พระอภิธรรมปิฎก อ่านออกเสียงยาก เชิญสมาชิกสอบถามคำอ่านได้ที่นี่

แวะมาให้กำลังใจ เพื่อนๆที่ช่วยกันอ่านพระอภิธรรมปิฎกค่ะ

 

ใกล้ความจริงแล้วค่ะพี่กบ....

 

สวัสดีปีใหม่จร้าทุกท่าน....ขอให้มีสุภาพกายและใจแข็งแรงนะค่ะ​

สวัสดีค่ะพี่ผ่อน..หมาน้อยมาถามคำอ่านต่อค่ะ.....​

ปริตตารัมมณัตติกะ// ปะ ริต ตา รำ มะ นัด ติ กะ ​

ปฏิจจวาร// ปะ ติด จะ วา ระ​

มหาปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๒ // มะ หา ปัด ถาน ปะ กอน ​

ปัจฉิมอนุโลมติกปัฏฐาน// ปัด ฉิม มะ อะ นุ โลม มะ ติ กะ ปัด ถาน​

ปริตตารัมมณธรรม // ปะ ริด ตา รำ มะ นะ ทำ


มหัคคตารัมมณธรรม // มะ หัก คะ ตา รำ มะ นะ ทำ


อัปปมาณารัมมณธรรม // อับ ปะ มา นา รำ มะ นะ ทำ

ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๓
ในอารัมมณปัจจัย มี " ๓// ใน อา รำ มะ นะ ปัด ไจ มีวาระสาม

ในอธิปติปัจจัย มี " ๓ ฯลฯ// อะ ทิ ปะ ติ ปัด ไจ มีวาระสาม ละ

ในอวิคตปัจจัย มี " ๓// อะ วิ คะ ตะ ปัด ไจ มีวาระสาม

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ// อะ เห ตุ กะ ขัน สอง ละ

ในเหตุกปฏิสนธิขณะ // เห ตุ กะ ปะ ติ สน ทิ ขะ หนะ

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ // สะ หะ ระ คะ ตะ ด้วย วิ จิ กิด ฉา - สะ หะ ระ คะ ตะ ด้วย อุด ทัด จะ

ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา//สะ หะ ระ คะ ตะ ด้วย วิ จิ กิด ฉา

ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ//สะ หะ ระ คะ ตะ ด้วย อุด ทัด จะ

ซึ่งเป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ ฯลฯ// อะ เห ตุ กะ ขัน สอง ละ

ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย ในมหัคคตารัมมณ // ปุ เร ชา ตะ ปัด ไจ - มะ หัก คะ ตา รำ มะ นะ

ไม่ใช่เพราะอาเสวนปัจจัย เหมือนกับ ไม่ใช่เพราะ// อา เส วะ นะ ปัด ไจ

อธิปติปัจจัย// อะ ทิ ปะ ติ ปัด ไจ

ไม่ใช่เพราะปุเรชาตปัจจัย ในมหัคคตารัมมณ ปฏิสนธิ ไม่// ปุ เร ชา ตะ ปัด ไจ - มะ หัก คะ ตา รำ มะ นะ

วิปากปัจจัย ปฏิสนธิ // วิ ปา กะ ปัด ไจ

ไม่ใช่เพราะฌานปัจจัย// ชา นะ ปัด ไจ

ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย กับเหตุปัจจัยมีวาระ ๓

ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
................ปุ เร ชา ตะ ปัด ไจ กับ เห ตุ ปัด ไจ มี วา ระ สาม

ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
................ปัด ฉา ชา ตะ ปัด ไจ กับ เห ตุ ปัด ไจ มี วา ระ สาม

ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
................อา เส วะ นะ ปัด ไจ กับ เห ตุ ปัด ไจ มี วา ระ สาม

ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย กำ มะ ปัด ไจ

ในอารัมมณปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๓ - อา รำ มะ นะ ปัด ไจ - เห ตุ ปัด ไจ

ในอนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
อะ นัน ตะ ระ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในสมนันตรปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
สะ มะ นัน ตะ ระ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในสหชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
สะ หะ ชา ตะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในอัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
อัน ยะ มัน ยะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
นิด สะ ยะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในอุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
อุ ปะ นิด สะ ยะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในปุเรชาตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
ปุ เร ชา ตะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในอาเสวนปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
อา เส วะ นะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในกัมมปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
กำ มะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในวิปากปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑
วิ ปา กะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๑

ในอาหารปัจจัย กับ ฯลฯ มี "
อา หา ระ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๑

ในอินทริยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
อิน ทะ ริ ยะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในฌานปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
ชา นะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในมัคคปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒
มัก คะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๒

ในสัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
สำ ปะ ยุด ตะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในวิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
วิบ ปะ ยุด ตะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในอัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
อัด ถิ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในนัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
นัด ถิ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ในวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
วิ คะ ตะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓​

ในอวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓
อะ วิ คะ ตะ ปัด ไจ กับปัจจัยที่มีเหตุปัจจัย มีวาระ ๓

ขอบคุณค่ะ....​

ทดลองอ่าน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๑ พระอภิธรรมเล่ม ๘​

Artist: azalia(อ่านจบแล้ว) , chonrit และ Siranya


อนุโมทนา

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ ขอบคุณในธรรมทานค่ะ
ทําให้มีความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย
ผ่านมาเยี่ยมคุณน้องวีด้วยค่ะ

:z9

 

สังสัฏฐวาร
[๕๙๐ นีวรณธรรม นี วอ ระ นะ ทำ คลุกเคล้ากับนีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
คือ ถีนมิทธนิวรณ์ ถี นะ มิด ทะ นิ วอน อุทธัจจนิวรณ์ อุด ทัด จะ นิ วอน อวิชชานิวรณ์ คลุกเคล้ากับ
กามฉันทนิวรณ์
พึงผูกจักรนัย
นิวรณ์ทั้งปวง พึงให้พิสดาร
[๕๙๑] ในเหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙
ในอารัมมณปัจจัย อา รำ มะ นะ ปัด ไจ มี " ๙

ในปัจจัยทั้งปวง มี " ๙
ในวิปากปัจจัย วิ ปา กะ ปัด ไจ มี " ๑
ในอวิคตปัจจัย อะ วิ คะ ตะ ปัด ไจ มี " ๙
[๕๙๒] นีวรณธรรม คลุกเคล้ากับนีวรณธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะ
เหตุปัจจัย
คือ อวิชชานิวรณ์ คลุกเคล้ากับวิจิกิจฉานิวรณ์ อวิชชานิวรณ์
คลุกเคล้ากับ อุทธัจจนิวรณ์ อุด ทัด จะ นิ วอน
ฯลฯ
[๕๙๓] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๔
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย มี " ๙
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย ปุ เร ชา ตะ ปัด ไจ มี " ๙
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย ปัด ฉา ชา ตะ ปัด ไจ มี " ๙
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย มี " ๙
ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย กำ มะ ปัด ไจ มีหัวข้อปัจจัย ๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย วิ ปา กะ ปัด ไจ มี " ๙
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ฌานปัจจัย มี " ๑
ในปัจจัยที่ไม่ใช่มัคคปัจจัย มี " ๑
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย มี " ๙
การนับทั้งสอง นอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาร สำ ปะ ยุด ตะ วา ระ ก็ดี
พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว

ขอคำอ่าน ขอบคุณมากค่ะ


อนุโมทนาจ้ะ

 

