ภูติ ผี ปีศาจ ในอิสลาม

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย dabdulla, 20 พฤศจิกายน 2010.

  1. dabdulla

    dabdulla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +92
    สวัสดีครับคุณ paura
    ยินดีที่ได้ร่วมสนทนาครับ

    ในเรื่องการกราบไหว้พระพุทธรูปนั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมจะไม่ขอแตะต้องแต่อย่างใดครับ เพราะการศรัทธานั้นเป็นสิทธิของแต่ละคน และทุกคนก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองอยู่แล้ว

    มีเรื่องนึงที่เกี่ยวข้องกับรูปปั้น ที่มีความสัมพันธ์กับญินชัยตอนก็คือว่า ในศาสนาอิสลามนั้น นอกจากมนุษย์และญินแล้ว ยังมีมลาอิกะห์ซึ่งถ้าเรียกเป็นไทยๆหน่อยก็คือ เทวฑูต

    เทวฑูตจะลงมาตามสถานที่ต่างๆ โดยแต่ละคนต่างก็มีหน้าที่ต่างๆกัน
    อิสลามไม่ยกย่องเทวฑูตนะครับ เพราะเราคือสิ่งถูกสร้างเหมือนกัน อิสลามไม่ก้มศรีษะให้ใคร นอกจากอัลลอฮองค์เดียว

    เนื่องจากรูปปั้น เป็นสัญลักษณ์ของการกราบไหว้อื่นนอกจากอิสลาม ดังนั้นบ้านใดก็ตามที่มีรูปปั้น บ้านนั้นก็คือไม่มีมลาอิกะห์เข้าบ้าน

    ทุกที่ที่มลาอิกะห์ไป ชัยตอนจะไม่อยู่ ดังนั้นบ้านที่มีรูปปั้นจึงเป็นที่อยู่ของชัยตอน

    สัตว์บางชนิดจะมองเห็นมลาอิกะห์ และช่วงเวลาที่สังเกตเด่นชัดและคุณ paura ก็สัมผัสมันได้ด้วยคือ มลาอิกะห์จะลงมาในช่วง หนึ่งส่วนสามของทุกยามค่ำคืน ประมาณตีสองถึงรุ่งเช้า ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ดึกสงัด แต่ผู้ศรัทธาส่วนหนึ่งจะลุกขึ้นทำความดี ช่วงเวลานี้ไก่จะขัน ลองสังเกตดูนะครับ
     
  2. Tawitin

    Tawitin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +6
    ขออนุญาตสอบถามด้วยความไม่รู้จริงๆ และ ด้วยความเคารพครับ เกี่ยวกับเรื่องของการปลิดชีวิตของบุคคลอื่นในต่างศาสนาเป็นสิ่งที่ไม่ผิด เป็นเรื่องจริงเท็จประการใด รึว่าเป็นการบิดเบือนคำสอนไปเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม
    เพราะโดยส่วนตัวผม เคารพ และเห็นว่า ศาสนาอิสลามนั้นเป็นศานนาที่ดี และ มีเหตุมีผล
    ด้วยความเคารพ ขอความกระจ่างตรงส่วนนี้ด้วยครับ
     
  3. dabdulla

    dabdulla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +92
    สวัสดีครับ คุณ Tawitin

    ยินดีตอบคำถามครับ เพราะคำถามที่คุณ Tawitin ถามนั้น ผมเคยได้ยินบ่อยมากๆครับ อีกอันนึงก็เช่นมีคนกล่าวว่า ที่พุทธไม่มีเหลืออยู่ในอินเดีย ก็เพราะอิสลามเข้ามา แล้วเข่นฆ่าชาวพุทธ ซึ่งไม่จริงแต่อย่างใด แล้วยังสร้างความแตกแยกอีกด้วย

    ก่อนที่ผมจะตอบสิ่งที่อยู่ในคัมภีร์ของเรา ในแบบฉบับของนบีของเรานั้น ผมจะพูดถึงความจริงก่อน เพราะความจริงเป็นสิ่งมองเห็น และพิสูจน์ได้

    1) อิสลามไม่ได้เกิดขึ้นจากนบีมูฮำหมัดนะครับ ใครที่เคยเข้าใจแบบนี้คือผิด
    อิสลามถูกเผยแพร่มาตั้งแต่มนุษย์คนแรกของโลก คือนบีอาดัม เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ทั้งหมด ดังนั้นคุณกับผมไม่ใช่คนใกล เรามีบรรพบุรุษเดียวกัน พี่น้องกัน แล้วถ้าเข่นฆ่ากันเอง มันจะเป็นหลักการอิสลามได้อย่างไร

