เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    ร่วมสนุกกับเหตุที่หลวงปู่จารตัวนะที่พระนลาฏของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผมว่าน่าจะเป็นเพิ่มพลังหรือเสริมบารมีครับ เพราะตัวนะตัวเดียวมีคุณครอบจักรวาล ซึ่งพลังที่ประจุไว้จะมีผลต่อพระองค์ท่านและผู้ที่แขวนบูชาด้วยครับ สาธุ...
     
  2. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292

    วันนี้ผมไปออกกำลังกับพวกมา เกมสนุกมาก พึ่งกลับมา

    ผมจะไปค้นพระหนึ่งองค์ ที่อยู่ในใจผมมานาน ที่หลวงปู่ปลุกเสกให้ผม และตะกรุดอีกดอก หลวงปู่ผมท่านเน้นเมตตาน่ะครับ ไม่เน้นด้านเสน่ห์ เมื่อไปขอของด้านเสน่ห์ ท่านจะเฉย อาการนี้เป็นแบบเดียวกับหลวงพ่อทรงที่ผมเจอมา ผมจะแสดงความเห็นและเปิดเผยยันต์ที่หลวงปู่ของผมไม่ค่อยลงให้ใคร จะมีคนใกล้ชิด ที่ไปมาหาสู่บ่อยๆ หรือ คนที่ท่านเห็นสมควร

    แนวความคิดนี้เป็นความคิดของผม ที่ได้คลุกคลีศึกษามา ไสยศาสตร์ เราท่านๆคงพอจะทราบ และ คลุกคลีมาพอๆกับคลุกคลีด้านศาสนาทีเดียว บางท่านบางครอบครัว จะไปแนวไสยศาสตร์ ค่อนข้างเข้มข้น

    ไสยศาสตร์เองก็แบ่งออกเป็นสองแนวตามที่เราพอจะทราบ

    ๑) ด้านขาว จะช่วยคน ทำให้มีความสุข

    ๒) ด้านดำ ทำร้ายคน ทำให้มีความทุกข์

    ไสยศาสตร์ตามแนวที่เราได้ยินกันมานมนาน คือแนวพระเวทย์ อาถรรพ์ต่างๆมี หลักๆ หลายอย่างเช่น สะกดภูติผีปีศาจ ( ด้วยเจตนาใดๆก็ตามเอามาใช้งานหรือ ป้องกันตัว ) ทำอันตรายผู้อื่น แสดงปาฏิหาริย์ สะเดาะสิ่งต่างๆ แคล้วคลาด คงกะพัน ชาตรี รักษาโรคต่างๆ ( เช่นรักษาด้วยปรอท น้ำมนต์ น้ำมัน ) นอกจากนั้น ยังมีแนวพระเวทย์ ทำเสน่ห์ ด้วย แนว เทพ เทวดา หรือ แนว พราย ภูติผีปีศาจที่กินเครื่องเซ่นไหว้

    มาคุยกันเรื่องแนวพระเวทย์ ด้านเสน่ห์กัน ด้านเสน่ห์เอง ก็มีขาวและดำน่ะครับ ถ้าแนวขาว จะเป็นแนวพระเวทย์ เช่น มนต์ เทพรัญจวน เทพรำลึก แต่ถ้าเป็นแนวดำ ก็ ทำรูป ผังรอย น้ำมันพราย มีการสะกด ฯลฯ

    แนวพระอาถรรพเวทย์นี้มีมานานมาก แต่โบราณ ก่อนเกิดพระศาสนาซ่ะอีก เกิดมาก่อนหน้าหลายพันปี ไปอ่านหนังสือเก่าๆ มีมาตั้งแต่ ยุค บาบิโลน บาบิโลเนีย เก่าแก่มาพอกันกับ วิชาโหราศาสตร์ทีเดียวและสนิทกันแบบแนบแน่นจนแยกจากกันไม่ออก

    ในยุคโบราณ จะประกอบพิธี ใดๆ ที่เป็นมงคล นอกจากมีพระแล้วก็มีพราหณ์ เรื่องใดที่ไม่เหมาะกับพระก็ให้พราหมณ์ทำครับ และเมื่อยุคนั้นเขารบกัน ชิงแผ่นดินกัน ฆ่าฟันกัน เอาธรรมมะมาเน้น ผมว่าพม่ามันคงไม่ฟังถึงจะเป็นพุทธก็เถอะ ที่เอาเน้นเลยเป็นไสยศาสตร์ ด้านไสยเวทย์ เพราะทำแล้วได้ผล ถึงจะไม่ทุกครั้ง กับทุกคน แต่ก็ทำให้เกิดกำลังใจในการต่อสู้ ทำให้ฮึกเหิม และบอกตามตรง ทำให้ไทย เป็นไทยมาได้ทุกวันนี้

    แต่มายุคนี้บอกตามตรง ผมก็เกิดไม่ทันยุคก่อน แต่ผมเคยเล่าไปแล้ว อาจจะในสวนขลัง ว่าตระกูลผม คุณแม่รู้จัก กับ หมอแล่ม ( ผู้หญิง ) ท่านเป็นพราหมณ์ รุ่นเก่ารับทอดมาจากบิดา ( บอกชื่อแล้วจะอึ้งกัน ) เอาว่าดังก็แล้วกัน แต่ท่านล่วงลับไปนานมาแล้ว หมอแล่ม เก่งทางด้าน ตั้งศาล ไล่ผี สามารถุคุยกับผีได้ ว่าถ้ามีเรื่องมีเหตุ แก้ทางปัจุบันไม่ได้ คุณแม่ผมจะไปตามหมอแล่มมา จะเล่าเรื่องนี้จะยาวมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการงาน อาถรรพย์ในที่ทำงาน รวมทั้งอาถรรพย์ในบ้านของผม และที่เกี่ยวกับญาติพี่น้องของผม แม่ผมท่านจะมีอาจารย์ดีที่เป็นพระ ( เคยเล่าไปแล้ว หลักๆคือ ท่านพ่อลี เจ้าคุณโฮม หลวงพ่อฤาษี เจ้าคุณถาวร และยังมีอีกหลายท่าน ) เรื่องใดไม่เหมาะที่พระภิกษุจะลงมือเอง คุณแม่ผมจะไปตามหมอแล่มมาครับ และได้ผลส่วนใหญ่ เสริมทางด้าน พุทธคุณที่ได้มาจากพระอาจารย์ต่างๆ

    แต่มายุคนี้ ผมมาเห็นพระภิกษุมาทำไสยศาสตร์ซ่ะเอง ถ้าทำในวงแคบๆ ช่วยเหลือผู้คน หรือ ช่วยเหลือประเทศชาติให้รอดเป็นไทย ผมดูว่าเหมาะสม แต่ถ้าทำเพื่อ ลาภ จะเป็น

    นิสสัคคิยปาจิตตีย์

    ข้อที่ ๑๘ คือ รับเงินทอง

    ข้อที่ ๓๐ คือ น้อมลาภสงฆ์มาเพื่อให้เขาถวายตน

    เป็นปาจิตตีย์ ข้อที่ ๘๒ คือ น้อมลาภสงฆ์มาเพื่อบุคคล

    ผิดแน่นอน แต่เป็น อาบัติที่ปลงได้ ไม่ร้ายแรง

    ถ้าแรงๆขึ้น ก็เป็น

    สังฆาทิเสส ถ้ามีเจตนาทำไสยศาสตร์ เพื่อเอาไปใช้ทำกิจการส่วนตัว

    ข้อที่ ๖ สร้างกุฏิ ด้วยการขอ ( หรือทำของแลกเอาเงินไปสร้าง ก็น่าจะเข้าข่าย ) สร้างสิ่งก่อสร้างส่วนตัว ด้วยการขอ

