ขอความช่วยเหลือพิมพ์พระไตรปิฎก ครั้งที่ 2

ในห้อง 'ธรรมทาน - วิทยาทาน' ตั้งกระทู้โดย jaya, 8 มกราคม 2012.

  1. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    เป็นโครงการต่อเนื่องจากเมื่อครั้งแรก ที่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านผู้มีความพากเพียรในธรรม ได้ร่วมกันจัดพิมพ์และนำส่งถวาย พระภาคภูมิ สุภัทโทไปยังวัดถ้ำช้าง เทือกเขาภูพาน ดังรูป

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG] ดูเพิ่มที่ http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%8E%E0%B8%81.306128/page-4#post5546185

    ในครั้งที่ 2 ก็ขอความช่วยเหลือในการจัดพิมพ์พระไตรปิฎก อีกเช่นเดิม โดยในครั้งนี้จะได้ช่วยกันจัดทำถวายแก่
    พระ บุญเทียน ญาณวโร
    ที่พักสงฆ์ โชคอำนวย
    ตำบล วังตามัว อำเภอ เมือง
    จังหวัด นครพนม 48000

    ท่านใดพอจะช่วยจัดพิมพ์ได้ ขอเชิญนะค่ะ กรุณาแจ้งในกระทู้นี้ด้วยนะค่ะ

    กติกาเหมือนครั้งแรกคือ
    () ใช้เนื้อเรื่องจากเว็บ 84000 พระธรรมขันธ์

    () เลือกดูตามกำลัง และกรุณาโพสต์แจ้งด้วยนะค่ะ ว่าจะพิมพ์พระไตรปิฎกเล่มที่เท่าไหร่ เพื่อจะได้ไม่ซ้ำซ้อนกัน โดยใช้พระไตรปิฎก ฉบับภาษาไทย ขอความกรุณาเป็นแบบฉบับเต็ม ไม่ย่อ

    ()ปริ้นท์ด้วยกระดาษA4 ทั้ง 2 หน้า เพื่อที่แต่ละเล่มจะไม่หนาเกินไป แล้วจัดรูปเล่มเหมือนตอนเราเป็นนักเรียนทำรายงาน พิมพ์ที่หน้าปกว่า เป็นพระไตรปิฎกเล่มที่ .... หมวด.... จัดทำโดย ....ชื่อของเพื่อน ๆ เพื่อถวายแก่ ที่พักสงฆ์โชคอำนวย

    () แผ่นปกครั้งนี้ขอเป็นสีน้ำเงินทุกเล่ม (ถ้าพอจะหาได้) เพื่อดูแล้วจะเป็นระเบียบเรียบร้อย

    () ระยะเวลา 2-3 เดือน เพื่อจะได้ไม่เร่งรีบจนเกินไป

    ()เสร็จแล้วจะจัดส่งถวายโดยตรงได้ที่ ตามที่อยู่ด้านบน หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาโทร. เรียนถามกับ พระภาคภูมิฯ ได้ที่ โทร. 080-741-7059
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2012
  2. ทำดี99

    ทำดี99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +844
    คัดมาจากหนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับพิเศษ โดยพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง อุทัยธานี


    วันหนึ่งท่าน พระสารีบุตร เวลานั้นชื่อ อุปติสสะ อาศัยที่ถวายพระไตรปิฎกไว้ในพระพุทธศาสนา เป็นเหตุให้เป็น ผู้มีปัญญาเลิศ ทีนี้ความเป็นผู้มีปัญญาเลิศของพระสารีบุตร เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้ว เราอาจจะคิดว่า เป็นของมหัศจรรย์ เราพบว่า แก้วนี่ถ้าปราศจากละอองธุลี เข้ามาเบียดบังทำให้แปดเปื้อนมันก็ใส จิตของพระอรหันต์ก็ใส ประกอบไปด้วยประกาย คือหาอะไรเปื้อนไม่ได้ จึงเป็นผู้ทรงปัญญาเลิศ ตอนนี้เราก็ว่าอัศจรรย์แล้วแต่คิดไปอีกทีไม่น่าอัศจรรย์ เพราะเป็นพระอรหันต์

    นี่เราหลบกลับลงมา อีกครั้งหนึ่งตอนที่ พระโมคคัลลาน์ กับ พระสารีบุตร ยังเป็นลูกชาวบ้านอยู่เรา จะเห็นปัญญา พระสารีบุตร ที่ท่านทั้งสอง ไปดูมหรสพ แล้วเกิดอารมณ์เศร้าใจ วันอื่นนั้น สบายใจ ดีใจร่าเริง ให้รางวัล แก่ผู้แสดงมหรสพ แต่วันนั้น ทั้งสององค์ ต่างนั่งหน้าเศร้า หน้าสลด ไม่ร่าเริง ทั้งนี้เพราะดู ๆ มหรสพก็นั่งคิดไปว่า

