เวรกรรมมีจริง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปุณฑ์, 20 มีนาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    อืม มันเป็นตัววัด เราไม่ควร ละเลย สมถะกรรมฐาน
     
  2. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    พี่ปุณฑ์ ผมว่า ธรรมชาติ รู้ได้ครับ
    เพียงแต่แรก เราไม่รู้ ว่าจะเห็นจริง ในธรรมชาติ ได้อย่างไรเท่านั้น
    เมื่อค่อยๆรู้จะเริ่มเห็น ว่ามันไม่ใช่ของยาก แต่มันก็ไม่ใช่ของง่าย
    เพียงแต่ต้อง กระทำ ให้รู้ ถูก ต้อง ตามจริง ครับ
     
  3. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ทีนี้การปรับที่เห็นได้ชัดคือ การเห็นโทษของกิเลสที่จรมา การปรุงแต่งสัมผัสต่างๆ
    มันจะแสดงรสชาติออกมา ให้ได้รับรู้ครับ
    เมื่อเห็นจริง รับวิบากแล้ว เขาก็คลายลงได้ในครั้งต่อๆไป
    ตรงนี้ครับที่ผมคิดว่า ค่อยๆย้ำเข้าไปเรื่อยๆ
    ทีนี้สำหรับผมเอง ผมว่า ต้องเจริญควบคู่กันไปทั้งการนั่งสมาธิ สวดมนต์ภาวนา กับการเจริญสติ ซึ่งเราจะทราบด้วยตนเองในความเหมาะสมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2012
  4. วัชรวงศ์

    วัชรวงศ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +7
    กระผมจะพยายามตอบเพิ่มเติมโดยสัมมาทิฏฐินะครับ

    1.ผลแห่งกรรมการกระทำจากอดีตส่งผลสู่ปัจจุบัน ผลกรรมการกระทำในปัจจุบันส่งผลสู่ปัจจุบันแลอนาคต ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม สิ่งต่างๆที่บุคลกระทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วจักต้องได้รับผลแห่งกรรมการกระทำนั้นไม่ช้าก็เร็วโดยมิต้องสงสัย
    2.แต่เรื่องกฎแห่งกรรมเป็น๑ใน๔ของเรื่องอจิณไตยที่พระพุทธองค์ทรงแสดงห้ามสงสย ( กระผมจะอธิบายในทางโลกนะครับ) อุปมาเหมือนร่างกายบุคลที่ยังมิได้อาบน้ำมาหลายวันย่อมมีเชื้อแบคทีเรียเป็นจำนวนมาก แต่บุคลนั้มิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้กล้องส่องจุลทัศน์เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้มองเห็นได้ อุปมาข้อนี้ในเรื่องกฏแห่งกรรมก็ฉันนั้นปุถุชนก็ไม่สามารถล่วงรู้บุพกรรมที่เคยเกิดตายเอนกอนันต์ชาติจนกระดูกกองทับถมเป็นภูเขาเหล่ากอได้ก็ฉันนั้น
    3.แลที่สำคัญที่สุด ปุถุชนอาจจะไม่ทราบว่ากรรมเก่าได้เคยกระทำสิ่งใดไว้บ้างเพราะด้วยมูลเหตุที่คนเราเกิดมาไม่เท่าเทียมกันเพราะกรรมเก่า แต่สิ่งที่สำคัญคือกรรมใหม่เราต้องไม่สร้างไม่ก่อเวรก่อกรรมทำเข็ญกับตัวเราแลผู้ใดอีกเป็นสำคัญ
     
  5. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    เห็นกรรมเหรอ .. (หรือเห็นอะไร??)

    ในวิปัสสนาญาณ 16 เห็นเขาว่า มันผุดขึ้นมาเป็นความคิดก็มี
    แต่บางท่าน เป็นภาพผ่าน(นิมิต) ที่มีผลต่อเรื่องราวปัจจุบัน เช่น ที่เจ็บแขนมาเพราะอะไร ประมาณอย่างนั้นอ่ะค่ะ

    เข้าใจถูกหรือเปล่า??

