ขอเพิ่มคำเดียว “ภิกษุณีสงฆ์”

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 มกราคม 2011.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเพิ่มคำเดียว “ภิกษุณีสงฆ์”

    [​IMG]


    ทำไมต้องเพิ่ม “ภิกษุณีสงฆ์” หลายๆ คนอาจจะมีคำถามว่าจะเป็นได้อย่างไร

    เมื่อปลายเดือน ตุลาคมที่ผ่าน ได้มีการจัดโครงการเสวนาเวทีภาคประชาชน เรื่อง “ภิกษุณี” กับการเติมเต็มพุทธบริษัทสี่ จัดโดย คณะกรรมการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมภิบาล วุฒิสภา ร่วมกับมูลนิธิปริญญาโทบริหารรัฐกิจ ธรรมศาสตร์ ซึ่งอาจจะเป็นโจทย์สำคัญที่คนไทยน่าจะร่วมกันคิดและมีส่วนร่วมในการเติมเต็ม พุทธบริษัทสี่ให้กับสังคม
    ท่าน สว. ไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นหนึ่งในวิทยากรในเวทีในครั้งนั้น และถือเป็นครั้งแรกที่ สว. ได้รับทราบอุปสรรคของภิกษุณีในแง่กฎหมาย ท่านรับปากในที่ประชุมว่าจะต้องหาทางทำสิ่งที่ดีงามและถูกต้องให้ปรากฏ มีความคิดเห็นว่าในรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้ผู้หญิง ผู้ชาย หรือใครๆ ปฏิบัติความเชื่อในศาสนาของตนได้ๆ ไม่ผิดกฎหมาย แต่เพราะประเทศไทยยังไม่มีภิกษุณี ในเมื่อภิกษุณีไม่ผิดกฏหมายก็ต้องช่วยให้ผู้หญิงที่บวชเป็นภิกษุณีมีสถานภาพ ได้ตามกฏหมายเช่นกัน หากกฏหมายเป็นอุปสรรค ก็ต้องแก้ที่กฏหมาย เพราะ กฏหมายมีไว้เพื่อสนับสนุนให้คนดีทำดี และห้ามคนชั่ว มิให้ทำชั่ว

    ท่านพิจารณาในบริบทของพุทธศาสนา ได้รับการยืนยันว่า เจตนารมณ์ของพระพุทธเจ้าเป็นเช่นนั้น คือให้ผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีได้ ได้บวชมาแล้ว มีประวัติศาสตร์ทั้งยืนยัน และสนับสนุน

    โสำหรับบางคนที่ยังไปติดใจประเด็นว่า พระพุทธองค์ทรงลังเล ไม่ได้ให้บวชในตอนแรก ท่านสรุปให้เราเข้าใจชัดเจนว่า ท้ายที่สุด พระพุทธองค์ตัดสินพระทัยว่า อย่างไร เราจะยึดเอาตามนั้น พระพุทธองค์ตัดสินพระทัยแล้วให้ผู้หญิงบวชได้ เป็นอันยุติข้อถกเถียง

    มหาเถรสมาคมเอง ไม่รับภิกษุณีสงฆ์ เพราะมีคำสั่งของสมเด็จพระสังฆราช ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๑ ห้ามมิให้พระภิกษุบวชผู้หญิงเป็นภิกษุณี สิกขมานา สามเณรี นั้น ก็เป็นสิทธิของมหาเถรสมาคมที่เราพึงเคารพ
    แต่ก็เป็นสิทธิของผู้หญิงที่จะออกบวชตามพุทธานุญาตเช่นกัน และเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้ไว้

    เมื่อคิดตามนักกฏหมาย เราจะตัดประเด็นปลีกย่อยออกไปมาก และประเด็นของเราจะชัดคมมากขึ้น
    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่าน ในฐานะนักกฏหมายจึงเสนอช่องทางที่ เรียกว่า บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น เข้าไปเปิดดู พรบ.คณะสงฆ์ บันทัดแรก ที่นิยามว่า “คณะสงฆ์หมายถึงภิกษุสงฆ์ และคณะสงฆ์อื่น”

