สำนักพระพุทธเล็งลงดาบพระเกษม

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 21 กันยายน 2011.

  1. ยุทตโต

    ยุทตโต สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +2
    ขนาดมีใครเค้าว่าอยากดัง ...........ยังเป็นได้ถึงขนาดนี้ ตอบโต้ขนาดนี้
     
  2. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,354
    ปร้าดดดด...สิโธ่

    ข่าว18+นะเนีย...
     
  3. Angel_Of_Dream

    Angel_Of_Dream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +134
    อริยะตรงไหน
    อย่าโพสให้คนเข้าใจ
    คิดว่านี่คือการกระทำ
    ที่ถูกต้องหรือสมควร
    มีที่ไปเป็นนรกภูมิ
     
  4. Angel_Of_Dream

    Angel_Of_Dream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +134
    ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ
    แก่บุตรหลานของท่าน
     
  5. Bill PEA31

    Bill PEA31 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +417
    ขอถามนะครับ ผิดในศีล227ข้อหรือเปล่าครับ ถ้าผิดก็มีนรกรออยู่แน่ครับ และยังอาจทำให้ผิดข้อสำคัญคือสงฆ์แตกแยก สังคมแตกแยก ข้อนี้ยิ่งหนัก
    การสอน เป็นเพียงการชีให้เห็นผลและเหตุเท่านั้น ถ้าสัตว์ไม่เห็นนั้นเป็นกรรมของสัตว์
    ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ท่านต้องแสดงอาการเช่นนี้
    เหมือนดั่งสอนเด็กว่า กิริยาวาจาเช่นนี้ไม่ดีไม่สุภาพแต่เราเป็นผู้ใหญ่ปฏิบัติเองจะเป็นอย่างไร
    แล้วนี้ท่านเป็นถึง..........สมควรหรือที่สอนและปฏิบัติเช่นนี้
    และถ้าเป็นอริยะจริงท่านคงเข้าป่าไปแล้ว เพราะการที่ประพฤติเช่นนี้ ถ้าอยู่อย่างนี้มันจะเป็นบาปกับโยมทั้งหลายที่ปรามาสท่าน (เช่น ปู่ฤาษีลิงขาว ที่อยู่ในชุมชนไม่ได้ด้วยนิสัยท่าน อาจทำให้โยมลงนรกได้เพราะปรามาสท่าน)
    แต่ท่านอาจไม่ทราบก็ได้ ใครเป็นลูกศิษย์ของท่านหากมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ก็ขอให้บอกท่านด้วยนะครับ สงสารคนที่เค้าไม่รู้และกำลังปรามาสท่านอยู่
    ทำอะไร ฟ้ารู้ ดินเห็น ไม่มีใครเหนือกรรม<!-- google_ad_section_end -->
     
  6. Angel_Of_Dream

    Angel_Of_Dream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +134
    ๓. สังฆาภิถุติ)



    [SIZE=+1](หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติง กะโรมะ เส.)[/SIZE]




    <HR width="15%">




      • <DL><DT>[SIZE=+1]โย โส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นหมู่ใด, ปฏิบัติดีแล้ว ; [/SIZE]<DT>[SIZE=+1]อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด, ปฏิบัติตรงแล้ว ; [/SIZE]<DT>[SIZE=+1]ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, [/SIZE]<DD>สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด, ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว ; <DT>[SIZE=+1]สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด, ปฏิบัติสมควรแล้ว ; [/SIZE]<DT>[SIZE=+1]ยะทิทัง, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ : [/SIZE]<DT>[SIZE=+1]จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่, นับเรียงตัวบุรุษ ได้ ๘ บุรุษ ;[/SIZE] <DT>[SIZE=+1]เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ; [/SIZE]<DT>[SIZE=+1]อาหุเนยโย, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา ; [/SIZE]<DT>[SIZE=+1]ปาหุเนยโย, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ ; [/SIZE]<DT>[SIZE=+1]ทักขิเณยโย, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]เป็นสงฆ์ควรรับทักษิณาทาน ; [/SIZE]<DT>[SIZE=+1]อัญชะลิกะระณีโย, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]เป็นสงฆ์ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี ;[/SIZE] <DT>[SIZE=+1]อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]เป็นเนื้อนาบุญของโลก, ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ; [/SIZE]<DT>[SIZE=+1]ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระสงฆ์หมู่นั้น ; [/SIZE]<DT>[SIZE=+1]ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ, [/SIZE]<DD>[SIZE=+1]ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์หมู่นั้นด้วยเศียรเกล้า ; [/SIZE]</DD></DL>
    ไม่ใช่สักแต่ว่าเป็นพระ
    นุ่งเหลืองห่มเหลือง
    ก็ไหว้ๆไป ว่าก็ไม่ได้
    ในบทสวดมนต์แปล
    ก็บอกเอาไว้อยู่แล้ว
    เราชาวพุทธเลือกได้
    ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระสงฆ์หมู่นั้น