สวัสดีค่ะพี่ผ่อน มาช่วยอ่านพระอภิธรรมเล่ม ๘

ขอคำอ่านค่ะ ขอบคุณค่ะ

อตีตธรรม อะ ตี ตะ ทำ
อิทธิวิธญาณ อิด ทิ วิ ทะ ยาน
อาวัชชนะ อา วัด ชะ นะ
อนาคตธรรม อะ นา คะ ตะ ทำ
ทิพพโสตธาตุ ทิบ พะ พะ โส ตะ ทาด
กายวิญญาณ กาย ยะ วิน ยาน
โคตรภู โคด ตะ ระ ภู
อารัมมณูปนิสสยะ อา รำ มะ นู ปะ นิด สะ ยะ
อนันตรูปนิสสยะ อะ นัน ตะ รู ปะ นิด สะ ยะ
ปกตูปนิสสยะ ปะ กะ ตู ปะ นิด สะ ยะ
โสตสมบัติ โส ตะ สม บัด
ฆานสมบัติ คา นะ สม บัด
กายสมบัติ กาย ยะ สม บัด
วรรณสมบัติ วัน นะ สม บัด
สัททสมบัติ สัด ทะ สม บัด
คันธสมบัติ คัน ทะ สม บัด
รสสมบัติ ระ สะ สม บัด

อ้างอิงข้อความ

ข้อความที่ 1

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอตีตธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่ปุพเพนิวาสานุสสติ แก่ยถากัมมุปคญาณ แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณปัจจัย
[๑๙๑๙] อนาคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปัจจุปปันนธรรม โดยอารัมมณปัจจัย
คือ จักขุที่เป็นอนาคตธรรม ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาคตธรรม

ข้อความที่ 2

บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ

ข้อความที่ 3

อนุโลม เป็นปัจจัยแก่ โคตรภู อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โวทาน โคตรภู เป็น
ปัจจัยแก่มรรค โวทาน เป็นปัจจัยแก่มรรค มรรค เป็นปัจจัยแก่ผล ผล เป็นปัจจัยแก่ผล


ข้อความที่ 4

มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ
ฯลฯ ที่เป็น ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลปรารถนาจักขุสมบัติที่เป็นอนาคตธรรม
โสตสมบัติ ฯลฯ ฆานสมบัติ ชิวหาสมบัติ กายสมบัติ วรรณสมบัติ สัททสมบัติ คันธสมบัติ รสสมบัติ ฯลฯ ปรารถนาโผฏฐัพพสมบัติ ปรารถนาขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาคตธรรมแล้ว

อนุโมทนา

 

[๑๙๗๓]อตีตารัมมณธรรม เป็นปัจจัยแก่อตีตารัมมณธรรม โดยอารัมมณปัจจัยfficeffice" /><O></O>
คือ บุคคลพิจารณาวิญญาณัญจายตนะที่เป็นอตีตธรรม พิจารณาเนวสัญญานาสัญญยตนะ<O></O>
พิจารณาอิทธิวิธญาณที่เป็นอดีต อะ ดีด ซึ่งเป็นอตีตารัมมณธรรม เจโตปริยญาณ ฯลฯ ปุพเพนิวาสานุส-<O></O>
*สติญาณ ฯลฯ พิจารณายถากัมมุปคญาณ ยะ ถา กำ มุ ปะ คะ ยาน
พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่เป็นอตีตารัมมณธรรมกิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ<O></O>
กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ<O></O>
พิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอดีต ซึ่งเป็นอตีตารัมมณธรรม โดยความเป็นของ<O></O>
ไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ โดยความเป็นอนัตตา ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภ<O></O>
ขันธ์นั้น ราคะ ที่เป็นอตีตารัมมณธรรม เกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส<O></O>
เกิดขึ้น<O></O>
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอดีต ซึ่งเป็นอตีตารัมมณธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ แก่<O></O>
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมุปคญาณ แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณปัจจัย<O></O>
[๑๙๗๔]อตีตารัมมณธรรม เป็นปัจจัยแก่อนาคตารัมมณธรรม โดยอารัมมณ-<O></O>
*ปัจจัย<O></O>
คือ บุคคลพิจารณาวิญญาณัญจายตนะที่เป็นอนาคตธรรม พิจารณาเนวสัญญานาสัญญา-<O></O>
*ยตนะ พิจารณาอิทธิวิธญาณที่เป็นอนาคต อะ นา คด ซึ่งเป็นอตีตารัมมณธรรม เจโตปริยญาณ ฯลฯ<O></O>
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ฯลฯ ยถากัมมุปคญาณ ฯลฯ บุคคลพิจารณาเห็นขันธ์ทั้งหลายที่เป็น<O></O>
อนาคต ซึ่งเป็นอตีตารัมมณธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลิน<O></O>
ยิ่ง เพราะปรารภขันธ์นั้น ราคะที่เป็นอนาคตารัมมณธรรม เกิดขึ้น โทมนัส เกิดขึ้น<O></O>
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนาคต ซึ่งเป็นอตีตารัมมณธรรม เป็นปัจจัยแก่เจโตปริยญาณ แก่<O></O>
อนาคตังสญาณ อะ นา คะ ตัง สะ ยาน แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณปัจจัย<O></O>


พี่ผ่อนค่ะ ถามคำอ่านตรงสีแดงค่ะ

อนุโมทนา

 