    2) นบีมูฮำหมัดมายังกลุ่มชนอาหรับและทำให้คาบสมุทรอาหรับทั้งหมดเป็นอิสลามในเวลายี่สิบสามปี ถ้าเกิดจากหอกหรือดาบ จะทำได้อย่างไร
    แม้แต่ผมเองก็จะไม่เป็นอิสลาม ถ้าหากมันป่าเถื่อนขนาดคนอื่นก็ฆ่าได้

    3) ประชาชาติอิสลามในยุคนบีมูฮำหมัด เอาอิสลามไปยังแอฟริกา ยุโรป เอเซีย ตั้งแต่ร้อยปีแรก อิสลามเข้ารับราชการเป็นทหารตั้งแต่กรุงสุโขทัย คนไทยบางคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำ อาหรับมาไทยก่อนที่โปรตุเกสจะมาซะอีก มีหนำซ้ำคนที่สอนยุโรปให้เดินเรือ คืออาหรับครับ
    เราไปฆ่าคนอื่นๆนั้น ใครบ้างที่อยากจะมาเป็น ถ้าผมไม่ใช่มุสลิมแล้วได้ยินเรื่องที่คุณ tawatin ถาม จะจริงไม่จริงผมทราบ แต่ผมเกลียดอิสลามก่อนเลย
    แล้วนับประสาอะไรถ้าสิ่งนั้นเป็นความจริง อิสลามจะไปทั่วโลกได้อย่างไร

    4) หลักการอิสลามนั้นคือความเมตตา มูฮำหมัดแปลว่าเมตตา ดังนั้นอัลลอฮจึงได้กล่าวว่า พระองค์ไม่ได้ส่งมูฮำหมัดมาเพื่ออื่นใดนอกจากความเมตตาแก่โลกทั้งผอง

    5) เลือดและเนื้อของผู้ที่ไม่ใช่อิสลาม เป็นสิ่งต้องห้ามเช่นเดียวกับเลือดและเนื้อของมุสลิม คนอิสลามที่ฆ่าคนที่ไม่ใช่อิสลามนั้นโทษคือประหารชีวิต เช่นเดียวกับฆ่าคนอิสลาม

    สรุป
    คนอิสลามและคนที่ไม่ใช่อิสลามนั้น บนโลกนี้เราไม่แตกต่างกัน จน หิว อิ่ม ร่ำรวยได้เหมือนกัน ไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน มิหนำซ้ำหากถูกอธรรมจากผู้มีอำนาจ แม้จะไม่ใช่อิสลาม ก็ต้องลุกขึ้นต่อสู้กับพวกเขา

    อิสลามนั้น เรารบก็เพื่อทำให้สัจธรรมของพระผู้เป็นเจ้าสูงส่งขึ้นเท่านั้น
    การกดขี่ข่มเหง ถือเป็นหนึ่งของการทำลายสัจธรรมของพระองค์ครับ
     
  4. ยีราฟ

    ยีราฟ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ :d
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สวัสดี dabdulla

    หลักเกณฑ์ ทั้งหลาย ที่ dabdulla กล่าวมานั้น ไม่มีอะไรพิสูจน์เลย นอกจากความเชื่อเท่านั้น เรื่อง ญิณ ต่างๆ นั้น เป็นเพียงการ คาดเดา และ สร้างหลักเกณฑ์ขึ้นมาเอง ว่า ญิณจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้
    ร้อยคน เห็นไม่เหมือนกัน ร้อยคน