    แต่ถ้าเป็นส่วนรวม เหมือนที่วัดหลายวัดท่านทำกัน หรือ พระคณาจารย์รุ่นเก่าๆ ท่านทำเพื่อสงเคราะห์คน เป็นรายๆ หรือ ทำเพื่อ ทำนุบำรุง วัดวาอาราม ไม้เข้าข่ายครับ

    เรื่องนี้ผมจะหยุดไว้แค่นี้ เท่าที่ศึกษามา ที่จริง ยังมีประเด็นลึกไปกว่านี้ แต่จะขอพอเท่านี้ เพราะที่เขียนก็เพียงพอที่จะทราบว่า ถ้าพระที่ ทำตามพระวินัย จะกระดิกตัวยังต้องมีสติ แต่ถ้าไปทำไสยศาสตร์ หรือไปทำเดรัจฉานวิชาเอง เป็นวิชาขาดสติ ในบางวิชา พวกท่าน เดาคำตอบเอาเองน่ะครับ

    ยิ่งเอาไปโหมโฆษณาตามสื่อ ว่าดีแบบนี้ เก่งแบบนั้น โดยเฉพาะด้าน กามคุณแล้ว คำตอบคงมีในใจของท่าน

    ผมเคยอ่านเจอ ข้อความหนึ่ง สมัยพระเดชพระคุณ หลวงปู่โต๊ะ ยังทรงสังขาร ท่านเรียกศิษย์คณะหนึ่ง เข้าไปดุ ไปปรามและยื่นคำขาด ว่าอย่าเองของๆท่าน ( ที่พวกเขาสร้าง อาจจะให้วัดขาย หรือ ขายให้วัด หรือ ขายไปพร้อมๆกับวัด ) ว่าอย่าโฆษณาให้มีอภินิหารมากท่านไม่ชอบ และไม่เอาด้วย

    การอวดอภินิหาร ถ้ามาจากพระภิกษุ อาจจะเข้าข่าย อวดอุตตริฯ ถ้าของไม่ขลังจริงดังโฆษณา และโลกอาจจะติเตียนได้

    เรื่องเลยมาสรุปว่า ที่เขียนกันจนเก่งเลอเลิศ ไม่ได้มาจาก หลวงปู่ หลวงพ่อ หลวงตา หลวงพี่ หรอกครับ แต่มาจากศิษย์นี่แหละที่เอาไปคุย เอาไปเขียนในสื่อ จะด้วยเจตนาใดก็ตาม คนไปถามหลวงปู่ หลวงพ่อ ท่านก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร บางท่านก็เลี่ยงไปว่า เขาโม้ บางท่านก็เงียบถืออุเบกขาว่าท่านไม่ได้ทำเอง ไอ้ลูกศิษย์ตัวดีมันว่าของมันเอง บางท่านสั่งเลิกไปเลย บางท่านก็เห็นเจตนาว่าเขาเอาไปช่วยชาติ ช่วยศาสนา ช่วยโรงพยาบาล ช่วยโรงเรียน ช่วยพระสงฆ์องค์เจ้าให้มีที่อยู่ ที่เรียน ทีนอน ก็ช่วยแบบไม่เอาอะไรตอบแทน แต่ไม่คุยว่าดีอย่างไร ฯลฯ

    เรื่องมันก็มาจบที่บุคคลที่ ๓ นี่แหละครับ ตัวดี บางเรื่อง เขียนแล้ว คนเขาอ่านเขาได้กำลังใจ ไปทำความดี อันนี้ผมว่า โอ แต่ถ้าบางเรื่องเช่น เสน่ห์ ทางด้านกามคุณ คนได้ไปน่าจะรู้ว่าเอาไปทำอะไร ผมว่าน่าเพลาๆครับ พระดีๆ ท่านไม่ทำหรอกครับ ลูกศิษย์น่ะไปคิดกันเอง

    พระท่านเสกพระเครื่องรางมาให้ คนเอาไปใช้ ไปอธิษฐาน ด้วยกิเลลสส่วนตน แล้ว มีพลังศรัทธาหนุน ครูบาอาจารย์ เทวดา ที่สถิตย์สนับสนุน แล้วได้ผล ก็ไปคิดว่า หลวงปู่ หลวงตา ท่าานช่วย บางทีท่านยังไม่รู้เรื่องเลยครับ เพราะบางเรื่องไม่ใช่กิจของสงฆ์ครับ แค่จะคิด บางเรื่องพระดีๆ ท่านยังไม่คิดเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2011
  3. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ก่อนจะไปนอน ผมจะสรุปแนวทางที่ผมคิดน่ะครับ


    เมื่อฆราวาส ไปขอพระเครื่อง รางของขลัง จากพระภิกษุในพระพุทธศาสนา หรือ ไปขอให้ท่านปลุกเสกให้ ก็ควรวางตัว กราบขอเมตตาให้ท่านอุปถัมท์ ในสิ่งที่ไม่ผิด หรือ ขัดกับพระธรรมวินัยครับ และถ้าเป็นแนวไสยศาสตร์ควรที่จะกำจัดให้อยู่กันในวงแคบ สงเคราะห์ กันเป็นคนๆไป เป็นเรื่องๆ เป็นคราวไป ตามความจำเป็น เพราะบางเรื่องทำได้จริง และแนวพระธรรมไม่สามารถสงเคราะห์ให้ได้

    ไม่ควรจะนำมาโฆษณาในสื่อ สาธารณะ เช่น internet ว่าของที่ปลุกเสกมา มีสรรพคุณที่ไปขัดกับพระธรรมวินัย เช่น ทำเสน่ห์ให้เกิดกับเพศตรงข้าม สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านที่สามารถ นำใช้บริโภคกามคุณจากเพศตรงข้ามที่หมายตาได้ ทำให้ของมีราคาสูงขึ้น มีราคาแพงขึ้น และทำให้คนแสวงหาเพราะต้องการนำมาใช้ในการบริโภคกามคุณบ้าง แล้วไปเน้นว่าพระภิกษุเป็นผู้ทำมาให้ใช้

    ถ้าไปทำของท่านคนเดียว เงียบๆ ก็เป็นเรื่อง และกรรมของท่านคนเดียว ไม่มีใครไปยุ่งด้วย


    พระธรรมวินัย ไม่ใช่ความลับ พวกท่านสามารถหาอ่านได้ เมื่อสงสัยก็ไปถามผู้รู้ได้ มีคนรู้เยอะ ไปอ่านตามข้อที่ผมให้หัวข้อมา ว่าจริงหรือไม่ รายละเอียดบางท่านอาจจะตีความแตกต่างกันไปบ้าง แต่หลักๆไม่มีทางพลาดจากกันไปมาก ว่าอะไรคือข้อห้าม

    ในยุคที่พระพุทธองค์ยังมีสังขาร ท่านจะสวดพระปาติโมกข์เอง สวดข้อพระวินัยทุกข้อ ทุกกึ่งเดือน ให้พระสงฆ์ฟัง เมื่อพระสงฆ์มีมากขึ้น ก็แบ่งกันไปให้พระสงฆ์ที่เก่งในพระวินัยสวดช่วยในหมู่คณะของตัวเองทุกกึ่งเดือน เจตนาคือให้พระภิกษุ ทราบ เข้าใจ และเคร่งครัดในพระธรรมวินัย

    มายุคนี้ก็ยังสวดอยู่น่ะครับ โดยพระสงฆ์ แต่สวดเป็นภาษามคธ ( บาลี ) พระฝ่ายเถรวาทท่านก็สืบสานต่่อมาอย่างเคร่งครัดครับ

