ช่วยตอบคําถามนี้หน่อยครับ มีหลายข้อ

เอ่อ ผมฝึกมโนยิทธิครั้งหนึ่งกับอาจารย์ที่สอนมโนยิทธิผม ฝึกแปปเดียว นานแล้ว แล้วปัจจุบัน ผมก็ยังไม่เชื่อตัวเอง แบบว่า เชื่อว่ามโนยิทธิมีจริง แต่ไม่เชื่อความคิดตัวเอง พอผมจะลองใช้มโนยิทธิดูนะครับ

เช่นตะกี ผมนึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วจะตั้งคําถามว่า สิ่งอะไรเป็นกุศล สิ่งอะไรเป็นอกุศล ก็ได้คําตอบ คือรู้ทันที ว่า การที่ไม่ได้ทําให้ใครเป็นทุกข์ไม่เดือดร้อน นั้นคือกุศล การที่ทําให้ใครเป็นทุกข์เดือดร้อน นั้นคืออกุศล

คําตอบมันขึ้นมาเองผมก็บอกไม่ถูก แต่จริงๆคําตอบนี้ผมก็รู้อยู่แล้ว แต่ลองถาม แต่มันเหมือนคําตอบมันขึ้นมาเองก็แปลกดี

กาย วาจา ใจ สุจริต คือกุศล กาย วาจา ใจ ไม่สุจริต คืออกุศล

แบบนี้ผมเป็นคนตอบ หรือพระพุทธเจ้าหรือ พระอรหันต์ หรือพรหม เทวดา กําหนดจิตมาตอบหว่า

2. ก่อน นอน ผมก็ภาวนาพุทโธไปนี่แหละ ดูลมหายใจ แล้วผมก็เห็นวงกลมๆ คล้ายดวงกสิน แต่มีสีเขียว กับสีอื่นปนๆผมไม่รู้ว่าสีไรแต่มีสเขียว ไม่ได้เขียวเข้ม มันเขียว แบบงามๆมรกต หยก ไรประมาณนี้

อันนี้เป็นแบบว่า ผมอ่านมา ถ้าภาวนาดูลมหายใจ จะมีพวกรูปมา แต่อย่าไปสนใจเพราะดูลมหายใจไม่ได้ฝึกกสิน แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ฝึกกสิน ฝึกแต่อาปานุสติ นึกถึงพระพุทธเจ้า วงกลมๆ มีสีเขียว มันคล้ายๆแก้วคริสตัลอ่าครับ คล้ายๆรุ้ง คือแสงของพระพุทธเจ้าเปล่าครับ ผมก็ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่าก็ไม่รู้แต่ก็ชั่งมัน

3. ตอนผมฝึกมโนยิทธิ ครั้งแรกนะครับ อาจารย์ให้ผมขึ้นไปวิมารผม แล้วก็ เห็นมีอะไรไหมบนแดนพระนิพพาน ผมก็รู้สึกนะครับ ขอใช้รู้สึกเพราะผมไม่ได้เห็นด้วยตา แล้วก็ อาจารย์ให้ผมไป ขอบสระน้ำ แล้วก็ตอนนั้นผมก็กระโดดลงน้ำ กายทิพย์นะครับ เหมือนกายทิพย์มันรอไรสักอย่าง แล้วก็อาจารย์ให้ไปกราบปู่ฤาษีที่คอยดูแลผม แล้วผมก็เห็นพญานาค คล้ายๆมังกร แต่อยู่ในน้ำ แต่เป็นสีทองและสีเขียว

อันนี้ ผมคิดไปเองเปล่าหว่า แต่อาจารย์ก็บอกว่าจริง อาจารย์ผมไม่น่าจะโดนอุปทาน เพราะว่า ตอนที่ผมไปขอบน้ำ แล้วผมก็กระโดดลงไป แล้วอาจารย์ถามตอนนี้เทอกระโดดลงไปแล้วนะ ผมก็ตอบไปว่า อ่อครับไม่รู้(คือมึนๆอยู่) แปลกดี
คําถามข้อสามไม่มีแต่ถ้ามีใครจะแย้งแย้งได้ ผมก็มึนๆ
4.ผมอยากคุยกับพระพุทธเจ้าแบบว่าเห็นพระพุทธเจ้าจริงๆ ไม่ใช่แบบว่านึกกําหนดจิต คืออยากคุยแบบว่า ตัวเป็นๆ แบบว่าพระพุทธเจ้าแสดงนิมิตรให้ดูแล้วเห็นพระพุทธเจ้าจริงๆ เพราะผมไม่ค่อยเชื่อความคิดผม
แต่มันก็มีวิธีรอพระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่ตรัสรู้ แต่ก็อีกนาน ผมรอได้แต่นาน อยากคุยกับพระพุทธเจ้า
5.นิพพานมีต้นไม้หรือเปล่าครับ ตอนผมฝึกมโนยิทธิผมเห็นต้นไม้ ความรู้สึกมันบอกอย่างงั้นไม่รู้ปรุงแต่งไปเปล่า
6.อยากรู้ว่า วิมารของท่านบนนิพพาน เป็นอย่างไงเหรอครับ ของผมผมเห็นของผมรู้สึกอ่าครับ ผมก็ไม่รู้จะจริงหรือเปล่า