    แต่ พุทธศาสนา นั้นกล่าว ว่า หลักเกณฑ์ใดๆ จะยอมรับว่า จริงนั้น จะต้อง เป็นจริงเหนือกาลเวลา เรียกว่า อกาลิโก และ จะต้องเป็น ปัจจัตตัง คือ รู้ได้ด้วยตนเอง เพราะศาสนาพุทธ เป็นศาสนาของผู้รู้จริง ทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเชื่อตาม แต่บอกวิธีให้ทุกคนได้พิสูจน์ด้วยตนเอง รู้เอง เห็นเอง
    และ สิ่งที่เห็นนั้น จะเป็น อกาลิโก เหมือนกันทุกคน พระพุทธองค์ แสดง พยาน ถึง 8 ระดับ
    โดยกล่าวว่า หากผู้ใด ปฏิบัติธรรม ตามทางที่เราสอน จะมีคุณสมบัติเป็น บุคคล 8 ระดับ คือ โสดาบัน 2 ระดับ สกิทาคามี 2 ระดับ อนาคามี 2 ระดับ และ อรหันต์ 2 ระดับ
    ทุกคนที่ก้าวขึ้นสู่การเป็น พยาน บุคคล ในพระพุทธศาสนา จะพูดประสบการณ์ที่ตนรับรู้ ดุจดังคนๆเดียวกัน นั่นแสดงว่า สิ่งที่พระศาสดาทรงพูดนั้น เป็นจริง เสมอ ไม่คลาดเคลื่อน พระพุทธเจ้ารู้อะไร ผู้ปฏิบัติตามรุ้ได้เหมือนกัน

    แต่ เท่าที่ทราบมานั้น ศาสนา อิสลาม นั้นไม่มีพยานบุคคล และ หลักธรรมที่ทุกคนรับรู้ได้ คือ ความเชื่อเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรรับประกันในความถูกต้องในหลักการ

    ลองพิจารณาดู
     
  6. Tawitin

    Tawitin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +6
    ขอบคุณครับ ตอบได้กระจ่างมากครับ
    แต่ค่อนข้างติดใจตรงที่คุณ dabdulla บอกว่า "เรารบก็เพื่อทำให้สัจธรรมของพระผู้เป็นเจ้าสูงส่งขึ้น " อยากให้อธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ

    ทั้งนี้ขออนุญาตสอบถามเพิ่มเติม ในทางพุทธเราเชื่อเรื่องของกฏแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด ทั้งสิ้นปวงล้วนเป็นทุกข์ เราพยายามที่จะหลุดพ้นจากทุกข์นี้ด้วยนิพพาน
    ในอิสลามนั้น มีความเชื่อในเรื่องของกฏแห่งกรรมว่าอย่างไร และ ในศาสนาอิสลามมีคำที่คล้ายๆกับคำว่านิพพาน ในพุทธศาสนามั๊ยครับ

    อีกหนึ่งเรื่องคือตามที่ผมได้อ่านกระทู้ของคุณ dabdulla ผมเข้าใจว่า หากว่ามนุษย์เราสิ้นลมลงไปแล้ว เป็นการพักผ่อนอย่างยาวนาน เพื่อรอการตัดสินในวันพิพากษา ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เกิดมาเพื่อที่จะทำความดีหรือความชั่วเพิ่มได้อีก หมายความว่าคนที่ทำผิดหรือทำชั่วก็ไม่มีโอกาสแก้ตัวได้ในภพชาติต่อไป ต้องรอการลงโทษในวันพิภากษาอย่างเดียว ผมเข้ใจถูกต้องไหมครับ แล้วถ้าหากผู้ที่กระทำผิดต้องการไถ่บาปเมื่อสิ้นลมไปแล้ว สามารถทำได้หรือไม่ครับ
    ขออนุญาตแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ
     
  7. shaman loseless

    shaman loseless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +185
    ศีล สมาธิ ปัญญา

    มีสติ ทำอะไรคิดอะไร ต้อง ใช้เหตุและผล

    จงอย่าเชื่อในสิ่งที่คนอื่นรู้เห็นมา อย่าเชื่อในทุกๆสิ่งที่คนอื่นบอกมา

    จนกว่าตัวเองจะพิสูจน์แล้วว่า สิ่งนั้น เป็นจริง ตามเหตุและผล

    ไม่ใช่แค่อุปทาน หรือเกิดจากศรัทธาเท่านั้น

    ปฏิบัติก่อน ทำให้แจ้ง ทำให้สว่าง ทำให้ทะลุ

    แล้วจงเชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นจริงตามนั้น

    สาธุ
     
  8. shaman loseless

    shaman loseless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +185
    คนนับถือพุทธนั้น มีหลายระดับ
    แบ่งตามการละการตัดและสภาวะจิต

    แต่หลักสำคัญ ขั้นต้นก็คือ

    การรักษาศีล 5 คนที่จะรักษาศีลให้ได้นั้น
    จำเป็นต้องมีอิทธิบาท 4 ประกอบไปด้วย
    ถึงจะรักษาศีลไม่ให้ขาด เราต้องเข้าใจในศีล

    ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น สงครามก็จะไม่เกิดขึ้น
    วุ่นวายนะโลกเราวุ่นวายมากในตอนนี้
    เพราะทุกคนต่างไม่ยอมกัน ไม่ถือศีลเป็นสิ่งสำคัญ
    แต่ดันหลงไปถือยศและศักดิ์ศรีเป็นใหญ่

    วุ่นวายนะโลกวุ่นวาย
     
  9. dabdulla

    dabdulla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +92
    สวัสดีคุณขันธ์ครับ
    ขอตอบเรื่องที่กล่าวว่า เรื่องของญินเป็นความเชื่อของอิสลามนั้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องนะครับ ส่วนที่บอกว่าไม่มีอะไรมาพิสูจน์นั้น อันนี้ผมได้อธิบายมาเรื่อยๆแล้ว ซึ่งสามารถตอบได้ทุกสภาพที่เราเชื่อกันอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งผมยังมีอายะห์กุรซีย์ให้ไปลองอ่านด้วยครับ

    ส่วนในเรื่องพยานบุคคลนั้น ในการสืบถึงต้นตอจนถึงท่านนบีมูฮำหมัดนั้น ที่กล่าวว่าไม่มีพยานบุคคลนั้น อันนี้ไม่จริงนะครับ ผมไม่สามารถอธิบายในนี้ได้ หากสนใจให้ศึกษาจากเวปศาสนาอิสลามจริงๆเลยนะครับ

    การต่อสู้เพื่อให้สัจธรรมของพระผู้เป็นเจ้าสูงส่งขึ้นนั้น หมายความว่าสิ่งใดก็ตามที่เป็นสัจธรรมนั่นคือศาสนาอิสลาม

    การอยู่ร่วมกันอย่างสันติคือสัจธรรมในอิสลาม ถ้าหากท่านถูกขูดรีด ถูกโก่งราคา ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้มีอำนาจ ท่านต้องลุกขึ้นต่อสู้ และการต่อสู้ก็มีหลายรูปแบบ การประท้วง การแจ้งความ การรบ เป็นวิธีการต่อสู้ทั้งสิ้น อิสลามไม่ได้รบเพื่อแพ้หรือชนะ แต่รบเพื่อให้ได้มาซึ่งสัจธรรมเท่านั้นครับ ขอให้ผมได้เป็นหนึ่งจากบรรดาผู้ที่ได้รับความโปรดปรานก่อนหน้าแล้ว อามีน

    แม้แต่ประเทศไทยของเราเอง ซึ่งมีศานาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เราก็ยังต้องมีทหารหาญไว้ปกป้องผืนแผ่นดินไทย ซึ่งเราเองก็ไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายบนแผ่นดินไทยเช่นกันครับ และการต่อสู้แบบนี้แหล่ะ ที่เรียกว่าการต่อสู้เพื่อได้มาซึ่งสัจธรรม
     
  10. dabdulla

    dabdulla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +92
    ขอเสริมนิดนึงครับ

    อิสลามมีความเชื่อว่าเรามีชีวิตชาติเดียวนั้น อันนี้จริงครับ
    ในอัลกุรอ่าน อัลลอฮก็ได้พูดถึงบรรดาคนเลวเอาไว้ว่า ถึงแม้จะให้พวกเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง พวกเขาก็จะยังเป็นเช่นเดิม ดังนั้นจะมาอยู่ใหม่นั้นไม่ใช่ความยากสำหรับพระองค์ในการเตรียมโลกให้แก่พวกเขา แต่บรรดาผู้กระทำความชั่วนั้น แม้จะกลับมามีชีวิตกี่ครั้ง พวกเขาก็จะไม่เปลี่ยนแปลง

    ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นหลักการของอิสลามนะครับ ความเชื่อเป็นสิ่งที่ไม่ของแตะต้อง จะขอเพียงชี้แจงเพียงเท่านั้น
     
  11. dabdulla

    dabdulla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +92
    ต้องขอเสริมจากคุณขันธ์อีกนิ้ดครับ เกี่ยวกับเรื่องรายงานพยานบุคคล
    หากสนใจ ขอให้ลองศึกษาในเรื่องวิชาฮะดิษ เรื่องมาตรฐานในการรายงาน วัจนะของท่านนบีมูฮำหมัด ซล

    ส่งที่อยากจะบอกก็คือว่า ภายหลังจากที่อิสลามได้กระจายมาถึงรัสเซียแล้ว คนที่วางมาตรการอันน่าทึ่งในการคัดกรองการรายงานฮะดิษ ความน่าเชื่อถือนั้น หนึ่งในนั้นคือมุสลิมที่เป็นรัสเซียในปัจจุบัน

