ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

สวัสดีครับ

แวะมาทักทายพี่ๆทุกคนนะครับ

ชอบหลวงปู่ทวดมากครับ เลยเข้ามาดูทุกวัน

และมีกิจกรรมของพี่จงอางที่มีการแจกหลวงปู่ทวดด้วยนะครับ อันนี้ต้องอนุโมทนาด้วยนะครับ

 

Get well soon na ka

There is always a solution of any problem!

หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ คุ้มครองค่ะ

503 533

 

นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา

สัทธา ทานัง อนุโมทามิ

อนุโมทนากับอ.จงอางค่ะ

 

มาไม่ทันเวลา กำลังต้มขวดนมเจ้าตัวน้อยอยู่ ขออนุโมทนากับท่าน อ.จงอางด้วยครับ

 

เชิญทุกท่านร่วมอนุโมทนานะครับ
...พึ่งนำพระที่สร้างนำไปปิดทองมาครับ เพื่อจะนำถวายไว้ในพระพุทธศาสนาเร็วๆนี้ องค์พระแกะจากแร่เขาอึมครึม นน.65 กิโลกรัม แร่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองกาญฯเค้าครับ หน้าตัก 9 นิ้ว ฐานแกะจากหินนาคกะสวยเมืองเทิง(อ.เทิง จ.เชียงราย) ตอนแรกแกะมาเนื้อองคืท่านมีรูพรุนตามะรรมชาติขิงเนื้อแร่มากพอควรจึงในไปบุรณะใหม่แต่งผิวปิดรอยพรุน ปิดทองคำแท้ พระเกศแกะจากหินจุยเจียใสไร้ตำหนิจากเมืองพม่า พระนามว่า"พระพุทธสิหิงค์แก้วกาฬนพฤทธิ์" พระนามนี้ได้มาจากสมาธิของผมเองครับ นั่งสมาธิแล้วอธิษฐานขอพระนามองค์ท่าน ก่อนลืมตาก็ปรากฎชื่อนี้ ผมพูดออกมาเสียงดังเลยทีเดียวรีบจดไว้กันลืมเทวดาท่านคงสงเคราะห์ แล้วก็ลองไปหาความหมายดู ก็ได้ความหมายว่าดังนี้ครับ "พระพุทธรูปสิงห์หนึ่งสำเร็จจากแก้วอันมีสีดำ นำพามาซึ่งความเจริญความบริบูรณ์มั่งคั่งสมบูรณ์" ดีปะครับ555
...ขอให้ทุกท่านร่วมโมทนาด้วยกันนะครับ...<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- attachments -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>






</FIELDSET>

 

อนุโมทนาด้วยนะครับ สำหรับการสร้าง "พระพุทธสิหิงค์แก้วกาฬนพฤทธิ์"

 

สัทธา ทานัง อนุโมทามิ

 

​

ขออนุโมทนาบุญด้วยขอรับ คุณเพชรฉลูกัน​

สาธุ สาธุ สาธุ​

 

อดคือกันครับ จอบมาตั้งโดน :'''(
กราบหลวงปู่และสวัสดีพี่น้องป้องปายครับผม

 

ขออนุโมทนาในกุศลที่ท่านเพชรฉลูกัน ได้กระทำแล้วทั้งหมดทั้งมวลครับผม

 

​

​

​

​

 

อนุโมทนาด้วยครับบบบ

 

วันนี้เหงียบเหงาจังเข้ามาสวัสดีพี่ๆและกราบหลวงพ่อทวดครับ(ปกติชอบติดตามอ่านบทความต่างๆ และชมหลวงพ่อทวดรุ่นต่างๆครับ)

 

พอดีวันนี้ได้อ่านเจอบทความหนึ่งรู้สึกชอบและน่าจะเกี่ยวกับหลวงพ่อทวด เลยนำมาให้อ่านกันครับ

ปฐมเหตุการสร้างวัตถุมงคลของพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว,
จากหนังสือพิธพระราชทานเพลิงศพ ธรรมกิจโกศลานุสรณ์


พระอาจารย์นอง เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านเป็นผู้ที่ไม่เคยเชื่อถือในเรื่องเครื่องรางของขลังมาก่อนเลย