    หรือเห็นธรรมชาติ หมายถึงเห็นโลกียปรมัตถ์(จิต เจตสิก รูป) ไม่ติดเป็นนิมิต เป็นสมมุติเราเขาตัวตนบุคคลสิ่งของ...?
    เห็นได้ค่ะ ตามกำลังปัญญา
    ส่วนโลกุตตรปรมัตถ์(นิพพาน) ก็ต้องก้าวข้ามสมมุติไป เหนือดีชั่ว บุญบาป ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2012
  6. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    สาธุค่ะ กรรมเป็นอจินไตย แม้นเห็นจริงก็เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เป็นไปเพื่อเจริญปัญญา ..ฯลฯ

    ทำกรรมปัจจุบันให้ดีที่สุด
     
  7. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    เปลี่ยนคำตอบเป็นรอยยิ้มน้อยๆได้ไหมครับพี่ปุณฑ์
     
  8. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    [​IMG]

    ใครจะรู้ในรอยยิ้มปริศนา
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอาภาพกอดคอ มาสู้ ดีไหมนี่
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ป๊าดดดดดด ปัญญาหรูเลิศ ตอบได้ถูกใจจ๊อด :cool:
     
  11. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    ภาพผู้หญิงคนนี้ ตัวจริงเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายมาก และเืลือดเย็นสุดๆ
    แต่ภาพนี้ใบหน้าหวาน รอยยิ้มแห้งๆ กลับทำให้คนทั้งโลกชื่มชื่น และราคาแพง

    คนเรารับความจริงไม่ค่อยได้ แต่ชอบที่อยากจะรู้ความจริง
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    หรอ เพิ่งเคยได้ยิน พอดีชอบคุณโมนาลิซ่ายิ้มนี้นะ
    เคยได้ยินว่าเป็นหญิงนิรนามสูงศักดฺิ์ ไม่รู้ว่ามีประวัติอื่นด้วย
     
  13. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    เขาเป็นแม่เลี้ยง ของคนที่วาดภาพนี้แระ
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แม่เลี้ยงของดาวินชี หรอ ชื่อเต็มเค้าชื่อไรอะ
     
  15. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    จำชื่อไม่ได้ แล้ว ตอนเรียนประวัติศาสตร์โลก ตอนนั้นอายุ 13 เองมั้ง
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คำว่า'โมนาลิซา" นั้น ได้ถูกตั้งขึ้นโดย จอร์โจ วาซารี (Giorgio Vasari) ศิลปิน และนักชีวประวัติชาวอิตาลี หลังจากดา วินชีได้เสียชีวิตไป 31 ปี ในหนังสือที่เขาตีพิมพ์นั้นได้บอกไว้ว่าผู้ที่นั่งอยู่ในรูปนั้นคือ ลีซา เกอราร์ดีนี ภรรยาของขุนนางนักธุรกิจไหมผู้มั่งคั่ง ชาวเมืองฟลอเรนซ์นามว่า ฟรานเชสโก เดล โจกอนโด (Francesco del Giocondo)
    คำว่า โมนา" (Mona) ในภาษาอิตาลีนั้นก็คือคำว่า มาดอนนา (madonna) คุณผู้หญิง (my lady) หรือ มาดาม (Madam) ในภาษาอังกฤษ ดังนั้นความหมายของชื่อนั้นก็คือ "มาดาม ลิซา" แต่ในปัจจุบัน บางครั้งก็จะใช้คำว่า มอนนา ลิซา (Monna Lisa)

    ทฤษฎีสมทบ
    กล่าวกันว่าภาพวาดนี้ ดา วินซี ตั้งใจจะวาดภาพของตนเองเพื่อเป็นหญิง และภาพวาดชิ้นนี้เมื่อส่องกับกระจกเงา จะพบว่ามุมการมองภาพรู้สึกเป็นธรรมชาติไม่แตกต่างจากการมองแบบปกติ เหมือนที่ ดา วินชี กล่าวไว้ว่า "ภาพเขียนที่จิตรกรจะคิดว่าสวยงามในทุกๆด้านและทุกๆมุมมอง ต้องพิจารณาภาพภาพในกระจกเงา" และจากการฉายรังสีที่ภาพวาด ทำให้พบว่าภาพเขียนนี้ถูกซ่อนเจตนาที่แท้จริงหลายอย่าง และยังเคยถูกเขียนทับอีกด้วย

    [​IMG]

    โมนาลิซา - วิกิพีเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2012
  17. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    แปลเพี้ยน จากที่หนูเรียนอ่ะ ภาพวาดนี้เขาเอารูปหน้าแม่
    วาดตอนนั้นเกิดสงครามกลางเมืองด้วย ตัวดาวินวี ก็ลำบากมากช่วงนั้น
    ทำไมแปลไปเป็นคนล่ะเรืองเลย
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ก็นั่นดิ กูเกิลไปก็เจอแต่แบบนี้ เลยอยากให้ นะนา ช่วยเปิดหูเปิดตา

    จะได้ข้อมูลที่ต่างออกไปมั่ง :cool:
     
  19. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ผมว่าไม่เสียดุลน่าจะดีกว่าครับ
    ธรรมภายใน ธรรมภายนอก
    ยิ้มน้อยๆ เข้าใจได้นะครับ (พี่ปุณฑ์รู้นิ ผมว่า)
    ทีนี้ก็พอจะขยายได้ครับ

    เห็นกรรมเหรอ .. (หรือเห็นอะไร??)

