ขอเชิญไหว้บรมครูสัมมาสัมพุทธเจ้าและสมัครเรียน สมมติจักวิทยา (โหราศาสตร์แนวพุทธ)

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย Lue_b18, 19 สิงหาคม 2011.

  1. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    [​IMG]

    ณ.ชมรมศิษย์สุวรรณโคมคำ
    ขอเชิญร่วมไหว้บรมครูสัมมาสัมพุทธเจ้า
    และสมัครเรียนโหราศาสตร์คัมภีร์สุวรรณโคมคำ
    วันพถหัสบดี ที่ ๑๓ และ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๔
    ณ.ชมรมศิษย์สุวรรณโคมคำ
    33/12 ซ.สาธุประดิษฐ์ 33 ถ.นนทรี
    แขวนบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพ

    เรียนฟรี (ค่าพานครู ๑๐๐ บาท วันไหว้ครู)

    ศรีสุวรรณโคมคำ
    ........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2011
  2. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    เรียนโหราศาสตร์ฝึกกสินกรรมฐาน ณ ชมรมศิษย์สุวรรณโคมคำ

    ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์

    และขอน้อมจิตสู่บูรพาจารย์แห่งสุวรรณพิคารทั้งที่มีกายเนื้อและไม่มีกายเนื้อ

    หากมีผู้หนึ่งผู้ได้มีบุญมีวาสนา มีจิตเป็นสัมมาทิฏฐิเป็นไปเพื่อทางเเห่งกุศล

    เพื่อสืบต่ออายุพระศาสนาไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะอยู่ณ.แห่งหนตำบลใด

    ขอให้ได้มารู้ได้มาเห็นได้มาเรียนในวิชาคำภีร์สุวรรณโคมคำ(คัมภีร์มหาจักรพรรดิราช )

    เทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2011
  3. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    ไหว้บรมครูสัมมาสัมพุทธเจ้า
    รอบแรก
    พฤหัสบดี ที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๔
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF0407.JPG
      DSCF0407.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      114
    • DSCF0410.JPG
      DSCF0410.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      59
    • DSCF0384.JPG
      DSCF0384.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      69
  4. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    คุณสมบัติชาวพุทธ

    ๑. มีศัทธา คือ เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เชื่อกรรมและผลของกรรม
    และเชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของๆ ตน เช๋น เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

    ๒. มีศีล คือ รักษาศีลเป็นนิตย์ ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ ในชีวิตประจำวัน ศีล ๘
    ในวันอุโบสถ เป็นต้น

    ๓. ไม่ถือมงคลตื่นข่าว คือเชื่อกรรม มุ่งหวังผลจากการกระทำ ไม่ใช่จาก
    อำนาจดลบันดาล

    ๔. ไม่แสวงหาเขตบุญนอกพระพุทธศาสนา คือ กราบไหว้บูชา บำเพ็ญบุญ และ
    ประพฤติธรรมในกรอบของพุทธศาสนาเป็นสำคัญ

    ๕. ขวนขวายในการอุปถัมภ์บำรุงรักษาพระพุทธศาสนา มีการให้ทาน ศึกษา
    และประพฤติธรรม เป็นต้น
     
  5. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    เปิดไหว้ครูรุ่นที่ ๑๕

    วันพฤหัส ที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔

    เวลา 17.30; 19.00


    วลาเรียน

    วัน พฤหัส 18.00 - 20.30 น.

    วัน เสาร์ , อาทิตย์ 14.30 - 17.00 น.