    ตัวอย่างฮะดิษที่มีความถูกต้องก็เช่น การรายงานจากบุคคลหนึ่งถึงบุคคลหนึ่งจะต้องต่อเนื่องไปจนถึงท่านนบีมูฮำหมัด และในผู้รายงานนั้นต้องไม่มีใครถูกตำหนิในเรื่องของความจำ ความน่าเชื่อถือ

    ท่านอีหม่ามบุคอรี เดินทางมาเพื่อจะรับฟังการรายงานฮะดิษที่สืบถึงท่านนบี แต่เมื่อท่านได้มาพบชายคนหนึ่งที่ได้จดจำสิ่งนั้น ท่านบุคอรีได้เห็นชายผู้นั้นกำลังหลอกม้าว่าในมือของเขามีหญ้า เพื่อต้องการให้ม้าเดินมาหา

    อีหม่ามบุคอรี เมื่อได้เห็นดังนั้น ท่านเดินทางกลับทันที โดยไม่สนใจการรายงานของเขา เพราะขนาดม้าที่ได้กลิ่นหญ้ายังหลอกได้ นับประสาอะไรกับคนที่จะไม่หลอก
     
  12. Tawitin

    Tawitin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +6
    ขอบคุณที่แลกเปลี่ยนความรู้
    แต่ยังขาดเรื่องกฏแห่งกรรมอีกเรื่องนึงครับ
    ขออนุญาติทราบ เป็นวิทยาทาน
     
  13. salieaf

    salieaf Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +38
    ก่อนอื่นเลยขอขอบคุณกระทู้นี้มากครับ เพราะผมเองกำลังประสบปัญหากับตัวเองเรื่องนี้พอดีครับ คือเริ่มปฎิบัติ นั่งสมาธิ นั่งไปนั่งมา สงบปุ้บ ด่าพระปั้บ เป็นบ่อยๆ ด่าในใจต่อหน้าก็มีี คราวนี้เครียดครับ ปรึกษาหลวงพ่อรูปหนึ่งท่านแนะทางไว้ว่า ผมอาจจะเป็นคนที่อดีตชาตไม่ได้อยู่ศาสนาพุทธมาก่อน งานเข้าสิครับ นั่งย้อนไปตอนอายุ 3 ขวบ เห็นอะไรที่เป็นแขก นี่ไม่ได้เลบย อยากเรียนภาษาอาหรับ เห็นคนอาหรับแล้วชอบ สวยหล่อทุกคน อยากไปอยู่ทางใต้ ที่สำคัญ มุสลิม เค้าจะสุนัด ผมก็ไปทำซะ แบบว่าอยากทำโดยไม่มีเหตุผล วันก่อน นั่งเอาบัตรประชาชนมาดู เห็นศาสนาในบัตร ยังคิดว่าเอ ถ้าเปลี่ยนเป็นอิสลามก็คงจะดีนะ คิดขึ้นมาได้ 50 เปอร์เซ็นต์เชื่อเลย คราวนี้ไปนั่งสมาธิต่อที่วัด งานเข้าสิปรากฎว่าเห็นตัวเอง ในรูปของบุคคล คนหนึ่งเหมือนจะเป็นกาลิป ที่กำลังนั่งโต๊ะ เขียนหนังสือ คล้ายๆ บัลลังพิพากษาอะไรสักอย่าง ข้างหลังเป็นธงผืนใหญ่สีเขียว มีภาษาอาหรับสีทอง ( สัญลักษณ์ที่เจ้าของประทู้เอามาเป็นภาพแทนตัวเองน่ะ) สวยมาก ซึ่งผมไม่กล้าถามในบอร์ดนี้เพราะกลัว คนบางกลุ่มไม่ยอมรับ ครับ ส่วนตัวผมเอง มีความเห็นส่วนตัวนิดนึงครับ เรื่องศัพท์ เช่น ไซตอน อาจจะมาจากรากศัพท์คล้ายๆ กันว่าซาตาน หรือ มารในภาษาไทยน่าจะเกี่ยวข้องกันนะครับ ส่วนญิณ อาจจะแปลลว่าวิญาณ ที่เราคุ้นเคยหรือปล่าว ไม่รู้จะถูกไหมนะ อันนี้เป็นความเห็นเรื่องภาษานะครับ ไม่ได้เอาความรู้ด้ายศาสนามาเกี่ยวพันด้วยประการใด เพราะผมเองนั้นก็มีความรู้ด้านพุทธ ไม่แจ่มแจ้ง ด้านอิสลามก็ไม่แจ่มแจ้ง ครับ
     