    ในคำว่า “คณะสงฆ์อื่น”นั้น อธิบายขยายความไว้ใน มาตรา ๕ ทวิ ว่าหมายถึง จีนนิกาย และอนัมนิกาย
    ท่านเสนอให้มีการเพิ่มเติมในมาตรา ๕ ทวิ นี้ เพียงคำว่า ภิกษุณีสงฆ์

    เท่านี้เอง ภิกษุณีสงฆ์ก็จะได้รับความคุ้มครองโดยกฏหมาย
    เป็นการเคารพเจตนารมณ์ของกฏหมาย ตามรัฐธรรมนูญที่ว่า ชาย หญิงมีเสรีภาพสามารถปฏิบัติตามความเชื่อในศาสนาของตนได้

    เป็นการเคารพพระพุทธานุญาต ที่ทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวชได้
    ไม่ก้าวล่วงสิทธิและหน้าที่ของมหาเถรสมาคม เพราะภิกษุณีสงฆ์ ที่จะเกิดขึ้นนี้จะอยู่ในฐานะเช่นเดียวกับคณะสงฆ์จีนนิกาย และอนัมนิกาย ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมหาเถรสมาคม แต่จะอยู่ภายใต้กฏกระทรวง และขึ้นตรงกับสมเด็จพระสังฆราชพระองค์เดียว
    ในการที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม เพียงต้องการลายเซ็นของผู้สนับสนุนความคิดเห็นนี้ ๑๐,๐๐๐ ชื่อ เพื่อเสนอเปลี่ยนแปลง พรบ. ดังกล่าวข้างต้น

    เป็นการเคารพพระพุทธานุญาต ที่ทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวชได้
    ท่านที่ต้องการลงชื่อสนับสนุนการขอแก้ไข พรบ.สงฆ์ ในครั้งนี้สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ ที่นี่ เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วน

    แล้วกรุณาส่ง แบบ ฟอร์มพร้อมสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านที่เซ็นรับรองแล้วมาที่

    มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง
    12/22 ถ.เทศบาลสงเคราะห์ แขวงลาดยาว
    เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900


    เราอยากรวบรวมรายชื่อให้ได้มากที่สุดภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้ มาร่วมสนับสนุนพระพุทธศาสนาให้มีพุทธบริษัทสี่ครบถ้วนด้วยกัน


    ขอเพิ่มคำเดียว “ภิกษุณีสงฆ์” | whaf


    .

    http://www.whaf.or.th/sites/default/...orm%282%29.pdf

    .
     
  2. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    จะมีหรือไม่มี ก็ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน
    ก็แค่นามสมมติจะยึดติดไปใยเล่า
     
  3. mancity04

    mancity04 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,346
    ผู้หญิงบวชได้ครับ ไปอ่านในพระไตรปิฎกได้ แต่ท่านแจ้งถึงอุปสรรคไว้แล้ว สุดท้ายก็ไม่เหลือภิกษุณีตามทำนาย แล้วบัญญัติที่พระองค์ท่านตั้งไว้สำหรับการบวชภิกษุณีนั้น ปัจจุบันไม่มีผู้ที่ทำหน้าที่บวชให้เหลืออยู่แล้ว

    ถ้าจะยกเรื่องนี้มาพูด ขอให้พูดให้หมด ต้องดูว่าทำไมท่านถึงบวชให้ และบัญญัติที่ท่านตั้งไว้เป็นอย่างไร ทำไมถึงต้องตั้งให้ยากกว่าชายบวช เหตุผลเป็นอย่างไร ท่านทำนายล่วงหน้ายังไง แล้วเหตุใดจึงเป็นไปตามคำนาย

