มีคนชวนไปเที่ยวสวรรค์

เรื่องนี้ถือว่าเล่าสู่กันฟัง นะคะ เพราะทุกวันนี้ก็อยู่คนเดียวเวลามีอะไรก็ไม่รู้จะไปเล่าให้ใครฟัง เพราะถ้าไปเล่าให้ญาติพี่น้องที่ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องอย่างนี้ เขาคงหาว่าเราบ้าเวอร์ แต่ก็อยากจะเล่า ขอใช้กระทู้นี้เป็นที่ระบายหน่อยนะคะ

คือว่าวันก่อนฝัน....อิอิ เล่าเรื่องความฝันน่ะ เป็นฝันแปลกค่ะ ในฝันมีคนมาชวนไปเที่ยวสวรรค์ค่ะ ไม่เห็นหน้าคนชวนได้ยินแต่เสียงเป็นผู้ชาย ความรู้สึกแรกคือผิดหวังนิดหน่อยที่ไม่ชวนไปเที่ยวนรก ถ้าชวนไปเที่ยวนรกก็คงจะดีใจกว่านี้ ที่คิดอย่างนี้คือถ้าได้ไปสวรรค์ คงจะมีแต่สิ่งสวยๆ งามๆ เราก็จะหลง แต่ถ้าไปนรกเราจะได้รู้จักนรกมากขึ้น และเกรงกลัวต่อบาปมากขึ้น

ชายคนนั้น : ไปเที่ยวสวรรค์ไหม
เรา : ไปค่ะ
ชายคนนั้น : ถ้าไปแล้ว บางทีอาจจะไม่ได้กลับมานะ
เรา : ยังยืนยันว่าไปค่ะ (ในใจตอนนั้นก็คิดว่าก็ดี เราจะได้พ้นทุกข์จากการเป็นมนุษย์สักที รู้สึกว่าไม่ได้ห่วงอะไรเลยจะไปอย่างเดียว ไม่มีแม้แต่จะห่วง หรือจะคิดถึงใคร พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง เราก็ไม่ห่วงเลย)

.....ต๊กใจตื่นมาเสียนี่ แม้..เสียดายจัง....
อิอิ ได้แค่นี้ ยังไม่ทันได้ไปสวรรค์กับเขาเลยตื่นเสียละ.....เฮ้อ.....

แต่ถ้าบอกว่าไปแล้วไม่กลับ...แต่ให้ไปเที่ยวนรก ก็...ไม่ไปดีกว่า....

 

เสียงผู้ชายคนนั้นเป็นเสียงของผมหรือเปล่า ^_^
ผมเย้าเล่นนะครับไม่มีอะไร อ่านแล้ว ก็ตลกดี
จะได้ไปสวรรค์แล้วแท้ๆ ไม่น่าตื่นเนอะ 555.
(หรือว่าสวรรค์ เค้าไม่รับ อาจต้องเลยสูงขึ้นไปอีกไหม)

 

ช่วงนี้ ระวังตัวด้วยนะครับ มีสติไตร่ตรองเสมอๆนะครับ

 

เขาคงเห็นว่าหน้าตา ขี้เหร่ แน่ๆเลย ไม่อยากทำให้นางฟ้าแตกตื่น !
เลย เปลียนใจกระทันหัน ขนาดเมืองมนุษย์ยังหาคู่ ไม่ได้เลย
เขากลัวเทวบุตร ตกสวรรค์ เพราะไม่เคยเห็น สับปะหลาดบุก !

( แหย่แรงไป หรือ เปล่าเนี่ย ห้ามโกรธนะ เดียวจะยิ่งทวีความไม่สวยมากขึ้น ตกนรก นะ เออ.) 5555

 

ยังไงก็ขอให้ระวังมากๆนะช่วงนี้
ไม่ค่อยจะดีเท่าไร ตอบรับไป
ส่งเดชแบบนี้ เดี๋ยวจะแย่นะ

 

ชวนไปเที่ยว ต่างหาก ไม่ได้ชวนไปอยู่ด้วย นี้ หว่า !

