คาถาปริศนาหลวงปู่สรวง

หลวงปู่สรวงท่านได้ให้คาถากันภัยพิบัติกันน้ำไว้ว่า

"อ้ม เกรอะ เกรอะ เกรอะ เตียงตึ๊ก เกรอะ เกรอะ ตึงได อ้ม
สติสวาหะ"

พระคาถานี้เป็นภาษาเขมรแปลว่า "ลุงคนหนึ่งดื่ม ดื่ม ดื่ม ดื่ม
น้ำเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม จนร่างกายแตกออกเป็นกิ่งก้านสาขาเป็นลำธาร
ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไรเพราะดื่มด้วยสติ"

มีใครพอเข้าใจปริศนาธรรมของคาถานี้ไหมครับ

 

อนุโมทนา สาธุ คิดว่าเข้าใจนะครับ คาถาเป่าน้ำ หลวงปู่ท่านให้ไว้ไม่ให้น้ำท่วมร่างกาย เข้าใจตรง อุม สติสวาหะ ผมเข้าใจว่าท่านเตือนให้เรามีสติครับ

 

ความดีคับ ความดี ทำเท่าไหร่ก็ไม่มีเต็ม ยิ่งทำ ยิ่งดี

 

คำตอบของทั้งสองท่านน่าคิดนะครับ สงสัยตรงร่างกายแตกนี่แหละ

 

สงสัยต้องไปถาม พระท่านที่เป็นร่างญานของหลวงปู่สรวงที่ สำนักธรรม บายตึ๊กเจียคับ.....หลวงปู่น่าจะรู้ ไว้ไปหาหลวงปู่อีก จะถามมาให้ครับ

 

ไม่ได้เข้าใจนะคะ
แต่ถ้าให้ตีความเองก็เข้าใจว่า

ดื่มเท่าไรก็ไม่อิ่ม: คือ เวลาอะไรมากระทบก็รู้เฉยๆ มีสติตื่นรู้
ไม่ปรุงแต่ง รู้แต่ปัจจุบันขณะ ไม่คิดล่วงหน้า อะไรผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
ไม่เก็บกักไว้ เหมือนเรือที่วิ่งไปบนน้ำ เจออะไรก็รู้ แต่ไม่รับไว้ให้หนัก
เรือจะจมเอา
ร่างกาย แตกออกเป็นกิ่งก้านสาขาเป็นลำธาร ก็คือ ร่างกายเรา สักวันหนึ่ง
ก็ต้องตาย ทับถม แตกสลาย เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ หรือ อะไร ก็ตามแต่จะ
แยกแยะให้ละเอียดลงไป

 

ขอบคุณครับ ฝากถามด้วยนะครับ

 

คำตอบคุณ 0077 ก็น่าคิดครับ ไม่รู้หลวงปู่ท่านตั้งไว้ลึกซึ้งขนาดไหน

 

แต่ผมทราบมานะครับ
เห็นหลวงปู่ท่านกล่าวว่าน้ำจะท่วมใหญ่ เกิดภัยพิบัติ
ท่านเลยมอบคาถานี้ให้ไว้ครับพี่ๆ
"อ้ม เกรอะ เกรอะ เกรอะ เตียงตึ๊ก เกรอะ เกรอะ ตึงได อ้ม
สติสวาหะ"

ท่านคงสงสารสัตว์โลกที่พอมีบุญได้คาถานี้ไป

 

หลวงปู่ให้คาถาไว้ เป็นปริศนาธรรม ถึงน้ำจะท่วมมากมายอย่างไร ให้ทุกคนมีสติ จะรอดปลอดภัยคะ อย่าขาดสติคะ บุญรักษาคะ

 

ความหมายที่แท้จริงคือ
อ้ม เกรอะ เกรอะ เกรอะ เตียงตึ๊ก เกรอะ เกรอะ ตึงได อ้ม
สติสวาหะ
ครับ ไม่มีไรต้องคิดมาก ขำ ขำ ครับ โมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
ความจริงเล่นดินกันบ้างก็ดีน่ะ ใช้ดินเล่นดิน

 

คนเขมรสุรินทร์

แปลไม่ออกเลยคับ
ไม่เข้าใจคำว่าเกรอะ
คำว่าดืมพูดว่า เผอะ

 

คำว่าภัยพิบัิติ ตามความคิดของผมน่าจะเป็นภัยพิบัิติอันเกิดจากตนเอง ภัยพิบัติทางจิตใจ

"ลุงคนหนึ่งดื่ม ดื่ม ดื่ม ดื่ม
น้ำเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม จนร่างกายแตกออกเป็นกิ่งก้านสาขาเป็นลำธาร
ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไรเพราะดื่มด้วยสติ"

น่าจะเปรียบเสมือนการทำความดี การทำความดี ทำดีตรงจุด ทำดีอย่างมีสติ ทำดีแบบแก่นแท้แห่งความดี ยิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งเยอะยิ่งดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็ทวีคูณ ต่างจากการทำดีเพียงแค่ผิวเผินทำดีแต่ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ดีจริง เพราะนอกจากขาดทุนแล้ว ยังบั่นทอนจิตให้ท้อถอย อีก....