ในสมัยที่ท่านเป็นพระภิกษุหนุ่ม แต่ด้วยสาเหตุในสมัยก่อนนั้นการสร้างวัดวาอารามนั้นเป็นกิจที่ยากลำบากมาก

เพราะทุกอย่างนั้นต้องแสวงหามาด้วยตัวเองเกือบทุกอย่าง เรียกได้ว่าไม่มีความสะดวกสบายเหมือนสมัยนี้ ดังนั้นในขณะ

ที่ท่านได้ติดตามพระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม ธมมธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างให้ พร้อมด้วย

พระเดชพระคุณพระราชปํญญารังสี (เนื่อง ธมมจกโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดนาประดู่ และอดีตเจ้าคณะจังหวัดปัตตานี

ในการก่อสร้างอุโบสถวัดช้างให้ พระอาจารย์นองได้ติดตามพระอาจารย์ทิมไปเพื่อเลื่อยไม้บนเทือกเขาสันกาลาคีรีมาสร้าง

อุโบสถวัดช้างให้ เมื่อพ.ศ.2497 และเสร็จในปีพ.ศ.2499 ในระหว่างการติดตามพระอาจารย์ทิมเพื่อไปเลื่อยไม้บนภูเขา

สันกาลาคีรีนั่นพระอาจารย์นองได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า หนทางในการขึ้นไปเพื่อเลื่อยไม้นั้นลำบากอย่างยิ่งเนื่องจากสมัยก่อน

เป็นป่าดงดิบและเต็มไปด้วยอันตรายต่างๆ เช่นพวกสัตว์ร้ายมี เสือ เป็นต้น มีหลายครั้งที่ต้องพักค้างแรมบนภูเขาและที่

สำคัญท่านเล่าให้ฟังว่า ในระหว่างทางเดินขึ้นเขานั่น จะมีตัวต่อชนิดหนึ่งเยอะมาก และมักจะต่อยทำให้เจ็บปวดอยู่เสมอ

วันหนี่งท่านได้เล่าว่า ขณะที่เลื่อยไม้อยู่บนภูเขานั่นจนมืดค่ำ และพระอาจารย์ทิมได้บอกให้ท่านได้ลงมาที่วัด

ท่านพระอาจารย์นองได้บอกว่ากลับได้ไงมืดแล้ว และก็มีฝนตกหนักด้วย เมื่อพระอาจารย์นองบอกเช่นนี้ พระอาจารย์ทิมก็

ได้ให้ลูกอมลงอาคม(ก้อนหินมีลักษณะกลม)ให้อมเอาไว้ แล้วเดินทางกลับมายังวัด พระอาจารย์นองเล่าว่า การเดิน

ทางกลับมาท่านกลางสายฝนตกหนักในคืนนั้นปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ โดยเฉพาะตัวต่อ จากปาฏิหารย์ต่างๆเหล่านี้เอง

ต่อมาจึงทำให้พระอาจารย์นอง มีความเชื่อในเรื่องเครื่องรางของขลัง ทั้งนี้เพราะหลายๆครั้งที่ท่าน ได้เห็นประจักษ์ด้วยสาย

ตาท่านเอง

เมื่อกล่าวถึงวัตถุมงคลวัดทรายขาวที่พระอาจารย์นองสร้างไว้นั้น สาเหตุก็เหมือนๆกับวัดช้างให้ นั่นก็คือ

เพื่อนำปัจจัยต่างๆ อันเกิดจากวัตถุมงคลมาเพื่อสร้างวัด ในปีพ.ศ.2511 พระอาจารย์นองได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส

วัดทรายขาว พระอาจารย์นองได้เล่าว่า เมื่อครั้งที่ท่านมาอยู่วัดทรายขาวใหม่ๆ นั้น วัดทรายขาวลำบากมาก กุฎิที่พักสงฆ์

ก็ไม่มี หนทางการไปมาหาสู่ก็เป็นทางเกวียน ห่างจากตลาดนาประดู่ถึง 7 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าไกลมากในการเดินทาง