เราพิจารณาว่าเป็นนิมิตที่ดีนะ คือ อย่างน้อยแสดงว่า
จิตในขณะนั้นเป็น กุศลจิต ผลจึงเกิดเป็นนิมิตร เทพอุปสังหร
และเสียนั้น อาจเป็นญาติเราผู้เสวยวิบากกรรมดีอยู่ก็เป็นได้
ทั้งนี้ น้ำเสียง จะเป็นตัวบอกได้ ถึง ความอบอุ่น,ความมีอำนาจ,
ความมีเมตตาหรือ เสียงดุร้าย เป็นต้น,

น้องหญิงนั้นแหละ รู้เอง ว่า ดีหรือ ไม่ดี จริง ปะ
(นี้พูดเป็นการเป็นงาน นะนี้ !)

 

ถ้านึกถึงเสียงนั้น ดูอบอุ่นค่ะ มีอำนาจ และเป็นห่วง ถ้าเปรียบเป็นญาติพี่น้องก็น่าจะเป็น เหมือน เสียงพี่ชายคุยกับน้องค่ะ ประมาณนี้.....
ทุกวันนี้ ข้าพเจ้าระลึกถึงความตายตลอดค่ะ เรารู้วันเกิด แต่ไม่รู้วันตาย
พูดถึงเรื่องตาย ก่อนหน้านั้นก็รู้สึกว่า จิตออกจากร่าง และ รู้สึกว่าเราตายแล้ว และจิตเราก็บอกว่า อ้าว! ตายแล้วแต่ทำไมไม่เจ็บหล่ะ ตายง่ายจังแฮะ.....แล้วก็ตื่นน่ะ..อิอิ ฝันอีกละ ขอบคุณทุกความห่วงใย จะพยายามมีสตินะคะ ถ้าถึงเวลาต้องตายจริง จะได้มีสติ.......

 

อืม...สหายธรรมเรา ไม่ธรรมดานะนี้ ! หายาก หายาก
สาธุ...ขออนุโมทนาด้วย หากคุณพิจารณาได้ทั้ง 2 อย่าง คือแบบ
อนุโลม กับ ปฎิโลม ก็จะยิ่งเพิ่มความชำนาญในจิต ทวีความชัดเจนยิ่งขึ้น

ไตรลักษณะญาณ+นิพิทาญาณ จะทำให้คุณเข้าถึงความที่จิต เป็นอิสระ
ในขณะทีมีลมหายใจอยู่ในปัจจุบันนั้นเทียว แต่การจะผ่านทุกข์เวทนา
อันแรงกล้าไปได้นี้ ! เป็นปราการด่านสำคัญ อยู่ที่คุณพร้อมแล้วหรือยัง ?

มหาสติ มหาปัญญา ก็ อยู่ ณ จุดนี้เอง "ไม่ใช่แค่ในความฝัน แต่ต้องเป็น
การเห็นที่มีสติตื่นอยู่จริงๆในปัจจุบัน"

ความฝัน นี้ ! มันมี อุปาทานมาก หากไม่
แจ้งในขณะตื่น ความฝันก็เป็นภาพลวงตา ลวงใจหลอกให้ปล่อยวางแบบ
หลอกๆได้

ดังนั้นขอให้คุณนำไปพิจารณาดู เราอาจเป็นกัลยาณมิตรให้
คุณได้ตามวาสนาบารมีที่ได้สั่งสมอบรมมา แต่อาจไม่ดีมาก แต่ขอดีน้อยๆ
ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรดีเลย.

