ปัญญาของพระโสดาบันต่างจากปุถุชนยังไง

ต้องขออภัย กับท่านจิตสิงห์ อีกครั้ง อย่าถือโทษกันเลยนะ ที่เข้ามาโพสในกระทู้ของท่าน

พอดีว่า วันนี้มากลบขี้หมา ที่มันขี้เรี่ยราดไว้ เมื่อวันก่อน ให้เห็นมานะทิฏฐิตนเสียบ้าง

 

กระทู้เริ่มแรงซะละ เริ่มดีท้ายจมซะงั้น

หากเรามีบุญต่อกันบ้าง การตอบโต้นี้คงได้ยุติกันซะที ตอบ จขกท นะครับ
จิตพระที่ทรงปัญญาระดับนั้น ผมไม่รู้ รู้แต่จิตคนที่เป็นพระ อย่า งง นะครับ
คือเคยบวชแล้วจำได้ ฝังใจนะครับ
ตอบรวบยอดเท่าที่อ่านได้นะคับ(ครับ555) ทุกศาสนานั้นมีกฏข้อบังคับไห้
ท่านๆเราๆได้แหกกันทั้งนั้น มุ่งสอนแก่เหล่าสัตย์ที่มีปัญญาไห้เกิดความสงบสุขทางใจเป็นหลัก ทางกาย นั้นตามแต่เจ้าตัวจะสามารถและแถกไถไปได้จนกวาจะสิ้นลมกันไป แต่ผู้ไม่มีปัญญาอ่านกันก็ได้แต่อ่านไม่ได้ฝังเขาไปไม่น้อมมาสู่ใจ คิดแหกคิดโต้เถียงกันร่ำไป เอาง่ายๆนะคับ ท่านสอนมาไห้อยู่กับปัจจุบันทุกขณะจิตครับ นี่1(ยากสุดๆอันนี้ กินความหมายกว้างนะคับ แต่ขอไม่บรรยาย) ท่านสอนไห้ปฏิบัติครับ จะหาครูอาจารย์เรอไม่ก็ได้ แค่ใจท่านน้อมนำมาปฏิบัติทำใจเบาสบาย สำนึกเมตตากรุณานี่สำคัญ อย่างน้อยเมตตาตัวเองนะครับ คนเขาใจดีมาสอนไปเถียงเขาก้จบจินะ เมื่อท่านเริ่มเดินท่านจะเห็นทางข้างหน้าต่อไปเอง หากไม่แน่ใจกลัวเสียเวลาก็ไปหาครูที่คิดว่าถูกใจคนเป็นแบบอย่าง นี่2(ตามแต่ปัญญาท่านจะเข้าใจ) สนใจแต่กิจธุระของตนก่อนอย่า
นำไปหัก ไปง้างกะความเชื่อคามก้าวหน้าของคนอื่นตามข้อ 2 ตามปัญญาของท่านๆนั้นจะเข้าใจไม่ใช่เรา เข้าใจงี้เราจะถูกคนเดียว ผิดหมดไปลากใจเขามาไห้เป็นแบบเรา นี่3 แค่นี้ก็ทำไม่หมดละครับ พอก่อนนี่เป้นเบื่องต้นที่ผมอ่านแล้วจับความรู้สึกของท่านได้ เอาแค่นี้ ก่อนทำไห้หมดก่อน แต่ผมชาตินี้ก้ไม่หมด ที่เหลือเมื่อท่านรู้สึกได้ท่านจะไปได้เอง สำคัญยิ่งสุดท้ายท่านสอนไห้ทำไม่ได้สอนไห้พูดท่านสอนไห้ทำจนรู้ ไม่ได้สอนไห้รู้ ไม่โต้เถียงกันนะครับขอเป็นแค่ ถกเถียงนะครับผู้ที่เข้ามาท่านหวังดีทั้งนั้น อย่าทำเมตตาเสียเปล่าครับ

 

ไม่เข้าใจคำถามครับ

ไม่มีอะไรถูกซักอย่าง รู้อย่างเดียวว่าจิตมีเกิดดับ


กรรม ทำให้ จิตเจตสิตเกิด
จิตเจตสิกเกิด ทำให้ กรรมเกิด

 

ป๊าดดด...ว่าแล้ว ว่า ฉี่...ไม่สุด
ผมเอง ที่ฉี่ ไม่สุด ขมุบ ขมิบ
ปัจจุบัน ณ.ธรรม ค้ำ้ยัน อยู่ ไปไม่เป็นเลย
อีกนิด น่า...ว่าก็ว่าครับ
ข้ามไปเลย
...

