หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ๏ วิธีกำหนดคำบริกรรมประสานลมหายใจ

    วิธีกำหนดสมาธิกับผู้รู้ประกอบคำบริกรรมเข้าประสานกับลมหายใจดังนี้ ขออธิบายสั้นๆเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น อันดับแรกให้ตั้งใจโดยมีสติว่าเราจะตั้งใจกำหนดคำบริกรรมนี้ประสานกับลมหายใจเข้าว่า พุท เราตั้งใจกำหนดคำบริกรรมนี้ประสานกับลมหายออกว่า โธ แต่ลมหายใจของเรามีอยู่ถึงเราไม่ตั้งใจดู มันก็หายใจออกหายใจเข้าอยู่อย่างนั้น

    ฉะนั้น เราจึงมากำหนดเพียงให้เป็นอุบายของสติกับผู้รู้ และคำบริกรรมกับลมหายใจให้อยู่ในกรอบเดียวกันเท่านั้นนี้เป็นวิธีฝึกสติ เพื่อให้สติมีความเข้มแข็ง จึงให้ทำด้วยความตั้งใจ คือเราจะต้องตั้งใจอันมีสติลมหายใจเข้าเอง เราจะต้องตั้งใจอันมีสติลมหายออกเอง เวลาใดเราไม่ได้ตั้งลมหายใจเข้าเอง ถือว่าสติเราตามไม่ทัน หายใจออกเองก็ถือว่าเราขาดสติ

    ฉะนั้น จึงให้เรามีสติตั้งใจหายใจเข้าเอง มีสติตั้งใจหายใจออกเอง ถ้าชำนาญแล้วไม่ยาก ต่อไปก็รู้เท่าทันกันเอง นี่คือเหตุเข้าใจขั้นต้น เมื่อเราชำนาญในลมกับคำบริกรรมแล้ว ก็ให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจหยาบหรือละเอียด ถ้าลมหายใจยังหยาบอยู่ก็ให้ดูลมไปก่อน ถ้าลมหายใจมีความละเอียดแล้ว สติของเราก็ไม่เผลอรู้เท่าทันลมได้ดี เราก็ปล่อยคำบริกรรมนั้นเสีย ให้มาดูลมหายใจเข้าออกอยู่เฉพาะลมเท่านั้น เมื่อใจกับลมละเอียดแล้ว มันจะแสดงออกมาทางกาย มีลักษณะต่างๆ เช่น ปรากฏว่ามีกายใหญ่บางส่วน หรือใหญ่ทั้งหมดภายในกาย หรือเป็นกายเล็กบางทีสูงขึ้น บางทีเตี้ยลง ถ้าเป็นในลักษณะใดลักษณะหนึ่งอย่าไปกลัว นั่นเป็นอาการของใจ แสดงออกมาทางกายให้รีบตั้งสติกับผู้รู้ให้รู้ลมให้ละเอียดเข้าไปอีก

    เมื่อลมละเอียดเต็มที่แล้ว มันจะแสดงขึ้นมาอีกวิธีหนึ่งคือ ลมหายใจมันจะน้อยเข้าทุกที เล็กเข้าทุกที และระบบการหายใจจะหายใจสั้นเข้าทุกที ถ้าผู้กลัวตายก็จะถอนตัวทันที ถ้าเป็นเช่นนี้เราต้องไม่กลัว นั่นแหละใจกำลังจะสงบ จะเห็นความอัศจรรย์ของตัวเอง ให้รีบตั้งสติรู้อยู่กับลมหายใจเท่านั้น ลมหายใจน้อยก็รู้ ลมหายใจสั้นก็รู้ ลมจะเล็กเหมือนใยบัวก็รู้ ลมหายใจจะสั้นและอยู่ในลำคอเท่านั้น พอสุดท้ายลมหายใจก็จะหมดทันทีเมื่อลมหมด ความสงบใจนั้นก็หมดภาระกับลมหายใจ มีแต่ความสงบของใจ เต็มไปด้วยความสว่างรอบตัว แต่ไม่ปรากฏเห็นกายตัวเองเลย มีแต่ความสว่างในใจสบายและมีความสุขเท่านั้น

    ความสุขที่ใจมีความสงบนั้น ไม่มีความสุขใดในโลกจะเสมอ เหมือนดังพุทธภาษิตว่า สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ความสุขนี้เป็นความสุขไม่นานก็จะถอนตัวออกมาหายใจธรรมดา ผลของความสงบนั้นยังปรากฏอยู่ ถ้าผู้ไม่มีรัศมีของปัญญาแฝงไว้ที่ใจ ก็อยากสงบอยู่อย่างนั้นตลอดไป และติดใจความสงบนั้นๆ ถ้าผู้มีรัศมีของปัญญามีเชื้อติดอยู่ที่ใจก็สามารถเริ่มพิจารณากายต่อไปได้ ไม่ติดอยู่กับความสุขนั้นๆ เลย