 

ทำต่อไปเถอะครับ
ตราบใด ที่ยังอยากอยู่
ตราบนั้นก็จะยังไม่ได้อะไร เพราะความอยากเป็นกิเลสตัวนึ่ง
ท่านก็คงได้รับการสอนมาว่าก่อนจะปฏิบัติให้ละนิวรณ์5 ชั่วคราวก่อนสักระยะหนึ่ง
ลองเอาจิตสำรวจตัวเองดูว่าได้ละนิวรณ์แล้วหรือยัง

 

...........ศรัทธา ยังไม่มีเลย.....อาจจะเกิดจากการไม่โยนิโสมนสิการ สัมมาทิฎฐิ....เลยต้องตั้งเงื่อนไข ข้อแม้ มากมาย ถึงจะเชื่อพระธรรม และปฎิบัติ ตามหลักธรรมที่พระองค์สอนไว้......สรุป ได้อย่างนี้เลย เอาไป ทบทวนดูนะ....ไม่อย่างนั้น อีก 4-5ปี อาจจะยังมีปัญหาสาระวนอยู่อย่างนี้

 

มโนมยิทธิมีสองแบบครับ คือ แบบครึ่งกำลัง และแบบเต็มกำลัง และสมาธิแบบครึ่งกำลังใช้อารมณ์อุปจารสมาธิ ถ้าเต็มกำลังก็ฌาน 4 + ตัดสังโยชน์ 3 การเห็นความชัดเจนแจ่มใสก็แตกต่างกัน ถ้าคุณอยากเห็นแบบหายสงสัยจริง ๆ ก็ต้องทำเต็มกำลังให้ได้ครับ พยายามฝึกอานาปนุสติหรือกสิณให้ถึงฌานสี่ให้ได้ครับ ผมก็พยายามฝึกไปเรื่อย ๆ อยู่ ถ้าไม่ทิ้งความเพียรคงมีสักวันครับที่ต้่องทำสำเร็จ ถ้าหากผิดพลาดอะไรไปก็ขออภัยด้วยครับ

 

คำตอบมันอยู่ที่ใจคุณแล้วนะคะ...การไม่เชื่ออะไรง่ายๆก็เป็นการดี

แต่การไม่เชื่อมากเกินไป จะกลายเป็น นิวรณ์ 5 ซึ่งจะขัดขวางการพัฒนาในการภาวนาได้

อาจจะตอบคร่าวๆนะคะว่า บนวิมานจะมีต้นไม้ จะมีสวน มีสระ ซึ่งแล้วแต่บุญของผู้ที่ทำ

ตอนกระโดดลงน้ำ คุณก็รู้ด้วยตัวคุณ และการที่อาจารย์รู้ว่าคุณกระโดดน้ำ แสดงว่าอาจารย์เห็นก็เลยบอกแบบนั้น

คุณยังคิดว่า...เป็นอุปทาน...อันนี้ต้องพิจารณาเองค่ะ

การฝึกมโนมยิทธิ คือการเห็นทางใจ หรือความรู้สึก ไม่ใช่ด้วยตา ดังนั้นจึงเรียก มโน ไม่ใช่ จักษุทิพย์ ที่สามารถเห็นด้วยตา ต้องเข้าใจจุดประสงค์ด้วยนะคะ

และถ้าอยากเจอ และพบกับพระพุทธเจ้า คุณก็ต้องฝึกจิตให้สะอาดกว่านี้ อย่าให้นิวรณ์เข้าแทรกด้วยการสงสัยมากเกินไป ศีล 5ต้องบริสุทธิ์ ตามที่คุณฝึกมาจากอาจารย์ท่านคงบอกแล้วมั้งคะ

