ดิน น้ำ ลม ไฟ หรืออื่นๆ ธาตุใดทรงพลังมากที่สุด เพราะ

ก็เข้าใจอะนะเรื่องอนิจจังอะ
แต่ เรา ก็ ปุ ถุ ชน ทั้งหลายก็ปุถุชน

หากเข้าใจว่าทุกอย่างอนิจจังแล้ว เป็นสาระธรรมแล้ว
แปลว่ามิต้องสงสัยใดๆ หรือ
หรือ อนิจจัง คือคำตอบ ของสิ่งที่เราทั้งหลาย ไม่สามารถหาคำตอบได้
ถ้า คำตอบของทุกอย่าง ที่เราไม่สามารถ หาคำตอบได้ คึอ อนิจจังแล้วจบ
เมื่อรู้ว่ามัน อนิจจัง เรื่องที่คุยไม่ไช่สาระธรรมแล้วหยุด มันไม่ยาก
แต่ โลกเราจะเป็นยังไงนะ เมื่อทุกคนเข้าใจว่า ทุกอย่าง ล้วนอนิจจัง

 

ทุก ธาตุ ล้วนไม่เที่ยง . . .
แต่เมื่อ ทุกธาตุ สลายไปหมด
ธาตุไหนนะ ที่หากขาดไป ธาตุอื่นๆ ก็น่าจะพังลงด้วย
และ ธาตุไหนนะ ที่น่าจะเกิดเป็นธาตุแรก และธาตุอื่นๆ ก็จะตามมา
ขอไห้คิด แบบทางโลกนะครับ เพราะถ้าคิดแบบทางธรรม
ก็อาจจะไม่ต้องคิด - -''

 

ยาธาตุน้ำแดงตรา เสือสิบเอ็ดตัวคับพี่น้อง ทรงพลังดั่งเสือ 11 ตัว ^_^

 

นั่นแหล่ะ แก้ปวดท้องดีจัง ...
(555)

 

*** ดิน น้ำ ลม ไฟ ****

"ดินฟ้าอากาศ".... เป็นพี่เลี้ยง ให้กับ "พระไตรปิฎก" เมื่อยามปรากฏบนโลกเป็น "โลกุตตระ" มนุษย์เหนือโลก
"พระแม่ธรณี"...บอกกับ "โลกุตตระ" ว่า..."ขอเชิญท่านกลับ เมื่อไม่มีผู้ใดสนใจท่าน"
"ไฟป่า"...ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ...คือ ความเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ...จัดสรรให้ สรรพสัตว์ และต้นไม้ ได้ตายลง และไปเกิดใหม่...หมดการชดใช้กรรม ไปอีก ๑ ชาติ...แล้วไปเกิดใหม่ในที่ที่ดีขึ้นตาม ผลการกระทำ.... คือ "ตัวกระทำ" ที่ติดอยู่กับดวงจิตวิญญาณ

"สายฟ้า" มักทำลายผู้ผิด "สัจจะ" ร้ายแรง ...ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ตาม...เช่น สาบาน ปฏิญาณ คำสัตย์ สัตย์อธิษฐาน สัจจะอธิษฐาน ฯลฯ
"ฟ้าอากาศ"...ประทาน "สายฟ้า" ลงกลางป่าใหญ่...เกิดไฟป่าเผาผลาญสัตว์ ต้นไม้ ให้ไปเกิดใหม่

"น้ำ"...เมื่อ มนุษย์ขาด "ความเมตตา"... ไม่เชื่อใน "หลักสัจจะธรรม" ...ปากบอกเชื่อ แต่การปฏิบัติไม่มี...สร้างความโหดร้ายต่อกัน...น้ำ สิ่งที่ "หล่อเลี้ยงมนุษย์" จะถูกจัดสรร...ให้แห้งหายไป โดยซึมหายไปใน ดิน คือ "แม่ธรณี"...และ ระเหยขาดหายไปด้วย...พลังงานจาก "แดนนิพพาน" นั่นคือ "ดวงอาทิตย์"