    คนไหนมันเป็นเหลือบไร
    ของพระพุทธศาสนา
    ก็เอามันออกไป
    ควรประกาศให้ทราบ
    ว่ามันเลวยังไงชั่วยังไง
    ไม่ใช่มาหมกเม็ด
    ปล่อยให้มันเป็นบ่อน
    ทำลายพระพุทธศาสนา
    สอนผิด ๆ นี่มันชั่วยิ่งกว่า
    พระเสพยาอีกนะ
    พระเสพยามันยังแอบทำ
    ผิดยิ่งกว่าพระมีสีกา
    เพราะว่ามันสอนบิดเบือน
    จากพระธรรมคำสอน
    ดูหมิ่นพระพุทธรูป
    ซึ่งเป็นที่กราบไหว้
    ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์
    ของชาวพุทธทุกนิกาย
    ดูหมิ่นอาหารซึ่งคน
    นำมาถวายแด่พระพุทธเจ้า
    ก่อนมันจะแดกข้าว
    วัดของมันต้องขอจากพระพุทธเจ้าไหม
    มันเอาตีนขึ้นไปเหยียบบนโต๊ะอาหาร
    มันถุยน้ำลายใส่พื้นศาลา
    ที่พุทธศาสนิกชนสร้างขึ้น
    เพื่อเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จ
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ไอ้คนที่มันเคยสร้างให้วัดไป
    พระที่มันไหว้ถุยน้ำลาย
    เห็นมันเป็นแค่สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง
    พวกที่ไปทำบุญกับมัน
    มันเรียกคนเหล่านั้นว่า"ไอ้สัตว์นรก"
     
  7. ชัย2513

    ชัย2513 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +68
    :mad: เสียใจครับ จุกที่ใจพูดไม่ออกเลย...เฮ้อ:'(
     
  8. aces

    aces เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +587
    ศาลอาจยกฟ้องครับ
    แต่นรกคงจะไม่
    กฎหมายที่ไหนหรือจะสู้ กฎของกรรม
     
  9. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    อริย ท่านก็มีอริยประเพณี มิใช่หรือ?
    .............................................
    การกราบพระพุทธรูป
    เบื้องต้นเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย...
    แล้วโน้มนำพระธรรมมาปฏิบัติบูชา...
    อุปมา
    กับการกราบรูปเคารพมารดา-บิดา เพื่อระลึกถึงคุณความดีของท่าน
    หามิได้กราบกระดาษ..แลกระดาษก็หามิได้เป็นบิดามารดาไม่ โดยนัยเดียวกัน...หรือท่านว่ากระไร?
    ..........................
    การกระทำใดเป็นไปเพื่อความมักน้อย,สันโดษ,สลัดคืน,ปล่อย,วิญญูชนไม่ติเตียน....ข้อนี้ท่านว่ากระไร....เป็นการกระทำของอริยชนได้หรือไม่หนอ
    ......................................
    การทำลายข้าวของที่ของให้มาด้วยศรัทธา...เช่นอาหาร,อาหารเครื่องใช้,พระพุทธรูป,สถูปเจดีย์...แม้การกระทำเช่นนี้ยังจะเป็นคำสอนใดได้อีก....สัญญา,อุปทาน ทั้งหลายละกันง่ายๆด้วยการทำลาย
    เพื่อไม่ให้ยึดมั่น...หรือด้วยความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งภายในจิตล่ะ....ขอรับท่าน?
    ...........เชิญท่านว่ามา...........bamrung.....?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2011
  10. ชาญบูรณ์

    ชาญบูรณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +5
    อริยะสงฆ์คือตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปนะครับ สังโยชน์๓ ต้องละได้เป็นพื้นอยู่แล้ว...ครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานในประเทศไทยก็ไม่เห็นว่ามีองค์ไหนทำาเป็นไปได้ขนาดนี้ครับ ตั้งแต่เรื่องเหยียบฐาน ตบพระพักตร์ของพระพุทธรูป...ตามเวรตามกรรมของใครของมันเด้อครับ
     
  11. ก้าวธรรม

    ก้าวธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +155
    เมื่อจิตบริสุทธิ์ พฤติกรรมย่อมบริสุทธิ์แยบคายตาม

    สาธุ
     
  12. Thungthing

    Thungthing Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +69
    ตามการสะสม...ตามกฎอนิจจัง
     
