ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ตำนานธัมมิกราช

....สุณนฺต อิมํ ธมฺมิกราชวตฺถุ มนสิกโล ถภาสามีติ ทีนี้จักกล่าวยังตำนานแห่งพระยาธัมมิกราชเจ้าตนบุญใหญ่ ผู้จักเกิดมาโปรดสัตว์ทั้งหลายในภายหน้านั้นแล สูท่านทั้งหลายจงจักฟังด้วยเคารพยำเกรง กระทำใส่ใจไว้ทุกฅนเถอะ พระพุทธเจ้าตนเป็นที่พึ่งแก่โลกทั้ง 3 ยังทรมานอยู่สำราญเหนือดอยอันชื่อว่า อุปปรุตติ วันนั้นก็เล็งเห็นอนาคตภัย โกลาหล คือว่า กลียุคจักเกิดมีภายหน้า ก็เทศนาสั่งสอนแก่พระอินทร์และหน่อพระโพธิสัตว์เจ้า 4 ตนว่า

พระมหาราชกับทั้งโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย อนาคตอันจักมาภายหน้าในเมื่อศาสนาแห่งเราตถาคตล่วงพ้นไปได้ 2290วัสสา เข้าเขต 3 พันปีนั้น อันว่าเป็นบ้านเมืองสากลชมพูฝ่ายเมืองหนใต้นั้นจักเกิดเป็นโกลาหล ศึกใหญ่ฉิบหายวายวอด บ้านเมืองและพุทธศาสนาทั้งหลายและสัตว์ทั้งหลายจักฉิบหายตายมากนัก เหตุด้วยเหล่าภิกษุและท้าวพระญาและฅนทั้งหลายมีใจบาปหนาอาธัมม์มากนักนั้นแล พระพุทธเจ้าก็เทศนาไว้ฉันนี้วันนั้นแล

ในกาละบัดนี้ก็มาถึงแล้ว พระญาอินทาธิราช จึงได้กลับไปอาราธนานิมนต์พระโพธิสัตว์เจ้า ตนชื่อ อุตตโร ให้ลงมาเกิดในอาณาเขตประเทศเมืองหริภุญไชยนคร ให้ได้เป็นธัมมิกราชา เหตุในฐานะบ้านเมืองคราวนั้น ภิกษุ ท้าวพระญาและมนุษย์หญิงชายทั้งหลาย อันอยู่ในเมืองเหล่านั้น เป็นอันธพาล บาปหนาอาธัมม์แน่นหนามากหลายกว่าที่อื่น พุทธศาสนา และบ้านเมืองและมนุษย์ทั้งหลายก็จักให้วินาศฉิบหายวายวอดมากหลายกว่าบ้านเมืองอื่น ด้วยเหตุดั่งนั้น จึงให้พระโพธิสัตว์เจ้าตนชื่อว่า อุตตโร นั้นลงมาเกิดในเมืองอันนั้น ให้ได้เป็นธัมมิกราชค้ำชูศาสนาในบ้านเมืองที่นั้นเป็นต้นเค้า ให้ศาสนาพระเจ้าได้กลับเจริญรุ่งเรือง

พระโพธิสัตว์เจ้าครั้นเกิดมาแล้ว ก็ให้ได้บวชในศาสนา บวชเป็นภิกขุแล้วก็จักได้ลาสิกข์สองที บวชสองทีแล ท่านเจ้าตนนั้นเป็นผู้มีปัญญากล้ามากนัก จักได้รู้ธัมม์พระเจ้ามากนัก ท่านเรียนธรรมเพียงเล็กน้อย หากไปพิจารณาด้วยปัญญาแห่งตน ก็สามารถอธิบายอัตถะ ธัมมะได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง อย่างไม่มีเหลือเศษ ก็ได้ทรงธัมม์ปิฏกะทั้ง3 เจ้าก็สั่งสอนตักเตือนภิกษุและท้าวพระญา และมนุษย์ทั้งหลายเนืองๆ เป็นปกติทุกเมื่อแลภิกษุและท้าวพระญาและฅนทั้งหลายผู้มีใจบาปนั้น ไม่ยินดีตามคำของท่าน ด้วยไม่เป็นที่พึงพอใจเขาทั้งหลาย จึงมีใจอันชัง ไม่รักไม่ชอบ ไม่เข้าใกล้ในท่านทุกคน ท่านจึงหลบหลีกปลีกตัวไปอยู่ยังสถานที่หลีกเร้นแห่งหนึ่งแล

ถึงกาลเมื่ออายุท่านได้ 28 ปีเมื่อใด ท่านเจ้าตนนั้น ก็จักได้ลาสิกข์ออกมาจากสาสนา แล้วจักได้เถลิงถวัลย์ขึ้นเป็นพระญาธัมมิกราชเพื่อปราบพื้นสากลชมพูทวีปทั้งมวลแล

