พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีทิพยจักขุญาณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย คนหลงเงา, 8 กันยายน 2011.

  1. คนหลงเงา

    คนหลงเงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +541
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีทิพยจักขุญาณ
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ<O:p</O:p
    ............................................<O:p</O:p
    เรื่อง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีทิพยจักขุญาณ” นี้ ผมอ่านพบในหนังสือเรื่อง เรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตอนที่๔๑.ชื่อเรื่องว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระกรรมฐาน ในเรื่องนี้หลวงพ่อท่านกล่าวถึงการปฏิบัติธรรมของในหลวง และมีข้อความตอนหนึ่งหลวงพ่อกล่าวว่า
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “อีกตอหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสกับพ่อว่า ท่านหญิงวิภาวดีมีความห่วงใยในพระองค์มาก เพราะว่ามาเตือนอยู่เสมอขณะที่พระองค์ตรัส รู้สึกว่าเหลียวซ้ายแลขวา และก็ตรัสอีกว่า เวลานี้หายไปการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบว่า ท่านหญิงวิภาวดีมาเยี่ยมอยู่เสมอ และก็ตักเตือนเสมอ จุดนี้ขอบรรดาลูกรักจงจำให้ดี ว่าความรู้สึกอย่างนี้จะมีขึ้นมาได้ นั่นก็คือ บุคคลผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม จะต้องมีอารมณ์เข้าถึงทิพยจักขุญาณ คือมีอารมณ์เป็นทิพย์ มีความรู้สึกทางใจคล้ายกับตาทิพย์ในเมื่อท่านได้ทิพยจักขุญาณ ท่านก็มีโอกาสรับสัมผัสได้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หลวงพ่อท่านกล่าวยืนยันไว้ว่า “ในเมื่อท่านได้ทิพยจักขุญาณ” สำหรับท่านใดที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ ลองอ่านดูนะครับ จะได้ทำให้เราเข้าใจความจริงในพระองค์ท่านได้มากขึ้น <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับหนังสือ“เรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ” นี้ เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาดีมาก ๆ กล่าวถึงเรื่องอดีตชาติของหลวงพ่อ ความเป็นมาของประเทศไทย โดยเฉพาะตอนที่ถูกขอมมายึดเมือง น่าสนใจเป็นอย่างมากและกล่าวถึงการต่อสู้ อ่านแล้วสนุกวางไม่ลงเลย ได้เข้าใจความเป็นมาของประเทศไทยดีขึ้น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    และในเจ็ดแปดตอนท้ายๆ ยังกล่าวถึง เรื่องขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างละเอียด เรื่องเทศน์โปรดปัญจวัคคีย์ เรื่องเทศน์โปรดพระเจ้าสุทโธทนะมหาราช เรื่องพระเจ้าสุทโธทนะมหาราชไปนิพพาน เรื่องเทศน์โปรดพระนางพิมพาราชเทวี เรื่องเทศนาปาฏิหาริย์ และตอนเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพาน หนังสือเล่มนี้มีทั้งหมด ๕๔ ตอน คุ้มค่ามากครับที่ได้อ่าน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ............................................<O:p</O:p