 

เอ.....ผมยกประโยชน์ให้ละกัน ถือเสียว่า พี่อธิบายไปแบบไม่มีประโยชน์

เพราะเหตุว่า ไม่เข้าใจคำถาม

ขอให้เพื่อนๆ ร่วมกระทู้ อ่านข้ามคำตอบพี่จิตสิงห์เขาไปก่อน

เพราะหากเขาเข้าใจคำถาม ผมเชื่อว่า คงเลือกที่จะเงียบ

 

โอ้ย คุณหม้อ ไม่ต้องไปออกตัวหรอก

เดี๋ยวกระทู้หน้า พี่หม้อเข้ามาอีก เขาก็ รับรู้ และ ชิน ไปโดยปริยาย

ไม่รู้ว่า แค้นอะไรนักหนา

 

ยินดีครับ
มันเป็นเรื่องเหตุปัจจัยที่แต่ละบุคคลสั่งสมมาไม่เหมือนกัน
แม้สนใจธรรมเหมือนกัน แต่มีทิฏฐิแตกต่างกันได้
แต่ธรรมพระพุทธองคื ไม่มีขัดแย้งกันเลย แม้กล่าวต่างกรรมต่างวาระ
ทุกเนื้อความมีแต่กล่าวถึงความไม่เที่ยง

เป็นธรรมดาครับ

 

จ้า........ดีแล้วๆ คุณเอกวีร์

เป็นที่รู้กัน ยังไงก็บอกพวกลิ่วล้อของพี่เอกวีร์ไว้ด้วย เดี๋ยวจะตามไม่ทันในปริยาย

จะ 5 โมงเย็นแล้วนี่หว่า...

 

ดูตรงที่มันเกิดดับ
เอาง่ายๆก่อนครับ รู้ปัจจุบัน รู้ตรงอายตนะ
อ่อนแข็ง ได้กลิ่น รู้รส ตาเห็น ได้ยิน เอาเท่านี้ก่อนครับ
ถ้าสติขาด เผลอก้ให้รู้ว่าเผลอ ถ้ากำลังจำได้ รู้ความหมายก้ให็รู้ว่ากำลังรู้ความหมาย จำได้

ค่อยๆพิสูจน์ธรรมไปครับ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 15 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 9 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>จิตสิงห์, jittinon, doctormar, dewvader </TD></TR></TBODY></TABLE>

ขอจบการสนทนาก่อนครับ
อนุโมทนาทุกท่านด้วยครับ

 

ตัวจิต
ตัวรู้
ตัว ปัจจุบัน ณ. ธรรม นี่แหล่ะ
ที่ทำให้ ไปต่อไม่เป็น
อะไร นิด อะไร หน่อย
ก็ ตัวรู้ ตัวจิต
รู้ ปัจจุบัน ณ.ธรรม
อ่า...โหวงเหวง วังเวง ชอบกล
ขอโทษ นะครับ ผมบ่น ของผมให้ฟัง

 

เอาหละ ผมจะตอบคำทำนายให้ก็ได้

อันนี้ ผมแก้ด้วย การให้พี่หม้อ เขาเย้วๆ ใส่ผม เป็นหลักฐาน
โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องอ้างจากคำพูดตนลอยๆ

อันนี้ ผมแก้ด้วย ปล่อยให้พี่หม้อ เขาเย้วๆ ใส่ผม เป็นหลักฐาน
โดยที่ไม่สนใจว่าเขาจะว่าผมให้เสียหายอย่างไร หากผมมีมานะ
ก็คงไม่ปล่อยให้เขาได้ทำอะไรแบบนั้น

เป็นโพธิสัตว์หรือไม่ ผมไม่รู้ แต่เรื่องคิดเองนี่ มีใครบ้างยืมปากคนอื่น หรือ
ความคิดคนอื่นให้ปราถนาโพธิญาณให้กัน ดังนั้น ความที่คุณยกว่า ผมคิด
เอาเอง มันจึงเป็นเรื่องที่คนฉลาดไม่น่าจะพูดออกมาได้ แล้วคุณทราบเอา
ตอนไหนว่า ผมเป็นพวกชอบขยับร่างกาย ทำไมประมาท ไม่ถามดูก่อน

 

