มีกิจกรรมทางเพศก่อนนั่งสมาธิบาปหรือบุญ

ไม่ได้ลามกนะครับ

โดยปกติคนสวดมนต์นั่งสมาธิมักจะมีห้องพระไว้ในบ้าน

แต่ผมมาทำงานและอยู่หอพักที่ทำงานเพราะมันไกลบ้าน

คือแบบอยู่หอพัก ลักษณะแบบห้องไม่กว้าง และมีห้องเดียว

(คือไม่มีแบ่งห้องนอน ห้องโถง) เพราะฉะนั้นในห้องก็มีแค่ตู้ผ้ากะเตียงนอน

และถ้าเกิดเราทำกิจกรรมทางเพศ(กับภรรยา) บนเตียง แล้วพอจะนอนก็สวด

มนต์ไหว้พระ ทำสมาธิซักหน่อย (บนเตียงเดิม) โดยนั่งไหว้พระหันหน้าไปทาง

หัวนอน จะพอไหวไหมครับ

คือถือศีล 5 ครับ ดำเนินชีวิตแบบปุถุชนปกติ

ที่ผมกังวลก็คือการทำพิธีกรรมบริสุทธ์ในพื้นที่ไม่บริสุทธ์นั้นเกรงว่าจะบาป

เพราะเห็นบางคนมีห้องพระ ต้องนั่งบนอาสนะ พระพุทธรูปต้องอยู่บนโต๊ะหมู่บูชา ห้ามส่งเสียงดัง ให้คลานเข้ามาในห้องพระ ฯลฯ ซึ่งตอนอยู่บ้านผมก็ปฏิบัติเช่นนั้น แต่ตอนอยู่หอก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะมันมีแค่ห้องเดียว

ส่วนการมีความสัมพันธ์ทางเพศนั้นผมก็เว้นห่างไปพอสมควรก่อนที่จะสวดมนต์ไหว้ พระ เพื่อให้ใจห่างออกจากกามไปซักระยะ นั้นคือหลังมีเพศสัมพันธือาจจะ อาบน้ำ ทำนู่นทำนี่ หรือนอนคุยเรื่องงาน ก่อนจะดับไฟหลับจึงค่อยไหว้พระสวดมนต์ จึงไม่เกิดราคะจิตขึ้นในขณะสวดมนต์ นั่งสมาธิแต่อย่างใด และไม่ได้ทำเป็นนิสัย ถ้ากลับบ้านก็อีกอย่างหนึ่ง

ตอนแรกผมก็คิดว่าไม่เป็นไร แต่รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยเพราะรู้สึกไม่บริสุทธ์ผุดผ่องเพราะใช้สถานที่ พิ้นที่เดียวกันในการทำสิ่งที่ตรงข้ามกับการเจริญภาวนา แต่ได้ฟังคำตอบเเล้วค่อยสบายใจว่าไม่เป็นปัญหา

ตอนนี้กำลังหัดฝึกสมาธิอยู่ครับ กะจะฝึกแบบอานาปานสติ เพื่อให้ชีวิตประจำวันและหน้าที่การงานดีขึ้น เพราะผมค่อยข้างฟุ้งซ่าน ขี้หลงขี้ลืม ชอบจมอยู่กับความคิดแบบไร้แก่นสาร คือคิดเรื่องนู้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง สติจึงไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่นัก ส่งผลให้ทำงานได้ไม่ดี เพราะความจำไม่ดีนักบวกกับใช้เวลาคิดหรือฝันกลางวันมากกว่าทำงานจริง จึงอยากฝึกไว้น่ะครับ ตอนนี้ไม่พัฒนาเท่าไหร่เลย ใจยังวอกแวกอยู่เหมือนเดิม แต่คิดว่าทำไปเรื่อยให้สม่ำเสมอเริ่มดีขึ้นเองแหละครับ

ขออนุโมทนา สาธุทุกท่านที่โปรดชี้แนะครับ



ปล. ในบ้านไม่มีพระอ่ะนะ เวลาไหว้ก็ไหวเฉยๆไม่ใช้ ธูป เทียน

 

ดิฉันไม่ใช่ผู้รู้หรือผู้เก่งกาจอะไร เป็นเค่ปุถุชนคนธรรมดา สิ่งที่ดิฉันเขียนอาจไม่ถูกต้องหรืออะไรก็แล้วแต่ เป็นเพียงความคิดเห็นของดิฉันนะคะ ดิฉันคิดว่าถ้าเรามีจิตที่บริสุทธิและตั้งมั่น ตั้งใจที่จะสวดมนต์และฝึกกรรมฐานอยู่นั้น ดิฉันคิดว่าไม่บาปหรอกค่ะ มันอยู่ที่จิตและเจตนาของเรา กายนี้เป็นเพียงกายที่จิตเราอาศัยอยู่ชั่วคราว กายนี้ก็เป็นไปตามธรรมชาติของมันที่ยังมีกิเลศ ที่ยังติดในกามตัณหาต่างๆ เป็นธรรมชาติของการดำรงชีวิตของมันค่ะ กายหยาบก็ดำเนินหน้าที่ของมันไปตามภาระทางโลก หากแต่เราต้องรู้จิตรู้ใจของเราเสมอค่ะว่าเรามีเจตนาอะไร