    ส่วนใครจะเคร่งมากเคร่งน้อยก็แล้วแต่บุคคลไป

    ขอบคุณที่อ่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2011
  4. ไม่เกิด

    ไม่เกิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,916
    ค่าพลัง:
    +9,458
    กราบหลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ... ครับ
    เข้ามารายงานตัวกะดึก พร้อมกับอ่านเรื่องดีๆที่ พี่พี อยากให้เพื่อนๆสมาชิกได้อ่านและเข้าใจ..... (ขอบคุณครับพี่ พี )
     
  5. ไม่เกิด

    ไม่เกิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,916
    ค่าพลัง:
    +9,458
    ก่อนไปพักผ่อน ขอฝากเรื่องดีๆให้เพื่อนๆสมาชิกได้อ่านกัน... ผมอ่านแล้วซึ้งจนน้ำตาคลอเลย ยิ่งเห็นโฆษณาทางโทรทัศน์แล้วก็ยิ่งซึ้งใหญ่ เพราะอะไร...? เพราะว่าผมเป็นพ่อของลูกเหมื่อนกัน.... ( น้ำตาไหลอีกแล้ว )

    ที่มาของโฆษราไทยประกันชีวิต"พ่อเป็นใบ้"เรื่องจริงของครอบครัวหนึ่ง

    เรื่องราวคนขายเต้าหู้ คือพ่อฉันผู้เป็นใบ้
    เรื่องจริงที่เปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์ เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่
    ตอนเหนือของมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน มีเมืองขนาดกลาง ชื่อว่า เทือกเหล็ก เกือบทุกเช้าตรู่หรือพลบค่ำ บนท้องถนนกรรมกร จะเห็นผู้เฒ่าเข็นรถขายเต้าหู้เคลื่อนไปอย่างช้าๆ ลำโพงที่ต่อกับแบตเตอรี่บนรถ กระจายเสียงใสของหญิงสาว
    "เต้าหู้มาแล้วจ้า เต้าหู้อ่อนสูตรโบราณ เต้าหู้อร่อยจ้า – เสียงนี่เป็นของฉัน คนขายคือพ่อฉัน พ่อฉันเป็นใบ้"
    ตราบถึงวันนี้อายุกว่ายี่สิบแล้ว ฉันจึงใจกล้าพอที่จะบันทึกเสียงตัวเองไว้บนรถขายเต้าหู้ของพ่อ แทนกริ่งทองเหลืองที่พ่อเขย่ามาหลายสิบปี อายุแค่ 2-3 ขวบ ฉันก็รู้จักว่ามีพ่อเป็นใบ้น่าอัปยศเพียงใด ดังนั้นฉันจึงเกลียดชังพ่อแต่เล็ก เมื่อฉันเห็นเด็กบางคนถูกแม่สั่งให้มาซื้อเต้าหู้ กลับหยิบเต้าหู้ไปโดยไม่จ่ายเงิน พ่อโก่งคอยาวแต่ไม่อาจตะเบ็งเสียงออกมา ฉันไม่อาจทำเหมือนพี่ชายที่ไล่ตามไปต่อยเด็ก ได้แต่เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ปริปาก ฉันไม่ชังเด็กคนนั้น แต่กลับชังพ่อที่เป็นใบ้
    ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่พี่ชายช่วยหวีผมให้และเจ็บจนต้องสูดปากซี๊ด ฉันก็แข็งใจไม่ยอมให้พ่อถักผมเปีย ตอนที่แม่เสียไม่ได้เก็บรูปถ่ายบานใหญ่ไว้ มีเพียงรูปขาวดำขนาด 2 นิ้วที่ถ่ายร่วมกับสาวเพื่อนบ้านก่อนแต่งงาน เมื่อพ่อถูกฉันเมินเฉย ก็มักจะหันกระจกเงากลับมาดูรูปแม่อีกด้านหนึ่ง เพ่งจนนานพอแล้ว ค่อยจากไปทำงานอย่างซึมเซา
    น่าโมโหที่สุดคือเด็กคนอื่นเรียกฉันว่า อีใบ้สาม (ฉันเป็นลูกคนเล็กอยู่อันดับสาม) ฉันจะวิ่งกลับบ้านเมื่อด่าสู้พวกเด็กไม่ได้ ต่อหน้าพ่อที่กำลังโม่เต้าหู้อยู่ ฉันเขียนวงกลมบนพื้น แล้วถ่มน้ำลายที่ตรงกลาง ถึงแม้ฉันไม่เข้าใจว่าที่ตนทำนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ทำเช่นนี้เมื่อถูกเด็กด่าว่าฉันคิดว่า นี่คงเป็นการแสดงคำด่าคนใบ้ที่ร้ายกาจที่สุดแล้ว ครั้งแรกที่ฉันด่าพ่อด้วยวิธีนี้ ทำให้พ่อต้องหยุดงานในมือ มองดูฉันอย่างงุนงง น้ำตาไหลนองหน้าอยู่นาน น้อยครั้งที่ฉันเห็นพ่อร้องไห้ แต่วันนั้นพ่อขดตัวในโรงเต้าหู้ร้องไห้ตลอดทั้งคืน เป็นการสะอึกสะอื้นที่ไม่ส่งเสียงดัง เพราะเห็นพ่อหลั่งน้ำตา ฉันจึงดูเหมือนหาทางออกให้กับความน้อยใจของฉันได้ในที่สุด ดังนั้น ต่อจากนั้นเป็นต้นมา ฉันมักจะไปด่าพ่อต่อหน้าต่อตาแล้วเดินหนี ปล่อยให้พ่องงเป็นไก่ตาแตก ทว่าพ่อไม่หลั่งน้ำตาอีกแล้ว แต่จะขดตัวที่ผอมเซียวให้ลีบเล็กลง พิงกับคานโม่ หรือจานโม่ ดูน่าเกลียดยิ่งในสายตาฉัน ฉันต้องเรียนหนังสือให้ดี เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย พ้นจากหมู่บ้านเล็กที่ใครๆก็รู้ว่าพ่อฉันเป็นใบ้ นี่เป็นความปรารถนาใหญ่ยิ่งของฉันในขณะนั้น
    ฉันไม่รู้ว่าพี่ชายสองคนมีเหย้าเรือนได้อย่างไร ไม่รู้ว่าโรงเต้าหู้นั้นพ่อเปลี่ยนคานโม่ใหม่อีกกี่ด้าม ไม่รู้ว่ากริ่งทองเหลืองลั่นจนริมขอบสึก ผ่านไปแล้วกี่ฤดูกาลกี่ตำบลหมู่บ้าน รู้เพียงว่าฉันปฏิบัติต่อตนอย่างเคืองแค้น เรียนหนังสืออย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดฉันก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
    เสื้อม่อฮ่อมกรมท่าซึ่งอาโกวตัดเย็บให้ตั้งแต่ปี 1979 พ่อเพิ่งเอามาใส่เป็นครั้งแรกในต้นฤดูใบไม้ร่วงปี1992 ท่ามกลางแสงตะเกียงในยามค่ำ พ่อหน้าตาชื่นบานขณะยัดธนบัตรกำใหญ่ซึ่งยังติดกลิ่นคาวเต้าหู้ไว้ที่ฝ่ามือฉันอย่างพิถีพิถัน ปากก็เอะอะเออออไม่หยุดยั้ง ฉันมองดูความดีใจและภาคภูมิของพ่อโดยวางตัวไม่ถูก เหม่อมองพ่อเที่ยวแจ้งให้ญาติโยมเพื่อนบ้านทราบด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มพอใจ เมื่อฉันเห็นพ่อพาคุณอาและพี่ๆ มาช่วยลากหมูตัวที่พ่อบรรจงขุนมา 2 ปีจนอ้วนพี ลงมือชำแหละเพื่อเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน เป็นการฉลองที่ฉันเข้ามหาวิทยาลัยได้ หัวใจแข็งดุจท่อนไม้ของฉันไม่รู้ถูกอะไรสะกิดเข้า จนฉันร้องไห้โฮ
