พระเครื่องดูดพลังกันยังไง

ทำไมต้องไป ทำไมต้องจาก ทำไมต้องพบ และทำไมต้องพลัดพราก

หากหนทางยังยาวไกล ไฉนท่านผู้เจริญถึงท้อแท้ แล สิ้นหวัง ดั่งนี้...

สู้ต่อไปสิ หนทางข้างหน้า แม้ยังเดินไม่ถึง แต่ใจเราถึงแล้ว นี่คือชะตา

 

การแผ่บุญ แผ่เมตตาให้คนอื่น
การกรวดน้ำให้คนอื่น นั้น
เป็นจริงเสมอ ถ้าไม่จริง คนคงไม่เข้าวัดกันแล้ว
นานมาแล้วมากกว่าสองพันปี

คนที่มีจิตดี จิตเป็นหนึ่ง
เบื้องบน ย่อมพิจารณาและให้อภิญญาพิเศษ
ที่เชื่อว่าจะไม่ให้โทษแก่ผู้อื่น
เขาจะมีพรสวรรค์พิเศา
ที่คิดอะไรก็ได้ เสมือนมีแก้วสารพัดนึก
ไม่แขวนพระเครื่อง ก็เหมือยแขวน
เป็นไปตาม สำนวน โกวเล้งที่ว่า
"กระบี่อยู่ที่ใจ"

ดังนั้น ถ้าจะพูดว่า
"พระอยู่ที่ใจ"
ก็ไม่ต่างกัน

ผู้ที่มีพระอยู่ที่ใจ ย่อมมีอภิญญาพิเศษ
ดังนั้นอวยพรให้ใครมีความสุข
อวยพรให้ใครมีความโชคดี
ค้าขายดี ย่อมไม่เป็นเรื่องแปลก

ถ้าเรื่องนี้ ไม่จริง
ก็คงไม่ม่ใครไปไหว้ หลวงพ่อคูณ หรอกนะ
คนที่ว่า ไม่จริง ที่ว่า
ก็อาจจะไปไหว้หลวงพ่อคูณ มาแล้วโดยไม่รู้ตัว
จริงใหม?

 

.....อย่าเพิ่งหนีหายไปไหนเลยครับ ผมยังรอ"ดูด"ความรู้และประสบการณ์ของทุกๆท่านอยู่นะครับ ผมยังไม่เอาไหนยังต้องใช้กระบี่ บางทีก็ต้องแบกปืนใหญ่ไปด้วย จะได้อาศัยพวกท่านๆช่วยเปิดหูเปิดตาให้ผมบ้างครับ

 

จากประสบการณ์ที่พบเสมอ เรื่อง พระหมู่บูชา
ปกติเราจะเรียงกันเป้นชั้น จากบนลงล่าง
บางบ้านก็สาม ชั้น บางบ้านก็สี่ชั้น
ที่นิยม คือ เอาพระบูชาที่คิดว่า เด่นที่สุด สวยที่สุด
ศักดิ์สิทธิที่สุด วางไว้ตรงกลาง ชั้นบนสุด
และมักจะเป้น พระแก้วมรกต หรือ พระพุทธชินราช องค์ปฐม
พระพุทธโคดมปางตรัสรู้

ถัดมาแถวสอง ก็จัดเรียงๆ กันไป
ชั้นล่างสุด มักจะเป้น หลวงปู่โต พรหมรังสี
หลวงปู่ทวด แห่งวัดช้างไห้
สารพัดหลวงปู่ ตามแต่ศรัทราของเจ้าของบ้าน

มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
เวลาเรามองดูด้วยตาที่สาม เพื่อจะดูว่าองค์ไหน จะเรืองแสงสว่างมากที่สุด
เพื่อจะได้ดูว่า องค์ไหน ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
กลับเป้นพระบูชาที่อยู่เบื้องหน้าองค์ที่เราสมมุติว่าเป็นองค์ประธานทุกที
เหมือนเป็นองครักษ์หน้าบัลลังก์