  14. paura

    paura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +251
    อะหะ เรื่องอดีตชาตินอกจากพุทธแล้วไม่มีนะครับ....อิอิ

    จิตลบหลู่...นั้นเป็นทุกคนครับ ช่วยง่ายๆก็คิดสะว่าไอ้ตัวคิดตอนนั้นมันไม่ใช่เรามันคือมารผจน เพราะเราก็ยังมีอีกจิตที่รับรู้ว่าผิดนะ ไม่ดีนะ ก็เพราะเรามีรูป..ต่างๆให้เห็นไงครับเราเลยคิดลบหลู่ได้ง่าย

    ขลิบ ผมก็โดนไปตั้งกะแรกเกิดโน่น>,.<

    *****

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=MwpJaDHxgdc"]YouTube - ฉากเด็ด ประวัติศาสตร์นบีมุฮัมมัด 6[/ame]


    การเข้ามาของอิสลาม ช่วงนั้นยังเป็นเมโสโปเตเมี่ยน ศาสนาโซโลอาสเตอกันอยู่ ที่นับถือดาวนิบารุ... อิสลามเข้ามาล้มล้างรูปเคารพดั้งเดมทั้งหมดนั่นเอง...

    แดปดุลลอ ครับ
    กล่องดำๆนั่น เป็นที่ๆนบีมูฮัมหมัดปีนขึ้นไปประกาศศาสนาเหรอครับ แล้วก่อนหน้าเค้าสร้างไว้ทำอะไรกัน
     
  15. dabdulla

    dabdulla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +92
    ผมขออนุญาติไล่ตอบภายในกระทู้เดียวเลยนะครับ

    1) เรื่องกฎแห่งกรรมในอิสลามมีหรือไม่

    อิสลามมีกฎแห่งกรรมเช่นเดียวกันครับ แต่ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า กฎนี้ไม่เป็นในลักษณะของการวนเวียนไปมาแล้วเราต้องพยายามลบมัน เพราะการเกิดวนเวียนไปมานั้น มีแต่จะสร้างบาปมากขึ้นเรื่อยๆ ไปพร้อมๆก้บการสร้างความดี

    อัลลอฮ เป็นผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมา และมนุษย์อยู่บนความอ่อนแอ หลงลืม พลั้งเผลอ ดังนั้นมนุษย์ที่ดีในความหมายของพระผู้เป็นเจ้า ก็คือบุคคลที่สำนึกผิด ในสิ่งที่ทำลงไป พร้อมกับละทิ้งและเสียใจ อัลลอฮจะทรงลบบาปให้ทั้งหมดแม้มันจะมากเพียงใดก็ตาม ดังนั้นการเข้าสวรรค์ในอิสลามนั้นถือว่าง่าย

    คำว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนั้น ในอิสลามก็มีครับ นั่นคือการให้อภัย ผู้ใดก็ตามที่ให้อภัยในความผิดของผู้อื่น เขาก็จะได้รับการอภัยจากพระผู้เป็นเจ้าในบาปของเขา

    โดยหลักการแล้ว มนุษย์ที่ดีและมนุษย์ที่เลวในอิสลามนั้น ต่อให้พวกเขาถูกส่งกลับลงมามีชีวิตบนโลกอีกกี่ครั้ง เมื่อพระผู้เป็นเจ้านำเขากลับไป เขาจะเป็นคนในลักษณะเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ไอ้ที่หลงระเริงกับความไม่ดีนั้นไม่ว่าจะกลับมาอีกกี่ทีก็คงเดิม

    ระบบแห่งการบันทึกความดีและความชั่วนั้น อิสลามมีระบบชัดเจนแล้วรัดกุมมากๆ แม้พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเห็นการกระทำทั้งหมดของมนุษย์ก็ตาม
    แต่มนุษย์ทุกคนจะมีผู้บันทึกความดีความชั่วของเขา อยู่ด้านซ้ายและขวา
    บันทึกแห่งความดีความชั่วนี้ จะปรากฎและส่งมอบแก่เจ้าของ คือมนุษย์แต่ละคนในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ
    อัลลอฮ ได้เล่าสภาพการณ์ในวันนั้นว่า บรรดาผู้กระทำความผิดนั้นเมื่อได้รับบันทึกของพวกเขา พวกเขารู้สึกประหวั่นและอุทานออกมาว่า มันเป็นบันทึกที่ละเอียดอะไรเช่นนี้ วันนี้หากตัวของฉันเป็นฝุ่น หรือดินที่ไร้ค่าก็คงจะดี