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระกรรมฐาน<O:p</O:p
    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ<O:p</O:p
    จาก หนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ)
    <O:p</O:p
    ต่อไปนี้พ่อจะขอปรารภเรื่องของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเป็นบุคคลตัวอย่างที่มีความสามารถทั้งในด้านการปฏิบัติในเรื่องส่วนพระองค์ และในด้านปฏิบัติกับปวงชนชาวไทยทั้งหมดรวมทั้งปฏิบัติกับชาวต่างประเทศด้วย แม้แต่กระทั่งกับศัตรูพระองค์ก็ทรงเห็นว่าเป็นมิตร ไม่เคยคิดที่จะเป็นศัตรูกับใคร สิ่งที่มีความสำคัญที่สุดนั่นก็คือพระองค์ทรงช่วยประชาชน ทรงช่วยชาวโลกด้วย และก็ทรงช่วยพระองค์เองได้ดีที่สุดในด้านของธรรมะ
    <O:p</O:p
    สำหรับวันนี้พ่อจะขอนำพระราชจริยาวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงประพฤติปฏิบัติ ให้ลูกรักทั้งหลายจะพึงรับทราบ รับทราบแล้วก็จงปฏิบัติตามด้วยเพราะว่าจะช่วยให้พวกเราดี ก่อนที่จะพูดถึงธรรมะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติได้ ก็จะขอย้อนไปถึงจริยาวัตรของพระองค์ พระราชจริยาวัตรของพระองค์นี่เราจะรู้ไม่ได้เลยว่า ทรงทำอะไรบ้าง วันทั้งวัน พระองค์ไม่มีเวลาว่าง บางวันมีพระราชภารกิจตั้งแต่เช้าจรดเย็น เวลาเย็นก็ต้องมานั่งปฏิบัติงาน รับแขกกลางคืนอีก กว่าจะทรงเซ็นหนังสือได้ก็ต้องใช้เวลา ๒๔ นาฬิกาผ่านไป เมื่อทรงเซ็นหนังสือแล้ว หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงเจริญพระกรรมฐาน วันที่พ่อเข้าไปพบกับพระองค์ พระองค์ตรัสว่าเวลานี้การฟังเทปรู้สึกว่า ฟังไม่ค่อยจบ นอนฟัง ฟังไป ฟังไป รู้สึกว่าหนักเข้า ความไม่ได้ยินในเทปรู้สึกว่า เคลิ้มหลับ แต่ว่าพอเทปดังแกร๊ก รู้สึกตัวตื่นขึ้น แล้วก็พลิกฟังใหม่อีกหน้าหนึ่ง คราวนี้ก็หลับไปเลย พระองค์ทรงติพระองค์เองว่า รู้สึกว่าไม่ดี แต่พ่อกลับทูลพระองค์ไปว่า นั่นเป็นความดี เพราะว่าถ้าหลับในระหว่างการฟังธรรม ชื่อว่าจิตฝังอยู่ในธรรมตลอดเวลา และการฟังค่อย ๆ เคลิ้มไปทีละน้อย ๆ พอเทปหมดหน้า รู้สึกเสียงดังแกร๊ก ก็แสดงว่านั่นไม่ได้หลับ แต่ทว่าจิตฟังธรรมเป็นฌานสมาบัติโดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟังไม่ได้ยินเสียงเลยนั่นเป็นฌาน ๔ ความจริงเรื่องนี้ดีมากฉะนั้นขอบรรดาลูกรักทุกคนจงปฏิบัติเยี่ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจงอย่าอ้างว่าข้าพเจ้ามีงานมาก มีภารกิจมาก ไม่มีเวลาพักผ่อนไม่มีโอกาสเอาจิตเข้าไปฝึกฝนธรรมะ
