ไปวัดเห็นกัลยาณธรรม แต่ชุดขาวมากมายเห็นแล้วเย็นชื่นใจ แต่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pichak, 24 กรกฎาคม 2011.

  1. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    ไปวัดเห็นกัลยาณธรรม แต่ชุดขาวมากมายเห็นแล้วเย็นชื่นใจ แต่ เวลามาพูดคุยกันในเวปธรรม ทำไม โทสะ รุ่นแรงขนาด... อนาคต ธรรมะอยู่ที่พวกเราเป็นตัวอย่าง กับผู้เดินตาม อะไรคือสาเหตุของโทสะเหล่านี้ ?

    เพื่อนร่วมทางธรรม คิดว่าอย่างไรครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กรกฎาคม 2011
  2. พระเมตตาธัมโม

    พระเมตตาธัมโม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +20
    กิเลสอาสวะเป็นสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในจิตของปุถุชนมายาวนานจนกำหนดไม่ได้
    หากญาณปัญญายังไม่แก่กล้ามีกำลังอย่างเข้มข้นถึงขนาดแล้ว
    ก็ไม่อาจจะละกิเลสอาสวะออกจากจิตได้โดยง่าย
    คำว่า "รุนแรงขนาดอนาคตธรรม" ไม่ทราบมีความหมายว่าอย่างไร
    ผู้ที่มีโทสะรุนแรงดังที่คุณเรือธรรมกล่าวนั้น มีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
    เขาจะค่อย ๆ พัฒนาจิตไปสู่ความมีกิเลสเบาบางลงได้เรื่อย ๆ
    ถ้าไม่ทอดทิ้งการศึกษาและปฏิบัติธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง
     
  3. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุครับ
    รุ่นแรงขนาด ... หนัก
    อนาคต ธรรมอยู่ที่พวกเราเป็นตัวอย่าง (ขอขมาครับเขียนแล้ว งงเองครับเว้นวรรค์ผิดครับ)
     
  4. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    อุปทาน แปลว่ายึดมั่น ถือมั่น

    ยึดมั่น ถือมั่นว่า ที่ตรงนี้ มีความสุข

    ยึดมั่น ถือมั่นว่า ทีตรงนี้ ไม่มีความสุข

    พิจรณาดูเอานะครับ..
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    อาจจะเข้าใจผิดว่านั้นคือโทสะ ถ้า อ่านเนื้อความไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่ก็ตอบโต้กันด้วยสาระแต่มีคำวิเศษ สำนวน เฉพาะตัวบ้าง อันนั้น มองผ่านไปได้ ก็จะได้ประโยชน์ ผมเชื่อว่าใครเคยเข้ามาสนทนาที่ ย่อมได้ประโยชน์ ตนกลับไปทุกคน ไม่เชื่อถาม จขกท ดูก็ได้ อยู่ที่ว่าจะยอมรับหรือเปล่า
     
  6. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    พวกเราอยู่ในสถานะกำลังเดินทาง แต่ยึงไม่ถึงพร้อมพระนิพพาน เรากำลังเดินทางไกลกันอยู่ ผิดบ้างถูกบ้างบางทีหลุดออกนอกเส้นทางไปบ้างก็ขอให้รีบกลับเข้าเส้นทาง จะผิดยังไง ไม่เต็มครบถ้วนสมบูรณ์ยังไง อย่างน้อยก็ขอให้เดินถูกทาง เดินทางนี้ เดินเกาะเส้นทางนี้ไป ทางที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เคยเดินท่านต่างก็เดินล้มลุกคลุกคลาน ถูกบ้างผิดบ้างมาแล้วทั้งนั้น จนท่านถึงเส้นชัย ไม่มีใครที่ถึงเส้นชัยโดยที่ไม่ได้เดินถูกผิดล้มลุกคลุกคลาน ขอให้มองส่วนดีไว้ อะไรที่ไม่ดีช่วยแนะนำกันได้ก็แนะ ถ้าแนะไม่ได้แต่เห็นเค้าอยู่ในเส้นทางก็ปล่อยเค้าเถอะซักวันนึงเค้าจะเดินถูกทางเองด้วยประสบการณ์ของเค้า
     
  7. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    จงดูที่ตัวเรา...................
     