ในกาลเมื่อโกลาหล ศึกสงครามใหญ่ข้ามพ้นไปแล้ว เทวดาอินท์พรหม ก็จักได้นำเอาหน่อโพธิสัตต์เจ้า 4 ตนนั้นมาทางอากาศ จักมาชูมนุมกันอยู่เหนือจอมดอยปู่เจ้าเขาฅำหลวงแห่งนั้น อันอยู่ท่ามกลางเมืองโยกะณะโลกแห่งนั้นแล

ดอยลูกนั้นใหญ่สูงนัก ฅนขึ้นไปได้ 7วันจึงถึงยอดดอย ลงก็ได้ 7 วันจึงถึงตีนดอย ฅนผู้มีสีลมีคุณจึงจักขึ้นถึงจอมดอยแล ฅนและภิกษุผู้หาสีลมิได้ หาบุญมิได้นั้น ไม่อาจจักขึ้นได้แล เหตุว่าดอยลูกนั้นมีเทวดาอารักข์คันธกะอยู่รักษามากนัก มีช้าง ม้า เสือ สิงห์ร้าย ตะขาบ แมงป่อง งูน้อย งูใหญ่ ก็จักมาขบ มากัดกิน ตายเสียสิ้นแล

ดอยเขาคำหลวงลูกนั้น อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้แห่งเมืองฝางนั่นแล ตีนดอยทางตะวันออกนั้นทอดถึงริมน้ำโขง ตามด่านเมืองลวะ(ลาว)นั่นแล ตีนดอยทางตะวันตกนั้นทอดถึงเมืองชวาดแล ตีนดอยฝ่ายตะวันตกเฉียงใต้นั้นทอดถึงแม่น้ำฅงทางเมืองนายหลวงนั่นแล

พระอินทร์และท้าวจตุโลกบาลเอาต้นง้วนคำมาปลูกไว้ ให้เจ้าฤาษีตน1 ปลูกไว้เหนือจอมดอยปู่เจ้าเขาฅำหลวงที่นั้นแล ไว้ปูชาพระญาธัมมิกราชนั้นแล ดอยเขาฅำหลวงนั้นตั้งอยู่ในระหว่างแดนเมือง4เมืองมาบรรจบกันแล ในกาละบัดนี้ ต้นง้วนฅำนั้นก็แก่แล้ว ใกล้จะออกดอกแล้วแล เท่าว่า ถ้ากาละยังไม่ถึงก็ยังไม่ออกดอกแล คือว่า กาละเมื่อพระญาธัมมิกราชจักปรากฏขึ้น หากเห็นนิมิตทั้งหลายเหล่านี้ คือว่า เมื่อใดฝูงหมู่แร้ง หมู่กา หมู่นก(กระยาง)ทั้งหลายแล บินมาในอากาศกลางหาวเป็นหมู่ใหญ่ มาจับอยู่เหนือปราสาทหลังคาแห่งท้าวพระญามหากษัตริย์ทั้งหลายเป็นหมู่เป็นพวกแล มีในยามใด ในกาละยามนั้นพระญาธัมมิกราชเจ้าก็จักปรากฏชะแล




ในเมื่อธัมมิกราชจักมาปรากฏนั้น หากจักเกิดเป็นโกลาหล กลียุคใหญ่ คือว่าท้าวพระญาทั้งหลายจักขับเอาฅนทั้งหลาย เหล่าทหาร ไพร่ไทยทั้งหลาย ก็จักมาปักหลักรบราฆ่าฟัน ปราบกันตายนานได้ 7 วัน 7 คืน แผ่นดินเหมือนพลิกฟื้นขึ้นฝ่ายเหนือนั้น เลือดสัตว์แลฅนก็จักไหลไปดั่งแม่น้ำนั้น ก็ท่วมหลังตีนช้างนั้น ก็จักมีในเมืองหริภุญไชยที่นั้น แม้ทางด้านบนอากาศนั้น ก็จักมีผีเสื้อผียักษ์พรหมพรายทั้งหลาย ผู้เป็นปฏิปักษ์ ต่างฅนก็ต่างได้กินเครื่องตูเครื่องสาดแห่งฅนทั้งหลายนั้น เขาก็รบปราบกันในอากาศแล จอมดอยเป็นดั่งเถื่อน ป่าไม้ ภูดอยจักหล่มจักพังจักครูดจักค้าน ทลายไปสิ้นแล

อากาศก็จักมืดมัวพอให้ไม่เห็นตะวัน นั้นก็จักมีใน 7 วันนั้นแล ในเมื่อเป็นฉันนั้นท้าวพระญาและฅนทั้งหลายผู้ใจบาปหนาอาธัมม์ ก็จักฉิบหายสิ้นแล ก็จักเหลือแต่ฅนใจบุญนั้นแล ผู้หญิงทั้งหลายก็จักเป็นแม่หม้ายมากนัก ภิกษุฝูงใจบาปใจถ่อยนั้นก็จักบังเกิดราคะตัณหาในกามะกิเลสมากนัก ก็จักลาสิกข์ออกไปเอาผู้หญิงทั้งหลายเหล่านั้นเป็นเมีย ยามนั้นผู้ชายและฅนก็จักมีเมีย 9 เมีย 10 เมีย ฉะนั้นแล ท้าวพระญาจักขับเอาฅนทั้งหลายไปรบ ฆ่าฟันกันตายวายวอดไปแล กลียุค ศึกใหญ่จักเกิดแต่ปีกัดไส้ กดสะง้า ร้วงเม็ด เต่าสัน มาถึงปีก่าเร้า(รวมสงครามนานราว๕ปี) จึงยุติแล