    <O:p</O:p
    การปฏิบัติธรรมะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระองค์ทรงปรารภให้พ่อฟังดูเหมือนว่าพระองค์ทรงเป็นบุคคลที่ไม่มีเวลาว่าง เวลาใดถ้ามีโอกาสว่างนิดหนึ่ง ก็ใช้เวลาฟังเทปบ้างวินิจฉัยธรรมะบ้าง และในบางขณะที่พระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินไปรอบ ๆ พระราชฐานที่พัก พระองค์จะถือเวลา ว่าจะเดินสักกี่ชั่วโมง ถ้าเดิน ๑ ชั่วโมง เอาเทปสะพายไปด้วย แล้วก็ฟัง ๒ หน้า ถ้าเดิน ๒ ชั่วโมง ก็ฟัง ๔ หน้าเทป อย่างนี้รู้สึกว่าพอดี จริยาวัตรส่วนนี้ ขอบรรดาลูกรักควรจะฝึกฝนใจให้มากพยายามปฏิบัติตามพระองค์ให้มากเวลาบูชาพระ พระองค์ก็ทรงสมาธิ ทำสมาธิ และวิปัสสนาญาณในระยะนั้น เวลาที่เสด็จบรรทมก็ทรงฟังเทป เป็นอันว่าพระองค์จะไม่ยอมให้เวลาที่ว่างอยู่เสียเปล่าไปในด้านของความดี จะพยายามหาทางบีบบังคับอารมณ์จิตให้อยู่ในขอบเขตของความดี คือฟังเสียงธรรมะ ขณะใดที่จิตสนใจในธรรม พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า ขณะนั้นจิตย่อมว่างจากกิเลสลูกต้องมีความขยันหมั่นเพียร มีความสนใจให้มาก เรียกกันว่าเป็นการปฏิบัติแบบเบา ๆ
    <O:p</O:p
    อีกประการหนึ่งการเจริญพระกรรมฐานของพระองค์อันดับแรก คงจะตั้งพระทัยมุ่งสมาธิเป็นฌานสมาบัติบทใดบทหนึ่ง และการที่พ่อไปพบกับพระองค์ตอนนั้นพระองค์ตรัสว่า การทำสมาธิเวลานี้ ไม่มุ่งหวังจุดใดจุดหนึ่งโดยเฉพาะ ปล่อยไปตามสบาย จะถึงไหนก็ใช้ได้ เป็นที่พอใจ จริยาแบบนี้ลูกรักเป็นจริยาที่ดีที่สุด เพราะพ่อเองก็เคยตกอยู่ในความหวั่นไหวมามากแล้ว ทำให้ยุ่งยากใจ เพราะการบังคับจิตต้องการจะให้ได้ฌานชั้นนั้น ได้ฌานชั้นนี้
    <O:p</O:p
    แต่ในที่สุดแทนที่มันจะดี มันก็กลับเลว สู้การปล่อยอารมณ์ใจสบายไม่ได้การทรงสมาธิหรือพิจารณากรรมฐานในด้านสมถภาวนาหรือวิปัสสนาภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ถ้าจิตเราปล่อยไปตามสบาย มันจะถึงฌานไหนก็ช่าง เมื่อถึงไหนพอใจแค่นั้น อย่างนี้ถูกอารมณ์ฌานและวิปัสสนาญานที่เข้าถึงใจ จะมีการทรงตัวและในที่สุดก็จะสามารถตัดกิเล สมุจเฉทปหาน คือตัดกิเลสได้อย่างเด็ดขาดกิเลสไม่กำเริบ เรียกว่ามีอารมณ์จิตเข้าถึงพระนิพพานได้แน่นอนวิธีปฏิบัติแบบนี้ลูกรักต้องพยายามปฏิบัติให้มาก คำว่ามากก็หมายความว่าการเว้นจากการงาน เมื่อยามว่าง ไม่ควรจะให้โอกาสปล่อยไปและอีกประการหนึ่ง สิ่งที่บรรดาลูกและทุกคนสงสัยส่วนใหญ่ว่า บางทีก็ภาวนาไปว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นต้น พอจิตเคลิ้มแผล็บเดียว มันกลับจับอย่างอื่นมาว่า แต่ว่าอยู่ในขอบเขตของสมถะและวิปัสสนา อย่างนี้หลายคนอาจจะตกใจ คิดว่าอารมณ์เราฟุ้งซ่านไป
    <O:p</O:p
