หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ทุเรียนทอด, 16 พฤษภาคม 2011.

  1. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    สวัสดีครับคุณ จันท์คับ ขอบคุณมากครับที่แนะนำ ก็ทานยาไปแล้วครับ แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้น แต่ก็ยังเมื่อยเนื้อตัว และปวดหัวอยู่บ้าง พักผ่อนสักระยะก็คงจะหายครับ
     
  2. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,575
    ค่าพลัง:
    +30,871
    เจ้าของกระทู้ไม่ค่อยสบายก็พักผ่อนมากๆนะครับ เจ้านายคงไม่ใจร้ายใช้ไปต่างจังหวัดหรอกนะครับ
     
  3. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    อ๋อ...ไม่(แน่)หรอกครับ เจ้านายผมใจดีครับ :boo:

    ขอบคุณป๋าบัติมาก..ครับ
     
  4. Paiboon K

    Paiboon K เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +9,420
    กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน เมื่อเช้าวานได้ไปทำบุญที่วัดเขาถ้ำโบสถ์ ได้ร่วมอนุโมทนากับพระคุณเจ้าชาตินนท์ (ท่านสุคโต) แต่ติดธุระไม่สามารถไปร่วมแห่เข้าโบสถ์ได้ต้องกลับบ้านก่อน ใจความพระธรรมที่ท่านอาจารย์สมเดชได้เมตตาให้มีอยู่ว่า....สมบัติทั้งปวงเราจะค้นหาได้ที่ใจเจ้าของนั่นเอง ใจเจ้าของนั่นแหละเป็นที่รวบรวมสมบัติทั้งปวง ใจเจ้าของนั่นแหละพาไปเกิดในที่ต่างๆ... ประมาณนี้แหละครับ พอดีลูกจะขอใช้คอมต่อ สวัสดีทุกท่านครับ
     
  5. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981

    ธรรมะที่หลวงพ่อสมเดชให้ เป็นธรรมะที่ฟังเข้าใจง่าย เป็นของจริง อนุโมทนาสาธุครับ

    ความตั้งใจของพระเจบริสุทธิ์เป็นบุญอันยิ่งใหญ่ ด้วยเจตนาที่ดีหลายประการ สาธุ อนุโมทนาด้วยครับ ที่ได้มีโอกาสไปร่วมบุญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2011
  6. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    ครับขอให้ท่านเจ้าของกระทู้ หายไวๆพักผ่อนเยอะๆนะครับ(rose)(rose)
     
  7. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,575
    ค่าพลัง:
    +30,871
    หวัดดีเจ้าของกระทู้และสมาชิกทุกท่านครับ อาการดีขึ้นหรือยังครับคุณทุเรียนทอด
     
  8. ebee

    ebee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +763
    กราบหลวงปู่พิศดู....สวัสดีครับท่านทุเรียนทอด
    งานวันที่ 23 ครบ 100 วันหลวงปู่ มีรายละเอียดอย่างไรบ้างรบกวนแจ้งด้วยนะครับ
    แล้วสวดพระอภิธรรมที่วัดเทพธารทอง ทุกวันเสาร์นี่ถึงวันที่เท่าไหร่ ช่วงกีโมงครับ...
     
  9. ฌานกร

    ฌานกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,433
    ค่าพลัง:
    +14,651
    กราบองค์หลวงปู่ครับ และสวัสดีพี่ๆ ทุกท่าน
     
  10. kamolnetr

    kamolnetr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +633
    กราบหลวงปู่พิศดู
    สวัสดีคุณทุเรียนทอด รักษาสุขภาพด้วยครับ
    และสวัสดีสมาชิกทุกท่านครับ ส่วนมากจะติดตามอ่านอย่างเดียว
    ...วันนี้ขอทักทายหน่อย....
    :cool::cool::cool::cool:
     
  11. ธมฺมสิทโธ

    ธมฺมสิทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +714
    กราบหลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี
    สวัสดีน้องทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่าน รักษาสุขภาพด้วย

    พระอุปคุต




    <TABLE style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: .7pt; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 1.5pt 1.5pt 1.5pt 1.5pt" class=MsoNormalTable border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; BACKGROUND: #eeeeee; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0cm">พระอุปคุต พระอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์มีความเป็นเลิศทางด้านป้องปราบภัยมาร <O:p</O:p

    <O:p</O:p

    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; BACKGROUND: white; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0cm">พระอุปคุต หรือที่เรียกตามภาษาสันสกฤตว่า "สถวีรอุปคุต" เป็นพระอรหันต์สาวก ผู้ทรงฤทธิ์มีความเป็นเลิศทางด้านโชคลาภและป้องปราบภัยมาร มีบทบาทสำคัญต่อพระพุทธศาสนา ตามคัมภีร์ที่ชื่อ "อโศกาวทาน" กล่าวว่า พระอุปคุตเป็นบุตรของพ่อค้าในเมืองมถุรา ถือกำเนิดหลังพุทธกาลประมาณ ๑๐๐ ปี เมื่อท่านย่างเข้าสู่วัยอันสมควรได้ออกบวชบำเพ็ญเพียรจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ มีศิษย์เป็นพระอรหันต์ถึง ๑๘,๐๐๐ รูป และเนื่องจากท่านเป็นผู้ทรงกำลังอภิญญามีฤทธิ์เดช ท่านจึงมีชื่อเสียงทางด้านการปราบพระยามาร เช่นครั้งหนึ่ง พระยามารรบกวนพระภิกษุ โดยใช้กระดูกงู สุนัขและคน ระคนปนกันอยู่กับพวงมาลัยมาเบียดเบียนพระภิกษุ พระอุปคุตได้แสดงฤทธิ์บังคับพวงมาลัยให้กลับไปคล้องคอพระยามารจนได้รับความทรมานจน พระยามารต้องยอมแพ้

