"ท่องแดนมหัศจรรย์ (นรก สวรรค์ บาดาลและหิมพานต์) กับข้าพเจ้า

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 6 สิงหาคม 2011.

  1. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ข้าพเจ้ารู้สึกหวั่นใจพอสมควรที่จะไปยังดินแดนที่ข้าพเจ้ากลัวมาโดยตลอด แต่ความอยากรู้อยากเห็นมันมีมากกว่า ความกลัว ข้าพเจ้าเลยตัดสินใจทำสมาธิ ไปยังสถานที่นั้น ข้าพเจ้าเห็นภาพของสถานที่นั้น มันเหมือนข้างแรม 8 ค่ำ ค่อนข้างๆสลัวๆ ข้าพเจ้าพบว่า ตัวเองยืนอยู่บนทางเดินที่เป็นถนนลูกรังสีแดง มีบ้านเรือน ผู้คนใส่ เสื้อผ้าสีเรียบๆ พวกเขาพูดกันด้วยภาษแปลกๆ ที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ แต่เหมือนคนทรงที่พูดภาษานี้ ข้าพเจ้าภาวนา"ภะคะวา พุทโธ
    ภะคะวา" ไปด้วย แล้วข้าพเจ้าก็เดินไปตามทาง มีผู้คนกำลังถือสิ่งของด้วยการหาบบ้าง แบกใส่บ่าบ้าง มีบ้านหลังหนึ่งเขากำลังทำอาหาร เมื่อข้าพเจ้าเดินไปถึง บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งมีเสียงตะโกนว่า"หยุดก่อนท่าน" แล้วผู้ชายคนนั้น ก็รีบวิ่งลงมาจากบ้านมายืนอยู่ตรงหน้าของข้าพเจ้า แล้วเขาก็นั่งคุกเข่า ข้าพเจ้าเห็นน้ำตาของเขาไหลออกมา เขาพูดว่า"ช่วยพวกเราด้วย พวกเราอยากไปจากที่นี้" ข้าพเจ้าสับสนเลยหยุดภาวนา ทุกคนในสถานที่นั้นพากันมาล้อมตัวข้าพเจ้าไว้ คนที่กำลังถือสิ่งของอยู่ ก็พากันทิ้งสิ่งของที่ถือนั้นลงพื้น คนที่กำลังกินข้าวก็พากันเลิกกิน เด็กน้อยที่กำลังเล่นอยู่ ผู้เป็นแม่ก็รีบอุ้มเด็กน้อยนั้นมารอบล้อมข้าพเจ้าไว้ โดยคนที่ใกล้ที่สุดห่างจากข้าพเจ้าเพียงสองก้าว แล้วพวกเขาก็พากันนั่งลงกับพื้น ข้าพเจ้าเห็นน้ำตาของพวกเขาไหล แล้วพวกเขาก็ยกมือพนมไหว้ข้าพเจ้าทุกคน ผู้ชายนั้นที่มาจากบ้านหลังใหญ่หลังนั้นพูดว่า "ช่วยพวกเราด้วยครับ อยากจะไปจากที่นี้" เขาพูดเสร็จ ก็ร้องไห้ออกมา ทุกคนในสถานที่นั้นพากันร้องไห้ ข้าพเจ้าไม่เคยเจอผู้คนนับร้อยมาร้องไห้ต่อหน้า ข้าพเจ้าสับสนทำอะไรไม่ถูก ข้าพเจ้านึกถึงเทวดาว่าช่วยข้าพเจ้าด้วย เมื่อข้าพเจ้าเงียบ ไม่แสดงอาการอะไร พวกเขายิ่งร้องไห้ เสียงดังกว่าเดิม แม่ที่อุ้มลูกถือของเล่นอยู่ ก็เอามือจับของเล่นลูกโยนทิ้ง แล้วตีลูกให้ลูกพนมมือไหว้ข้าพเจ้า เหตุการณ์นี้ผ่านไปประมาณ 5 นาที ข้าพเจ้าได้ยินเสียงพูดเบาๆ แต่มีพลังว่า "สัตเพ สัตตา" ข้าพเจ้านึกถึงตอนเป็นสามเณรเราจะสวดบทนี้ตอนท้ายๆ ข้าพเจ้าเลยสวดมนต์บทนี้
     