    ในวิปัสสนาญาณ 16 เห็นเขาว่า มันผุดขึ้นมาเป็นความคิดก็มี

    แต่บางท่าน เป็นภาพผ่าน(นิมิต) ที่มีผลต่อเรื่องราวปัจจุบัน เช่น ที่เจ็บแขนมาเพราะอะไร ประมาณอย่างนั้นอ่ะค่ะ

    เข้าใจถูกหรือเปล่า??


    หรือเห็นธรรมชาติ หมายถึงเห็นโลกียปรมัตถ์(จิต เจตสิก รูป) ไม่ติดเป็นนิมิต เป็นสมมุติเราเขาตัวตนบุคคลสิ่งของ...?
    เห็นได้ค่ะ ตามกำลังปัญญา
    ส่วนโลกุตตรปรมัตถ์(นิพพาน) ก็ต้องก้าวข้ามสมมุติไป เหนือดีชั่ว บุญบาป ฯลฯ

    ตรงนี้เล่าให้ฟังได้ครับ ในการเห็นที่ผมว่าคือเห็นกระทบครับส่วนใหญ่ก็ยังตามเห็นอยู่พร้อมรับวิบาก คือกรรมที่เกิดขึ้น ตามมา และบางครั้งจะเห็นเหตุบ้างว่ามาจากอะไร
    แรกๆก็ใส่ใจตามดูครับ หลังๆพอเห็นก็ให้แค่รู้ว่ามันมีเหตุ แล้วจะทำอย่างไรต่อเราจะทราบครับ จึงอยู่กับปัจจุบันได้นานขึ้น (ตรงนี้รายละเอียดเยอะ รู้ๆได้ แต่ไม่ไปจับจะดีกว่าครับ)
    ส่วนย่อหน้าที่สองก็เช่นกันครับ จะอธิบายในส่วนที่ว่า กำลังธรรมวิจัยในสมาธิ 3 ครับ
    จึงไม่อาจจะย่อยในรายละเอียดออกมาได้ครับ
    ทั้งหลายนี้ก็เลยได้แต่ตอบพี่ปุณฑ์ซื่อๆว่า เปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆได้ไหม ครับ
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทำไมรูปโมนา ลิซาถึงดัง และมีค่ามาก ...

    <!-- Main -->




    <CENTER>[​IMG]

    โมนาลิซา</CENTER>



    คอลัมน์ รู้ไปโม้ด
    น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.co


    สารานุกรมสำหรับเยาวชน ชุดศิลปะและงานสร้างสรรค์ทัศนศิลป์ โดย วิรุณ ตั้งเจริญ และ อำนาจ เย็นสบาย อธิบายถึงคุณค่าจิตรกรรมระดับโลกที่มีชื่อว่า "โมนาลิซา-Mona Lisa" โดยศิลปินชาวอิตาเลียน เลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) ซึ่งมีขนาดผลงานเพียง สูง 77 x กว้าง 53 เซนติเมตร

    สร้างสรรค์ด้วยเทคนิคสีน้ำมันบนแผ่นไม้ เมื่อช่วง พ.ศ.2046-2050 ปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จัดเป็นงานถ่ายทอดรูปแบบเหมือนจริง ตามลักษณะแบบอย่างของศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)

    โมนาลิซาเป็นภาพเขียนครึ่งตัว (Portrait) สุภาพสตรีผมยาว มีผ้าคลุม หวีผมแสกกลาง เสื้อคลุมสีดำเรียบ เห็นใบหน้าเกือบตรง ลำตัวบิดเล็กน้อย มือขวาวางคว่ำสัมผัสข้อมือซ้ายที่วางราบอยู่บนที่วางแขนของเก้าอี้

    เบื้องหลังเป็นภาพทิวทัศน์สงบเงียบ บรรยากาศเร้นลับ ชวนฝัน ภาพส่วนขยายนัยน์ตาและรอยยิ้มของโมนาลิซา ที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่ต้องการค้นหาบางสิ่ง ซ่อนเลศนัยและปริศนาให้ผู้ดูบังเกิดความรู้สึก และตั้งคำถามว่า โมนาลิซากำลังคิดอะไรอยู่