สมัยก่อนที่ยังเป็นป่าอยู่ ดังนั้นหลายครั้งที่พระอาจารย์นองเล่าให้ฟังว่า วัดทรายขาวนั้น เป็นวัดที่เทวดาสร้าง

นั่นก็คือในคืนวันหนึ่งท่านได้ฝันว่ามีเทวดามาบอกให้ท่านสร้างกุฎิสงฆ์ แต่ท่านบอกว่าจะสร้างได้อย่างไรเมื่อเงินก็ไม่มี

เทวดาในฝันตนนั้นบอกว่า เราจะหาเงินให้ แล้วก็ได้บอกให้ท่านไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ตลาดนาประดู่

โดยที่ไม่ได้บอกว่าเป็นเลขอะไร เพียงแต่บอกให้ไปซื้อเฉยๆ เมื่อท่านตื่นนอนขึ้นมาแต่เช้ามืดก็ได้บอกลูกศิษย์

ออกเดินเท้าไปตามทางเกวียน เพื่อไปยังตลาดนาประดู่ และไปถึงก็สว่างพอดีและได้ตรงไปยังร้านขายสลากกินแบ่งฯ

อันเป็นร้านที่รู้จักมักคุ้นกันดีและเมื่อไปถึงก็ถามหาสลากกินแบ่งรัฐบาล และทางร้านก็บอกว่ามีเหลืออยู่ใบเดียวเท่านั้น

ในขณะที่พระอาจารย์นองให้ลูกศิษย์ไปเพื่อซื้อสลากนั้น ท่านไม่มีเงินติดตัวเลย ดังนั้นท่านจึงบอกให้ลูกศิษย์ที่ไปซื้อว่า

ให้เอาสลากกินแบ่งรัฐบาลมาก่อนแล้วค่อยให้เงินทีหลัง เมื่อผลสลากออกมาปรากฏว่าถูก พระอาจารย์นองก็ได้นำเงิน

ที่ได้จากการถูกสลากตรงนี้มาสร้างกุฎิและศาลาวัด พระอาจารย์นองได้ให้ลูกศิษย์ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลตามความฝัน

ที่เทวดาบอกถึงห้าหกครั้ง จนกระทั่งว่าได้สร้างเสนาสนะภายในวัดได้ถึง 7 หลัง ปัจจุบันท่านได้เหลือกุฎิไว้หลังหนึ่ง

เพื่อเป็นอนุสรณ์

ในขณะที่พระอาจารย์ทิม ยังมีชีวิตอยู่ ท่านพระอาจารย์ทิมได้มาหาพระอาจารย์นองและบอกให้ท่าน

สร้างพระสมเด็จหลวงพ่อทวดเพื่อหาปัจจัยมาพัฒนาวัด แต่พระอาจารย์นองตอบว่า จะทำได้อย่างไรในเมื่อพระอาจารย์ทิม

ยังมีชีวิตอยู่ นั่นก็คือว่าเมื่อครูบาอาจารย์ คือพระอาจรย์ทิมยังมีชีวิตอยู่ พระอาจารย์นองในฐานะลูกศิษย์จะทำได้อย่างไร

จากนั้นมาเมื่อปีพ.ศ.2514 พระอาจารย์นองได้ดำริคิดจะสร้างพระพุทธรูปปางยมกปาฎิหารย์ขึ้นไว้ ประดิษฐานยีง

ยอดเขาสันกาลาคีรี (เขาทรายขาว) ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ก็ได้ดำเนินการมาจนกระทั่งได้มีการกราบทูล

สมเด็จพระบรมราชชนนีมาเพื่อวางศิลาฤกษ์ จากนั้นเมื่อได้มีการวางศิลาฤกษ์เรียบร้อยแล้ว การก่อสร้างต่างๆ

ก็ยังไม่รุดหน้าเนื่องจากว่าหนทางที่ได้บุกเบิกขึ้นไปยังยอดเขานั้นพังทลายอยู่เป็นประจำเมื่อมีฝนตกลงมา

แม้จะได้มีการพยายามเพื่อสร้างทางขึ้นมาใหม่ก็ตาม แต่เมื่อฝนตกทีไรทางก็พังทลายลงทุกที จนในที่สุดการก่อสร้าง