เมื่อ... "มนตรีพระ ทั้ง ๓๒ องค์ ที่ดูแลจักรวาล" ...เห็นว่า ถึงเวลาแล้ว ...ที่จะต้องจัดสรรโลกให้สมบูรณ์ขึ้น...จึงจัดสรร "น้ำ" ที่อยู่ในรูปน้ำแข็งใน "แหล่งน้ำของจักรวาล คือ ทางช้างเผือก"...มาสู่โลก ด้วยกระแส "ลม" ในจักรวาล...ให้มาลงที่ ไซบีเลีย...เสียดสีกับอากาศ จนกลายลักษณะเป็น ละอองฝน ละอองน้ำ มีเพียงบางส่วนที่ตกมาเป็น ก้อนน้ำแข็งกลมใหญ่เท่าแตงโม...จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในท้องฟ้า เช่น ฝนดาวตกในช่วงเวลาต่างๆ

โลกยุคใหม่...ที่กำลังจักเกิดขึ้น จึงมีน้ำมาเติมจนเต็มครบส่วน ตามที่ขาดหายไป...และจะกลายเป็น "ยุคศิวิไลซ์"...หรือ "ยุคพระศรีอารย์" ...หรือ สวนสวรรค์ตามคัมภีร์โบราณต่างๆ ได้กล่าวไว้
เมื่อ โลกมี "ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น"...การพยากรณ์ดินฟ้าอากาศ ของมนุษย์จากสถิติเก่า จึงผิดเพี้ยนไป...ไม่สามารถคาดการได้ถูกต้องแม่นยำ เหมือนที่เคยทำได้

"ดิน" ...แม่ธรณี คือ แผ่นดิน ...รวมดิน หิน ทราย และ ซากสังขารของ มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ที่เน่าเปื่อยทับทม คือ เปลือกโลกทั้งหมด....
แผ่นดิน ชั้นหิน...คือ "บันทึกประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก...ไว้ให้มนุษย์ได้ ค้นคว้าศึกษา "ความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต"... เพื่อจะได้เข้าใจ "หลักสัจจะธรรม" และผลของการกระทำของมนุษย์ในอดีตกาลยุคต่าง ๆ ที่ผ่านมา .... แต่ มนุษย์ ก็มองข้ามไม่สนใจค้นหาว่า...อะไรคือ "หลักสัจจะธรรม" ...และ....อะไร คือ "การปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักสัจจะธรรม"
การเคลื่อนไหวของเปลือกโลก...แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก แผ่นดินทรุด ภูเขาไฟระเบิด ...คือ การจัดสรรของโลก...เพื่อให้เกิด ความสมบูรณ์ และสมดุล

หาก...มนุษย์ไม่ฝ่าฝืน "โองการของสิ่งศักดิ์สิทธิ์" ที่มอบไว้ให้เมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐ ..."อย่าได้เอาท้องฟ้ามาเป็นสนามรบ"....โลก คือ ทั้ง ดินฟ้าอากาศ จะปรับตัวอย่าไม่โหดร้าย...เพราะ โองการนี้ เป็นทั้ง "พรศักดิ์สิทธิ์" เมื่อมนุษย์ร่วมใจกันปฏิบัติตาม...แต่ โองการนี้ จะเป็น "คำสาป" ทันที เมื่อมนุษย์ผู้ใดผู้หนึ่งฝ่าฝืนโองการ...วันแห่งการพิพากษา The Day of Judgment วันสิ้นยุค จะปรากฏทันที...โลกมนุษย์จะ "ระส่ำระสาย"...จะหาผู้แพ้ ผู้ชนะสงครามไม่ได้

ขอให้มวลมนุษย์โลก...ช่วยกันอ้อนวอน มนุษย์ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั่วโลก...อย่าได้ก่อสงครามอีก...อย่า ได้ฝ่าฝืน โองการของพระผู้เป็นเจ้า โลกุตตระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล...ขอให้ใช้พลังมวลชนเพื่อสันติสุข ช่วยกันออกมาหยุดยั้งสงคราม เพื่อให้สังคมโลกกลับมาสงบสุขอีกครั้ง...เพื่อที่มนุษย์และสัตว์ทุกชีวิต จะได้ร่วมกันก้าวเดินไปสู่ "ยุคศิวิไลซ์" ที่กำลังเกิดขึ้นในอีกไม่นานข้างหน้า