  2. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    "สัพเพสัตตา อะเวราโหนตุ อัพพะยาปัชฌาโหนตุ อนีฆาโหนตุ สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ สัพเพสัตตา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปะฏิสะระณา ยังกัมมัง กะริสสันติ กัลยาณังวา ปาปะกังวา ตัสสะ ทายาทา
    ภะวิสสันติ"
    ด้วยเสียงพอประมาณ และสวดช้าๆ พวกเขาจะสาธุตลอดที่ข้าพเจ้าเว้นวรรค และเมื่อสวดเสร็จ พวกเขาก็พากันสาธุดังๆ บรรยากาศที่นั้น เมื่อข้าพเจ้าสวดเสร็จ พวกเขาก็ร้องเหมือนเดิม แต่ก็มีรอยยิ้ม แล้วพวกเขาก็ทะยอยกลับไปทำกิจธุระเดิมที่พวกเขาทำ คนที่ทิ้งของก็กลับไปเก็บสิ่งของที่เขาทิ้ง เหลือข้าพเจ้ากับผู้ชายที่มาจากบ้านหลังใหญ่กันสองคน ข้าพเจ้าเลยถามเขาว่า "ทำไมถึงมาอยู่สถานที่นี้" เขาตอบว่า"เขาเป็นหัวหน้าที่นี้ ตอนเป็นมนุษย์ ชอบผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ไม่ชอบไปทำบุญ กุศล ทำบ้างตามเทศกาลเท่านั้น พอตายลงก็ถูกทำโทษ แล้วก็ถูกตัดสินให้มาอยู่ที่นี้ต่อ"เขาพูดทั้งน้ำตา แล้วก็ร้องไห้อีก ข้าพเจ้าถามต่อไปว่า"แล้วทำไม ชอบขึ้นไปยังโลกมนุษย์ แล้วทำการหลอกหลอน ผู้คน ให้เกิดความกลัวครับ" หัวหน้านั้นตอบว่า"วิญญานที่ยังพอมีญาติ ก็จะพากันไปให้ญาตินั้นทำบุญ อุทิศให้ตนเอง แต่ถ้าบอกดีๆก็มักจะไม่ทำให้ เลยต้องหลอกหลอนให้กลัว มนุษย์นั้นเมื่อกลัวก็จะนิยมทำบุญให้"ข้าพเจ้าบอกกับตัวเองว่า ความประมาทโดยบอกตนเองทุกๆวันว่ายังมีพรุ่งนี้ให้ทำ แต่ก็บอกอย่างนี้ไปจนสิ้นอายุขัย เลยไม่ได้ทำดั่งที่ตั้งใจไว้ รู้ตัวก็ทำไม่ได้ เพราะเขาไม่อนุญาติแล้ว ข้าพเจ้าบอกกับตัวเองว่า พรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะไปทำบุญ อุทิศ ให้กับพวกเขา และจะไปทำบุญโดยไม่บ่ายเบี่ยง เพราะกลัวจะได้เจอสภาพเหมือนพวกเขา ที่ข้าพเจ้าได้มารู้ มาเห็นครับ
     
  3. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ติดตามอ่านด้วยคน ยํ้าๆเตือนตนเองว่า ให้คิดดี พูดดี ทำดี ค่ะ มีโอกาสทำดีก็ทำเสีย ตายไปจะได้ไม่มาเป็นเปรตร้องขอส่วนบุญ ที่สำคัญร้องจนคอแตกเลือดไหลก็ไม่มีใครได้ยินนี่สิี่ น่าสมเพชจริงๆ แฉธฉะนั้นเมื่อยังมีชีวิต โอกาสอยู่ในมือเราแล้ว ทำดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฯลฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dm7.jpg
      dm7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.7 KB
      เปิดดู:
      88
  4. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ข้าพเจ้าไปทำบุญที่วัด ที่วัดนั้นทางเข้าอุโบสถเขาทำเป็นรูปพญานาค ข้าพเจ้าใช้มือจับรูปปั้นพญานาคแล้วเดินลงมาจนถึงศรีษะของพญานาค ข้าพเจ้าพูดกับรูปพญานาคว่า คืนนี้ข้าพเจ้าจะไปค้นหาความจริงเกี่ยวกับโลกบาดาล ดินแดนที่ไม่มีใครเคยเล่าอะไรให้ฟังเลย ข้าพเจ้าหวังว่าพวกท่านคงต้อนรับข้าพเจ้านะครับ หลายคนบอกว่าบาดาลคือดินแดนต้องห้าม ไม่มีใครเข้าไปแล้วกลับออกมาได้ ข้าพเจ้าก็หวั่นๆใจพอสมควรครับ
     