ถึงปีก่าเร้า เดือน 6 เพ็ญ เม็งวัน4 ไทยร้วงเม็ด นั้น พระอินทร์และท้าวจตุโลกบาลทั้ง4 ก็แต่งผียักข์ทั้งหลาย ๘๔,๐๐๐ตน ถือเอาค้อนเหล็กแดงใหญ่เท่าลำตาล แบกได้ไล่ทุบบุบตี กำราบยังท้าวพระญาเสนาและฅนทั้งหลายอันมีใน4 เมืองนั้นก็ดี ในทิศทั้งหลายก็ดี อันได้ 8ร้อยปลาย9เมืองนั้นก็ดี ให้ได้เข้ามาในอำนาจ จักทำให้มืดมัวเสีย 7วัน 7คืน แล้ววันถ้วน8 จึงจักให้ส่องแจ้งเห็นตะวันแล ถึงวันเดือน 8 เพ็ญ เม็งวัน 7 ไทยกดสะง้า นั้น พระอินทร์และท้าวจตุโลกบาลก็จักนำเอาเครื่องอุสสาภิเสกทิพย์ 5 ประการ มีต้นว่า ดาบสรีกัญไชย และ กงธนู และรองเท้าทิพย์

แล้วเทวดา ก็ไปเอาช้างเผือก แล้วจักไปนำเอานางแก้วแต่อุตตรกุรุทวีป มาให้เป็นอัคคมเหสีเทวี ก็จักทำอุสสาภิเสกโพธิสัตว์เจ้า ให้ได้เถลิงถวัลย์เป็นพระญาธัมมิกราชเจ้าแล พระอินทร์ก็แต่งเทวดาหมื่น1 ถือเอาอาวุธมาเฝ้าแหนรักษาธัมมิกราชเจ้านั้นแล

ไม่เพียงแต่เท่านั้น ก็แต่งยักข์ทั้งหลาย หมื่น1 ถือเอาอาวุธมาก่อนหน้า ตามหลังแห่งธัมมิกราชนั้นแล ท้าวพระญาอันอยู่ในสากลชมพูทวีปทั้งมวล ก็จักนำเอานางทั้งหลายผู้มีรูปอันงาม มาถวายนั่นแล ตโม ปาสาทา อันว่าปราสาท 3 หลังนั้น ก็หากเกิดด้วยบุญกัมม์ธัมมิกราชเจ้า หากได้กระทำมาแต่ก่อนแล

ส่วนว่าธัมมิกราชตนนั้นก็จักอยู่เสวยราชสมบัติสุขอยู่ในปราสาท 3 หลังเมืองหริภุญไชยนครที่นั้นแล ยามนั้นเมืองหริภุญไชย ที่นั้นก็ปรากฏรู่งเรืองด้วยทิพพสมบัติ แล้วจักเริ่มสร้างชินธาตุ เจดีย์ วิหาร เป็นที่สำราญทุกแห่งแล

ธัมมิกราชเจ้าก็สมมติให้พระราโมโพธิสัตว์เจ้า ผู้เกิดในเมืองวิเทหะนั้น ให้กลับคืนไปเสวยเมืองวิเทหะดั่งเก่า สมมติให้ พระ สังกิจโจโพธิสัตว์ กลับคืนไปเสวยสมบัติในเมืองจันทบุรีดังเก่าแล ให้พระ ทีฆโสโพธิสัตว์ กลับคืนไปเสวยสมบัติในอโยธิยาดั่งเก่าแล

เมื่อเป็นดังนั้น พระญาวิเทหะนั้นก็จักนำเอาเสนาไปตั้งไว้ในเมืองวิเทหะและเมืองจุฬณี เขาก็บูชาอุปัฏฐากแก้ว3ประการ ให้ปรากฏรุ่งเรืองมากนักแล ในกาลนั้น บ้านเมืองในสากลชมพูทวีปทั้งมวลก็จักสุขเกษมรุ่งเรืองมากนักทุกเมืองแล

ยามนั้น ครุฑ นาค ไอสวร และยักข์ทั้งหลายก็จักอู้มเอาไหเงินไหคำออกมาค้ำสมภารพระญาธัมมิกราชเจ้าทุกแห่งทุกที่แล ทั้งฟ้าฝนก้จักตกลงมาชอบตามฤดู ประกอบด้วยโอชะ แผ่นดินจำเริญ พืชพันธุ์ทั้งหลายก็งอกงามยิ่งนัก สนุกสุกสนานมากนัก