    ๏ สรุปเรื่อง

    จึงขอสรุปแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจอีกครั้ง สมาธิความตั้งใจมั่น กับสมาธิความสงบแห่งใจทั้งสองนี้ มีความหมายหยาบละเอียดต่างกัน สมาธิความตั้งใจมั่น คือ เป็นผู้มีสติปัญญาแฝงอยู่ที่ใจ จะยืนจะเดินอยู่ที่ไหน สถานที่ใดก็มีสติรักษาใจ หรือนั่งอยู่ที่ไหน นั่งอยู่อย่างไร สถานที่เช่นไร ก็มีสติรักษาใจ หรือบางครั้งได้พูดกับเพศตรงข้ามก็มีสติ หรือเพศตรงข้ามหนีไปใจก็มีสติ

    จึงสมกับคำที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ในประโยคสุดท้ายว่า ดูก่อนอานนท์ เมื่อกิจที่จะได้พูดกับสตรีมีอยู่ ถ้าพูดก็พูดให้มีสติ นี้แล จึงได้ชื่อว่า สมาธิ ความตั้งใจมั่น ขั้นพื้นฐานสมาธิขั้นนี้ก็เริ่มพิจารณาได้แล้ว จะพิจารณาในความทุกข์ คือ ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งตัวเองและคนอื่น ให้มีสภาพอย่างเดียวกัน จะพิจารณาธาตุสี่ ขันธ์ห้า จะพิจารณาให้เป็นอสุภะให้ตกอยู่ในไตรลักษณ์ หรือเราจะยินดีพอใจกับวัตถุใด สิ่งใดๆ ก็ตาม ก็ยกเอาวัตถุสิ่งของนั้นมาพิจารณาให้ตกอยู่ในสภาพแห่งไตรลักษณ์

    การพิจารณานี้ เราจะอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร จะนั่งจะเดินอยู่ที่ไหนก็พิจารณาได้ ให้เรารู้ตัวเองอยู่เสมอว่า เรายังมีกิเลสตัณหา อย่าประมาทนอนใจสถานการณ์ใจเรายังไม่ปกติ เราก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ข้าศึกคือกิเลสตัณหาเข้ามา เราก็จะกำจัดทันที กิเลสตัณหาเกิดขึ้น สติปัญญาก็รู้เท่าทัน นั้นคือผู้ไม่ประมาท คือเป็นผู้เตรียมพร้อมอยู่เสมอ

    สมาธิ คือ ความสงบ สมาธินี้ลึกลงไปอีก อันดับแรกเราก็ต้องอาศัยคำบริกรรมดังที่เราได้อธิบายมาแล้ว เมื่อใจสงบลงลึกถึงอัปปนาสมาธิ เมื่อจิตถอนออกมาแล้ว ก็ต้องดำริหาอุบายปัญญามาพิจารณาทันที เรื่องที่จะพิจารณาก็ได้อธิบายมาแล้ว

    ถ้าหากความสงบไม่ถึงอัปปมาสมาธิ จะทำอย่างไรก็สงบอีกไม่ได้ จะเป็นเพียงขณิกะสมาธิ อุปจารสมาธินิดๆ หน่อยๆ เราก็เริ่มพิจารณาด้วยปัญญาได้เลย ในช่วงขณิกะสมาธิ อุปจารสมาธินี้แหละ ปัญญากำลังวิ่งรอบรู้ในสรรพสังขารทั้งหลายได้ดี เรื่องที่จะเอามาพิจารณาก็ได้อธิบายมาแล้ว

    ถ้าเรากำหนดบริกรรมภาวนา แต่ในใจเราไม่มีความสงบขั้นไหนๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ ให้กำหนดดูใจ และอารมณ์ภายในใจเราเองในขณะนั้น ว่ามีอะไรที่ทำให้ใจเราไม่สงบ มีความขัดข้องอยู่ที่ไหน ใจเรายังผูกพันกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง บางทีก็ติดอยู่กับกามคุณ มีรูปเป็นต้น หรือติดพันอยู่กับวัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าเรารู้ว่าใจเราผูกพันอยู่กับสิ่งนั้นแล้ว เราก็จับเอาสิ่งที่เรามีใจผูกพันนั้นแหละมาพิจารณาด้วยปัญญา ยกโทษภัยในของที่เราติดนั้นแหละมาพิจารณาให้ใจได้รู้ การพิจารณาด้วยปัญญาดังได้อธิบายมาแล้ว

    .......................................................