    หยุดวัน จันทร์และวันศุกร์ (เลือกเรียนได้ อาทิตย์ ละ 1 วัน )

    หลักฐานการสมัครเรียน ขอรับใบสมัครได้ที่ชมรมฯ



    - สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ฉบับ
    - รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว 1 รูป
    - ใบสมัครที่กรอกรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว

    โทร. 02 681 2524 ; 08 9215 0588 ; 08 5046 3356


    วิชาที่เปิดสอน

    1. ภูตกสิน หลักธรรมประจำดาว โดยเรียนภูตกสิณ 8 ครั้ง
    พร้อมสอบอารมณ์กรรมฐาน เมื่อผ่านอารมร์กรรมฐาน
    จึงได้เลื่อนเข้าไปเรียนสัตตาภิธรรม 10 ครั้ง

    2. กรรมจักร เบื้องต้น 12 ครั้ง
    (ผ่านคอร์สพื้นฐานของสัตตาภิธรรมแล้ว)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2011
  6. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    ผู้ที่ใช้ศาสตร์คัมภีร์สุวรรณโคมคำ ในส่วนพยากรณ์ก็มีกฎระเบียบที่จำเป็นต้องรักษาอย่างเคร่งครัด ๓ ประการ คือ สัจจะ ศีล ธรรม และต้องใช้กสินสมาธิประกอบขณะพยากรณ์
    สัจจะ คือ ขณะพยากรณ์จะต้องพูดแต่คำจริงเเท่นั้น (อันไหนที่เป็นความจริง แต่ผ่านไปแล้วอาจแก้ไขอะไรได้ กล่าวไปก็ทำให้หนักใจ หม่นหมอง ไร้ประโยชน์ ก็ไม่ต้องกล่าวถึงก็ได้ ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัจจะ)

    ศีล คือ ใช้ศาสตร์การพยากรณ์อย่างมีศีลธรรม ไม่นำไปใช้ในทางที่ชั่ว พยากรณ์แต่เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ไม่พูดให้เยิ่นเย้อมากความ นำไปปฎิบัติไม่ได้ และไม่พูดอ้อมค้อม เลียบเคียงเพื่อเรียกเอาผลประโยชน์แก่ตน

    ธรรมะ คือ คำพยากรณ์จะต้องอ้างอิงหลักธรรม ไม่ออกนอกหลักธรรมเของ
    พระพุทธศาสนา แนะนำวิธีแก้ด้วยไขด้วยหลักธรรม (ธรรมโอสถ)และกฎแห่งกรรม
    และศิษย์สุวรรณโคมคำทุกคนจะต้องฝึกกสินสมาธิไปด้วย เพื่อให้จิตใจเจริญงอกงามและป้องกันไม่ให้จิตตกต่ำ พลาดพลั้งไปทำความชั่วได้ และให้ใช้วิชาอย่างถกต้อง ปกป้องประเทศชาติและพระพุทธศาสนา รักษาคุณธรรม นำความรุ่งเรืองมาสู่ตนและส่วนรวม
    นี้เป็นคำย้ำเตือนและเป็นกฎของสุวรรณโคมคำ
     
  7. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    แจ้งข่าวดี

    ไหว้บรมครูสัมมาสัมพุทธเจ้า
    รอบสอง
    พฤหัสบดี ที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔


    เวลา 17.30 , 19.00น.

    บรมครูต้นตำรับวิชาคัมภีร์สุวรรณโคมท่านจะเข้ามาประสิทธิประสาทวิชาให้ด้วยตัวท่านเอง
     
  8. น้ำแดงแป้ด

    น้ำแดงแป้ด สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +8
    มีรถโดยสารประจำทางสายไหน ผ่านชมรมบ้างคะ
     
  9. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    [​IMG]

    พระอาจารย์ ศิษย์สิงดำ มาประสิทธิ์วิชาให้เองเลย รับรองรุ่นนี้ขลังสุดๆ ฟันเฟิม อิอิ
     
  10. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    .............................................................................
    ผ่าน ถ.สาธุประดิษฐ์ สาย 35 62 รถสองแถวแดงสาย 1279

    ผ่าน เซ็นทรัลพระราม 3 สาย 22 62 77 102 180

    ผ่าน ถนนเลียบแม่น้ำ ทางเข้าเขตยานนาวา สาย 89 205

    ครับ.
     