 

ยังไหวอยู่ครับ ไม่เป็นไรนะครับ

ยังไงก็ยังเป็นภรรยาของตัวเอง ไม่ผิดศีล

กราบพระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ได้บุญ

ไหวนะไหว

 

ขอบคุณมากครับ ผมก็คิดว่าพอไหว ถึงจะทำใจไม่บริสุทธ์ 100% แต่ก็ยังดีกว่าไม่สวดไม่นั่งเลยครับ

 

กิจกรรมอันพอประมาณ ถ้าไม่เสพจนติดและไม่ผิดจารีตก็น่าจะพอไหวครับสำหรับผู้ครองเรือน

 

ไม่ผิดหรอกครับ พิจารณาธรรมไปด้วยยิ่งดี ผมเคยอยากลองนอนกับผู้หญิงครั้งแรก อยากรู้ว่ามันมีความสุขแค่ไหน เพื่อนพาไปเที่ยว พอไปนอนกับผู้หญิงจริงๆ กรรมฐานที่เราเคยฝึก
มันขึ้นมาสอนเรา มันมีแค่นี้หรือ ที่เราเทียวเกิดเทียวตาย เหมือนพุทธเจ้าท่านบอกว่าก้อนเนื้อฝ่าซีก เราก็ทำแต่ใจมันไม่รู้สึก มันเฉยๆ ว่ามีความสุข หรือความเสียวตรงไหน จนผู้หญิงเขาบอกว่าพอ และเราก็ไม่เสร็จ กลับมาบ้าน เดินจงกรมคนเดียว ถามตัวเองว่านี่หรือที่เราเทียวเกิดเทียวตายไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ กรรมฐานที่เคยฝึกอสุภะก็ขึ้นมา สอนเราอีก
แต่ใจก็ไม่ได้เข้าถึงธรรมอะไร มาสงสัยตัวเอง เออหรือเราจะเป็นพวกประเภทตายด้าน ไม่มีความรู้สึกทางเพศ ไม่กล้าจีบใคร ไม่กล้ามีเมีย กลัวว่าเราจะไม่สามารถให้ความต้องการเขาได้...........

 

อย่าลืมขอขมาต่อพระรัตนตรัยครับ เพราะอาจเป็นการกระทำล่วงเกินหรือเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นผลทำให้คุณเลนิน ปฏิบัติได้ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรจะเป็น และถ้ามีโอกาสผมอยากแนะนำให้นำดอกไม้ธูปเทียนมาสวดขอขมาต่อพระรัตนตรัยบ้างครับ

คำขอขมาพระรัตนตรัย
(ตั้งนะโม 3 จบ)​

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ
( ถ้าหลายคนว่า...ขะมะตุ โน ภันเต, ......อุกาสะ ขะมามะ ภันเต ฯ )
​

กรรมใดที่ข้าพเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกาย วาจา หรือใจก็ดี และด้วยเจตนา หรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ.

 

สาธุ กับทุกท่านที่มาให้ความคิดเห็นครับ ผมเองก็สงสัยมานาน กระจ่างเลยครับ

 

บาป หรือ บุญ อยู่ที่คุณคิดไปเอง ซึ่งบาป และ บุญ ส่งผลทางด้านจิตใจ เป็นอย่างมาก

แต่ส่งผลทางร่างกายเป็นส่วนน้อย หากจะประมาณให้เห็นด้วยตัวเลข คงจะ 70-30ครับ

แต่การที่คุณมีใจในการปฎิบัติ ย่อมดีกว่าที่ไม่ปฎิบัติครับ เพราะการปฎิบัติยิ่งปฎิบัติมาก

จิตใจคุณก็จะเย็นลงมากขึ้น เข้าใจในเหตุผลมากขึ้น และ เรื่องกามรมณ์ เป็นสิ่งที่ห้ามได้ยาก

คุณลองมองดู พระโสดาบัน ยังตัดเรื่องกามไม่ได้เลย แล้วปุถุชนจะตัดได้หรือครับ

หากยังคอยเฝ้าถามตัวเองในเรื่องการจับผิดในการกระทำอยู่ อาจจะทำให้เกิดการท้อแท้

จนเลิกปฎิบัติได้ครับ ดั่งคนที่ปฎิบัติ แล้วเลิกไปด้วยเหตุนี้ก็มีมากครับ ตรองดูครับ

 

สาธุครับ

 

ขณะนั่งสมาธิคิดถึงกิจกรรมนั้นหรือเปล่าครับ ถ้าคิดก็แสดงว่าติดอยู่ในกิเลสกามอยู่ครับ ก็จะไม่ก้าวหน้านะครับ แต่ถ้านั่งสมาธิแล้วไม่คิดถึงเรื่องนั้นก็แสดงว่าไม่มีผลต่อปฐมฌานครับ แต่จะมีผลในลำดับฌานที่สูงขึ้นไปครับ