  5. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    คืนนั้น ข้าพเจ้าสวดมนต์ ไหว้พระ แล้วอธิษฐานบอกเทวดาที่คุ้มครองข้าพเจ้า ว่าข้าพเจ้าจะไปยังดินแดนต้องห้าม ที่ไม่มีใครมาเล่าอะไรให้ฟังเลย ขอให้เทวดาคุ้มครองข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าทำสมาธิโดยกำหนดไปที่บาดาล ภาพที่เห็น ข้าพเจ้าเห็นมีคนสองคนยืนถือหอกเฝ้าทางเข้าไว้ ข้าพเจ้ายืนห่างพวกเขาสัก 10 ก้าว บรรยากาศที่นั้นค่อนข้างมืดสลับกับมีแสงสว่าง เหมือนกับเราอยู่ใต้น้ำแล้ว เวลามีแสงแดดส่องมา แล้วน้ำนั้นกระเพื่อมขึ้นลง บรรยากาศเหมือนอย่างนั้นครับ ข้าพเจ้าเดินเข้าไปได้สัก 5 ก้าว แสงที่ส่องนั้น ส่องลงมาที่คนเฝ้าประตูทางเข้าพอดี พวกเขาทั้งสองคนนั้น ก็เปลี่ยนจากคนไปเป็นงูตัวใหญ่สีเทา แต่มีหงอนแทน ข้าพเจ้าเกิดความลังเลที่จะเข้าไปในดินแดนแห่งนี้ แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็มีมากกว่าเช่นเคยครับ(ขออนุญาติเล่าต่อวันหลังครับ)
     
  6. payapro

    payapro สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +9
    โอ้ว ติดตามอยู้น่ะครับ ^^
     
  7. Kimberry25

    Kimberry25 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบพระคุณคะที่มาเล่าเรื่องที่หาอ่านที่ไหนไม่ได้ให้ได้รู้ สนใจเรื่องมานานคะ :cool:
     
  8. Homealond

    Homealond เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +476
    รอติดตามเจ้าค่ะ
     
  9. pisi

    pisi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +244
    น่าสนใจมากครับ รอติดตามอ่านต่อครับ
     
  10. putter88

    putter88 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +56
    รออ่านอยู่ อย่างใจจดจ่อเลย....
     
  11. PEEPOR

    PEEPOR สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +10
    ติดตามรออ่านอยู่นะคะ ^^
     
  12. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    เคยไปเมืองบาดาลเหมือนกัน ทางเข้าเป็นถ้ำใต้น้ำมีหลายทาง แต่โดนทหารถือหอกไล่จับ หนีเทียบไม่ทัน สงสัยไม่ได้ภาวนาพุทโธ คราวหลังจะได้ทำให้ถูก ไปเมืองสวรรค์นี่ก็หาทางเข้าไม่เจอเห็นแต่กำแพงสูงลิ่ว เดินหาทางเข้าอยู่ตั้งนานสองนาน แต่เมืองบดบังนี่เคยไปเที่ยวมา เขาก็มีชีวิตอยู่เป็นหมู่บ้านโบราณนะ มีคนแก่เขาพาไปเลยเห็นได้ชัดหน่อย ได้เห็นพญานาคแสดงธรรมด้วยสวยมากเลย ตัวใหญ่มากสีเขียว
     