    พ่อก็ขอแนะนำว่า ความจริงถ้าจิตตกเข้าถึงอุปจารสมาธิ เวลานั้นอารมณ์มันเป็นทิพย์ มันย่อมจะรู้ว่า การตัดกิเลสของเรานี้ควรจะตัดกิเลสด้วยกรณีใด ๆ ฉะนั้นจิตจึงหันปล่อยทิ้งของเก่า จับสิ่งใหม่เข้ามา ซึ่งมันเป็นประโยชน์กว่านี้ จะเห็นได้ว่า อารมณ์จิตประเภทนี้จะเกิดกับคนส่วนมากแต่มักจะมีความรู้สึกว่าผิดเป้าหมาย แต่ความจริงไม่ผิด เพราะตอนนั้นอารมณ์ปัญญามันเกิดขึ้น เพราะอำนาจของความเป็นทิพย์ คือสมาธิของจิต
    <O:p</O:p
    ฉะนั้นการปฏิบัติ ขอบรรดาลูกรักทั้งหลาย จงพยายามปฏิบัติเอาอย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลูกรักทั้งหลายจงจำไว้ว่า ความดีเกิดขึ้นกับเรามากคนเขาก็รักเรามากแต่ถ้าความดีเกิดขึ้นกับเราน้อย คนเขาก็รักเราน้อย เมื่อคนรักน้อย คนเกลียดมากเราก็มีความทุกข์กายทุกข์ใจมากกว่าความสุข เดินไปพบคนที่เรารัก หรือเขารักเราเราก็ยิ้มแย้มแจ่มใสมีความชื่นบาน แต่ถ้าไปพบคนที่เกลียดเราเมื่อไรเมื่อนั้นแหละความกลุ้มใจ กำเริบใจมันก็เกิดขึ้น เราจะหาความสุขไม่ได้
    <O:p</O:p
    ขณะที่พ่อนอนป่วยอยู่ที่บ้านพักชายทะเลจังหวัดระยอง พ่อยืนมองดูคลื่นในทะเลที่พัดเข้ามาหาฝั่งแล้วก็สลายตัวไป แล้วพ่อก็มองดูตัวของพ่อเอง ว่าตัวของพ่อก็ไม่ต่างอะไรกับคลื่นในทะเล มันเกิดขึ้น มันก็สลายไป เกิดขึ้นแล้วก็สลายไป ที่ยังมีคลื่นอยู่ ก็เพราะยังมีลม ถ้าลมหมดเมื่อไร คลื่นก็หมดเมื่อนั้น เหมือนกับชีวิตของพ่อเช่นเดียวกัน มันจะหนุ่ม มันจะแก่ มันจะขาว มันจะดำ ก็เป็นเรื่องของลมหายใจ ลมมันสร้างให้เกิดขึ้น ถ้าลมหมดเมื่อไร พ่อก็ตายเมื่อนั้น เช่นเดียวกับคลื่นในทะเล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสบอกกับพ่อว่า เรื่องคลื่นนี่ผมก็ชอบ เพราะว่าชอบดูคลื่น การที่ชอบคลื่นและพิจารณาคลื่นเป็นกรรมฐาน ก็เพราะอาศัยชอบเล่นเรือใบ และก็ทรงวินิจฉัยต่อไปว่า เห็นคลื่นที่มากระทบฝั่ง คลื่นมันเกิดแต่ละลูก ไม่ใช่คลื่นลูกเก่า มันเป็นคลื่นลูกใหม่ ขึ้นทดแทนซึ่งกันและกัน ในที่สุดมันก็มากระทบฝั่งหายไป และน้ำอาจจะกระเพื่อมขึ้นมาใหม่กลายเป็นคลื่นลูกใหม่ ก็มาเทียบกับอารมณ์จิตของพระองค์ว่า ร่างกายมันก็ทรงอยู่ได้คล้ายกับคลื่นในทะเล คลื่นในทะเล ถ้าลมยังมีอยู่เพียงใด คลื่นก็จะมีอยู่เพียงนั้น ถ้าลมหมดเมื่อไรคลื่นก็หาย เหมือนกับร่างกายของเรา ถ้าหมดลมเสียเมื่อไรก็ชื่อว่าตายเห็นไหมลูกรัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นทุกอย่างเป็นกรรมฐาน ที่พ่อเคยบอกลูกว่าจงดูทุกอย่างให้เป็นสมถะและวิปัสสนา จิตใจจะได้ตัดกิเลสง่าย
    <O:p</O:p