    คัดลอกมาจาก :: หนังสือทวนกระแส
    http://www.kmitl.ac.th/buddhist/tumma
     
  2. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    ขออนุโมทนาสาธุ ในกุศลร่วมกันในครั้งนี้ครับ
     
  3. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    เพื่อนธรรมที่อยู่ใกล้ภูดานไห สามารถรวบรวมปัจจัยร่วมถวายได้นะครับ

    เรื่องนี้เป็นเจตจำนงค์เฉพาะ เพื่อขอถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ ซึ่งท่านบอกว่ามีคนปวารณาก่อนแล้ว ดังนั้นท่านจะนำชุดที่จะถวายนี้ ไปถวายต่อพระอุปัชฌาย์ของท่าน ซึ่งท่านก็ดำริมานานแล้ว เรียกได้ว่าได้บุญสองต่อเลยทีเดียว

    หากจะถวายร่วมตอนนี้ก็ยังทัน เพราะต้องขับรถไปซื้อที่หนองคาย โดยนิมนต์พระอาจารย์ไปด้วยเพื่อเลือกซื้อและนำไปถวายฯ ดังข้างต้น

    ปล: ผ้าไตรจีวรอย่างดีประมาณ 5,000 บาท ตอนนี้มีผู้บริจาค 5,600 คิดว่าน้ำมันรถยังขาดอยู่...

    โมทนาสาธุทุกประการฯ
     
  4. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • kpy-letter1.jpg
      kpy-letter1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      127.2 KB
      เปิดดู:
      536
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  5. ----

    ---- สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +22
    - แหม...ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมชมแค่ไม่กี่วัน มีเรื่องราวมากมายให้ติดตามเชียวนะครับ
    - ผมกำลังรอฟังเรื่อง นักรบธรรม อยู่นะครับ ดร.นนท์
    - ยินดีที่ได้รู้จัก คุณ naicharty นะครับและขออนุโมทนาบุญที่คุณได้คอยอุปัฎฐาก พ.สุรเตโช ด้วยครับ
    - ต้องขอขอบพระคุณ คุณสมบัติ ที่นำภาพและเรื่องราวต่าง ๆ ในงานนั้นมาให้ได้ชมนะครับ
    - ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ได้ร่วมถวายพระเครื่อง จตุปัจจัย ต่าง ๆ แก่พ่อแม่ครูอาจารย์ในวันงานนั้น
    -วัตถุมงคลจากพญานาคที่คุณ สมาชิกธรรม ได้บูชามานั้น สวยงามมากครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ
    -อนุโมทนาบุญกับทุกท่่านที่ได้ถวายผ้าไตรจีวรแก่พระอุปัชญาของท่่าน พ.สุรเตโช
     
  6. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ยินดีครับ
    ข้อมูลในคลังสมองของหลายๆท่านในที่นี้ ยังมีอีกมากครับ คงค่อยๆทยอยลงให้อ่านกัน
     
  7. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ขอนำบทความเกี่ยวกับปฐวีธาตุมาลง เพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้นนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 21[1].jpg
      21[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.6 KB
      เปิดดู:
      868
    • P1200471.jpg
      P1200471.jpg
      ขนาดไฟล์:
      230.7 KB
      เปิดดู:
      126
    • P1200474.jpg
      P1200474.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.2 KB
      เปิดดู:
      126
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2011
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]

    ย้อนไปเมื่อสมัยท่านเจ้าคุณนรฯ ยังทรงสังขารอยู่ ท่านเคยปรารภว่า พระรูปเหมือนนั่งใบโพธิ์ของท่านประสบความสำเร็จ (คือมีคนนิยมมาก)ต่อไปจะมีผู้สร้างพระใบโพธิ์อีกมากมายแต่ไม่ประสบความสำเร็จดังเช่นของท่านหากจะมีพระทางภาคอีสานรูปหนึ่งประสบความสำเร็จในพระรูปเหมือนใบโพธิ์เช่นของท่านแต่พระรูปนั้นจะต้องอธิษฐานจิตปฐวีธาตุได้ด้วย จึงได้เกิดการตามหาพระรูปนั้นหลังจากที่สิ้นท่านเจ้าคุณนรฯ ไปแล้ว