  11. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    กฎแห่งกรรม
    " คัมภีร์สุวรรณโคมคำ " ต่างจากโหราศาสตร์ตำราอื่น ๆ เนื่องจาก คัมภีร์สุวรรณโคมคำ ยึดหลักพระพุทธศาสนา ในเรื่อง กฎแห่งกรรม
    โดยยกเอา " เหตุ และ ผลของกรรม " นั้นเป็นเครื่องพิจารณา กรรม เกิดขึ้นจากการกระทำของผู้นั้น และ กรรม นี้คือเหตุ อันที่จะแสดง ผล สนองต่อผู้กระทำ ทั้ง กุศลกรรม (ความดี) และ อกุศลกรรม (ความชั่ว) ในทางปรมัต เรียก ผลกรรมว่า "วิบาก" ซึ่งจะทำให้ สัตว์โลกได้รับ สุข หรือ ทุกข์ มีด้วยกัน ๒ ประการ คือ
    ๑. กรรมในอดีต (ปุพเพกตปุญญตา) กรรมที่ได้กระทำไว้ในชาติปางก่อน และ ผลกรรมนั้นติดตัวมากับ "จุติ" และ "ปฎิสนธิ" ในชาตินี้
    เพื่อรับผลกรรมที่ตนได้กระทำไว้
    ๒.กรรมในปัจจุบัน(ปัจจุบันกัม) กรรมที่ปัจจุบันได้รับผล หรือแสดงผลในทันทีทันใด เช่นทำบุญกับพระอรหันต์เจ้า เป็นต้น
    วิบาก " ปุพเพกตปุญญตา " ผลกรรมที่ทำไว้ในอดีต
    จุติ " สันดาน ,วาสนา " นำผลกรรมอะไรไปด้วย เมื่อจุติ (ตาย,สิ้นสภาพ) จากภพเดิม
    ปฎิสนธิ "ตัวรับผลของวิบาก " เกิดขึ้นในฐานะ, สภาวะอะไร
    ภูมิ " ปัจจัยแห่งวิบาก ตัวส่งผล " ลักษณะปัจจัยการสนับสนุนปฎิสนธิ
    ภพ " สภาพผลที่ได้รับโดยวิบาก " ลักษณะปัจจัยการสนับสนุนภูมิ อันเป็นเหตุก่อให้เกิด " วิบากใหม่" ต่อเนื่องไปอีก องค์ ๕ แห่งวัฎจักรแห่งกรรมนี้คือ สิ่งที่ทำให้เกิดสัตว์ทั้งหลายแตกต่างกันไปด้วย ผลของกรรมของแต่ละบุคคลทีได้กระทำมานั้น


    ผู้ทีสามารถรู้ "ผลกรรมในอดีตชาติ" หรือ"วิบาก" ได้นั้นมีอยู่ ๒ ประเภทคือ พระอริยบุคคล ๑ โหราจารย์ ๑ บุคคลทั้งสองประเภทนี้สามารถพยากรณ์ได้ว่า ปุพเพกตปุญญตา ที่ได้กระทำมานั้น จะแสดงผลในลักษณะใด ที่ไหน เมื่อไร สัตว์โลกนั้น ๆ ได้มีกรรมชนิดใดติดตัวมาบ้าง
    <O:p</O:p
     
  12. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    สำหรับบุคคลทั่วไปขอเชิญสังวัธยายมนต์และปฎิบัติปฐวีกสิน
    ทุกวันอาทิตย์ เวลา ๑๓.๐๐ น.
     
  13. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    วิชาที่เปิดสอน

    กสิน / หลักธรรมประจำดาว / สัตตาภิธรรม
    / กรรมจักร และงานดอกไม้ใบตอง
     
  14. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    [​IMG]