    บทบาทสำคัญอีกประการหนึ่ง พระอุปคุตได้ปราบพระยามารตนหนึ่งที่มารังควานงานฉลองพระบรมสารีริกธาตุ ที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงโปรดให้จัดขึ้น
    นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าว่าพระอุปคุต มิได้มีองค์เดียว แต่มีถึง ๘ องค์ ปรินิพพานไปแล้ว ๗ องค์ องค์ที่ ๘ ยังบำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ มหาสมุทร เหตุนี้ชาวล้านนาจึงเชื่อว่าพระอุปคุตยังมีชีวิตอยู่ และสามารถป้องกันภัยอันตรายได้ คราใดที่มีงานฉลองศาสนสถานที่เรียกขานว่า "ปอยหลวง" จะมีการอัญเชิญพระอุปคุตจากแหล่งน้ำมาสถิตย์ โดยหวังอิทธิฤทธิ์ในการปราบมารมิให้คนพาลมาก่อการไม่สงบอีกด้วย
    ความเชื่อที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง ชาวล้านนาเชื่อว่า วันเพ็ญใดที่ตรงกับวันพุธ พระอุปคุตจะขึ้นจากมหาสมุทรมาบิณฑบาต โดยเนรมิตกายเป็นสามเณรน้อยมาบิณฑบาตตอนกลางคืนค่อนรุ่ง ผู้ที่ได้ใส่บาตรแก่ท่านจะบังเกิดโชคลาภร่ำรวย ไม่อับจน จึงมีประชาชนนิยมตักบาตรในช่วงดังกล่าวเป็นจำนวนมาก วันเพ็ญเดือนยี่เหนือ (ลอยกระทง) ปีนี้ ตรงกับวันพุธ หลังจากที่ไปทำบุญตามปกติแล้ว ก็น่าจะจัดเตรียมของทำบุญไว้ หากพบเห็นสามเณรน้อยมาบิณฑบาต อาจเป็นพระอุปคุตเนรมิตกายมาโปรดก็ได้

    ข้อมูลจาก

    อาจารย์สนั่น ธรรมธิ

    สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

    มหาวิทยาลัยเชียงใหม่<O:p</O:p
    <O:p</O:p



    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 2; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; BACKGROUND: white; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0cm">
    ตำนาน พระอุปคุต



    จากการค้นหาข้อมูลของพระอุปคุตนั้น เราทราบเพียงว่า ท่านเกิดหลัง พระพุทธเจ้า เสด็จปรินิพพานแล้ว ประมาณ พ.ศ. 218 ปี แต่ไม่ทราบ ภูมิเดิมของท่านละเอียด ว่าเป็นบุตรของใคร เกิดในวรรณะอะไร และที่ไหน

    จากการสันนิษฐานตามตำนาน พระเถระอุปคุต น่าจะเป็นชาวเมืองปาตลีบุตร เมื่อบวชแล้วบำเพ็ญเพียร จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ สำเร็จอภิญญาต่างๆ จนสามารถแสดงอภินิหาร เป็นที่เล่าลือมาจนทุกวันนี้ มีปฏิปทาดำเนินไปในทางสันโดษ มักน้อย นัยว่าท่านเนรมิตเรือนแก้ว (กุฏิแก้ว) ขึ้นในท้องทะเลหลวง (สะดือทะเล) แล้วก็ลงไปอยู่ประจำ ที่กุฏิแก้วตลอดเวลา เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในพระศาสนา หรือเมื่อมีพิธีกรรมใหญ่ๆ หรือมีผู้นิมนต์ ท่านก็จะขึ้นมาช่วยเหลือ ด้วยความเต็มใจเสมอ

    สรุปรวมความได้ว่า ท่านเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่ง ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (ผู้นำกองทัพธรรมแผ่กระจายไปทั่วโลก) เป็นพระเถระผู้เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ และฤทธิ์เดชเกรียงไกร สามารถปราบพญามารและกำจัดสิ่งชั่วร้าย ที่จะมาทำลายพิธีกรรมใหญ่ ๆ มาแต่ครั้งโบราณ
    เรื่องราวก็มีอยู่ว่า เมื่อประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้อินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ตามตำนานกล่าวว่า ได้ทรงสร้างพระวิหารและพระสถูป มากมายทั่วทั้งชมพูทวีป (เค้าว่ามากถึงแปดหมื่นสี่พันองค์) เป็นผู้รวบรวมและขุดค้นพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อจะนำไปบรรจุในสถูปที่พระองค์ทรงสร้างไว้ทุกแห่ง

    เมื่อการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ทรงปรารภ ที่จะจัดให้มีการฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมดนั้น เป็นการมโหฬารยิ่ง ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน และเพื่อให้การฉลองสมโภช เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปราศจากอุปสรรค จึงใคร่จะอาราธนาพระสงฆ์ขีณาสพ ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ มาเป็นผู้คุ้มครองงาน ให้ปราศจากการรบกวนจากมารร้ายต่าง ๆ
    แต่พระสงฆ์ในนครปาตลีบุตร ไม่มีรูปใดที่จะสามารถ เป็นผู้คุ้มครองงานมหกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ ให้พ้นจากภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ (โดยเฉพาะภัยจากพญาวัสสวดีมาร ผู้มีฤทธิ์ยิ่งกว่าภูตผีปีศาจทั้งหลาย) นอกเสียจากพระอุปคุตเถระผู้เดียวเท่านั้น พระสงฆ์ทั้งปวงจึงตั้งตัวแทน ๒ รูป ลงไปอาราธนาพระอุปคุตเถระผู้เรืองฤทธิ์ มาช่วยรักษาความปลอดภัย ในงานสมโภชครั้งนี้ ซึ่งกล่าวกันว่า พระอุปคุตเถระองค์นี้ มีปกติสันโดษอยู่องค์เดียว เข้าฌานสมาบัติเสวยวิมุตติสุข อยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ภายในปราสาทแก้วที่เนรมิตขึ้น เหนือรัตนะบัลลังก์ จะออกจากสมาบัติ เหาะขึ้นมาบิณฑบาต ในโลกมนุษย์ ในวันพุธเพ็ญกลางเดือนเท่านั้น

