การปฏิเสธ "ความคิดเห็น" ยึดมั่นแต่ข้อมูลหลักฐาน คือ "สุดโต่ง" ประการหนึ่ง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    "สัมมาทิฐิ" ย่อมมีปรากฏในพระอริยบุคคลทั้งหลาย
    ความคิดเห็น ย่อมเป็นธรรมดา มีได้ในสัตว์ทั้งหลาย
    เพียงแต่พระอริยบุคคล ย่อมแสดงซึ่ง "สัมมาทิฐิ" นี้
    ให้เห็นได้โดยไม่ต้องอ้างอิง "ข้อเท็จจริง", "ข้อมูล"
    "หลักฐาน" หรือ "ตำรา" ใดๆ เลย ซึ่งคนทั่วไป ไม่มี


    ผู้ยึดมั่นถือมั่นสุดโต่งว่า "ต้องไม่ยอมรับความคิดเห็นที่
    ปราศจากข้ออ้างอิงยืนยัน" จึงเป็นผู้ "สุดโต่งยึดมั่นใน
    หลักฐานอ้างอิง" ประการหนึ่ง
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    บุคคลผู้ยึดมั่นใน "การปฏิเสธความคิดเห็น" ย่อมอ้างแต่หลักฐานเท่านั้น


    บุคคลผู้ขาดซึ่ง "วิปัสสนาญาณ" ย่อมไม่อาจพิจารณาธรรมตามจริงได้ พวกเขาจึงไม่อาจ
    พิจารณาสิ่งใดว่าเป็นจริงหรือเท็จได้ด้วย "ญาณ" ของตนเอง ด้วย "วิปัสสนาญาณ" ไม่มี
    ไม่เคยเกิดขึ้นแก่เขานั้น เขาจึงไม่อาจมี ไม่อาจใช้ญาณพิสูจน์สัจธรรมความจริงนี้ได้เลย
    ดังนี้ พวกเขาจึงตกอยู่ในหลุมบ่วงแห่ง "ความขลาดกลัว สิ่งที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน" ทำให้
    พวกเขาต้องเพียรหาแต่หลักฐานมายืนยัน ไม่อาจเชื่อสิ่งที่ไม่มีข้อมูลอ้างอิง ไม่มีในตำรา
    ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ พวกเขาจึงเป็นได้เพียง "นักอ้างอิงข้อมูล" ที่นำข้อมูลนั้น ข้อมูลนี้
    มาอ้างอิงเอาชนะหักล้าง, คะคานกันไปเท่านั้น โดยไม่มีซึ่ง "วิจารณาญาณ" ของตนเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 พฤษภาคม 2011
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สัจธรรมไม่ใช่ "นิติศาสตร์" ไม่ใช่ "มาตรากฏหมาย"
    ไม่ใช่สิ่งที่ต้องอ้าง ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงแหล่งที่มาใดๆ
    เพราะเป็น "สากล" ที่ปวงสัตว์เข้าถึงได้ทุกตนอยู่แล้ว
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    บุคคล ผู้ได้แต่อ้างอิงตำรา
    ย่อมเป็นดั่ง "ใบลานเปล่า"
    ไร้ความคิดเห็นของตนเอง
    ไร้ซึ่ง สัมมาทิฐิ ในตนเอง


    เปล่าประโยชน์เลยที่จะเพียรอ้างตำราอยู่นั้น
     
  5. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    พูดเรื่องพุทศาสนา ไม่อ้างอิงคัมภีร์ ไม่อ้างอิงพุทธประวัติ ไม่อ้างอิงพระไตรปิฎก ไม่อ้างอิงพระสูตร

    แสดงว่าเรื่องที่พูดเกินความรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคดม

    ก็ต้องเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่แล้วประกาศธรรมเสียเอง
     
  6. ใจทุกข์

    ใจทุกข์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +0
    พระไตรปิฎก หนังสือ ตำรา ในพุทธศาสนา เสมือนทาง เข็มทิศ แผนที่ คอยชี้ทาง หรือมีไกด์นำทางให้
    ทางก็ทางลาดยาง ทางบันไดเลื่อน ทางอัติโนมัติ ที่ผู้ที่เคยผ่านมาแล้ว เคยเดินทางนี้มาแล้ว สร้างทางไว้
    ช่วยแนะนำ สั่งสอน ชี้แนะ ว่าทางที่เราเดินตามนั้น ไปสู่จุดหมายได้ถูก ได้ตรง ได้จริง ปลอดภัย

    แล้วทางก็มีอยู่แล้ว ทำไมจะใช้ไม่ได้?????????????
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2011
  7. อกนิษฐกา

    อกนิษฐกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +117


    สิ่งที่เรารู้ ย่อมไม่เกินสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้แน่นอน เพราะพระพุทธองค์