ขอให้มนุษย์ทุกคน รักษาชีวิต และร่างกายไว้ให้ดีที่สุด...และได้พบกับพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า โลกุตตระ และหลักสัจจะธรรม สิ่งสูงสุดในจักรวาล ต่อไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่จะถึง

ขอให้ผู้มีเมตตาต่อมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ได้ช่วยกันเผยแพร่ธรรมบทนี้ให้กระจายครอบคลุมทั้งโลก
- " หนุมาน ผู้นำสารจาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ "

 

มีเรื่องขำๆสนุกๆ คือมีไก้ด์ทัวร์คนหนึ่งได้อธิบายธาตุทั้สี่ไว้และก็บอกกับลูกทัวร์ว่าธาตุที่เก่งที่สุดก็คือธาตุน้ำเพราะว่า เมื่อน้ำเจอดินก็สามารถทำให้ดินพังทลายลงได้ เมื่อน้ำเจอไฟน้ำก็ดับไฟได้ และสุดท้ายเมื่อน้ำเจอลม น้ำยังอัดลม จนกลายเป็นน้ำอัดลมที่เราดื่มกันอยู่นี่งัย แฮ่ะๆ

ธาตุใดจะเจ๋งกว่าธาตุใดใยต้องสนใจด้วยเล่า สู้วางมันลงใจเราก็เบาก็ว่าง พลังแห่งจิตอันบริสุทธิก็จะปรากฏ(พลังแห่งพุทธะ)

 

ธาตุรู้

หรือ (f)

วิญญาณธาตุ

 

(๑๔๗) ธาตุ ๖ (the six elements) ได้แก่ธาตุ ๔ หรือมหาภูต ๔ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และ วาโยธาตุ นั้น กับเพิ่มอีก ๒ อย่าง คือ
๑. ปฐวีธาตุ (the earth-element) คือ ธาตุที่มีลักษณะแข้นแข็ง ภายในตัวก็มี ภายนอกตัวก็มี กล่าวเฉพาะที่เป็นภายใน สำหรับกำหนด พอให้สำเร็จประโยชน์เป็นอารมณ์ของกรรมฐาน ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า หรือสิ่งอื่นใดก็ตามในตัว ที่มีลักษณะแข้นแข็งเป็นต้น อย่างเดียวกันนี้
๒. อาโปธาตุ (the water-element) คือ ธาตุที่มีลักษณะเอิบอาบ ภายในตัวก็มี ภายนอกตัวก็มี กล่าวเฉพาะที่เป็นภายใน สำหรับกำหนด พอให้สำเร็จประโยชน์เป็นอารมณ์ของกรรมฐาน ได้แก่ ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร หรือสิ่งอื่นใดก็ตามในตัว ที่มีลักษณะเอิบอาบเป็นต้น อย่างเดียวกันนี้.
๓. เตโชธาตุ (the fire-element) คือ ธาตุที่มีลักษณะร้อน ภายในตัวก็มีภายนอกตัวก็มี กล่าวเฉพาะที่เป็นภายใน สำหรับกำหนด พอให้สำเร็จประโยชน์เป็นอารมณ์ของกรรมฐาน ได้แก่ ไฟที่ยังกายให้อบอุ่น ไฟที่ยังกายให้ทรุดโทรม ไฟที่ยังกายให้กระวนกระวาย ไฟที่ยังอาหารให้ย่อย หรือสิ่งอื่นใดก็ตามในตัว ที่มีลักษณะร้อนเป็นต้น อย่างเดียวกันนี้ ๔. วาโยธาตุ (the air-element) คือ ธาตุที่มีลักษณะพัดผันเคร่งตึง ภายในตัวก็มี ภายนอกตัวก็มี กล่าวเฉพาะที่เป็นภายในสำหรับกำหนด พอให้สำเร็จประโยชน์เป็นอารมณ์ของกรรมฐาน ได้แก่ ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมในท้อง ลมในไส้ ลมซ่านไปตามตัว ลมหายใจ หรือสิ่งอื่นใดก็ตามในตัว ที่มีลักษณะพัดผันไปเป็นต้น อย่างเดียวกันนี้

๕. อากาสธาตุ (สภาวะที่ว่าง โปร่งไป เป็นช่อง - the space-element)
๖. วิญญาณธาตุ (สภาวะที่รู้แจ้งอารมณ์, ธาตุรู้ ได้แก่ วิญญาณธาตุ ๖ คือ จักขุวิญญาณธาตุ โสต~ ฆาน~ ชิวหา~ กาย~ มโนวิญญาณธาตุ - element of consciousness; consciousness-element)
ดู (๓๙) มหาภูต ๔ และ (๑๔๕) ธาตุ ๔.