บ้านเมืองในเมืองโยกะณะโลกและเมืองลื้อเขตรัฐทั้งมวล ก็จักสมฤทธี มีสุขเหมือนดั่งได้เสวยของทิพย์นั้นทุกแห่งทุกที่แล พระญาธัมมิกราชและฅนทั้งหลายก็จักเอาข้าวของเงินทองอันยักษ์ คนธรรพ์ทั้งหลาย เอาออกมาให้นั้น จักให้สร้างเจดีย์ ธาตุวิหาร สระ โรงทาน บูชาแก่แก้วทั้ง 3 ให้รุ่งเรืองกว้างขวางยิ่งกว่าเก่าก่อนแล

ธัมมิกราชเจ้าองค์นั้นประกอบด้วยทิพพจักขุ ส่องแจ้งเล็งเห็นสัตว์และฅนทั้งหลาย เป็นอันรู้ธัมมปิฏกทั้ง3 ก็จักสั่งสอนท้าวพระญาและฅนทั้งหลายในสากลชมพูทวีปทั้งมวล ให้ได้อยู่ในทศพิธราชธัมม์ จักให้ได้พากเพียรเจริญกุสลกัมม์ทั้งหลาย เป็นต้นว่า ให้ทาน รักษาสีล ฟังธัมม์ เจริญเมตตาภาวนาเนืองๆ ทุกบ้านทุกเมืองแล ธัมมิกราชองค์นั้นก็จักค้ำชูส่งเสริมให้ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายปฏิบัติตามคลองธรรมคลองวินัยทุกแห่งแล

บุคคลหญิงชายทั้งหลายก็ดี ภิกษุสงฆ์ก็ดี ท้าวพระญาเสนาอำมาตทั้งหลายก็ดี ก็ควรฟังจำไว้ให้แม่นหมั้น แล้วรีบใส่ใจกระทำบุญด้วยกาย วาจา ใจ ให้ละเสียซึ่งกัมม์อันเป็นบาปเป็นเวรเสีย ให้ได้พากเพียรทำทาน รักษาสีล เจริญภาวนาอย่าให้ขาด อย่าประมาทสักอันเถอะ ธัมมิกราชวตถุ นิฏฐิตํ พระญาอันกล่าวห้องต่ำนานธัมมิกราชวัตถุ ก็สำเร็จเสด็จแล้วยามกองงายแล

จุฬสกราชได้ 1296 ตัว ปีกาบเส็ด เดือนเกียง แรม 6 ฅ่ำ วัน 2 ภิกขุอินสมหน้อย อินทปญฺญา เขียนปางเมื่ออยู่วัดแม่ดอกแดงชัย ทรายมูลศรีบุญเรือง ไม้ศรีหลวงมีริมปะตูวัดทางตะวันออก หน้าวิหารนั่นแลนา ขอให้พิจารณากันเถอะ ท่านทั้งหลายเอ๋ย ๚

---------------------------
หมายเหตุ

- เป็นธัมม์ของวัดดอกแดง ต. สง่าบ้าน อ. ดอยสะเก็ด จ. เชียงใหม่
_________________
d[^_*]b - รชตฯ หิรัญญ์ -

 

เรื่องมหาภัยพิบัติแกนโลกพลิกนี้ยังเป็นปรากฏการณ์ที่มีความอัศจรรย์

น้อยครับ การอุบัติของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็น

เหตุการณ์ที่อัศจรรย์กว่ามาก

 

<TABLE class=ipbtable cellSpacing=1><TBODY><TR><TD class=post2 id=post-main-575395 vAlign=top width="100%">

หนังสือพุทธพยากรณ์และภัยพิบัติโลก

<!-- THE POST -->​

</TD></TR><TR><TD class=formbuttonrow noWrap>

<!---->​

</TD><TD class=formbuttonrow noWrap><!-- PM / EMAIL / WWW / MSGR -->




</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://xchange.teenee.com/index.php?showtopic=41800

 

มโหธรเทวี นางสงกรานต์สุดดุปี 50​

<CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>

ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่วุ่นวายและกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะนั้น หากเราไปอ่านคำพยากรณ์จากประกาศสงกรานต์ปี 2550 ก็จะเห็นได้ว่า มีความสอดคล้องกันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะนางสงกรานต์ปีนี้ที่มีนามว่า มโหธรเทวี มิหนำซ้ำวันมหาสงกรานต์ปีนี้ก็ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 เมษายน แถมวันเนาว์ยังตรงกับวันอาทิตย์อีกต่างหาก​

ตรงนี้หมายความว่าอย่างไร คำพยากรณ์ของโบราณบอกว่า การที่วันมหาสงกรานต์ตรงกับวันเสาร์ เขาว่า จะเกิดโจรผู้ร้ายชุกชุม จะมีการเจ็บไข้ร้ายแรง ส่วนวันเนาว์ตรงกับวันอาทิตย์ ข้าวจะตายฝอย คนต่างด้าวจะเข้าเมืองมาก ท้าวพระยาจะมีเรื่องร้อนใจ​