  13. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ข้าพเจ้าเดินเข้าไปยังปากทางเข้าแล้วข้าพเจ้าก็รอจนแสงสว่างนั้นหมด เขาสองคนนั้นก็คืนร่างเป็นคนอีกครั้ง แต่เขาทั้งสองคนนั้นไม่อนุญาติให้ข้าพเจ้าเข้าไป โดยให้เหตุผลว่า เป็นดินแดนต้องห้ามให้เฉพาะชาวบาดาลเข้าไปได้เท่านั้น ข้าพเจ้าเลยตั้งจิตอธิษฐานให้เทวดาช่วย ว่า ข้าพเจ้าอยากไปรู้ อยากเห็นในดินแดนนี้ ขอให้ท่านเทวดามาช่วยข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้ารอสักพัก เทพธิดาก็มา แล้วก็ถามข้าพเจ้าว่า"จะเข้าไปยังดินแดนนี้ทำไม" ข้าพเจ้าตอบว่า"ข้าพเข้าอยากรู้ อยากเห็น เพราะไม่มีใครเล่าเรื่องบาดาลให้ฟังเลยครับ" เทพธิดาไปพูดอะไรกับสองคนนั้น ข้าพเจ้าไม่รู้ แล้วเทพธิดาก็เรียกให้ข้าพเจ้าเข้าไปได้ โดยเทพธิดาจะไปส่งถึงแค่ปลายอุโมงค์ทางเข้าเท่านั้น เมื่อเดินเข้าไปได้สิบเก้า แสงทิพย์ของเทพธิดานั้นก็หายไป เหลือแต่แสงของพระขรรค์เทวดาที่สว่างอยู่ ทางเดินนั้นมืดมากเหมือนวันแรม 14 ค่ำ ข้าพเจ้าสงสัยเลยถามเทพธิดาว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เทพธิดาบอกกับข้าพเจ้าว่า "เป็นกฏของสถานที่นี้" และบอกให้ข้าพเจ้าปฏิบัติดังนี้ คือ ถ้ามีใครให้สิ่งของอะไร ห้ามรับโดยเด็ดขาด และจะให้พระขรรค์เทวดาไว้ติดตัว ห้ามพระขรรค์เทวดาห่างจากตัวโดยเด็ดขาด ข้าพเจ้ารู้สึกว่า บาดาลเป็นดินแดนที่น่าพิศวงมาก แค่ปากทางเข้าก็ยังยากเลย แล้วข้างในจะเป็นอย่างไรหนา เมื่อเดินมาสักพัก ข้าพเจ้าก็มาถึงสุดทางเดินของอุโมงค์ มีแสงสว่างเหมือนวันข้างขึ้น 14- 15 ค่ำ เทพธิดาก็กลับออกไปและย้ำสิ่งที่เทพธิดาบอกไว้สองข้อนั้น สิ่งที่ข้าพเจ้ามองเห็นข้างหน้านั้น มันเป็นภาพที่ตื่นตา ตื่นใจของข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก
     