  13. สยามสามดี

    สยามสามดี สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +3
    ได้ดูเวปหลวงพ่อเกษม แล้ว..ทำให้คิดได้ 2 มาตรฐาน กับคำว่า คน และมนุษย์ ตาม คำศัพท์ คำว่า คน หมายถึง สิ่งที่คละเคล้าให้เข้ากัน ถ้าคละเคล้ากับเขาไม่ได้ ก็ถูกเรียกว่าสิ่งแตกต่างออกไปแต่ไม่ใช่มนุษย์.. คำว่า มนุษย์ คือ สัตว์ประเสริฐ ทางความคิดและ การปฎิบัติ แต่บนโลกใบนี้ น้อยคนนักที่่จะเป็น มนุษย์
    -เราขอมองเป็นกลาง ดังนี้..
    1.คำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ในพระไตรฯซึ่งพระทุกองค์ ก็ต้องอ้างคำนี้ด้วยกัน แต่
    ใครจะใช้นำไปใช้วิธิไหน แบบไหน ให้ใครเป็นคนดีได้มากกว่ากัน..
    2. พระเกษม ท่านนำมาสอนแบบตรงไปตรงว่าใช้วาจา แตกต่างจะพระรูปอื่น ๆ
    อย่างมากโข ทำให้มองว่าเป็นผู้ผิด(ในสมัย โบราณไม่ว่ายุคไหน คำว่า ข้า เอง กู มึง คือ คำที่ใช้ในการสื่สาร ใช่หรือไม่)
    3. การมองคน ให้มองที่ การกระทำ ในทางปฎิบัติ พระองค์นี้ สอนคนไม่ให้ยึดติดกับสิ่งของทุกอย่าง แต่พระบางรูปที่ ทำพระเครื่องออกมาจำหน่าย ในราคาแพง และนำเงินพวกนั้นไปใช้ประโยชน์อะไรกัน สิ่งที่เห็นคือ นำมาสร้างวัตถุเพื่อความเจริญของวันนั้น เป็นสะส่วนใหญ่ ในทางกับกัน คนที่จนในต่างจังหวัด และในกทม. ถามว่าทำไมไม่นำเงินตรงนี้ไปสร้างวิชาความรู้ อย่างพระพยอม ที่กระทำอยู่ในปัจจุบันนี้...แต่พระพยอม ถูกมองว่า เป็นพระไม่ดี พูดจาไม่ไพเราะ..แต่การกระทำ นั้นยิ่งใหญ่ กว่าพระที่ มียศมีคำสอน แต่ตัวเองปฎิบัติไม่ได้..คนส่วนมากชอบ เสียด้วยซิ อย่างยันตระ นิกร อีกมากมาย..(การมองคนต้องมองให้ลึก มองทั้งข้อดีและ ข้อเสีย ..บางคนทำดีมาทั้งชวิต ผิดนิดหน่อย ก็ถูกมองว่าเป็นเลว ไปหมด ทำไมความดีเค้า ไม่มีเลยเหรอ อย่าทำตัว เป็นคนสมองสั้น กันไปเลย มองอะไรต้องมอง หลายๆๆด้าน)
    4. พระพุทธรูป ซึ่งเป็นตัวแทนพระองค์ รูปแบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้ ออกแบบโดยชาวกรีกคนหนึ่งซึ่ง เคารพในคำสอน นั้นก็คือ พระไตรฯ พระพุทธรูป มีใครบาง ที่จะพิจารณาและคิดที่ละอย่างของท่าน เวลากราบของคน ทุกคนที่อ้างตัวว่าเลื่อมใสพระศาสนา มักจะขออะไรจากสิ่งที่ท่านกราบ เราเชื่อว่าทุกคนต้องขอว่า อย่าเจ็บอย่าจน ก็ให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความรัก ทุกอย่างที่จะขอ...(นั้นก็คือ กิเลสทั้งนั้นที่ท่านขอ ก็ผิดในพระไตรฯแล้ว จิงไหม) แต่มีใหมที่จะขอพระพุทธองค์ดลใจเป็นคนดี มีศีล 5ข้อ รุ้จักปล่อยว่างทางวัตถุที่เราเห็น..พระพุทธรุปที่สร้างมีความหมาย ทุกอย่าง ส่วนหัวที่แหลมคือ ความคิดที่ แหลมคม ส่วนหัวที่วนคือ ก้นหอย ให้คิดอย่างช้าละเอียด และรอบคอบ หู ให้เป็นคนหูหนัก ฟังอะไรมาให้พิจารณาก่อน ส่วนตาคือ ความนิ่งสงบ จมูกคือ ความซือตรง ปากต้องนิ่งก่อนพูด..ทุกอย่างมีความหมายหมด ถ้าคนที่กราบ ก็ขอให้คิด ส่วนคนที่ไม่กราบ ก็ให้ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า (นี้ก็ 2มาตรฐาน ที่ไม่มีคนผิด )
    5.พระเกษมเป็นพระ นักสอน มาตรฐานพระ อาจไม่ครบ แต่คนเคารพในคำสอนและหลักการของท่าน ก็มี (เทคนิคการสอนไม่เหมือนกัน)พระนักสอน ในเมืองมีคำสอนที่หน้าฟัง แต่ที่นั่งอาสนะ เป็นของนิ่ม และเป็นหนังสัตว์ ก็ผิดวินัยเหมือนกัน แต่คน เขลาเบาปัญญาทั้งหลายในประเทศไทย ก็ควรที่จะพิจารณาว่าจะนิยมแบบไหน ...ไม่มีใครผิดอีกเหมือนกัน เพราะมันมี 2 มาตรฐาน..
    6. พระที่เล่น เฟสบุคตอนกลางคืน ก็เยอะ อยากให้ กระทรวงวัฒนธรรมและ สำนักสงฆ์ มาดูแลกันบ้าง พระบางรูป อ้างว่ามาสอน แต่เพื่อนมีแต่หญิง ซะเป็นส่วนใหญ๋ ผิดศีลหรือ ไม่
    7. พระที่ชอบ ปลุกของ นั้นก็ผิดหลักคำสอน ทำไมไม่เอาผิด เพราะคำสอนพระพุทธเจ้าไม่มีในข้อนี้ ถ้าพระรูปใหนทำ ถือว่าผิดวินัยเหมือนกัน (อ้างว่าเพื่อยึดเหนี่ยวให้คนเป็นคนดี แต่คนที่คล้องคอส่วนมาก ขออะไรจากสิ่งที่เราเคารพ ส่วนมากก็ขอ ความเป็นกิเลสทางด้าน วัตถุและ ความรัก แต่จะมีสักกี่คน ขอให้เป็นคนดีรู้จัก คำว่า กิเลสและทุกข์ให้มากกว่าเดิม นี่ก็ 2 มาตรฐานเหมือนกัน
    8. คำสอนพระพุทธเจ้า คือ ไม่ยึดติดกับอะไร ให้สร้างความดีมองทุกอย่างเป็นกลางและปล่อยวาง...ไสยขาวคือ พระเครื่องที่ห้อยคอ สิ่งยึดมั่นให้หลุดพ้นจากสิ่งชั่วร้าย ก่อนจะทำอะไรต้อง ท่องคาถา คนพวกนี้คือ ดียังไม่พอ ยังขอกันอยู่ ส่วน ไสยดำ คือ พวก มีกิเลสทุกอย่างที่อย่างจะได้ให้มาเป็นของตน ขออย่างไม่มีวันสิ้นสุด..... ทุกคน เลือกเอาว่าจะเป็นพวกไหน
     
