จะทํายังไงครับเมื่อรู้ว่าคิดชั่ว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 9 มีนาคม 2012.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ช่วงนี้ผมเป็นไรไม่รู้แต่ก่อนเป็นคนเลื่อมใสพระพุทธศาสนา ไม่เคยคิดจะทําร้ายอะไรเลย ไม่คิดจะด่าใคร ยกเว้นเค้ามาทําให้เราโกรธก่อน แต่มาตอนนี้

    เกิดความคิดพยาบาท ต่อผู้มีพระคุณพ่อแม่ พระรัตนตรัย ผมรู้สึกว่าผมเบื่อไม่อยากคิด แต่พอเหมือนว่าจิตมันแล่นไป มันต้องพูดในที่ใจ วิธีห้ามก็ดูลมหายใจ แต่มันแค่บางครั้ง แล้วช่วงนี้ผมปรามาสพระรัตนตรัยตลอดเวลา เป็นทุกวันเลย เรียนไปผมฟังครูแล่วก็ปรามาสไป ผมไม่ชอบใจพวกนี้เลย ผมจะอุเบกขาเอาไว้ แต่มันไม่ไหว ผมก็ขอขมา มาหลายรอบแล้ว ไม่หายเลย
    ขอถามอีกข้อ บางครั้งเกิดอาการ คิดชั่ว แล้วเหมือนกับว่า มีฝ่ายสองฝ่าย ฝ่ายเทพ
    ผมก็อยากจะมองว่ามันเป็นธรรมดา แต่ผมไม่ชอบใจเลย เพราะแต่ก่อน ผมไม่เคยพยาบาทไรพวกนี้เลย

    ขอถามหาวิธีแก้ ด้วยครับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จริงๆ เรื่อง จิตปรามาส เธอหาทางแก้ได้ไปแล้ว คือ รู้ที่ลมหายใจเนืองๆ และ ให้
    ยกดูการ มารู้ลมหายใจนั้น เป็นงานหรือกรรมฐานที่ไม่เที่ยง คือ แม้จะกลับมารู้
    ลมหายใจเป็น แต่การรู้เป็นนี้ ไม่เที่ยง .... ถ้าลืมดูตัวนี้ ก็จะไม่พ้น รู้ หรือ ไม่
    พ้นการมี ลมหายใจเป็นวิตก วิจาร

    เมื่อ ยังเอาลมหายใจเป็น วิตก วิจาร ... ความคิดอื่นๆ ที่เป็น วิตก วิจาร ก็แทรกได้

    ดังนั้น ต้องพิจารณาเข้ามาที่การรู้ลมหายใจของเราว่า เป็นของไม่เที่ยง แล้วมัน
    จะละจาก การรู้ลมหายใจเข้าออกจากความเป็น วิตก วิจาร ไปสู่ องค์ฌาณที่สูงขึ้น

    ซึ่งเมื่อ ตามดูการรู้ลมหายใจของเราไม่เที่ยง จนละวิตก วิจารได้ มันจะไปสู่การรู้
    ปิติ5 ตามประวัติของคุณก็คือ กลับไปรู้ อาการแน่นๆตรงหน้าผาก ซึ่งเมื่อก่อน
    อาจจะไปเพ่งจ้องลงไปที่รู้ที่หน้าผากอีก ( เอาปิติมาเป็น วิตก วิจาร ก็ตกจาก ฌาณ
    เจอ วิตก วิจาร อกุศลแทรกอีก ) แต่ คราวนี้ให้ ดูรวมๆ จะเห็นเลยว่า ปิติ5 มันมี
    หลายอย่าง ดูไปรวมๆ และยก การเห็นปิตินี้ไมเที่ยงไปอีก ยกทำไม ก็ การพิจารณา
    ปิตินี้ก็เกิดการ ตีกลับได้อีก จึงตอง ข้ามจิตที่รู้ปิติไปอีก ไม่เกาะ ไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น

    กว่านี้ก็ไปแบบเดิมอีก คือ เจออะไรก็ตามรู้ความไม่เที่ยง จนกระทั่ง จิตเป็นสุขอยู่
    ด้วยนามกาย เพราะข้ามอภิชญา โทนัสในกาลก่อนๆ เสียได้ ... มาตรงนี้ก็จะเลิก
    ถามแล้วว่า ต่อไปต้องทำอย่างไร

    ก็ทำอย่างเดิมอีกนั่นแหละ มรรคมันมีทางวเดียว หนทางเดียว ไม่มีทางอื่น
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เวลาปฏิบัติธรรมชอบมีจิตคิดอกุศลจะทำอย่างไร โดย หลวงพี่เล็ก