จับแรงงานต่างด้าวในตลาดสดเมืองเชียงใหม่กว่า 40 คน 2007-06-09​

ไข้เลือดออกภาคเหนือตอนบนน่าเป็นห่วง 2007-06-09​

ผู้ป่วยไข้เลือดออกยังเพิ่มต่อเนื่องทุกภาค 2007-06-09​

นราธิวาสป่วนรายวันยิงทั้งทหารและชาวบ้าน 2007-06-09​

รถตู้มหาภัยฉุดสาวข่มขืนจาก กทม.ถึงพัทยา 2007-06-10​

ฝ่ายความั่นคงระบุจะยังไม่ใช้ พรก.ฉุกเฉินในขณะนี้ แต่ขอให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงบ้านเมือง 2007-06-10​

โหด ปล้นร้านทอง ยิงยัดปากเถ้าแก่
<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>​

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>

ที่เกิดเหตุร้านทองดังกล่าวตั้งอยู่กลางตลาดพนมสารคาม ​

ภายในร้านพบศพนายบงกช หรือเฮียเกิด จันทรวัฒน์ อายุ 70 ปี เจ้าของร้าน นอนตายจมกองเลือดหลังตู้โชว์ทอง ศพสวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อต นุ่งกางเกงขายาว มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืน .38 เข้าริมฝีปากทะลุท้ายทอย 1 นัด และกลางหน้าอกอีก 2 นัด ส่วนฝาปิดตู้โชว์ทองเปิดอ้าอยู่ ทราบว่ามีทองรูปพรรณหายไป 1 ถาด ประกอบด้วยสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง จำนวน 34 เส้น และหนัก 2 สลึงอีก 29 เส้น น้ำหนักรวม 23 บาท

ที่มา http://tnews.teenee.com/crime/3667.html​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

น้ำท่วมจีนยังวิกฤต ล่าสุด คร่า ชีวิตผู้คนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 40 คน

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมและแผ่นดินถล่มในจีนเพิ่มเป็น 40 คนแล้ว ส่วนที่ออสเตรเลีย ก็มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหาย อีก 9 คน

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในจีน ตั้งแต่วันพฤหัสบดี ทำให้เกิดน้ำท่วมและแผ่นดินถล่ม คร่าชีวิตผู้คน ไปแล้ว อย่างน้อย 40 คน และไร้ที่อยู่อีก เกือบ 2 แสนคน โดยพื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือที่มณทลกวางตุ้ง ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 14 คน สูญหาย 4 คน บาดเจ็บ 28 คน และต้องไร้ที่อยู่ 2 หมื่นคน มณทล หูหนาน เสียชีวิต 3 คน สูญหาย 1 คน และไร้ที่อยู่ ราว 1 แสน 5 หมื่นคน มณทลเสฉวน เสียชีวิต 7 คน ส่วนมณทล กุ้ยโจว เสียชีวิต 7 คน และสูญหาย 4 คน

ส่วนที่รัฐนิว เซาท์ เวลของออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชน หลายร้อยคน ที่อาศัยอยู่รอบเมืองนิวคาสเซิล ไปยังที่ปลอดภัยเนื่องจากระดับน้ำกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตำรวจ เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต หรือสูญหาย ไปแล้ว 9 คน หลังจากเกิดฝนตกหนักเป็นเวลา 2 วัน จนเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วม แผ่นดินถล่ม และไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง

[ 2007-06-10 : 20:01:43 ]

ที่มา http://tna.mcot.net/

 

*** คำเตือน จาก ดินฟ้าอากาศ ****

ณ เวลานี้..."หลักสัจจะธรรม" เริ่มปรากฏให้มนุษย์ได้เห็น ได้อ่าน ได้ศึกษา
ระยะนี้...ดินฟ้าอากาศ....จะเตือน และชี้ให้เห็นภัยอยู่ตลอด
คนไทย...วันนี้ฟ้าใส....อย่ามัวหลงระเริง
รีบค้นหา "สัจจะ"...มานำชีวิตตนเอง
เพื่อเป็นเกราะป้องกัน...เมื่อ "กรรมหนัก" มาถึง !!!!!!!
เป็นชะตากรรมของคนทั้งโลก....ที่จะต้องเกิด
เพื่อชำระล้าง...ผู้มีจิตใจสกปรก ไร้สัจจะ....ให้หมดสิ้นไป !!!!!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** คำเตือนจากฟ้าอากาศ ****

เสียงคำราม ยามค่ำคืน.......ปลุกให้ตื่น ลุกขึ้นมา
แสงเสียง สายฟ้าฟาด.......คือคำเตือน ผู้เป็นคน
อย่ามัว แต่ใช้เขา.......ให้คนเขา ลุกขึ้นมา
ใช้ปิด หน้าต่างอ้า.......นี้คือคน ไม่พึ่งตน
ต่อไป จะลำบาก.......หมดเวลา สิ้นสุดลง
ต้องคง พึ่งด้วยตน.......เพราะครูริบ อำนาจคืน