    บนโต๊ะอาหาร ฉันคีบหมูหลายชิ้นให้พ่อต่อหน้าคนหลายๆคน ฉันน้ำตานองหน้า เรียกพ่อให้กินเนื้อหมู พ่อไม่ได้ยินหรอก แต่เข้าใจความหมายของฉัน นัยน์ตาพ่อฉายประกายที่ไม่เคยมีมาก่อน ดวดเหล้าเกาเหลียงที่ตวงซื้อมา พร้อมกับกินชิ้นหมูที่ลูกสาวคีบให้ พ่อคงเมาแล้ว หน้าแดงก่ำ หลังยืดตรง ส่งภาษามืออย่างองอาจ เป็นความจริงที่ว่า ผ่านมา 18 ปีเต็มๆ พ่อเพิ่งเคยเห็นรูปริมฝีปากฉันขณะเรียกพ่อเป็นครั้งแรก พ่อโม่เต้าหู้ด้วยความยากลำบาก เอาธนบัตรที่คลุกด้วยกลิ่นไอเต้าหู้ส่งเสียให้ฉันเรียนจนจบมหาวิทยาลัย
    ปี 1996 ฉันเรียนจบได้รับบรรจุงานที่เทือกเหล็กห่างจากบ้านเกิด 40 กม. เมื่อจัดที่พักเรียบร้อย ฉันเดินทางไปรับพ่อผู้ใช้ชีวิตคนเดียวมาอยู่ในเมือง เพื่อรับความสุขที่ลูกสาวมอบให้แม้จะช้านานก็ตาม
    ทว่าระหว่างทางนั่งแท็กซี่กลับหมู่บ้าน เกิดอุบัติเหตุขึ้น
    เรื่องราวต่างๆหลังจากอุบัติเหตุ ฉันทราบจากพี่สะใภ้ เล่าให้ฟัง……… มีคนเดินทางจำได้ว่าผู้ประสบเหตุคือลูกสาวคนเล็กของเฒ่าถู ดังนั้น พี่ใหญ่พี่รอง สะใภ้ใหญ่สะใภ้รองต่างมาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ทุกคนได้แต่ร้องไห้เมื่อเห็นฉันสลบคาที่ ทำอะไรไม่ถูก พ่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนสุดท้าย รีบช้อนร่างฉันขึ้นมาและโบกรถใหญ่ข้างทางให้หยุด ผู้คนในเหตุการณ์ต่างเห็นว่าฉันไม่รอดแน่ พ่อใช้ขายันร่างฉันไว้ แล้วใช้มือล้วงธนบัตรปึกใหญ่ออกจากกระเป๋าเสื้อ ยัดใส่มือคนขับรถ พร้อมกับขีดเขียนรูปกากบาทถี่ๆ ขอร้องให้พาส่งโรงพยาบาล พี่สะใภ้เล่าว่า พ่อแต่ไหนแต่ไรร่างกายอ่อนแอ แต่ขณะนั้นสำแดงพลังความแข็งแกร่งมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ
    หลังจากพยาบาลเบื้องต้นแล้ว หมอให้ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น และเปรยกับพี่ๆ ว่า รักษาต่อไปก็ป่วยการเปล่า เพราะขณะนั้น ความดันโลหิตฉันเกือบวัดไม่ได้ หัวกระบาลถูกชนน่วมเป็นลูกน้ำเต้า ชุดสวมศพที่พี่ใหญ่ซื้อมาโดยเห็นว่าหมดหวังแล้วถูกพ่อฉีกทิ้ง พ่อชี้ที่ตาตัวเอง ชูหัวแม่มือ จ่อที่ขมับตัวเอง จากนั้นชูสองนิ้วชี้ที่ตัวฉัน แล้วชูหัวแม่มืออีก โบกมือแล้วหลับตา นั่นหมายความว่า พวกคุณอย่าร้องไห้ พ่อยังไม่ร้องเลย น้องสาวคุณไม่ตายหรอก เธออายุเพียง 20 กว่า ยังไหวแน่ เราช่วยชีวิตเธอได้แน่ ังคงยืนยันว่าหมดทาง ให้พี่ใหญ่บอกกับพ่อว่า แม่หนูไม่รอดแน่ ถึงจะรักษาก็ต้องใช้เงินมหาศาล และยังไม่แน่ว่าจะรักษาได้
    ทันใดนั้นพ่อคุกเข่าลง แล้วลุกขึ้นทันที ชี้มายังฉันพร้อมกับชูแขนสูง จากนั้นก็ทำท่าเพาะปลูก เลี้ยงหมู ถางหญ้า โม่เต้าหู้ แล้วปลิ้นกระเป๋าเสื้อซึ่งภายในว่างเปล่า พร้อมกับชูมือสองข้างกลับฝ่ามือไปมาสองรอบ นั่นหมายความว่า ขอร้องคุณหมอเถิด ช่วยชีวิตลูกสาวฉัน เธอมีอนาคตดี เป็นคนเก่ง คุณหมอต้องช่วยเธอ ผมจะหาเงินมาเสียค่ารักษา ผมเลี้ยงหมู ทำนา ทำเต้าหู้ได้ ผมมีเงิน ตอนนี้ก็มีอยู่4 พันหยวน
    หมอจับมือพ่อพร้อมกับสั่นหัว นัยว่า แค่ 4 พันหยวนยังขาดอีกเยอะ พ่อไม่รีรอ ชี้ไปยังพี่ๆและพี่สะใภ้ กำมือแน่น หมายความว่า ผมยังมีคนเหล่านี้ช่วยกันพยายาม เราทำได้แน่ เห็นังทำเฉย พ่อชี้ที่หลังคา ก้มหัวใช้เท้ากระทืบพื้น พนมมือสองข้างไว้ด้านขวาของศีรษะ แล้วหลับตา หมายความว่า ผมมีบ้านขายได้ ผมนอนบนพื้นดินก็ได้ แม้จะหมดเนื้อหมดตัว ผมก็ขอให้ลูกสาวอยู่รอด พ่อชี้ไปยังหน้าอกคุณหมอ แล้ววางมือลง หมายความว่า ขอให้คุณหมอไว้ใจ เราไม่เบี้ยวค่ารักษาหรอก เรื่องเงินเราจะหาทางออก พี่ใหญ่แปลภาษามือของพ่อให้หมอฟังพลางร้องไห้ไป ไม่ทันแปลจบ หมอซึ่งเห็นเรื่องเกิดแก่เจ็บตายจนชินชา บัดนี้ก็อดกลั้นน้ำตาไม่อยู่เช่นกัน
    พ่อใช้ท่ามือที่รวดเร็ว สื่อความแม่นยำ ใครๆเห็นแล้วต้องร้องไห้ หมอบอกอีกว่า ทำศัลยกรรมก็ไม่รับรองว่าจะช่วยชีวิตได้ เกิดพลาดขึ้นมาจะทำอย่างไร พ่อตบกระเป๋าเสื้อตัวเอง แล้วลูบที่หน้าอก หมายความว่า ขอให้หมอช่วยเต็มที่ แม้จะไม่ไหว ก็จะจ่ายเงินให้ครบ โดยไม่บ่นโทษแม้แต่คำเดียว ความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อ ไม่เพียงแต่ค้ำจุนชีวิตฉัน ยังค้ำจุนกำลังใจและความแน่วแน่ให้หมอในการช่วยชีวิตฉัน ฉันถูกนำเข้าห้องผ่าตัด พ่อรออยู่นอกห้องเดินไปมาอย่างลุกลี้ลุกลนตามระเบียงจนรองเท้าสึกเป็นรู
    พ่อไม่หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว แต่กลับเป็นแผลพุพองเต็มปากหลังจากเฝ้ารออยู่นอกห้องสิบกว่าชั่วโมง พ่อทำท่าอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสับสนไม่เป็นระเบียบ จนฟ้าดินปรานี ให้ฉันรอดมาได้
    ฉันสลบเหมือดตลอดระยะเวลาครึ่งเดือน ไม่ตอบสนองต่อความรักจากพ่อ ทุกคนหมดกำลังใจในตัวฉันซึ่งกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา มีเพียงพ่อคนเดียวที่ยืนหยัดเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนไข้รอฉันฟื้นขึ้นมา พ่อใช้มืออันหยาบกร้านบรรจงนวดให้ฉันกล่องเสียงพิการของพ่อได้แต่เปล่งลมเออออเรียกฉัน เหมือนกับพูดว่า"ลูกหยูน ตื่นเถิด ลูกหยูน พ่อทำน้ำเต้าหู้สดๆรอลูกอยู่" เพื่อเอาใจหมอและพยาบาล พ่อจะอาศัยเวลาที่พี่มาเฝ้าไข้แทน ทำเต้าหู้ร้อนๆถาดใหญ่ มาแจกแก่เจ้าหน้าที่พยาบาลเกือบทุกคนในแผนกศัลยกรรม แม้โรงพยาบาลตั้งระเบียบไม่ให้รับของจากคนไข้ แต่ด้วยคำขอร้องที่บริสุทธิ์จริงใจเช่นนี้ พวกเขาก็รับไว้อย่างเงียบๆ แค่นี้พ่อก็พอใจและมีความมั่นใจยิ่งขึ้น