พระพุทธรูปปางยมกปาฏิหารย์องค์ใหญ่บนยอดเขาสันกาลาคีรีก็เป็นอันต้องล้มเลิก ทั้งนี้นอกจากเรื่องของหนทางแล้ว

ก็คือเรื่องสุขภาพของพระอาจารย์นองนั่นเอง ที่ยิ่งนับวันก็ยิ่งป่วยหนัก

แต่กระนั่นก็ตามในปีนั้น พ.ศ.2514 ท่านก็ได้สร้างพระผงปางยมกปาฎิหารย์ขึ้งทั้งนี้ด้วยหวังว่าจะนำปัจจัยอัน

เกิดจาการเช่าบูชามาเพื่อสร้างพระพุทธรูปปางยมกปาฎิหารย์องค์ใหญ่บนยอดเขาสันกาลาคีรีนั่นเอง

ดังนั้นพระยมกปาฎิหารย์ จึงเป็นพระผงร่นแรกของวัดทรายขาว และในปีเดียวนั่นเอง หลังจากที่พระอาจารย์ทิมวัดช้างให้

ได้มรณภาพเมื่อปีพ.ศ.2512 และได้พระราชทานเพลิงศพเมื่อปีพ.ศ.2514 อันเป็นปีเดียวกันที่พระอาจารย์นอง

ได้สร้างพระผงปางยมกปาฏิหารย์ พระอาจารย์นองได้เล่าว่า คืนหนึ่งพระอาจารย์ทิมได้มาหา และสนทนากัน

โดยพระอาจารย์นองไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง เพราะพระอาจารย์นองได้เป็นคนจุดไฟเผาพระอาจารย์ทิมด้วยตัวเอง

ซึ่งพระอาจารย์นองเล่าว่ามันเหมือนไม่ใช่ความฝัน แต่เหมือนกับคนปรกติมาคุยด้วยมากกว่า เรื่องที่คุยนั้นก็คือ

เรื่องการสร้างพระสมเด็จหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ โดยพระอาจารย์นองบอกว่า พระอาจารย์ทิมมาเพื่อบอกให้สร้าง

พระสมเด็จหลวงพ่อทวด และได้มอบคาถาปลุกเสกหลวงพ่อทวดให้ จากนั้นมาปีเดียวกันนั้นเอง พระอาจารย์นอง

ก็ได้สร้างพระผงสมเด็จหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ขึ้น โดยการแกะเบ้า หรือใช้เครื่องปั๊ม นั่นเอง ดังนั้นพระสมเด็จหลวงพ่อทวด

เนื้อว่านวัดช้างให้ ปีพ.ศ.2514 จึงเป็นพระผงสมเด็จหลวงพ่อทวดวัดช้างให้รุ่นแรกของวัดทรายขาวที่ใช้เครื่องปั๊ม

จากนั้นต่อมาพระเดชพระคุณพระครูธรรมกิจโกศล (พระอาจารย์นอง ธมมภูโต) วัดทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์

จังหวัดปัตตานี ก็ได้สร้างพระสมเด็จหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ขึ้นเรื่อยมา ทั้งที่เป็นพระผงเนื้อว่าน เหรียญนวโลหะ

เหรียญเงิน ,ทองแดง,ทองคำ ตลอดจนพระบูชา ทั้งนี้เพื่อนำปัจจัยมาเพื่อบูรณปฎิสังขรณ์ และสร้างเสนาสนะต่างๆ

ภายในวัดนั่นเอง และได้มีการสร้างเรื่อยมาจนกระทั่งวาระสุดท้ายของพระเดชพระคุณพระอาจารย์นอง

ยาวไปหน่อยแต่ผมว่าได้อีกอารมณ์หนึ่งครับ

 

**ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ อ.จงอางและ คุณเพชรฉลูกัน**​

 

​

 

​

 

สวัสดีครับพี่ล้างใจว่าหายไปไหนหลายวัน ขอให้หายไวๆนะครับ

 

.............................


สวยงามมากๆครับ.....

..............................

ขอบคุณ น้องAimee น้องarmchi น้องนวล ป๋ารุ่ง และทุกคนอีกครั้งที่เป็นห่วง....

 

ชอบชุดนี้..