    ถาม : แล้วอย่างการปฏิบัติ อย่างเรารู้สึกตัวเองระยะหลังนี่บางทีเวลาจับพระนี่ เราจะรู้สึกว่าอกุศลจิตเข้ามาบ่อยมาก เป็นเพราะว่านั่นคือจิตลึก ๆ ของเราที่.....? ​


    ตอบ : อันนั้นเรียก มารดลใจ ก็ได้ มาร ๕ ประเภทเขาพยายามขวางเราอยู่ตลอดเวลา เวลาไหนที่เราทำความดีใกล้จะถึงจุดที่เราต้องการ เขาจะพยายามเบี่ยงความสนใจเราไปสนใจอย่างอื่นแทน ดึงไปหา รัก โลภ โกรธ หลงแทน ดึงให้รู้สึกปรามาสพระรัตนตรัยแทน ถ้าหากว่าเราปรามาสพระรัตนตรัยปุ๊บเขาก็สบายใจแล้ว ​


    เพราะว่าบุคคลที่ปรามาสพระรัตนตรัย เข้าไม่ถึงความเป็นพระอริยเจ้าหลุดมือเขาไม่ได้ เรายังตกอยู่ในอำนาจเขาต่อไป เพราะฉะนั้นเขาพยายามที่จะทำให้เราเบนไปจากจุดที่เรากำลังจะเข้าถึง ถึงได้เคยบอกกับโยมหลายคนว่า ตอนที่ฟุ้งซ่านมาก ๆ ตอนนั้นเรากำลังใกล้ความดีที่สุด เขาก็เลยพยายามจะดึงให้เราฟุ้งซ่านเพื่อที่เราพ้นจากจุดนั้นไป


    ถ้าเราตั้งสติซักนิด ทบทวนย้อนหลังสักนิดหนึ่งว่าเราทำอะไรถึงมาถึงจุดนี้ จะสังเกตได้ว่าก่อนฟุ้งซ่านเราต้องกำลังใจดีมากเลย เพราะฉะนั้นทบทวนย้อนหลังไปซิว่าตอนที่ดี ๆ เพราะอะไรแล้วเราทำแบบนั้นต่อไปมันจะเข้าถึงได้ง่ายมาก เพราะมันเหมือนกับว่าเราอยู่ปากประตูแล้ว แต่เขาเบี่ยงเราไปให้เดินไปทางอื่นแทน ​


    เพราะฉะนั้นถึงเป็นการดลใจของมารก็จริง แต่เราก็ปรามาสพระรัตนตรัยด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจเหมือนกัน ถึงเขาจะดลใจให้ทำ แต่เราก็ทำไปแล้วด้วยตัวของเรา เพราะฉะนั้นเราต้องขอขมาพระรัตนตรัยอยู่ทุกครั้งที่เราจะทำความดี ไม่ว่าจะเป็นสวดมนต์ไหว้พระ ทำกรรมฐานอะไรก็ตามตั้งใจขอขมาพระซะก่อน มันจะตัดกรรมตัวนี้ไป เจ้าพวกนี้มันจะแกล้งอยู่ตลอดเวลาเป็นการทดสอบของเขาอย่างหนึ่ง หน้าที่ของเขาที่ทำอย่างนั้น หน้าที่ของเราคือหนีเขาให้พ้น ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง ไม่ต้องไปเป็นศัตรูกับใครหรอก


    ถาม : แล้วจะบาปหนักหรือเปล่า เวลาหนูกราบพระทีไรจะรู้สึกได้เลยว่า เหมือนมีความรู้สึกว่าจะปฏิบัติไม่ดีหรือเหมือนกับหนูจะเอาเท้าขึ้นมาซึ่ง ........(ไม่ชัด)............. ​


    ตอบ : นั่นน่ะ ลักษณะอาการมันไม่ได้หนัก ไม่ได้หนาอะไรหรอก มันเป็นอาการที่เขาจะทำให้เราเป็นอย่างนั้น ก็บอกแล้วให้ตั้งใจขอขมาพระ พวกนี้มันสู้ลูกตื๊อไม่ได้หรอก เขาทำให้เราคิดอย่างนั้นได้ ปรามาสอย่างนั้นได้ เราก็ตั้งใจขอขมาไปเรื่อย พอเรารู้ทันเขา ๆ ก็เลิก รู้ว่าวิธีนี้เล่นงานเราไม่ได้แล้ว เล่นท่าไหนก็ขอขมาตะบันลาดอย่างเดียว โทษก็ไม่เกิดขึ้นเขาก็เลิกไปเอง ​