    ทรงเป็นสัพพัญญู รู้ทุกอย่าง ส่วนเรานั้น จะคิดเองรู้เองได้แค่ไหน? จินตนาการ

    ของเราจะกว้างไกลอย่างไร? มัีนก็จะเทียบกับข่ายพระสัพพัญยญุตญาณของ

    พระพุทธองค์ไม่ได้หรอก ถ้าเราคิดว่าสิ่งที่เรารู้ในตำราไม่มี พระพุทธเจ้าำ

    ไม่ได้แสดงไว้ ก็อาจเป็นไปได้สองทาง คือ

    1. สิ่งนั้นหาสาระไม่ได้ พระพุทธองค์ ทรงรู้แต่ไม่ทรงนำมาแสดง

    2.สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติได้ย่อมรู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น พระพุทธองค์จึงทรง

    แสดงแต่ทาง บอกแต่ทาง ชี้แต่ทาง เพื่อให้ผู้เดินตามทางนี้ ไปพบได้เห็นได้

    ด้วยตัวเอง พระธรรมของพระองค์ จึงเป็น


    สันทิฏฐิโก เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเ็ห็นได้ด้วยตนเอง


    อกาลิโก เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และ ให้ผลได้ไม่จำกาล

    และเป็น

    ปัจจัตตัง เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน



    ห็นด้วยกับความคิดที่ว่าการอ้างตำราด้วยความยึดติดนั้นไม่ดี เหมือนผู้เดินทาง

    ที่ต้องอาศัยแผนที่ ในการเดินทาง ไม่ควรยึดติดในแผนที่นั้นฉันใด นักปฏิบัติ

    ก็ไม่ควรยึดติดในตำราฉันนั้น แต่จะไม่ให้อาศัยแผนที่ ที่มีผู้ที่รู้ยิ่ง อย่างพระ

    สัมมาสัมพุทธเจ้าของเราชี้บอกทางไว้ก็ไม่ควรอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน



    การอ้างตำรา ผู้รู้แล้วก็ยังคงอ้างตำราอยู่ เพื่อแสดงว่าความรู้นี้ไม่ใช่ความรู้ของ

    ตนเอง เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และ แสดงไว้ พระสงฆ์ทั้ง

    หลายพยายามรวบรวมคำสอนเหล่านั้นไว้จนกระทั้งตกทอดมาถึงเรา

    และผู้เป็นเสือกระดาษก็อ้างตำราเช่นกัน แต่เป็นการอ้างตำราเพื่ออวดภูมิ หรือ

    อะไรก็แล้วแต่ ตามอำนาจกิเลสของปุถุชนนั่นแหละ

    เพราะฉะนั้น การเหมารวมเรื่องการอ้างตำรา่ อย่างที่พรรณามาทั้งหมด ควรจะ

    วิเคราะห์ใหม่อีกสักครั้ง หรือ อย่างไร?
     
  8. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    ลองย้อนไปอ่านที่ผมโพสอีกทีครับ
    ผมหมายเฉพาะเรื่องความรู้ทางพระพุทธศาสนา


    เกิดมีคนบอกว่าพระพุทธเจ้า เป็นชาวอียิปต์ เป็นความรู้ปัจจัตตัง ที่เค้ารู้มาจะว่าอย่างไร???
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 พฤษภาคม 2011
  9. กรวุฒิ

    กรวุฒิ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +17
    ผมเดินตามทางที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้เพื่อได้พบได้เก็นด้วยตนเอง สาธุ สาธุ สาธุ
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    เท่าที่ผมเสนอไว้นั้น ไม่มีเรื่อง "การปฏิเสธตำราอย่างสุดโต่ง" นะ
    ได้แต่กล่าวถึง "ไม่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ตำรา แต่ถ้ายึดมาก จนไม่อาจ
    พิจารณา "ความคิดเห็นของผู้อื่น" ได้ด้วย "วิจารณญาณของตน"
    แล้ว เรียกว่า "สุดโต่งประการหนึ่ง"


    ยังงงว่าที่ท่านพยายามแย้งเรื่องนี้ มันแย้งใครหรือ?
    แล้วอุปทานที่ว่า "ใครต้านตำรา" นี่ มันอยู่ที่ไหน?
    (ในเมื่อข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนั้นเลย)
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เหมือนท่านขี่จักรยานถึงที่หมายแล้วไม่ยอมลง
    ข้าพเจ้าบอก "อ้าวถึงแล้ว ไม่ลงหรือ?" แต่แล้ว
    มีคนบอกว่า "ทำไมมาปฏิเสธการขี่จักรยานละ"



    อันนี้ "มันเป็นอุปทานมาจากไหน?"
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ประเด็นของกระทู้นี้ คือ "การยึดข้อมูลหลักฐาน"
    จนไม่อาจใช้วิจารณญาณพิจารณาความคิดเห็นของผู้อื่นได้
    ไม่เกี่ยวกับว่า "ใช้หรือไม่ใช้ตำรา, ปฏิเสธหรือไม่ปฏิเสธตำรา" เลย???