    วิเคราะห์ว่าเป็นงานจิตรกรรมที่มีคุณค่า ในการแสดงออกทั้งในด้านความงาม ด้านสาระ และด้านอารมณ์ความรู้สึก


    ด้านความงาม

    เป็นภาพที่สร้างสรรค์โดยยึดทฤษฎีการเลียนแบบตามธรรมชาติ คือการเลียนแบบความงามตั้งแต่รูปร่าง รูปทรง สีสัน และน้ำหนักแสงเงา

    เป็นภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเลโอนาร์โด ดา วินชี ในการเขียนภาพผู้หญิง คือนิยมเขียนคิ้วบางเลือนราง และมีรอยยิ้มมุมปาก ทั้งเป็นภาพที่มีเอกลักษณ์ ในการจัดภาพตามแบบอย่างของศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ

    คือมีบุคคลเป็นประธานของภาพ มีฉากหลังเป็นทิวทัศน์แสดงบรรยากาศตามจินตนาการ เพราะศิลปินในสมัยนั้นมีความเชื่อว่ามนุษย์เป็นศูนย์ กลางของจักรวาล เป็นผู้ควบคุมธรรมชาติ ยึดมั่นในเหตุผล คุณค่าของความเป็นมนุษย์อยู่ที่ความคิด ความรู้และความสามารถ


    ด้านสาระ

    เป็นภาพที่แสดงให้เห็นวัฒนธรรมการแต่งกาย ของคนชั้นสูงในสมัยนั้น ทั้งเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และความนิยมไว้ผมยาวหวีแสกกลางตามแฟชั่นแบบฟลอเรนไทน์ในอิตาลี

    และโมนาลิซายังเป็นภาพที่เลโอนาร์โด ดา วินชี ถ่ายทอดบุคลิกของตนเองแฝงไว้ในใบหน้าของโมนาลิซา ซึ่งมีลักษณะเค้าโครงรูปหน้าที่คล้ายกัน


    ด้านอารมณ์ความรู้สึก

    เป็นภาพที่แสดงออกให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกภายใน ของโมนาลิซาที่แฝงอยู่ในท่าทาง และสะท้อนให้เห็นได้จากนัยน์ตาและรอยยิ้มปริศนา รวมทั้งความรู้สึกที่รับรู้ได้ จากบรรยากาศในม่านหมอกของฉากหลัง


    หลักองค์ประกอบศิลป์ เอกภาพ การจัดภาพโดยรวมมีความเป็นเอกภาพด้วยเส้น รูปร่าง รูปทรง สี แสงเงาที่สัมพันธ์กลมกลืนกันทั้งรูปคนและธรรมชาติ ทำให้ทั้งภาพดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

    ดุลยภาพ แสดงภาพโมนาลิซาตรงแกนกลาง วางท่าอยู่ในแนวรูปสามเหลี่ยม จัดวางทิวทัศน์ไว้ในบริเวณว่าง มีลักษณะของดุลยภาพแบบซ้ายขวาเท่ากัน ซึ่งให้ความรู้สึกสงบทางกายภาพ จุดเด่น แสดงจุดเด่นอยู่บนใบหน้า มีดวงตาที่ให้ความรู้สึกเหมือนมองผู้ดูผลงานอยู่ตลอดเวลา และรอยยิ้มที่เป็นปริศนา

    ความกลมกลืน แสดงการจัดภาพของส่วนประกอบต่างๆ ทางทัศนธาตุ ทั้งรูปแบบของเส้น รูปร่าง รูปทรง สี ขนาด สัดส่วน แสงเงา บริเวณว่าง และพื้นผิวได้อย่างสัมพันธ์กลมกลืนกัน ทั้งเทคนิค วิธีการสร้างสรรค์ ซึ่งสอดประสานกับอารมณ์ ความรู้สึกของภาพได้อย่างงดงาม

    ความขัดแย้ง แสดงความขัดแย้งในด้านน้ำหนัก สี แสงเงา ส่วนรวมของภาพมีความเข้มคล้ำ ต่างกับส่วนใบหน้าที่ใช้น้ำหนักสี แสงเงาอ่อนกว่า แต่มีผลดีคือส่งเสริมบริเวณส่วนใบหน้าให้มีความเจิดจ้า เด่นชัดและงดงามยิ่งขึ้น

    หน้า 24


    ขอบคุณ
    ข่าวสดออนไลน์
    คอลัมน์ รู้ไปโม้ด
    น้าชาติ ประชาชื่น
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=vinitsiri&month=19-12-2011&group=64&gblog=210]BlogGang.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2012
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...