    และในครั้งนี้เอง พระอุปคุตเถระ ถูกพระภิกษุสองรูป ผู้ได้อภิญญาสมาบัติ ชำแรกมหาสมุทร ลงมาถึงตัวท่านแจ้งว่า ให้ท่านจงเป็นธุระ ป้องกันพญามารอย่าให้รบกวนงานฉลองพระสถูปเจดีย์ ของพระเจ้าอโศกมหาราชได้
    เมื่อพระอุปคุตเถระได้รับนิมนต์ ก็เดินทางมานมัสการ และรายงานตัวต่อคณะสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น พระเจ้าอโศกมหาราช จึงได้เสด็จเข้ามานมัสการคณะสงฆ์ เพื่อขอทราบเรื่อง ผู้จะที่จะมาทำหน้าที่รักษาการ งานฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ เมื่อพระองค์ทรงทราบ ว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้ คือพระอุปคุตเถระ ก็ทรงนึกแคลงพระทัย เนื่องจากพระอุปคุตเถระนั้น มีร่างกายผ่ายผอมดูอ่อนแอ ก็ทรงไม่แน่ใจ เกรงจะทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ทรงตรัสว่ากระไร

    ครั้นรุ่งเช้าวันใหม่ ขณะที่พระอุปคุตหาเถระ ออกบิณฑบาตในนครปาตลีบุตรนั้น พระเจ้าอโศกมหาราช ใคร่จะทดสอบฤทธิ์พระเถระ จึงทรงปล่อยช้างซับมัน (ช้างตกมัน) ให้เข้าทำร้ายพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระเห็นดังนั้น จึงสะกดช้าง ที่กำลังวิ่งเข้ามา ให้หยุดอยู่กับที่ ไม่ไหวติงประดุจช้างที่สลักด้วยศิลา พระเจ้าอโศกมหาราช ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงเลื่อมใส จึงเสด็จไปขอขมาพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระ ก็ให้อภัยทั้งแก่พระเจ้าอโศกมหาราช และพญาคชสาร
    เมื่อเห็นว่าพระอุปคุตเถระ มีฤทธิ์เดชมาก พระเจ้าอโศกมหาราช ก็ทรงวางพระทัย ตรัสสั่งให้เตรียมฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมด ด้วยการปลูกปะรำร้านโรง ประดับธงทิว และประทีปโคมไฟ ตลอดระยะทางกึ่งโยชน์ ทำให้ตามแนวฝั่งแม่น้ำคงคา สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ บรรลุฤกษ์งามยามดีตามที่กำหนดไว้ บรรดาพระสงฆ์ขีณาสพ และพระสงฆ์ปุถุชน ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ทั้งในนครปาตลีบุตร และต่างแดนจากจตุรทิศ ก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริเวณงาน พร้อมเครื่องสักการบูชา เพื่อร่วมพิธีฉลองสมโภช พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในมหาเจดีย์ และเจดีย์ ทั้งแปดหมื่นสี่พันองค์ ด้วยความเลื่อมใส ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

    และในเวลานี้เอง พญามาร (พญาวัสสวดีเทพบุตรมาร) ก็มุ่งหน้าเข้ามาในงานกับเค้าเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะก่อความวุ่นวาย ต่างๆ นานา ทั้งบันดาลให้เกิดลมพายุ ทั้งแปลงร่างเป็นสัตว์ป่า และสัตว์หิมพานต์ แต่ทุกครั้งก็โดนพระอุปคุตเถระ กำราบได้หมด และสุดท้าย เพื่อให้พญามาร ออกไปจากบริเวณพิธี พระอุปคุตเถระ จึงเนรมิตร่างหมาเน่าขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วดึงประคตจากเอวของท่าน ออกมาผูกร่างหมาเน่านั้น คล้องคอพญามารไว้ แล้วสำทับว่าไม่ว่าใครก็ตาม (นอกจากท่านเอง) จะเอาหมาเน่านี้ออก จากคอพญามารไม่ได้ แล้วขับพญามารออกไป จากบริเวณงานทันที

    ด้วยความอับอาย พญามารก็ออกมาจากบริเวณงาน และพยายามแก้ร่างสุนัขเน่า ออกด้วยฤทธานุภาพ แต่ทำอย่างไร ก็ไม่สามารถแก้ได้ เพราะเมื่อเอามือทั้งสอง ต้องสายประคตที่คล้องคอทีไร ต้องมีไฟลุกขึ้นไหม้คอ และมือทันที สุดจะแก้ไขด้วยตนเองได้ ก็ไปหาที่พึ่งอื่น (ที่คิดว่าน่าจะช่วยได้)
    แต่ถึงแม้จะไปหาท้าวมหาราชทั้งสี่ พระอินทร์ ท้าวยามา ท้าวสันดุสิต ท้าวนิมิตเทวราช ตลอดจนท้าวสหัสบดีพรม ก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้ ต่างได้แต่แนะนำว่า ให้พญามารไปขอขมา และขอความเมตตา จากพระเถระผู้นั้นเสียดีกว่า
    พญามารเห็นดังนั้น จึงจำใจต้องกลับไปหาพระเถระ อ้อนวอน ให้ช่วยเอาซากหมาเน่าออกจากคอให้ แล้วจะไม่มารบกวน การจัดงานอีก พระอุปคุตเถระก็อนุโลมตาม แต่ยังไม่ไว้ใจพญามารนัก เกรงพญามาร จะกลับมาทำลายพิธีในภายหลัง จึงเดินนำพญามาร ไปยังเขาใหญ่ลูกหนึ่ง แล้วเอาร่างหมาเน่าทิ้งลงเหว และเนรมิตให้สายประคตยาวขึ้น แล้วพันคอพญามาร ไว้กับเขาลูกนั้น พร้อมทั้งแจ้งว่า เมื่อเสร็จพิธีฉลองสมโภช พระมหาเจดีย์สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ (7 ปี 7 เดือน 7 วัน)