ซึ่งก็เป้นไปตามความเห็นของ คุณ 12 ปันนา
ที่เขียนไว้ว่า พระท่านจะเก็บแสงและพลัง เมื่อไม่ได้มีหน้าที่ในขณะนั้น
ขอยอมรับว่า เป็นอย่างนั้นจริงๆ

แต่พระเครื่องแขวนคอที่พวกเราแขวนกัน
เป็นพระเครื่องที่สร้างโดยบรรดาเกจิอาจารย์ที่มีพลังจิต
อัดพลังลงไป ไม่เหมือนพระบูชาที่มีความศักดิสิทธิในตัวเอง

พลังจิตที่อัดลงไปในพระเครื่อง ของบรรดาเกจิ จึงเป้นการอีดพลัง
เหมือนเราอัดแบตเตอรี่
จึงมีวันหมด
มีวันถูกดูด
มีวันเสื่อม
พระเป็นเรื่องของพลังจิต
ไม่ใช่พุทธานุภาพที่อยู่เหนือโลก
นี่คือความคิดเห็นของผม
ครับ

 

ไม่มีใครถูกและไม่มีใครผิดหรอกครับ พระเครื่องทั่วไปก็มีคุณสมบัติอันจำกัด การเข้าถึงซึ่งแหล่งพลังนั้นก็ทำได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากอะไร
พระเครื่องบางรุ่นก็มีมวลสารพิเศษ มีวิธีการเก็บพลังไว้เป็นพิเศษ ต้องใช้เงื่อนไขพิเศษถึงจะเข้าถึงซึ่งแหล่งพลังนั้นๆ ในตัวเราเองก็เช่นกันมีพลังอยู่ในตัว เพียงแต่การเข้าถึงและการเรียกใช้ต่างหากที่ทำให้เกิดพลัง เราสร้างพลังจิตของตนได้ทุกวันแต่เราได้ทำแล้วหรือยัง (ละเว้นความชั่ว ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ผ่องใส)
ที่ท่านต่างๆยังคงต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกันเพราะมีเหตุครับ ส่วนใหญ่มักจะเกิดจาก
1. พรหมลิขิต (เงื่อนงำ) ของกรรมเก่าเกี่ยวเก่าที่เป็นกรรมสัมพันธ์กับผู้อื่น ซึ่งกลายเป็นเงื่อนชีวิตกับชีวิตเราในชาตินี้
2. บุพกรรม(เงื่อนไข) ได้แก่บุคคลที่ต้องมาพบกันสัมพันธ์กับเราอย่างมีเงื่อนไข
3. บุพเพสันนิวาส (เงื่อนชักกระตุก) ได้แก่บุคคลที่ต้องมาเป็นเนื้อคู่กันสัมพันธ์กับเราเพื่อให้ลงตัว
4.กฎแห่งกรรม (เงื่อนเวลา) หากยังไม่ถึงเวลา การแสดงออกของกรรมตามกฎแห่งกรรมก็จะรอคอยการแสดงออก ทั้งอำนาจบุญและบาปที่เคยได้กระทำมา
5. กงเกวียนกำเกวียน (เงื่อนธรรมดา) เจ้ากรรมนายเวรหรือบุคคลที่เราต้องชดใช้กรรมในลักษณะต่างๆ
6. อาญากรรมและรางวัลชีวิต (เงื่อนตาย) การเสวยกรรมหนักฝ่ายบุญเรียกว่าได้รับ รางวัลชีวิต แต่ การเสวยกรรมหนักฝ่ายบาปเรียกว่าโดน อาญากรรม
แต่พุทธศาสนาเราให้เรียนรู้ปฏิบัติกรรมฐาน เพื่อให้รู้เท่าทันกลไกกรรม และจะได้บริหารกรรม เพื่อให้ได้รางวัลชีวิตให้มากที่สุดและโดนอาญากรรมให้น้อยที่สุด หากเราปล่อยชีวิตเราให้เป็นไปตามยถากรรม ย่อมไม่เป็นผลดีกับชีวิตเราทั้งนี้เหตุอาจยุ่งยากเกี่ยวพันกับบริวารของเราได้อีกด้วย การปฏิบัติกรรมฐาน จะทำให้เราศึกษาให้รู้ถึงกลไกกรรม ให้รู้สัญญาในวิบากกรรม หรือ ชนกกรรมที่ส่งเรามาเกิด ย่อมมีส่วนแก้ไขปัญหาชีวิต เบี่ยงเบนกรรม ลดกรรม หรือจำกัดกรรมให้อยู่ในขอบเขตที่เราควบคุมได้ ทั้งนี้ต้องรู้เท่าทันตามความเป็นจริง
...............................................
ธรรมประยุกต์ทันยุคทันสมัย
โดย อ.ธวัช คณิกุล สหปฏิบัติ
รับฟังได้ทางวิทยุ AM 1089 จันทร์-ศุกร์ 11.00-12.00 น
AM 1233 เสาร์-อาทิตย์ 11.00-13.00 น
FM 89.5 วันเสาร์ 20.00-22.00 น