    พ่อใช้ภาษามือสื่อความว่า ท่านทั้งหลายเป็นผู้ใจบุญ เชื่อว่าต้องรักษาลูกสาวผมได้แน่
    ระหว่างนั้น เพื่อระดมค่ารักษา พ่อเดินสายไปทุกหมู่บ้านที่เคยไปขายเต้าหู้ ความซื่อสัตย์สุจริตตลอดชีวิตที่ผ่านมา ได้รับความสนับสนุนเพียงพอที่จะช่วยลูกสาวรอดพ้นจากเส้นตาย ชาวบ้านต่างออกเงินช่วยเหลือ พ่อก็ไม่ปล่อยปละละเลย ใช้ดินสอจดบัญชีเต้าหู้บันทึกรายละเอียดด้วยลายมือหงิกงอ ทว่าชัดเจนดังนี้ คุณจัง 20 หยวน คุณลี่100 หยวน อาซ้อหวัง 65 หยวน……

    ในที่สุดฉันฟื้นขึ้นมาจนได้ตอนเช้าตรู่วันหนึ่งหลังจากครึ่งเดือนผ่านไป ฉันเห็นผู้เฒ่าผอมเซียวจนเสียรูป อ้าปากกว้าง เปล่งเสียงเออออดังลั่นด้วย ความดีใจที่ได้เห็นฉันตื่นขึ้นมา ผมขาวโพลนของเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อในฉับพลันเนื่องจากความตื่นเต้น ครึ่งเดือนก่อนพ่อยังมีผมดำเต็มศีรษะ ครึ่งเดือนผ่านไป พ่อแก่ไปตั้ง 20 ปี หัวโกนจนเกลี้ยงของฉันเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นแล้ว พ่อลูบไล้หัวฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมตตา การลูบไล้เช่นนี้ ในอดีตถือเป็นความสุขเกินตัวสำหรับพ่อ

    เวลาผ่านไปครึ่งปี ผมฉันยาวพอที่จะถักเปียได้ ฉันจูงมือพ่อขอร้องช่วยหวีผมให้ พ่อกลับออกอาการเปิ่นเก้อ พ่อหวีทีละกระจุก หมดไปค่อนวันก็ยังไม่อาจหาทรงที่ถูกใจพ่อ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อหันมาอยู่หน้าฉัน ทำท่าอุ้มฉันโยนออกไป แล้วงอนิ้วมือเหมือนท่านับเงิน อ้อ พ่อคิดจะเอาตัวฉันไปขายเหมือนขายเต้าหู้ละสิ ฉันแสร้งปิดหน้าร้องไห้ จนพ่อดีใจหัวเราะ ฉันแอบดูพ่อผ่านช่องนิ้วมือ เห็นพ่อหัวเราะจนขดตัวยองๆกับพื้น เกมนี้เราเล่นจนกระทั่งฉันลุกขึ้นยืนและเดินได้

    ทุกวันนี้ มีเพียงอาการปวดหัวเป็นครั้งคราวเท่านั้น สุขภาพโดยทั่วไปฉันดูแข็งแรงดี พ่อจึงพึงพอใจยิ่ง เราช่วยกันชำระหนี้สินจนหมด แล้วพ่อก็ย้ายเข้าเมืองอยู่กับฉัน โดยที่พ่อขยันทำงานมาตลอด ทนไม่ได้กับชีวิตอยู่เฉยๆ ฉันจึงเช่าเพิงเล็กๆ ใกล้บ้านให้พ่อทำเป็นโรงเต้าหู้ เต้าหู้ที่พ่อทำ รสชาตินุ่มหอมก้อนใหญ่ดี เป็นที่นิยมของชาวบ้าน ฉันติดตั้งชุดลำโพงกับแบตเตอรี่บนรถเข็นเต้าหู้ให้พ่อ แม้ว่าพ่อไม่ได้ยินเสียงกังวานของฉัน แต่ท่านย่อมทราบดี ทุกครั้งที่พ่อกดปุ่มเสียง ท่านจะอกผายไหล่ผึ่ง รู้สึกถึงความสุขและพอเพียง เรื่องราวในอดีตที่ฉันเหยียดหยามพ่อ ท่านมิได้จดจำจองเวรไว้เลยแม้แต่น้อย จนตัวฉันเองก็ใจไม่ถึงพอที่จะสารภาพผิดต่อท่าน


    ฉันคิดอยู่เสมอว่า โลกเราเปี่ยมล้นด้วยสังคีตแห่งความรัก เราสดับฟัง สาธยาย สัมผัส และสะเทือนใจ แต่แล้ว พ่อผู้ใบ้ของฉันกลับสอนให้ฉันเข้าใจว่า อันที่จริงแล้ว สังคีตอันยิ่งใหญ่ที่สุดคือปลอดเสียง อันเป็นพลังที่ไม่พึงสงสัย ทำให้ฉันตีความความรักให้สูงขึ้นไปอีก

    ขอให้เราปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ เพราะชีวิตเราได้มาไม่ง่าย มีโอกาสพบกันถือเป็นบุญวาสนา

    ขอให้เราปรนนิบัติต่อพ่อแม่ด้วยความกตัญญูกตเวที เพราะหลังจากท่านสิ้นบุญแล้วจะเหลือแต่ความรำลึก

    ขอให้เราปฏิบัติต่อคู่ชีวิตด้วยความจริงใจ เพราะหลังจากจากกันแล้วจะไม่มีโอกาสจูงมือกันเดินเที่ยว