และอย่างที่คุณเข้าใจก็ถูกแล้ว หลักการฝึกอานาปานุสติ ไม่ควรจะใส่ใจในนิมิตหรือภาพต่างๆ และเมื่อคุณฝึกให้ได้จนถึง ฌาน 4 เมื่อไหร่ คุณก็รู้แนวทางเพิ่มขึ้นเองค่ะ...ก็คงจะตอบได้แค่นี้ค่ะ เจริญในธรรมนะคะ

 

ตอบ คุณballbeamboy2

1.อาจเป็นท่านใดก็ได้ครับ

2.เมื่อจิตเข้าสู่อุปจารสมาธิ ก็เริ่มมีความเป็นทิพย์ ย่อมเห็นแสงสีต่างๆ เรียกว่า โอภาส

3.ไปถึงพระนิพพานทั้งที ถ้ามีสิ่งใดสงสัยก็ทดสอบบนนั้นเลยครับ ผมเองทดสอบไปหลายอย่าง คำว่า "นิพพานัง ปรมัง สุขัง" ต้องทำให้แจ้งด้วยตนเองครับ มันถึงจะหายสงสัยได้ ถ้าฟังผมเล่าเดี๋ยวจะหาว่าโม้

4.นึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดนี่เป็นสิ่งที่ดีมากครับ ถ้าอยากพบท่านต้องอธิษฐานขอให้ท่านมาสงเคราะห์ครับ แต่ท่านชอบมาตอนที่เรากำลังเผลอๆนี่สิครับ ผมเองก็อธิษฐานขอพบท่านอยู่หลายองค์ครับ เช่น พระพุทธเจ้า หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก หลวงพ่อฤาษีลิงขาว หลวงปู่เทพโลกอุดร
แล้ววันหนึ่งท่านก็มาสงเคราะห์ผมจริงๆ วันนั้นไปตัดผมที่ร้านในหมู่บ้าน เวลาประมาณเที่ยงๆบ่ายๆ จำไม่ค่อยได้ กำลังนั่งรอคิวอยู่ ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ แล้วก็มีพระ2-3องค์ เดินมายืนอยู่หน้าร้านตัดผม ผมก็สงสัยว่าท่านมายืนทำไม แต่ด้วยความโง่ จึงไม่ได้ออกไปถาม องค์หนึ่งรูปร่างสูงผอม สูงประมาณ2เมตรได้นะครับ สูงมาก อีกองค์หนึ่งสูงประมาณ160 รูปร่างท้วมๆ พอดี ไม่อ้วน ท่านมายืนอยู่นาน เกือบ10นาที ตอนแรกนึกว่าพระท่านมาขอบิณฑบาตร แต่พอเจ้าของร้านออกไปถาม จะนิมนต์ท่านเข้ามา ท่านก็บอกว่า เดี๋ยวอาตมาก็ไปแล้วโยม ท่านมายืนนิ่งแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย อายุของท่านน่าจะสักประมาณ 30 ยังดูหนุ่มแน่น ไม่แก่ สักพักท่านก็เดินไป ผมยังคุยกับเจ้าของร้านว่าพระท่านมาทำไมน่อ พอผ่านไปหลายวัน ผมเกิดสงสัยขึ้นมาก็ไปถามพระอาจารย์ ท่านตอบว่าแล้วคุณอธิษฐานอะไรไว้ล่ะ แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าขอให้ท่านมาสงเคราะห์ครับ
พระอาจารย์ท่านก็เมตตาบอกว่า องค์ซ้ายมือ ตัวสูงๆ คือ หลวงปู่เทพโลกอุดร องค์กลางคือ หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก องค์ขวามือคือ หลวงพ่อฤาษีลิงขาว แล้วจากนั้นผมก็กราบลาพระอาจารย์ลงมา

5.มีสิคุณ จะเอากี่ต้นดีล่ะ จะเป็นสวน รึ เป็นป่าก็ได้นะครับ

6.วิมานของผม เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามอารมณ์ครับ ถ้าแบบมาตรฐานจะเป็นวิมานแก้ว ถ้าเบื่อก็เปลี่ยนเป็นทองคำมั่ง เป็นตึกมั่ง เป็นปราสาทแบบยุโรปมั่ง เป็นบ้านไม้แบบเรือนไทยโบราณ2ชั้นก็ได้ ลองดูนะครับ

เจริญในธรรมครับ