    ถึงปัจจุบันจะบวชได้ ก็ไม่ว่าอะไร ก็คิดจะทำให้ถูกตามกฎหมายก็ทำไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกต้องตามหลักศาสนา

    ถูกต้องหรือไม่ ผมว่าไม่สำคัญ อยู่ที่ตัวทำ แม่ชีที่ได้รับการยอมรับและศรัทธาก็มีอยู่ไม่น้อย อย่างพระที่บวชถูกต้องแต่ทำตัวไม่ดีก็มี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2011
  4. นพมาศ01

    นพมาศ01 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2010
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +88
    จริงอย่างคุณmancity04เขียนค่ะ เอาแค่แม่ชีที่เป็นที่ยอมรับนับถือก็นับคนได้เลย ปฎิบัติต้องเข้มขนาดไหน....แล้วถ้าไม่เคร่งจริงแล้วบวชมาจะเป็นยังไงลองนึกภาพดู....แค่สงฆ์เทียมก็อ่านตามหนังสือพิมพ์ไม่หวาดไม่ไหว...........
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • CA85UNSP.jpg
      CA85UNSP.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.6 KB
      เปิดดู:
      97
  5. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    บวชไม่ได้ ไม่ได้ห้าม เป้นแม่ชีก็สามารถบรรลุธรรมได้ก็บวชชีไปสิ (เห็นไหมคุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ท่านยังบรรลุธรรมได้)
    พุทธเจ้าตรัสยังไง ไม่ให้บวชก็อย่าบวชสิ คอยดูน่ะคราวนี้ศาสนาเสื่อมแน่ๆ เพราะผู้หญิงไม่ค่อยเคร่ง ปากมาก เถียงกันในวัด บวชชีนี้ยังมีปัญหาเรย

    แหมแม่ชีบรรลุอรหันต์มีมาก

    1.คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ (สำนักชีห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร) อัฐิแปรเป็นพระธาตุ
    2.คุณแม่ชีพิมพา วงศาอุดม (วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย) อัฐิแปรเป็นพระธาตุ
    3.คุณแม่ชีโสดา โสสุด สำนักชีดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร อัฐิแปรเป็นพระธาตุ

    บวชชีก็ได้ถ้าปฏิบัติจิงๆเหมือนกับท่านเหล่านี้
    เชื่อพระพุทธเจ้าหน่อยสิ อย่าดื้อรั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2011
  6. aroonoldman

    aroonoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +462
    อย่ามามั่วนิ่ม ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับกฏมงกฏหมายอะไรทั้งสิ้น หรือสิทธิความเสมอภาคตามรัฐธรรมนูญอะไรทั้งนั้น เรื่องของศาสนาเป็นของพระพุทธเจ้าและเป็นไปตามพุทธประสงค์ ไม่เข้าใจอยากจะบวชเป็นภิกษุณีอะไรกันนักหนา พระพุทธเจ้าก็ได้บัญญัติเรื่องของการบาชภิกษุณีไว้ชัดเจนแล้วน่าจะเข้าใจ หากมีใจรักพุทธศาสนาจริงควรเคารพพุทธบัญญัติ หรือกลัวว่าศาสนาจะเสื่อมช้าไปอยากให้ศาสนาพังเร็วๆนักหรือ
     
  7. newborn

    newborn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +231
    เป็นภิกษุณีเพื่อสนองความอยากเท่านั้น น่ะหรือ

    ใจจริง พระพุทธเจ้าไม่ต้องการให้บวชภิกษุณี ท่านคงมีเหตุผลของท่าน แต่วิสัยของพระพุทธเจ้าเราไม่อาจรู้ได้ว่าเพราะเหตุใด ถ้าจะอ้างว่าชาย-หญิงมีสิทธิเท่าเทียมกันยังไงก็แล้วแต่ แต่ภิกษุณีสูญพันธุ์ไปนานแล้ว ไม่สามารถสืบเชื้อสายได้อีก อันที่จริงการบวชชี ถ้าปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบจริงๆ มีโอกาสบาปได้น้อยกว่าพระทั่วไป และได้บุญดีกว่าพระที่ไม่สนใจปฏิบัติธรรมซะอีก
     
