ทนได้แค่ไหน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย toomdoi, 30 ตุลาคม 2011.

  1. toomdoi

    toomdoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +839
    จะอดทนต่อคำด่า ดูถูกเหยียดหยามได้นานแค่ไหนกันนะ ผมเหนื่อยจัง แต่ก็ไม่ท้อครับ เพราะชาตินี้ผมปราถนาพุทธภูมิ ชาติที่ผ่านมาไม่รู้ว่าปราถนาหรือเปล่า แต่ชาตินี้เหมือนมีสิ่งดลใจให้ปราถนา
     
  2. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    คิดดี พูดดี อย่าลืมปฏิบัติดีด้วย
     
  3. johappy

    johappy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +1
    เป็นกำลังใจให้ครับ

    สู้ๆๆครับอย่าท้อครับ
     
  4. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    อย่าประมาทในชีวิต อดทน และอดทน จนจุดนึงก็จะมีคนเห็นความสำคัญ แต่ก็อย่าประมาท เดี๋ยวก็ต้องตกต่ำอีก ให้อดทนต่อความ ทุกข์และสุข
     
  5. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    อนุโมทนากับความตั้งใจนี้นะขอรับ ขอให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจหวังทุกประการนะขอรับ
     
  6. runo

    runo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +1
    โทสะ คำนี้มันหน้าก่วาจริงๆ เราเองก่อจะอดทน

    พระพุทธเจ้าก่าวว่า

    ถ้าเราดี เขานินทาว่าเลว เราก็ไม่เลวไปตามเขาพูด
    ถ้าเราเลว เขาสรรเสริญว่าดี เราก็ไม่ได้ดีไปตามคำเขาพูด
    เราจะดีหรือเลว อยู่ที่การประพฤติและปฏิบัติเท่านั้น
     
  7. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    ขอนอบน้อมต่อปณิธานอันสูงส่งของท่าน ขอเพียงขณะที่ถูกด่าว่าเหยียดหยามนั้นเราคิดในใจได้ว่า "อดทน ไม่ท้อ" เราก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ปกติเรามักคิดไม่ทันพลาดพลั้งตอบโต้ไปแล้วจึงนึกได้

    สมัยก่อนตนเองก็ถูกว่าอยู่เหมือนกัน ไม่ได้ทำก็ว่าเราทำ เราทำแล้วก็ว่ายังไม่ทำ เราทำได้ก็ว่าทำไม่ได้ ฯลฯ เมื่อก่อนตนเองมักตอบโต้ผู้อื่นไปจนต้องหมางใจกันไปเลยทั้งๆที่เป็นเรื่องเล็กๆน้อย

    ในตอนเริ่มต้นเราจะหักดิบแบบยอมให้ผู้อื่นด่าตามอัธยาศัยโดยไม่ตอบโต้เลยทั้งกายวาจาใจนั้นยากมาก ตนเองเริ่มต้นด้วยการใช้วิธี "ตอบโต้กันเองในใจ" ถูกด่ามาเราก็ชี้แจงไปเลยในใจตนเอง พอชี้แจงเสร็จแล้วก็มานึกดูว่าแล้วเราไปทำอะไรให้เขาเข้าใจผิด ดูในมุมมองของเขาด้วยว่าเขาคิดยังไงจึงมาด่าเรา แล้วเราจะทำอะไรอย่างไรต่อไปดี ตอบโต้ในใจต่อไป 2-3 ชั่วโมง บางทีก็ตอบโต้กันข้ามวันข้ามคืนทีเดียวแต่เราก็ไม่ท้อ ทำจนหาคำตอบที่เรายอมรับได้จริงๆเราจึงหยุด คราวหน้าเขามาด่าอีกเราก็เอาใหม่อีก พิจารณาตอบโต้กันในใจตนเองอีก วิธีนี้ทำแล้วเหนื่อยมากค่ะ เหนื่อยมากกว่าการด่าเขากลับไปเสียอีก แต่นี่คือการใช้สติสอนปัญญาฝึกขันติบารมีควบคู่กับศีลบารมี เราไม่ไปละเมิดทางกายทางวาจากับผู้ใดเราก็รักษาศีลไว้ได้ในระดับหนึ่งและมีขันติเพิ่มขึ้นด้วย