    "เฮ้อ คนดูมหรสพนี่ไม่ช้าก็ตายหมดพวกแสดงนี่ไม่ช้าก็ตายหมด แถมเราเองก็ต้องตายเสียด้วยถ้าอย่างนั้น เราเกิดมาเพื่อ ตายอยู่ทำไมกัน เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด"

    ท่านก็มาใคร่ครวญว่า "ธรรมที่ทำให้คนที่เกิดมาแล้วตายได้มันมี ก็ต้องมีอะไรสักอย่าง ที่เป็นธรรม ที่ทำให้คนเกิดไม่ตาย ได้"

    หมายความว่า เมื่อมีมืดแล้ว ก็มีสว่างคู่กัน หรือ ทางพ้นแห่งความตาย ที่เราเรียกว่า โมกขธรรม

    ท่านทั้งสองตกลงใจกันว่า เราเปิดเถอะไปหา โมกขธรรม ธรรมที่เป็นเครื่องพ้น แห่งความตายดีกว่า จึงลาพ่อลาแม่ มีบริวารคนละ 250 เพราะ เป็นลูกมหาเศรษฐี ออกจากสำนักพ่อแม่ไป บริวารของทั้งสองท่าน รวมกันเป็น 500 หัวหน้าอีกสอง คือ ตัวท่านเอง เป็น 502 ท่าน เข้าไปอยู่ในสำนักสัญชัยปริพาชก ท่านสัญชัยปริพาชก ก็สอนสุดกำลัง ท่านทั้งสอง ก็เรียนเต็มที่ เพราะความมีปัญญาด้วยกันทั้งคู่ ปรากฏว่า ไม่ช้าท่านก็เรียนจบ แล้วก็มีความฉลาดเก่งกาจมาก

    ท่านสัญชัยปริพาชก ก็ให้เป็นอาจารย์สอนแทน แต่ว่าท่านทั้งสองนี่อาศัยที่มีบุญญาบารมีเต็มแล้ว ควรที่จะเป็นพระอรหันต์ จึงมาคำนึงพิจารณาว่า ความรู้ที่ได้จากสำนักนี้ ยังไม่จบ ยังไม่พ้นจากความตาย ธรรมที่ดีกว่านี้ต้องมีอีก

    นี่เพราะดวงปัญญาของท่านเดิม ที่เคยถวายพระไตรปิฎกแก่พระ

    ท่านทั้งสองจึงตกลงกันว่า "นี่เราช่วยกันแสวงหาโมกขธรรม ถ้าใครเจอะอาจารย์ ดีกว่านี้ ก็มาบอกกัน หรือใครไปพบธรรมในการค้นคว้าดีกว่านี้ละก้อ กลับมาบอกกัน"

    ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้า บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เวลานั้น ก็มีลูกศิษย์ปัจจวัคคีย์อยู่ 5 องค์ เป็นพระบริวาร เมื่อท่าน 5 ท่านบรรลุอรหันต์แล้ว พระพุทธเจ้า ทรงสั่งให้ไปประกาศ พระศาสนา แต่มีเงื่อนไขว่า ไปแล้วอย่ารวมกัน ให้แยกกันไปคนละที่

    บังเอิญ พระอัสสชิ มาสายนั้นพอดี ท่านก็บิณฑบาต อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น ต่อมาวันหนึ่ง พระสารีบุตร เวลานั้น ชื่อว่า อุปติสสะ ท่านออกไปจากสำนัก ก็พอดีเห็นพระอัสสชิเดินออกบิณฑบาตผ่านไป เห็นลีลาของท่าน ไม่ว่าจะเป็นลีลาการเยื้องกาย ก้าวเท้าซ้าย แกว่งเท้าขวา อิริยาบถใด ดูแล้วงามจริง ๆ เป็นจริยานิ่มนวล ท่านจึงคิดในใจว่า

    "พระสมณะองค์นี้น่าเลื่อมใส เราอยากจะรู้จักนักว่าเป็นลูกศิษย์ใคร สำนักของเรานี่มีลูกศิษย์เป็นพันเป็นหมื่น แต่จริยานิ่มนวลในการสำรวมในการเดิน การทอดจักษุแบบนี้ไม่มีหากว่า เราจะถามเวลานี้ในขณะที่ท่านบิณฑบาต ก็ไม่ควร"

    นี่ดูความเป็นผู้มีปัญญาของพระสารีบุตรท่านก็นึกต่อไป

    "มันเป็นเวลาที่ไม่ควร เราควรจะถามในเวลาที่ท่านกลับ"