  8. อาภากรณ์

    อาภากรณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +14
    ก่อนที่ภิกษุณีสงฆ์จะหมดไปจากอินเดียนั้น พระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งพระธรรมทูตออกไป 9 สาย 1 ในนั้นคือ พระมหินทรเถระ ผู้เป็นพระราชโอรสของพระองค์เอง ในสายพระมหินทรเถระนี้ไปศรีลังกา การเผยแพร่ศาสนาพุทธประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง พระนางอนุลา น้องสะใภ้ของกษัตริย์ศรีลังกา ทรงอยากผนวช จึงนิมนต์ พระนางสังฆมิตตาเถรี พระธิดาของพระเจ้าอโศก มาเป็นปวัตตินีให้ ("ปวัตตินี" คือพระอุปัชฌาย์ที่เป็นผู้หญิง)
    จากศรีลังกา ภิกษุณีสงฆ์ได้ไปสืบสายไว้ในจีน ไต้หวัน และอื่น ๆ อีกมาก จนกระทั่งพุทธศาสนาที่อินเดียและศรีลังกาเสื่อมลงลงไปในช่วงหลัง ทำให้ภิกษุณีฝ่ายเถรวาทซึ่งมีศีลและข้อปฏิบัติที่ยุ่งยากไม่สามารถรักษาวงศ์ของภิกษุณีเถรวาทไว้ได้ จึงทำให้ไม่มีผู้สืบทอดการบวชเป็นภิกษุณีสายเถรวาทในปัจจุบัน

    ในกรณีนี้เคยมีประเด็นถกเถียงอยู่ช่วงหนึ่งว่าปัจจุบันนี้สามารถบวชภิกษุณีได้หรือไม่ มีข้อสรุปจากทางพระสงฆ์ฝ่ายเถรวาทว่าพระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้มีการบวชเป็นภิกษุณีได้ก็ต่อเมื่อบวชต่อสงฆ์ทั้ง 2 ฝ่าย คือต้องบวชทั้งฝ่ายพระภิกษุสงฆ์ และฝ่ายภิกษุณีสงฆ์เป็นการลงญัตติจตุตถกรรมวาจาทั้งสองฝ่าย จึงจะสามารถเป็นภิกษุณีได้ ดังนั้นในเมื่อภิกษุณีสงฆ์เถรวาทได้เสื่อมสิ้นลงไม่มีผู้สืบต่อ จึงทำให้ในปัจจุบันไม่สามารถทำการบวชผู้หญิงเป็นภิกษุณีฝ่ายเถรวาทได้ การที่มีข้ออ้างว่าสายมหายานสืบสายวงศ์ภิกษุณีสงฆ์ไปก็ไม่สามารถอ้างได้ เพราะการสืบสายทางมหายานมีข้อวินัยและการทำสังฆกรรมบวชภิกษุณีที่ไม่ถูกต้องกับพระไตรปิฎกฝ่ายเถรวาท
     