    เวลาผ่านไปตามที่ตกลงกัน การจัดงานสมโภชน์ ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พระอุปคุตเถระ จึงกลับมาหาพญามาร โดยแอบอยู่ห่างๆ เพื่อฟังเสียงพญามารว่า ละพยศร้ายหรือยัง พญามารเอง เมื่อจากทิพยวิมานอันบรมสุข มารับทุกขเวทนาเช่นนี้ ก็ละพยศร้ายในสันดาน หวนนึกถึงพระพุทธโคดม จึงกล่าวสดุดี ในความเมตตากรุณา ของพระพุทธเจ้า ในเรื่องที่ทรงมีมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ว่า “ทรงบำเพ็ญสิ่งอันเป็นที่สุดหามิได้ เป็นที่พึ่งพำนักแก่สัตว์โลกทั้งมวล ในกาลทุกเมื่อ พระองค์นั้น เป็นผู้ประเสริฐหาผู้เสมอเหมือนมิได้ อนึ่ง ในกาลก่อน ข้าพเจ้าได้ทำร้ายพระองค์ โดยประการต่างๆ แต่พระองค์ ก็ยังทรงมหากรุณาธิคุณ มิได้กระทำการโต้ตอบ แก่ข้าพเจ้าเลย มาบัดนี้ สาวกของพระองค์นามว่าอุปคุต ไม่มีเมตตาแก่ข้าพเจ้าเลย กระทำกับข้าพเจ้า ให้ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส และได้รับความอับอาย เป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าข้ายังมีบุญกุศล ที่ได้สั่งสมไว้แต่กาลก่อน ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาเป็นพระสัพพัญญูในอนาคต ดังเช่นพระองค์ต่อไป”

    กล่าวได้ว่า การตกระกำลำบากในครั้งนี้ ทำให้พญามาร ซึ่งความจริงแล้ว ในอดีตชาติ (ในยุคของพระกัสสปพุทธเจ้า) เคยมีจิตตั้งมั่น ที่จะบำเพ็ญเพียร ให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นกัน แต่ที่ได้กระทำการขัดขวาง พุทธศาสดาของพระพุทธโคดม ก็ด้วยความริษยา พระพุทธโคดม (มีมิจฉาทิฐิ) เนื่องด้วยพระองค์ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนตน ทั้งๆ ที่ตนบำเพ็ญบารมี มามากพอสมควรเหมือนกัน แต่การกระทำในแต่ละครั้ง ก็มิได้ล่วงเกิน ทำบาปหนักแต่ประการใด

    เมื่อพระอุปคุตเถระ ได้ยินคำปรารภดังนั้น ก็เห็นว่าพญามารสิ้นพยศแล้ว จึงแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ พร้อมทั้งขอขมาพญามาร และบอกว่า การกระทำครั้งนี้ ก็เพื่อให้พญามาร ระลึกได้ถึงพุทธภูมิ ที่ท่านเคยปรารถนาไว้เท่านั้นเอง มิได้มีเจตนา ที่จะล่วงเกินประการใด ซึ่งพญามารก็เข้าใจด้วยดี


    ต่อจากนั้นพระเถระ ก็ได้ขอให้พญามาร เนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์ เพื่อจะได้เห็น เป็นพุทธานุสติบ้าง ซึ่งพญามารก็รับคำ แต่ขอร้องว่า เมื่อเห็นเขาเนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์แล้ว อย่าหลงกราบไหว้เป็นอันขาด เพราะจะให้เขาบาปหนัก



    ครั้นเมื่อพญามารเนรมิตกาย เป็นพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสี อันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา แวดล้อมด้วย มหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวาร เสด็จเยื้องย่าง ด้วยพุทธลีลาอันงดงามยิ่ง พระเถระ และบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นเช่นนั้น ก็ลืมตัวพากันถวายนมัสการ ทำเอาพญามารตกใจ รีบคืนร่างเดิม และท้วงติงว่า ทำให้ตนมีบาปหนัก แต่พระเถระ ก็กล่าวให้พญามารสบายใจว่า ทุกคนกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพญามารก็ไม่บาปหรอก จะได้กุศลมากกว่า


    จากนั้นพญามาร ก็กลับคืนสู่สวรรค์ ชั้นที่ 6 วิมานของตน และนับแต่นั้นมา พญามารได้มีจิตอ่อนน้อมเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา หมดสิ้นน้ำใจริษยา และบำเพ็ญบารมี เพื่อพุทธภูมิต่อไป