 

เมื่อก่อนผมเป็นคนไม่ดี แต่ตอนนี้ผมเลิกแล้ว ปฏิบัติตนรักษาศีล 5 มาได้เกือบปีแล้ว ก็ยังมีปัญหาเรื่องเงินตลอดไม่สามารถแก้ไขได้เลย ยิ่งแก้ยิ่งจม ไม่ทราบว่าคุณสามารถทำให้ผมได้รับโชคลาภเมื่อแก้ปัญหาด้านการเงินได้หรือไม่ แล้วอย่างร้านค้าซึ่งลูกค้าเข้าร้านน้อยมากจนจะอยู่ไม่ได้แล้วไม่ทราบคุณสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่ แต่ยังไงผมก็ยังคงทำความดีต่อไปถึงแม้จะยังไม่ได้รับการปลดทุกข์ ขอขอบพระคุณมากถ้าคุณสามารถช่วยเหลือได้

 

เมื่อก่อนผมเป็นคนไม่ดี แต่ตอนนี้ผมเลิกแล้ว ปฏิบัติตนรักษาศีล 5 มาได้เกือบปีแล้ว ก็ยังมีปัญหาเรื่องเงินตลอดไม่สามารถแก้ไขได้เลย ยิ่งแก้ยิ่งจม ไม่ทราบว่าคุณสามารถทำให้ผมได้รับโชคลาภเมื่อแก้ปัญหาด้านการเงินได้หรือไม่ แล้วอย่างร้านค้าซึ่งลูกค้าเข้าร้านน้อยมากจนจะอยู่ไม่ได้แล้วไม่ทราบคุณสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่ แต่ยังไงผมก็ยังคงทำความดีต่อไปถึงแม้จะยังไม่ได้รับการปลดทุกข์ ขอขอบพระคุณมากถ้าคุณสามารถช่วยเหลือได้

 

พระคำข้าวกับคาถาเงินล้านช่วยคุณได้แน่นอนครับ

 

เบื่อก็ไป หายเบื่อก็มาค่ะ

 

คาร์บอนในวันนี้จะเป็นเพชรเม็ดงามในวันข้างหน้า---แต่ถ้าเป็นเพชรแล้วแม้มัวหมองก็ย่อมชำระล้างได้ง่ายดาย..ท่าน12ปันนาก็เปรียบเหมือนเพชรเม็ดนั้น..ที่ถูกบดบังรัศมีเท่านั้นเอง....รอวันชะล้างก็เท่านั้น..เหอๆๆๆ

 

ก็มีบ้าง ที่เบื่อ

 

ถ้าถามว่ามีจริงมั้งครับ ผม ก็บอกว่ามีครับเพราะว่า ผมได้เจอ พระอาจารย์ รูปนั้น เหมือนกัน แล้วได้พระจากหลวงพ่อท่าน หลายองค์ แล้วให้สีผึ้งมาด้วยเอาทาหลังพระเครื่องด้วยนะ แต่ช่วงหลัง ไม่ค่อยได้ห้อยเท่าไหร่ ครับ