    เห็นท่านเดินไป พระสารีบุตรนั่ง ตอนนั้น ท่านยังเป็นปริพาชก ยังไม่เป็นพระสารีบุตร ชื่อเดิมว่า อุปติสสะ ที่เขาเรียก สารีบุตร ก็เพราะว่า เดิมแม่ชื่อ สารี เวลาพระอัสสชิกลับมา ท่านก็ย่องเข้าไปยกมือไหว้แล้วก็ถาม

    "พระคุณเจ้าเป็นลูกศิษย์ของใคร อยู่สำนักของใคร ชอบใจธรรมะของท่าน ครูของท่านสอนว่าอย่างไร"

    พระอัสสชิท่านเป็นอรหันต์รุ่นแรกซะด้วย นี่เขาว่าขลังนะ แต่ความจริง พระอัสสชินี่ เป็นพระอรหันต์ สุกขวิปัสสโก เราจะจับกันได้ ก็ตอนพระอัสสชินิพพาน ตอนนั้น เป็นโรคกระเพาะ ครางอ๋อย บ่นบอกให้พระไป ตามพระพุทธเจ้ามา เพราะโรคมัน เบียดเบียนมาก ท่านก็ยืนมอง พระสารีบุตร ปั๊บเดียวก็รู้ว่าเป็น พระอรหันต์ เพราะอรหันต์นี่จิตสะอาดมาก ท่านก็นึก

    "ปริพาชกคนนี้ฉลาดมาก หากเราขืนพูดมากเดี๋ยวถูกต้อนจนมุม"

    ท่านก็เลยบอก "ปริพาชก เราเป็นผู้ใหม่ในพระพุทธศาสนา เราเป็นลูกศิษย์ ของพระสมณโคดม ท่านถามปัญหาของท่าน เราตอบแบพิสดารไม่ไหว เพราะเรายังใหม่อยู่ มีความรู้ไม่มาก "

    แต่ความจริงพระอรหันต์น ี่ไปไล่ท่านไม่จนหรอก ตอนนั้นพระสารีบุตรยังไม่เป็นพระอรหันต์นี่ ไล่อย่างไรก็ไม่จน เพราะพระอรหันต์นี่ ปัญญาเกิดจากการปฏิบัติ ไม่ต้องอาศัยหนังสือ เดี๋ยวนี้ปัญญาจะเกิดได้ ต้องอาศัยหนังสือก่อน พระสารีบุตรได้ยิน เช่นนั้นก็เลยบอกว่า "ท่านจะพูดเรื่องพิสดารทำไมเอาแค่หัวข้อย่อๆ ก็พอแล้ว"

    พระอัสสชิจึงกล่าวว่า "ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระพุทธเจ้าตรัสเหตุของธรรมนั้น"

    เพียงเท่านี้พระสารีบุตรก็เข้าใจทันที แล้วก็สำเร็จพระโสดาบัน

    นี่เราจะเห็นว่า ปัญญาของท่าน แม้แต่ยังไม่เป็นอรหันต์ เพียงธรรมโดยย่อ ก็เข้าใจทันที และก็สำเร็จพระโสดาบันปัตติผล ต่อมากลับมาพบพระโมคคัลลาน์ก็บอกว่า

    "เวลานี้พบโมกขธรรมแล้ว เจออาจารย์ใหม่ด้วย"

    พระโมคคัลลาน์ก็ถาม "ธรรมนั้นได้มาอย่างไร"

    พระสารีบุตรก็บอกตามนั้น พระโมคคัลลาน์ ก็ได้พระโสดาปัตติผลเหมือนกัน นี่เราจะเห็นว่า ปัจจัยที่ได้ ถวายพระไตรปิฎก ไว้ในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ว่าจะเป็นผู้มีปัญญา ประเสริฐกว่าบุคคลอื่น เหมือนกันแต่ทว่าไป โดนคนที่เขาถวาย พระไตรปิฎกเหมือนกัน ก็เห็นจะไม่เหลื่อมล้ำกว่ากันแน่ เคยไปเทศน์ชนกัน เทศน์บางที เรื่องคืบเดียว 3 วันยังไม่จบ เพราะ มีข้อไล่ กันไป ไล่กันมาไม่จบอย่างนี้ ก็พิสูจน์ได้ว่า พวกนี้เขาฝึกฝนปัญญามาด้วยการถวายพระไตรปิฎกในพระศาสนา

    นี่เป็นอันว่า การที่ญาติโยมเอาพระไตรปิฎก กับเชิงเทียนมาถวายวัด เชิงเทียนนี่ก็เป็น ประทีปโคมไฟ พระไตรปิฎกก็เป็น ตัวปัญญา ฉะนั้นอานิสงส์ที่จะพึงได้ก็คือ