  14. 1Chakkit

    1Chakkit สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +3
    เหตุ

    การกระทำทุกอย่างย่อมมีเหตุเเละมีผลต้องเข้าไปพิสูจณ์ ถ้าเป็นไปเพื่อลดละกิเลส ตัณหา อุปทาน มุ่งตรงสู่พระนิพาน ก็ขออนุโมทนาบุญด้วย
     
  15. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218
    จัดหนักจัดเต็ม... (อีกรอบ)




    ถ้าพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่จะทรงพิจารณาอย่างไรกับสาวกของพระองค์ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้


    ครูบาอาจารย์ที่ท่านไม่ติดในสมมติ เช่น หลวงพ่อโอภาสี (เผาแก้วแหวนเงินทอง คือมีคนนำไปถวายท่าน ท่านโมทนาให้พรเสร็จก็เอาไปเผาไฟ เพราะท่านถือว่าเป็นของๆ ท่านแล้ว ท่านจะทำอย่างไรก็ได้) หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา (นุ่งขาวห่มขาว ห้อยกระพรวนใหญ่ๆ ประพฤติตนแปลกๆ) หลวงปู่สรวงแห่งบ้านละลม (ห่มเหลืองบ้างห่มขาวบ้าง ไม่อยู่วัด อยู่ตามป่าตามทุ่งนา) ฯลฯ ท่านก็ยังเคารพในพระพุทธรูปและการทำบุญของสาธุชน


