอร์ว่า


    "First we want to alert the Chinese government that we aren't afraid, and we are going to show the truth and fight for justice,"


    แปลไทย - อย่างแรก พวกเราต้องการเตือนรัฐบาลจีนว่าพวกเราไม่เกรงกลัว และพวกเรากำลังจะแสดงความเป็นจริงซึ่งเป็นการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
    เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่ารัฐบาลจีน มีการปิดกั้้นการเข้าถึงโซเชียลเน็ตเวิร์คจากต่างประเทศ ทั้ง Facebook, Twitter, Youtube อีกทั้งมีการคอรัปชั่น และแทรกแซงหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน โดยให้เหตุผลเรื่องของความมั่นคงฯ โดยเป้าหมายหลักการโจมตีนั้นรวมไปถึงการล้ม Great Firewall of China อีกด้วย


    ทาง f0ws3r ยังได้เผยอีกว่า Anonymous China ตอนนี้มีประมาณ 10-12 คน ซึ่งอาศัยอยู่ในจีน และมีกลุ่ม Anonymous จากต่างประเทศอีกหลักร้อยคน เพื่อจะช่วยเหลือในการโจมตีเว็บไซต์รัฐบาลจีน
    โดยก่อนหน้านี้ทาง Anonymous China ได้เจาะฐานข้อมูลผู้ใช้งานและได้มาซึ่งชื่อบัญชีผู้ใช้ และรหัสผ่านขอเว็บรัฐบาลฉางซีและนำไปแปะบน PasteBay


    ที่มา - Reuters และ @YourAnonNews


    :boo:
    ปล. วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีของการก่อตั้ง @YourAnonNews ด้วย ถึงกับติดอันดับ Trending Twitter ด้วย Tag #HappyBirthdayYAN ไปพักหนึ่งก่อนทวิตเตอร์จะถอดออกจาก Trending โดยไม่ทราบสาเหตุ
     
  7. ภูติอาคเนย์

    ภูติอาคเนย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ถึงแม้จะคุมยังไงแต่ปริมาณข้อมูลที่ไหลเข้าออก ทั้งเรื่องจริงและเรื่องแต่งมันมีมหาศาลทำให้ ยากพอสมควรในการกรองหาความจริง แต่ทุกคนที่ใช้โซเชียลมีเดียทั้งหลายควรจะตระหนักเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลบ้างก็ดีครับ ถึงแม้ว่าจะมีคนจำนวนมากนิยมเปิดเผยข้อมูลมากกว่าปิด แต่ความจริงแล้วยูเซอร์เหล่านี้ไม่ใช่แค่โดนคุกคามจากองค์กรลับต่างๆในการฉกข้อมูลแต่ยังโดนคุกคามจากแฮกเกอร์ด้วย คาดว่าในอนาคตยิ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันเชื่อมต่อกับอินเตอร์มากขึ้นเท่าไหร่ อำนาจของแฮกเกอร์ในการทำลายล้างก็จะสูงเป็นเงาตามตัว ซึ่งถือเป็นความมั่นคงระดับชาติที่สำคัญเรื่องหนึ่ง ตัวอย่างเรื่องนี้คือการทำสงครามไซเบอร์ของจีนกับอเมริกา ก็ใช้แฮกเกอร์มาทำงานด้านยุทธศาสตร์ในการรบด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...