    หลวงปู่คำพันธ์โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนม คือพระรูปนั้น ท่านได้ทำปฐวีธาตุแจกศิษย์มาแต่ปีพ.ศ. 2495 ก่อนท่านเจ้าคุณนรฯเสียอีก<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ท่านได้เล่าให้ฟังว่า ท่านได้รับตำราการอธิษฐานจิต ปฐวีธาตุ มาตั้งแต่ยังเป็นพระหนุ่มโดยได้มีชายผู้หนึ่งได้นำมาถวายให้ท่านตามคำสั่งเสียของบิดาก่อนตาย โดยบิดาของชายผู้นั้นได้สั่งกำชับบุตรชายไว้ว่า เมื่อพ่อตายแล้วจงเอาคัมภีร์เล่มนี้ไปมอบให้กับหลวงพ่อคำพันธ์แต่เพียงรูปเดียวเท่านั้น
    ซึ่งตำราเล่มนั้นเขียนด้วยตัวธัมใหญ่ทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็นอักขระที่มีความศักดิ์สิทธ์สูงสุดใช้จารเฉพาะตำราชั้นสูงเท่านั้นเป็นตำราที่ว่าด้วยการอธิษฐานปฐวีธาตุสามารถทำธาตุธรรมชาติธรรมดาให้มีอานุภาพมีพลังงานขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
    ท่านจึงศึกษาวิธีการจนแตกฉานจดจำได้ทุกขั้นตอนในเวลาต่อมาก็มีพระภิกษุรูปหนึ่งมาขอตำรานั้นไปท่านก็กรุณามอบให้ทุกวันนี้ยังไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใคร
    หลวงปู่คำพันธ์ได้เมตตาอธิบายถึงคุณลักษณะของปฐวีธาตุที่ถูกต้องตามตำราทุกประการว่า ต้องเป็นกรวดที่แช่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติเท่านั้นจะอยู่บนบกไม่ได้ตัวกรวดเมื่อเก็บขึ้นมาต้องมีลักษณะเดิมตามธรรมชาติของเขาจะบิ่นจะแตกหักหรือร้าวไม่ได้เลย
    ที่สำคัญสุดยอดคือต้องโปร่งแสงเท่านั้น
    และด้วยคุณลักษณะเช่นนี้เองที่ทำให้ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันเป็นของหายากที่สุดแม้ว่าทางวัดจะพำยายามแก้ไขด้วยการนำกรวดจากแม่น้ำโขงชนิดขุ่นมาถวายท่านอธิษฐานแทนก็ตามแต่ก็หาถูกต้องตามตำราบังคับไม่หากท่านก็อนุโลมให้เป็นปฐวีธาตุได้เช่นกัน
    ผิดกับครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ เช่น ท่านเจ้าคุณนรฯ ปฐวีธาตุ ของท่านจะต้องได้มาจากอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการเท่านั้น จะใสหรือขุ่น ใหญ่หรือเล็กไม่สำคัญ
    นอกจากนี้ในตำรายังได้ระบุไว้ว่า ผู้จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้นต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วนจะเป็นผู้เล่นทางสายวิชาคือ คาถาอาคมไม่ได้เลย<O:p></O:p>
    มูลเหตุของการอธิษฐานจิตปฐวีธาตุ สืบเนื่องจากในช่วงก่อนปี 2500 บ้านเมืองยังเต็มไปด้วยผู้ก่อการร้าย ทำให้เหล่าทหาร ตำรวจและข้าราชการต่างๆ มาขอของดีจากท่านเอาไว้คุ้มตัว ท่านจึงได้ให้เหล่าทหารและชาวบ้านไปเก็บหินในแม่น้ำโขงมาให้ท่านอธิษฐานจิต <O:p></O:p>
    ท่านบอกว่า ท่านเสกด้วยพระคาถาชินบัญชรเช่นเดียวกับปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรฯ แล้วเสกหนุนธาตุต่างๆ ตั้งให้เป็นองค์พระ และธาตุปฐวี คือ ธาตุหินนี้แกร่ง ท่านจึงเรียกปฐวีธาตุของท่านว่า พระเพชร <O:p></O:p>
    ลป.คำพันธ์ ท่านเก่งในการคุมธาตุสี่ น้ำ ดิน ลม ไฟ จนเป็นที่ยอมรับโดยทั่วลป.โต๊ะฯ ก็อีกรูปหนึ่งเมื่อท่านนำปฐวีธาตุมาเสกก็จะเรียกธาตุ4ทีละธาตุแล้วรวมธาตุเป็นหนึ่ง เสกบรรจุลงในก้อนปฐวีธาตุนั้นเมื่อนำมาใช้ธาตุสี่ในตัวเราก็จะผสานกับปฐวีธาตุนั้น สรรพคุณสุดแท้จะอธิษฐานเอา<O:p></O:p>
    ในเวลาอธิษฐานปฐวีธาตุหลวงปู่ท่านจะอธิษฐานว่าให้ป้องกันภัยอันจะเกิดแต่ธรรมชาติก็ดีภัยอันเกิดแต่มนุษย์ก็ดีกันได้ทั้งสิ้นกันภัยจากอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะมีขึ้นในอนาคต
    ท่านเรียกการอธิษฐานแบบนี้ว่า เสกครอบลงไป”<O:p></O:p>
    การเสกแบบนี้ไม่เหมือนกับการเสกพระเครื่องทั่วไปของท่านท่านจึงย้ำว่า ปฐวีธาตุนี้เป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่<O:p></O:p>
    หลวงปู่คำพันธ์ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของปฐวีธาตุของท่านว่า คุ้มครอง คุ้มภัย กันฟ้า กันไฟ ปฐวีธาตุแห่งแม่น้ำโขงนี้เป็นธาตุเย็น อานุภาพแห่งองค์พระเพชร สามารถป้องกันภัยอันเกิดจากรังสีความร้อนที่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  9. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]