    หรือแม้องค์หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ทองรัตน์ หลวงปู่เจี๊ยะ ฯลฯ ซึ่งเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายพ่อแม่ครูจารย์ใหญ่ (หลวงปู่มั่น ภูิริทัตโต) ที่มีวัตรปฏิปทาส่วนตัวค่อนข้างโลดโผนโจนทะยาน ไม่สุภาพเรียบร้อยเท่าใดนัก ก็ยังไม่แหกคอกปานนี้ ยังมีความเคารพในพระพุทธรูปเต็มร้อย เคารพในการทำบุญของสาธุชนเต็มร้อย ซึ่งท่านก็รู้ ไม่ใช่ไม่รู้ ว่าเป็นเพียงสมมติ เป็นเพียงสิ่งภายนอก



    การสอนธรรมตามแนวทางแห่งพระพุทธองค์นั้น มีหลายระดับหลายประเภท ในพระไตรปิฎกเองก็มีตัวอย่างมากมาย ทั้งพระสูตร (ซึ่งเหมาะสำหรับชาวบ้านหรือผู้ที่มีสัทธาจริต) พระวินัย (ซึ่งเหมาะสำหรับพระสงฆ์เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่แหกคอก สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย) และพระอภิธรรม (ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีพุทธิจริตหรือมีปัญญามาก)


    พระพุทธศาสนาก็เปรียบเสมือนต้นไม้ ที่ต้องมีทั้งเปลือกและแก่น ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปย่อมไม่ได้ ถ้ามีแต่โลกุตรธรรมล้วนๆ ชนผู้มีบารมีน้อยปัญญาบารมียังไม่แก่กล้าก็ย่อมเข้าถึงได้ยาก จึงต้องค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ ปฏิบัติไป พระพุทธองค์จึงทรงแสดงให้เห็นถึงลำดับชั้นของสุคติภูมิ ตั้งแต่ มนุษย์ 1 สวรรค์ 6 รูปพรหม 16 อรูปพรหม 4 และยังแบ่งพระอรหันต์ออกไปอีก 4 ประเภท คือ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ และ จตุปฏิสัมภิทัปปัตโต


    แม้แต่ความเป็นพระโสดาบัน ยังแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เอกพีชี โกลังโกละ และ สัตตักขัตตุปรมะ


    เมื่อพระธรรมยังมีลำดับชั้นแล้ว ไฉนจะเอาแต่ยอดอันสูงอันเป็นปรมัตถธรรมล้วนๆ มาสอนกับปุถุชนเล่า แม้ตัวผู้สอนขั้นสูงเองก็ย่อมผ่านความโง่มาก่อนทั้งนั้น ไม่ได้ฉลาดทั้งทางโลกและทางธรรมมาตั้งแต่เกิดไม่ จะเอาแต่อัตตาตัวตนของตัวเองมาสอนผู้อื่นว่าสิ่งนั้นถูกสิ่งนี้ผิดแบบคิดเอาเองหาได้ไม่ เป็นการไม่สมควรเลย และเป็นการไม่เคารพพระรัตนตรัยด้วย ไม่เคารพพระธรรมด้วย


    จริงอยู่ที่วิมุติย่อมสูงกว่าประเสริฐกว่าสมมติ แต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ (ที่แท้จริง) ย่อมให้ความเคารพในสมมตินั้นๆ ตามสมควร จึงมีพุทธประเพณีและอริยประเพณีสืบกันมาจนถึงกาลปัจจุบัน และปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัยตามความเหมาะสมนั้นแล เช่น การสงเคราะห์โลกขององค์หลวงตามหาบัว การจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ (สมัยพุทธกาลไม่มี) การใช้ไฟฟ้าในวัด (สมัยพุทธกาลไม่มี) การมีพระพุทธรูปพระเครื่อง (สมัยพุทธกาลไม่มี) การใช้คหปติจีวร (สมัยพุทธกาลนิยมใช้ผ้าบังสุกุลจีวร) การใส่ซองหรือถวายปัจจัย (สมัยพุทธกาลถ้ามีผู้ถวายปัจจัยก็ให้ไวยาวัจกรรับแทน โดยให้ภิกษุยินดีในของที่จะได้อันควรแก่สมณบริโภค ซึ่งถ้าไม่ใช่ญาติไม่ใช่ปวารณาจะเอ่ยปากขอไม่ได้ แม้รับปัจจัยมาแล้วก็ต้องรีบสละ (สละ คือ นำไปใช้ให้เหมาะสม ไม่ใช่นำไปทิ้ง) มิฉะนั้นจะต้องอาบัตินิสสัคคียปาจิตตีย์ สมัยนี้ถ้าไม่มีไวยาวัจกรก็ฝากธนาคาร ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามพระที่บวชนานๆ ตามวัดต่างๆ ดูได้ว่า พระคุณเจ้าเก็บเงินไว้อย่างไร) และอีกมากมายในสมัยนี้ที่สมัยพุทธกาลไม่มี แม้กระทั่งเรื่องของการแบ่งเป็นนิกายต่างๆ ของพระพุทธศาสนาในสมัยปัจจุบัน ก็ยังต้องเปิดใจให้กว้างเข้าไว้ เพราะย่อมเป็นไปตามพื้นฐานความเชื่อในแต่ละประเทศในแต่ละท้องถิ่นในแต่ละยุคแต่ละสมัยนั่นเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องปรกติ เพราะขึ้นชื่อว่า "คน" ย่อมแตกต่างกันด้วยเหตุต่างๆ กันนั่นเอง