    อีกตอนหนึ่งพระองค์ตรัสว่า ที่หลวงพ่อบอกว่าร่างกายมันกรอบเต็มที ถ้าหมดภารกิจคือลูกหลายมีกำลังใจใหญ่ พอจะคุ้มตัวได้ ก็จะขอวางภาระ ตรัสต่อไปว่า กระผมเห็นว่าคงจะไม่มีใครทรงตัวได้แน่นอน มั่นคง แม้แต่กระผมเองก็เหมือนกัน ก็ยังไม่รู้สึกตัวว่าดี ฉะนั้น ผมอยากจะขออาราธนาหลวงพ่อให้อยู่ต่อไป พ่อได้กราบทูลว่า เรื่องขันธ์ ๕ พ่อยึดถือไม่ได้ เพราะอะไร ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องของพ่อ ขันธ์ ๕ มันจะเกิด ขันธ์ ๕ มันจะพังมันก็เป็นเรื่องของขันธ์ ๕ แต่ที่พยายามรวบรวมกำลังใจให้อยู่เช่นนี้ ก็เพราะห่วงลูกห่วงหลาน เพราะลูกหลานของพ่อดีทุกคน ถ้าลูกหลานของพ่อไม่ดีขนาดนี้ละลูกเอ๋ย ไม่ต้องห่วง อย่าว่าแต่เสียงของพ่อเลย แม้แต่ร่างกายของพ่อ ลูกก็จะไม่ได้เห็น บางทีลูกจำนวนมากอาจจะไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของพ่อเสียด้วย เวลานี้พ่อมาคิดถึงร่างกายของพ่อว่ามันแก่มากแล้ว สงสารลูกที่รักที่มีความดีเพราะบรรดาลูกทั้งหลายคงจะคิดว่าที่พึ่งใหญ่ของเธอนี้ก็คือพ่อแต่ลูกจงอย่าลืมว่าที่พึ่งจริง ๆ ที่ลูกจะพึ่งได้ก็คือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พ่อได้ศึกษามาและก็ปฏิบัติมาพอมีผลตามที่กำลังของพ่อจะพึงทำได้
    <O:p</O:p
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสปรารภถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองยะลาในเดือนกันยายน ขณะที่พระองค์เสด็จเยี่ยมประชากรของพระองค์ที่จังหวัดยะลาปรากฏว่ามีเสียงระเบิดดังขึ้น ๒ ครั้ง แต่ความจริงพ่อได้ยินข่าว พ่อก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าในใจส่วนหนึ่งยังอดที่จะสงสารพระองค์ไม่ได้ เพราะว่าพระองค์ทรงกระทำทุกอย่างเพื่อความสันติสุขของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ ทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ เสียสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ มีน้ำพระราชหฤทัยหวังอยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรคนไทยทั้งชาติจึงจะมีความสุข และถ้าสิ่งนั้นไม่เกินความสามารถของพระองค์แล้ว พระองค์ทรงทำทุกอย่างรวมความแล้วพระองค์เป็นผู้ให้ไม่ใช่ผู้รับ พระองค์จึงได้ปรารภว่า วันนั้นพอได้ยินเสียงระเบิดครั้งแรกเห็นคนเขาวิ่งวุ่นขวักไขวไปมา ก็มีความรู้สึกว่าเสียงระเบิด มันระเบิดไปแล้วก็เป็นอดีต
    <O:p</O:p
    อย่างนี้ตามภาษาบาลีเขาเรียกว่า อดีตใกล้ปัจจุบัน ถ้าเราจะเอาจิตไปคิดห่วงใยเรื่องราวในอดีต งานในปัจจุบันของเราก็ไม่เป็นผล ฉะนั้น พระองค์จึงได้ทรงวางอารมณ์เฉยเป็นอุเบกขา ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมันเกิดแล้วก็แล้วกันไปเวลานี้มีหน้าที่ที่จะทำงานในปัจจุบันก็ทำ ทำไปจนกว่าจะเสร็จ และหลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงให้โอวาทแก่ลูกเสือชาวบ้าน ทรงปรารภว่าวันนั้นพูดยาวหน่อย เพราะเป็นการดับกำลังใจในความตื่นเต้นของประชาชนและลูกเสือทั้งหลาย
    <O:p</O:p