    1.ทิพจุกขุญาณ

    2. ปัญญาเลิศ

    สำหรับท่านที่เป็นผู้ร่วมรายการด้วยการโมทนาก็เป็น ปัตตานุโมทนามัย เราเป็นคนมีปัญญาไม่ถึงหัวแถวอยู่กลางๆแถว หรือท้าย ๆ แถวก็ได้ พวกที่จะได้ทิพจักขุญาณ ก็เหมือนกัน บุญใดที่เขาทำแล้วเรา ยินดีด้วย เรียกว่า ปัตตานุโมทนามัย ดูตัวอย่าง พระนางพิมพา ไม่เคยทำบุญเองเลย พระพุทธเจ้าทำคนเดียว แต่พระนางพิมพาโมทนาตลอดกาล เวลาพระพุทธเจ้าเป็นอรหันต์ พระนางก็เป็นอรหันต์ได้ เพราะปัตตานุโมทนาอันนี้เอง
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  3. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    อ้างถึง . . . ด้วยพระคุณเจ้าท่านได้รับการบอกกล่าวจากคณะสงฆ์ ที่อยู่ในถิ่นห่างไกลว่าขอบิณฑบาตรพระไตรปิฎกสักชุด เพื่อไว้ศึกษาแก่พระเณร จึงขอรับความช่วยเหลือในการจัดพิมพ์พระไตรปิฎก ครั้งที่ 2 นี้ด้วยค่ะ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled.png
      Untitled.png
      ขนาดไฟล์:
      290.1 KB
      เปิดดู:
      1,039
  4. newborn

    newborn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +231
    ทำไม ไม่เอาต้นฉบับจากการพิมพ์ครั้งแรก มาใช้ล่ะ

    ทำไม ไม่เอาต้นฉบับจากการพิมพ์ครั้งแรก มาใช้ล่ะ แค่เอาต้นฉบับที่พิมพ์ไว้ในครั้งแรกมา Print กับคอมพิวเตอร์ ก็จะได้พระไตรปิฎกชุดที่ 2 แล้ว ไม่เห็นต้องไปพิมพ์ใหม่เลย
     
  5. นาบุญใหญ่

    นาบุญใหญ่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +34
    โครงการแรกมาหลายจังหวัดมากดีนะ
    ทั้งหลายภาคในประเทศไทยส่งมาร่วมถวายขอร่วมอนุโมทนาสาธุ เจริญพร
     
  6. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    โมทนา สาธุ ๆ
    กับทุกท่านที่ได้ร่วมกัน
    จัดทำพระไตรปิฏกและ
    สร้างบุญกุศลทุกอย่างด้วยครับ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง
    (ทำไมไม่เรี่ยไรซื้อพระไตรปิฏกที่สำเร็จแล้วจากมหาจุฬาหรือมหามงกุฏฯพร้อมตู้ใส่ให้เรียบร้อยไปเลยละครับแต่อย่างไรก็โมทนาด้วยครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2012
  7. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    การจัดพิมพ์ครั้งแรกนั้น ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าเป็นผู้ทำ แต่เป็นความพากเพียรของแต่ละท่าน ที่แจ้งความประสงค์ว่าจะจัดพิมพ์ในส่วนไหน ๆ ดังนั้นแต่ละท่านก็จะมีต้นฉบับเฉพาะในส่วนที่ตนเองเลือกจัดทำ และก็มีหลายท่านที่ร่วมจัดทำ ไม่ใช่บุคคล คนเดียวทำ ดังนั้นต้นฉบับจึงไม่มีครบและอยู่กระจายคนละที่กัน มีผู้ร่วมจัดทำครั้งแรกมาจากหลายจังหวัด

    ส่วนท่านที่แสดงความปรารถนาดี ว่าให้บอกบุญขอรับบริจาคเพื่อนำปัจจัยไปหาซื้อที่ทำไว้สำเร็จรูปให้ครบชุด นั้นดีกว่าแน่ และสะดวกด้วย ..แต่ ..

    ...1. การขอรับบริจาคนั้น ไม่แน่นอนว่าจะได้รับปัจจัยครบ หรือเพียงพอแก่การไปหาซื้อหรือไม่

    ...2. ราคาของพระไตรปิฎกทั้งชุด 45 เล่ม + ตู้สำหรับเก็บนั้น มีราคาค่อนข้างมาก พระท่านจึงต้องการทำแบบประหยัด ตำราใด ๆ แม้มีราคาแพงแค่ไหนก็ตาม แต่ไม่มีผู้ใช้ ผู้อ่าน ผู้นำไปศึกษา ก็สู้กระดาษแผ่นเดียวที่มีผู้คนอ่านเนื้อหานั้น ๆ ไม่ได้ พระท่านต้องการนำไปใช้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เก็บไว้ในตู้สวย ๆ แล้วล๊อคกุญแจตั้งโชว์ ประดับไว้เฉยๆ แค่มองดูผ่านไปเท่านั้น