    หมายเหตุ


    เนื้อเรื่องได้กล่าวถึง พระพระกัสสปพุทธเจ้า ดังนั้นเพื่อความเข้าใจ ในการอ่าน ขอเสริมว่าตามตำนาน โลกเรานั้น แบ่งช่วงเวลาเป็นกัลป์ ซึ่งแต่ละช่วง ในแต่ละกัลป์ ก็จะมีพระพุทธเจ้า ที่มาตรัสรู้ โปรดบรรดาสัตว์โลก เป็นคราวไป ดังนั้นพระพุทธเจ้า จึงมีหลายพระองค์ ซึ่งเวลาหนึ่งกัลป์นั้นนานนัก (กัลป์ที่เราอยู่นี้ มีพระพุทธเจ้า มาตรัสรู้แค่ 5 พระองค์ และมีหลายๆ ช่วงในแต่ละกัลป์ ที่ปราศจากพระพุทธศาสนา โดยสิ้นเชิง ดังนั้นถือว่าเราโชคดีมาก ที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาในชาตินี้


    ประวัติเพิ่มเติมตามตำนาน พระอุปคุต คัมภีร์อโศกอวทาน<O:p></O:p>












    </TD></TR></TBODY></TABLE>​





    <TABLE style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 15.0pt 0cm 0cm 0cm" class=MsoNormalTable border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 3.75pt; WIDTH: 16%; PADDING-RIGHT: 3.75pt; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 3.75pt" vAlign=top rowSpan=2 width="16%"></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 3.75pt; WIDTH: 85%; PADDING-RIGHT: 3.75pt; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 3.75pt" vAlign=top width="85%"><TABLE style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 1.5pt; mso-yfti-tbllook: 1184" class=MsoNormalTable border=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR style="HEIGHT: 15pt; mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; HEIGHT: 15pt; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt"></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; HEIGHT: 15pt; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt">เคล็ดบูชาพระอุปคุต เพื่อขอลาภและความสำเร็จต่างๆ (ตำรับสมเด็จสังฆราชแพ)<O:p</O:p

    เขียนโดยjoni_buddhist<O:p></O:p>
    </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; HEIGHT: 15pt; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt" vAlign=bottom></TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีครับหลายท่านคงรู้จักองค์พระอุปคุต กันนะครับ ว่าท่านเป็นพระมหาลาภในบรรดาพระอรหันตสาวกของพระพุทธเจ้าจะมีพระไตรภาคีมหาลาภอยู่ก็คือ

    1.พระสังกัจจายน์ หรือพระมหากัจจายนะ 2.พระสีวลีเถระเจ้าและ3. พระอุปคุต โดยพระอุปคุตนอกจากท่านจะเด่นทางลาภแล้วท่านยังเด่นในเรื่องการปราบอุปสรรคคือเน้นในด้านความสำเร็จด้วยนั่นเองดังมีเรื่องเล่าในสมัยพระเจ้าอโศกสังคายพระไตรปิฏกพระยามารจะมาแกล้งพอดีพระอุปคุตท่านได้รับความไว้วางใจแห่งมูลพระสงฆ์ให้คอยปราบพระยามารผู้มีฤทธิ์ซึ่งท่านสามารถจับพระยามารผูกไว้ถึง7ปี 7เดือน 7วัน จนกระทำสังคายนาเสร็จย่อมแสดงให้เห็นว่าพระอุปคุตท่านเลิศในด้านลาภและขจัดอุปสรรคต่างๆด้วยฉะนั้นการไหว้ท่านก็ย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จไร้ข้อข้องขัดและเสริมลาภในชีวิตของท่านด้วยแต่น้อยคนนะครับที่จะรู้ว่าการขอบารมีหลวงพ่อชนะจนหรือพระอุปคุตนั้นมีพิธีการไหว้ขอพรอย่างไรในที่สุดเว็บพุทธคุณก็ไปค้นมาให้ท่านจนได้ โดย เคล็ดนี้บันทึกโดยท่านอาจารย์อุรคินทร์ วิริยะบูรณะในตำราพระเวทย์108พิสดารโดยเป็นตำรับสมเด็จสังฆราชแพ


    ทางเว็บพุทธคุณจึงขออนุญาตินำเอาเคล็ดมาบอกกันเพื่อเป็นธรรมบรรณาการแก่ทุกท่านนะครับและน้อมกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อุรคินทร์ที่อุตส่าห์รวบรวมบันทึกไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ทราบกันครับ


    สำหรับเคล็ดนี้นะครับจะใช้ไว้ขอพรใน วันธรรมสวนะ คือวันพระขึ้น 15ค่ำเท่านั้นจะไม่บูชาท่านในวันพระแรม8ค่ำ เป็นเคล็ดว่าชีวิตจะได้ขึ้น ตลอดเวลาเครื่องบูชาที่ใช้คือ


    1. ดอกไม้สีเหลือง เช่นดอกเบญจมาศหรือหากเป็นพวงมาลัยก็พวงมาลัยดาวเรืองจะเป็นมะลิดาวเรืองก็ได้แต่ห้ามเป็นกุหลาบ


    2. เทียนสีผึ้งเหลืองหนัก 1บาท 1คู่


    3. น้ำเปล่าสะอาด 1แก้ว


    4. ธูปหอมอย่างดี 3ดอก


    5. หมากพลูจัดใส่พาน 5คำ หมายความว่าหมากพลูบูชา พระพุทธเจ้าทั้ง5 พระองค์(การใช้หมากพลูเป็นการบูชามาแต่โบราณ)


    เมื่อเตรียมเครื่องบูชาเสร็จแล้วก่อนจะไหว้พระอุปคุต ให้จุดธูป 5ดอก บอกพระภูมิ เจ้าที่ เทวดาว่าวันนี้จะทำการไหว้ขอลาภและความสำเร็จจากพระอุปคุตเถระเจ้าขอให้เทวดาทั้งหลายมาร่วมยินดี อนุโมทนา