ขอให้ใช้สติในการทำสมาธิครับ

 

แยกกันให้ชัดครับ..ไม่เกี่ยวกันเลยทั้ง2 เรือ่ง ..แต่ผลที่เกิดต่อเนื่องมันมีครับ กล่าวคือ
การมีเพศสัมพันธ์ ก่อนที่จะมานั่งสมาธินั้น จะทำให้จิตคุณสงบมาก กว่าปกติ เพราะคุณได้ปลดปล่อยทั้งทางกายและจิต ออกไป..
..ในประเทศอินเดียมีนิกายหนึ่งเรียกว่า ตันตระ..น่าจะใช่ครับ ใช้วิธีเสพกามก่อน รอผู้รู้มาตอบ ดีกว่าผมจำไม่ได้ชัดครับ แต่ปัญหาของคุณที่ต้องระวังคือ
คุณ อย่าติดวิธีการนี้..คือต้องมีเพศสัมพันธ์ก่อนเสมอ..อย่าติดนะครับ กาม กับ โกรธ เขาคู่กันเสมอ แยกมิออกเลยครับ เราปฏิบัติธรรมเพื่อ ออกจากกามครับเป็นสัมมาทิฏฐิ..ในเบื้องต้นของการปฏิบัติครับ อนุโมทนาครับ

 

...ต่างกรรม ต่างวาระ..../คนละเรื่อง

..กิจกรรมทางเพศ เป็นเรื่องของ ปุถุชน ทำไปแล้ว มันจบไปแล้ว

..การนั่งสมาธิ เป็นเรื่องของ สาธุชน ทำเมื่อไร ก็เมื่อนั้น เป็นปัจจุบันเสมอ

...คนละเรื่อง/คนละเวลา

ปุถุชน =คนธรรมดาผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส

สาธุชน =กัลยาณชน ผู้ดำรงมั่นคงอยู่ในกัลยาณธรรม คือ เบญจศีลและเบญจธรรม

 

ได้ความรู้ความเข้าใจมากขึ้นเลยครับ

ขออุโมทนา สาธุ กับทุกท่านครับ......

 

สาธุกับข้อความของท่านครับ

 

ทำกิจกรรม ก้อมีสติ กำหนดรู้ซิพิจารณาไป วันหนึ่งก้อเห็นแจ้งเอง ตอนนี้ก้อเหมือนเด็กติดตุ๊กตา สติเจริญมากขึ้น ก้อละเองแหละ

 

ขอบคุณค่ะ ที่ทำให้ได้ความรู้ใหม่ +.+

 

ก็ไม่ผิดอะไรนี่ครับ ก็ อยู่ในศีล 5 พอใจแค่ภรรยาตน แค่ศีล 5 ก็ เป็นพระโสดาบันได้ แต่ถ้าทำ สมาธิ สวดมนต์ มันมีผลตรงที่ พอหลับตาปุ๊บ ก็เห็นแต่ราคะ ตัญหา เห็นแต่ผู้หญิงเต็มไปหมด มันจะสงบ ลงสมาธิได้ยาก เพราะจิตมัน เก็บอารมณ์ ราคะ อันเดิม ๆ อยู่ กว่ามันจะคลาย ราคะ ออก มันต้องใช้เวลา สมาธิจึงสับส่ายไม่อยู่นิ่ง

วันไหนตั้งใจปฏิบัติ ไม่ยุ่งกับราคะ มันจะสงบได้เร็วเป็นพิเศษ
เพราะจิตไม่หมกมุ่น :boo:
​

 

สาธุ สาธุ สาธุ ครับ กระจ่างแล้วครับ

 

ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ บาปกับบุญอยู่ที่เจตนา เจตนาดีก็เป็นบุญเจตนาไม่ดีก็เป็นบาป ไม่ใส่เจตนาสักแต่ว่าทำ ก็นิพพาน เรื่องมีเพศสัมพันธ์แล้วก่อนนอนสวดมนต์นั่งสมาธิ ไม่บาปหรอกครับแต่ว่าถ้าเรามาทำสมาธิระหว่างนั่งมันจะมีนิวรณ์เข้ามารบกวน เช่นอาจมีภาพตอนที่มีเพศสัมพันธ์เข้ามารบกวน การทำสมาธิจุดประสงค์ก็คือเพื่อละกิเลส ถ้าเราเติมเต็มกิเลสมาก่อนด้วยการมีเพศสัมพันธ์แล้วมานั่งสมาธิทีหลังผลก็จะได้ไม่ดีเท่าที่ควร อันนี้เล่าให้ฟังเพื่อพิจารณาดูเพราะทุกครั้งที่เราทำอะไรมันก็มีผลเกิดขึ้นตามมาทั้งดีและไม่ดีแต่จะขอเตือนว่าควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กันช่วงวันพระกับวันโกนเท่านี้ล่ะครับ