  14. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    ภาพที่เห็นข้างหน้านั้น ข้าพเจ้าเห็นคนที่มีตาสีแดง มีจุดสีแดงที่กลางหน้าผากและมีงูตัวใหญ่เลื้อยเต็มไปหมด มีคนที่มีรูปร่างเหมือน เต่า กุ้ง ปลา ข้าพเจ้าเดินไปตามทางเดิน พวกเขาบอกว่า "เทวดามาให้ทหารไปบอกท่านเจ้าเมืองมาต้อนรับ" ข้าพเจ้าเดินไปสักครู่ ก็มีคนแต่งตัวคล้ายเทวดา แต่งองค์ด้วยสีเขียวทั้งตัวและมีสิ่งพันศรีษะด้วยรูปงูสีเขียว มาถึงก็พูดว่า"ท่านไม่ใช่เทวดา ท่านเป็นมนุษย์"
    พญาอนันตนาคราชบอกแก่เราว่าจะมีคนมาหาเราในวันนี้ ก็คือท่านนี้เอง"
    ข้าพเจ้าเลยถามว่า "พญาอนันตนาคราชท่านเป็นใคร"เจ้าเมืองตอบว่า"อนาคตท่านก็จะรู้เองว่าเป็นใคร และตัวท่านก็เกี่ยวข้องกับพวกเราชาวบาดาลด้วยเหมือนกัน" ข้าพเจ้ายิ่งแปลกใจ เจ้าเมืองพาข้าพเจ้าเดินอีกเล็กน้อย แสงสว่างนั้นสว่างกว่าเดิม เหมือนกับมีการแบ่งเขตแดนทำนองนั้นและช่วงรอยต่อนั้น ข้าพเจ้าเห็นปราสาทที่เต็มไปด้วย แก้ว แหวนเงินทองและของมีค่าต่างๆมากมาย เจ้าเมืองบอกให้ข้าพเจ้าเลือกเอาอะไรก็ได้ที่อยากได้ ข้าพเจ้าหยิบพระพุทธรูปพิมพ์นาคปรกขนาดประมาณห้านิ้ว ซึ่งทำด้วยทองคำทั้งองค์ แล้วข้าพเจ้าก็พูดว่า"ข้าพเจ้าไม่อยากได้อะไร แล้วทำไมถึงมีการแบ่งเขตแดนและห้ามคนเข้ามาในเมืองบาดาลด้วยครับ"เจ้าเมืองตอบว่า"แต่ก่อนมีการอนุญาติให้คนเข้ามาได้ แต่คนนั้นจะเอาของมีค่ากลับไปและเข้ามาเลยเส้นแบ่งแดน ซึ่งเส้นแบ่งแดนของชาวบาดาลนั้น ถ้าไม่ใช่พญานาคหรือเทวดาจะกลับออกไปไม่ได้"ข้าพเจ้าถึงเข้าใจว่าทำไมเทพธิดาถึงห้ามพระขรรค์เทวดาห่างจากตัว ในดินแดนที่สว่างกว่านั้นจะมีแต่คนเท่านั้น ที่มีตาสีแดง มีจุดสีแดงที่หน้าผาก ไม่มีงูหรือสัตว์น้ำอื่นๆ ในเมืองบาดาลนั้น มีสิ่งก่อสร้างที่บรรจงสร้างอย่างวิจิตร อลังการ เสาบ้านแต่ละหลังนั้นมีการแกะสลักด้วยรูปร่างต่างๆ เรียกว่าสวยงามไม่แพ้ดินแดนสวรรค์ที่ข้าพเจ้าเคยสัมผัส
     
  15. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    เจ้าเมืองพาข้าพเจ้าไปที่ชายป่าแห่งหนึ่งที่แห่งนี้ ข้าพเจ้าเห็นชาวเมืองนับร้อยและมีขบวนเตรียมฉลองอะไรสักอย่าง ข้าพเจ้าเห็นคนแต่งตัวคล้ายฤษีแต่มีของพันศรีษะเป็นรูปงูสีขาว นั่งบริกรรมอะไรก็ไม่รู้ อยู่สามคน และมีชาวเมืองสองคนถือพานทองคำรออยู่ตรงหน้าฤษีพวกนั้น สักพักฤษีนั้นก็สั่นๆแล้วก็คายวัตถุสีขาวคล้ายแก้ว มีลักษณะโค้งงอนเหมือนขนนก กว้างประมาณสามนิ้ว ยาวประมาณห้านิ้ว และวัตถุนั้นส่องประกายแสงออกมาจากตัวของมันเองได้ เมื่อฤษีคายวัตถุประหลาดจนครบทั้งสามคนแล้ว ชาวเมืองก็ทำพิธีแห่ของนั้น โดยมีขบวนแห่แต่งตัวสีสรร สวยงาม ร่ายรำ เหมือนงานเทศกาลเข้าพรรษาที่ จ.อุบล ข้าพเจ้าเลยถามเจ้าเมืองว่า"ฤษีนั้นคายอะไรออกมา"เจ้าเมืองตอบข้าพเจ้าว่า"เมื่อฤษีของพญานาคนั้นถือศลีครบหนึ่งพันปี ก็จะคายของวิเศษอย่างหนึ่ง สิ่งนั้นเรียกว่า"เกล็ดแก้วพญานาค" ซึ่งเป็นของวิเศษสูงสุดของเหล่าชาวบาดาล ข้าพเจ้าเลยถามว่า "แล้วจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน" เจ้าเมืองตอบว่า"เหล่าชาวบาดาลจะไปเก็บไว้ที่เจดีย์ซึ่งทำด้วยทองคำทั้งเจดีย์ "เจ้าเมืองเล่าต่อว่า
     