    ซึ่งพุทธประเพณีและอริยประเพณีนั้น ดูได้ในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นสมัยพุทธกาล ย่อมมีความงดงามและบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นอย่างยิ่ง แต่คนในสมัยนี้จะเพ้อฝันเอามาใช้ในสมัยปัจจุบันหาควรไม่ ย่อมได้ชื่อว่า ไม่รู้จักหลักสัปปุริสธรรมทั้ง 7 ประการ คือ รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาล รู้จักชุมชน และ รู้จักบุคคล สรุปคือ รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ไม่ใช่ตะพึดตะพือตามใจฉันประเภทดันทุรัง อย่างนั้นเขาเรียกว่า อัตตาสูง แม้จะอ้างพระธรรมวินัย แต่ก็ตึงเกินไป ไม่ใช่ทางสายกลาง และหากจะเคร่งก็เคร่งไปคนเดียว ไม่มีใครว่าอะไร ไม่ต้องโอ้อวดแล้วมาเบ่งมาทับถมคนอื่นว่าโง่กว่าตน ไม่เคร่งเท่าตน คิดๆ ดูแล้ว ก็ไม่ต่างจากพระเทวทัตในสมัยพุทธกาล ซึ่งใครจะนับถือก็นับถือไป ผมไม่ได้ว่าอะไรและไม่ได้ห้ามด้วย ตามสบายเลย แต่ผมขอไปนับถือครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ ที่มีอยู่อีกมากมายให้กราบไหว้ทำบุญฟังธรรมตามประสาคนโง่ๆ แบบส่วนตัวของผมต่อไปอย่างนี้แล



    ปล. ขอบอกว่า เห็นกิริยาอาการของท่านในทีวีแล้ว ถ้าท่านเป็นพระอรหันต์จริง ผมถือว่าท่านเสียสละมากที่สอนแบบจัดหนักจัดเต็ม แต่ถ้าท่านไม่ใช่ ผมก็ได้แต่ขำในอาการที่ท่านได้แสดงออกมาแบบระบายโทสะ (ซึ่งผมก็ขำจริงๆ นั่นแหละ) และผมเองก็รู้อยู่เต็มอกว่า พระอรหันต์นั้นท่านไม่มีมารยาสาไถย มีแต่ตรงไปตรงมา ชัดเจนและลุ่มลึก บางองค์อาจมีจริตวาสนาที่โลดโผนไปบ้าง แต่ขอเรียนว่า ครั้งนี้ (และทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา) ผมรับไม่ได้จริงๆ กิริยาของท่านไม่ผ่านสายตาผมหรอก ยิ่งคำสอนของท่าน ยิ่งไม่ผ่าน ต่อให้เป็นพระอรหันต์ที่มีอภิญญาสูงแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีองค์ไหนที่จะบังอาจไปลบหลู่องค์พระพุทธปฏิมากร ขนาดท่านอาจารย์พุทธทาสที่ไม่เคยสนใจและไม่เคยส่งเสริมในเรื่องของวัตถุมงคลเลยก็ยังไม่เคยที่จะลบหลู่องค์พระพุทธรูปเลย แม้ท่านจะกล่าวว่า กราบพระพุทธถูกอิฐถูกปูน กราบพระธรรมถูกใบลาน กราบพระสงฆ์ถูกลูกหลานชาวบ้าน แต่คำสอนนี้ก็เป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้ว คือ ไม่บอกก็รู้


    หรือไปดูตามวัดป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่นแท้ๆ ในทุกๆ วัดได้เลย ซึ่งบางวัดจะมีหรือไม่มีพระพุทธรูปก็ตาม แต่ก็ไม่มีการปรามาสจาบจ้วงล่วงเกินต่อองค์พระพุทธรูปเด็ดขาด ไปดูวัดหนองป่าพงขององค์หลวงพ่อชา วัดป่าบ้านตาดขององค์หลวงตามหาบัว วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) ขององค์หลวงปู่หล้า (ที่ท่านเคยไปอยู่ด้วย) หรือ วัดบูรพารามขององค์หลวงปู่ดูลย์ก็ได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงพระแก้วมรกต หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อพระพุทธชินราช หลวงพ่อพระใส ฯลฯ เลย