    ขอให้เราทะนุถนอมการเจริญเติบโตของบุตร เพราะเมื่อถึงเวลาอันควรจะไม่มีโอกาสได้โอบกอดลูกๆอีก

    ขอให้เราทุ่มเทและให้อย่างเต็มที่ ขอบคุณและอุทิศโดยไม่เห็นแก่ตัว ต่อการพบปะในบุญวาสนาทุกโอกาส


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=tmMRvuV2We4&feature=player_embedded"]‪Silence of Love ???????????????????‬‏ - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2011
  6. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292

    โฆษณานี้เข้าขั้นเทพ

    จากพ่อคนหนึ่ง
     
  7. กราวใน

    กราวใน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +6,266
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง หลวงปู่อั๊บครับ
    ได้ติดตามความรู้ สาระดีดีของพี่พี เพิ่มพูนความรู้มากทีเดียวครับ

    และได้ดูโฆษณาแล้วน้ำตาซึม ผมชอบโฆษณาของไทยประกันและติดตามมาตลอดครับ
    โฆษณาแบบนี้มีผลต่อสังคมและจิตใจ เป็นสุดยอดโฆษณาของไทยเลยครับ ^ ^
     
  8. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292

    ขอบคุณครับที่อ่าน

    เรื่องนี้อยู่ในใจมานานหลายสิบปี

    ตอนผมเรียนหนังสือ ผมผ่าน ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ มา บางท่านที่มาอ่านอาจจะยังไม่เกิด ถึงเกิดก้อาจจะยังเด็ก เพราะร่วม ๔๐ ปีแล้ว ฟังแต่เขาเล่า ตอนนี้มาฟังผมเล่าบ้าง ผมนี่ล่ะอยู่ในที่เกิดเหตุ และอยู่ในการประท้วงมาตั้งแต่ประท้วงใหญ่ ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตอนไล่ อธิการบดีของมหาวิทยาลัยรามคำแหง คนแรก ( ไม่บอกชื่อ ยังจำชื่อท่านได้จนวันตาย ใครอยากทราบต้องไปหาอ่านเอง ) เหตุการณ์ครั้งนั้น จุดชนวนให้คนมาร่วมกันได้มากมาย และ ลุกลามมาจนถึง ๑๔ ตุลา ๑๖ ซึ่งในยุคนั้น ทางราชการ รัฐบาลประเมิณ ศักยภาพของนักศึกษาต่ำแบบไม่อยู่ในสายตา เป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์แบบของแท้ ดังไปทั่วโลก ตอนผมไปเรียนเมืองนอก หลังจากนั้น พอเขารู้ว่าคนไทย มีคนมาถามตลอดเวลาว่าทำอย่างไร ( พูดเหมือนเป็นตัวเอก แต่แค่ลูกกระจ็อก ...อิอิ ) รัฐบาลเพราะเป็นเผด็จการมานาน ไม่คิดว่า พลังนักศึกษา ที่หนุนโดยพลังประชาชนที่เห็นใจลุกหลานนักศึกษา จะเป็นพลังมหาศาลที่มาล่มรัฐบาลทหาร ที่มีอาวุธ ทุกประเภท รถถัง รถเกราะ ฮ ปีกหมุน ทหารทุกเหล่าติดอาวุธครบมือ แต่ก็ยังแพ้ พลังนักศึกษา ประชาชน ถ้าพูดเรื่องจริงหมด บันทึกไว้ จะเป็นหน้าประวัติศาสตร์ไทยโดยแท้จริง เพราะถ้าไม่มีวันนั้น วันนี้จะเป็นอย่างไร ยังเดาไม่ออก

    ผมเองหลังเหตุการณ์บอกตามตรง ไม่ชอบทหาร และคนในเครื่องแบบ เพราะโหดร้ายมาก ทำได้แม้คนมือเปล่า ไม่มีอาวุธ แต่กรรมชักนำให้มาใส่เครื่องแบบเหมือนกัน เมื่ออยู่ไปนานๆ ประมาณ ๖ ปี เริ่มคิด และ เข้าใจ คนที่มีเครื่องแบบ โดยเฉพาะ ข้าราชการผู้น้อย และในตอนจบเมื่อลาออกมาจากราชการ ผมอยากจะบอกว่าผมรักทหารซ่ะด้วย ทุกเหล่า ทหารที่ดี คือ ทหารที่ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ในยุค ๑๔ ตุลา ผมได้เจอทหารที่ดี ที่ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา เพียงแต่บางท่านอาจจะรุนแรง ติดลม และ โหดร้ายไปหน่อย

    เรื่องนี้ เมื่อเล่าถึงคำว่าพ่อผมก็มีเรื่องเล่า

    ในยุคที่ นักศึกษา ยังใสบริสุทธิ์ ยังไม่บ้า พวกสื่อ ออนไลน์เหมือนเดี๋ยวนี้ ไม่ฟุ่งเฟ้อ เพราะยุคนั้นยังไม่มี นักศึกษาจะไปแนวการเมืองอีกซ่ะด้วย เข้าใจปัญหา บ้านเมือง เข้าใจปัญหาประชาชน เพราะนักศึกษาก็ลูกชาวบ้านนี่แหละ เด็กบ้านนอกซ่ะเยอะ เข้าใจปัญหาดีกว่านักการเมืองเดี่ยวนี้เยอะ เพราะเกิด และโตมากับ ชนบท ท้องไร่ ท้องนา โตมาจากความไม่มี มีแต่ชนบทท้องไร่ท้องนา

    ตัดตอนมาที่การชุมนุม ใน พ.ศ. ๒๕๑๖ ตามลิ้งค์

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2011
  9. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    เปิดดูไฟล์ อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย.bmp

    จากเนื้อเรื่อง ท่านจะเห็นว่า นักศึกษายุคเก่า ต่างจากนักศึกษายุคนี้ แบบหนังคนล่ะม้วน ผมจะไม่วิจารณ์ลึกๆเพราะจะเครียด แต่ผมเป็นคนหนึ่งที่นั่ง ตากฝน ทนแดด อยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กินข้าวห่อ ชาวบ้าน แม่ค้าที่เอามาแจก ( ชาวบ้านแม่ค้า เอามาแจกจริงๆ ไม่ใช่ กองทัพจ้างประท้วง เอามาให้แบบเดี๋ยวนี้ ) เมื่อวันที่ ๒๑ ถึง ๒๒ มิถุนายน ตามบันทึก ผมเองน่ะลืมวันที่ไปแล้ว จำได้แต่ปี และจำได้ว่าก่่อน ๑๔ ตุลา ๑๖ เหตุที่มีการเบี้ยวกันของรัฐบาลครั้งนั้นจากผลการชุมนุม ทำให้มาก่อหวอด เกิดวันมหาวิปโยค ๑๔ ตุลาต่อมา ผมจะไม่เขียนเรื่องการเมือง เพราะไม่ชอบ รังเกียจซ่ะด้วยบอกตามตรง แต่ผมจะเขียนเหตุการณ์ที่ผมผ่านมา ในสำนวนของผม และเป็นรายละเอียดที่เขาไม่เล่า และ ไม่อยากเล่า ไม่อยากจะบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์

    ในวันแรก น.ศ. ก็ไม่กลับบ้าน มีอยู่ หลักหลายร้อยที่นั่ง ตากฝนในคืนวันที่ ๒๑ มิย ส่วนใหญ่น่ะกลับบ้าน เพราะมีผู้หญิงก็ซ่ะเยอะ บนเวทีก็จะมีตัวหลักๆ บอกชื่อจะร้องอ๋อ เพราะเดี๋ยวนี้ก็ยังดังอยู่หลายท่าน ขึ้นมา ด่า ( ขอใช้คำว่าด่า...แหะๆ เพราะมันเรียกอารมณ์ของฝูงชนได้ง่าย มัน มันส์ กว่า มาคุยวิชาการ...อิอิ ) คนที่กลับไปบ้านก็กะว่าจะกลับมาร่วมประท้วงในวันต่อไป