    เขียนตามวิชากรรมจักรคัมภีร์สุวรรณโคมคำ
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shape id=_x0000_s1026 style="MARGIN-TOP: 528.75pt; Z-INDEX: 1; MARGIN-LEFT: 343.5pt; WIDTH: 150pt; POSITION: absolute; HEIGHT: 181.5pt; mso-wrap-distance-left: 0; mso-wrap-distance-right: 0; mso-position-vertical-relative: line" alt="" o:allowoverlap="f" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\luecha\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif" o:title="pati1"></v:imagedata><?xml:namespace prefix = w ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</w:wrap></v:shape>
    องค์ประกอบของปฏิจจสมุปบาท
    องค์ประกอบของชีวิตซึ่งมีความสัมพันธ์กันตามหลักของปฏิจจสมุปบาทนี้ท่านเรียกว่าองค์ประกอบของปฏิจจสมุปบาท ซึ่งมี อวิชชา สังขาร วิญญาณ ฯลฯแต่ละองค์มีความสัมพันธ์กันเหมือนลูกโซ่ ชีวิตของสัตว์ก็ย่อมเวียนอยู่ในวัฏจักร มีความเกี่ยวเนื่องกันเหมือลูกโซ่ ดังนี้

    <v:shape id=_x0000_s1026 style="MARGIN-TOP: 2.25pt; Z-INDEX: 1; MARGIN-LEFT: 279pt; WIDTH: 150pt; POSITION: absolute; HEIGHT: 181.5pt; mso-wrap-distance-left: 0; mso-wrap-distance-right: 0; mso-position-horizontal-relative: text; mso-position-vertical-relative: line" alt="" o:allowoverlap="f" type="#_x0000_t75"><w:wrap type="square"></w:wrap></v:shape>
    อวิชชา เป็นปัจจัยให้มีสังขาร

    สังขาร เป็นปัจจัยให้มีวิญญาณ
    วิญญาณ เป็นปัจจัยให้มีนามรูป
    นามรูป เป็นปัจจัยให้มีสฬายตนะ
    สฬายตนะ เป็นปัจจัยให้มีผัสสะ
    ผัสสะ เป็นปัจจันให้มีเวทนา
    เวทนา เป็นปัจจัยให้มีตัณหา
    ตัณหา เป็นปัจจัยให้มีอุปาทาน
    อุปาทาน เป็นปัจจัยให้มีภพ
    ภพ เป็นปัจจัยให้มีชาติ
    ชาติ เป็นปัจจัยให้มีชรามรณะ
    ชรามรณะ เป็นปัจจัยให้มี โสกะ , ปริเทวะ

    องค์ประกอบของปฏิจจสมุปบาท ๑๒ องค์นี้ เป็นส่วนประกอบของชีวิตผู้ที่ยังตัดอวิชชาไม่ได้แม้ตายไปแล้วอวิชชาก็เป็นปัจจัยให้มีสังขารสังขารก็เป็นปัจจัยให้มีวิญญาณ ฯลฯต่อไปอีกไม่รู้จักจบสิ้นการเรียนรู้เรื่องปฏิจจสมุปบาทนี้จึงเป็นการเรียนรู้กฎธรรมชาติของชีวิตจะได้ไม่ต้องหลงไหลในเหตุปัจจัยภายนอก เพราะชีวิตนั้นหมุนเวียนไปตามวัฏฏะ คือกิเลส กรรม วิบาก ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยต่อเนื่องกันอยู่ตลอดเวลาเมื่อเราได้รับผลอย่างไรของชีวิต เช่น มีสุข ทุกขื ดี ชั่วอย่างไรก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่าเป็นเพราะเหตุคือ กรรม ที่ต้องทำกรรมก็เพราะกิเลสเป็นเหตุให้ทำ ตราบใดที่ยังตัดกิเลสไม่ได้ชีวิตก็ต้องเป็นอยู่อย่างนี้หมุนอยู่อย่างนี้ร่ำไป เมื่อเข้าใจถูกต้องอย่างนี้ความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญาก็จะเกิดขึ้น จะเกิดความเชื่ออย่างมีเหตุผลเช่นเชื่อว่าชีวิตทุกชีวิตย่อมเป็นไปตามกรรม และกรรมนั่นเองเป็นผู้ลิขิตชีวิตให้เป็นไปต่าง ๆ กัน ดีบ้าง เลวบ้าง เพราะชีวิตกรรมลิขิต<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC010011.jpg
      DSC010011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.3 MB
      เปิดดู:
      145
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2011
  15. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    สุวรรณโคมคำ