    ทำอย่างนี้บ่อยๆ แล้วเราจะเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเกิดปัญหา เราจะติดนิสัยพิจารณาทั้งตนเองและผู้อื่นก่อนมีปฏิกิริยาตอบโต้ แล้วจะมีวันนึงที่เราโดนด่าเรื่องเดิมๆ ที่พิจารณามาแล้วไม่รู้กี่รอบ พิจารณาจนเบื่อที่จะพิจารณาในใจอีกแล้ว...เมื่อนั้นเราจะได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่คำพูด ไม่ใช่คนที่ด่า แต่เป็นความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นในตัวเรา เมื่อนั้นเราจะเจริญขันติบารมีได้ละเอียดขึ้นในอีกระดับหนึ่ง เป็นขันติต่อความเร่าร้อนภายในตนเองแบบไม่มีผู้อื่นมาเกี่ยวข้อง แล้วเราจะอดทนได้ง่ายกว่าเดิม เราจะไม่มีอารมณ์อยากเบียดเบียนผู้อื่นเป็นการตอบโต้เพราะขณะนั้นไม่มีผู้อื่น มีแต่ตัวเรากับความเร่าร้อนเท่านั้น ในตอนนั้นหากเราสามารถบอกกับตนเองได้เหมือนตอนที่เริ่มต้นฝึกใหม่ๆว่า "อดทน ไม่ท้อ" มันจะจบเร็วกว่าเดิมค่ะ

    วิธีนี้ตนเองเรียกว่าใช้สติ+ปัญญา+ขันติ+ศีลเผากิเลส...เผาแล้วได้บารมีเพิ่มด้วยค่ะ ขอชัยชนะเหนือโทสะจงเป็นของทุกท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2011
  8. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    มีบทสวดมนต์อยู่บทหนึ่งที่ตนเองระลึกได้ตั้งแต่เช้าแล้ว เพิ่งรู้ตอนนี้ว่าควรนำมาโพสต์ไว้ที่นี้ค่ะ
    -------------------------------------------------------
    โพชฌังคปริตร
    (ที่มา http://www.oknation.net/blog/buddhamantra/video/14381)​

    โพชฌังโค สะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา
    (โพชฌงค์ 7 ประการ คือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์)

    วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะ ตะถาปะเร
    (วิริยะสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ )

    สะมาธุเปกขะโพชฌังคา
    (สมาธิสัมโพชฌงค์ และอุเบกขาสัมโพชฌงค์)

    สัตเตเต สัพพะทัสสินา มุนินา สัมมะทักขาตา
    (7ประการเหล่านี้ เป็นธรรมอันพระมุนีเจ้า ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงตรัสไว้ชอบแล้ว)

    ภาวิตา พะหุลีกะตา
    (อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว)

    สังวัตตันติ อะภิญญายะ นิพพานายะ จะ โพธิยา
    (ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน)

    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
    (ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้)

    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    (ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ)
    -------------------------------------------------------

    เมื่อถูกด่า ขั้นแรกเราใช้สติตั้งคำถามกับตนเองก่อนแล้วใช้ปัญญาวิจารณ์หาคำตอบถึงสาเหตุการถูกด่าทั้งในมุมมองของเราและผู้อื่น สิ่งนี้ควรวิริยะพากเพียรกระทำบ่อยๆ เดี๋ยวปีติมาเองเมื่อหาคำตอบที่ตนยอมรับได้แล้ว จากนั้น ปัสสัทธิหรือความสงบจะเกิดตามมาเองตามธรรมชาติเมื่อปิติผ่านไปแล้ว หลังจากนั้นสมาธิหรือความไม่หวั่นไหวต่อคำด่าย่อมบังเกิดแก่เราเองโดยไม่ต้องนั่งขัดสมาธิหรือบริกรรมคำภาวนา และถัดจากนั้นเราย่อมสามารถวางอุเบกขาหรือทำตนเป็นกลางกับการถูกด่าได้เองตามธรรมชาติค่ะ

    ขออนุโมทนากับบทสวดนี้ด้วย ท่านตรัสไว้ชอบแล้ว ข้าพเจ้าขอนอบนอมต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มะ อะ อุ อนุโมทนามิ
     