  8. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    อนุสัยของคนแต่ละคนคงแตกต่างกันน่ะครับ...
    ผมเองก็เป็นเยอะอยู่ บางท่านสังเกตุว่ามีธรรมดี..ก็อาจแกล้งทำก็เป็นได้
    จุดประสงค์เพื่อให้คู่กรณีมองทุกข์จากอัตตาที่กำลังเกิดอยู่ในขณะปัจจุบันนั้น
    เจอจัดหนักมา ก็ได้ประโยชน์อยู่ ทำให้รู้จักข้อเสียของเรามากขึ้น
    แต่ไม่แน่ใจว่าในเวบนี้มีธรรมเนียม ห้ามขยายธรรมตามความเข้าใจของเราเอง
    โดยอาศัยหลักธรรมของพระบรมครูเป็นหลักมาพิจารณาร่วมกับวิชาความรู้ทั่วไปรึเปล่า
    รู้สึกว่าเมื่อทำอย่างนั้น ทำให้เห็นความจริงได้มากขึ้น เกิดการตระหนักยอมรับมากขึ้นเพราะไม่ว่าเรื่องอะไรๆก็อยู่ในหลักธรรม กฏของธรรมทั้งสิ้น ไม่เคยเห็นหลักวิทยาศาสตร์หรือหลักวิศวกรรม อยู่นอกเหนือธรรมมะเลย มีแต่ธรรมะที่ละเอียดซับซ้อนกว่ามากมาย...
    อย่างหลัก ธรรมอันใดเกิดแต่เหตุ ก็มีเหตุปัจจัยและกาลเวลาปัจจุบันและอดีตของ ขันธ์ห้า ด้วย กาย เวทนา จิต ธรรมรวมทั้งคู่กรณีคือเจ้ากรรมนายเวร เป็นองค์ประกอบ เช่นแค่ทุกข์แบบหยาบๆของ โทสะ โลภะ... ก็มี ตัวแปรมากมายมองไม่หมด ที่รู้กันก็แค่บางส่วนตามกำลังสติจะมองเห็น แล้วส่วนปลีกย่อยอีกล่ะ
     
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    คำก็เจ้ากรรมนายเวร สองคำก็เจ้ากรรมนายเวร

    เจ้ากรรมนายเวร นี่ ให้โยนทิ้งไปเลย

    มันมีแต่ ขันธ์5ของผู้ปฏิบัตินั้นแหละ ที่เก็บเหตุปัจจัยเอาไว้

    กรรมบางครั้งจึงไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาส่ง มาทวง

    หากกรรมนั้นมันมีอยู่ติดขันธ์5อยู่แล้ว ขอเพียงธรรมภายนอกใด
    สบช่องในเหตุนั้นเสมอกัน ก็ส่งผลให้เกิดกรรม รับกรรมทันที

    มันจึงเป็นอนัตตา ไม่ใช่ว่า อยู่ในอานัติของใคร มันไม่ได้อยู่ใน
    อาณัติของเรา ของผู้สดับธรรมะผู้ทราบชัดอยู่ แล้วเรื่องอะไร
    ไปโยนการเป็นอาณัติให้กับเจ้ากรรมนายเวรเล่า นี่มันเป๋ไปไม่รู้
    เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

    แทนที่จะเล็งเห็นอนัตตาธรรมในตน ดัน เซ็นโอนลอยให้เจ้ากรรม
    นายเวรไปอีก ทั้งๆที่จริงๆ แล้ว ก็ ทิฏฐิของตนที่ยังเห็นไม่ถูก แล้ว
    ไปสร้างการเห็น อนัตตาด้วยการผลักไส นั่นแหละ ดู๊ดู ยังไปโทษ
    เจ้ากรรมนายเวรที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่(ไม่ได้สดับธรรมอีก)
     
  10. คนเหาะ

    คนเหาะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +85
    โทสะ รุ่นแรงขนาด... อนาคต ธรรมะอยู่ที่พวกเราเป็นตัวอย่าง กับผู้เดินตาม อะไรคือสาเหตุของโทสะเหล่านี้ ?