    เสร็จแล้วให้นำน็เปล่าไปตั้งหน้าองค์พระอุปคุต พร้อมทั้งจัดดอกไม้เหลือง ใส่แจกันหรือเอาพวงมาลัยคล้องไปที่องค์ เสร็จแล้วให้จุดธูป 9ดอกบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรมพระสงฆ์ และเหล่าทวยเทพเสียก่อน ดังนี้


    ตั้งนโมสามจบ


    อิมินา สักกาเรนะ พุทธังอภิปูชะยามิ(หลายคนใช้อภิปูชะยามะ)


    อิมินา สักการเนะ ธัมมังอภิปูชะยามิ


    อิมินา สักการเรนะ สังฆัง อภิปูชะยามิ


    พุทธบูชามหาเตชะวัณโต


    ธัมมะบูชา มหาโภคะวาโห


    สังฆะบูชา มหาปัญโญ พุทธัสสะ ปูเชมิสหัสะเนตโต เทวินโท ทิพย์จักขุง วิโสธายิ


    ข้าพเจ้า ชื่อ.......นามสกุล......ขออาราธนาคุณพระพุทธบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง5พระองค์แห่งภัทรกัปป์นี้คุณพระธรรมะเจ้า คุณพระสังฆเจ้า อีกทั้งคุณพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระปรเมศวรสิทธิธาดาและเหล่าพระฤาษี อิทธิฤทธิ์ทั้งหลายพร้อมเหล่าเหล่าทวยเทพน้อยใหญ่ทั้งหลาย วันนี้ลูกจะขอทำการบูชาองค์พระอุปคุตเพื่อ.....ตามที่เราปรารถนา.......ขอพุทธบารมี ธรรมบารมี และสังฆบารมี ตลอดจนฤาษีสิทธิธาดาและเหล่าเทพยเจ้าจงเสด็จมาเป็นองค์พยานด้วยเถิด สาธุ สาธุสาธุ


    แล้วปักธูปบูชาพระประธานไปครับ เสร็จแล้วให้นำหมากพลู มาวางหน้าพระประธานต่อมามาที่ที่บูชาพระอุปคุต จุดธูปสามดอกสวดพระคาถาดังนี้


    นโมสามจบ


    กิจจะมาคะ อุปคุตโต มหาเถโร สัมพุทธเรวิญญาคะโตโสมารัญจะ ลาภะรัญจะโส อิทานิ มหาเถโร นมัสสิตวา ปติฏฏิโต อะหังวันทามิสัพพะทาทาเวนะอุปคุตตัง มหาเถระยัง


    ยังอุปัตถังวา ชาตัง อิทังเสนติ อะโสสะโต นะชาลิติสิทธิลาภา นะชาลิติ เอหิมามา สรรพทุก ทิศา สะมาลาภา คะตา


    ให้อธิษฐานนึกถึงชื่อบุคคลที่เราต้งการ(อาทิคู่ค้าบริษัท)หรือสิ่งของที่เราต้องการ หรือ ให้พระอุปคุตมาปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้อกไปกล่าวพระคาถานี้3จบ เป็นอันเสร็จพิธี


    นี่ก็เป็นเคล็ดง่ายๆที่ผมได้นำมาจาก ตำราพระเวทย์108พิศดาร ของท่านอาจารยอุรคินทร์ วิริยะบูรณะเป็นเคล็ดที่ทำได้ง่ายๆๆ ไม่ยุ่งยากแต่เป็นเคล็ดที่ทำแล้วดีแก่ตัวเราอีกวิธีนึง ก็ทางเว็บพุทธคุณขอขอบคุณท่านอาจารย์อุรคินทร์ที่อุตส่าห์รวบรวมตำรับเก่าๆๆของสมเด็จพระสังฆราชแพมาไว้เพื่อสอนอนุชนรุ่นหลังต่อไปครับ


    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shape style="WIDTH: 480pt; HEIGHT: 5in; VISIBILITY: visible" id=Picture_x0020_12 alt="http://photos2.hi5.com/0118/630/857/4YO9KD630857-02.jpg" o:spid="_x0000_i1028" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\Users\abc\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image003.jpg" o:title="4YO9KD630857-02"></v:imagedata></v:shape>

    <O:p></O:p>







    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0cm; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0cm; WIDTH: 85%; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 15pt" vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 1.5pt; mso-yfti-tbllook: 1184" class=MsoNormalTable border=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0.75pt; WIDTH: 100%; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt" width="100%" colSpan=2></TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt" vAlign=bottom></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-RIGHT: 0.75pt; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0.75pt"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><O:p></O:p>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2011
  12. ธมฺมสิทโธ

    ธมฺมสิทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +714
    <TABLE style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 6.0pt; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" class=MsoNormalTable border=0 cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0cm; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0cm" vAlign=top><TABLE style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" class=MsoNormalTable border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0cm; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0cm">
    เวลากับสุขภาพ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #f0f0f0; BORDER-LEFT: #f0f0f0; PADDING-BOTTOM: 0cm; PADDING-LEFT: 0cm; PADDING-RIGHT: 0cm; BACKGROUND: #f7fafe; BORDER-TOP: #f0f0f0; BORDER-RIGHT: #f0f0f0; PADDING-TOP: 0cm" vAlign=top><TABLE style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-yfti-tbllook: 1184; mso-padding-alt: 3.75pt 3.75pt 3.75pt 3.75pt" class=MsoNormalTable border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff; BORDER-LEFT: #ffffff; PADDING-BOTTOM: 3.75pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; PADDING-LEFT: 3.75pt; PADDING-RIGHT: 3.75pt; BORDER-TOP: #ffffff; BORDER-RIGHT: #ffffff; PADDING-TOP: 3.75pt" vAlign=top>หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "นาฬิกาชีวิต" ซึ่งตามตำราแพทย์ตะวันออกหรือแพทย์แผนจีนที่มีอายุกว่า 5,000 ปี (ห้าพันปี) ถือว่า กลางวันและกลางคืนมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก โดยมองลึกลงไปอีกว่า ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้น ภายในร่างกายของมนุษย์ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในของร่างกายซึ่งประกอบด้วย อวัยวะตันและอวัยวะกลวง