  9. ๒ อัฐ

    ๒ อัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    333
    ค่าพลัง:
    +140
    ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ ถ้าในเมื่อสตรีมุ่งในทางธรรมจริงๆในปัจจุบันนี้ก็มีตั้งเยอะครับที่ผู้หญิงบวชแล้วบรรลุธรรมขั้นสูงได้ อย่างเช่น คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ไม่เห็นใช่ช่วงนั้นต้องมาขอบวชเป็นภิกษุณีเลยครับ อยู่ที่การรักษาศีลและความตั้งใจมากกว่า ในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทำนายไว้แล้วยิ่งตอนนั้นยังยากเย็นมากกว่าจะให้บวชได้ ในเมื่อในปัจจุบันนี้ไม่มีภิกษุณีแล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีนะครับผมว่า แต่ไม่เข้าใจตรงที่ ทำไหม? เพราะอะไร? ถึงต้องอยากจะมีภิกษุณีในปัจจุบันอีกครับ ไม่ใช่ว่าผมคัดค้านนะครับ แต่ผมไม่เห็นประโยชน์ครับ เพราะปัจจุบันก็มีพระสงฆ์ มีคุณแม่ชีอยู่แล้ว ถ้ามองเรื่องสิทธิไม่เกี่ยวกันเลยครับ ผมว่าแทนที่จะมีการบวชภิกษุณีให้ยุ่งยาก เรามาให้ความเอาใจใส่ คุณแม่ชี กันให้มากไม่ดีกว่าหรือครับ
     
  10. narongsuon

    narongsuon สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    เพศชาย เพศหญิง ในแต่ละเพศ ก็มีความเหมาะสม ในแต่ละที่ แต่ละโอกาส แต่ละเวลา ไม่เหมือนกัน ปัญหา ที่เพศหญิง จะเข้าเป็น ภิกษุณี นั้น ไม่ต้องมองถึง การเข้าไปในสังคมเถรวาท หรอก หากแต่ในสังคมปรกติ คิดกันง่าย ๆ ห้องน้ำยังต้องแยก เพราะเหตุใด ๆ ก็เพราะความเหมาะสม นั้นเอง มันไม่ได้เกีี่ยวกับ ความเสมอภาค หรือ การเท่าเทีียมกัน แต่มันเป็นความเหมาะสม ที่ต้องเป็นไปในทางนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ทางเลือกเป็น ชี นั้น ก็มีมาเพื่อ ให้เกิดความเหมาะสม ในตัวเพศหญิง อยู่แล้ว นั่นเอง
     
  11. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    นักกฎหมาย หาช่องทางแบบนี้จะถูกต้องเหรอ เมื่อพระสังฆราชมีคำสั่งไม่ให้รับรอง ก็น่า
    จะจบไปได้แล้ว นี่นักกฎหมายกำลังจะหาช่องทาง ผมว่าเป็นอันตรายต่อศาสนาพุทธ
    จริงๆ อีกหน่อยพวกลัทธิสันติอโศก หรือลัทธิอื่นๆไม่เอาอย่างกันเหรอ น่าจะฉุกคิดกัน
    ซักนิด อย่ายึดติดกับคำเลย ในเมื่อผู้หญิงก็สามารถปฎิบัติธรรมได้ บรรลุธรรมได้ อย่า
    ดิ้นรนให้นักกฎหมายพวกนี้หาช่องเลย ทำได้ครั้งแรก แล้วคิดว่าจะไม่มีครั้งต่อไปเหรอ...
    เรื่องแบบนี้ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะรวมตัวกดดันคณะสงฆ์ นี่เป็นเรื่องบัญญัติของศาสนา
    จึงไม่ใช่เรื่องเสรีภาพ ไม่ใช่เรื่องประชาธิปไตย ไม่ควรมีการโหวตกดดันใดๆเพื่อให้เกิด
    การเปลี่ยนแปลง ผมว่านี่เป็นภัยร้ายแรงที่แอบแฝงมาจะด้วยความจงใจหรือไม่ก็ตาม แต่
    ในฐานะพุทธบริษัทสี่ผมรู้สึกเป็นห่วงจริงๆ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้...
     