มาถามคำอ่านค่ะ

ปัญหาวาร
[๕๙๔] นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยเหตุปัจจัย
คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรม
ทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย
นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดยเหตุปัจจัย
คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ
จิตตสมุฏฐานรูป จิด ตะ สุ หมุด ถาน นะ รูบ ทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย
นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม
โดยเหตุปัจจัย
คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นนีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
และนีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดย
เหตุปัจจัย
คือ เหตุทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ
จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย ปฏิสนธิ
[๕๙๕] นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยอารัมมณปัจจัย
คือ เพราะปรารภนีวรณธรรม ปรา รบ นี วอ ระ นะ ทำ ทั้งหลาย นีวรณธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้น
พึงถามถึงมูล
เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม
เกิดขึ้น
พึงถามถึงมูล
เพราะปรารภนีวรณธรรมทั้งหลาย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์
ทั้งหลาย เกิดขึ้น
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดย
อารัมมณปัจจัย
คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ทาน ละถึง สีน ละถึง อุ โบ สด ถะ กำ และอื่น ๆ พิจารณาซึ่งกุศลกรรม
นั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภความยินดีนั้น
ทิฏฐิ เกิดขึ้น โทมนัส โทม มะ นัด เกิดขึ้น
กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ
ออกจากฌาน ฌาน ฯลฯ
พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค มรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ
นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู โคด ตะ ระ พูแก่โวทาน โว ทาน แก่มรรค มัก แก่ผล ผน แก่อาวัชชนะ อา วัด ชะ นะ โดยอารัมมณปัจจัย อา รำ มะ นะ ปัด ไจ
พระอริยะทั้งหลายพิจารณากิเลสที่ละแล้ว ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม กิเลสที่
ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกาลก่อน ฯลฯ
จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดย
ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่ไม่ใช่นิวรณธรรม โดย
เจโตปริยญาณ
อากาสานัญจายตนะ อา กา สา นัน จา ยะ ตะ นะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ วิน ยา นัน จา ยะ ตะ นะ อากิญจัญญายตนะ อา กิน จัน ยา ยะ ตะ นะ
เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ
โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโต-
*ปริยญาณ เจ โต ปะ ริ ยะ ยาน แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ บุบ เพ นิ วา สา นุด สะ ติ ยาน แก่ยถากัมมุปคญาณ ยะ ถา กำ มุ ปะ คะ ยาน แก่อนาคตังสญาณ อะ นา คะ ตัง สะ ยาน
แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยอารัมมณปัจจัย
คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ
กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ
ฌาน ฯลฯ
จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่ง
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักขุ เป็นต้นนั้น ราคะ เกิดขึ้น
ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
นีวรณธรรม โดยอารัมมณปัจจัย
คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ
กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ
จากฌาน ฯลฯ
จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่ง
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เพราะปรารภจักขุเป็นต้นนั้น นีวรณธรรม และ
สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เกิดขึ้น
นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม
โดยอารัมมณปัจจัย มี ๓ นัย พึงกระทำว่าเพราะปรารภ
[๕๙๖] นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะกระทำนีวรณธรรม
ทั้งหลายให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นีวรณธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้น มี ๓ นัย
เหมือนกับอารัมมณปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดย
อธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ
ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลกระทำ
อุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศลกรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ย่อม
ยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำความยินดีนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
ราคะ เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น
กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ
จากฌาน ฯลฯ
พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค มรรค ฯลฯ ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ
นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรค แก่ผล โดย
อธิปติปัจจัย
จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม
ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ
จักขุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น
ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรมเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ
ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ
กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ
จากฌาน ฯลฯ
จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม
ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ
จักขุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น
ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
นีวรณธรรม โดยอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ
ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ
กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ
จากฌาน ฯลฯ
จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม
ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ
จักขุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์
ทั้งหลาย เกิดขึ้น
ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และนีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดย
อธิปติปัจจัย
นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม
โดยอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ มี ๓ นัย เป็นอารัมมณาธิปติเท่านั้น
[๕๙๗] นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยอนันตรปัจจัย
คือ นีวรณธรรมทั้งหลายที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย
ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อะ นัน ตะ ระ ปัด ไจ
พึงถามถึงมูล
นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่
นีวรณธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย นีวรณธรรมทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่
วุฏฐานะ วุด ถา นะ โดยอนันตรปัจจัย
พึงถามถึงมูล
นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย
ที่เกิดหลังๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยอนันตรปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดย
อนันตรปัจจัย
คือ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย เนวสัญญานา-
*สัญญายตนะ ของบุคคลผู้ออกจากนิโรธ เป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ ผะ ละ สะ มา บัด โดยอนันตร-
*ปัจจัย อะ นัน ตะ ระ ปัด ไจ
พึงถามถึงมูล
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-
*ธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณ-
*ธรรมทั้งหลาย โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดก่อนๆ
เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลังๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
โดยอนันตรปัจจัย อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์
ทั้งหลาย โดยอนันตรปัจจัย
นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม
โดยอนันตรปัจจัย
คือ นีวรณธรรม ที่เกิดก่อนๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัย
แก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย
พึงถามถึงมูล
นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อนๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย
นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่วุฏฐานะ โดยอนันตร-
*ปัจจัย นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดก่อนๆ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น
ปัจจัยแก่นีวรณธรรมทั้งหลาย ที่เกิดหลังๆ และสัมปยุตตขันธ์ สำ ปะ ยุด ตะ ขัน ทั้งหลาย โดย
อนันตรปัจจัย
นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยสมนันตรปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอัญญมัญญปัจจัย อัน ยะ มัน ยะ ปัด ไจ
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยนิสสยปัจจัย นิด สะ ยะ ปัด ไจ
[๕๙๘] นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย อุ ปะ นิด สะ ยะ ปัด ไจ
มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อา รำ มะ นู ปะ นิด สะ ยะ อนันตรูปนิสสยะ อะ นัน ตะ รู ปะ นิด สะ ยะ ปกตูปนิสสยะ ปะ กะ ตู ปะ นิด สะ ยะ
ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ นีวรณธรรมทั้งหลาย มี ๓ นัย
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดย
อุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ
ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ให้ทาน
ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ ยังฌานให้เกิดขึ้น ยังวิปัสสนา ฯลฯ ยังมรรค
ฯลฯ ยังอภิญญา ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิดขึ้น ก่อมานะ ถือทิฏฐิ
บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ปัญญา ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะ มานะ
ทิฏฐิ ความปรารถนา สุขทางกาย ทุกข์ทางกาย ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ให้ทาน
ฯลฯ ทำลายสงฆ์
ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ศรัทธา ฯลฯ แก่ปัญญา แก่
ราคะ แก่ความปรารถนา แก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ
โดยอุปนิสสยปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ นีวรณธรรม โดยอุปนิสสย-
*ปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ
ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อ
มานะ ถือทิฏฐิ
บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์
ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่ ราคะ ฯลฯ แก่ความปรารถนา
โดยอุปนิสสยปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
นีวรณธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ
ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้ว ก่อ
มานะ ถือทิฏฐิ
บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้ว ฆ่าสัตว์ ฯลฯ ทำลายสงฆ์
ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ สำ ปะ ยุด ตะ ขัน
ทั้งหลาย โดยอุปนิสสยปัจจัย
นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม
โดยอุปนิสสยปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ
ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์
ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ นีวรณธรรมทั้งหลาย โดยอุปนิสสยปัจจัย อุบ ปะ นิด สะ ยะ ปัด ไจ มี ๓ นัย
[๕๙๙] ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม
โดยปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต อา รำ มะ นะ ปุ เร ชา ตะ วัตถุปุเรชาต วัด ถุ ปุ เร ชา ตะ
ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ จักขุ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็น
ของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น มี ๓ นัย
ปุเรชาตปัจจัย เหมือนกับ อารัมมณปัจจัย
พึงจำแนก กุศล และอกุศล
[๖๐๐] นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยปัจฉาชาตปัจจัย
มี ๓ นัย
ฯลฯ เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย มี ๙ นัย
[๖๐๑] ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม
โดยกัมมปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาต นานาขณิก
ที่เป็นสหชาต สะ หะ ชา ตะ ได้แก่ เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย
ที่เป็นนานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่
วิบากขันธ์ วิ บาก ขัน และกฏัตตารูป กะ ตัด ตา รูบ ทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย
พึงถามถึงมูล
เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย
โดยกัมมปัจจัย เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
และนีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูป จิด ตะ สะ หมุด ถาน นะ รูบ ทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย
[๖๐๒] ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม
โดยวิปากปัจจัย มี ๑ นัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอาหารปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอินทริยปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยฌานปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยมัคคปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสัมปยุตตปัจจัย
[๖๐๓] นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดย
วิปปยุตตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาต สะ หะ ชา ตะ ปัจฉาชาต ปัด ฉา ชา ตะ
หัวข้อปัจจัย ๔ ที่เหลือ พึงกระทำอย่างนี้
[๖๐๔] นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยอัตถิปัจจัย
คือ กามฉันทนิวรณ์ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ ถี นะ มิด ทะ นิ วอน แก่อุทธัจจนิวรณ์ อุด ทัด จะ นิ วอน
แก่อวิชชานิวรณ์ โดยอัตถิปัจจัย
พึงผูกจักรนัย
นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต
ในนีวรณมูล ก็มีหัวข้อปัจจัย ๓ อย่างนี้
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดย
อัตถิปัจจัย
มี ๕ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์ ฯลฯ
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ฯลฯ
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
นีวรณธรรม โดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ฯลฯ
นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม
โดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต
ที่เป็นสหชาต ได้แก่ กามฉันทนิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่อุทธัจจนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์ โดยอัตถิปัจจัย
กามฉันทนิวรณ์ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ แก่อวิชชานิวรณ์
โดยอัตถิปัจจัย
นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่
นีวรณธรรม โดยอัตถิปัจจัย
มี ๕ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์
ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และนีวรณธรรม
ทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป จิด ตะ สุ หมุด ถาน นะ รูบ ทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ นีวรณธรรมทั้งหลาย และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย
ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดยอัตถิปัจจัย นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย นีวรณธรรม และ
มหาภูตรูปทั้งหลาย เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย
ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย
ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ
กพฬิงการาหาร กะ พะ ลิง กา รา หาน เป็นปัจจัยแก่กายนี้ โดยอัตถิปัจจัย
ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ นีวรณธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย และ
รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย
นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม
และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต
ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ไม่ใช่นีวรณธรรม และกามฉันทนิวรณ์
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ ถีนมิทธนิวรณ์ อวิชชานิวรณ์ และจิตตสมุฏฐานรูป
ทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ กามฉันทนิวรณ์ และหทัยวัตถุ หะ ไท วัด ถุ เป็น
ปัจจัยแก่ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจนิวรณ์ อุด ทัด จะ นิ วอน อวิชชานิวรณ์ และสัมปยุตตขันธ์
ทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย
พึงผูกจักรนัย
[๖๐๕] ในเหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๔
ในอารัมมณปัจจัย มี " ๙
ในอธิปติปัจจัย มี " ๙
ในอนันตรปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙
ในสมนันตรปัจจัย สะ มะ นัน ตะ ระ ปัด ไจ มี " ๙
ในสหชาตปัจจัย มี " ๙
ในอัญญมัญญปัจจัย อัน ยะ มัน ยะ ปัด ไจ มี " ๙
ในนิสสยปัจจัย นิด สะ ยะ ปัด ไจ มี " ๙
ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๙
ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๓
ในปัจฉาชาตปัจจัย ปัด ฉา ชา ตะ ปัด ไจ มี " ๓
ในอาเสวนปัจจัย มี " ๙
ในกัมมปัจจัย กำ มะ ปัด ไจ มี " ๓
ในวิปากปัจจัย มี " ๑
ในอาหารปัจจัย อา หา ระ ปัด ไจ มี " ๓
ในอินทริยปัจจัย อิน ทะ ริ ยะ ปัด ไจ มี " ๓
ในฌานปัจจัย มี " ๓
ในมัคคปัจจัย มี " ๓
ในสัมปยุตตปัจจัย มี " ๙
ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๕
ในอัตถิปัจจัย อัด ถิ ปัด ไจ มี " ๙
ในนัตถิปัจจัย มี " ๙
ในวิคตปัจจัย วิ คะ ตะ ปัด ไจ มี " ๙
ในอวิคตปัจจัย มี " ๙
[๖๐๖] นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยอารัมมณปัจจัย
เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย
นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดยอารัมมณปัจจัย
เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดย
ปัจฉาชาตปัจจัย
นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม
โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย
นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม
โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย
เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดย
กัมมปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย อิน ทะ ริ ยะ ปัด ไจ
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม โดยอารัมมณปัจจัย
เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดย
ปุเรชาตปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
นีวรณธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดย
อุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย
นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม
โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย
นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่
นีวรณธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดย
อุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย
นีวรณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่นีวรณธรรม
และธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย
เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย
[๖๐๗] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๙
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย มี " ๙
ในปัจจัยทั้งปวง มีหัวข้อปัจจัย ๙
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๙
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อวิคตปัจจัย อะ วิ คะ ตะ ปัด ไจ มี " ๙
[๖๐๘] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย
กับเหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๔ ฯลฯ
ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย
กับ ฯลฯ มี " ๔
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย อัน ยะ มัน ยะ ปัด ไจ
กับ ฯลฯ มี " ๒
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย
กับ ฯลฯ มี " ๔ ฯลฯ
ในปัจจัยที่ไม่ใช่มัคคปัจจัย
กับ ฯลฯ มี " ๔
ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย
กับ ฯลฯ มี " ๒
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย
กับ ฯลฯ มี " ๔
ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย
กับ ฯลฯ มี " ๔
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย
กับ ฯลฯ มี " ๔
[๖๐๙] ในอารัมมณปัจจัย
กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙
ในอธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๙
พึงกระทำอนุโลมมาติกา อะ นุ โล มะ มา ติ กา ให้พิสดาร
ในอวิคตปัจจัย
กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๙
นีวรณทุกะ นี วอ ระ นะ ทุ กะ จบ