    ที่ผ่านมา ผมเห็นแต่ครูบาอาจารย์ที่ทรงอภิญญาจะเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปเป็นอันมาก พระพุทธรูปบางองค์มีเทวดารักษามาก บางองค์ก็มีเทวดารักษาน้อย (แต่ก็ศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์) บางองค์ก็มีพระบรมสารีริกธาตุสถิตอยู่ภายในมากบ้างน้อยบ้าง และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของสาธุชนได้เป็นอย่างดี ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าพระพุทธรูปแต่ละองค์นั้นทำมาจากอะไร และย่อมไม่ใช่องค์จริงของพระพุทธเจ้าแน่นอน และหากกล่าวโดยปรมัตถ์แล้ว ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นจึงเห็นเราตถาคต (พระพุทธเจ้าที่แท้จริง) นั่นเอง นี้เป็นพุทธภาษิต แต่การสอนนั้นก็ย่อมเป็นไปตามลำดับชั้นตามความเหมาะสมตามภูมิจิตและภูมิธรรมของเวไนยสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง หาใช่จะสอนตามอำเภอใจของตัวเองเอาตัวเองเป็นหลัก หาได้ไม่


    ส่วนตัวผมจะไม่เรียกร้องหรือฟ้องร้องล่ารายชื่ออะไรหรอกครับ เพราะเท่าที่เห็นก็แค่อาบัติเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่ ปาราชิก 4 สังฆาทิเสส 13 ท่านปลงอาบัติของท่านเองได้ แต่ผมดูแล้ว ท่านคงไม่ปลงหรอก ไม่รู้จะปลงยังไง และต่อไปจะได้รู้ว่า บางครั้งแค่เรื่องโลกวัชชะ (โลกติเตียน) นิดๆ หน่อยๆ (ในความคิดของท่าน) จะก่อให้เกิดผลอะไรตามมา (แต่ท่านก็คงไม่สนใจหรอก...)



    สมัยพุทธกาล พระเทวทัตก็อวดเคร่งเยี่ยงนี้แหละครับ ปากกล้าขาแข็ง อวดเก่งพร้อม เมื่อก่อนเหาะได้ด้วย ตอนหลังฤทธิ์เสื่อม ก็ได้แต่อวดเคร่งอย่างเดียว แล้วก็วางแผนชั่วหลายครั้ง แต่ละครั้งก็เด็ดๆ แสบๆ คันๆ ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าต้องให้พระโมคคัลลาน์พระสารีบุตรไปตามพระที่หลงผิดกลับมาถึง 500 รูป แถมชาวบ้านอีกขบวนใหญ่ (แต่พระเทวทัตก็ยังมีสาวกติดตามอยู่อีกพอสมควร ประเภทชอบแบบเคร่งๆ นี่แหละ เคร่งกว่าพระพุทธเจ้าอีกแหนะ ทั้งๆ ที่พระองค์ท่านสอนทางสายกลางไว้แล้ว แต่คิดไม่ได้)


    สุดท้ายพระเทวทัตจะกลับไปทูลขอขมาพระพุทธเจ้า แต่โดนธรณีสูบไปเสียก่อน ก่อนหน้านั้นก็โดนลูกน้องตัวเอง คือ พระโกกาลิกะเอาเข่ากระทุ้งหน้าอกกระอักเลือดปางตาย พระโกกาลิกะเองด่าพระอัครสาวกทั้งสองมีอาการป่วยหนักเกิดฝีหนองพุพองขึ้นทั้งตัวแล้วก็ตายอย่างอนาถ (พระเทวทัตไปอยู่อเวจีมหานรก ส่วนพระโกกาลิกะไปอยู่ปทุมนรก ชื่อเพราะนะครับ ปทุมนรก (นรกดอกบัวเหล็กยักษ์) แต่โดนปั่นอยู่ในดอกบัวเหล็กจนเละแล้วเละอีกแหละครับ ส่วนอเวจีมหานรก ก็ถูกหมุดเหล็กตรึงไปทั้งตัวในห้องเหล็กสี่เหลี่ยมแล้วก็มีไฟนรกพลุ่งออกมาเผาผลาญอยู่ตลอดเวลาไม่มีหยุด -อเวจี แปลว่า ทรมานเร่าร้อนโดยไม่มีหยุด)



    แน่จริง ก็ลองมาตบหน้าพระแก้วมรกตหรือเอาเท้ามายันพระแก้วมรกตดูซักทีสิครับ ดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าไปเก่งแต่ในวัดเลย กล้าๆ ออกมาหน่อย !!! คุณแม่ (น้องทราย) ขอร้อง !!! (ขำๆ นะครับ อย่าคิดมาก ขอโทษน้องทรายด้วยนะครับ ขอให้ไปสู่สุคติเถิด)