M.III.31; Vbh.82. ม.อุ.๑๔/๑๖๙/๑๒๕; อภิ.วิ.๓๕/๑๑๔/๑๐๑​

 

ก็แค่ คุย เอาสนุกๆ แบบปุถุชน อย่าเอาอารมณ์ของคนจิตใจสูงส่ง เสวนาดีกว่าครับ - -

เอาเถอะ เราเอง >>ส่วนตัว<< คิดว่าธาตุที่น่าจะมีความสำคัญที่สุด ก็คือธาตุ ลม . . . เพราะคุณสมบัติ>>อย่างหนึ่ง<<ของลม คือ การเคลื่อนไหว
ลมคือ ก๊าซ อากาศ และการเคลื่อนไหว การโคจร หมุน ก็คือการเคลื่อนไหว
จักรวาล ก็เคลื่อนไหว
จักรวาล กลุ่มดาว เกิดจากอะไรก่อน . . .
ดวงอาทิตย์ ประกอบด้วยอะไร . . .
โลกเกิดจากการรวมตัวของอะไร . . .
สิ่งมีชีวิตในโลก เกิดในทะเล ทะเล คือน้ำ . . แต่ สิ่งมีชีวิตคงไม่เกิดถ้าน้ำนั้น ไม่มี อ๊อคซิเจน ไม่มีCo2 น้ำจะเป็นน้ำอย่างไร ไห้กำเนิดสิ่งมีชีวิต คงไม่ได้
--------------------------
เมื่อเราตายลง ธาตุแรก ที่จากเราไปคือ ลม คือการหายใจ เมื่อไม่หายใจ ก็หยุดเคลื่อนไหว เพราะ ร่างกาย ขาดคุณสมบัติของ ลมไปแล้ว
ทุกสิ่งในร่างกาย อวัยวะต่างๆก็หยุดทำงาน คือหยุดเคลื่อนไหว
เมื่อหยุด หายใจ หัวใจก็หยุด ปอดก็หยุด เพราะไม่มีลมมาทำไห้เคลื่อนไหว

เมื่อลมหยุด หัวใจหยุด ปอดหยุด >>เลือด คือ >>น้ำ ก็ไม่ไหลวเวียน
คุณสมบัติ ของน้ำ คืออะไร ก็คือ ความเย็น การ ทำหน้าที่ไห้ รวมตัว
เช่น การทำไห้ธาตุ>>ดิน รวมตัวกัน การ หล่อ หลอม รวม ปั้น
ต้องใช้น้ำเป็นตัว รวม ทั้งสิ้น
เมื่อ เลือด คือน้ำหยุด >>ดินคือ ร่างกายเนื้อก็ย่อมเกิดปัญหา
เพราะ . . .

 

ไครรู้ก็ อธิบายต่อทีนะ ขี้เกียจพิมพ์ละ - -
เอาแบบ เข้าใจง่ายๆก็ดีนะครับ คิดถึง คนที่เขายังอยู่ในระดับของ ปุ ถุ ชน บ้าง
------------------------------------------------------------------
เรารู้ ก็ใช่ว่า เราจะถูก
ท่านรู้ก็ใช่ว่า คนอื่น ต้องรู้
แต่เมื่อเห็นคนอื่น ไม่ถูกและคิดว่า ตนเองรู้ก็ ช่วยๆกันหน่อยครับ
ไม่ไช่ คิดแต่ว่า จะไปสนทามมาย อะไรมันก็ไม่เที่ยง.>อนิจัง<
คิดงั้นก็ต้องรอ พรุ่งนี้ละครับ เพราะถ้าเราผิด เราก็จะมาผิดต่อ

 

อ่อ อีกอย่าง เสือ 11ตัว หาทรงพลังไม่ครับ เพราะเสือ11ตัวใช้ดองเหล้านะ
เอาเสือ11ตัวไปดองเหล้า ติดคุกครับ ถึงไม่ติดคุก
กินเสือ11ตัวดองเหล้า ก็ผิดศิลอีก
กินเสือ11ตัวดองเหล้า เมา ขับรถ โดนจับ ปรับหนักนะคุณ . . .
และก็จะทำไห้ธาตุดิน คือ ตับแข็งด้วยครับ ถ้ากินมากๆ
รับรองว่า ไม่ได้พลังแน่ๆ
(555) (555) (555)

พอดีเรารู้จัก แต่ ยาดองเหล้า ตราเสือ 11ตัวหนะ . . .