 

axzon47 อยากถามอาจารย์ตามที่สามว่า ทำมัยเวลาฝึกนั่งสมาธิ กำหนดตรงจักระที่6 แล้วจิตไม่ค่อยเป็นสมาธิเท่าไหร่ คือมักจะวอกแวกได้ง่าย แล้วบางทีมีภาพพุดขึ้นในสมองด้วยล่ะ แต่ถ้าไปกำหนดตรงจักระที่7 จะเป้นสมาธิง่ายกว่าแต่พอนานๆเข้ารู้หนักๆที่หัวล่ะครับ

รบกวนตอบด้วบครับ ตอนนี้กำลังฝึกนั่งสมาธิเพิ่งเร่มฝึกครับ
ขอบคุณน่ะครับ
เอ็กซอน

 

ผมไม่ได้เข้ามาดูเวบนาน
ลองผ่านมา ก็ต้อง ร้อง "อ๊าว"
เราเคยขึ้นกระทู้นี้ไว้ด้วยหรือ
ที่ไม่เห็น เพราะ มีคนขึ้นกระทู้มาก แค่วันสองวัน ก็หล่นหน้าไปแล้ว

มาเล่าต่อก็ได้
ทุกคนเข้าใจผิดหมด
ตรงที่ คิดว่า พลังในพระเครื่อง เป็นพระ
จะต้องมีการจัดลำดับ บารมีของพระ
องค์ใหญ่มา องค์เล็กก็ต้อง หลบไป แสงหายไป

ของที่แขวนกันในคอ ในความเข้าใจ
ทุกคนใช้คำว่า พระเครื่อง เพื่อให้เป็นที่เข้าใจ
พระบูชาที่เป็นปางต่างๆนั้น
เป็นพระที่มีพลัง พุทธบารมี

แต่อย่างอื่นเช่น รูปแกะรูปตัวเอง ของ เกจิอาจารย์
หลวงพ่อโน่น หลวงพ่อนี่ หลวงปู่นี่ ที่เห็นมีหลายร้อยแบบ
ไม่ใช่ รูปของ พระพุทธองค์

พระเครื่องที่มีรูปสังขารของพระสงฆ์
บางทีก็อัดพลังโดยใช้อำนาจจิต ของ พระที่ดังๆๆ
ที่เรียกว่า ทำ พิธีพุทธาภิเษก
ดังจะเห็นบางโฆษณาโชว์รูป พระดังทั่วประเทศ
มาร่วม ปลุกเสก เพื่อความขลัง กำหนดราคาเช่าไว้ตายตัว

อยากจะให้เรียกกันว่า วัตถุมงคล มากกว่า คำว่า "พระเครื่อง"
บางชิ้น บางชุด ปลุกเสก อัดพลัง โดยคนธรรมดา ที่ไม่ใช่พระก็มากมี
ที่บูธของผม มีบุคคลที่มีพลังจิตมาหา และขอให้ผมตรวจด้วยว่า
วัตถุมงคลที่เขาสร้างแล้วอัดพลังลงไป นั้น มีพลังใหม ?

บางคนก็นำผง ต่างๆๆมาให้ตรวจสอบว่า มี พุทธคุณ ทางใด
เวลาสร้างผสมแล้ว ในอัตราส่วน อย่างนั้นอย่างนี้ จะได้พลัง แบบใด
แคล้วคลาด หรือว่า เมตตา หรือว่า โชคลาภ ฯลฯ

บางคนก็นำวัตถุมงคล (สารพัดรูป) มาหา แล้วให้ช่วยดูว่า
ของชิ้นนี้ เมื่อสวด อัดพลังด้วยมนต์คาถานี้ พลังจะออกมาเป็นอย่างไร