    แต่ว่ามันก็ยุ่ง ๆ ทำให้เรากลุ้มใจอยู่ระยะหนึ่งเหมือนกัน พอรู้เราก็เลิกกลุ้มซะ เอ็งมีหน้าที่แกล้งก็แกล้งไป ข้ามีหน้าที่ขอขมาข้าก็ขอของข้ามันก็จบ ถ้าไม่เข้าถึงความดีเขาไม่แกล้งเราหรอกเสียเวลาเปล่า เขากลัวว่าเราจะหลุดมือเขา ๆ ก็เลยพยายามแกล้งเพื่อจะดึงเรากลับ แสดงว่าเริ่มเข้าถึงจุดของความดี ทบทวนไปว่าก่อนหน้านี้ทำยังไง แล้วก็ย้ำจุดนั้นบ่อย ๆ ทำบ่อย ๆ ย้ำแล้วย้ำอีกอย่าไปเบื่อ พอเราย้ำมาก ๆ เข้าเดี๋ยวมันก็เป็นของเราไปเอง พิมพ์ที่พระพูดลงไปหมด (หัวเราะ) เคยคุยกับเพื่อนไปแล้วก็พิมพ์ไป ซักพักหนึ่งมาดูปรากฏว่าที่เราพูดกันพิมพ์ลงไปหมดเลย (หัวเราะ) ​




    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนสิงหาคม ๒๕๔๔
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
     
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากคุณมีจิตใจที่ปรามาสแล้ว จะให้อุเบกขาคงทำได้ยาก เพราะเหมือนจะวางเฉยได้

    แต่จิตใจคอยนึกถึงอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่คอยสะกิดจิตใจ ให้เกิดความรำคาญ

    การซึมซับอารมณ์ที่มีโทสะมากๆ ก็จะทำให้เป็นอย่างที่คุณเป็นอยู่ ควรที่จะผ่อนคลายบ้าง

    ผ่อนคลายโดยการฟังก็ได้ครับ ฟังเพลง เพลงธรรมะ ฟังโดยไม่ต้องนึกคิดอะไร

    และ ควรที่จะช่วยเหลือสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะใหญ่น้อยก็ตาม แม้แต่แมลงตัวเล็กๆ

    ก็ลองช่วยดูครับ ทำบ่อยๆ จิตใจจะคลายความตรึง คลายการปรามาสไปเองครับ

    หรือจะเรียกง่ายๆว่า เจริญเมตตาบ่อยๆครับ แต่ต้องทำแบบผ่อนคลาย

    ทำจนกว่าจะรู้สึกว่ามีความสุข ในการเมตตาต่อสิ่งมีชีวิตครับ แล้วอาการปรามาสจะค่อยๆหายไปครับ