    ทางการ ส่งกำลัง ตำรวจ มาหลายร้อยนาย มีอาวุธสั้น โล่ห์ กระบองยาง กระบองไม้ กระบองไฟฟ้า ครบถ้วน มาตั้งแถว สี่ด้าน ถ้าท่านเป็นคน กทม จะพอเห็นภาพ คือ กองร้อยหนึ่ง หรือ อาจจะมากกว่ากำลังหนึ่งกองร้อย อยู่ด้าน ถนนไปสี่แยกคอกวัว อีกกองอยู่ด้านถนนไปสนามหลวง อีกกองอยู่ด้านถนนไป ศาลาเฉลิมไทยสพานมัฆวานฯ อีกกองอยู่ด้าน ถนนไปบางลำภู เรียกว่าอุดไว้ทั้งสี่ด้าน เว้นระยะพอสมควร เพ่ื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตามยุทธวิธี แต่ตั้งแถว เรียงหนึ่งกั้นเต็มถนน อาวุธพร้อม

    ใครจะกลับบ้าน เชิญเดินผ่านไปได้ แต่คนจะเข้าห้าม เพื่อตัดกำลังคนมาชุมนุมไม่ให้มากขึ้น และ ตัดการส่งเสบียง ตำรวจมาเฝ้าทั้งคืน และ คนเริ่มรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติในเหตุการณ์และอาจจะมีอะไรรุนแรงได้

    นักศึกษาที่เหลือ ก็ชุมนุม ผู้นำนักศึกษาที่พูดเก่งๆ ก็ผลัดกันขึ้นมาด่ารัฐบาล ด้วยเครื่องขยายเสียงแบบกำลังน้อย ใช้โทรโข่งแบบกระเป๋าหิ้วก็มีในยุคนั้น เพราะทุนน้อย และที่แสบคือ ทางรัฐบาล ส่งรถมาหนึ่งคัน ติดลำโพงแบบ งานวัดหลายตัว มาทางด้าน ถนนด้าน ศาลาเฉลิมไทย ( ตอนนี้ทุบไปแล้ว ) น่าจะเป็นแบบหลายพันวัตต์ หลายตัว มาจ่อ ทิ้งระยะสักหน่อย ห่างจากกลุ่มนักศึกษาไปหน่อย พร้อมกับเปิดเพลงลุกทุ่ง จังหวะ เร่าร้อน สนุกสนาน ตลอดรายการ เรียกว่า กลบเสียง ลำโพงนักศึกษาแบบมิดๆ ...แหะๆ คนคิดนี่ ท่านคงตายไปแล้ว แต่ทำได้สะใจมากครับท่าน

    ตำรวจที่มาล้อม นักศึกษาก็ตามฟอร์ม มีลูกน้องก็ต้องมีนายมาคุม ผมมีเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งเรียน เภสัชฯ ชื่อ พี่ ฐ บ้านท่านอยู่บางลำภูเลยแถวตำรวจไปหน่อยเดียว ท่านผู้นี้กลับไปบ้านแล้ว กลับมาชุมนุมทันก่อนที่ตำรวจจะมีนโยบายอุด ไม่ให้คนเข้า ( เขาคงทำเป็นเวลา เมื่อถึงเวลานั้นๆดูคนจะกลับบ้านมากกันแล้ว เลย อุดไว้ ) ข้างบ้านพี่ ฐ เป็นร้านเสริมสวย อยู่ติดแนวตำรวจพอดี พอหัวค่ำ มีนายตำรวจท่านหนึ่ง ยศนายพัน มาขอใช้โทรศัพท์ ท่าทางเครียดๆ พี่คนเจ้าของร้านท่านอนุญาตแแน่อน แต่ตามนิสัยสอดรู้ของเพศหญิง ( มีมากตามจริต ) เลยแอบฟังอยู่

    ในยุคนั้นไม่มีมือถือน่ะครับ ถ้าเท่ห์หน่อยก็มี ว. เท่านั้นเอง

    ท่าน นายตำรวจ หลังจากต่อโทรศัพท์ติด

    เธอ ลูกกลับบ้านหรือยัง ( คงโทรหาภรรยา )

    ........... อีกด้านพูด คนแอบฟังไม่ได้ยิน

    หลังจากพูดคุยแปปเดียว ก็วางหู แล้ว ท่านนายตำรวจ ก็เดินมาขอบคุณที่ให้ใช้โทรศัพท์

    พี่คนเดิม ตามนิสัยสอดรู้อีกที ( เผื่อได้ข่าวอะไร เพราะเหตุการณ์ชักไม่ค่อยดี ร้านแกบ้านแก น่ะแหละอยู่ตรงนั้นพอดี เลยทำตีสนิท และ ก็ถามท่านนายตำรวจว่า )
    มีอะไรหรือค่ะ

    ท่านนายตำรวจ มองหน้าแปป และ หันไปไม่สบตา พร้อมกับพูดว่า

    ลูกผม เรียนช่างกล ยังไม่กลับบ้านเลยส่งสัยอยู่ในกลุ่มนักศึกษาน่ะแหละ ( อยู่ในกลุ่ม นักศึกษา ที่มาประท้วงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ) สมัยยนั้นเขาไม่แบ่งกันน่ะครับ นักศึกษา กับ ช่างกลฯ น่ะพวกเดียวกัน พวกฟันเฟือง กระทิงแดง ฯลฯ

    จะมีอะไรเหรอค่ะ

    ที่นี้ท่านผู้พันไม่ตอบ หันมาขอบคุณแล้วเดินออกไป

    ตอน พ.ศ. นั้นน่ะ ผมฟังยังสงสารแก

    ยิ่งมา พ.ศ.นี้ ผมเข้าใจของคำว่าพ่อดี เพราะเป็นพ่อมา ๑๕ ปีแล้ว ถ้าผมเป็นนายตำรวจท่านนั้น ที่มาคุมม็อบที่มีลูกของตัวเองอยู่ด้วย และถ้าเผลอมีเหตุการณ์น้ำผึ้งหยดเดียว เกิดการรุนแรงใช้อาวุธ ใช้กำลังขึ้นมา พวกท่านมีคำตอบไหมครับ

    ที่ผมร่ายมายาวนอกเรื่องไปหน่อย ก็เพียงแต่อยากจะเล่าเรื่องของหัวอกพ่อ โดเฉพาะพ่อที่มีลูกสาวแบบผม เล่าเรื่องทหารว่า ผมเข้าใจทหารเพราะผมก็เป็นทหารมาหลายปี ผมอยากรู้เรื่องอะไร ผมต้องเป็นแบบนั้น ผมถึงจะเข้าใจได้ละเอียด ไม่นั่งเทียนเขียนให้คนฟัง หลักการณ์ต้องมี จะส่วนจะมีสำบัดสำนวน ให้เป็นดราม่าบ้างก็เพียงไม่ให้มันกร่อยเป็นวิชาการ แต่หลักการณ์ หลักๆ ต้องตรงตามนั้น ผมเล่าเรื่องหลวงพ่ออะไร ท่านใด ผมต้องเจอมาจริง คลุกคลีจริง จึงจะนำมาเล่าให้ท่านฟังครับ