ขอบคุณมากจ้ะ

อนุโมทนา

 

ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอาหารปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอินทริยปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยฌานปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยมัคคปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสัมปยุตตปัจจัย

เครื่อง ฯลฯ อยู่หน้าจะอ่านอย่างไร
ขอบคุณมากค่ะ

ขอคำ ก่อนหน้า...........ตรงนี้คือคำอะไรก๊อปมาวางด้วยจะได้ประกอบการพิจารณา....... ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสัมปยุตตปัจจัย

ทั้งหมดด้วย

ถามที่แชทไม่เหมาะเพราะว่าเวลาแชทหลุดก็หายไป ขอให้ถามที่นี่เหมาะกว่า

อนุโมทนา


เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตนีวรณธรรมทั้งหลาย
โดยกัมมปัจจัย เจตนาที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
และนีวรณธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย
[๖๐๒] ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม
โดยวิปากปัจจัย มี ๑ นัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอาหารปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอินทริยปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยฌานปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยมัคคปัจจัย
ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสัมปยุตตปัจจัย
[๖๐๓] นีวรณธรรม เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม โดย
วิปปยุตตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปัจฉาชาต

ไม่มีค่ะพี่ผ่อน จะเป็นแบบที่หมาน้อยก๊อปมาให้พี่ดูนะค่ะ .....ขอบคุณมากค่ะ

อ๋อ ถ้าลักษณะนี้ ณ ที่นี้นะ

ฯลฯ อ่านว่า "ละ"
ทุกคำได้เลย

เช่น
ละ เป็นปัจจัย โดยอาหารปัจจัย
ละ เป็นปัจจัย โดยอินทริยปัจจัย
ละ เป็นปัจจัย โดยฌานปัจจัย
ละ เป็นปัจจัย โดยมัคคปัจจัย
ละ เป็นปัจจัย โดยสัมปยุตตปัจจัย

อนุโมทนา

 

พี่ผ่อนคะ ขอความช่วยเหลือคำอ่านอักษรแดงคะ

จ้าน้องบี

สัญโญชนธรรม อาศัยสัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย<O</O
คือ ทิฏฐิสัญโญชน์ (ทิด ถิ สัน โยด)
อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์
สีลพตปรามาสสัญโญชน์ (สี ละ พะ ตะ ปรา มา สะ สัน โยด) ปรา ตัวนี้ออกเสียงกล้ำกันจ้ะ
อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์<O</O
มานสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยกามราคสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์<O</O
อาศัยกามราคสัญโญชน์ อิสสาสัญโญชน์ (อิด สา สัน โยด)
อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์ (ปะ ติ คะ สัน โยด)<O</O
มัจฉริยสัญโญชน์ (มัด ฉะ ริ ยะ สัน โยด)
อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยปฏิฆสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์<O</O
อาศัยปฏิฆสัญโญชน์ ภวราคสัญโญชน์ (พะ วะ รา คะ สัน โยด)
อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยมานสัญโญชน์ (มา นะ สัน โยด)<O</O
อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยภวราคสัญโญชน์ อวิชชาสัญโญชน์ อาศัยวิจิกิจฉาสัญโญชน์

นอกนั้นถูกต้องจ้ะ

อนุโมทนาจ้ะ<O</O

 

ถามคำอ่านด้วยค่ะ

<CENTER>นีวรณิยทุกะ นี วอ ระ นิ ยะ ทุ กะ //



</CENTER><CENTER>ปฏิจจวาร ปะ ติด จะ วา ระ //
</CENTER>[๖๑๐] นีวรณิยธรรม นี วอ ระ นิ ยะ ทำ // อาศัยนีวรณิยธรรม เกิดขึ้น ฯลฯ
โลกิยทุกะฉันใด นีวรณิยทุกะก็พึงกระทำฉันนั้น ไม่มีแตกต่างกัน พึง
ประกอบนิวรณ์ด้วยนิวรณ์ ๘ ครั้ง คือ กามฉันทะ ๒ ครั้ง ปฏิฆะ ๔ ครั้ง อุทธัจจะ อุด ทัด จะ //
และวิจิกิจฉาสองอย่างนี้ อย่างละครั้ง มาติกาแห่งนีวรณทุกะ ได้ทำไว้แล้วใน
วารนี้




<CENTER>นีวรณิยทุกะ จบ
</CENTER>ขอบพระคุณเจ้าค่ะ;41

อนุโมทนาจ้ะ

 