    เป็นชื่อดินแดนในอดีต มีมาตั้งแต่สมัยพระกกุสันธพุทธเจ้า ในสมัยนั้นเรียกว่า “ถ้ำกุมภ์” เป็นสถานอันพระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาฉันบิณฑบาต และทรงมีพุทธทำนายไว้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เหลืออีก ๔ พระองค์ ในอนาคตจะมาฉันบิณฑบาตที่ถ้ำนี้เหมือนเช่นกับพระองค์ เพราะเป็นสถานที่ที่จะทรงประดิษฐานพระพุทธศาสนาไว้อย่างมั่นคงในอนาคต ภายหลังสถานที่แห่งนี้ ได้มีชื่อว่า เมืองสุวรรณโคมคำ แปลว่า โคมทอง เมืองสุวรรณโคมคำ มีอาณา เขตกว้างใหญ่ไพศาล (ดูในตำนานเมืองสุวรรณโคมคำ) มีอาณาบริเวณสุดลูกหูลูกตา เป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา มีพระพุทธศาสนาเป็นศูนย์รวมใจ ครูบาอาจารย์ในสายสุวรรณโคมคำ เล่าสืบมาว่า ท่านผู้มีฤทธิ์ฌานและบรรลุธรรมขั้นสูงในพุทธศาสนาได้รจนาไว้ เพราะเห็นว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมก็จริง แต่จะรู้ได้เฉพาะผู้ที่มีบารมีธรรมและฤทธิ์ฌานแก่กล้า
    สำหรับปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจะรู้ได้ ทำให้ดำเนินชีวิตด้วยความประมาท อย่างไม่รู้โลก ด้วยเหตุนี้ ท่านเหล่านั้นจึงได้รจนาคัมภีร์สุวรรณโคมคำขึ้น เพื่อใช้คำนวณบุญกรรมให้เห็นเป็นรูปธรรม คัมภีร์สุวรรณโคมคำจึงถืออุบัติขึ้นแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และเพราะเหตุว่า คัมภีร์นี้เกิดขึ้นในแผ่นดินสุวรรณโคมคำ บูรพาจารย์สุวรรณโคมคำจึงได้เรียกขานคัมภีร์นี้ว่า
    คัมภีร์สุวรรณโคมคำ” หรือเรียกอีกชื่อว่า "คัมภีร์มหาจักรพรรดิราช" คัมภีร์นี้แสดงสูตรคำนวณบุญบาปที่ให้ผลตามกาลเวลาไว้และยังรวมเอาศาสตร์อื่น ๆ ที่มีหลักการเดียวกันผนวกไว้อย่างครอบคลุมรวมทั้งหมด ๑๖ ส่วนได้แก่
    ๑. ลคฺนา ว่าด้วย สภาพชีวิตความเป็นอยู่รูปร่างบุคลิก
    ๒. โหรา ว่าด้วย ความเจริญ ความเสื่อม ฐานะ
    ๓. ตรียางฺค ว่าด้วยความสุขทุกข์ทั้งหลาย
    ๔. จตุรทฺสํส ว่าด้วยความรุ่งโรจน์สูงสุด
    ๕. ตมสํส ว่าด้วยอนาคตอันใกล้ (แบ่งออกเป็น๗ปกรณ์)
    ๖. นวางฺค ว่าด้วยอุบัติกาลคู่
    ๗. ทสมสํส ว่าด้วย ตำแหน่งอำนาจอิทธิพลบารมี (แบ่งออกเป็น๑๐ปกรณ์)
    ๘. ทวาทสํส ว่าด้วยผู้อุปถัมภ์บุพพการีวงศ์สกุล (แบ่งออกเป็น๒๐ ปกรณ์)
    ๙. โสทสํส ว่าด้วยทรัพย์อันเป็นมรดกดินแดนการยึดครอง
    ๑๐ วิมสํส ว่าด้วย กรรมเก่า ( แบ่งออกเป็น๒๐ปกรณ์)
    ๑๑. จตุรวมสํส ว่าด้วยความสำเร็จในการศึกษาวิทยาการ(แบ่งออกเป็น๒๐ปกรณ์)
    ๑๒. ภงฺส ว่าด้วยธาตุปราณและสมุนไพร(แบ่งออกเป็น๒๗ปกรณ์)
    ๑๓. ตริมสํส ว่าด้วยข้าศึกศัตรูอุบาทว์และอุปสรรค (แบ่งออกเป็น๓๐ปกรณ์)
    ๑๔. อคฺคเวทสํส ว่าด้วยพฤติแห่งอาชีวะ(แบ่งออกเป็น๑๕ปกรณ์)
    ๑๕. ขวทสํส ว่าด้วยการห้ามฤกษ์และวางฤกษ์ตามกลุ่มนักษัตร
    ๑๖. ฉฎฺฐองฺส ว่าด้วยอรรถย่อยทั้งหลาย
    ทั้ง ๑๖ ส่วนนี้ รวมเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า“โสฬส
    เป็นการแบ่งวิชาเท่ากับจำนวนส่วนทั้ง ๑๖ ของดวงจันทร์ ตามคัมภีร์สุวรรณโคมคำนั้นเองผู้เรียนเจนจบครบสูตรทั้งหมดนี้เรียกว่า “สำเร็จโสฬส”
     