วันนี้ พอมีหวัง.......โชคดีจัง ได้รับเตือน
ทุกวัน อย่าผลัดเลื่อน.......ตั้งสัจจะ ปฏิบัติตน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<TABLE class=tborder id=post594976 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>MOUNTAIN<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_594976", true); </SCRIPT>
สมาชิก ยอดนิยม
สมาชิกยอดฮิต



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 03:06 AM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 5,089 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 24,130 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 37,960 ครั้ง ใน 4,636 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 4617



</TD><TD class=alt1 id=td_post_594976 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->หลังจากที่ผมเริ่มฟื้นฟู การกำหนดลมหายใจเข้าออกด้วยคำภาวนาพุทโธ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในแต่ละวัน
ผลที่เกิดขึ้น ราวปาฏิหาริย์จริงๆ ที่เห็นได้ชัดคือ จิตสงบดีมาก ยามหลับ เหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองตลอดเวลาที่หลับ
มีการฝันเห็นสิ่งที่ดี ทำให้จิตมีกำลังที่จะมุ่งมั่นต่อการปฏิบัติให้ดียิ่งๆ ขึ้น

นอกจากนี้ยังให้เรานิมิตเห็นภัยพิบัติที่จะเกิดจากใต้ทะเล และบนพื้นดินชายฝั่ง (นิมิตเมื่อใกล้สว่างเช้าวันนี้เองครับ)

ผมบอกเพื่อนไปให้เดินลมพุทโธ สม่ำเสมอ
เพื่อนผมทำตาม เพียงไม่ถึง 3 วัน
ภรรยาได้เข้ามาพูดบางอย่าง ซึ่งแสดงถึงความห่วงใยในตัวเขา
เพื่อนผมเขาบอกว่า ไม่น่าเชื่อจริงๆ
อานุภาพแห่งปราณภาวนาพุทโธ จะมีได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
มหาเมตตา จริงๆ เขาบอกว่าจะไม่ทิ้ง ปราณภาวนาพุทโธ นับแต่นี้ไป

ปราณภาวนาพุทโธ..... คำนี้เพิ่งแวบเข้ามาได้ เดี๋ยวนี้เอง
กราบขอบคุณหลวงพ่อพุธ ที่ยังคงความเมตตาให้แก่ศิษย์
แม้ท่านจะลับ ดับสังขาร ไปแล้วก็ตาม
ผมยังรู้สึกว่า หลวงพ่อยังอยู่ใกล้ๆ ทุกครั้งที่ ทำปราณภาวนาพุทโธ

ลองตั้งใจปฏิบัติกันดูนะครับ กระแสพลังตอบรับให้ผลดีมากๆ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*** เตือนแล้ว เตือนอีก ****

ผู้ไม่มีสัจจะ...ผู้ไร้สัจจะ
ผู้ไม่เชื่อ สัจจะ
ผู้ต่อต้าน สัจจะ
ผู้ขัดขวาง สัจจะ
ผู้พยายามทำลาย สัจจะ
คือ ผู้ต่อต้าน..."หลักสัจจะธรรม"
คือ ผู้ขวางโลก
คือ ผู้ขวางธรรม
คือ ผู้ทำลายธรรม

ขอให้กลับตัว กลับใจเสียใหม่
ยอมรับสัจจะ
ปฏิบัติ สัจจะ ทุกวัน

นี่คือ คำสอนโปรด...เพื่อให้หลุดพ้น
ด้วยความปรารถนานำสัตว์ให้หลุดพ้น

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

แปล...พระโอวาท

 

จากข้อความที่อ้างอิงข้างบนนี้ เมื่อนำมาพิจารณาถึงลักษณะการโคจรของโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ คล้ายช่วงเวลาที่เกิดสุริยุปราคามาก ผมเลยขอนำบทความทางโหราศาสตร์ที่น่าสนใจมาประกอบการพิจารณานะครับ

สถานการณ์ของโลก ในปี 2550 โดย อ.วิโรจน์ กรดนิยมชัย

​

ในปี 2550 มีการเกิดปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ คือการเกิดอุปราคา หรือคราสรวม 4 ครั้ง คือในวันที่ 3 มีนาคม 2550 เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ใกล้เส้นศูนย์สูตร ผ่านกลางทวีปอาฟริกา ผ่านประเทศ อาฟริกากลาง คองโก กาบองและคาเมรูน วันที่ 19 มีนาคม 2550 เกิดสุริยุปราคาบางส่วน ใต้เส้นศูนย์สูตรเล็กน้อย ประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิค ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน วันที่ 28 สิงหาคม 2550 เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง กลางมหาสมุทรแปซิฟิค และวันที่ 11 กันยายน 2550 เกิดสุริยุปราคาบางส่วนผ่านกลางทวีปอาฟริกาบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร ผ่านประเทศ อาฟริกากลาง คองโก กาบองและคาเมรูน การเกิดคราสในปีนี้มีสิ่งที่น่าสนใจคือ ประเทศในทวีปอาฟริกาที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรเล็กน้อย ได้รับอิทธิพลของการเกิดคราส น่าจะมีเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในประเทศเหล่านี้ รวมทั้งประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน

​

และที่น่าสนใจ คือการเกิดสุริยุปราคาบางส่วนในวันที่ 11 กันยายน 2550 เวลา 07.44 น. (ลบเวลา EDT 1 ชั่วโมง) New York เป็นวันครบรอบ 6 ปี และเวลาเดียวกันกับที่เครื่องบิน American Airlines Flight 11, a Boeing 767-223 wide-body aircraft, crashed into the north side of the North Tower of the World Trade Center (WTC) at 8:46:30 a.m. local time (Eastern Daylight Time, 12:46:30 UTC). (ข้อมูลจาก Wikipedia)

 

นักโหราศาสตร์ของจีนก็บอกว่า..
ดวงดาวต่างๆบนท้องฟ้า มีอิทธิพลต่อมนุษย์เรา ใกล้ที่สุดเราได้รับอิทธิพลจากดวงจันทร์ ซึ่งส่งผลกับแรงดึงดูดต่อระบบหมุนเวียนโลหิต และเหนือขึ้นไปเราได้รับอิทธิพลของดาวนพเคราะห์ทั้งหมดในระบบสุริยะจักวาลโดยเป็นปัจจัยกำหนดสภาวะรูปแบบของจิตใจ และวงโคจรของดวงดวงต่างๆ เป็นผู้กำหนดรหัสเซลล์ประจำตัว DNA ของแต่ละคน ตามวัน เดือน ปีเกิด เพราะ "ดาวต่างๆทำมุมองศา" ทำให้เกิดคุณสมบัติของสนามแม่เหล็กเฉพาะตัวขึ้น

จากนั้นเรายังได้รับอิทธิพลจาดดวงอาทิตย์ในรูปของกระแสแม่เหล็ก จากจุดดับบนดวงอาทิตย์ประจำปีเกิด ที่กำหนดคลื่นความถี่ลงในธาตุ ในลักษณะของจุดเด่น พรสวรรค์ต่างๆ ตามลักษณะราศี ที่โหราศาสตร์เรียกกล่าว

พลังที่ละเอียดเหนือสุริยะจักรวาลขึ้นไปเป็นพลัง รังสีคอสมิก ซึ่งละเอียดมากที่สุดเป็นรังสีที่กำหนดระบบจุดพลังในร่างกาย เป็นผู้วางโครงร่างของวงจรประจุแม่เหล็กไฟฟ้า ในอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับไต กระเพาะ หัวใจ กล้ามเนื้อต่างๆ (สัมพันธ์กับจักระทั้ง 7 ในร่างกาย)

เมื่อใดที่ร่างกายจิตใจสมดุลที่สุด จิตวิญญาณที่ละเอียดก็สามารถเหนี่ยวนำพลังงานต่างๆไหลผ่านตัวหรือสื่อสารกันได้ทันที โดยมี"สนามแม่เหล็กโลก" อยู่ตรงกลาง เพื่อชี้ทิศทางของพลังงานต่างๆ จากดวงอาทิตย์ ดวงดาวบนท้องฟ้า จากทุกๆจุดทุกๆดวงสัมพันธ์กัน แต่เมื่อใดที่จิตใจมนุษย์ไม่สมดุลคงที่ ปัญหาต่างๆ และภัยพิบัติก็จะเกิดขึ้นตามมามากมายดังที่เห็นภาพกันอยู่ทุกวันนี้

ในอนาคตอันใกล้นี้โลกจะโคจรเคลื่อนตัวเข้าสู่พิกัดของพลังงานระบบใหม่ทำให้ดุลหยิน-หยาง มากเกินพอดี สรรพสิ่งก็จะแปรเปลี่ยนไปตามวาระ ไม่มีใครได้รับการยกเว้น..

 

Recently J.Z. Knight of the "Ramtha School of Enlightenment" channeling "Ramtha the Enlightened" predicted that there will be a disastrous polar shift in 2007 whereas the "seas will wash over the lands". This also supports Edgar Cayce's predictions. Cayce (sometimes called "Edward Cayce", "Edward Casey", "Edgar Casey", or "The Sleeping Prophet") channeled a spirit doctor entity in much the same way that J.Z. Knight channels Ramtha.


2007

ดูเหมือนว่า มันจะนัดกันมาพร้อมๆ



ในปีนี้ จะมี Polar shift และ น้ำท่วม

 

• One early popular proponent of a pole shift theory was Charles Hapgood in his books The Earth's Shifting Crust (1958) (which includes a foreword by Albert Einstein) and Path of the Pole (1970). Hapgood speculated that the ice mass at one or both poles over-accumulates which destabilizes the Earth's rotational balance, causing slippage of all or much of earth's outer crust around the earth's core, which retains its axial orientation. This happens either slowly (conservative version) or quickly (radical version). The results of the shift occurring every 12,000 to 20,000 years or so results in dramatic climate changes for most of the earth's surface as areas that were formally equatorial become temperate, and areas that were temperate become either more equatorial or more arctic.