ถามคำอ่านจ้าพี่ชาย

<CENTER>นีวรณสัมปยุตตทุกะ//
นี วอ ระ นะ สำ ปะ ยุด ตะ ทุ กะ



</CENTER><CENTER>ปฏิจจวาร//</CENTER><CENTER>ปะ ติด จะ วา ระ </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>[๖๑๑] นีวรณสัมปยุตตธรรม นี วอ ระ นะ สำ ปะ ยุด ตะ ทำ อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขัน สอง ละ ถึง
นีวรณวิปปยุตตธรรม นี วอ ระ นะ วิบ ปะ ยุด ตะ ทำ อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป จิด ตะ สะ หมุด ถาน นะ รูบ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม
นีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตต-
*ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณสัมปยุตต-
*ธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ
นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
คือ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นนีวรณวิปปยุตต-
*ธรรม ขันธ์ ๒ ฯลฯ ปฏิสนธิ ขัน สอง ละ ถึง ปะ ติ สน ธิ ตลอดถึงอัชฌัตติกมหาภูตรูป อัด ชัด ติ กะ มะ หา พู ตะ รูบ
นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม และนีวรณวิปปยุตต-
*ธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
คือ จิตตสมุฏฐานรูป อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่เป็นนีวรณสัมปยุตตธรรม
และมหาภูตรูป มะ หา พู ตะ รูบ ทั้งหลาย





<CENTER>ฯลฯ และอื่น ๆ
</CENTER>[๖๑๒] ในเหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๕
ในอารัมมณปัจจัย มี " ๒
ในอธิปติปัจจัย มี " ๕
ในนัตถิปัจจัย มี " ๒
ในวิคตปัจจัย มี " ๒
ในอวิคตปัจจัย มี " ๕
[๖๑๓] นีวรณสัมปยุตตธรรม อาศัยนีวรณสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่
เพราะเหตุปัจจัย
คือ อวิชชานิวรณ์ อาศัยขันธ์ทั้งหลายที่ สหรคตด้วยวิจิกิจฉา สะ หะ ระ คะ ตะ ด้วย วิ จิ กิด ฉา ที่ สหรคต สะ หะ ระ คะ ตะ
ด้วยอุทธัจจะ
นีวรณวิปปยุตตธรรม อาศัยนีวรณวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะ
เหตุปัจจัย
คือ นีวรณวิปปยุตตธรรม ซึ่งเป็นอเหตุกะ ฯลฯ อะ เห ตุ กะ และอื่น ๆ ตลอดถึงอสัญญสัตว์





<CENTER>ฯลฯ
</CENTER>[๖๑๔] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๒
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๓ ........................ " อ่าน มีหัวข้อปัจจัย ทุกอัน
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อนันตรปัจจัย มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่สมนันตรปัจจัย มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย อัน ยะ มัน ยะ ปัด ไจ มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย มี " ๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย มี " ๔
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจฉาชาตปัจจัย มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาเสวนปัจจัย มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย มี " ๒
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาหารปัจจัย อา หา ระ ปัด ไจ มี " ๑
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อินทริยปัจจัย มี " ๑
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ฌานปัจจัย ชา นะ ปัด ไจ มี " ๑
ในปัจจัยที่ไม่ใช่มัคคปัจจัย มี " ๑
ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย มี " ๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย มี " ๒
ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย นัด ถิ ปัด ไจ มี " ๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๓
[๖๑๕] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย
กับเหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่อธิปติปัจจัย
กับ ฯลฯ กับ เห ตุ ปัด ไจ มี " ๔
ในปัจจัยที่ไม่ใช่ปุเรชาตปัจจัย
กับ ฯลฯ กับ เห ตุ ปัด ไจ มี " ๔
ในปัจจัยที่ไม่ใช่กัมมปัจจัย
กับ ฯลฯ กับ เห ตุ ปัด ไจ มีหัวข้อปัจจัย ๒
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปากปัจจัย
กับ ฯลฯ กับ เห ตุ ปัด ไจ มี " ๕
ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย
กับ ฯลฯ กับ เห ตุ ปัด ไจ มี " ๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย
กับ ฯลฯ กับ เห ตุ ปัด ไจ มี " ๒
ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย
กับ ฯลฯ กับ เห ตุ ปัด ไจ มี " ๓
ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย
กับ ฯลฯ กับ เห ตุ ปัด ไจ มี " ๓
[๖๑๖] ในอารัมมณปัจจัย
กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีหัวข้อปัจจัย ๒ ฯลฯ
ในมัคคปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๑ ฯลฯ
มัก คะ ปัด ไจ กับ เห ตุ ปัด ไจ มี หัวข้อปัจจัย ๑ ละถึง
ในอวิคตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒
แม้สหชาตวาร สะ หะ ชา ตะ วา ระ ก็พึงกระทำอย่างที่กล่าวมาแล้ว

ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ(f)

อนุโมทนา

 

ปัจจนียานุโลมติกปัฏฐาน อ่านว่า ปัด จะ นี ยา นุ โลม มะ ติ กะ ปัด ถาน


นกุสลัตติกกุสลัตติกะ อ่านว่า นะ กุ สะ ลัด ติ กะ กุ สะ ลัด ติ กะ

อัพยากฤต อ่านว่า อับ พะ ยา กริด

อนุโมทนาจ้ะ​

 

<CENTER>ถามคำอ่านค่ะพี่ผ่อน เขียนคำอ่านใช้สีเขียวหรือสีอื่นที่ไม่ใช่สีดำ ต่อสีแดงไปเลยนะคะ ขออนุโมทนาบุญกับพี่ผ่อนด้วยค่ะ</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>นเวทนาตติกเวทนาตติกะ นะ เว ทะ นา ตะ ติ กะ เว ทะ นา ตะ ติ กะ</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>[๒๐] สุขายเวทนายสัมปยุตตธรรม สุ ขา ยะ เว ทะ นา ยะ สำ ปะ ยุด ตะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สุขายเวทนายสัมปยุตตธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
ทุกขายเวทนายสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สุขายเวทนายสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
อทุกขมสุขายเวทนายสัมปยุตตธรรม อะ ทุก ขะ มะ สุ ขา ยะ เว ทะ นา ยะ สำ ปะ ยุด ตะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สุขายเวทนายสัมปยุตตธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๒๑] ทุกขายเวทนายสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ทุกขายเวทนายสัมปยุตตธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สุขายเวทนายสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ทุกขายเวทนายสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
อทุกขมสุขายเวทนายสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ทุกขายเวทนายสัมปยุตตธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๒๒] อทุกขมสุขายเวทนายสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อทุกขมสุขายเวทนาย-
*สัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สุขายเวทนายสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อทุกขมสุขายเวทนายสัมปยุตตธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
ทุกขายเวทนายสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อทุกขมสุขายเวทนายสัมปยุตตธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย




<CENTER>ฯลฯ
</CENTER>[๒๓] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๒๑
ในอธิปติปัจจัย มี " ๒๑
ในอวิคตปัจจัย มี " ๒๑





<CENTER>นวิปากัตติกวิปากัตติกะ น วิ ปา กัด ติ กะ วิ ปา กัด ติ กะ
</CENTER>[๒๔] วิปากธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่วิปากธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
วิปากธัมมธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่วิปากธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๕ นัย
วิปากธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่วิปากธัมมธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
เนววิปากนวิปากธัมมธรรม เน วะ วิ ปา กะ นะ วิ ปา กะ ทำ มะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่วิปากธัมมธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๓ นัย
เนววิปากนวิปากธัมมธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เนววิปากนวิปากธัมมธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
วิปากธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เนววิปากนวิปากธัมมธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
มี ๕ นัย
[๒๕] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๒๒





