หลวงปู่ดี วัดเทพากร จังหวัดกรุงเทพฯ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย cassanovit, 29 มกราคม 2008.

  1. cassanovit

    cassanovit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    459
    ค่าพลัง:
    +939
    หลวงปู่ดี วัดเทพากร วัดดังกล่าวอยู่บริเวณถนนจรัลสนิทวงศ์ 69ครับ
    หลวงปู่ดี วัดเทพากร กทม.ท่านเป็นศิษย์ร่วมสำนักใน หลวงปู่ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน ซึ่งอีกองค์หนึ่ง คือ ครูบาผัด ต้นตำหรับตะกรุดกาสะต้อน ที่เพิ่งจะมรณะภาพไม่นานมานี้ อายุของท่าน ตอนนี้ประมาณ 90 กว่าๆ ครับ

    หลวงปู่ท่านเป็นพระดีสมชื่อครับ ท่านศึกษาวิชา นะ ที่ท่านลงกับหลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู ครับ นอกจากนั้นยังได้เรียนวิชาเบี้ยแก้กับหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ เรียนกรรมฐานจากหลวงปู่ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า และครูบาฯอีกหลายๆท่าน

    หลวงปู่ท่านมิใช่เป็นเพียงพระทางวิชาอาคมนะครับ ท่านยังเป็นพระทางสายวิปัสสนาอีกด้วยครับ หากท่านที่ไปกราบหลวงปู่ที่กุฏิ ท่านจะไม่ได้ฟังเรื่องราวทางอิทธิฤทธิ์อภินิหารจากหลวงปู่เลยครับ แต่จะได้ฟังธรรมะล้วนๆ ซึ่งเป็นธรรมะที่สามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันได้ และเข้าใจง่าย เหมือนกับท่านรู้จิตรู้ใจของเราทีเดียวครับ ท่านไม่ให้โฆษณาอิทธิฤทธิ์ความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน จะเห็นได้ว่าในหนังสือพระจะบอกแต่ประวัติของท่านครับ
    ซึ่งหลวงปู่ทอง วัดเกาะ ท่านเคยบอกว่าตะกรุดหลวงปู่ดี นี่ยิงไม่ออกนะ เคยเรียนถามหลวงปู่ดีว่าตะกรุดหลวงปู่ดีด้านไหน ท่านบอกว่าแล้วแต่อธิษฐาน จากที่ได้ฟังมาจากครูบาอาจารย์ ท่านกล่าวว่าถ้าหากพระใดแล้วแต่เราอธิษฐาน ถือว่าพระหรือวัตถุมงคลนั้นเป็นกายสิทธิ์ครับ พุทธคุณครอบคลุมทุกด้านครับไม่ว่าจะคงกระพัน เมตตา

    จึงเรียนเชิญเพื่อนๆที่อยู่ในกทม.หรือพื้นที่ใกล้เคียงได้ไปกราบพระ ดี อีกรูปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2008
  2. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352
    ผมใกล้เกลือกินด่างจริง ๆ ตั้งใจจะไปกราบท่านมาหลายรอบแล้ว
    แต่บุญไม่ดลใจซะที คราวนี้จะต้องไปให้ได้ ขอบคุณและขอโมทนาครับ
     