  16. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    กลายเป็นยอดคนครบถ้วนกระบวนยุทธ์คัมภีร์สุวรรณโคมคำ ได้สืบต่อเรื่อยมารุ่นแล้วรุ่นเล่าโดยเหล่าศิษย์ผู้ได้รับการถ่ายทอดด้วยศักดานุภาพของคัมภีร์ที่มากล้นนี้ล้วนเป็นที่หมายปองของผู้แสวงหาวิชายิ่งนัก (คล้าย ๆ คัมภีร์กลยุทธ์ซุ่นจื่อ ที่ได้รับการสืบทอดโดยซุนปิง) ถึงกับยกทัพจับศึกแย่งชิงตามที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ คัมภีร์สุวรรณโคมคำได้ผ่านกาลสมัยมาช้านาน
    ต่อมาคัมภีร์นี้ได้ตกทอดมาถึง " สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีศรีรัตนลงกาทีปมหาสวามี" นามเดิม คือ พระศรีศรัทธาเป็นโอรสของกมรเตงอัญรามคำแหงประสูติณเมืองสองแคว(พิษณุโลก) เมื่อเจริญชันษาได้ศึกษาศิลปวิทยา และเจนจบคัมภีร์มหาจักรพรรดิราช หรือคัมภีร์สุวรรณโคมคำ สำเร็จโสฬสแต่ครั้งเยาว์วัย
    นอกจากนี้ ยังทรงเชี่ยวชาญในวิชาคชศาสตร์และอัศวศาสตร์ (อันหนึ่งรู้คุณช้าง อันหนึ่งรู้คุณม้า อันหนึ่งรู้คุณสีหะ จารึกวัดศรีชุมว่างั้น) ในช่วงวัยหนุ่ม พระศรีศรัทธาได้สู้รบกับขุนต่าง ๆ มากมาย จนสุดท้าย ได้ทำยุทธหัตถีกับขุนจัง แทนพ่อขุนรามคำแหง ได้รับชัยชนะอย่างสง่างาม ต่อมาพระศรีศรัทธาเห็นภัยในการครองเรือน ได้ทิ้งอาวุธ นำทรัพย์สมบัติออกบริจาคทาน และได้ยกพระธิดา และพระชายาให้แก่ผู้ที่มาขอ ได้เจริญรอยตามพระเวสสันดรโพธิสัตว์ เสด็จผนวชบวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาได้จาริกไปแสวงบุญที่เกาะลังกา หลังจากที่กลับจากการแสวงบุญที่เกาะลังกา ด้วยสมเด็จพระธรรมราชาลิไทย ตรัสให้บัณฑิตไปอาราธนานิมนต์กลับสู่กรุงสุโขทัยแล้ว ครูบาอาจารย์สายสุวรรณโคมคำเล่าสืบมาว่า "สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาฯได้ผนวกเนื้อหาของพระอภิธรรมเข้าไว้ในคัมภีร์สุวรรณโคมคำ (ซึ่งท่านชำนาญอยู่แล้ว) จนครบสมบูรณ์ซึ่งแต่เดิมนั้น <O:p</O:p
    คัมภีร์สุวรรณโคมคำมีเนื้อหาธรรมะครบถ้วนอยู่แล้วแต่ด้วยผ่านกาลเวลามาช้านาน ทำให้หลักธรรมกร่อนไปเป็นอันมากเหลือเพียงหลักการคำนวณและคำพยากรณ์เท่านั้น
    ดังนั้นผู้ที่ศึกษาวิชาในคัมภีร์สุวรรณโคมคำเพื่อให้สำเร็จในขั้นสูง จำเป็นต้องศึกษาธรรมะ และฝึกกสิณสมาธิควบคู่ไปด้วย เมื่อบั้นปลายชีวิตของสมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนี ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิด คือ วัดจุฬามณี จนกระทั่ง ละสังขารลาจากโลกนี้ไปรวมอายุได้ประมาณ๘๓ ปี เชื่อกันว่า แม้พญาลิไทก็ได้รับการถ่ายทอดคัมภีร์นี้จากสมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาฯ ด้วยเช่นกัน ต่อมาในสมัยหลังคัมภีร์นี้ตกทอดมาจนถึง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช คงประกอบด้วยเหตุนี้พระองค์ท่านจึงปรีชาสามารถกอบกู้เอกราชได้สำเร็จ ภายในเวลาอันสั้นและก่อนสวรรคตโปรดให้คนนำคัมภีร์สุวรรณโคมคำ ไปคืนไว้ที่เมืองสุวรรณโคมคำเดิม (ประเทศลาว)<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2011
  17. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    สงสัยต้องไหว้อีกซัก 10 รอบ
    สุขสันต์วันเกิดท่านศิษย์สิงดำด้วยนะครับ