<CENTER>นอุปาทินนุปาทานิยัตติกอุปาทินนุปาทานิยัตติกะ อ นุ ปา ทิน นุ ปา ทา นิ ยัด ติ กะ อุ ปา ทิน นุ ปา ทา นิ ยัด ติ กะ</CENTER><CENTER>
</CENTER>[๒๖] อนุปาทินนุปาทานิยธรรม อ นุ ปา ทิน นุ ปา ทา นิ ยะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อุปาทินนุปาทานิยธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
อนุปาทินนุปาทานิยธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อนุปาทินนุปาทานิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๕ นัย
อุปาทินนุปาทานิยธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อนุปาทินนอนุปาทานิยธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๓ นัย
อนุปาทินนุปาทานิยธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อุปาทินนุปาทานิยธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
อนุปาทินนอนุปาทานิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๑ นัย
อุปาทินนุปาทานิยธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อนุปาทินนุปาทานิยธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
อนุปาทินนอนุปาทานิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
อนุปาทินนุปาทานิยธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อุปาทินนุปาทานิยธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
อนุปาทินนุปาทานิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
[๒๗] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๑๘





<CENTER>นสังกิลิฏฐสังกิเลสิกัตติกสังกิลิฏฐสังกิเลสิกัตติกะ นะ สัง กิ ลิด ถะ สัง กิ เล สิ กัด ติ กะ สัง กิ ลิด ถะ สัง กิ เล สิ กัด ติ กะ</CENTER><CENTER>
</CENTER>[๒๘] อสังกิลิฏฐสังกิเลสิกธรรม อะ สัง กิ ลิด ถะ สัง กิ เล สิ กะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สังกิลิฏฐสังกิเลสิกธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
อสังกิลิฏฐอสังกิเลสิกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สังกิลิฏฐสังกิเลสิกธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
อสังกิลิฏฐสังกิเลสิกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อสังกิลิฏฐสังกิเลสิกธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย มี ๕ นัย
สังกิลิฏฐสังกิเลสิกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อสังกิลิฏฐอสังกิเลสิกธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
อสังกิลิฏฐสังกิเลสิกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อสังกิลิฏฐอสังกิเลสิกธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
[๒๙] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๑๘





<CENTER>นสวิตักกัตติกสวิตักกัตติกะ น สะ วิ ตัก กัด ติ กะ สะ วิ ตัก กัด ติ กะ
</CENTER>[๓๐] สวิตักกสวิจารธรรม สะ วิ ตัก กะ สะ วิ จา ระ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สวิตักกสวิจารธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
อวิตักกวิจารมัตตธรรม อะ วิ ตัก กะ วิ จา ระ มัด ตะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สวิตักกสวิจารธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อวิตักกอวิจารธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สวิตักกสวิจารธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อวิตักกวิจารมัตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อวิตักกวิจารมัตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๗ นัย
อวิตักกอวิจารธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อวิตักกอวิจารธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
มี ๗ นัย
[๓๑] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๔๙





<CENTER>นปีติตติกปีติตติกะ น ปี ติ ตะ ติ กะ ปี ติ ตะ ติ กะ
</CENTER>[๓๒] ปีติสหคตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปีติสหคตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
มี ๔ นัย
สุขสหคตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สุขสหคตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๔ นัย
อุเบกขาสหคตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อุเบกขาสหคตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
ปีติสหคตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อุเบกขาสหคตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๔ นัย
[๓๓] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๒๘





<CENTER>นทัสสนัตติกทัสสนัตติกะ นะ ทัด สะ นัด ติ กะ ทัด สะ นัด ติ กะ
</CENTER>[๓๔] ภาวนายปหาตัพพธรรม พา วะ นา ยะ ปะ หา ตับ พะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพธรรม เน วะ ทัด สะ เน นะ นะ พา วะ นา ยะ ปะ หา ตับ พะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
ทัสสเนนปหาตัพพธรรม ทัด สะ เน นะ ปะ หา ตับ พะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ภาวนายปหาตัพพธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ภาวนายปหาตัพพธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เนวทัสสเนนนภาวนายปหา-
*ตัพพธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
ทัสสเนนปหาตัพพธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เนวทัสสเนนนภาวนายปหาตัพพธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย ฯลฯ มี ๕ นัย
[๓๕] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๑๘





<CENTER>นทัสสเนนปหาตัพพเหตุกัตติกทัสสเนนปหาตัพพเหตุกัตติกะ นะ ทัด สะ เน นะ ปะ หา ตับ พะ เห ตุ กัด ติ กะ ทัด สะ เน นะ ปะ หา ตับ พะ เห ตุ กัด ติ กะ
</CENTER>[๓๖] ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ทัสสเนนปหาตัพพเหตุกธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๓๗] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๒๖





<CENTER>นอาจยคามิตติกอาจยคามิตติกะ นะ อา จะ ยะ คา มิ ตะ ติ กะ อา จะ ยะ คา มิ ตะ ติ กะ
</CENTER>[๓๘] อปจยคามิธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาจยคามิธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
มี ๑๘ นัย




<CENTER>นเสกขัตติกเสกขัตติกะ นะ เส กะ ขัด ติ กะ เส กะ ขัด ติ กะ
</CENTER>[๓๙] อเสกขธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เสกขธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๑๘ นัย

อนุโมทนาจ้ะ

 

<CENTER>นปริตตัตติกปริตตัตติกะ นะ ปะ ริด ตัด ติ กะ ปะ ริด ตัด ติ กะ
</CENTER>[๔๐] ปริตตธรรม ปะ ริด ตะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปริตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๒๒ นัย




<CENTER>นปริตตารัมมณัตติกปริตตารัมมณัตติกะ น ปะ ริด ตา รำ มะ นัด ติ กะ ปะ ริด ตา รำ มะ นัด ติ กะ
</CENTER>[๔๑] ปริตตารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปริตตารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๑๓ นัย




<CENTER>นหีนัตติกหีนัตติกะ นะ ฮี นัด ติ กะ ฮี นัด ติ กะ
</CENTER>[๔๒] มัชฌิมธรรม มัด ชิ มะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่หีนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๑๘ นัย


<CENTER>นมิจฉัตตัตติกมิจฉัตตัตติกะ นะ มิด ฉัด ตัด ติ กะ มิด ฉัด ตัด ติ กะ
</CENTER>[๔๓] สัมมัตตนิยตธรรม สำ มัด ตะ นิ ยะ ตะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่มิจฉัตตนิยตธรรม มิด ฉัด ตะ นิ ยะ ตะ ทำ เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๑๘ นัย


<CENTER> </CENTER>
<CENTER>นมัคคารัมมณัตติกมัคคารัมมณัตติกะ นะ มัก คา รำ มะ นัด ติ กะ มัก คา รำ มะ นัด ติ กะ
</CENTER>[๔๔] มัคคเหตุกธรรม มัก คะ เห ตุ กะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่มัคคารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
มี ๑๐ นัย




<CENTER>นอุปปันนัตติกอุปปันนัตติกะ นะ อุบ ปัน นัด ติ กะ อุบ ปัน นัด ติ กะ
</CENTER>[๔๕] ธรรมที่ไม่ใช่อนุปันนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปันนธรรม โดยเหตุปัจจัย
[๔๕] ธรรมที่ไม่ใช่อนุปันนธรรม อะ นุ ปัน นะ ทำ เป็นปัจจัยแก่อุปปันนธรรม อุบ ปัน นะ ทำ โดยเหตุปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่อุปาทิธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปันนธรรม โดยเหตุปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่อนุปปันนธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อุปาทิธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปปันนธรรม
โดยเหตุปัจจัย
[๔๖] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๓




<CENTER>นอตีตัตติกอตีตัตติกะ นะ อะ ตี ตัด ติ กะ อะ ตี ตัด ติ กะ
</CENTER>[๔๗] ธรรมที่ไม่ใช่อตีตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปัจจุปปันนธรรม โดยเหตุปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่อนาคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปัจจุปปันนธรรม โดยเหตุปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่อตีตธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อนาคตธรรม เป็นปัจจัยแก่ปัจจุปปันนธรรม
โดยเหตุปัจจัย
[๔๘] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๓