  9. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    "โพชฌังคปริตร" บทนี้ตนเองได้รู้จักเพราะพระอาจารย์สมัยที่ตนมีโอกาสไปวัดถือศีล 8 บ่อยๆท่านบอกมา สมัยนั้นตนเองกับพี่ๆที่วัดมักจะชวนกันสวดบทนี้ให้พระอาจารย์บ่อยๆเพราะท่านมักปวดเข่าบ้างไม่สบายบ้าง ท่านว่าบทนี้ช่วยเรื่องการอาพาธของพระภิกษุได้ ตนเลยเหมาเอาว่าสวดบทนี้ให้พระอาจารย์แล้วอาการป่วยของท่านคงดีขึ้น

    มานึกดูตอนนี้เริ่มเห็นด้วยแล้วว่า "โพชฌังคปริตร" รักษาโรคได้จริงๆ หากเราสวดมนต์บทนี้ด้วยการกระทำตามโพชฌงค์ทั้ง 7 ประการเริ่มจากสติ....ไปเรื่อยๆ โรคอันเกิดจากโทสะก็สามารถหายได้จริงพิสูจน์แล้วด้วยตนเอง ความสำเร็จจากการสวดบทนี้ด้วยการนำไปใช้จริงเมื่อเกิดโทสะในชีวิตประจำวันก็คือ "อภัยทาน" ซึ่งปรากฎอานิสงค์แก่ผู้ทำให้ "ปราศจากภัย"

    ตนเองศึกษาเรื่องราวของมหายานด้วย หากจำไม่ผิดตนทราบมาว่ามีพุทธเกษตรหนึ่งอยู่ด้านทิศตะวันออกมีพระอักโษภยพุทธะเป็นประมุข เป็นพุทธเกษตรแห่งสัมโภคกายตถาคตและพระโพธิสัตว์ทั้งหลายที่มีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เรียกว่าเป็นพุทธเกษตรแห่งครูหมอครูยาทั้งหลาย ในพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานวิเศษสูตรกล่าวว่าที่พุทธเกษตรแห่งนั้นมีสัมโภคกายตถาคตคณะหนึ่งประกอบไปด้วยตถาคต 7 พระองค์มีพระมหาปณิธานเกี่ยวข้องกับการรักษาโรคของสรรพสัตว์ หนึ่งใน 7 พระองค์นั้นก็คือ "เอี้ยซือฮุก" ในภาษาจีน หรือ "พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต" ในภาษาสันสกฤต หรือ "Sanggye Menla" ในภาษาทิเบต ท่านเป็นผู้ที่มี "อภัยทาน" เป็นเลิศและมีอานุภาพในการ "รักษาโรค" ได้เป็นที่เลื่องลือกันในหมู่ผู้บูชา


    [​IMG]


    สำหรับตนเองแล้วเมื่อสวดบท "โพชฌังคปริตร" ก็จะนึกถึงอานุภาพใน "การรักษาโรค" ของบทนี้ไปพร้อมๆกันกับการระลึกถึง "พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต" ซึ่งมี "อภัยทาน" เป็นเลิศและมีพลานุภาพในการ "รักษาโรคภัย" จากพระมหาบารมีนี้

    ข้าพเจ้าขอถวายบุญกุศลจากบทความนี้ให้พระอาจารย์วัดป่าที่สอนตนเองสวดมนต์หลายๆบท ให้พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตตลอดจนตถาคตทั้งตรีกายตรีกาลในทุกพุทธเกษตร ให้ครูบาอาจารย์บรรพบุรุษ แม่จักรวาลธาตุทั้งหลาย บิดามารดา เทพประจำตัว เทพธรรมบาล ทีมงานร่วมปณิธานทุกท่าน ให้ท่านเจ้าของกระทู้ ตลอดจนสรรพสัตว์สรรพสิ่ง ทุกรูป ทุกนาม ทุกภพ ทุกภูมิ ขอทุกท่านจงมีชัยจากโรคภัยทั้งปวงด้วยการเจริญอภัยทานเทอญ อนุโมทามิ
     
  10. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    จะไปทนทําไมล่ะจ๊ะ

    เเล้วจะไปทนมันทําไมล่ะจ๊ะ

    ก็เเค่คําคน หาใช้ผลของ ใจ ซะเมื่อไร ไปเก็บมาเป็นประเดนของใจเองมิใช้ดอกหรือ เเค่ไม่ไปจับ ไม่ไปข้อง เราก็ไม่ต้องไปทนกับมันเเล้ววววววววว
     

แชร์หน้านี้

Loading...