    อ้าว อธิบายง่ายๆ คือ สุดโต่งเพราะยึดหลักฐานจนไม่อาจพิจารณาความเห็น
    ของใครๆ ได้ด้วยวิจารณญาณของตนเอง อันไม่เกี่ยว ไม่เนื่องด้วยว่าจะใช้หรือ
    ไม่ใช้ตำราใดๆ เลย ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นใช้หรือไม่ใช้ตำราเลย


    พอเข้าใจไหม?
     
  13. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ส่วนอริยบุคคลนั้น สามารถแสดงธรรมได้โดยฉับพลัน
    โดยไม่ต้องอ้างอิงตำราใดๆ ก็ได้ เช่น พระตั๊กม้อ กล่าว
    ตอบท่านหุยเคอว่า "ไหนเอาใจมาให้อาตมาดูสิ" คำนี้
    ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงตำราอะไรเลย แล้วท่านหุยเคอก็
    ตอบว่า "หาไม่เจอ" แล้วก็บรรลุธรรม เท่านั้นเอง


    ผู้มี "ศรัทธาอินทรีย์ย่อหย่อน" ย่อมไม่อาจบรรลุธรรม
    ได้ดังท่านหุยเคอ ย่อมจะเพียรถามอยู่นั่นว่า "เอามา
    จากตำราใด" เฉกเช่น "กามนิต" ได้ฟังธรรมโดยตรง
    จากพระพุทธองค์แล้ว แต่ไม่อาจเข้าถึงธรรมได้ฉะนั้น
     
  14. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    ก็ไม่เห็นมี ท่าน หรือ มัน คนไหนแย้งนี่ครับ
    มีแต่คนแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม และสนทนาธรรมกัน
    คงไม่ปฎิเสธความคิดเห็นผู้อื่นนะครับ

    พอเข้าใจไหม ?
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    Ok ผมเข้าใจผิด ขอโทษครับ
     
  16. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    ถ้าผมกล่าวอะไรไป ทำให้ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิด ก็ขออภัยด้วยนะครับท่าน
     
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    อโหสิ เข้าใจผิด เกิดได้ ดับได้ เป็นธรรมดา
     
  18. โดเรมี่

    โดเรมี่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +9
    "ความอดทนคือเพื่อนสนิทของสติปัญญา" ในธรรมชาติไม่มีสิ่งใดดีพร้อม
    แต่ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบในตัวเอง...โมทนา สาธุ
     
  19. pitipornsn

    pitipornsn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +95
    เราก็ใช้พระไตรปิฎกเป็นฐานเป็นแนวทาง เหมือน ทาน ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นบาท เป็นอาวุญตัดท่อน กิเลสไง แต่เป็นแค่บาท สุดท้ายก็ต้องละคือหยุด นั้นเอง
     
  20. ธรรมะ-ดา

    ธรรมะ-ดา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +1
    000

    ชอบใจจัง

    ลมแรง จึงมีคลื่น
    คลื่นแรง เพราะลม
    พอลมสงบ
    คลื่นก็เป็นปกติ
    ไม่มีลม ก็ไม่มีคลื่น
    ไม่มีคลื่น เพราะไม่มีลม

    ..เขียนจากตะกี้นะ
    .นั่งดู. คลื่น ลม เบาเบา

    พอเลิกดู คลื่น ลม ก็ไม่มี
    ผู้คนยังถกเถียงกัน เรื่องคลื่นลมวันก่อน..ไปในใจอีกนาน


    ฮา. ฮา ฮา ดีจังวุ๊ย

    ท่าน..น่ะ พอเปิดตัวก็เจ็บตัว
    ถ้าไม่มีตัว ก็ไม่เจ็บตัว ในแบบที่ท่านเป็น
    "เดิน" "ถือโคม" ต่อไป
    "อย่างปกติ" "ตามเวลา"
    แต่โปรด "บอกกล่าวอย่างไม่แยแส ถึงความสว่าง แบบท่าน"
    ต่อไปเถอะ เผื่อว่าผู้คน ที่อยู่บนทางเดียวกัน แต่แบกของมาคนละแบบ
    จะมีอะไร สะกิดใจได้ว่า บางอย่างที่แบกมา มันจำเป็นหรือไม่

    เราก็จะทำของเราแบบนี้ ด้วย
    เผื่อว่า ก่อนที่เราจะเดินไปสุดทาง สุดเวลา
    จะมีประโยชน์ กับธรรมชาติ เท่าที่จะเป็น

    ร่วมด้วย ช่วยกัน มีคุณประโยชน์ดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...