 

555 เอามาขำๆครับ คุณ ดำรงค์ ดีใจจังมีคนเล่นมุขตลกของเราตั้ง 2 คน นึกว่า มุขจะแป๊กซะแระ / ผมก็ชื่อดำรงค์ เหมียลกัล

คิด สิ คิด คิด / คิดไป คิดมา / เพื่อนเคี้ยวเฉยเลยครับ / อิอิอิ ^_^

 

เราคิดว่า "น้ำ" แต่ไม่ใช่ในความหมายทรงพลัง น้ำทำให้ทุกอย่างกลมกลืนกัน อ่อนโยน แปรสภาพได้
"น้ำ" ฝน แต่พอดีทำให้โลกมีชีวิตชีวา และสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้
"น้ำ" แทรกซึมลงไปใน "ดิน" ได้
"น้ำ" ดับความร้อนของ "ไฟ" ได้
"น้ำ" ปิดกั้นทางเดิน "ลม" ได้
"น้ำ" ไม่ว่าอยู่ในภาชนะใดก็สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างไปตามภาชนะนั้น และได้กลับระเหยคืนสู่ฟ้า ไหลลงมาสู่ดิน เราว่าน้ำปรับสมดุลย์ให้กับชีวิต แต่ก็ทุกสิ่งทุกอย่างมีด้านดี ก็มีโทษได้เหมือนกัน

 