    โดยอวัยวะตัน หมายถึง หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต ส่วนอวัยวะกลวง หมายถึง กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ ระบบความร้อนของร่างกาย (ชานเจียว) การไหลเวียนของพลังชีวิต (ลมปราณ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลาสองชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือ หนึ่งวัน เรียกว่า "นาฬิกาชีวิต"





    01.00-03.00 น.เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อนถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจำในช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน (meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอนจากร่างกายจะหลั่งมีราทินประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน (endorphin) ออกมาด้วยจึงไม่ควรกินอาหาร เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว หน้าที่หลักของตับ คือ ขจัดสารพิษในร่างกาย ส่วนหน้าที่รอง คือ




    1. ช่วยไตในการดูแลผม ขน เล็บ ถ้าตับมีปัญหา ผม ขน เล็บจะไม่สวย




    2. ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ถ้ากินบ่อย ๆ จะทำให้ตับทำงานหนักตับจะหลั่งน้ำย่อยออกมามากจึงไม่ได้ทำหน้าที่หลัก เป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ




    <O:p</O:p




    03.00-05.00 น.เป็นช่วงเวลาของปอด ควรตื่นขึ้นมาสูดอากาศรับแดดตอนเช้า ผู้ที่ตื่นช่วงนี้ประจำ ปอดจะดี ผิวดี และเป็นคนมีอำนาจในตัว





    05.00-07.00 น. ลำไส้ใหญ่ ควรถ่ายให้เป็นนิสัย ถ้าไม่ถ่ายให้กดจุดที่ตำแหน่งสองข้างของจมูก ถ้ายังก็ให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว ถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว หรือบริหารโดยยืนตรง หายใจเข้าแล้วก้มลงพร้อมหายใจออก เอามือท้าวเข่าแขม่วท้องจนเหมือนว่าหน้าท้องไปติดสันหลัง คนที่ถ่ายยากต้องกินข้าวเช้า บางคนไม่กินข้าวแต่กินกาแฟ ร่างการจะดูดกากอาหารตกค้างซึ่งกำลังจะเป็นอุจจาระเข้าไปใหม่ เท่ากับกินกาแฟแกล้มอุจจาระ




    คนเรามักไม่ตื่นกันตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาที่ลำไส้ต้องบีบอุจจาระลง เมื่อไม่ตื่นจึงบีบขึ้น เมื่อไม่ถ่ายตอนเช้าลำไส้ใหญ่จึงรวน แล้วจะมีอาการปวดหัวไหล่ กล้ามเนื้อเพดานจะหย่อน แล้วจะนอนกรนในที่สุด




    <O:p</O:p




    07.00-09.00 น. กระเพาะอาหาร กินเข้าเช้าตอนนี้จะดี กระเพาะแข็งแรง ถ้ากระเพาะอ่อนแอ จะทำให้เป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย ถ้าไม่กินข้าวเช้าอุจจาระจะถูกดูดกลับมาที่กระเพาะ กลิ่นตัวจะเหม็น ถ้าถ่ายออกหมดจะไม่มีกลิ่นตัวเท่าไหร่





    09.00-11.00 น. ม้าม ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้าย หน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดหัวบ่อยมักมาจากม้าม อาการเจ็บชายโครงมาจากม้ามกับตับ ม้ามโต จะไปเบียดปอด ทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย ม้ามชื้น อาหารแและน้ำที่กินเข้าไปจะแปรสภาพเป็นไขมัน ทำให้อ้วนง่าย คนที่หลับช่วง 9.00-11.00 น. ม้ามจะอ่อนแอ ม้ามยังโยงไปถึงริมฝีปาก คนที่พูดมากช่วงนี้ม้ามจะชื้น ควรพูดน้อยกินน้อย ไม่นอนหลับ ม้ามจะแข็งแรง





    11.00-13.00 น. หัวใจ หัวใจจะทำงานหนักช่วงนี้ ให้หลีกเลี่ยงความเครียด หรือใช้ความคิดหนัก หาทางระงับอารมณ์ไว้




    <O:p</O:p




    13.00-15.00 น.ลำไส้เล็ก ควรงดกินอาหารทุกประเภท เพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้ทำงาน ลำไส้เล็กทำหน้าที่ดูดสารอาหารที่เป็นน้ำเพื่อสร้างกรดอะมิโนสร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข่สำหรับผู้หญิง





    15.00-17.00 น. กระเพาะปัสสาวะ จะเกี่ยวข้องกับระบบความจำ ไทรอยด์ และระบบเพศทั้งหมด ช่วสงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออก จะออกกำลังการหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง การอั้นปัสสาวะบ่อย จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ทำให้เหงื่อเหม็น