 

ผมก็อยากไปแฮะสวรรค์..ช่วงนี้ยิ่งน้ำท่วมอยู่ด้วยหนีน้ำซักหน่อยก็คงดี..^^

 

หากจะกล่าวเรื่องของนิมิตร (ฝัน) มีอยู่หลายสาเหตุ
เช่น ฝันเพราะธาตุกำเริบ บ้าง, ดี ลม เสมหะ ไม่ปกติจึงเกิดทุกขเวทนา แล้วหลับฝันไป,ฝันเพราะกินมาก จึงนอนมาก บ้าง
ฝันเพราะเทพอุปสังหร หรือ เทพบันดาลให้เป็นไป บ้าง
ฝันเพราะของเก่า(กรรมนิมิตร)ที่เคยเป็นมา เคยสร้าง เคยทำมา เคยได้มา มาปรากฎเป็นนิมิตรฝันบ้าง,ฝันแบบเป็นลางสังหร บอกเหตุ ล้วงหน้า ในอดีต ทั้งของตนเองและผู้อื่น เพราะเคยฝึกจิตมาแต่การก่อน บ้าง,

ในกรณี การถอดกายทิพย์ หรือ ตาทิพย์ อาจไม่นับว่าเป็นความฝัน
ต่างกันตรงที่ มีสติ หรือ ไม่ ในขณะนั้น เพราะสติเป็นธรรมเครื่องตื่นอยู่
ผู้ตื่นอยู่ จะฝันได้ไง !

นอกจากจิตตก "ภวังค์" คือ การก้าวลงสู่ความหลับ
ของธาตุขันธ์โดยปราศจาก สติ หรือ สภาวะที่เรียกว่า ครึ่งหลับ ครึ่งตื่น
ทำจิตให้ก้าวลง สู่ภพ(แดนเกิด) มี อุปาทานมาก(ความยึดมั่นถือมั่น)
มีความปรุงแต่งมาก มีทั้งเรื่องจริง
และเท็จ เป็นเหตุให้จิตเกิด โมหะ(ความหลง) ได้ง่าย (สร้างมโนภาพ วาดสวรรค์วิมาณ นรก ฯลฯ)
ครูบาอาจารย์ จึงไม่ให้ เชื่อถือ แต่ให้ใช้เป็นอุบายในการพัฒนาจิต
ของผู้มีปัญญา.

ทีนี้ เมื่อทราบข้อมูลที่กล่าวไปแล้วในข้างตน ก็ นำมาพิจารณาดู
ว่า ตรงกับ คุณ ในข้อไหน ?

แล้วคำถามต่อไป ควร เชื่อถือ ได้มากน้อยแค่ไหน ? กี่ %

สภาวะธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป เป็นธรรมชาติของโลกธาตุ
ล้วนแล้วแต่มี เจตนา เป็นตัวกำหนด ในเหตุนั้น เรียกว่า "กรรม" ให้ผลเกิดต่างๆกันไป เรียกว่า "วิบากกรรม"หรือ "ผลกรรม"(ดี,ชั่ว) มั่วกันไป เป็น วงจรชีวิต
เรียกว่า "สงสาร หรือ สังสาระจักร" เพราะมีลักษณะวนไปเวียนมา เรียกว่า "วัฎฎะ หรือ วัฎฎะจักร" เพราะมีลักษณะ "ซ่านไปสถิตอยู่" จึงเกิดเป็นภพน้อยภพใหญ่" ตายเกิด เกิดตาย ทั้งหญิง ชาย หมุนเวียนกันอยู่อย่างนี้ หาจุดเริ่มต้น
หาจุดจบไม่ได้,

จะเป็นความฝันหรือความจริง สวรรค์ หรือ นรก เราสร้างเราทำเองทั้งสิ้น จะสำคัญอะไร ในสิ่งสมมุติ ในสิ่งที่เคยมาแล้ว ซ้ำซากจำเจ หน้าเบื่อหน่าย !

เป็นเรื่อง จริง ที่ บุคคลจะไม่เคยฝันเลยว่า ตน ได้บรรลุธรรม ชั้นนั่นชั้นนี้
ได้สำเร็จ เป็น พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์ ถ้าเรายังไม่ถึงธรรม เพราะ
สิ่งเหล่านี้อยู่เหนือจิตใต้สำนึก...

"ปลาหรือจะรู้จักโลกบนบก โลกบนฟ้า"
ปรุงแต่ง ด้นเดา เอาทั้งสิ้น"...!