- ใจที่เป็นดินนั้น มั่นคงแข็งแกร่งและอดทน / แต่ใจที่แข็งเป็นหินนั้น แสดงว่า คุณเตรียมตัวขึ้นคานได้เลย ยังไงๆเขาก็ไม่ตกลงใช้ชีวิตคู่กับคุณ / ดินแม้อยุ่ต่ำต้อยและดูไร้ค่า แต่เปี่ยมล้นด้วยพระบารมีแห่ง พระแม่ธรณี / และดินถ้ามันอยู่แถวๆย่านธุรกิจอย่าง ภูเก็ต มันจะทำให้คุณทำมาหากินได้อย่างเจริญก้าวหน้า / แต่ถ้าดินป่าช้า ระวังไว้ให้ดี
- ใจที่เป็นน้ำนั้น ก็เปรียบเสมือนน้ำที่หล่อเลี้ยงใจให้ชุ่มชื่นมีชีวิตชีวา เรียกว่าน้ำใจ / หากแต่ใจเย็นชาดั่งน้ำแข็ง...แสดงว่าคุณทำให้เขาโกรธ 100 ปี อย่าดีร้อยชาติ คุณควรง้อเขา ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก / น้ำนั้นถ้าเอาต้มให้ร้อน มันก็ลวกมาม่าได้ แต่กินมาม่าทั้งๆที่ร้อนๆมันจะลวกปากเอานะครับ / หาคุณเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันล่ะก็ คุณรวยแน่ๆ แต่ช่างมันเหอะ น้ำมัน ไม่ใช่น้ำเรา / น้ำนั้น ดูเหมือนว่าใครๆก็ชอบทิ้งสิ่งของสกปรกลงไป ไม่ให้ความสำคัญ แต่น้ำนั้นหล่อเลี้ยงชีวิตโลกทั้งโลก ด้วยบารมีแห่พระแม่คงคา / ถึงบางครั้งเราไม่มีน้ำสาดกันในวันสงกรานต์ เราก็สาดน้ำใจให้กันทุกวัน วันละเล็กวันละน้อย
- ใจที่เป็นลมนั้นหากเป็นลมแห่งการติดต่อสื่อสารและสายลมแห่งความคิดถึง ห่วงใยเอื้ออารีต่อกันและกัน แม้จะอยู่ห่างใกลกันคนละขอบฟ้าขอบจักรวาล สายลมนี้จักพัดพาให้พวกเจ้าได้พบพานกันในที่สุด / หากแต่เป็นลมพายุที่พัดกระหน่ำซ้ำเติม ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ตอกย้ำถึงความสิ้นหวังท้อแท้ ความอัปยศอดสู แล้วไซร้ มันคือลมพิษ ที่เราต้องทำเป็นหูหนวกเสีย อย่าใส่ใจกับมันให้มากนัก / หากท่านเป็นลมบ้าหมูและลมชัก ท่านต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน มิฉะนั้นอาจจะมีคนไปกินข้าวต้มและยำวุ้นเส้นในงาน วันเด๊ดสะมอเร่ของทั่นได้ แต่ถ้าทั่นเป็นลมเฉยๆนั้น ควรใช้แอมโมเนีย / ลมนั้นแม้ไม่สงบนิ่ง ไม่มั่นคง แต่ลมนั้นมันแทรกซึมอยุ่ทั่วทุกอนู และถ้าท่านไม่มีลม ท่านก็ตาย / แต่ถ้าท่านพ่อบ้านไปขายเห็ดลมให้สาวๆล่ะก็ กลับถึงบ้าน ภรรยาของทั่นจะเกิดลมเพชหึงขึ้นมา ทั่นหัวแตกแน่นอน เพราะฉะนั้น อย่าขายเห็ดลม / สายลมนั้นบารมียิ่งใหญ่ดั่งพระพาย ผู้ให้ลมหายใจแก่มวลมนุษย์ชาติ ยิ่งใหญ่ดังพระพุธ ผุ้มีวาจาแห่งการสื่อสารชั้นเลิศไร้เทียมทาน / แต่อย่าอยุ่เหนือลม ถ้าทั่นตด
- ใจที่เป็นไฟนั้น หากเป็นไฟแห่งการสร้างสรรค์ ย่อมสว่างดุจปัญญา / หากเป็นไฟราคาและไฟแห่งการทำลายล้างแล้วไซร้ เชิญพบกับทั่นยมได้เมื่อทั่นตาย / อย่าลืมว่าไฟนั้นแม้ร้อนแรง ถึงขั้นเผาผลาญทุกสรรพสิ่งให้มอดใหม่ แต่ไฟกลับหลอมให้เหล็กนั้นแข็งแร่ง / ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่ากับการค้นพบไฟของมนุษย์ในยุคโบราณได้เท่ากับการค้นพบและสร้างสรรค์เทคโนโลยีอย่างระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ทำให้เราๆท่านๆทั้งหลายได้ติดต่อสื่อสารกันอยุ่นี้ / ไฟนั้นเปรียบได้กับ สุริยเทพ เทพเเห่งแสงสว่างและปัญญา
- อากาศนั้นไซร้ ถ้า ดินเสื่อม น้ำเน่า ลมพิษ ไฟริษยา / จงนำต้นรักมาปลูก / แล้วสักวัน คุณจะหายใจเอาอากาศที่บริสุทธิ์เข้าปอด / จงตั้งมั่นในธาตุรู้ /
-----------------------------
บทความโดย พ่อมดโลจิ แห่ง จีเอ็มซิตี้ดอทคอม

 

(verygood)


เห็นใจ กันบ้าง ท่านว่า ฮ่า ฮ่า

00<O</O
<O</O
เมื่อลมพัด ท่านบอกว่า นั่นไม่ใช่ลม<O</O
ข้า สับสนสุดประมาณ วานเฉลย<O</O
เมื่อแดดออก ท่านก็ว่า อย่ายึดเลย<O</O
ทำเฉยๆ เดี๋ยวรู้ เดี๋ยวดีเอง
<O</O
โ อ้... อกข้า พาขัดข้องพี่น้องเอ๋ย<O</O
ให้ทำเฉย ทำไม่ได้ ย่อมขัดสน<O</O
วานผู้รู้ ช่วยบอกกล่าว ให้ได้เร้าอารมณ์<O</O
ขอชื่นชม ยกย่อง พ้องใจกัน
00<O</O
<O</O

<!-- / message --><!-- sig -->

 

00เตโชธา-ตุ นี่หนาที่ว่าเริ่ม
ใส่เพิ่มเติม ธาตุ- วิญญาณ ตัวรู้จริงไหมหนอ...?