    เอวัง... พุทโธ ธัมโม สังโฆ :cool:
     
  16. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    พระอริเยอะ (มี อริ เยอะมาก) มากกว่า

    ไม่ใช่อริยะหรอก
     
  17. ธรรมรังสี

    ธรรมรังสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2011
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +2,218


    พ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ ที่ท่านสอนดีก็ยังมีอยู่อีกมากมายครับ ผมเพียงทำหน้าที่ออกมาปกป้องพระพุทธศาสนาเท่านั้นครับ เพราะพระพุทธศาสนาไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ใครจะมากระทำย่ำยีแบบตามอำเภอใจ หาควรไม่


    ถ้าที่บ้านของท่าน พ่อแม่ของท่าน ถูกโจรปล้น ท่านจะนั่งมองดูเฉยๆ หรือ ไม่ยินดียินร้ายเลยหรือ


    เป็นห่วงเยาวชนคนรุ่นหลังบ้างหรือเปล่า เป็นห่วงพระพุทธศาสนาโดยรวมบ้างหรือเปล่า แค่มีข่าวพระค้ายาบ้าในแต่ละครั้ง ผมก็เศร้าใจพอแล้ว นี่ยังมาเห็นอะไรๆ ที่น่าสมเพชเวทนาอีก เฮ้อ... เวรกรรรม



    กุศโลบายที่ดีๆ กว่านี้ไม่มีแล้วหรือหนอ หรือเป็นอกุศโลบายแบบพระเทวทัตกันแน่...



    มีครูบาอาจารย์องค์ไหนให้การรับรองว่าท่านเป็นพระอริยะเป็นพระอรหันต์หรือครับ ถ้ามีกรุณาบอกด้วยจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง (ขอเป็นสายหลวงปู่มั่นแบบชั้นผู้ใหญ่ซัก 3 องค์ แบบเนื้อๆ เน้นๆ เท่านั้นนะครับ รุ่นหลังๆ ไม่เอา) และอย่าบอกนะว่าคุณเองเป็นผู้รับรอง ผมจะหัวเราะให้ขำกลิ้ง 5555555


    เห็นแต่ประเภทแอบอ้าง ใส่สีใส่ไข่ ยกย่องกันเอง โดยไม่ลืมหูลืมตา มองดูแนวทางของพระพุทธองค์และปฏิปทาของครูบาอาจารย์ ซึ่งทุกองค์ก็ล้วนมีจิตใจที่สว่างไสว (จริงๆ) ทั้งนั้น ไม่ต้องรอให้ใครมาทดสอบมานับถือหรือแสดงอาการอุตริมนุสสธรรมว่าข้าเก่ง ข้าแน่เลย ของจริงๆ มีแต่อ่อนน้อมถ่อมตัว (ขนาดองค์หลวงตามหาบัวที่เปิดเผยถึงการบรรลุธรรมขององค์ท่านเองที่วัดดอยธรรมเจดีย์ ยังอ่อนน้อมต่อองค์พระพุทธรูปเสมอ และอ่อนน้อมต่อพระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ด้วย)


    ไม่มีใครมาลงโทษหรอกครับ ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพรรค์นี้หรอกครับ แค่ปัญหาน้ำท่วมก็เห็นใจพี่น้องชาวไทยจะแย่กันอยู่แล้ว


    ไม่มีใครทำอะไรท่านหรอกครับ เพราะชาวพุทธ (ที่แท้จริง) มีพรหมวิหาร 4 คือ ช่วยเหลือและตักเตือนด้วยเมตตา เห็นใจและเข้าใจด้วยกรุณา ยินดีและชื่นชมด้วยมุทิตา วางเฉยและปล่อยวางด้วยอุเบกขา ก็เท่านั้น
     
  18. neomagic

    neomagic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +217
    เคยเปิดซีดีฟังท่านเทศน์ แต่มีแต่พูดคำหยาบ และด่าคน ผมเลิกฟังไปเลย

    ขออภัยถ้าทำให้ลูกศิษย์ท่านเคือง.
     
  19. faveur

    faveur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,298
    แบบนี้ ไม่เรียกว่าพระแล้วล่ะค่ะ ถ้ายังได้บวชอยู่ในพุทธศาสนา
    ก็เรียกได้ว่า มารศาสนาของจริง และก็เห็นด้วยกับคุณ นิรันตรัง อย่างยิ่งค่ะ
     
  20. purivat

    purivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +254
    เลว......................
     

แชร์หน้านี้

Loading...