    การบูชาปฐวีธาตุ

    หลวงปู่สั่งว่าเมื่อได้มาแล้วถ้าจะบูชาติดตัวก็พยายามเลี่ยมแบบเปิดหน้าเปิดหลังให้ปฐวีธาตุได้สัมผัสกับไอของร่างกายธาตุจะดึงดูดซึ่งกันและกันปรารถนาสิ่งใดก็ให้ตั้งจิตเอาปฐวีธาตุช่วยได้ แต่ถ้าบูชาอยู่กับบ้านให้เอาปฐวีธาตุแช่น้ำสะอาดตั้งบูชาไว้บนที่สูงใส่น้ำอบ น้ำหอมผสมลงในน้ำเป็นการบูชาลอยด้วยดอกมะลิหรือดอกไม้หอมอื่นก็ได้จุดธูปบูชา 7 ดอก ตั้งนะโม 3 จบ สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วต่อด้วยพระคาถานี้
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    บทขัดพระคาถาปฐวีธาตุ( อัญเชิญ )
    เอหิ ปะฐะวิง พรหมา เอหิ อาโป อินทะรา
    เอหิ เตโช นารายะ เอหิ วาโย อิสสะรา(1จบ )<O:p></O:p>
    บทเต็มพระคาถาบูชาปฐวีธาตุ<O:p></O:p>
    นะ หิอะ ปะ นุสะติ เต นะ ภูมิ เตสะ ละ ติ
    นา รา ยะ วา ละ กะ ติ นะ ปะ ฐะ วิ ยัง มะ มะ อุ
    อะ กะ สะ สะ ทะ นะ มะ อะ อานุภาเวนะ โหตุสัพพะทา( 4 จบ )<O:p></O:p>
    หัวใจพระคาถาปฐวีธาตุ <O:p></O:p>
    “ นะหิภูนะ เตนารายะ อุอะมะมะ ” ( 8 จบ )
    <O:p></O:p>
    แล้วตั้งจิตระลึกถึงคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์คุณมารดา บิดาคุณครูบาอาจารย์พระคุณของหลวงปู่คำพันธ์โฆษปัญโญเหล่าพญานาคผู้รักษาองค์พระธาตุพนมและพระธาตุมหาชัยและทั้งที่สถิตอยู่ในลำน้ำโขงปรารถนาสิ่งใดก็อธิษฐานเอาหลวงปู่บอกว่า ปฐวีธาตุมีคุณวิเศษครอบจักรวาลมีทุกข์ร้อนสิ่งใดก็ให้บอกกล่าวสามารถช่วยเหลือได้จริง
    <O:p></O:p>
    การลอยดอกไม้ในน้ำให้ทำเฉพาะวันพระเมื่อหมดวันพระแล้วให้ช้อนดอกไม้ออกอย่าให้เน่าเสียคาภาชนะเด็ดขาดน้ำหล่อปฐวีธาตุถ้าจะเปลี่ยนให้นำไปประพรมบ้านเรือนหรือสาดขึ้นหลังคาบ้านเป็นสิริมงคลนักกันภัยนานาชนิด
    <O:p></O:p>
    หมายเหตุ การที่หลวงปู่ท่านให้แขวนแบบเปิดไม่ได้หมายความว่ากลัวพุทธคุณจะออกมาไม่ได้แต่เป็นวิธีการ"ใช้งาน"ในแบบเฉพาะของวัตถุมงคลประเภทนี้ที่ทำแบบนั้นก็เพราะต้องการให้กระแสธาตุในร่างกายเราได้สัมผัสกระแสธาตุในองค์ปฐวีธาตุพลังงานในปฐวีธาตุน่ะออกมาหาเราได้แต่พลังงานในกายเราเข้าไปหาเขาไม่ได้ จึงจำเป็นที่จะต้อง"เลี่ยมเปิด"เพื่อสงเคราะห์ตัวเราเองไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือท่าน<O:p></O:p>
    คล้าย ๆ กับในหลวงพระองค์ท่านสามารถออกมาเยี่ยมประชาชนได้ไปที่ไหนก็ได้เมื่อไรก็ได้แต่พอถึงตาเราจะเข้าไปหาในหลวงในวังได้ไหมไปเมื่อไรก็ได้ไปตอนไหนก็ได้มันไม่ง่ายอย่างนั้น ของสูงลงมาหาต่ำไม่ยากแต่ของต่ำจะขึ้นสูงนั้นยากมาก