    _________________________


    ..โทสะ อยู่ที่เรา ไม่ไช่อยู่ที่เขา
     
  11. ดินหอม

    ดินหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +187
    ชุดขาวชุดเหลืองเข้าวัดจำวัด ใช่จะเป็นเครื่องการันตีรับรองว่าจะระงับโทสะโมหะเป็นเทพเทวดาอรหันต์ แต่ยังคงมีตัณหาราคะกิเลสอยากได้ใคร่มีเหมือนเดิม เพียงแต่อาจได้รับธรรมเข้า ขัดเกลากมลสันดานให้กิเลสเบาบางลงบ้าง มากน้อยก็แล้วแต่ความลึกตื้นของสันดานแต่ละคน บางคนบวชเรียนมาหลายสิบปี จนแก่จะละสังขาร ยังอ้าปากด่าสาบแช่งผู้คนหยาบๆคาย เพราะงั้นอย่าเอามาตรฐานในใจเราวัดชุดขาวเหลืองเลย เขายังคงเป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนเราท่านทุกประการ มองไปก็ทำให้เราทุกข์ใจเปล่าๆ สู้ปฏิบัติไปตามทางที่เราเห็นดีเห็นชอบ มีสุขจะดีกว่านะ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2011
  12. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    แยกประโยค และ ที่มาให้ครับ คือ จขกท นี้ ขาดการปฏิบัติธรรม บรรยาย
    ธรรมเอาแต่ ตามนึกคิดที่ได้จากกำลังของผักหญ้า ก็เลยเขียนแล้ว พวกเรา
    ก็ งง ว่า เขาเสนออะไร อะไรคือ คำถาม

    อันนี้ เป็น ตัวล่อ เป็นประโยคลวง หากอ่านไม่ดี ก็จะคิดว่า คนๆนี้ เห็นธรรม

    แต่จริงๆเปล่า เขาแค่มาจั่ว เพื่อเป็น ประโยค โน้นน้าวให้เชื่อ โดยวาง มาดว่าเป็น
    ผู้มีเมตตา ต่อสัตว์ สงบรำงับดี เห็นอะไรก็ งาม อะไรที่ว่า งาม คือ อารมณ์เมตตา
    กรรมฐาน แต่ เป็น เมตตาที่ส่งออกนอก หากปล่อยให้ดูชุดขาวไปเรื่อยๆ ก็ไม่แน่
    ว่า กามกำเริบ เพราะ ขาวคือชื่บัญญัติที่เป็น กามทางสัมผัสด้วยตา เป็น สี ส่วนผู้
    สวมใส่เวลาเอา สิ่งสีขาวออก อาจจะยังไม่ปรากฏ เพราะ อำนาจเมตตาอารมณ์ย่อม
    กดทับเอาไว้ได้

    ตรงนี้เป็น เนื้อหาสาระ ที่เขาจะเสนอ พูดง่ายๆ ว่า จะต่อว่า หรือ ทวงถามเอา
    จากคนที่โพสตอบเขา ทักท้วงเขา ขัดขวางเขา ไม่ให้เผยแผ่ลัทธิกินผัก ไม่ทำ
    อะไรเลยก็บรรลุ แต่ อยู่ไปวันๆ ไม่ทำอะไรให้หนักเข้ามาเป็นกรรม ซึ่ง ถือว่าเป็น
    "ลัทธิไอ้นั่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่ใช่" และ คนที่เป็นเป้าหมายใหญ่ หรือ ขัดขวางเขา
    ประจำก็มี ผม กับ พี่หม้อ