บางคนอยู่ไกลมากๆๆ มาไม่ได้
ก็นำเอาสิ่งที่ผสมแล้วทำเป็นพระเครื่อง (วัตถุมงคล)
ใส่จดหมาย มีเลขกำกับ แล้วขอให้ตรวจว่า มีพลังแบบใด ?แรงมากใหม?
ผมเก็บไว้แยะ ที่ใส่ซอง ส่งมา
ใครอยากเห็นก็มาดูได้ ครับ

ซึ่งทั้งหมด ก็คือ ผู้คนในหลายรูปแบบ ที่มีพลังจิต ก็สามารถ อัดพลังจิตลงไปในวัตถุได้ เหมือนเราอัดแบตเตอรี่
ใครมีพลังจิตแรงมาก พลังก็จะแรง
พระที่ดังๆๆ เพราะมีเวลานั่งทำสมาธิ
นั่งทำจิตได้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป
จึงมีโอกาสที่จะมีพลังจิตแรงมากกว่าคนทั่วไป
จึงอัดพลังได้แรงมากกว่า ปกติ

พลังพระเครื่อง (วัตถุนิยม)
จึง อัด ได้
ย้ายจากชิ้นหนึ่ง ไปยังอีกชิ้นหนึ่งได้
ก๊อปปี้ แบบ ถ่าย สำเนาก็ได้
ที่บู๊ธ ผม เวลาใครมี (พระเครื่อง)วัตถุนิยม แรงๆๆ และดี มาให้ ตรวจ
ผู้คนที่อยู่โดยรอบ มักจะ ขอให้ อัดก๊อปปี้พลังใส่ของอื่น (พระเครื่องที่ไม่มีพลัง) เป็นประจำ

พลังพระเครื่อง ลบทิ้งก็ได้
ย้ายก็ได้ ก๊อปปี้ ก็ได้
ก็แปลว่า เสื่อมก็ได้
ที่เสื่อมได้ เพราะเป็นพลังจิตที่อัดลงไป เหมือนอัดแบตเตอรี่
และแบตเตอรี่ก็เสื่อมได้
ใครข้องใจเรื่องนี้ ว่า จะย้าย จะลบ จะก๊อปปี้ ได้
ให้มาที่บู๊ธ จะพิศูจน์ให้เห็นจะจะ
และทุกครั้งจะมีกลุ่มคนที่มาและสัมผัสพลังได้ จะ เป็นผู้บอกเอง
และถ้าเจ้าตัวมีพลังจิตอยู่บ้าง คนที่ จับพลังพระได้ ก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง

 

ที่บู๊ธเวลามีการทดสอบ พลังพระเครื่อง
ย้ายพระเครื่อง ก๊อปปี้พลังแจกคนโดยรอบ
หรือลบทิ้ง หรือที่ถูกดูดไป ก็เอามาคืนให้เหมือนเดิม
มีมากมายหลายคน
และทุกคนก็เข้าใจและเห็นจริง พิศูจน์ด้วยตัวเอง ว่า จริง

ที่มาจากเวป ก็หลายคน เท่าที่นึกได้
คุณ เม้า-ตา-อิน Mountain
คุณ Robert
คุณ Bajang ที่กำลังแจกพระเครื่อง (วัตถุนิยม ของ ครูบาคำเป็ง)
คุณ One of Jedi
คุณ โคมฉาย หรือ อีกนัยหนี่ง กาหลิบ
คุณ Medias หรือ เทพอัคคี
และอีกหลายสิบคน ที่ อ่านเวป แต่ไม่ได้ ลงทะเบียนเพื่อ ตอบกระทู้

อยากจะให้ คุณ 12 ปันนา มาที่บู๊ธที่ 052 บนสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
กำแพงเพชร ออกประตู หมายเลข 1
(ออกประ 2 และ 3 จะไม่พบ เพราะ คนละทาง)
ในวันเสาร์ หรือ อาทิตย์ ระหว่าง 9.00- 18.00 น
(มาช่วง 9.00-11.00 น จะดีที่สุด)
เพราะในวันและเวลาที่ว่า จะเป็นการชุมนุม พวก นิยมพระเครื่อง กลุ่มใหญ่
มาพิศูจน์ ด้วยตัวเอง เพราะ คุณ ใช้มือ จับพลังพระเครื่องได้