  12. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,306
    ขอเพิ่มคำเดียว “ภิกษุณีสงฆ์”
    มันจบไปแล้ว จะขอกี่คำ็ไม่ได้แล้ว
    อยากเรียกตัวเองว่าอะไร ก็บัญญัติกันขึ้นมา
    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2011
  13. chengma

    chengma Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    หว้า แย่จัง วุ้นวายไปกันใหญ่สังคมไทย แค่พระสงฆ์ ก็วุ้นวายแล้วนี้จะมี ภิกษุณีสงฆ์ อีกคงวุ้นวายน่าดู ถ้ามีทางที่ดีความแยกออกวัดอยู่ด้วยจะดีที่สุด
    วัดสำหรับ
    ภิกษุณีสงฆ์ วัดสำหรับพระสงฆ์ เพื่อกันไม่ให้เกิดปัญหาอันเป็นที่น่าเสือมเสียภายหลัง
     
  14. gold-nippan

    gold-nippan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +45
    เห็นด้วยกับ ความเห็นที่ว่า สิทธิ เท่าเทียม หมายถึง ท่านสามารถปฎิบัติแล้ว บรรลุธรรมได้เท่าเทียมกัน ไม่ว่า จะบวชชี หรือ ภิกษุนี ใยจะมาเรียกร้องอะไร เพิ่มเติมเล่า
    ภิกษุณี ในรุ่นแรก นั้น บวชโดย มีพระพุทธองค์เป็น ประธาน และ อนุญาติให้บวชโดยมีภิกษุนีในมติร่วมการบวชเท่านั้น ปัจจุบันไม่มีภิกษุณีเหลือแล้ว แล้วใครจะบวชให้ละครับ
    หรือจะบวชกันเอง มิลงนรกเอวจีกันหรอกหรือ
    มันเป็นเหตุผลทางธรรมนะครับ ไม่ใช่เหตุผลด้านกฏหมายทางโลก ที่ นึกจะทำอะไรขึ้นมาก็ได้ เพื่อความเท่าเทียม
    ดังนั้นผู้จะรื้อฟื้นควร พิจารณา ทางธรรมประกอบด้วยให้มาก หรือเป็นหลัก
    อะไร ที่ไม่ได้ ก็คือไม่ได้

    ในเมืองไทยมี แม่ชีที่บรรลุธรรม แม้ อุบาสิกา ก็บรรลุธรรมากมายจากการปฏิบัต กรรมฐาน มิใช่ จาก กฏหมาย นะครับ
    ดังนั้น มิควร นำมาเป็นประเด็นการเมือง (และขอตั้งข้อสังเกตุ ถ้าเป็นประเด็นการเมือง เบื้องหลังน่าจะมาจาก สำนักอะไรสักอย่าง นึง ที่ มติมหาเถรสมาคม ไม่รับรองความเป็นพระให้แน่ๆ เรียกตัวเองว่าสมณะ พวกนี้ชอบอยู่หลังการเมือง หรือร่วมขบวนการเมืองเพื่อ เอายกตัวเองให้มีสถานะในเมืองไทย โปรดระวัง ด้วย นะครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2011
  15. มเหสักขา

    มเหสักขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +146
    แค่อยากให้ได้ชื่อว่าเป็นพระภิกษุณี
    เลยอ้างว่า อยากให้มีพุทธบริษัท 4 ครบ
    เลยพูดกลบเกลื่อนว่า......

    " เป็นการเคารพพระพุทธานุญาต ที่ทรงอนุญาตให้ผู้หญิงบวชได้? "

    -----------------------------------------------------------------------

    พูดด้านเดียวหรือเปล่าครับ?

    ทำไม ไม่พูดว่า.......

    " การไม่อนุญาติให้มีการบวชพระภิกษุณีได้ ถ้ามีองค์ประกอบไม่ครบตามเงื่อนไข เป็นการเคารพพระวินัยที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงกำหนดเอาไว้ "

    สนใจแต่ความอยากของตนเอง แต่ไม่สนใจพระวินัยหรือเปล่าครับ?
     