    hello4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กันยายน 2011
  18. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    ************************************************
    มิทราบ คุณลมใต้ปีก หมายถึงใครรึขอครับ​
     
  19. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    นักปราชน์ เฉลยว่า

    มวลมนุษย์ ปุถุชน ดำเนินวิถีชีวิตแห่งตน
    บนแท่นสถิต ๓ ก ไฉน

    ก ๑ กิน เพื่อท้อง เพื่อบำรุงเลี้ยงอาตมา
    ก ๒ กาม เพื่อครองเรือน เพื่อครอบครัว
    เพื่อวงศาคณาญาติ
    ก ๓ กิจ เพื่ออาชีพ เพื่อเงินตรา เพื่อฐานะ
    สมบัติโลดในในสังคม

    รวมไว้ ๓ ก อันเป็น "โลกียวิสัย"
     
  20. Lue_b18

    Lue_b18 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,080
    [​IMG]
    เทียบจุติตนกับสถานที่ที่จะปฏิบัติกรรมฐานให้ได้ผลดีกับตัวเอง เริ่มต้นจาก
    จุติ ๑ดาวอาทิตย์ สถานที่เหมาะสมกัน เป็นที่สว่าง เด่น โอ่โถง หรือร้อน
    จุติ ๒ดาวจันทร์ สถานที่เป็นน้ำไหลเรื่อย ล่มเงา สบาย ๆ
    จุติ ๓ ดาวอังคาร เป็นน้ำตกก็ได้แต่ต้องเป็นที่น้ำแรงเซาะหิน ที่โขดหิน ไม้มีหนาม
    จุติ ๔ ดาวพุธ เป็นที่ชายเลนหรือหันหลังให้น้ำ ที่ต้นไม้ผลิใหม่
    จุติ ๕ ดาวพฤหัส เป็นที่อุ่น ๆ อาศรมศาลา
    จุติ ๖ ดาวศุกร์ ที่สวยงาม มีดอกไม้
    จุติ ๗ ดาวเสาร์ จอมปลวก ถ้ำ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cats.jpg
      cats.jpg
      ขนาดไฟล์:
      241.5 KB
      เปิดดู:
      153
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...