    ปฐวีธาตุต่างกับพระเครื่องอย่างไร
    <O:p></O:p>
    ปฐวีธาตุต่างจากพระเครื่องตรงที่กรวดจากแม่น้ำโขงซึ่งหลวงปู่นำมาอธิษฐานเหล่านั้นพวกนาคเขาถือว่าเป็นสมบัติอย่างหนึ่งของเขากรวดเหล่านั้นจึงมีพลังงานของพวกเขาติดมาด้วยและเมื่อได้รับการอธิษฐานด้วยกระบวนการทางจิตที่ซับซ้อนอย่างยากที่เราจะเข้าใจก็จะทำให้กรวดเหล่านั้นเกิดพลังงานมหาศาลชนิดที่เราก็ไม่เข้าใจอีกอยู่ดีว่าเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร<O:p></O:p>
    พลังงานมหาศาลที่ว่านี้หลวงปู่คำพันธ์รับรองว่ากันนิวเคลียร์ได้<O:p></O:p>
    หากจะอธิบายแบบวิทยาศาสตร์อย่างย่อ ๆก็คงเป็นเหมือนแร่ยูเรเนียมที่เมื่อเก็บขึ้นมาครั้งแรกมันก็กรวดก็หินดี ๆ นี่เองแต่เมื่อนำมายิงด้วยอะตอมที่ความเร็วสูงก็จะทำให้อนุภาคเกิดการแตกตัวอย่างรุนแรงและรวดเร็วเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อเนื่องกันไปไม่หยุด ซึ่งนั่นก็คือ ระเบิดปรมาณู<O:p></O:p>
    เมื่อปฐวีธาตุซึ่งมีพลังงานแฝงอยู่แล้วได้รับการอธิษฐานจากจิตที่มีพลังงานมหาศาลเพราะได้รับการฝึกฝนมาดีเยี่ยมพุ่งกระแสลงไปสู่หินเป็นจุดเดียวกระแสจิตที่แรงกล้าเกิดกระทบกับพลังงานที่อยู่ในหินแล้วกระจายตัวออกเป็นวงกว้างเป็นคลื่นรังสีที่มีพลัง งานแรงสูงพอที่จะให้ความคุ้มครองผู้บูชาตามที่ผู้อธิษฐานได้"ตั้งโปรแกรม ไว้ <O:p></O:p>
    นอกเหนือไปจากหมู่นาคทั้งหลายที่จะขึ้นมาพิทักษ์รักษาผู้ครอบครองปฐวีธาตุเมื่อยามเกิดภัยพิบัติตามคำทำนายชนิดปฐวีธาตุ 1 องค์ต่อพญานาค 1 ตน<O:p></O:p>
    ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวไม่อาจมีในพระเครื่องที่ถูก"สร้าง"ขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ผิดกับ"ปฐวีธาตุ"ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากผลงานของธรรมชาติจึงเก็บประจุพลังงานจากธาตุทั้งสี่และรังสีจากจักรวาลมาเนิ่นนานนับได้เป็นล้าน ๆปี<O:p></O:p>
    ครูบาอาจารย์ผู้มีจิตอัศจรรย์เข้าถึงหลักธรรมชาติอย่างถ่องแท้จึงมักทำปฐวีธาตุให้ศิษย์อาทิท่านเจ้าคุณนรฯวัดเทพศิรินทร์หลวงปู่ขาวอนาลโยวัดถ้ำกลองเพลหลวงปู่ดูลย์อตุโลวัดบูรพารามท่านพ่อเมืองพลวัฑโฒวัดป่ามัชฌิมวาส<O:p></O:p>
    ซึ่งก็ตรงตามที่หลวงปู่คำพันเคยบอกว่า"ผู้ที่จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้นต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วนจะเป็นผู้ที่มาทางสายวิชาอาคมไม่ได้เลย"<O:p></O:p>
    และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไม"ปฐวีธาตุ"จึงมีความแตกต่างจากพระเครื่องมากมายนัก
    <O:p></O:p>
    ธาตุกายสิทธิ์ (ปฐวีธาตุ)
    <O:p></O:p>
    กายสิทธิ์ คือคำที่ใช้เรียก จิตของผู้ทรงอภิญญา ที่ฝึกฝนจิตจนกระทั่งได้ฌาณสมาบัติเมื่อสิ้นอายุขัย แต่ยังต้องการบำเพ็ญเพียรทางจิตต่อไปในโลกมนุษย์ (หรือเพราะต้องทำหน้าที่บางประการ) จึงต้องละจากสังขารเดิมแล้วเข้าอาศัยในบางสิ่งเช่น รัตนชาติ (กายสิทธิ์ จึงไม่ใช่เทวดา แต่เป็นผู้ทรงอภิญญา)<O:p></O:p>
    ธาตุกายสิทธิ์เป็นธาตุที่มีพลังและอิทธิฤทธิ์ในตัวเองโดยธรรมชาติแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟธาตุกายสิทธิ์ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีคือ เหล็กไหลซึ่งเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่เกิดจากธาตุดิน มีกายสิทธิ์เข้าไปถือครองส่วนใหญ่จะเป็นกายสิทธิ์ภาคดำ (มิจฉาทิฐิ) จึงมักจะดุร้ายมักจะให้โทษแก้ผู้ถือครองเป็นส่วนใหญ่ นอกจากเหล็กไหลแล้ว กายสิทธิ์อาจถือครองในหินหรือรัตนชาติ (หินที่มีค่า เช่น หินเขี้ยวหนุมาน เพชร เป็นต้น)<O:p></O:p>
    ธาตุกายสิทธิ์จะปรากฏต่อเมื่อมีผู้ทรงคุณวิเศษปฏิบัติได้ถึงขั้นกายสิทธิ์ อย่างเช่น ปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนร ท่านให้ไปเก็บหินใต้น้ำที่บางบ่อเท่านั้น ห้ามเก็บจากที่อื่นเนื่องจากที่นั่นได้มีพญานาคราชได้ถวายกายสิทธิ์ให้แก่ท่านเช่นเดียวกันกับปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ ที่ต้องเป็นหินจากใต้แม่น้ำโขง ณตำแหน่งบริเวณที่ท่านได้กำหนดบอกให้ไปเก็บเนื่องจากพญานาคราชได้ถวายให้ท่านดุจเดียวกัน หินที่ได้รับการถวายจากพญานาคราชนี้ถือเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่เกิดจากธาตุลม มีกายสิทธิ์ฝ่ายสัมมาทิฐิเข้าครองซึ่งส่วนใหญ่กายสิทธิ์เหล่านี้จะบรรลุธรรมขั้นสูงอีกทั้งได้รับการอธิษฐานจิตจากพระเถระเจ้าที่ทรงคุณวิเศษจึงกล่าวได้ว่ามีอิทธิปาฎิหาริย์ และพุทธานุภาพ เหนือชั้นกว่าเหล็กไหลและให้คุณแก่ผู้ครอบครอง<O:p></O:p>
    ปฐวีธาตุที่ท่านเจ้าคุณนรอธิษฐานจิตมีผู้นำไปบูชาปรากฏว่าสามารถเพิ่มจำนวนได้เองเป็นอัศจรรย์เช่นเดียวกับปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ที่สามารถหายไปเฉยๆเมื่อผู้รับไปปรามาสเห็นเป็นแค่หิน และสามารถกลับมาได้เองเมื่อผู้นั้นได้ขอขมาโทษนอกจากนี้ทั้งท่านเจ้าคุณนร และหลวงปู่คำพันธ์ ได้เคยกล่าวไว้เช่นเดียวกันว่าปฐวีธาตุของท่านสามารถกันอาวุธ และอันตรายได้ทั้งปวง แม้กระทั่งนิวเคลียร์<O:p></O:p>

    ปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันธ์
    <O:p></O:p>
    ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์มีทั้งที่เป็นแบบเม็ด (ท่านจะเรียกว่าองค์)และแบบที่ท่านบรรจุอยู่ในวัตถุมงคลของท่านซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างอภินิหารและประสบการณ์ให้กับผู้บูชานับจำนวนไม่ถ้วนทั้งเรื่องแคล้วคลาด คงกระพัน และเมตตามหานิยม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lv854.jpg
      lv854.jpg
      ขนาดไฟล์:
      135.4 KB
      เปิดดู:
      745
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  10. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    โมทนาสาธุกับบุญทุกประการครับ...
     
  11. ซึ้งบน

    ซึ้งบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +377
    เมื่อเริ่มปฏิบัติธรรม ก็มีข้อสงสัยอยู่บางอย่าง อ่านจากหนังสือบ้าง มีญาติธรรมช่วยชี้แนะบ้างก็ปฏิบัติไปเรื่อย จนมาถึงจุดที่ว่า พุท-โธ หายไป ลมหายใจมันน้อยเข้าทุกที เล็กเข้าทุกทีและระบบลมหายใจสั้นเข้าทุกที ก็ทรงอารมฌ์นั้นเรื่อยมา แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป จนวันนี้ได้อ่านบทความที่ พี่สมบัติโพสมาตรงกับข้อสงสัยพอดี ว่าควรจะ...ตั้งสติรู้กับลมหายใจ ลมหายใจสั้นก็รู้
    น้อยก็รู้....พอสุดท้ายก็จะหมดทันทีเมื่อหมดลม ความสงบใจนั้นก็หมดภาระกับลมหายใจ มีแต่ความสงบของใจ....ส่วนขั้นตอนการพิจารณากายนั้นคงต้องรบกวนท่านผู้รู้ในโอกาสต่อไปครับ
    อนุโมทนา สาธุ
     
  12. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ลองศึกษาเพิ่มเติมในเรื่อง...เปลี่ยนความเห็น...นะครับ
     
  13. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    วันนี้ได้ความรู้มากเลยครับ
     
  14. ซึ้งบน

    ซึ้งบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +377
    สาธุ สาธุ ขอโมทนาบุญทุกประการครับ
     