    สาธุครับ
     
  5. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    คนเราปกติ ระหว่างคิดชั่วกับคิดดี ยังไงก้ต้องคิดแบบแรกมากกว่า ยิ่งทำมาทำความดีมากขึ้น ความคิดประเภทนี้จะแวบ็เข้ามาในใจตลอดรายการ
    แต่ถ้าเราสติดีจริงๆรู้ว่าคิดชั่ว ก้ต้องรู้ว่าจะต้องทำยังไงที่จะไม่คิดกับมัน เพราะกำลังของมันมีมากกว่าสติปัญญาของเรา การจะข่มอารมณ์และความคิดพวกนี้ม่ายใช่จะทำได้โดยง่าย แต่เชื่อไหมว่า ถ้าสติและสมาธิเราดีแล้ว เราจะลดมันได้ จนถึงขั้นหยุดไม่ให้คิดแต่ต้องดูว่า เรามีสติสะสมอยู่ในนั่งนอน ยืน เดิน หรือยัง การมีสติเปรียบได้กับสะพานไฟหรือไม่ก้ฟิวส์ เมื่อความคิดไม่ดีแล่นเข้ามา ถ้าสติดี เราจะจับความคิดได้ทัน เมื่อร้ทันความคิด เราจะตัดความรู้สึกไม่ดีนี้ได้ คือจะคิดก้เบรคไว้ก่อน แล้วทบทวนในสิ่งที่คิดก้จะไม่คิดต่อไป แต่ถ้าสติดีกว่านั้น เมื่อคิดปรามาสแล้ว วินาทีที่คิดปรามาสจิตรู้ปั๊บเราจะปลงต่อสิ่งที่คิดนั้นแล้ววางสิ่งพวกนี้ได้ทันที เหมือนคนที่ปฏิบัติสายพองหนอยุบหนอ เวลาเกิดความคิดไม่ดีหรือคิดฟุ้งซ่านเกิดขึ้น เขาจะใช้กำหนด "คิดหนอ คิดหนอ คิดหนอ" เพื่อเรียกสติ เอาสติที่มาจากการกำหนดสะสมไว้ในจิต เมื่อจิตมีสติ จิตก็ดีขึ้นมันก้ไม่คิดต่อ ถึงจะคิดต่อมันก้ไม่คิดมาก เพราะจิตมันปลอดโปร่งแล้วสิ่งที่คิดให้เราหงุดหงิดมันจะหายไปเอง ทำอะไรไม่ได้ มันมีกำลังได้ก้คลายกำลังได้ หรือจะภาวนาพุทโธในใจก้ได้ผลเช่นเดียวกัน แต่ที่ยังทำแบบนี้ไม่ได้ผลก้เนื่องจาก จิตเราจริงๆแล้วไม่ได้ยินดีในคำบริกรรมเหล่านี้จริงๆต่างหาก ทำให้จิตไปยึดติดกับความคิดเอาความคิดพวกนี้มาเปนกังวล จิตเปนกังวลจิตก้จะคิดยังงี้กลับไปกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เปนไปอย่างที่จขกท.เล่ามานั่นแหละ

    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มันก้ใช้กับความคิดชั่ว กับความคิดปรามาสได้เหมือนกันนะ ไม่ใช่จะแต่เฉพาะ รุป เวทนา สังขาร ในขันธ์5 เพราะความคิดแบบนี้มันก้เปนส่วนหนึ่งของสังขาร ปรุงแต่งอารมณ์เราให้คิดไปต่างๆนานา จนจิตเราเปนทุกข์และเศร้าหมอง 555
     
  6. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ต้องมี สติ ครับ
     
  7. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบคุณครับที่ตอบ ผมขอถามอีกข้อ สติพอละลึกรู้แล้ว ก็มาดูที่ลมใช่ไหมครับ
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เคยเห็นคุณกล่าวถึงฌาณบ่อยครั้ง เมื่อเข้าฌาณแล้วยังมีลมอยู่ไหมครับ

    อารมณ์แห่งฌาณ ควรที่จะทรงอารมณ์นั้นไว้ครับ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปฎิบัติครับ

    ให้ผลอยู่ตลอดเวลา มีสติอยู่ตลอดเวลา(หากทำได้) ผู้ที่ทรงอารมณ์แห่งฌาณได้

    จะมีสติตราบเท่าการทรงอารมณ์แห่งฌาณครับ

    สาธุครับ
     
  9. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่เพียรพยามละอกุศล

    -------------------------

    ก่อนอื่น อาการของ จขกท. ผมเข้าใจว่าเป็นอาการของวจีทุจริต ที่จัดเป็นวจีทุจริตเพราะ วิตกจัดเป็นวจีสังขาร
    (พวก ความโลภ โกรธ ความหลง มิจฉาทิฐิ เป็นต้น จะจัดเป็นมโนทุจริต)

    วิธีละอาการที่จิตยินดีในวจีทุจริต
    1. สร้างความรังเกียจในวจีทุจริต ด้วยการพิจารณาเห็นโทษ เช่น เมื่อสั่งสมให้มากแล้วเป็นไปเพื่อทุคติ เป็นต้น

    2. สร้างความยินดีในวจีสุจริต ด้วยการสั่งสมทำให้มากซึ่งวจีสุจริต

    ผมแนะนำให้ จขกท. หมั่นสวดมนต์ในบทที่ชอบที่ศรัทธา/หรือบทที่เห็นว่ามีประโยชน์
    และเวลาอยู่กับเพื่อนฝูงก็รักษาคำพูด ไม่พูดโกหก/เพ้อเจ้อ/หยาบคาย/ส่อเสียด
    ให้พิจารณาให้ดีแล้วจึงพูด พูดแต่คำสัตย์จริง/ไพเราะอ่อนหวานและเป็นคำพูดรักษาน้ำใจกัน

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 มีนาคม 2012
  10. วัชรวงศ์

    วัชรวงศ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +7
    กระผมจะตอบตามความรู้ที่มีแต่เน้นสัมมาทิฏฐิเป็นสำคัญ