    หลังจากให้โอวาทเสร็จ จะต้องเสด็จไปเยี่ยมประชาชน ก็ทรงดำริว่า ถ้าขณะที่ไปเสียงระเบิดมันระเบิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จะเป็นอย่างไร ความจริงระเบิดที่ระเบิดขึ้นมานั้น ไกลจากที่ประทับ ลูกหนึ่ง ๕๐ เมตร อีกลูกหนึ่ง ๑๐๐ เมตร แต่ว่าถ้าพระองค์เสด็จไปเยี่ยมประชากรของพระองค์ ระเบิดทั้งสองจุดจะไกลจากพระบาทเพียง ๗ เมตรเท่านั้น พ่อทราบจากเจ้าหน้าที่ผู้มีความชำนาญในระเบิดแสวงผลประเภทนี้มีรัศมีทำการถึง ๒๐ เมตร ที่ได้ผล และขอลูกทุกคนก็จงศึกษาไว้ว่าระเบิดแบนนี้เขาทำไว้ เขาวางไว้ หรือเขาหมกไว้ ในที่ไม่น่าจะสงสัย เขาจะมีวัตถุชิ้นหนึ่งเป็นเครื่องล่อตา เช่น ไม้ขีดจุดไฟแช็ค หรือว่าปืน หรือของที่น่ารักวางไว้ แต่มีสายล่ามไว้ ถ้าบังเอิญใครมีความสนใจในวัตถุนั้นหยิบขึ้นมา สายเชือกที่ผูกกับชนวนจะกระตุกระเบิด ระเบิดก็จะเกิดระเบิดทันที เรื่องนี้ลูกทั้งหลายก็ควรระวังไว้ เพราะว่าอันตรายมันจะเกิดมีเพราะสิ่งที่เรารัก ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปิยโตชายเต โสโก ปิยโต ชายเต ภยัง ความเศร้าโศกเสียใจเกิดขึ้นจากความรักภัยอันตรายเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยความรักเป็นเหตุ นี่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ตรัสอย่างนี้ตรง
    <O:p</O:p
    ฉะนั้น ขอลูกทั้งหลายจงจำไว้ ระมัดระวังเรื่องนี้ให้มาก แต่ถ้าบังเอิญวิบากกรรมให้ผล ก็จะเป็นปัจจัยให้เราลืมได้เหมือนกัน ในตอนที่สอง พระองค์ก็ทรงตัดสินพระทัย ว่าเรื่องระเบิดที่จะระเบิดขึ้นมาภายหลัง ทันเป็นเรื่องของอนาคต ถ้าเอาจิตใจไปยุ่งกับอนาคตเข้าแล้ว งานปัจจุบันมันจะเสีย เป็นอันว่า น้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีความมั่นคงในอุเบกขารมณ์มีความมั่นในธรรม คนที่จิตมั่นในธรรมจริง ๆมีความกล้าพอที่จะเอาชีวิตเข้าแลกกับความดีได้ฉะนั้น ขอบรรดาลูกรักทั้งหลายจงจำพระราชจริยาวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไว้ และจงพยายามกระทำน้ำใจของลูกให้เหมือนกับน้ำพระทัยของพระองค์ คือว่า จงเห็นว่าชีวิตมีความหมายน้อยกว่าความดี เราเกิดมาแล้วคราวนี้ เราก็ต้องตายไหน ๆ จะตาย ขอให้เราตายอยู่กับความดีเท่านี้เป็นพอและถ้าความดีนี้เป็นความดีสูงสุดลูกรักทั้งหมดของพ่อก็จะไปพระนิพพานได้
    <O:p</O:p
    เป็นอันว่าพ่อเห็นน้ำพระทัยในความเมตตาปรานีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าพระองค์ทรงปฏิบัติตามธรรมะขององค์สมเด็จพระบรมสุคต ในด้านพรหมวิหาร ๔ ได้อย่างครบถ้วน เห็นหรือยังลูกรัก ถ้าเห็นแล้วก็จำไว้ ทำอย่างพระองค์ ความดีไม่หนีเราไปไหน ในเมื่อเราทำความดี ใครเขาจะหาว่า เราชั่ว เราเลว ก็ช่างเขา จงจำวาจาของพระพุทธเจ้าไว้ว่า นินทา ปสังสาขึ้นชื่อว่านินทาและสรรเสริญเป็นธรรมดาของโลก ไม่มีใครจะหนีการนินทา ไม่มีใครจะหนีการสรรเสริญได้ ถ้าลูกไปรับมันเมื่อไรลูกก็จะมีแต่ความทุกข์ใจเท่านั้น