 

"มรณาสติ" ตอนนี้ชอบนึกถึงความตายที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง เช่น นึกถึงตึกที่กำลัง
หล่นมาทับ ตอนนั้นจะพยายามนิ่งให้ได้ ยอมตาย กลัวเจ็บ แต่ไม่กลัวตาย หวังว่ามัน
คงจะเจ็บแว๊บเดียว ป๊อก! แล้วไปเลย กลับบ้านเก่า ไม่สนร่างกายนี้แล้ว

ถ้าเราทำตัวเป็นขยะ ปลิวไปที่ไหน เขาก็ตามไปกวาด..
อ.ปริญญา บอกมา ก็ไม่คิดหนี รอเขามากวาดที่บ้าน ถ้าเขาเห็นเราเป็นขยะ

 

ผมว่าถ้าเรามองย้อนกลับไปในอดีตทุกยุค ภัยพิบัติมันก็เกิดเป็นประจำของมันอยู่แล้ว
แต่ยุคนี้เป็นยุคทุนนิยม มนุษย์ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง ต้องการให้ธรรมชาติเป็นแบบที่อยากให้เป็น พอเจอเหตุอะไรเข้ามาในชีวิตใครไม่เข้าใจในธรรมชาติก็ทุกข์มากหน่อย สรุปแล้วไม่ว่าจะเกิดหรือไม่เกิดก็เร่งปฏิบัติธรรมกันดีกว่า โอกาสดีแล้วที่ได้มาเจอคำสอนอันอัศจรรย์ในชาตินี้ พลาดคราวนี้ไปสุดแสนจะเสียดาย

 

คิดเหมือนผมเลยครับ กำลังคิดอยู่ว่าก่อนที่เราจะตายมันจะเจ็บปวดซักแค่ไหนกันหนอ ได้แต่ภาวนาว่าถ้าจะตายอย่าให้ทรมานมากเลย เช่นถ้าโดนคลื่นทะเลซัดเข้ามาก็ขอให้ตูมเดียวแล้วจบไปเลย อย่าให้ต้องมาทรมานเป็นชั่วโมงๆ ถึงค่อยขาดใจตาย ความจริงเรื่องของความตายไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่ตายแล้วจะไปไหนนี่น่ากลัวกว่า ถ้าจิตเราเศร้าหมองก่อนตายหละก็แย่เลย ต้องไปสู่ทุกขคติอย่างแน่นอน ได้แต่อธิษฐานว่าถ้าใจเศร้าหมองก่อนตายขอให้ได้ผ่านสำนักพญายมราช อย่าได้ดิ่งลงนรกเลยเพราะเวลาทำบุญเคยอธิษฐานขอให้พญายมราชท่านเป็นพยานบุญเอาไว้ อย่างน้อยขอให้ท่านตัดสินให้ไปเสวยผลบุญก่อน

ทั้งหมดที่เขียนมานี่เป็นเรื่องของการเจริญ"มรณานุสติกรรมฐาน"นะครับไม่ได้คิดท้อแท้กับชีวิตแต่ประการใด เพราะความตายเป็นเรื่องธรรมดาของคนเรา ไม่มีใครจะหนีความตายไปได้ จะมีภัยพิบัติหรื่อไม่มีภัยพิบัติก็ต้องตาย ชีวิตที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดจึงต้องเป็นทุกข์อยู่เช่นนี้......

 

คำเตือนเรื่อง"ช้างชนช้าง"จากหมอนิด​

​

ของแถมเรื่อง " ช้าง " มาให้ท่านผู้อ่านๆ เล่นๆ เพราะช้างเป็นสัตว์ใหญ่ เป็นสัตว์ที่มีบุญกว่าสัตว์อื่นๆ ช้างก็มีอยู่หลายฐานะเช่นกัน เหมือนคนที่มีบุญวาสนาไม่เหมือนกัน สรุปเอาเป็นว่าไม่นานนี้ ท่านทั้งหลายอาจจะได้เห็นรายการ " ช้างชนช้าง " เกิดขึ้นซึ่งจะเป็นศึกระหว่าง "ช้างพระยา" กับ "ช้างพเนจร " และเป็นรายการที่น่าสนใจมาก คิดว่านักบันทึกประวัติศาสตร์คงจะได้จับปากกาทำการบันทึกศึกครั้งนี้ และคิดว่าไม่นานนี้แหละครับ​

​

ภาพประกอบจากภาพยนต์แอนิเมชั่นไทย 3 มิติเรื่องก้านกล้วย​

ที่มา http://www.deknang.com/index2.php?option=content&task=view&id=360&pop=1&page=0​