  16. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    สุดยอดครับ:cool:
     
  17. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    เจ้าเมืองเล่าต่อว่า"เคยมีพญานาคตนหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าเวรรักษาเกล็ดแก้วนั้น พญานาคตนนั้นมีภรรยา ภรรยานั้นอยากไปเที่ยวเมืองมนุษย์ ในวันขึ้น สิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด ชาวบาดาลจะมีเทศกาลใหญ่ประจำปี ทุกคนจะไปร่วมงานกันหมด พญานาคตนนั้นเลยขโมยเกล็ดแก้ว โดยเอาใส่ศรีษะแล้วเอาผ้าพันไว้ เขาและภรรยาได้ออกมาเที่ยวเมืองมนุษย์ แต่เขาสองคนนั้นต้องจับมือกันไว้ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นภรรยาของเขาจะต้องกลับร่างเป็นพญานาค เขาสองคนเที่ยวในเมืองมนุษย์จนลืมเวลากลับ ขากลับด้วยความรีบเร่งพญานาคผู้เป็นสามีนั้น เดินสะดุดก้อนหินล้มลง เกล็ดแก้วหลุดออกจากศรีษะ เวลานั้นเป็นเวลาเช้าพอดี เกล็ดแก้วก็แปรสภาพเป็นหินแก้วสีใสติดอยู่ในผนังถ้ำนั้น พญานาคผู้เป็นสามีนั้นเลยทำอะไรไม่ได้ ต้องกลับมารับโทษของเราชาวบาดาล ถ้าท่านอยากได้ เราจะบอกให้ไปเอาหินแก้วสีใสนั้น แต่ท่านต้องสวดมนต์ทุกวันให้เกล็ดแก้วฟัง" ข้าพเจ้าตอบว่าไม่อยากได้ครับ" เจ้าเมืองก็พาข้าพเจ้าไปชมปราสาทของท่าน ปราสาทนั้นสวยงามเหมือนปราสาทของเหล่าเทวดา เพียงดินแดนแห่งนี้ไม่มีกลิ่นหอมเหมือนสวรรค์ เจ้าเมืองนำเส้นด้ายไหมเจ็ดสีเอามาให้ข้าพเจ้า โดยบอกว่าเป็นธรรมเนียมต้อนรับแขกผู้มาเยือน ข้าพเจ้าได้ปฏิเสธ โดยบอกเหตุผลว่า ข้าพเจ้าไม่ชอบใส่เครื่องประดับ ของขลังติดตัว เจ้าเมืองบอกว่า"แต่ในอนาคต เราจะไปฝากไว้กับผู้ถือศลี ขอให้ท่านใส่ติดตัวตลอดเวลา เพื่อป้องกันธาตุทั้งสี่นั้นไม่สมดุลย์กัน ด้ายเจ็ดสีของเรานั้นจะมีธาตุน้ำมากเป็นกรณีพิเศษ ทำให้สุขภาพของท่านนั้นแข็งแรง" เจ้าเมืองบอกกับข้าพเจ้าว่าเนื่องจากวันนี้ผู้ถือศลีของพญานาคนั้นได้มอบของวิเศษให้ถึงสามชิ้น ตามธรรมเนียมจะมีพิธีแข่งขันของชาวพญานาค หมู่บ้านที่ชนะจะได้เกล็ดแก้วไปบูชาหนึ่งชิ้น เจ้าเมืองพาข้าพเจ้าไปดูการแข่งขัน
     