 

เรืองแสงเลยนะครูตุ๊ .... จากน้อยกร ศิษย์ ดร.

 

"ลุงคนหนึ่งดื่ม ดื่ม ดื่ม ดื่ม น้ำเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม
จนร่างกายแตกออกเป็นกิ่งก้านสาขาเป็นลำธาร
ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไรเพราะดื่มด้วยสติ"

ความหมายในความคิดของข้าพเจ้า

บุคคลผู้ซึ่งทำความดี ทำดี ทำดี ไปเรื่อยๆ ทำอย่างไม่รู้จักหยุด ทำไม่เลือกที่รักมักที่ชัง

เผื่อแผ่ความดี ด้วยการช่วยเหลือผู้อื่น เพราะทำความดีอย่างมีสติ

ถ้าเปรียบหลักธรรมของพระพุทธองค์ คือ การเจริญพรหมวิหาร 4




น้ำท่วม มีเภทภัย จงครองตนอย่างมีสติ ช่วยตัวเอง ช่วยเหลือผู้อื่น
บริหารธรรม บริหารใจ

 

คนเล่นคาถาจะทราบดีว่า อย่าไปแปลตัวคาถา เพราะคาถานั้นจะไม่สัมฤทธิ์ผล เพราะพะวงกับคำแปล

 

คา่ถาเขาไม่ให้แปลครับเขาให้สวดเป้นสมาธิ

 

พอจะแยกแปลเป็นคำ ๆ ได้ไหมครับ
สังเกตว่า คำว่าเกรอะ ถ้าแปลว่าดื่มน้ำ
คำเขมร มี 3+2 คำ แต่ตอนแปล คำว่าดื่ม มีเพียง 4 คำ ,
จะนับเฉพาะส่วนแรก ก็ได้แค่ 3 ถ้ารวมเกรอะ ส่วนหลังก็เป็น 5
จำนวนคำเดียวกัน ต้นฉบับกับคำที่แปลแล้วไม่ตรงกันเลย

1. อ้ม
2. เกรอะ
3. เตียงตึ๊ก
4. ตึงได
5. สติสวาหะ

ถ้าแปลแยกคำ และรู้รูปแบบการเรียงประโยค
ก็จะแปลได้ตรงมากขึ้น
ซึ่งน่าจะดีต่อการถอดความหมาย

 

เกรอะ แปลว่าตื่นไม่ใช่เหลอ เตียงแปลว่าดึง ตึ๊ก แปลว่าน้ำ ตึง/ตอง แปลว่า ทั้ง หรือ ทั้งหมด ได แปลว่ามือ สติสวาหะ อันนี้ไม่รู้ก็คงจะแปลว่าให้มีสติมั้ง
ทั้งหมดน่าจะแปลว่า ลุง ตื่นๆ มาดึงน้ำหน่อย เอามือทั้งหมดมาช่วยดึงน้ำอย่างมีสติ รวมๆแล้วเหมือนเป็นการเรียกคนๆหนึ่งที่หลับอยู่ให้ลุกขึ้นมาดึงน้ำออกน่ะค่ะ เพราะท่านเคยทำนายว่าจะเกิดน้ำท่วม คิดว่าไม่น่าจะเป็นปริศนาอะไรมากมายหรอก ไม่เหมือนที่ท่านให้พิจารณาขัน 5 ไปดูที่วัดเถอะ จัดหมากพลูเป็นชุดขัน 5 คนไปไหว้ไม่รู้ว่าได้พิจารณาสิ่งที่ท่านบอกไว้หรือเปล่า

 

ลุงตื่นมาดึงน้ำ

ผมชอบ คำแปลคำนี้นะอย่างที่รู้ว่าหลวงปู่ท่านมีประวัติ ตายแล้วฟืนอยู่บ่อยๆ อ้ม เกรอะ เกรอะ เกรอะ เตียงตึ๊ก เกรอะ เกรอะ ตึงได อ้ม เหมือนท่านบอกให้เรียกท่านมาช่วยหรือปลุกให้ตื่น ลุงตื่นๆๆๆมาดึงน้ำ อะไรประมาณนี้ ส่วน สติสวาหะ นี่น่าจะเป็นคาถาเรียกท่านให้ตื่นขึ้น หรือมีสติขึ้นเนื่องจากท่านนิพานอยู่