    ...3. การนำมาบอกบุญเพื่อช่วยกันจัดทำนั้น จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างคือ พระท่านปรารถนาว่า โยมทั้งหลายจะได้อ่านผ่านหูผ่านตาบ้าง เพราะต้องมีการตรวจทานว่า พิมพ์ไปนั้นถูกผิดหรือไม่อย่างไร ดังนั้นเท่ากับว่าท่านทั้งหลายได้ศึกษาพระธรรมไปในตัวด้วย ได้กุศลเป็นอย่างยิ่ง

    ...4. พระท่านกล่าวว่า เป็นการเปิดโอกาสให้กับโยมผู้หญิง ได้สร้างบุญกุศลอย่างยิ่งนี้ ผ่านการจัดพิมพ์พระไตรปิฎก เพราะผู้หญิงไม่สามารถบวชพระได้ การทำตรงนี้จึงเป็นสร้างกุศลให้ตนเองได้ไม่น้อยกว่ากัน
     
  8. mooounzaa39

    mooounzaa39 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +179
    ขอร่วมพิมพ์เล่มเดิมครับ คือ 5 กับ 17 จะได้ Print ออกมาได้ครับ เเล้วจัดทำรูปเเบบปกเป็นสีน้ำเงินให้เรียบร้อยครับ
    ขอพิมพ์เพิ่มเติมจากครั้งที่เเล้ว คือเล่ม 6 7 ครับ สรุปจัดทำทั้งหมด 4 เล่มครับ คือ
    เล่มที่ 5 6 7 17 ครับ
    ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้เเละทุกท่านด้วยครับ:cool:
     
  9. ทำดี99

    ทำดี99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +844
    สาธุ กุศลความพากเพียรของท่านเหนือกว่าเศรษฐีมีเงินตรามหาศาล เงินทองของมายาได้มาก็หมดไป
    แต่จะดลบันดาลให้มีความสุขทุกราตรีกาลก็หาไม่ เงินไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง ขอให้คุณโยมประสบความสำเร็จในสิ่งที่เป็นกุศล ด้วยวาสนาบารมีความดีที่ได้พึงกระทำ เอวัง เจริญพร
     
  10. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    ขออนูโมทนา คุณ mooounzaa39 ในความกรุณาและความเพียรของท่านด้วยค่ะ

    และตัวข้าพเจ้า ขอร่วมจัดพิมพ์เล่ม ๑ หมวดพระวินัยค่ะ

    อัพเดท รายการที่มีผู้จัดพิมพ์ดังนี้ สีน้ำเงิน คือ มีผู้จัดพิมพ์แล้ว

    1...2...3...4...5...6...7...8...9...10
    11..12..13..14..15..16..17..18..19..20
    21..22..23..24..25..26..27..28..29..30
    31..32..33..34..35..36..37..38..39..40
    41..42..43..44..45​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2012
  11. ทำดี99

    ทำดี99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +844
    ภาพการจัดส่งและถวายโครงการจัดสร้างถวายพระไตรปิฎกรุ่นแรก

    อาตมาได้รับปัจจัยจากเจ้าภาพตู้พระไตรปิฎกรุ่นแรกแล้วกำลังดำเนินการโดยช่างผลิตเอง เจ้าภาพคือ คุณโยม ชัยวุฒิ ไทยธรรม กรุงเทพมหานคร สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG0224A.jpg
      IMG0224A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.2 KB
      เปิดดู:
      140
    • IMG0225A.jpg
      IMG0225A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.4 KB
      เปิดดู:
      137
    • IMG0226A.jpg
      IMG0226A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12 KB
      เปิดดู:
      146
    • IMG0227A.jpg
      IMG0227A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.3 KB
      เปิดดู:
      145
    • IMG0232A.jpg
      IMG0232A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.2 KB
      เปิดดู:
      137
    • IMG0233A.jpg
      IMG0233A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.9 KB
      เปิดดู:
      138
    • IMG0234A.jpg
      IMG0234A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.5 KB
      เปิดดู:
      142
    • IMG0239A.jpg
      IMG0239A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.8 KB
      เปิดดู:
      149
    • IMG0240A.jpg
      IMG0240A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.1 KB
      เปิดดู:
      137
    • IMG0252A.jpg
      IMG0252A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.5 KB
      เปิดดู:
      140
    • IMG0254A.jpg
      IMG0254A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.9 KB
      เปิดดู:
      135
    • IMG0255A.jpg
      IMG0255A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.3 KB
      เปิดดู:
      140
    • IMG0256A.jpg
      IMG0256A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.7 KB
      เปิดดู:
      148
    • IMG0287A.jpg
      IMG0287A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.1 KB
      เปิดดู:
      150
    • IMG0291A.jpg
      IMG0291A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      18.6 KB
      เปิดดู:
      144
    • IMG0292A.jpg
      IMG0292A.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.9 KB
      เปิดดู:
      142
  12. PloyMook