    รุนแรงขนาด .... ก็ลองพิจารณาดูว่า ผม กะ พี่หม้อ รุนแรงขนาดไหน เป็นสิ่งที่พิจารณา


    อันนี้ เป็นการตวัดปลายมีดโกน เขาเฉืยดเฉือนแล้ว หาก ผม กับ พี่หม้อ เข้ามาเย้วๆ
    ละก้อ โดนปาดคอตายหยังเขียดแน่ๆ

    อันนี้ คือ เขาถามเพื่อยกว่า "ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ใช่" เอาไว้งั้นๆ เพราะ
    สาเหตุนั้น ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า มาขวางการสอนธรรมะแบบ "ไม่ต้องทำ อยู่แล้วๆ"
    แต่กลับขวนขวายตั้งข้อตันตระมากมาย เป็นพิธีกรรม เพื่ออยู่ เพื่อเป็น เพื่อกิน
     
  13. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    การเข้าวัดการเรียนรู้ธรรม ถ้าไม่สามารถนำมาช่วยตนได้ก็นับว่าเสียประโยชน์ หลายท่านยังเสียประโยชน์ในการเข้าวัดหรือศึกษาธรรมด้วย ตกนรกเพราะธรรมนี่แหละ

    ไม่ใช่เพราะโลภะ โทสะ เท่านั้น แต่เป็นโมหะ
    ความหลงนั้นแก้ยากที่สุด ไม่ชอบคนขี้โมโห ไม่ชอบใครมาว่า แต่บางครั้งคนที่ราวเมตตา ราวจิตใจดี อาจเป็นอุปสรรคมากที่สุด หากเขามิได้สอนธรรมตามจริง ให้ธรรมตามธรรม หรือเสวนาธรรมแต่ไม่ได้ปัญญาแท้

    บาปบุญแยกไม่ได้ ดีชั่วแยกไม่ได้ ทางไหนเป็นทางไหนแยกไม่ได้ พิจารณาอะไรไม่ออก ปัญญาไม่เกิด มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรในการมีความรู้ธรรมที่ช่วยอะไรไม่ได้

    ปัญญาที่มาจากกิเลส มันก็เป็นปัญญาที่ฉลาดสร้างกิเลส
    ปัญญาที่มาจากสติ มันเป็นเป็นปัญญาเท่าทันจิต รู้ธรรมชาติจิต ไม่ตกอยู่ในอำนาจกิเลส เพราะมีตัวรู้ตามรักษาอยู่

    ส่วนการแสดงออกของแต่ละคน มันขึ้นอยู่ที่เจตนา เจตนาเป็นกรรม..
    บางคนเจ้าโทสะ เราอาจไม่ชอบ ก็คิดว่าเขายังไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ให้ดูที่ธรรมของเขาด้วย

    ส่วนคนที่ฉลาดในธรรม ใครจะมาดีมาร้าย มาเก่งมาไม่เก่ง เขาถือเป็นครูได้ทั้งนั้น เพราะประโยชน์มีเสมอในความโชคดีและโชคร้าย..
     
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    เรียกอีกอย่างว่า

    เห็นสาระในความไร้สาระ

     
  15. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    กราบขอบพระคุณพี่เล่าปังมากครับที่ช่วยเรียกสติ
    ไม่มีใครสร้างกรรมให้เรา นอกจากตัวเราเองเข้าไปสร้างไว้เอง
    ความผิดพลาดทั้งหลาย ไม่ว่าอะไรก็ตามเกิดแต่ตัวเราเอง
    จากอดีต ถึงปัจจุบัน ไปอนาคต เป็นวิบากให้ประสพให้เสวย
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ ราว เอาแต่ นั่งคิด นั่งไตร่ตรอง

    ถ้าจะนั่งคิด นั่งใตร่ตรอง พระพุทธองค์ให้ นั่งคิดเรื่องพรุ่งนี้ตาย
    มะรืนนี้ตาย นอนไปอาจจะตายไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก ถ้า คิดแบบนี้
    ให้คิดให้มากๆ คิดไปในเรื่องเหล่านี้ ถึงจะมีประโยชน์