    1.รากเหง้าของกองอกุศลกรรมทางกายวาจาแลจิต ล้วนมีรากเหง้ามาจากกองกิเลสเสียทั้งสิ้น ในหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาองค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในคิริมานนสูตร กองกิเลส มี1500มีทั้งฝ่ายกุศลแลอกุศล แยกฝ่ายกิเลสฝ่ายอกุศลมา5ตัวใหญ่ๆคือ โลภ โกรธ หลง มานะ ทิฐิ ซึ่งสามารถระงัลแลดับได้ด้วย กองกรรมฐานทั้ง๔0 แลสติปัฏฐาน๔ กายานุปัสสนากรรมฐาน เวทนานุปัสนากรรมฐาน จิตตานุปัสสนากรรมฐาน ธรรมมานุปัสสนากรรมฐาน แลมหาสติปัฏฐาน๔ เป็นตัวระงับแลดับกองกิเลส
    2.เมื่อมีกิเลสอกุศลในจิตคือความโลภ ก็ให้ใช้มรณาสติ หรืออาณาปานะสติดับเป็นต้น
    เมื่อมีกิเลสอกุศลจิตในความโกรธ ก็ให้ใช้พรหมวิหาร๔ หรือกสิณ หรืออาณาปานะสติเป็นตัวดับ เป็นต้น
    เมื่อมีกิเลสอกุศลจิตในความหลง ก็ให้ใช้อสุภกรรมฐาน หรือกสิณ หรืออาณาปาณะสติเป็นตัวดับเป็นต้น
    เมื่อมีกิเลสอกุศลจิตในมานะ(ความยึดติดถือมั่น) ก็ให้ใช้อาณาปานะสติเป็นต้น
    เมื่อมีกิเลสอกุศลจิตในทิฐิ(ทิฐิที่ผิดเห็นผิดเป็นชอบ) ก็ให้ใช้อนุสติกรรมฐาน ในการละลึกถึงพระคุณในพระธรรมของพระพุทธองค์ที่เป็นสัมมาทิฐิ เป็นต้น
    3.พยายามตรึกธรรมของพระพุทธองค์ใน อริยมรรคมีองค์๘ เพียรประครองตั้งจิตไว้เพื่อจะยังอกุศลกรรมอันเป็นบาปมิให้เกิดขึ้น เพียรประครองตั้งจิตไว้เพื่อจะทำกุศลกรรมอันเป็นบุญให้เกิดขึ้น
    4.พึงมีศีลแลสติทุกกิริยา มีปัญญารู้เท่าทันในการเกิดขึ้นแลดับไปของกิเลสทุกการกระทำ มีคุณธรรมเป็นสัมมาทิฏฐิทุกลมหายใจ
    5.ธรรมทั้งปวงเป็นไปเพื่อระงับแลดับกิเลส หากเรามีศีลแลสติ ประกอบกุศลกรรมกระทำแต่ความดี ละเว้นความชั่วทั้งปวง ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ดีอยู่ทุกขณะจิตเป็นอาจิณเป็นปรกตินิสัยแล้วไซร้ การเกิดขึ้นของอกุศลกรรมในความคิดก็จะบรรเทาเบาบางไปเช่นนั้นเอง
    6.คิดดี พูดดี ทำดีในยามใดก็ถือเป็นฤกษ์ดีมงคลดีในยามนั้น เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
     
  11. เขตปกครอง230

    เขตปกครอง230 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +324
    เมื่อก่อนยังสงสัยเลยว่า เรานี้ในอดีตคือพวกปริพาชกมาเกิดแน่ๆเลยชั้น ตอนนี้หายสงสัยแล้ว
     
  12. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    ตอบง่ายครับเลิกคิดใช้ความสามารถที่ฝึกมาอ่ะและทำเป็นแล้วนิ
     
  13. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    มันอยูที่ข้อความข้างล่างของโยมนั่นล่ะครับ อาศัยตัวนั้นทำให้มันดับไป ส่วนตัวโยมเองก็วางใจไว้เฉยๆ คอยไปดูความคิด ดูจิตตัวเอง ดูว่ามันเกิดเมื่อไหร่ ดับเมื่อไหร่ มีอะไรเป็นแดนเกิด
     
  14. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    แต่ถ้าวางใจยังไม่ได้ก็กำหนดโกรธหนอ ไม่ชอบใจหนอ อะไรก็ได้ที่ตรงที่สุดไป แล้วก้อกำหนดรอไตรลักษณ์ทำงานไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...