<CENTER>นอตีตารัมมณัตติกอตีตารัมมณัตติกะ นะ อะ ตี ตา รำ มะ นัด ติ กะ อะ ตี ตา รำ มะ นัด ติ กะ
</CENTER>[๔๙] อตีตารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อตีตารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อนาคตารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อตีตารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
ปัจจุปปันนารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อตีตารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
มี ๓ นัย
อตีตารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อนาคตรัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
ปัจจุปปันนารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อนาคตารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
มี ๒ นัย
ปัจจุปปันนารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปัจจุปปันนารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
อตีตารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปัจจุปปันนารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อนาคตารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปัจจุปปันนารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
มี ๓ นัย
[๕๐] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๑๕




<CENTER>นอัชฌัตตัตติกอัชฌัตตัตติกะ นะ อัด ชัด ตัด ติ กะ อัด ชัด ตัด ติ กะ
</CENTER>[๕๑] พหิทธาธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อัชฌัตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๑ นัย
อัชฌัตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่พาหิทธาธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๑ นัย
[๕๒] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๒




<CENTER>นอัชฌัตตารัมมณัตติกอัชฌัตตารัมมณัตติกะ นะ อัด ชัด ตา รำ มะ นัด ติ กะ อัด ชัด ตา รำ มะ นัด ติ กะ
</CENTER>[๕๓] อัชฌัตตารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อัชฌัตตารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๒ นัย
พหิทธารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่พหิทธารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
มี ๒ นัย
[๕๔] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๖




<CENTER>นสนิทัสสนัตติกสนิทัสสนนัตติกะ นะ สะ นิ ทัด สะ นัด ติ กะ สะ นิ ทัด สะ นัด ติ กะ</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>หมายเหตุ นสนิทัสสนัตติกสนิทัสสนนัตติกะ น.หนู ตัวนี้เกินมา พิมพ์ผิด</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER>[๕๕] สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสน-
*สัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสน-
*สัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสน-
*สัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม และอนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม
อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๗ นัย
อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
สนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อนิทัสสนสัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๗ นัย
อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อนิทัสสนอัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๗ นัย
[๕๖] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๓๕




<CENTER>ปัญหาวารพึงให้พิสดาร



</CENTER><CENTER>ปัจจนียานุโลมติกปัฏฐาน จบ.</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>อนุโมทนาจ้ะ</CENTER>

 

รบกวนพี่ผ่อนค่ะ



<CENTER>ปัจจนียานุโลมทุกปัฏฐาน ปัด จะ นี ยา นุ โลม มะ ทุ กะ ปัด ถาน


</CENTER><CENTER>นเหตุทุกเหตุทุกะ นะ เห ตุ ทุ กะ เห ตุ ทุ กะ
</CENTER>[๕๗] เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม นะ เห ตุ ทำ เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
เหตุธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
นเหตุธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
เหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
นเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นเหตุธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
เหตุธรรม และนเหตุธรรม อาศัยนเหตุธรรม และธรรมที่ไม่ใช่นเหตุธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
[๕๘] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙
ในอารัมมณปัจจัย มี " ๙
ในอวิคตปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>สหชาตวารก็ดี ปัญหาวารก็ดี พึงให้พิสดาร


</CENTER><CENTER>นสเหตุกทุกสเหตุกทุกะ น สะ เห ตุ กะ ทุ กะ สะ เห ตุ กะ ทุ กะ
</CENTER>[๕๙] สเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๓ นัย
อเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๓ นัย
สเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อเหตุกธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
อเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อเหตุกธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
สเหตุกธรรม และอเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สเหตุกธรรม และธรรมที่ไม่ใช่
อเหตุกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
[๖๐] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นเหตุสัมปยุตตทุกเหตุสัมปยุตตทุกะ นะ เห ตุ สำ ปะ ยุด ตะ ทุ กะ เห ตุ สำ ปะ ยุด ตะ ทุ กะ
</CENTER>[๖๑] เหตุสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เหตุสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
[๖๒] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นเหตุสเหตุกทุกเหตุสเหตุกทุกะ นะ เห ตุ สะ เห ตุ กะ ทุ กะ เห ตุ สะ เห ตุ กะ ทุ กะ
</CENTER>[๖๓] เหตุธรรม และสเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เหตุธรรม และไม่ใช่อเหตุกธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๖๔] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นเหตุเหตุสัมปยุตตทุกเหตุเหตุสัมปยุตตทุกะ นะ เห ตุ เห ตุ สำ ปะ ยุด ตะ ทุ กะ เห ตุ เห ตุ สำ ปะ ยุด ตะ ทุ กะ
</CENTER>[๖๕] เหตุธรรม และเหตุสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เหตุธรรม และไม่ใช่เหตุ-
*วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๖๖] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นเหตุนสเหตุกทุกนเหตุสเหตุกทุกะ นะ เห ตุ นะ สะ เห ตุ กะ ทุ กะ นะ เห ตุ สะ เห ตุ กะ ทุ กะ
</CENTER>[๖๗] นเหตุสเหตุกธรรม อาศัยธรรมที่เป็นนเหตุธรรม แต่ไม่ใช่สเหตุกธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
[๖๘] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นสัปปัจจยทุกสัปปัจจยทุกะ
</CENTER>[๖๙] สัปปัจจยธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อัปปัจจยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๗๐] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๑



<CENTER>นสังขตทุกสังขตทุกะ
</CENTER>[๗๑] สังขตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อสังขตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๗๒] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๑



<CENTER>นสนิทัสสนทุกสนิทัสสนทุกะ นะ สะ นิ ทัด สะ นะ ทุ กะ สะ นิ ทัด สะ นะ ทุ กะ
</CENTER>[๗๓] สนิทัสสนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อนิทัสสนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สนิทัสสนธรรม และอนิทัสสนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสนธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
[๗๔] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๓
[๗๕] ธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่สนิทัสสนธรรม โดยเหตุปัจจัย
[๗๖] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๓
[๗๗] ธรรมที่ไม่ใช่สนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม โดยอารัมมณปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่อนิทัสสนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนิทัสสนธรรม โดยอารัมมณปัจจัย



<CENTER>นสัปปฏิฆทุกสัปปฏิฆทุกะ นะ สับ ปะ ติ คะ ทุ กะ สับ ปะ ติ คะ ทุ กะ
</CENTER>[๗๘] สัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๓ นัย
อัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๓ นัย
สัปปฏิฆธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัปปฏิฆธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อัปปฏิฆธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
[๗๙] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นรูปีทุกรูปีทุกะ นะ รู ปี ทุ กะ รู ปี ทุ กะ
</CENTER>[๘๐] รูปีธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่รูปีธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๘๑] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นโลกิยทุกโลกิยทุกะ
</CENTER>[๘๒] โลกิยธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่โลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
โลกุตตรธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่โลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
โลกิยธรรม และโลกุตตรธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่โลกิยธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
โลกิยธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่โลกุตตรธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
โลกิยธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่โลกิยธรรม และธรรมที่ไม่ใช่โลกุตตรธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
[๘๓] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๕



<CENTER>นเกนจิวิญเญยยทุกเกนจิวิญเญยยทุกะ นะ เก นะ จิ วิน เยย ยะ ทุ กะ เก นะ จิ วิน เยย ยะ ทุ กะ
</CENTER>[๘๔] เกนจิวิญเญยยธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เกนจิวิญเญยยธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
[๘๕] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙

อนุโมทนาจ้ะ

 

<CENTER>นอาสวทุกอาสวทุกะ นะ อา สะ วะ ทุ กะ อา สะ วะ ทุ กะ
</CENTER>[๘๖] อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มีวาระ ๓
ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ
ปัจจัย
อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
อาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
[๘๗] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นสาสวทุกสาสวทุกะ นะ สา สะ วะ ทุ กะ สา สะ วะ ทุ กะ
</CENTER>[๘๘] สาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อนาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สาสวธรรม และอนาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
มี ๓ นัย
สาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อนาสวธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๑ นัย
สาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สาสวธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อนาสวธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย มี ๑ นัย
[๘๙] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๕