จะได้ หายข้องจิต เพราะมันจะค้างอยู่ในใจของคุณ ตลอดไป
มาลบออกดีกว่า จะได้โล่ง ถึง ชาติหน้า

ทุกคนยินดีต้อนรับคนที่มีพลังจิต ที่ จับพลังพระเครื่องได้
วงสมาชิก คนที่จับพลังพระเครื่องได้ อยู่ที่นี่ ครับ

และใครคนอื่นที่ จับพลังพระเครื่องได้ หรือ สงสัยว่า จะ จับได้ แต่ไม่แน่ใจ
ก็มาทดสอบตัวเองได้
มาทดลอง ตามที่สงสัย
จะได้แน่ใจในตัวเอง
ครับ

 

พอดีอ่านพบคำถามของคุณ axzon47
ขอตอบดังนี้
ปกติเวลานั่งสมาธิ จะต้องเริ่มจับที่ พื้นที่สามเหลี่ยมเล็กๆๆที่อยู่ใต้จมูก
เสียก่อนจะได้ผลที่เร็วที่สุด
ถ้าจิตยังวิ่งเมื่อจับที่สามเหลี่ยมนั้น
ก็ให้หาของแหลม มากด ตรงนั้น ทำให้รู้สึกเจ็บ
ความเจ็บ จะฝังใจ พอนั่งก็นึกว่า เจ็บ จิตก็จะอยู่ตรงนั้น
แล้วหายใจเข้าจมูก รูขวา ให้ออก รู ซ้าย
หรือจะกลับกันก็ได้
นั่งจนรู้สึกว่า ตรงนั้นแข็ง (ใช้เวลา นานประมาณ 50 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ โดยการสะสม ทุกวัน)
เมื่อแข็งก็ใช้จิตค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปที่ ตรงหน้าผาก หว่างตา ( ตาที่สาม)
ก็จะได้พลัง จิต และถ้าแรงพอ ตาที่สามก็จะเปิด มองอีกมิติของวิญญาณได้

จักระ 6 หรือ ตาที่สาม นั้น แรงมาก ไวมาก มีพลังมาก ควบคุมยาก
จึงต้องเลี่ยงไปทำที่ ใต้จมูกก่อน แล้วค่อยเลื่อนขึ้นมา

เมื่อเอาจิตไปจับที่ กลางกระหม่อม หรือ จักระ 7
เราจะมึน เพราะ พลัง จาก จักวาลจะลง มาเข้าที่จุดนั้น
มาลงมากๆๆ เราจะท้องเสีย
และ เมื่อปรับได้เราก็จะมีพลัง ในตัว สามารถ ใช้รักษา คนป่วยได้
นี่คือ การฝึก ของพวกที่เรียน พลังจักรวาล
ที่กำลัง แพร่หลายอยู่ในประเทศเราในขณะนี้
มีอยู่สองสาย คือ สาย เลืองมินดางห์ ของ พลเอกเกษม นภาสวัสดิ์
กับสายของ คุณ ย่า เยาวเรศ วัดเสมียนนารี

 

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ยังระลึกถึงข้าน้อย ตอนนี้ข้าน้อยกำลังคลั่งไคล้การฝึกไทเก็ก จึงไม่ค่อยมีเวลาแวะไปที่บู๊ทเลยครับ เอาไว้โอกาสอำนวยจะไปคารวะ เพื่อทดสอบว่าวิชา "หยิน-หยาง" ที่ได้รับการถ่ายทอดจากท่านครูบานั้น บรรลุถึงขั้นไหนแล้ว

คารวะท่านอาจารย์ หนึ่งจอก...น้ำชา

 

ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ใหม่ๆ

 

ในปีใหม่นี้ขอให้ทุกๆท่านมีดวงตาเห็นธรรม / ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งเห็นจริงแล้วนั้น ขอธรรมนั้นท่านทั้งหลายจงเห็นเช่นเดียวกัน