    มีคนเคยถามผมว่า ทำไมเราต้องเชื่อว่ามีพระเจ้า ในเมื่อเราสามารถอธิบายสิ่งต่างๆมากมาย ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ผมขอตอบว่าอิสลามนั้นเชื่อในการมีพระเจ้า เพราะเราเชื่อว่ามีผู้วางระบบมันไว้ ดังนั้นทุกครั้งที่เราทดลองในเรื่องเดิมๆ ไม่ว่าจะกี่ครั้งเราจะได้ผลเหมือนเดิมทุกๆครั้ง ระบบนี้ย่อมต้องมีผู้ที่สร้าง

    อดัม ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกของโลกนั้น ก่อนถูกส่งลงมายังโลกนั้น ก็ได้ถูกสอน ซึ่งนามต่างๆ และสรรพคุณของมันก่อนจะถูกส่งลงมา ดังนั้นการที่มนุษย์สามารถอธิบายสิ่งต่างๆได้ นั่นก็เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เปิดให้มนุษย์ได้รู้

    โลกแห่งวิญญาณ ที่เป็นที่เก็บรักษาวิญญาณของมนุษย์หลังจากที่ตายไปแล้วนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกเปิดเผย และอัลลอฮไม่ทรงบอกแก่ผู้ใด ดังนั้นสิ่งนี้ต่อให้ระดมนักวิทยาศาสตร์ทั้งโลกมาค้นหาก็จะไม่พบมัน
    อัลลอฮบอกให้มนุษย์และญิณออกไปนอกโลก ตั้งแต่เมื่อพันสี่ร้อยปีที่แล้ว ที่มนุษย์ยังขี่อูฐ นั่นแสดงให้เห็นว่ามนุษย์เก่ง ไม่ได้หมายความว่าไม่มีพระเจ้า หากแต่ว่ามันเป็นกรอบเล็กๆ ที่ให้มนุษย์ได้รู้ ซึ่งก็แค่หนึ่งเม็ดทราย จากความรู้ทั้งหมด ณ ที่พระองค์
     
  16. dabdulla

    dabdulla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +92
    1) รูปปั้นของชาวอาหรับก่อนการมาของอิสลาม

    อาจจะไม่มีใครทราบก็ได้ว่า อาหรับในยุคก่อนหน้าการมาอิสลามนั้นมีรูปปั้น จำนวนมากถึง สามร้อยกว่าองค์ และเป็นองค์ที่สำคัญ

    การบูชารูปปั้นของอาหรับนั้น หนักหน่วงและเลยเถิดมากๆ พวกเขากล้าแม้แต่จะเชือดลูกของตัวเองเพื่อเซ่นไหว้

    จุดเริ่มต้นของอาหรับในการเคารพรูปปั้นนั้นมาจากความต้องการที่จะปั้นเพื่อรำลึกถึงคนดีในอดีตเช่น ลาต มะนาต และอุซซา ซึ่งเป็นคนดีที่เป็นบรรพบุรุษของเขา แต่พวกเขาก็เลยเถิดมาเรื่อยๆ จนกระทั้งเริ่มกราบไหว้มันในที่สุด จนกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากกว่าแค่การรำลึกไปแล้ว ตัวอย่างแบบนี้ไม่ได้มีในอาหรับอย่างเดียว แต่เป็นทุกชนชาติที่มีรูปปั้น แรกๆก็ใช้เป็นเครื่องรำลึก หลังๆก็เริ่มมีอภินิหาร เริ่มขอความคุ้มครองจากรูปปั้น ดังนั้นรูปปั้นกับการงมงายคือสิ่งที่แยกไม่ออก แม้เราจะนิยามให้ดูดียังงัยก็ตาม