<CENTER>นอาสวสัมปยุตตทุกอาสวสัมปยุตตทุกะ นะ อา สะ วะ สำ ปะ ยุด ตะ ทุ กะ อา สะ วะ สำ ปะ ยุด ตะ ทุ กะ
</CENTER>[๙๐] อาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
[๙๑] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นอาสวสาสวทุกอาสวสาสวทุกะ นะ อา สะ วะ สา สะ วะ ทุ กะ อา สะ วะ สา สะ วะ ทุ กะ
</CENTER>[๙๒] อาสวะและสาสวธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรมและไม่ใช่อนาสวธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๙๓] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นอาสวอาสวสัมปยุตตทุกอาสวอาสวสัมปยุตตทุกะ นะ อา สะ วะ อา สะ วะ สำ ปะ ยุด ตะ ทุ กะ อา สะ วะ อา สะ วะ สำ ปะ ยุด ตะ ทุ กะ
</CENTER>[๙๔] อาสวะและอาสวสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อาสวธรรมและไม่ใช่อาสว-
*วิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๙๕] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>อาสววิปปยุตตนสาสวทุกอาสววิปปยุตตสาสวทุกะ อา สะ วะ วิป ปะ ยุด ตะ นะ สา สะ วะ ทุ กะ อา สะ วะ วิบ ปะ ยุด ตะ สา สะ วะ ทุ กะ
</CENTER>[๙๖] อาสววิปปยุตตสาสวธรรม อาศัยธรรมที่เป็นอาสววิปปยุตต แต่ไม่ใช่สาสวธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๙๗] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๕



<CENTER>ฉโคจฉกทุกฉโคจฉกทุกะ ฉะ โคด ฉะ กะ ทุ กะ ฉะ โคด ฉะ กะ ทุ กะ
</CENTER>[๙๘] สัญโญชนธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สัญโญชนธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
คันถธรรม คัน ถะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่คันถธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
โอฆธรรม โอ คะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่โอฆธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
โยคธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่โยคธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
นีวรณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่นีวรณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
ปรามาสธรรม ปรา มา สะ ทำ ปรา คำนี้ควบกล้ำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ปรามาสธรรม ปรา มาด สะ ทำเกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย



<CENTER>นสารัมมณทุกสารัมมณทุกะ
</CENTER>[๙๙] สารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อนารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
สารัมมณธรรม และอนารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สารัมมณธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
อนารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่อนารัมมณธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
สารัมมณธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่สารัมมณธรรม และธรรมที่ไม่ใช่อนารัมมณธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ นัย
[๑๐๐] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙

อนุโมทนาจ้ะ

 

<CENTER>นจิตตทุกจิตตทุกะ นะ จิด ตะ ทุ กะ จิด ตะ ทุ กะ
</CENTER>[๑๐๑] จิตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่จิตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
จิตตธรรม และธรรมที่ไม่ใช่จิตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย มี ๓ นัย
ธรรมที่ไม่ใช่จิตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่ธรรมที่ไม่ใช่จิตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-
*ปัจจัย มี ๑ นัย
ธรรมที่ไม่ใช่จิตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตธรรม และธรรมที่ไม่ใช่ธรรมที่ไม่ใช่
จิตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย มี ๑ นัย
[๑๐๒] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๕



<CENTER>นเจตสิกทุกเจตสิกทุกะ นะ เจ ตะ สิ กะ ทุ กะ เจ ตะ สิ กะ ทุ กะ
</CENTER>[๑๐๓] เจตสิกธรรม เจ ตะ สิ กะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เจตสิกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
อเจตสิกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เจตสิกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
เจตสิกธรรม และอเจตสิกธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่เจตสิกธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-
*ปัจจัย
[๑๐๔] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นจิตตสัมปยุตตทุกจิตตสัมปยุตตทุกะ นะ จิด ตะ สำ ปะ ยุด ตะ ทุ กะ จิด ตะ สำ ปะ ยุด ตะ ทุ กะ
</CENTER>[๑๐๕] จิตตสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-
*ปัจจัย
จิตตวิปปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
จิตตสัมปยุตตธรรม และจิตตวิปปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสัมปยุตตธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
จิตตวิปปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
จิตตสัมปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตวิปปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
จิตตสัมปยุตตธรรม และจิตตวิปปยุตตธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตวิปปยุตตธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย ฯลฯ
[๑๐๖] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นจิตตสังสัฏฐทุกจิตตสังสัฏฐทุกะ นะ จิด ตะ สัง สัด ถะ ทุ กะ จิด ตะ สัง สัด ถะ ทุ กะ
</CENTER>[๑๐๗] จิตตสังสัฏฐธรรม จิด ตะ สัง สัด ถะ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสังสัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-
*ปัจจัย
จิตตวิสังสัฏฐธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสังสัฏฐธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
จิตตสังสัฏฐธรรม และจิตตวิสังสัฏฐธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสังสัฏฐธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย
[๑๐๘] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นจิตตสมุฏฐานทุกจิตตสมุฏฐานทุกะ นะ จิด ตะ สะ หมุด ถา นะ ทุ กะ จิด ตะ สะ หมุด ถา นะ ทุ กะ
</CENTER>[๑๐๙] จิตตสมุฏฐานธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสมุฏฐานธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-
*ปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่จิตตสมุฏฐานธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสมุฏฐานธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
จิตตสมุฏฐานธรรม และธรรมที่ไม่ใช่จิตตสมุฏฐานธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสมุฏ-
*ฐานธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๑๑๐] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นจิตตสหภูทุกจิตตสหภูทุกะ นะ จิด ตะ สะ หะ พู ทุ กะ จิด ตะ สะ หะ พู ทุ กะ
</CENTER>[๑๑๑] จิตตสหภูธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสหภูธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
ธรรมที่ไม่ใช่จิตตสหภูธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสหภูธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
จิตตสหภูธรรม และธรรมที่ไม่ใช่จิตตสหภูธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสหภูธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๑๑๒] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นจิตตานุปริวัตติทุกจิตตานุปริวัตติทุกะ นะ จิด ตา นุ ปะ ริ วัด ติ ทุ กะ จิด ตา นุ ปะ ริ วัด ติ ทุ กะ
</CENTER>[๑๑๓] จิตตานุปริวัตติธรรม จิด ตา นุอาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตานุปริวัตติธรรม [๑๑๓] จิตตานุปริวัตติธรรม จิด ตา นุ ปะ ริ วัด ติ ทำ อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตานุปริวัตติธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ-
*ปัจจัย

ธรรมที่ไม่ใช่จิตตานุปริวัตติธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตานุปริวัตติธรรม เกิดขึ้น เพราะ
เหตุปัจจัย
จิตตานุปริวัตติธรรม และธรรมที่ไม่ใช่จิตตานุปริวัตติธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตานุ-
*ปริวัตติธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๑๑๔] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ นะ จิด ตะ สัง สัด ถะ สะ หมุด ถา นะ ทุ กะ จิด ตะ สัง สัด ถะ สะ หมุด ถา นะ ทุ กะ
</CENTER>[๑๑๕] จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานธรรม
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๑๑๖] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภูทุกจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภูทุกะ
</CENTER>[๑๑๗] จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภูธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสังสัฏฐสมุฏฐาน-
*สหภูธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๑๑๘] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙



<CENTER>นจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานานุปริวัตติทุกะ


</CENTER><CENTER>จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานานุปริวัตติทุกะ
</CENTER>[๑๑๙] จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานานุปริวัตติธรรม อาศัยธรรมที่ไม่ใช่จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานา-
*นุปริวัตติธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย
[๑๒๐] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๙

อนุโมทนาจ้ะ