  18. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    มีชาวเมืองใส่เสื้อผ้าสีต่างๆจำนวนห้าสี โดยใส่ทั้งเสื้อและผ้านุ่งด้วยสีเดียวกัน พวกเขาเอาลูกแก้วขนาดเท่าลูกฟุตบอลไว้บนยอดเสาสูงประมาณแปดเมตร แล้วแต่ละสีนั้นก็ส่งตัวแทนออกมา พวกเขาพนมมือแปลงร่างเป็นพญานาค แล้วพวกเขาก็พยายามเลื้อยขึ้นไปเอาลูกแก้วบนยอดเสานั้น ตัวที่อยู่ข้างล่างก็ใช้ลำตัวดึงตัวที่อยู่ข้างบนนั้นลงมา พวกเขาใช้ลำตัวพันกันแล้วก็กระตุกให้ตัวที่อยู่ข้างบนนั้นหล่นลงมาที่พื้น แล้วตัวอื่นก็พยายามเลื้อยขึ้นไปแทน แต่มีตัวสีเทาตัวหนึ่งเลื้อยไปรอบๆ พอสี่ตัวนั้นทำท่าหมดแรง ตัวสีเทานั้นก็กระโจนข้ามทั้งสี่ตัวนั้น เลื้อยขึ้นไปเอาลูกแก้วนั้นได้ท่ามกลางเสียงเชียร์ของหมู่บ้านนั้น เจ้าเมืองก็ให้พญานาคเชิญเกล็ดแก้วใส่พานทองคำนั้นมาให้ชาวเมืองสีเทา นำไปบูชา ซึ่งดูพวกเขานั้นดีใจมากๆ ข้าพเจ้าเลยถามว่า "จะรู้ได้อย่างว่า ชาติที่แล้วมาจากพญานาค ถ้าชาตินี้เกิดเป็นมนุษย์ครับ"เจ้าเมืองตอบว่า
     
  19. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    "ถ้าเป็นหญิง จะชอบท้องผูก มีกลิ่นตัวหรือกลิ่นปาก เวลานอนหลับจะหลับง่ายแต่ก็ตื่นง่ายเหมือนกัน และชอบเป็นโรคภูมิแพ้ ถ้าพญานาคนั้นสูงศักดิ์ขึ้นมาอีก ก็จะแพ้อากาศหนาวเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นผู้ชาย ที่สัมมาทิฐิ ก็จะนิยมบวชเรียน ศึกษาธรรม แต่ถ้าไม่บวชก็จะตัดจาก ความรัก ความใคร่ไม่ค่อยได้ เรียว่ารักมากแค้นมาก ข้าพเจ้าเลยถามต่อไปอีกว่า"ทำไมถึงถูกให้เกิดมาเป็นพญานาค" เจ้าเมืองตอบว่า"ตอนทำบุญนั้น ทำบุญเจือด้วยราคะ ทำให้ผลบุญ กุศลนั้น มีไม่พอที่จะไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ "ข้าพเจ้าเลยถามต่อไปอีกว่า"พญานาคที่ถูกครุฑนั้นจับกินนั้นจริงหรือไม่"เจ้าเมืองตอบว่า"นั้นเป็นพญานาคที่อาศัยอยู่ในดินแดนหิมพานต์ ซึ่งเป็นดินแดนพิศวง มีเรื่องแปลกๆต่างจากโลกมนุษย์มากมาย"เจ้าเมืองบอกกับข้าพเจ้าว่า ทางโน้นใกล้สว่างแล้ว เจ้าเมืองเรียกทหารมาสองคน แล้วให้แปลงร่างเป็นพญานาค แล้วให้ข้าพเจ้ายืนบนหลังพญานาคนำข้าพเจ้ามาส่งที่ปากทางเข้า เทพธิดานั้นขอพระขรรค์เทวดาคืน แล้วพาข้าพเจ้ากลับ ข้าพเจ้าบอกกับตัวเองว่า เวลาทำบุญอย่าหวังสิ่งตอบแทนใดๆ และต้องทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่เช่นนั้นจะเจือไปด้วยราคะ แล้วไปเกิดไปเป็นพญานาค แทนที่จะได้ไปเกิดเป็นเทวดาครับ
     
  20. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    ข้าพเจ้าบอกกับตัวเองว่า เวลาทำบุญอย่าหวังสิ่งตอบแทนใดๆ และต้องทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่เช่นนั้นจะเจือไปด้วยราคะ แล้วไปเกิดไปเป็นพญานาค แทนที่จะได้ไปเกิดเป็นเทวดาครับ

    อนุโมทนาครับ จะจดจำใว้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...