แป่ว ฟาวล์อีกแล้วเรา

ปิดสนามซะและ

 

ยังไม่ต้องไปสนใจตัวรู้ครับ

ธรรมมะมีอยู่รอบตัว

ตาหูลิ้นจมูกกายใจเป็นทวารนำทุกข์มา

ให้รู้ที่กำลังเห็น จิตเห็นใจขณะนั้นเป็นกุศล หรือ อกุศล ยังไม่ต้องลงลึกครับ

ค่อยๆไล่ปัจจัยไป วันนึงจะแจ้งขันธ์5

ให้ความสำคัญกับการศึกษาธรรมก่อนก็ดีครับ จะได้ไม่พลาด

เรื่องโหวงเหวงไม่ถูกต้องครับ ทุกกระบวนการ ล้วนเป็นปัญญาทั้งสิ้น

 

จบงานแล้วพี่หม้อ

ขอบพระคุณมาก ที่มาเป็น พยานให้ในวันนี้

เรื่องโอนนั้น ถ้าผมไป "สามแยก" แล้ว เดี๋ยวเบิก แล้ว โอนให้

 

ว่า กันไม่ได้ เน๊าะ
โยว่...โยว่...
สุด แต่ ใจ จะ ไขว่ คว้า
...
วงกลม รอบ แล้ว รอบ เล่า
...

เพิ่มเติม : เนื่องด้วย สติ และปัญญา ยังไม่ถึง
ก็ได้แต่ วงกลม อยู่ ในวงกลม

 

จะไปจริงๆแล้วครับ

ที่ผมพูดไม่ผิดหรอก
ที่คุณแก้เกีัยว มันมีเจตนาประกอบอยู่ นั่นแหละมานะ :boo:
และติดใจคำทักทายผม นี่ก็มานะ

โชดดีที่ผมไม่ใช่คนฉลาด จึงพูดอะไรโดยขาดมานะ

ผมบอกว่าคุณประเภทไม่ค่อยขยับร่างกาย หมายความว่านั่งอยู่ได้เช้ายันเย็น

ไปแล้ว

 

เอ่อ พี่ จิตติโนน

"โหวงๆ เหวง" มันเกิด แล้วพี่ รู้ได้ไง

หาก รู้ได้ว่าโหวงๆ เหวงๆ แล้วมี "รู้" แล้วมันจะผิดได้ยังไง

พี่รู้โหวงๆ เหวงๆ ไปเลย แล้วยกให้เป็นปัญญาเสีย

1. รู้ว่าชอบ หรือ ไม่ชอบ โหวงๆ เหวงๆ นั้นมีไหม มีก็รู้ว่ามี ไม่มีก็รู้ว่าไม่มี

จิตมีราคะ ก็รู้ว่ามีราคะ ชอบ อยากเป็น อยากเห็นอีก
จิตมีโทษะ ก็รู้ว่าจิตมีโทษะ ไม่ชอบ ไม่อยากเป็น ไม่อยากเห็นอีก

2. ดูโหวงๆ ไปซื่อ โหวง เหวง มันก็ไม่เที่ยง

ดูอันไหนก็ได้ ประกอบปัญญาเข้าไป

โหวงๆ เหวง มันก็ ธาตุ อย่างหนึ่งนั้นแหละ อย่าไปยึดตำรามาก

 

คนบ้านไหนครับ นั่งแล้ว กึ๊ก เป็นหุ่นกระป๋อง
ช่วยๆ ออกมาจากตำราเถอะครับ มาอยู่กับความเป็นจริง เยอะๆ

มานะ ของคุณมีหรือจะไม่มี ไม่มีแล้ว ตั้งกระทู้มาได้อย่างไร โกหก

ชื่อกระทู้ ก็บอกอยู่แล้วว่า ล่อเป้า

 

เอาเถอะเอกวีร์ เรื่องการโอนนั้น นั่นก็วิถีทางของเขา

เรามีวิถีทางของเรา ก็อย่าไปส่อเจตนา อันทิ่มแทง ในวิถีทางของผู้อื่น

ขอบพระคุณเช่นกัน

ไม่รู้ว่าที่ตอบมานั้น มีนัยยะแฝงอะไรหรือป่าว แต่ก็เหอะ ขอบพระคุณไปแล้ว

จบงานแล้ว ไว้มาเถียงกันต่อ กลัวแต่ลิ่วล้อพี่เอกวีร์จะช้ำ :'(