    17.00-19.00 น. ไต ควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนตอนนี้ ถ้าง่วงแสดงว่าไตเสื่อม ยิ่งหลับแล้วเพ้อ อาการยิ่งหนัก ไตซ้าย คุมสมองด้านขวาคือความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สุนทรีย์ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ถ้ามีปัญหา อารมณ์นี้จะหมดไปเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว แต่ไม่ปล่อยวาง และขี้ร้อน ไตขวา จะคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมด้านความจำ ถ้ามีปัญหาความจำจะเสื่อมและเป็นคนขี้หนาว ผู้ใดที่ไตแข็งแรงจะเป็นคนอายุยืน เป็นคนกล้า ถ้าลำไส้เล็กมีไขมันเกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปของสารละลายจะผ่านลำไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็นภาระของไต จะทำงานหนักเป็นโรคไต สมองเสื่อม ปวดหลัง เป็นหวัดง่าย มีเสลด การดูแลคือ เช้าอาบน้ำเย็น เย็นอาบน้ำอุ่น





    19.00-21.00 น. เยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงนี้ควรสวดมนต์ ทำสมาธิ ให้ระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ หัวเราะ





    21.00-23.00 น. เวลาของระบบความร้อนของร่างกาย ต้องทำร่างายให้อุ่น ห้ามอาบน้ำเย็นเวลานี้จะเจ็บป่วยได้ง่าย ช่วงนี้อย่าตากลมเพราะลมมีพิษ





    23.00-01.00 น. ถุงน้ำดี เป็นถุงสำรองน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ อวัยวะใดขาดน้ำ จะดึงมาจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น อารมจะฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก ตอนเช้าจะจาม ถุงน้ำดีจะโยงถึงปอด จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรดื่มน้ำก่อนเข้านอนหรือก่อนเวลา 23.00 น. อีกทั้งการย่อยไขมันของร่างกายจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เท่านั้น ซึ่งหากไม่พักผ่อนช่วงนี้ ไขมันดังกล่าวจะตกตะกอนอยู่ตามร่างกาย เช่นถุงไขมันใต้ตา มีพุง สมองเละเลือนง่าย ปวดไหล่ ปวดท้องง่ายบริเวณลำไส้ใหญ่ ท้องเสีย หรือท้องผูกง่ายอีกด้วย





    เห็นไหมล่ะว่าเวลาเป็นของมีค่ามากขนาดไหน นอกจากจะทำให้เกิดประโยชน์กับผู้ที่รู้จักใช้เวลา ยังส่งผลดีต่อสุขภาพด้วย หากรู้จักบริหารเวลาให้เหมาะสมกับสภาวะของร่างกาย





    โดย รัชนก อมรรักษากุล


    ที่มา : เว็บไซต์เฮลส์คอร์เนอร์<O:p</O:p





    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2011
  13. จันท์คับ

    จันท์คับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,334
    ค่าพลัง:
    +11,056
    กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีครับพี่ทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่าน:cool: ขอบคุณท่านพี่ธมมสิทโธมากครับสำหรับประวัติของพระมหาอุปคุต อนุโมทนาครับ สาธุ
     
  14. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,575
    ค่าพลัง:
    +30,871
    กราบหลวงปู่พิศดู หวัดดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ
     
  15. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,391
    ค่าพลัง:
    +19,723
    กราบหลวงปู่พิศดูครับ
     
  16. รัช

    รัช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2007
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +2,565
    ผมไปกราบหลวงปู่เมื่อ 16 ม.ค.53 แต่ไม่ได้เข้าไปกราบข้างในห้อง เพราะท่านอาพาธ และพักผ่อนอยู่ ได้ทำบุญใส่ตู้น่าจะ 100 บาท จากนั้นก็ไปขึ้นเขาคิฏกูฏ ในวันนั้นถูกล็อตเตอรี่ 3 ตัวล่าง ด้วยครับ หลังจากวันนั้นก็ได้ไปกราบอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ได้เข้าไปกราบท่านในห้อง ท่านนอนอาพาธอยู่ ใช้เวลากราบซัก 2 นาทีก็กลับออกมาครับ ติดตามอ่านมาตลอดครับ
     
  17. จันท์คับ

    จันท์คับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,334
    ค่าพลัง:
    +11,056
    กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีครับพี่ทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่าน:cool:
     
  18. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน ขอบคุณทุกท่านมากๆครับที่เป็นห่วง ช่วงที่ผ่านมาผมอาจหายไปบ้างไม่ค่อยได้เข้ามากระทู้เท่าที่ควร พอดีรักษาตัวอยู่ครับ บอกตามตรงเลยว่าถ้าไม่ได้มีเวลารักษาตัวเอง และไม่ได้เบี้ยแก้ขององค์หลวงปู่ช่วยละก็คงอีกนานแน่เลยกว่าจะหายครับ เบี้ยแก้ขององค์หลวงปู่พิศดูดีจริงๆครับ
     
  19. ToPiCaL

    ToPiCaL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,475
    ค่าพลัง:
    +4,585
    สวัสดีครับพี่ทุเรียนทอด ไม่สบายเป็นอะไรเหรอครับ
    รอติดตามกระทู้พี่อยู่นะครับ แหะ ๆ
     
  20. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981


    วันที่ 23 กรกฏาคม 2554 ครบรอบวันมระภาพองค์หลวงปู่พิศดู ครบ 100 วัน ทางวัดได้กำหนดการบำเพ็ญกุศลถวายแด่องค์หลวงปู่..

    ช่วงเช้า
    เวลาประมาณ 7 โมงเช้า มีตักบาตรภิกษุสามเณร(จำนวนยังไม่กำหนด) และมีเลี้ยงภัตตาหารเช้า

    ช่วงเย็น
    19.00 น. ร่วมกันสวดมนต์ทำวัตรเย็น
    20.00 น. สวดพระอภิธรรม ถวายพระสรีระองค์หลวงปู่

    รายละเอียดนอกจากนี้แล้วยังไม่ได้กำหนด แต่ถ้ามีกำหนดการใดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบทางกระทู้นี้อีกครั้งครับ สาธุ



    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...