  3. cassanovit

    cassanovit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    459
    ค่าพลัง:
    +939
    หลวงปู่พระสุพรหมยานเถร (พรหมา พรหมจักโก)
    วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย[/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ครูบามีนามเดิมว่า พรหมา พิมสาร ถือกำเนิดเมื่อวันอังคารที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๑ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ (เดือน ๑๒ เหนือ ปีจอ พ.ศ. ๒๔๔๑) ณ บ้านป่าแพ่ง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน (ป่าซางปัจจุบัน) เป็นบุตรของคุณพ่อเป็ง และคุณแม่บัวถา มีพี่น้องร่วมกัน ๑๓ คน โดยท่านเป็นคนที่ ๗ โดยพี่น้องของครูบาต่อมาได้บวชเป็นพระตลอดชีวิตจำนวน ๓ ท่าน ได้แก่ พี่ชายคนที่ ๖ ของท่านคือ พระสุธรรมยานเถร (ครูบาอินทรจักรรักษา) และ น้องชายคนที่ ๘ คือ พระครูสุนทรคัมภีรญาณ (ครูบาคัมภีระ วัดดอยน้อย)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]บิดามารดาเป็นผู้มีฐานะพอมีอันจะกิน มีอาชีพทำนา ทำสวน ประกอบสัมมาอาชีวะ ไม่มีการยิงนกตกปลา ไม่เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ และไม่มีการเลี้ยงหมูขาย มีความขยันถี่ถ้วนในการงาน ปกครองลูกหลานโดยยุติธรรม ไม่มีอคติ หนักแน่นในการกุศล ไปนอนวัดรักษาศีลอุโบสถเป็นประจำทุกวันพระ บิดาท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้ถึงแก่กรรมในสมณเพศเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๔ อายุ ๙๐ ส่วนมารดาของท่านได้นุ่งขาวรักษาอุโบสถศีลทุกวันพระตลอดอายุได้ถึงแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๗ อายุ ๗๐[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เมื่อเด็กชายพรหมาวัยพอสมควรได้ช่วยพ่อแม่ทำงาน งานประจำคือตักน้ำ ตำข้าว ปัดกวาดทำความสะอาดบ้านเรือนเป็นการตอบแทนบุญคุณของบิดามารดาเท่าที่พอจะทำได้ตามวิสัยของเด็ก ครูบาพรหมมาได้เรียนหนังสืออักษรลานนาและไทยกลางที่บ้านจากพี่ชายที่ได้บวชเรียนแล้วได้สึกออกไป เพราะสมัยนั้นตามชนบทยังไม่มีโรงเรียนสอนกันอย่างปัจจุบันแม้แต่กระดาษจะเขียนก็หายาก ผู้สอนคือพี่ชายก็มีงานมาก ไม่ค่อยได้อยู่สอนเป็นประจำ จึงเป็นการยากแก่การเล่าเรียน อาศัยความตั้งใจและความอดทนเป็นกำลังจึงพออ่านออกเขียนได้[/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรม และปฏิปทา[/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เมื่ออายุ ๑๕ ปี ครูบาได้ขอบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดป่าเหียง ตำบลแม่แรง อำเภอปากบ่วง (ป่าซางในปัจจุบัน) จ.ลำพูน โดยมีเจ้าอธิการแก้ว ขัตติโย เป็นพระอุปัชฌาย์ และเมื่ออายุครบบวช จึงได้ทำการอุปสมบท ณ วัดป่าเหียง เมื่อวันที่ ๑๖ ม.ค. ๒๔๖๑ เจ้าอธิการแก้ว ขัตติโย (ครูบาขัตติยะ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ฮอน โพธิโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สม สุวินโท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า"พรหมจักโก" ซึ่งท่านได้หมั่นศึกษาเล่าเรียน และได้สอบผ่านนักธรรมในปี พ.ศ.๒๔๖๒[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ลุถึงอายุ ๒๔ พรรษาที่ ๔ วันอังคารที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ เดือนเพ็ญ ๘ (เดือน ๑๐ทางหนือ) ซึ่งเป็นวันเข้าพรรษา ครูบาพรหมาได้ตัดสนใจกราบลาพระอุปัชฌาย์ โยมพ่อ โยมแม่ พร้อมทั้งญาติพี่น้องเพื่อออกไปอยู่ป่าบำเพ็ญสมณธรรม เมื่อเดินทางออกจากวัด ท่านได้มุ่งตรงสู่ดอยน้อย ซึ่งตั้งอยู่ฝากแม่น้ำปิง เขต อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ ๑๒ กิโลเมตร มีสามเณรอุ่นเรือน (ต่อมาเป็นพระอธิการอุ่นเรือน โพธิโก วัดบ้านหวาย) ติดตามไปด้วย วันต่อมาก็มีท่านพระครูพิทักษ์พลธรรม (ครูบาหวัน วัดป่าเหียง) ได้กรุณาติดตามไปอีกท่าหนึ่ง โดยได้พักจำพรรษาอยู่ในศาลาเก่าคนละหลัง บำเพ็ญสมณธรรมได้รับความอุปถัมภ์จากญาติโยมที่อยู่แถวนั้นเป็นอย่างดี พอออกพรรษาท่านครูบาพร้อมคณะที่ติดตามได้พากันเดินทางกลับมาคาราวะพระอุปัชฌาย์ พักอยู่ ๓ คืนก็ได้กราบลาท่านพระอุปัชฌาย์เพื่อเดินทางสู่ป่า พอได้เวลาประมาณตี ๓ ก็ถือเอาบาตร จีวรกับหนังสือ ๒-๓ เล่ม พร้อมทั้งกาน้ำและผ้ากรองน้ำและออกเดินทางเข้าสู่ป่า เพื่อแสวงหา ความสงบ บำเพ็ญสมณธรรมให้เต็มความสามารถน้อมจิตไปในทางปฏิบัติ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ครูบาท่านออกธุดงค์ ไปตามป่าเขาเกือบทุกจังหวัดในภาคเหนือ เดินทางเข้าไปเขตพม่าและจำพรรษาอยู่ในเขตพม่าเป็นเวลานาน ๕ ปี หรือตามหมู่บ้านกระเหรี่ยงชาวเขา จนท่านครูบาสามารถพูดภาษากระเหรี่ยงได้เป็นอย่างดี[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เมื่อคราวจำพรรษาอยู่ในที่ต่างๆ ท่านถือธุดงค์วัตร อยู่ป่าเป็นวัตร ออกบิณฑบาตเป็นกิจวัตร ฉันภัตตาหารวันละ ๑ มื้อ นุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ภายหลังจากที่ท่านครูบาพรหมาได้ออกจาริกธุดงค์ไปตามป่า ตามนิคมต่างๆ หลายแห่งเป็นเวลา ๒๐ พรรษา ท่านได้ต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคได้รับความสุข ความทุกข์ ความลำบาก บางครั้งไม่ได้ฉันท์ภัตตาหาร ๑-๒ วัน ท่านเพียรพยายามอดทนด้วยวัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดที่สุด[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]หลังจากที่ท่านได้เดินธุดงค์ไปตามป่าและตามนิคมหลายที่หลายแห่งเป็นเวลานานหลายสิบปี ได้รับความสุข ความทุกข์ทรมาน ได้ผ่านประสบการณ์มามากต่อมากแล้ว ท่านก็ได้มาพักอยู่วัดป่าหนองเจดีย์ ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นวัดร้างมาหลายร้อยปี ตามคำนิมนต์ของครูบาอาจารย์ญาติโยม ได้มาประจำอยู่ที่นั้น ๔ พรรษา หลังจากนั้นก็ได้ย้ายมาอยู่วัดพระพุทธบาทตากผ้า อันเป็นปูชนียสถานสำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นวัดร้างมาตั้งพันกว่าปีได้ อยู่ได้พรรษาเดียวก็ได้ย้ายไปอยู่ป่าม่อนมะหิน ประจำอยู่ที่นั่น ๒ พรรษาแล้วได้ย้ายไปอยู่วัดป่าหนองเจดีย์อีก ๒ พรรษา[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]พ.ศ.๒๔๙๑ ท่านจึงได้กลับมาจำพรรษา ณ วัดพระพุทธบาทตากผ้า และได้จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ท่านจะชราภาพและได้จำพรรษาในวัดเป็นประจำแล้ว แต่ท่านยังถือธุดงค์ศรัทธาเป็นประจำ ในฤดูแล้งปีไหนมีโอกาส ท่านก็อุตส่าห์พาภิกษุสามเณรไปเดินธุดงค์อยู่ตามป่าหรือป่าช้าเป็นครั้งคราว เพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ทราบปฏิปทาในการเดินธุดงค์ แล้วกลับมาจำพรรษาที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ยังวัด[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ท่านพร่ำสอนลูกศิษย์ลูกหาให้อยู่ในศีลธรรม จัดตั้งสำนักโรงเรียนพระปริยัติ นักธรรมบาลี จัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนากัมมัฏฐาน พัฒนาวัดพระพุทธบาทตากผ้าให้เจริญรุ่งเรืองจนได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีความสำคัญทางศาสนาแห่งหนึ่งของจังหวัดลำพูน และด้วยการสั่งสมบุญบารมี คุณงามความดีของท่านนี้เองทำให้ ท่านได้รับความเคารพศรัทธาจากพระภิกษุสงฆ์ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ศรัทธาประชาชนทุกเพศทุกวัยทั้งในประเทศ และนานาประเทศ พระครูบาเจ้าพรหมา พรหมจักโก ทรงไว้ซึ่งคุณแห่งพระสุปฏิปันโน พระอริยสงฆ์ ผู้มีความบริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิงมีจริยาวัตรอันงดงาม มีวัตรปฏิบัติเคร่งครัด มีปฏิปทาอันอุดมและมั่นคง บำเพ็ญสมณธรรมอยู่เนืองนิจ คือผู้นำประโยชน์ความสุข ความสงบให้เกิดแก่หมู่คณะ ทรงไว้คือสังฆรัตนะคุณควรบูชาสักการะแก่มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]มรณภาพ :- [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ครูบาเจ้าพรหมจักรได้บำเพ็ญสมณธรรมจนเข้าสู่วัยชราภาพ สังขารของท่านชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา อาการเจ็บไข้ได้ป่วยจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ท่านครูบาเจ้าได้เข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลนครเชียงใหม่ ก่อนที่ท่านครูบาท่านจะละสังขาร ท่านครูบาได้ตื่นจากจำวัด แต่เช้าปฏิบัติธรรมตามกิจวัตร เมื่อถึงเวลาท่านลุกนั่งสมาธิ สำรวมจิตตั้งมั่นสงบระงับ ครูบาเจ้าพรหมจักรได้ดับขันธ์ (มรณภาพ) ในท่านั่งสมาธิภานา เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๒๗ เวลา ๐๖.๐๐ น.อายุ ๘๗ ปี ๖๗ พรรษา คณะศิษยานุศิษย์ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา ๓ ปี ได้รับพระราชทานเพลิงศพ วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงครูบาเจ้าพรหมจักรด้วยพระองค์เอง หลังจากพระราชทานเพลิงเสร็จสิ้นแล้วได้เก็บอัฐิ ปรากฏว่าอัฐิของครูบาเจ้าพรหมจักรได้กลายเป็นพระธาตุ มีวรรณะสีต่างๆ หลายสี[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ธรรมโอวาท[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]๑. คนโง่เอาใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเอาปากไว้ที่ใจ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]๒. "ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้ท่านทั้งหลายจงเก็บกำข้อธรรมะไว้ประจำจิตประจำใจ ธรรมะที่ควรตั้งไว้ในจิตในใจนั้น ท่านแสดงไว้ ๔ ประการด้วยกัน [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ข้อ ๑. ปัญญา ความรอบรู้ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ข้อ ๒. สัจจะ ความจริงใจ คือประพฤติสิ่งใดก็ให้ได้จริง [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ข้อ ๓. จาคะ สละสิ่งเป็นข้าศึกแก่ความจริงใจ และ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ข้อ ๔. อุปปสมะ สงบใจจากสิ่งเป็นข้าศึกแก่ความสงบรวมเป็น ๔ ประการด้วยกัน[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ท่านทั้งหลาย ธรรมะ ๔ ประการนี้ ท่านเรียกว่า อธิษฐานธรรม คือ ธรรมที่ควรตั้งไว้ในใจ มี ๔ อย่างตามใจความที่ได้กล่าวมานี้"[/FONT]