    2) กล่องดำๆที่มักกะห์นั้นคืออะไร

    กล่องดำๆ นั้นคือชุมทิศของ มนุษย์และญิณในการที่จะหันการกราบไหว้ไปสู่พระผู้เป็นเจ้า กล่องดำๆนี้ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด ถูกสร้างจากอิฐธรรมดา กล่องดำๆนี้ เรียกว่าบัยตุลลอฮ เป็นชุมทิศของมนุษย์และญิณ เช่นเดียวกันกับ บัยตุลมะหมูด ที่เป็นของมลาอิกะห์ซึ่งอยู่บนชั้นฟ้า มนุษย์ไม่เห็นมัน
    มันไม่ได้มีค่าแต่อย่างใด แต่เป็นเสมือนหลักที่ให้บรรดาผู้ศรัทธาหันหน้าไปเพื่อการกราบไหว้

    บัยตุลลอฮ คืออาคารหลังแรกของโลก ภายหลังจากโลกได้ถูกสร้างขึ้น บัยตุลลอฮก็ได้ถูกสร้างเพื่อเป็นชุมทิศของชาวดิน (มนุษย์) และชาวไฟ (ญิน)

    ทุกๆแผ่นดินนั้น จะมีผู้ปกครอง และผู้ปกครองบัยตุลลอฮคือ อัลลอฮ
    ไม่มีใครทำลายสถานที่นี้ได้ กองทัพอับรอฮะห์เคยเดินทางมาเพื่อจะทำลายวิหารกะบะห์ แต่กองทัพอับรอฮะห์ตายทั้งกองทัพ
     
  17. DevaIsis

    DevaIsis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,005
    ค่าพลัง:
    +4,600
    ตา ขัน กะละมัง เข้ามา ทำให้ ตัวเองอับอายอีกแล้ว เอารูปพระเกจิออกเถิด

    ส่วน สถานที่ ที่หาไม่เจอ ของคุณ ขัน กะละมัง ก็เพราะด้วยเหตุนี้แหละ

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ขันธ์<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4390014", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2006
    สถานที่: หาไม่เจอว่าอยู่ตรงไหน
    ข้อความ: 7,780
    พลังการให้คะแนน: 1422
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2011
  18. shaman loseless

    shaman loseless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +185
    มีณาน ก็จะรู้กันเองว่า อะไรคืออะไร ผมบอกไม่ได้ว่า
    สิ่งที่เห็นสิ่งที่ได้รู้มาจากที่พวกคุณถกกันมันเป็นอย่างไร
    เอาเป็นว่าพวกคุณมีตาทิพย์หูทิพย์มองเห็นได้ยินพวกเขาสื่อสาร
    สามารถพูดกับพวกเขาได้แบบพุทธแล้ว จะรู้คำตอบจากสิ่งที่พวกคุณกำลังพูดถึงอยู่นี้
    เพราะไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวพวกเขา ถ้าจะให้ผมบอกว่าผมรู้อะไร บอกไปเดียวก็หาว่าไม่จริง
    เอาเป็นว่า มีณานแล้วไปสัมผัสด้วยตัวเองเถอะน่ะ ทุกท่าน

    ชัดเจนแน่นอน สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าตัวเองได้สัมผัสเอง
    แบบว่าคนนั้นคนนี้พูด มันจริงไม่จริงเราไม่รู้ ง่ายๆ หาทางไปพูดกับพวกเขาดูเลย
    จริงไหมละครับ ดีกว่ามาถกกันด้วยสิ่งที่คนอื่นรู้มา จริงไม่จริง? เราต้องสัมผัสเอง

    ชัดเจนแน่นอน!!!!

    เรื่องศาสนาอื่น ความเชื่อของคนเราห้ามกันไม่ได้ แต่ถ้าจะให้พูดถึงสิ่งที่เป็นจริง
    ต้องสัมผัสเอง

     
  19. dabdulla

    dabdulla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +92
    ขอบคุณทุกๆท่านครับ ที่ได้ร่วมกันสนทนา
    ถ้าหมดคำถามในเรื่องของญินแล้ว ผมก็จะขออนุญาตจบการอธิบายเรื่องนี้เท่านี้นะครับ

    ความเชื่อนั้นเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล ไม่มีใครจะทำลายความเชื่อของใครได้ จนกว่าผู้นั้นจะมาเชื่อเอง

    สัจธรรมนั้น ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ใหนก็ตาม แสงของมันจะปรากฎ เราสามารถพิจารณาในขณะที่เรามีสติเต็มร้อย
     
  20. ไห่เบ้หยิง

    ไห่เบ้หยิง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +89
    แล้วถ้าเบลเซบลัฟบอกว่าจะปล่อยไป ยินจะกล้าหืออีกไหม
     

แชร์หน้านี้

Loading...