00ได้แค่นั้นหาใช่ว่า จะเพียงพอ
ยังต้องรอ เพื่อพอด้วย ธาตุ-อากาศ
มาร่วม-รวมแรงกัน


00จึงได้เกิด เย็น-ร้อนป้อนต่อเหตุ
เหมือนเป็นเวทย์-ปลุกชีวา ปานอาถรรพ์
ณ ที่ ศูนย์กลางกาย ของท่านทุกผู้นั้น
กำเนิดพลัน-ร่วมสุขสรรค์- วันทุกข์บนโลกา


00เมื่อลมคลายหายไปจึงตายดับ<O</O
ต่อมาก็ลาลับ ไฟธาตุ - อากาศสูญ
ร้อนได้ดับ เย็นจึงรับต่อช่วงตามกาลอันสมบูรณ์
น้ำ-ดิน พ่วงตามท้ายก่อนที่จะหาย-สลายไป

00จึงลุล่วงการเกิด-ดับ สายใย ไปที่ศูนย์
เดียวอาดูญ หาใครเหลียว-มาแลไม่<O</O
ทุกข์ ร้อน หนาว เช้า-ค่ำ เพลิน ดำเนินไป
มาสุดท้าย เป็นวิญญาณ-ธาตุ
ตายพลัดพราก...จากรูปกาย

<O</O
<O</O
<O</O
มือใหม่หัดแต่ง อย่าถือสา เลย...

 

*** ความจริงที่กำลังเกิดขึ้นกับโลก ****

โลก...มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้...กำลังได้รับการจัดสรรให้สมบูรณ์ขึ้น
โดย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจักรวาล
ด้วย.......น้ำ จากทางช้างเผือก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ไม่มีธาตุไหนทรงพลังมากที่สุด
รู้แค่ว่าธาตุทุกธาตุ ดีที่สุด มีประโยชน์เสมอกันหมด
และทุกธาตุเกิดมีขึ้นมาเพื่อเกื้อกูลกัน เมื่อนั้นถึงจะทรงพลังมากที่สุด
---------------------------------------

 

ดินน้ำลมไฟ เมื่อไม่สมดุลย่อมเกิดพลังทำลายล้างได้รุนแรงได้ทั้งนั้น เมื่อสมดุลก็ค้ำจุนสรรพสิ่งได้ แต่ที่น่าจะมีพลังในการเปลี่ยนแปลงที่สุดน่าจะเกิดจากมนุษย์ เพราะมนุษย์มีธาตุดินน้ำลมไฟครบถ้วน และยังมีจิตอันมีธาตุรู้ เมื่อใดที่จิตถูกห่อหุ้มด้วยอวิชชา มีความโลภ โกรธ หลง มาก ย่อมทำลายได้ทุกสิ่ง เมื่อใดจิตบริสุทธ์ธาตุรู้จะเชื่อมโยงกับสรรพสิ่งได้

 

ข้อมูลการล่มสลายของจักรวาลโดยธาตุในพระไตรปิฎก

ยามที่กัปป์ถูกทำลายด้วยไฟ ไฟจะไหม้ทำลายไปถึงพรหมโลกชั้นที่เกิดจากปฐมฌาณ
ยามที่กัปป์ถูกทำลายด้วยน้ำ น้ำจะทำลายไปจนถึงพรหมโลกชั้นที่เกิดจากทุติยฌาณ
ยามที่กัปป์ถูกทำลายด้วยลม ลมจะทำลายไปถึงพรหมโลกชั้นที่เกิดจากตติยฌาณ
(พรหมโลกชั้นสูงที่เกิดจากจตุตฌาณขึ้นไปจะพ้นจากการทำลายด้วยภัยธรรมชาติทั้งปวง รอสิ้นอายุตามกำลังฌาณของตัวเท่านั้น)

เมื่อกัปป์ถูกทำลายด้วยไฟครบ 7 ครั้ง ครั้งที่แปดจะถูกทำลายด้วยน้ำ
เมื่อกัปป์ถูกทำลายด้วยน้ำครบ 7 ครั้ง ครั้งที่แปดจะถูกทำลายด้วยลม