    ที่มา:http://www.relicsofbuddha.com/marahun/page8-2-02.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2008
  4. กริด99

    กริด99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    754
    ค่าพลัง:
    +558
    ได้เคยไปกราบท่านแล้วครับ ท่านเมตตามากๆ ครับ
     
  5. maxmedia

    maxmedia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +347
    ท่านได้มีโอกาส ไปกราบหลวงปู่ทรง วัดศาลาดิน

    และได้พบว่า หลวงปู่ดีท่านเป็นสหมิกธรรม กับหลวงปุ่ทรงครับ

    วันนั้นหลวงปู่ดี ท่านเข้าไปเยี่ยมเยี่ยนหลวงปู่ทรง

    ผมเลยได้เข้าไปกราบและฟังธรรม (ล้วน ๆ) จากท่านครับ
     
  6. jengjing_botany

    jengjing_botany เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +994
    คำสอนของลป. (จากการจำได้ครับ เนื่องจากไม่ได้บันทึกเสียงท่านไว้) " พระนี่นะ ลป.ให้ไว้เป็นที่ระลึก ไม่ต้องไปแขวนเยอะ แขวนองค์เดียวพอ ให้รู้ว่ามีพระอยู่กับตัว ทำอะไรจะได้เกรงใจท่าน เวลาเขาตีกันน่ะ ไม่ได้ให้เข้าไป ให้วิ่งหนีนะหลบไป ด้านหลังนี่ก็เป็นยันต์นะหน้าทอง ที่ลป.เรียนมาจาก ลป.จันทน์ วัดนางหนู ท่านเป็นอาจารย์ของลป.เอง เอ้า เก็บให้ดีล่ะ"
     
  7. jengjing_botany

    jengjing_botany เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +994
    ถาม "ลป.จำผมได้ไหมครับ วันนั้นผมไปกราบ ลป. วันที่ลป.ไปปลุกเสกวัตถุมงคล .... "

    ลป.ดี " อ้อ.. อืมๆ เราก็อย่าไปตามเค้ามากนะ เขานิมนต์ลป.ไปปลุก ลป.ก็ไปปลุกเขาให้ตื่นจากความหลง แต่เมื่อปลุกแล้วเขาไม่ตื่น ลป.ก็เสกไปตามหน้าที่นะ "
     
  8. banana man

    banana man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +606
    ที่วัดท่านถ้าจะเช่าวัตถุมงคลต้องไปติดต่อได้ที่ไหนหรือครับ อยากได้เบี้ยแก้ครับ ขอบคุณมากครับ
     
  9. อิทธิปาฏิหาริย์

    อิทธิปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,834
    ค่าพลัง:
    +1,472
  10. boy9798

    boy9798 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,791
    อืม..........

    (good)(good)(good)
     
  11. banana man

    banana man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +606
    วันนี้ได้ไปกราบท่านมาแล้วครับ ท่านสอนธรรมมะเข้าใจได้ง่ายจริงๆ
     
  12. สิงห์เล็ก

    สิงห์เล็ก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +10
    หากสมาชิกท่านใดได้ไปกราบหลวงปู่จะได้หลักธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงปู่ท่านมีความจำดีมาก ท่านจะสั่งสอนเสมอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...