    หากไปคิดแบบอื่น คิดหาธรรมะ แต่ ไม่รู้ว่าเป็นเพียงอุบายทรมารตน
    มันก็พาคิดไปเรื่อย รู้เรื่องธรรมไปเรื่อยๆ รู้ไปหมด แต่กิเลสไม่สะเทือน
    อะไรเลย แถมไปมีสรณะอื่นได้อีก จะไมเคิล จะบองโจวี่ จะวิสกี้บองบอง
    ก็ยังไปได้เรื่อยๆ เพราะว่า ไม่รู้ว่า อุบายไว้ฝึกหัดนั้น วัดความก้าวหน้า
    อย่างไร เขาวัดความเจริญแล้วเสื่อมอย่างไร ไม่ได้วัดกันที่เฉยชาต่อการ
    เห็นเจริญแล้วเสื่อม แต่ การเจริญแล้วเสื่อมนั้นแหละ "ญาณ" ที่ต้องข้าม
    ไปด้วยจิต ดังนั้น เขาไม่ได้ปฏิบัติเพื่อเอาความเฉยชา เขาไม่ได้ปฏิบัติ
    เพื่อเอาความรู้มาโกยใส่สมอง เขามีไว้เห็น และ ก้าวข้าม รู้ว่า ก้าวข้าม
    "ญาณ" และ "ฌาณ" ใดๆได้ โดยไม่ติดข้อง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ด้วย
    เพราะเห็น สามัญลักษณ์

    และการก้าวข้าม คือ ก้าวข้ามสิ่งที่มี เป็นสมบัติ ไม่ใช่ก้าวข้ามไม่ทำไม่
    อะไรดูเลย ฌาณก็ไม่รู้ ญาณก็ไม่รู้ ละเมอว่า เฉยเมยคือ สติประกอบ
    สมาธิอัตโนมัติ บ้าไปแล้ว

    ดูสิ ภาวนาโหลยโถ่ยแค่ไหน

    พอบอกว่าให้เอาตัวตนออก ก็ทำวาทะว่า เอาตัวตนออก

    พอบอกว่าให้เล็งเห็นกรรม ว่าเป็นวิบากผล ก็ดัน ทะลึ่ง กันส่วน
    เฉพาะที่เป็น "กรรมผิดพลาดทั้งหลาย" ใครสอนให้แบ่ง ไม่มี แล้ว
    มันมาจากไหน ก็มันมาจาก ไม่เอา "กูออก" เพราะ เอาแต่นั่งคิด

    คุณขมิ้น ไปนั่งคิดเลย พรุ่งนี้ตาย มะรืนนี้ตาย ทุกลมหายใจตายได้
    ตลอดเวลา คิดแบบนี้ให้มากๆ แทนการคิดเรื่องอื่น ดู

    ถ้า คิดเรื่องนี้แล้ว พบว่า

    จิตกระโดดไป กูไม่ทำงานแล้วโว้ย กูไม่เอาใครแล้วโว้ย กูเบื่อ

    หรือ

    กระโดดไปควักเพลงทั่วโลก ทั้งอดีตและปัจจุบันมานั่งเสพ

    หรือ

    กระโดดไปท่องเที่ยว หาภาพ หาภพเป็นสุขๆ เพื่อ เอาจิตไปเกาะ
    ด้วยความชอบไป เพื่อจะได้ตายแล้วไป สิงสู่