    ทีนี้ถ้ามาเล่าเรื่องพระ ถ้าเป็นแบบแต่ก่อน บวชมาแค่ สองอาทิตย์ คงพูดอะไรไม่ถนัด แต่ถ้าคร้งที่ ๒ บวชมาสี่เดือนกว่า นับระยะ ก็พรรษาหนึงน่ะแหละ เพียงแต่ไม่ได้เข้า และ อธิษฐานเอาพรรษา ผมก็เข้าใจพระพอสมควร ผมนั่งอ่านพระไตรปิฎก ( หลวงพ่อสั่ง) มีปัญหาสงสัย ผมไปถามหลวงพ่อ หลวงพี่ หลวงน้า หลวงอา ก็ได้คำตอบตามแต่โบราณกาล ผมก็เข้าใจพอสมควรว่า มีอะไร ที่พระทำได้ มีอะไรที่พระทำไม่ได้ มีอะไรที่พระควรทำ และมีอะไรที่พระไม่ควรจะทำ และมีอะไรที่พระไม่ควรทำอย่างยิ่ง ถ้าหมิ่นเหม่กับพระธรรมวินัย ยิ่งเป็นพระวินัยในหมวด

    ปาราชิก หรือ สังฆาทิเสส

    พระภิกษุ ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือ อยู่ให้ห่าง และถ้าเป็นหมวดปาราชิกแล้ว ไปพลั้งพลาดเข้า จะขาดจากความเป็นพระในวินาทีนั้นทันที ต้องสึกสถานเดียว เป็นตาลไม่มียอด ไม่สามารถงอกออกได้อีกในชาตินี้ หรือ ชาติไหนๆ ต้องไปรับกรรมตามโทษานุโทษซึ่งคงอีกนาน กว่าจะมีวาสนามาได้บวชเรียนอีก

    หรือ เบาหน่อย ถ้าเป็นสังฆาทิเสส ก็แก้เองไม่ได้ ปลงไม่ได้ ต้องไปเข้าปริวาสอย่างเดียวถึงจะหลุดข้อหาจัดว่าเป็นโทษหนักเหมือนกัน

    จึงอยากให้พวกท่าน ที่เล่นหาเครื่องรางของขลัง โปรดใช้ปัญญาด้วย ว่าพระพุทธศาสนาคืออะไร ไสยศาสตร์คืออะไร ความเชื่อเป็นของท่าน ศรัทธาเป็นของท่าน และ เงินทองก็เป็นของท่าน เมื่อเข้าใจ การเล่นหา ใช้เครื่องรางของขลังเหล่านั้นก็จะได้มารวมทั้ง พุทธ และ ไสยศาสตร์ เข้าด้วยกัน ให้เกิดอานุภาพ และ ประสบการณ์สูงสุด ได้ปรโยชน์ทั้งในแง่เงินที่ลงทุนไป ในแง่อิทธิฤทิ์ปาฏิหารย์ และ ในแง่ธรรมมะที่สอดแทรกมาแบบปรัชญา ในองค์พระและเครื่องรางที่ถ่ายทอดมาจากครูบาอาจารย์ ในทำนอง วัดไม่ช้ำ ธรรมไม่เสื่อม

    อายุพระพุทธศาสนาก็จะยืนยาวต่อไป เพราะเราช่วยๆกัน พระเครื่อง รางของขลังก็จะมีให้ ให้ใช้บูชาตลอดไปด้วยครับ


    ขอบคุณที่อ่านน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2011
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    วันนี้จะต้องออกไปทำธุระ จะไปจัดการเกี่ยวกับเรื่อง คอมตัวให้ด้วยเพราะยังมีปัญหาและผมอยากแสดงความเห็น ด้าน

    เสน่ห์ ด้าน พุทธไสยเวทย์ แนว เทพ และ พระเครื่องที่หลวงปู่บูญศรี ปลุกเสกให้

    จะเว้นแนวเสน่ห์แนวไสยดำ เพราะไม่ถนัดและไม่ชอบครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2011
  11. MooDam

    MooDam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,604
    ค่าพลัง:
    +4,845
    ขอบพระคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ จากพี่ไม่เกิด และพี่พีครับ
     
  12. chokaku

    chokaku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +4,333
    มารอฟังประสบการ์ณอันล้ำค่าครับพี่
    ขอฝากตัวด้วยครับ
     
  13. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ตัวใหญ่ไหมครับ...แหะๆ
     
  14. JLB

    JLB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,180
    ค่าพลัง:
    +8,080
    กราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อทรง
    กราบพระเดชพระคุณ หลวงปู่บญศรี

    สวัสดีครับพี่พี และ เพื่อนๆ ทุกท่าน

    โฆษณา ของ บริษัทนี้ ผมชอบทุกชิ้น
    ทุกครั้งที่เริ่มหมดกำลังใจในการใช้ชีวิต จะใช้ดฆษณา เหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจทุกครั้งครับ
    ช่วงนี้ทองคำแพงขึ้นทุกวัน ระมัดระวังกันด้วยนะครับ
    คนจนอย่างผมก็ใช้ ตลับเงินกับสร้อย แสตนเลสไปก่อน อิอิ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. chokaku

    chokaku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +4,333
    ตัวนิดเดียวเท่านั้นครับพี่ แต่กินจุมากกกกก ขอบอก หุ หุ

    แบบนี้ก็แจ่มแล้วครับ ผมแค่กรอบไมครอนเท่านั้นเองครับ แถมสร้อยเชือกอีก
     
  16. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
     
  17. ไม่เกิด

    ไม่เกิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,916
    ค่าพลัง:
    +9,458
    ทุกคนมีโอกาสที่กำลังใจถดถอยกันได้ เพียงแต่เราจะหากำลังใจที่ดีจากที่ไหน...? ส่วนตัวผมใช้หลักธรรม ช่วยประคับประคองให้มีสติ และทำให้มีปัญญาในแก้ไขปัญหาต่อสู้ชีวิต แถมมีกำลังใจจากการที่คิดถึงลูก ถึงแม้คุณลูกจะไม่ได้ทำอะไรให้พ่อคนนี้ได้ชื่นใจสักเท่าไร... ? นี่แหละคือชีวิต แต่ละคนก็แตกต่างกัน เพียงแต่จะดำเนินชีวิตอย่างไรก็เท่านั้น มีทั้งเส้นทางสีขาว สีเทา สีดำ แล้วแต่จะเลือก ส่วนผลลัพธิ์จะเป็นอย่างไรนั้นก็น่าจะรู้ดี บางท่านรู้ว่าสุดท้ายของบั้นปลายจะได้รับอย่างไร แต่ก็ยังทำ อันนี้ก็แล้วแต่สามัญสำนึก..... ( นอกเรื่องไปหรือเปล่าครับอ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2011
  18. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ผมมีปัญหาเรื่องคอมฯ ยังไม่เข้าที่ดี ตัวนี้เป็นตัวเก่าชักมีอะไรแปลกๆ

    ตัวใหม่ติดตั้งยังไม่เข้าที่ครับ

    อาจจะผลุ๊บๆโผล่ๆ ชักสองสามวัน

    รางวัลที่แจกมีในใจแล้วครับ

    ส่วนเรื่อง ไสยศาสตร์ ผมยังไม่จบ...แหะๆ
     
  19. gim

    gim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,398
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง ครับ
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่พระครูบุญศรี ครับ
    สวัสดีครับ พี่พี พี่น้องบ้านเหรียญบินทุกท่านครับ
     
  20. Maha Jakkraput sutta

    Maha Jakkraput sutta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +915
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง ขอให้ลูกหลานปลอดภัยที่ปัตตานีด้วยเทอญครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...