นี่พ่อพูดลูกกับของพ่อ พ่อไม่ได้พูดกับคนอื่น ที่เขาคิดว่าเขาไม่ใช่ลูกของพ่อ หรือเขาคิดว่าเขาเป็นปฏิปักษ์ต่อพ่อ แต่พ่อน่ะไม่เคยคิด ว่าจะเป็นปฏิปักษ์ต่อใคร ใครเขาจะคิดยังไงเป็นเรื่องอารมณ์จิตของเขา เราอย่าไปยุ่ง เราอย่าไปเกี่ยว ใจของลูกจะมีความสุข เรื่องรับคำนินทา รับคำสรรเสริญ นี่พ่อรับมาแล้ว มันกลุ้มเหลือเกินลูกรักทำให้ไม่สบายทั้งกาย และไม่สบายทั้งใจ
    <O:p</O:p
    เวลาที่พ่อเดินทางไปในที่ทุกแห่ง ลูกจะเห็นหน้าตาพ่อยิ้มแย้มแจ่มใส แสดงอาการรื่นเริงและแข็งแรง นั่นเป็นเรื่องของกำลังใจนะลูก ไม่ใช่กำลังกาย กำลังกายจริง ๆ มันจะไม่ไหว ลูกคงจะสงสัยว่า กำลังใจช่วยกำลังกายได้อย่างไร ถ้าลูกสงสัยข้อนี้ละก็ พยายามปฏิบัติตามคำสอนที่พ่อสอนลูกไว้ทำไปเมื่อเข้าจุดที่ถึงที่สุดของอารมณ์ ลูกจะมีความรู้เองว่ากำลังใจมีความสำคัญกว่ากำลังกาย กายเพลีย ถ้าใจกำลังดีสามารถจะแบกกายไปได้
    <O:p</O:p
    อีกตอหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสกับพ่อว่า ท่านหญิงวิภาวดีมีความห่วงใยในพระองค์มาก เพราะว่ามาเตือนอยู่เสมอขณะที่พระองค์ตรัส รู้สึกว่าเหลียวซ้ายแลขวา และก็ตรัสอีกว่า เวลานี้หายไปการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบว่า ท่านหญิงวิภาวดีมาเยี่ยมอยู่เสมอ และก็ตักเตือนเสมอ จุดนี้ขอบรรดาลูกรักจงจำให้ดี ว่าความรู้สึกอย่างนี้จะมีขึ้นมาได้ นั่นก็คือ บุคคลผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม จะต้องมีอารมณ์เข้าถึงทิพยจักขุญาณ คือมีอารมณ์เป็นทิพย์ มีความรู้สึกทางใจคล้ายกับตาทิพย์ในเมื่อท่านได้ทิพยจักขุญาณ ท่านก็มีโอกาสรับสัมผัสได้
    <O:p</O:p
    นี่แสดงว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชภารกิจมาก เรื่องของพระองค์มีเรื่องกวนทั้งกายและก็ใจ อย่างที่บรรดาลูก ๆ ทั้งหลายจะไม่มีโอกาสประสบการรบกวนอย่างพระองค์เลย กลางวันก็ไม่ได้พักกลางคืนก็ไม่ได้พัก มีเวลาพักอยู่นิดเดียว พระองค์ทรงทำพระกรรมฐาน และก็ทรงทำได้ดี บุคคลประเภทนี้ ลูกควรจะลอกแบบเข้าไว้ การเลียนแบบ การลอกแบบ การปฏิบัติตามท่านในด้านของความดีไม่ใช่ความเสียเป็นผลกำไรที่เราไม่ต้องรื้อฟื้นเอง
    <O:p</O:p
    ...................................<O:p</O:p
    ข้อมูลจาก<O:p</O:p
    http://www.luangporruesi.com/1009.html
    <O:p</O:p
    ผมขออนุโมทนาทุกท่านที่ช่วยกันจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ และทุกท่านที่ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลออกสู่วงกว้างทางอินเตอร์เน็ต ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆท่านครับ<O:p</O:p
    ......................................................................
    <O:p</O:p
     