    หรือ

    เข้าวัดไปนั่งมองนั่นมองนี่ เอาธรรมภายนอก มาหลอกตัวเองว่า สงบสงัด

    เหล่านี้ ก็สมน้ำหน้า ที่ภาวนาผิดมาตลอด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2011
  17. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    ..........
    กราบขอบพระคุณพี่นิวรณ์มากครับ ....มัวแต่ค้นหา จึงหาอยู่นั่น ไม่หยุดไม่พอ
    ธรรมมีอยู่ไม่รู้จักดูที่ตน สิ่งที่ควรตระหนักไม่ได้ตระหนัก รู้มาบ้างกลับไม่ทำ เพราะคิดว่ารู้อยู่แล้ว เลยไม่สำเหนียก ไม่ปฏิบัติ เพราะคิดไปเองว่ารู้อยู่แล้ว ที่วางๆปลงๆแบบเฉยชามันไม่ใช่ของจริง ผู้รู้จริงเขาไม่สร้างอัตตา พี่กล่าวมา ถูกตรง ครับ ระลึกความตาย ระลึกสติ จิตรู้กาย รวมจิตรู้ที่ตน ทุกที่ทุกเวลา ได้ใหม่มักลืมเก่า เพราะขาดการปฏิบัติ ให้เป็นนิสัย สิ่งดีๆรู้แล้วกลับปล่อยไปเสีย ไม่สนใจไปเสียได้ผมยังบกพร่องอยู่มาก......ตั้งแต่พี่เอก พี่นิวรณ์ พี่เล่าปัง ตามบอกตามจี้ ตามเตือนสติ ผมกลับเผลอ หลง ลืม ไปเสีย สิ่งดีๆไม่เอา กลับไปเอาอัตตามาเล่นให้เป็นทุกข์ไปเองซะ....
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไอ้คำนี้นะ ประโยคนี้นะ ไม่ว่า คุณจะไปรับมาจากใคร ให้คืน คนๆนั้นไปเสีย

    แล้ว กลับไปสู่การ ไม่ปรารภอย่างนี้อีก

    มันเป็น กลลวงที่ทำให้ คุณแสดง มายา ว่าเข้าใจธรรม

    อย่าไปเชื่อมัน!! อย่าไปเอามาใช้ มันจะหายญาณะ

    คราวหน้าพูด อีก ก็เป็นอันว่า เลิกสนทนากัน

    * * * *

    คุณต้องทราบอย่างหนึ่งว่า

    เราจะฟังกันและกัน ไม่ใช่ "ที่คำพูด"

    แต่เราจะอาศัยดูการกระทำ คำพูดเป็นเพียงร่องรอยสะท้อน

    ดังนั้น อย่าเอาเงาสะท้อน มาส่องตาเรา เราไม่โง่ขนาดนั้น
     
  19. Meme ja

    Meme ja สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +6
    ทุกคนก็ยังต้องฝึกกันอีกค่ะ ใครที่ดีแล้วก็ขอให้ดียิ่งๆขึ้นไป ใครที่ยังใช้ไม่ได้ก็ต้องฝึกให้ใช้ได้..
    ใช่ว่าใส่ชุดขาวแล้วจะละได้หมด แต่เราก็จะรู้สึกดีถ้าเห็นคนใส่ชุดขาว (หรือชุดสีอะไรก็ตาม) แล้วพูดคุยดีๆ แบบคนมีธรรมะ เพราะฉะนั้น ต้องมีสติกัน ให้ต่อเนื่องนะจ๊ะ.. ^ ^
     
  20. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    ประโยคนั้น ไม่ได้กล่าวถึงใครเป็นการเฉพาะเจาะจงครับ เรื่องของใครเรื่องของคนนั้น ผมจะไปถือ เพ่งโทษผู้อื่นก็ทุกข์มากไปอีก แค่นี้ก็ทุกข์เยอะอยู่แล้ว เกิดจากเห็นตนเป็นเช่นนั้น
    ผู้คนส่วนใหญ่ก็เล่นอัตตาคือทุกข์ของตนอยู่ เล่นด้วยทุกข์บ้าง สุขบ้าง โดยรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง ผมก็คือคนๆหนึ่งในจำนวนมากมาย ที่เผลอไปเล่นหรือโดนเล่นมากน้อยอีกเรื่องหนึ่ง ก็เราทำตัวเองแล้วใครเล่นล่ะครับนอกจากตัวเราเอง คืออัตตา
     

แชร์หน้านี้

Loading...