    PloyMook เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +422
    ขอรับพิมพ์พระไตรปิฎก เล่ม 34,35,36 ค่ะ
     
  13. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    ขออนุโมทนากับ คุณPloyMook ด้วยค่ะ


    อัพเดท รายการที่มีผู้จัดพิมพ์ดังนี้ สีน้ำเงิน คือ มีผู้จัดพิมพ์แล้ว

    1...2...3...4...5...6...7...8...9...10
    11..12..13..14..15..16..17..18..19..20
    21..22..23..24..25..26..27..28..29..30
    31..32..33..34..35..36..37..38..39..40
    41..42..43..44..45
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2012
  14. parukoh

    parukoh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +387
    ขอรับพิมพ์ เล่ม 45 ครับ
     
  15. sine19

    sine19 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +13
    ขอรับพิมพ์พระไตรปิฎก เล่ม 9,10,11,12,13,14 ค่ะ
     
  16. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    ขออนุโมทนา คุณParukoh ด้วยค่ะ
     
  17. jaya

    jaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +2,183
    ขออนุโมทนา คุณ Sine19 ด้วยค่ะ


    update รายเล่มที่มีผู้จัดพิมพ์ สีน้ำเงิน มีผู้รับพิมพ์แล้ว

    1...2...3...4...5...6...7...8...9...10
    11..12..13..14
    ..15..16..17..18..19..20
    21..22..23..24..25..26..27..28..29..30
    31..32..33..34..35..36..37..38..39..40
    41..42..43..44..45
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2012
  18. ทำดี99

    ทำดี99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +844
    สาธุในกุศลบัวเหล่าที่สี่ทุกท่านทุกคนขอกุศลให้ได้รับแต่สิ่งที่ดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต เทอญ สาธุ