  2. crossis

    crossis Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +84
    เชื่อครับ เพราะว่า ในหลวงบำเพ็ญบารมี อย่างมาก ขั้น ปรมัถบารมี ทั้งนั้น
    กาย วาจา ใจ พระองค์ล้วนสำรวม เรียบร้อยไม่มีที่ติ
    และพระองค์เองก็ เคารพครูบาอาจารย์ พระกรรมฐาน พระอริยะทั้งนั้น
    และผม ก็เชื่อ เรื่องที่ หลวงปู่บอกว่า ท่านเป็น พระโพธิสัตว์ ด้วยครับ
    เพราะ แผ่นดินนี้ หามีใคร ไม่สิ หามี กษัตริย์พระองค์ใด จักดีเท่าท่านอีกแล้ว
    ขออนุโมทนา ครับ

    โหยย อ่านแล้ว ได้ธรรม กรรมฐานเลยครับ
    กระทั่ง คลื่น เสียงระเบิด
    ภูมิธรรม พระเจ้าอยู่หัว ช่างประเสริฐโดยแท้
    รู้สึกดีมากเลยครับ ที่เกิดมาในแผ่นดินของ พระเจ้าอยู่หัว
    ไม่สิ แผ่นดินของ พระโพธิสัตว์
    ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2011
  3. paintkiller

    paintkiller เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +946
    1..
    2..
    3..
    4..
    5..
    6..
    7..
    8..
    9....ถิ่นกาขาว
     
  4. PUKE

    PUKE สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +10
    ขออนุโมนทนาบุญกับ เรื่องดีๆ ของหลวงพ่อและในหลวงท่านคะ.
     
  5. Montesquieu

    Montesquieu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2008
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +116
    รู้สึกโชคดีที่ได้อยู่ใต้ร่มบรมโพธิสมภาร
     
  6. tharushnu

    tharushnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +1,276
    อนุโมทนาบุญทุกประการครับ...สาธุ
    _____________________________________________

    <iframe src="http://www.facebook.com/plugins/likebox.php?href=http%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FBuddhaPhothiyan&amp;width=500&amp;colorscheme=light&amp;show_faces=true&amp;border_color&amp;stream=true&amp;header=true&amp;height=427" scrolling="no" frameborder="0" style="border:none; overflow:hidden; width:500px; height:427px;" allowTransparency="true"></iframe>
     
  7. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่
    เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่านเพื่อเป็นธรรมทาน

    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่www.tangnipparn.com<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...