  16. Tom & Jerry

    Tom & Jerry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +536
    ตอนแรกอ่านกระทู้นี้แล้ว อยากแสดงความคิดเห็นค้ดค้าน แต่ก็เกรงว่าตัวเราจะถูกมองในแง่ร้าย ไม่สนับสนุนสิทธิสตรีบ้างล่ะ หรือเป็นพวกมารร้ายบ้าง
    แต่พออ่านความเห็นไม่สนับสนุนของท่านต่างๆที่ส่งมาแล้วก็ยิ้มอย่างอิ่มใจว่า...ชาวพลังจิตนั้นเป็นผู้ที่เข้าใจแก่นแท้ของพุทธศาสนาอย่างถูกต้องตามความเป็นจริง...ทั้งนี้ก็เพราะ เราไม่สนับสนุนให้หญิงบวชพระเลย เหตุเพราะ
    - สตรีมีธรรมชาติของเพศหญิงที่เป็นอุปสรรคมากมายมหาศาลต่อการบรรลุธรรม (แต่ไม่ได้หมายความว่าบรรลุไม่ได้)
    - สตรีมีสถานะทางสังคมเป็นแม่ ซึ่งเป็นภาระที่ผูกพันยึดเหนี่ยวให้จิตใจเหนียวแน่นอยู่กับความคิดที่ว่า นี่คือลูกของฉัน (เพราะเด็กคลอดออกมาจากตัวผู้หญิง แต่ไม่มีวันที่เด็กจะคลอดออกมาจากตัวผู้ชาย) ดังนั้น การละวางจึงเป็นสิ่งที่ยากยิ่งสำหรับผู้หญิง
    - ตามประวัติกล่าวว่า พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้เอ่ยปากอนุญาตให้สตรีบวชได้
    แต่พระองค์ตอบคำถามของพระอานนท์ ที่ถามว่า
    "สตรีสามารถบรรลุธรรม บรรลุมรรคผลนิพพานได้เช่นเดียวกับบุรุษหรือไม่"
    พระพุทธเจ้าตอบว่า "ได้เช่นเดียวกัน" (ขออนุญาตใช้ภาษาธรรมดานะคะ)
    พระอานนท์จึงท้วงว่า "ถ้าเช่นนั้น พระน้านางก็สามารถบวชได้มิใช่หรือ"
    พระพุทธเจ้าบอกต่อว่า "หากพระน้านางสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนด..(เรียกไม่ถูกค่ะ) ได้ครบทั้งหมด ก็เป็นอันว่าบวชได้"
    จากนั้นพระอานนท์จึงไปแจ้งแก่พระน้านางแล้วก็เกิดการบวชภิกษุณีนับแต่นั้นมา
    จะเห็นว่า...โดยเจตนาแล้ว พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตเลย แต่เป็นเพราะการขอร้อง (แกมต่อรอง)ของพระอานนท์ต่างหาก ที่เป็นมูลเหตุให้พระพุทธเจ้าทรงอนุโลมตามคำขอนั้น....
    พิจารณาตามพุทธประวัติด้วยปัญญา จะเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจนว่า สตรีเหมาะแก่การบวชพระหรือไม่

    นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสงสัยและสับสนต่อสังคมไทยอีกมากมาย ในกรณีที่ผู้หญิงเป็นภิกษุณี เช่น
    - สามารถอาศัยอยู่วัดเดียวกัน อยู่กุฏิใกล้กันกับกุฏิสงฆ์ ได้ไหม (เป็นพระเหมือนกันแล้ว ตามหลักแล้วน่าจะได้นะ...) ยอมรับได้ไหม
    - เวลานิมนต์ภิกษุ กับภิกษุณีมาทำพิธีสงฆ์ สามารถนั่งร่วมกันโดยเรียงตามพรรษาได้ไหม (ภาพที่ออกมาคือ ภิกษุกับภิกษุณีนั่งสลับกัน) อย่างนี้รับได้ไหม
    - ฯลฯ...โอ๊ย...อีกเยอะแยะสารพันปัญหาที่จะติดตามมา....