  15. ซึ้งบน

    ซึ้งบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +377
  16. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    สุดท้ายก็เป็นสมบัติผลัดกันชม...สมบัติของโลกเช่นเดิมต่างเพียงผู้ครอบครองที่หมุนเวียนเปลี่ยนกันเป็นเจ้าของเพื่อการสร้างบุญสร้างกุศลและทำนุบำรุงศาสนา ค้ำจุนศาสนา...เป็นสมบัติคู่โลกที่สร้างไว้เพื่อค้ำจุนสืบต่อพระพุทธศาสนาโดยแท้...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  17. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG] [​IMG]

    โมทนาสาธุ...ขอเติมสมบัติโลกอีกชุดละกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  18. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>IT Man, สมาชิกธรรม+, ซึ้งบน+, Indhus+, มูริญโญ่+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดียามดึกครับ
    พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านแนะนำว่า ให้ศึกษาธรรมะหลวงพ่อทูล เพิ่มเติม...
    ซึ่งตอนนี้ผมค้นหาข้อมูลมาได้พอสมควร ไว้จะค่อยๆทยอยเพิ่มให้นะครับ

    ระหว่างนี้ ลองทำความเข้าใจในเรื่องเปลี่ยนความเห็น เดิมมาเป็นความเห็นที่ถูกต้องควบคู่กับการปฏิบัติกันครับ
     
  19. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ....ผู้ที่ได้ฟังธรรมในสมัยครั้งพุทธกาลฟังกันอย่างมีสติ มีสมาธิ มีปัญญา พิจารณาแยกแยะในเหตุผลจนเข้าใจ ได้นำเอาธรรมหมวดนั้นมาปฏิบัติก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่ง ตามบุญบารมีของแต่ละท่านที่ได้บำเพ็ญมา จะเป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี หรือได้บรรลุธรรมในระดับสูงเป็นพระอรหันต์ ขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีที่ได้บำเพ็ญมาแต่ละเท่าไม่เท่ากัน เหตุนั้น การได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าในสมัยครั้งพุทธกาลจึงเป็นไปได้ง่าย เพราะได้รับอุบายธรรมจากพระพุทธเจ้าที่ตรงกับจริตนิสัยของตัวเอง และตรงกับบารมีที่ตัวเองได้บำเพ็ญมา จึงเรียกว่า ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม และได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าเป็นจำนวนมาก อุบายธรรมของพระพุทธเจ้าแต่ละหมวดหมู่ พระองค์ให้อุบายธรรมไม่เหมือนกัน ใครได้บำเพ็ญบารมีมาอย่างไร พระองค์ก็ให้อุบายธรรมที่ตรงต่อบารมีของท่านผู้นั้น เว้นเฉพาะผู้สร้างบารมีมาเหมือนกันจึงให้อุบายธรรมเหมือนกัน

    ....ฉะนั้นพวกเราจงศึกษาให้ดี มิใช่ว่าจะเอาหมวดธรรมใดมาปฏิบัติก็จะบรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าได้ ถ้าหมวดธรรมนั้นตรงกับบารมีที่เราได้บำเพ็ญมาก็โชคดีไป ถ้าเอาหมวดธรรมที่ไม่ตรงกับบารมีของตัวเองมาปฏิบัติ ถึงจะเร่งความเพียรอย่างเข้มข้นเต็มที่อยู่ก็ตาม การจะได้บรรลุมรรคผลเป็นพระอริยเจ้าก็เป็นไปไม่ได้อยู่นั่นเอง เหมือนกินยาไม่ถูกกับโรค ไม่ว่าจะกินสักปานใดโรคก็ไม่หายนี้ฉันใด การปฏิบัติธรรมก็เป็นฉันนั้น

    หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ
     
  20. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]

    หลายวันมาแล้ว...ที่ผมตั้งใจจะนำพระกริ่งปวเรศและพระพิมพ์วังหน้าประจุพระโลหิตธาตุ
    พึ่งจัดเตรียมมาเพื่อน้อมถวายแด่ หลวงปู่บะดันดะอริยธรรมจริยา ท่านเจ้าอาวาสวัดโมก๊ก
    ทั้งนี้เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่องานสืบทอดพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองไม่มีประมาณ

    องค์หลังเบี้ยลงรักสีดำ อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่พระอิเกสาโรและหลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จฯโต (ข้างในอาจมีองค์อธิษฐานจิตครอบ) จะนำส่งให้เพื่อนธรรมที่ร่วมทำบุญมาครับ

    โมทนาสาธุครับผม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1200481.jpg
      P1200481.jpg
      ขนาดไฟล์:
      113.4 KB
      เปิดดู:
      8,102
    • P1200484.jpg
      P1200484.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.3 KB
      เปิดดู:
      1,883
    • P1200485.jpg
      P1200485.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102.6 KB
      เปิดดู:
      127

แชร์หน้านี้

Loading...