    อานิสงส์การถวายพระไตรปิฎก (พระสารีบุตร) <O:p</O:p

    <O:p</O:p
    วันหนึ่ง ท่านพระสารีบุตร เวลานั้นชื่อ อุปติสสะ อาศัยที่ถวายพระไตรปิฎกไว้ในพระพุทธศาสนา เป็นเหตุให้เป็นผู้มีปัญญาเลิศ ทีนี้ความเป็นผู้มีปัญญาเลิศของพระสารีบุตร เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้ว เราอาจจะคิดว่าเป็นของมหัศจรรย์ เราพบว่าแก้วนี่ถ้าปราศจากละอองธุลีเข้ามาเบียดบังทำให้แปดเปื้อน มันก็ใส จิตของพระอรหันต์ก็ใสประกอบไปด้วยประกาย คือหาอะไรเปื้อนไม่ได้ จึงเป็นผู้ทรงปัญญาเลิศ ตอนนี้เราก็ว่าอัศจรรย์แล้ว แต่คิดไปอีกทีไม่น่าอัศจรรย์ เพราะเป็นพระอรหันต์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นี่เราหลบกลับลงมาอีกครั้งหนึ่ง ตอนที่พระโมคคัลลาน์กับพระสารีบุตร ยังเป็นลูกชาวบ้านอยู่ เราจะเห็นปัญญาพระสารีบุตร ขณะที่ท่านทั้งสองไปดูมหรสพ แล้วเกิดอารมณ์เศร้าใจ วันอื่นนั้นสบายใจ ดีใจ ร่าเริง ให้รางวัลแก่ผู้แสดงมหรสพ แต่วันนั้นทั้งสององค์ต่างนั่งหน้าเศร้า หน้าสลด ไม่ร่าเริง ทั้งนี้เพราะดู ๆ มหรสพก็นั่งคิดไปว่า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “เฮ้อ...คนดูมหรสพนี่ไม่ช้าก็ตายหมด พวกแสดงนี่ไม่ช้าก็ตายหมด แถมเราเองก็ต้องตายเสียด้วย ถ้าอย่างนั้นเราเกิดมาเพื่อตายอยู่ทำไมกัน เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ท่านก็มาใคร่ครวญว่า “ธรรมที่ทำให้คนที่เกิดมาแล้วตายได้มันมี ก็ต้องมีอะไรสักอย่างที่เป็นธรรม ที่ทำให้คนเกิดไม่ตายได้"<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หมายความว่า เมื่อมีมืดแล้วก็มีสว่างคู่กัน หรือทางพ้นแห่งความตาย ที่เราเรียกว่า “โมกขธรรม”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ท่านทั้งสองตกลงใจกันว่า เราเปิดเถอะ ไปหาโมกขธรรมที่เป็นเครื่องพ้นแห่งความตายดีกว่า จึงลาพ่อลาแม่ มีบริวารคนละ 250 เพราะเป็นลูกมหาเศรษฐี ออกจากสำนักพ่อแม่ไป บริวารทั้งสองท่านรวมกันเป็น 500 หัวหน้าอีกสอง คือตัวท่านเองเป็น 502 ท่าน เข้าไปอยู่ในสำนักสัญชัยปริพาชก ท่านสัญชัยปริพาชกก็สอนสุดกำลัง ท่านทั้งสองก็เรียนเต็มที่ เพราะความมีปัญญาด้วยกันทั้งคู่ ปรากฎว่าไม่ช้าท่านก็เรียนจบ แล้วก็มีความฉลาดเก่งกาจมาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ท่านสัญชัยปริพาชกก็ให้เป็นอาจารย์สอนแทน แต่ว่าท่านทั้งสองนี่อาศัยที่มีบุญญาบารมีเต็มแล้ว ควรที่จะเป็นพระอรหันต์ จึงมาคำนึงพิจารณาว่า ความรู้ที่ได้จากสำนักนี้ยังไม่จบ ยังไม่พ้นจากความตาย ธรรมที่ดีกว่านี้ต้องมีอีก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นี่เพราะดวงปัญญาของท่านเดิม ที่เคยถวายพระไตรปิฎกแก่พระ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ท่านทั้งสองจึงตกลงกันว่า “นี่เราช่วยกันแสวงหาโมกขธรรม ถ้าใครเจอะอาจารย์ดีกว่านี้ก็มาบอกกัน หรือใครได้พบธรรมในการค้นคว้าดีกว่านี้ละก้อ กลับมาบอกกัน”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เวลานั้นก็มีลูกศิษย์ปัญจวัคคีย์อยู่ 5 องค์เป็นพระบริวาร เมื่อทั้ง 5 ท่านบรรลุอรหันต์แล้ว พระพุทธเจ้าทรงสั่งให้ไปประกาศพระศาสนา แต่มีเงื่อนไขว่า ไปแล้วอย่ารวมกัน ให้แยกกันไปคนละที่<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บังเอิญพระอัสสชิมาสายนั้นพอดี ท่านก็บิณฑบาตอยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น ต่อมาวันหนึ่ง พระสารีบุตรเวลานั้นชื่อ อุปติสสะ ท่านออกไปจากสำนัก ก็พอดีเห็นพระอัสสชิเดินออกบินฑบาตผ่านไป เห็นลีลาของท่านไม่ว่าจะเป็นลีลาการเยื้องกาย ก้าวเท้าซ้ายแกว่งเท้าขวา อิริยาบถใดดูแล้วงามจริง ๆ เป็นจริยานิ่มนวล ท่านจึงคิดในใจว่า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “พระสมณะองค์นี้น่าเลื่อมใส เราอยากจะรู้นักว่าเป็นลูกศิษย์ใคร สำนักของเรานี่มีลูกศิษย์เป็นพันเป็นหมื่น แต่จริยานิ่มนวลในการสำรวม ในการเดินทอดจักษุแบบนี้ไม่มี หากว่าเราจะถามเวลานี้ในขณะที่ท่านบิณฑบาตก็ไม่ควร”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นี่ดูความเป็นผู้มีปัญญาของพระสารีบุตร ท่านก็นึกต่อไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “มันเป็นเวลาที่ไม่ควร เราควรจะถามในเวลาที่ท่านกลับ”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เห็นท่านเดินไป พระสารีบุตรนั่ง ตอนนั้นท่านยังเป็นปริพาชก ยังไม่เป็นพระสารีบุตร ชื่อเดิมว่า อุปติสสะ ที่เราเรียก สารีบุตร ก็เพราะว่าเดิมแม่ชื่อสารี เวลาพระอัสสชิกลับมา ท่านก็ย่องเข้าไปยกมือไหว้แล้วก็ถาม<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “พระคุณเจ้าเป็นลูกศิษย์ของใคร