    สรุป...เราเป็นหญิง เคารพสิทธิสตรี และเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคุณค่าแห่งความเป็นหญิง...แต่เราไม่สนับสนุนกับการที่หญิงจะบวชเป็นภิกษุณี...เป็นหญิงก็บรรลุนิพพานได้โดยไม่ต้องบวชนะจ๊ะ
    (ความจริงยังมีข้อมูลอีกมากมาย แต่พิมพ์จนเหนื่อยแล้ว)
    -
     
  17. กองบุญ

    กองบุญ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +81
    ร่วมแสดงความคิดเห็น

    ความจริงถ้าเคารพพระพุทธองค์จริงก็ควรปฎิบัติตามพระวินัย ข้อบังคับเรื่องภิกษุณีมีมากมาย ถ้าศึกษาดีๆแล้วก็จะเห็นว่าในปัจจุบันมีภิกษุณีไ้ด้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ไม่เข้ากฎเกณฑ์ทางพระวินัย ก็อย่าพยายามทำให้ถูกกฎหมายเลย จะทำไปเพื่ออะไรครับในเมื่อสาระของการปฎิบัติธรรมไม่ได้อยู่ที่ว่าท่านถูกเรียกว่าอะไร แต่อยู่ที่ว่าผลของการปฏิบัติธรรมมุ่งเพื่อความสิ้นกิเลส ถ้าการกระทำใดๆเป็นไปเพื่อมากไปด้วยกิเลสก็คงไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง ท่านปัญญาชนทั้งหลายควรมุ่งเพื่อความสิ้นกิเลส จะอยู่สถานะฆราวาสหรือพระสงฆ์ สามเณรหรือแม่ชีก็บรรลุธรรมเป็นพระอริยได้ทั้งนั้น จะมัวแต่มาเถียงกันเรื่องบัญญัติศัพท์ เดี๋ยวเวลาของชีวิตก็จะหมดลง ก็จะเสียเวลาแห่งการได้เกิดเป็นมนุษย์ กว่าจะสร้างบุญ สร้างกุศล สร้างบารมีกันแต่ละชาติ ก็ใช้เวลากันนาน มารู้มาดูกิเลสของตน ของตนกันให้มากๆจะดีกว่า เพื่อความสิ้นกิเลส เพื่อความหลุดพ้นจากวัฏฎสงสารกันดีกว่า ขอโมทนาในบุญกุศลกับทุกท่่านที่เป็นสัมมาทิฎฐิ ที่เป็นไปเพื่อความสิ้นกิเลส เพื่อความหลุดพ้น สาธุ
     
  18. taintain

    taintain สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +6
    ภิกษุณีสงฆ์นั้นจะต้องทำการบวชด้วยอุปัชฌาย์ที่เป็นภิกษุณีสงฆ์แล้วจึงบวชด้วยภิกษุสงฆ์อีกครั้งจึงเป็นอันครบถ้วนกระบวนความ แต่ในเวลานี้ภิกษุณีสงฆ์ได้ขาดช่วงมาเป็นเวลาพันกว่าปีแล้ว และไม่มีภิกษุณีสงฆ์ที่เป็นอุปัชฌาย์แล้ว จึงทำให้สตรีไม่สามารถบวชเป็นภิกษุณีสงฆ์ได้ตามพุทธบัญญัติครับ ไม่เกียวกับสิทธิไม่เกี่ยวกับกฏหมายใดๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2011
  19. titapoonyo

    titapoonyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,133
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,769
    ท่านที่เป็นนักกฏหมายควรอ่านนะครับ...ไม่อยากให้สร้างกรรม

    จากบทความใน
    ปัญหาภิกษุณี : บททดสอบสังคมไทย
    โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2011
  20. maniamanias

    maniamanias เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +175
    มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง ....rabbit_restrabbit_restrabbit_rest
     

แชร์หน้านี้

Loading...