อยู่สำนักของใคร ชอบใจธรรมะของท่าน ครูของท่านสอนว่าอย่างไร”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระอัสสชิท่านเป็นอรหันต์รุ่นแรกซะด้วย นี่เขาว่าขลังนะ แต่ความจริงพระอัสสชินี่เป็นพระอรหันต์สุขวิปัสสโก เราจะจับกันได้ก็ตอนพระอัสสชินิพพาน ตอนนั้นเป็นโรคกระเพาะ ครางอ๋อย บ่นบอกให้พระไปตามพระพุทธเจ้ามา เพราะโรคมันเบียดเบียนมาก ท่านก็ยืนมองพระสารีบุตร ปั๊บเดียวก็รู้ว่าเป็นพระอรหันต์ เพราะอรหันต์นี่จิตสะอาดมาก ท่านก็นึก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “ปริพาชกคนนี้ฉลาดมาก หากเราขืนพูดมาก เดี๋ยวถูกต้อนจนมุม”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ท่านก็เลยบอก “ปริพาชก เราเป็นผู้ใหม่ในพระพุทธศาสนา เราเป็นลูกศิษย์ของพระสมณโคดม ท่านถามปัญหาของท่าน เราตอบแบบพิสดารไม่ไหว เพราะเรายังใหม่อยู่ มีความรู้ไม่มาก”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แต่ความจริงพระอรหันต์นี่ไปไล่ท่านไม่จนหรอก ตอนนั้นพระสารีบุตรยังไม่เป็นพระอรหันต์นี่ ไล่อย่างไรก็ไม่จน เพราะพระอรหันต์นี่ปัญญาเกิดจากการปฏิบัติ ไม่ต้องอาศัยหนังสือ เดี๋ยวนี้ปัญญาจะเกิดได้ต้องอาศัยหนังสือก่อน พระสารีบุตรได้ยินเช่นนั้นก็เลยบอกว่า “ท่านจะพูดเรื่องพิสดารทำไม เอาแค่หัวข้อย่อ ๆ ก็พอแล้ว”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระอัสสชิจึงกล่าวว่า “ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระพุทธเจ้าตรัสเหตุของธรรมนั้น”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เพียงเท่านี้ พระสารีบุตรก็เข้าใจทันที แล้วก็สำเร็จพระโสดาบัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นี่เราจะเห็นว่าปัญญาของท่าน แม้แต่ยังไม่เป็นอรหันต์ เพียงฟังธรรมโดยย่อก็เข้าใจทันที และก็สำเร็จพระโสดาปัตติผล ต่อมากลับมาพบพระโมคคัลลาน์ก็บอกว่า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “เวลานี้พบโมกขธรรมแล้ว เจออาจารย์ใหม่ด้วย”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระโมคคัลลาน์ก็ถาม “ธรรมนั้นได้มาอย่างไร:<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระสารีบุตรก็บอกตามนั้น พระโมคคัลลาน์ก็ได้พระโสดาปัตติผลเหมือนกัน นี่เราจะเห็นว่า ปัจจัยที่ได้ถวายพระไตรปิฎกไว้ในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ว่าจะเป็นผู้มีปัญญาเลิศเมื่อเป็นพระอรหันต์แล้ว ถึงแม้ว่าเราเกิดในช่วงต่อ ๆ ไปที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์เพียงใด เราก็เป็นผู้มีปัญญาประเสริฐกว่าบุคคลอื่นเหมือนกัน แต่ทว่าไปโดนคนที่เขาถวายพระไตรปิฎกเหมือนกัน ก็เห็นจะไม่เหลื่อมล้ำกว่ากันแน่ เคยไปเทศน์ชนกัน บางทีเทศน์เรื่องคืบเดียว 3 วันยังไม่จบ เพราะมีข้อไล่กันไปไล่กันมาไม่จบ อย่างนี้ก็พิสูจน์ได้ว่า พวกนี้เขาฝึกฝนปัญญามาด้วยการถวายพระไตรปิฎกในพระศาสนา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นี่เป็นอันว่า การที่ญาติโยมเอาพระไตรปิฎกกับเชิงเทียนมาถวายวัด เชิงเทียนนี่ก็เป็นประทีปโคมไฟ พระไตรปิฎกเป็นตัวปัญญา ฉะนั้น อานิสงส์ที่จะพึงได้ก็คือ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1. ทิพจักขุญาณ<O:p</O:p
    2. ปัญญาเลิศ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับท่านที่เป็นผู้ร่วมรายการด้วยการโมทนา ก็เป็นปัตตานุโมทนามัย เราเป็นคนมีปัญญาไม่ถึงหัวแถว อยู่กลาง ๆ แถวหรือท้าย ๆ แถวก็ได้ พวกที่จะได้ทิพจักขุญาณก็เหมือนกัน บุญใดที่เขาทำแล้วเรายินดีด้วย เรียกว่า ปัตตานุโมทนามัย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ดูตัวอย่างพระนางพิมพา ไม่เคยทำบุญเองเลย พระพุทธเจ้าทำคนเดียว แต่พระนางพิมพาโมทนาตลอดกาล เวลาพระพุทธเจ้าเป็นอรหันต์ พระนางก็เป็นอรหันต์ได้ เพราะปัตตานุโมทนามัยอันนี้เอง.<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    (คัดมาจากหนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับพิเศษ โดยพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง อุทัยธานี)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    (จากหนังสือรวมคำสอนพระสุปฏิปันโน เล่ม 2)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มกราคม 2012
  19. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    ขอร่วมพิมพ์เล่ม 3 ครับ
     
  20. ทำดี99

    ทำดี99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +844
    สาธุ กุศลผู้นำที่ประเสริฐ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...